Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) |
๒. อาหารวโคฺค
2. Āhāravaggo
๑. อาหารสุตฺตวณฺณนา
1. Āhārasuttavaṇṇanā
๑๑. อาหรนฺตีติ อาเนนฺติ อุปฺปาเทนฺติ, อุปตฺถเมฺภนฺตีติ อโตฺถฯ นิพฺพตฺตาติ ปสุตาฯ ภูตา นาม ยสฺมา ตโต ปฎฺฐาย โลเก ชาตโวหาโร ปฎิสนฺธิคฺคหณโต ปน ปฎฺฐาย ยาว มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขโนฺต, ตาว สมฺภเวสิโน, เอส ตาว คพฺภเสยฺยเกสุ ภูตสมฺภเวสิวิภาโค, อิตเรสุ ปน ปฐมจิตฺตาทิวเสน วุโตฺตฯ สมฺภว-สโทฺท เจตฺถ คพฺภเสยฺยกานํ วเสน ปสูติปริยาโย, อิตเรสํ วเสน อุปฺปตฺติปริยาโยฯ ปฐมจิตฺตปฐมอิริยาปถกฺขเณสุ หิ เต สมฺภวํ อุปฺปตฺติํ เอสนฺติ อุปคจฺฉนฺติ นาม, น ตาว ภูตา อุปปตฺติยา น สุปฺปติฎฺฐิตตฺตา, ภูตา เอว สพฺพโส ภเวสนาย สมุจฺฉินฺนตฺตาฯ น ปุน ภวิสฺสนฺตีติ อวธารเณน นิวตฺติตมตฺถํ ทเสฺสติฯ โย จ ‘‘กาลฆโส ภูโต’’ติอาทีสุ ภูต-สทฺทสฺส ขีณาสววาจิตา ทฎฺฐพฺพาฯ วา-สโทฺท เจตฺถ สมฺปิณฺฑนโตฺถ ‘‘อคฺคินา วา อุทเกน วา’’ติอาทีสุ วิยฯ
11.Āharantīti ānenti uppādenti, upatthambhentīti attho. Nibbattāti pasutā. Bhūtā nāma yasmā tato paṭṭhāya loke jātavohāro paṭisandhiggahaṇato pana paṭṭhāya yāva mātukucchito nikkhanto, tāva sambhavesino, esa tāva gabbhaseyyakesu bhūtasambhavesivibhāgo, itaresu pana paṭhamacittādivasena vutto. Sambhava-saddo cettha gabbhaseyyakānaṃ vasena pasūtipariyāyo, itaresaṃ vasena uppattipariyāyo. Paṭhamacittapaṭhamairiyāpathakkhaṇesu hi te sambhavaṃ uppattiṃ esanti upagacchanti nāma, na tāva bhūtā upapattiyā na suppatiṭṭhitattā, bhūtā eva sabbaso bhavesanāya samucchinnattā. Na puna bhavissantīti avadhāraṇena nivattitamatthaṃ dasseti. Yo ca ‘‘kālaghaso bhūto’’tiādīsu bhūta-saddassa khīṇāsavavācitā daṭṭhabbā. Vā-saddo cettha sampiṇḍanattho ‘‘agginā vā udakena vā’’tiādīsu viya.
ยถาสกํ ปจฺจยภาเวน อตฺตภาวสฺส ปฐปนเมเวตฺถ อาหาเรหิ กาตพฺพอนุคฺคโห โหตีติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘วจนเภโท…เป.… เอโก เยวา’’ติฯ สตฺตสฺส อุปฺปนฺนธมฺมานนฺติ สตฺตสฺส สนฺตาเน อุปฺปนฺนธมฺมานํฯ ยถา ‘‘วสฺสสตํ ติฎฺฐตี’’ติ วุเตฺต อนุปฺปพนฺธวเสน ปวตฺตตีติ วุตฺตํ โหติ, เอวํ ฐิติยาติ อนุปฺปพนฺธวเสน ปวตฺติยาติ อโตฺถ, สา ปน อวิเจฺฉโทติ อาห ‘‘อวิเจฺฉทายา’’ติฯ อนุปฺปพนฺธธมฺมุปฺปตฺติยา สตฺตสนฺตาโน อนุคฺคหิโต นาม โหตีติ อาห ‘‘อนุปฺปนฺนานํ อุปฺปาทายา’’ติฯ เอตานีติ ฐิติอนุคฺคหปทานิฯ อุภยตฺถ ทฎฺฐพฺพานิ น ยถาสมฺพนฺธโตฯ
Yathāsakaṃ paccayabhāvena attabhāvassa paṭhapanamevettha āhārehi kātabbaanuggaho hotīti adhippāyenāha ‘‘vacanabhedo…pe… eko yevā’’ti. Sattassa uppannadhammānanti sattassa santāne uppannadhammānaṃ. Yathā ‘‘vassasataṃ tiṭṭhatī’’ti vutte anuppabandhavasena pavattatīti vuttaṃ hoti, evaṃ ṭhitiyāti anuppabandhavasena pavattiyāti attho, sā pana avicchedoti āha ‘‘avicchedāyā’’ti. Anuppabandhadhammuppattiyā sattasantāno anuggahito nāma hotīti āha ‘‘anuppannānaṃ uppādāyā’’ti. Etānīti ṭhitianuggahapadāni. Ubhayattha daṭṭhabbāni na yathāsambandhato.
วตฺถุคตา โอชา วตฺถุ วิย เตน สทฺธิํ อโชฺฌหริตพฺพตํ คจฺฉตีติ วุตฺตํ ‘‘อโชฺฌหริตพฺพโก อาหาโร’’ติ, นิพฺพตฺติตโอชํ ปน สนฺธาย ‘‘กพฬีกาโร อาหาโร โอชฎฺฐมกรูปานิ อาหรตี’’ติ วกฺขติฯ โอฬาริกตา อโปฺปชตาย น วตฺถุโน ถูลตาย กถินตาย วา, ตสฺมา ยสฺมิํ วตฺถุสฺมิํ ปริตฺตา โอชา โหติ, ตํ โอฬาริกํฯ สปฺปาทโย ทุกฺขุปฺปาทกตาย โอฬาริกา เวทิตพฺพาฯ วิสาณาทีนํ ติวสฺสฉฑฺฑิตานํ ปูติภูตตฺตา มุทุกตาติ วทนฺติฯ ตรจฺฉเขฬเตมิตตาย ปน ตถาภูตานํ เตสํ มุทุกตาฯ ธมฺมสภาโว เหสฯ สสานํ อาหาโร สุขุโม ตรุณติณสสฺสขาทนโตฯ สกุณานํ อาหาโร สุขุโม ติณพีชาทิขาทนโตฯ ปจฺจนฺตวาสีนํ อาหาโร สุขุโม มาสมุคฺคกุราทิโภชนตฺตาฯ เตสนฺติ ปรนิมฺมิตวสวตฺตีนํฯ สุขุโมเตฺววาติ น กิญฺจิ อุปาทาย, อถ โข สุขุโมอิเจฺจว นิฎฺฐํ ปโตฺต ตโต ปรมสุขุมสฺส อภาวโตฯ
Vatthugatā ojā vatthu viya tena saddhiṃ ajjhoharitabbataṃ gacchatīti vuttaṃ ‘‘ajjhoharitabbako āhāro’’ti, nibbattitaojaṃ pana sandhāya ‘‘kabaḷīkāro āhāro ojaṭṭhamakarūpāni āharatī’’ti vakkhati. Oḷārikatā appojatāya na vatthuno thūlatāya kathinatāya vā, tasmā yasmiṃ vatthusmiṃ parittā ojā hoti, taṃ oḷārikaṃ. Sappādayo dukkhuppādakatāya oḷārikā veditabbā. Visāṇādīnaṃ tivassachaḍḍitānaṃ pūtibhūtattā mudukatāti vadanti. Taracchakheḷatemitatāya pana tathābhūtānaṃ tesaṃ mudukatā. Dhammasabhāvo hesa. Sasānaṃ āhāro sukhumo taruṇatiṇasassakhādanato. Sakuṇānaṃ āhāro sukhumo tiṇabījādikhādanato. Paccantavāsīnaṃ āhāro sukhumo māsamuggakurādibhojanattā. Tesanti paranimmitavasavattīnaṃ. Sukhumotvevāti na kiñci upādāya, atha kho sukhumoicceva niṭṭhaṃ patto tato paramasukhumassa abhāvato.
วตฺถุวเสน ปเนตฺถ อาหารสฺส โอฬาริกสุขุมตา วุตฺตา, สา จสฺส อโปฺปชมโหชตาหิ เวทิตพฺพาติ ทเสฺสตุํ ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิมาหฯ ปริสฺสยนฺติ ขุทาวเสน อุปฺปนฺนํ วิหิํสํ สรีรทรถํฯ วิโนเทตีติ วตฺถุ ตสฺส วิโนทนมตฺตํ กโรติฯ น ปน สโกฺกติ ปาเลตุนฺติ สรีรํ ยาเปตุํ นปฺปโหติ นิโรชตฺตาฯ น สโกฺกติ ปริสฺสยํ วิโนเทตุํ อามาสยสฺส อปูรณโตฯ
Vatthuvasena panettha āhārassa oḷārikasukhumatā vuttā, sā cassa appojamahojatāhi veditabbāti dassetuṃ ‘‘ettha cā’’tiādimāha. Parissayanti khudāvasena uppannaṃ vihiṃsaṃ sarīradarathaṃ. Vinodetīti vatthu tassa vinodanamattaṃ karoti. Na pana sakkoti pāletunti sarīraṃ yāpetuṃ nappahoti nirojattā. Na sakkoti parissayaṃ vinodetuṃ āmāsayassa apūraṇato.
ฉพฺพิโธปีติ อิมินา กสฺสจิ ผสฺสสฺส อนวเสสิตพฺพตมาหฯ เทสนกฺกเมเนเวตฺถ ผสฺสาทีนํ ทุติยาทิตา, น อเญฺญน การเณนาติ อาห ‘‘เทสนานโย เอว เจสา’’ติอาทิฯ มนโส สเญฺจตนา น สตฺตสฺสาติ ทสฺสนตฺถํ มโนคหณํ ยถา ‘‘จิตฺตสฺส ฐิติ, เจโตวิมุตฺติ จา’’ติ อาห ‘‘มโนสเญฺจตนาติ เจตนาวา’’ติฯ จิตฺตนฺติ ยํ กิญฺจิ จิตฺตเมวฯ เอกราสิํ กตฺวาติ เอกชฺฌํ คเหตฺวา วิภาคํ อกตฺวา, สามเญฺญน คหิตาติ อโตฺถฯ ตตฺถ ลพฺภมานํ อุปาทิณฺณกาทิวิภาคํ ทเสฺสตุํ ‘‘กพฬีกาโร อาหาโร’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อาหารตฺถํ น สาเธนฺตีติ ตาทิสสฺส อาหารสฺส อนาหรณโตฯ ตทาปีติ ภิชฺชิตฺวา วิคตกาเลปิฯ อุปาทิณฺณกาหาโรติ วุจฺจนฺตีติ เกจิฯ อิทํ ปน อาจริยานํ น รุจฺจติ ตทา อุปาทิณฺณกรูปเสฺสว อภาวโตฯ ปฎิสนฺธิจิเตฺตเนว สหชาตาติ ลกฺขณวจนเมตํ, สพฺพายปิ กมฺมชรูปปริยาปนฺนาย โอชาย อตฺถิภาวสฺส อวิเจฺฉทปฺปวตฺติสมฺภวทสฺสนโตฺถฯ สตฺตมาติ อุปฺปนฺนทิวสโต ปฎฺฐาย ยาว สตฺตมทิวสาปิฯ รูปสนฺตติํ ปาเลติ ปเวณิฆฎนวเสนฯ อยเมวาติ กมฺมชโอชาฯ กมฺมชโอชํ ปน ปฎิจฺจ อุปฺปนฺนโอชา อกมฺมชตฺตา อนุปาทิณฺณอาหาโรเตฺวว เวทิตโพฺพฯ อนุปาทิณฺณกา ผสฺสาทโย เวทิตพฺพาติ อาเนตฺวา สมฺพโนฺธฯ โลกุตฺตรา ผสฺสาทโย กถนฺติ อาห ‘‘โลกุตฺตรา ปน รุฬฺหีวเสน กถิตา’’ติฯ ยสฺมา เตสํ กุสลานํ อุเปตปริยาโย นตฺถิ, ตสฺมา วิปากานํ อุปาทิณฺณปริยาโย นเตฺถวาติ อนุปาทิณฺณปริยาโยปิ รุฬฺหีวเสน วุโตฺตติ เวทิตโพฺพฯ
Chabbidhopīti iminā kassaci phassassa anavasesitabbatamāha. Desanakkamenevettha phassādīnaṃ dutiyāditā, na aññena kāraṇenāti āha ‘‘desanānayo eva cesā’’tiādi. Manaso sañcetanā na sattassāti dassanatthaṃ manogahaṇaṃ yathā ‘‘cittassa ṭhiti, cetovimutti cā’’ti āha ‘‘manosañcetanāti cetanāvā’’ti. Cittanti yaṃ kiñci cittameva. Ekarāsiṃ katvāti ekajjhaṃ gahetvā vibhāgaṃ akatvā, sāmaññena gahitāti attho. Tattha labbhamānaṃ upādiṇṇakādivibhāgaṃ dassetuṃ ‘‘kabaḷīkāro āhāro’’tiādi vuttaṃ. Āhāratthaṃ na sādhentīti tādisassa āhārassa anāharaṇato. Tadāpīti bhijjitvā vigatakālepi. Upādiṇṇakāhāroti vuccantīti keci. Idaṃ pana ācariyānaṃ na ruccati tadā upādiṇṇakarūpasseva abhāvato. Paṭisandhicitteneva sahajātāti lakkhaṇavacanametaṃ, sabbāyapi kammajarūpapariyāpannāya ojāya atthibhāvassa avicchedappavattisambhavadassanattho. Sattamāti uppannadivasato paṭṭhāya yāva sattamadivasāpi. Rūpasantatiṃ pāleti paveṇighaṭanavasena. Ayamevāti kammajaojā. Kammajaojaṃ pana paṭicca uppannaojā akammajattā anupādiṇṇaāhārotveva veditabbo. Anupādiṇṇakā phassādayo veditabbāti ānetvā sambandho. Lokuttarā phassādayo kathanti āha ‘‘lokuttarā pana ruḷhīvasena kathitā’’ti. Yasmā tesaṃ kusalānaṃ upetapariyāyo natthi, tasmā vipākānaṃ upādiṇṇapariyāyo natthevāti anupādiṇṇapariyāyopi ruḷhīvasena vuttoti veditabbo.
ปุเพฺพ ‘‘อาหาราติ ปจฺจยา’’ติ วุตฺตตฺตา ยทิ ปจฺจยโฎฺฐ อาหารโฎฺฐติอาทินา โจเทติ, อถ กสฺมา อิเม เอว จตฺตาโร วุตฺตาติ อถ กสฺมา จตฺตาโรว วุตฺตาฯ อิเม เอว จ วุตฺตาติ โยชนาฯ วิเสสปฺปจฺจยตฺตาติ เอเตน ยถา อเญฺญ ปจฺจยธมฺมา อตฺตโน ปจฺจยุปฺปนฺนสฺส ปจฺจยาว โหนฺติ, อิเม ปน ตถา จ โหติ อญฺญถา จาติ สมาเนปิ ปจฺจยเตฺต อติเรกปจฺจยา โหนฺติ, ตสฺมา ‘‘อาหาราติ วุตฺตา’’ติ อิมมตฺถํ ทเสฺสติฯ อิทานิ ตํ อติเรกปจฺจยตํ ทเสฺสตุํ ‘‘วิเสสปจฺจโย หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ วิเสสปฺปจฺจโย รูปกายสฺส กพฬีกาโร อาหาโร อุปถมฺภกภาวโตฯ เตนาห อฎฺฐกถายํ ‘‘รูปารูปานํ อุปถมฺภกเตฺตน อุปการกา จตฺตาโร อาหารา อาหารปจฺจโย’’ติ (วิสุทฺธิ. ๒.๖๐๘; ปฎฺฐา. อฎฺฐ. ปจฺจยุเทฺทสวณฺณนา)ฯ อุปถมฺภกตฺตญฺหิ สตีปิ ชนกเตฺต อรูปีนํ อาหารานํ อาหารชรูปสมุฎฺฐานกรูปาหารสฺส จ โหติ, อสติ ปน อุปถมฺภกเตฺต อาหารานํ ชนกตฺตํ นตฺถีติ อุปถมฺภกตฺตํ ปธานํฯ ชนยมาโนปิ หิ อาหาโร อวิเจฺฉทวเสน อุปถมฺภยมาโน เอว ชเนตีติ อุปถมฺภกภาโว เอว อาหารภาโวฯ เวทนาย ผโสฺส วิเสสปจฺจโยฯ ‘‘ผสฺสปจฺจยา เวทนา’’ติ หิ วุตฺตํฯ ‘‘สงฺขารปจฺจยา วิญฺญาณ’’นฺติ วจนโต วิญฺญาณสฺส มโนสเญฺจตนาฯ ‘‘เจตนา ติวิธํ ภวํ ชเนตี’’ติ หิ วุตฺตํฯ ‘‘วิญฺญาณปจฺจยา นามรูป’’นฺติ ปน วจนโต นามรูปสฺส วิญฺญาณํ วิเสสปจฺจโยฯ น หิ โอกฺกนฺตวิญฺญาณาภาเว นามรูปสฺส อตฺถิ สมฺภโวฯ ยถาห ‘‘วิญฺญาณญฺจ หิ, อานนฺท, มาตุกุจฺฉิสฺมิํ น โอกฺกมิสฺสถ, อปิ นุ โข นามรูปํ มาตุกุจฺฉิสฺมิํ สมุจฺจิสฺสถา’’ติอาทิ (ที. นิ. ๒.๑๑๕)ฯ วุตฺตเมวตฺถํ สุเตฺตน สาเธตุํ ‘‘ยถาหา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
Pubbe ‘‘āhārāti paccayā’’ti vuttattā yadi paccayaṭṭho āhāraṭṭhotiādinā codeti, atha kasmā ime eva cattāro vuttāti atha kasmā cattārova vuttā. Ime eva ca vuttāti yojanā. Visesappaccayattāti etena yathā aññe paccayadhammā attano paccayuppannassa paccayāva honti, ime pana tathā ca hoti aññathā cāti samānepi paccayatte atirekapaccayā honti, tasmā ‘‘āhārāti vuttā’’ti imamatthaṃ dasseti. Idāni taṃ atirekapaccayataṃ dassetuṃ ‘‘visesapaccayo hī’’tiādi vuttaṃ. Visesappaccayo rūpakāyassa kabaḷīkāro āhāro upathambhakabhāvato. Tenāha aṭṭhakathāyaṃ ‘‘rūpārūpānaṃ upathambhakattena upakārakā cattāro āhārā āhārapaccayo’’ti (visuddhi. 2.608; paṭṭhā. aṭṭha. paccayuddesavaṇṇanā). Upathambhakattañhi satīpi janakatte arūpīnaṃ āhārānaṃ āhārajarūpasamuṭṭhānakarūpāhārassa ca hoti, asati pana upathambhakatte āhārānaṃ janakattaṃ natthīti upathambhakattaṃ padhānaṃ. Janayamānopi hi āhāro avicchedavasena upathambhayamāno eva janetīti upathambhakabhāvo eva āhārabhāvo. Vedanāya phasso visesapaccayo. ‘‘Phassapaccayā vedanā’’ti hi vuttaṃ. ‘‘Saṅkhārapaccayā viññāṇa’’nti vacanato viññāṇassa manosañcetanā. ‘‘Cetanā tividhaṃ bhavaṃ janetī’’ti hi vuttaṃ. ‘‘Viññāṇapaccayā nāmarūpa’’nti pana vacanato nāmarūpassa viññāṇaṃ visesapaccayo. Na hi okkantaviññāṇābhāve nāmarūpassa atthi sambhavo. Yathāha ‘‘viññāṇañca hi, ānanda, mātukucchismiṃ na okkamissatha, api nu kho nāmarūpaṃ mātukucchismiṃ samuccissathā’’tiādi (dī. ni. 2.115). Vuttamevatthaṃ suttena sādhetuṃ ‘‘yathāhā’’tiādi vuttaṃ.
เอวํ ยทิปิ ปจฺจยโตฺถ อาหารโตฺถ, วิเสสปจฺจยตฺตา ปน อิเมว อาหาราติ วุตฺตาติ ตํ เนสํ วิเสสปจฺจยตํ อวิภาคโต ทเสฺสตฺวา อิทานิ วิภาคโต ทเสฺสตุํ ‘‘โก ปเนตฺถา’’ติอาทิ อารทฺธํฯ มุเข ฐปิตมโตฺต เอว อสงฺขาทิโต, ตตฺตเกนาปิ อพฺภนฺตรสฺส อาหารสฺส ปจฺจโย โหติ เอวฯ เตนาห ‘‘อฎฺฐ รูปานิ สมุฎฺฐาเปตี’’ติฯ สุขเวทนาย หิโต สุขเวทนีโยฯ สพฺพถาปีติ จกฺขุสมฺผสฺสาทิวเสนฯ ยตฺตกา ผสฺสสฺส ปการเภทา, เตสํ วเสน สพฺพปฺปกาโรปิ ผสฺสาหาโร ยถารหํ ติโสฺส เวทนา อาหรติ, อนาหารโก นตฺถิฯ
Evaṃ yadipi paccayattho āhārattho, visesapaccayattā pana imeva āhārāti vuttāti taṃ nesaṃ visesapaccayataṃ avibhāgato dassetvā idāni vibhāgato dassetuṃ ‘‘ko panetthā’’tiādi āraddhaṃ. Mukhe ṭhapitamatto eva asaṅkhādito, tattakenāpi abbhantarassa āhārassa paccayo hoti eva. Tenāha ‘‘aṭṭha rūpāni samuṭṭhāpetī’’ti. Sukhavedanāya hito sukhavedanīyo. Sabbathāpīti cakkhusamphassādivasena. Yattakā phassassa pakārabhedā, tesaṃ vasena sabbappakāropi phassāhāro yathārahaṃ tisso vedanā āharati, anāhārako natthi.
สพฺพถาปีติ อิธาปิ ผสฺสาหาเร วุตฺตนยานุสาเรน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ติสนฺตติวเสนาติ กายทสกํ ภาวทสกํ วตฺถุทสกนฺติ ติวิธสนฺตติวเสนฯ สหชาตาทิปจฺจยนเยนาติ สหชาตาทิปจฺจยวิธินาฯ ปฎิสนฺธิวิญฺญาณญฺหิ อตฺตนา สหชาตนามสฺส สหชาตอญฺญมญฺญวิปากินฺทฺริยสมฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตปจฺจเยหิ ปจฺจโย โหโนฺตเยว อาหารปจฺจยตาย ตํ อาหาเรติ วุตฺตํ, สหชาตรูเปสุ ปน วตฺถุโน สมฺปยุตฺตปจฺจยํ ฐเปตฺวา วิปฺปยุตฺตปจฺจเยน, เสสรูปานํ อญฺญมญฺญปจฺจยญฺจ ฐเปตฺวา อิตเรสํ ปจฺจยานํ วเสน โยชนา กาตพฺพาฯ ตานีติ นปุํสกนิเทฺทโส อนปุํสกานมฺปิ นปุํสเกหิ สห วจนโตฯ สาสวกุสลากุสลเจตนาว วุตฺตา วิเสสปจฺจยภาวทสฺสนํ เหตนฺติ, เตนาห ‘‘อวิเสเสน ปนา’’ติอาทิฯ ปฎิสนฺธิวิญฺญาณเมว วุตฺตนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ ยถา ตสฺส ตสฺส ผลสฺส วิเสสโต ปจฺจยตาย เอเตสํ อาหารโตฺถ, เอวํ อวิเสสโตปีติ ทเสฺสตุํ ‘‘อวิเสเสนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ตํสมฺปยุตฺตตํสมุฎฺฐานธมฺมานนฺติ เตหิ ผสฺสาทีหิ สมฺปยุตฺตธมฺมานเญฺจว ตํสมุฎฺฐานรูปธมฺมานญฺจฯ ตตฺถ สมฺปยุตฺตคฺคหณํ ยถารหโต ทฎฺฐพฺพํ, สมุฎฺฐานคฺคหณํ ปน อวิเสสโตฯ
Sabbathāpīti idhāpi phassāhāre vuttanayānusārena attho veditabbo. Tisantativasenāti kāyadasakaṃ bhāvadasakaṃ vatthudasakanti tividhasantativasena. Sahajātādipaccayanayenāti sahajātādipaccayavidhinā. Paṭisandhiviññāṇañhi attanā sahajātanāmassa sahajātaaññamaññavipākindriyasampayuttaatthiavigatapaccayehi paccayo hontoyeva āhārapaccayatāya taṃ āhāreti vuttaṃ, sahajātarūpesu pana vatthuno sampayuttapaccayaṃ ṭhapetvā vippayuttapaccayena, sesarūpānaṃ aññamaññapaccayañca ṭhapetvā itaresaṃ paccayānaṃ vasena yojanā kātabbā. Tānīti napuṃsakaniddeso anapuṃsakānampi napuṃsakehi saha vacanato. Sāsavakusalākusalacetanāva vuttā visesapaccayabhāvadassanaṃ hetanti, tenāha ‘‘avisesena panā’’tiādi. Paṭisandhiviññāṇameva vuttanti etthāpi eseva nayo. Yathā tassa tassa phalassa visesato paccayatāya etesaṃ āhārattho, evaṃ avisesatopīti dassetuṃ ‘‘avisesenā’’tiādi vuttaṃ. Tattha taṃsampayuttataṃsamuṭṭhānadhammānanti tehi phassādīhi sampayuttadhammānañceva taṃsamuṭṭhānarūpadhammānañca. Tattha sampayuttaggahaṇaṃ yathārahato daṭṭhabbaṃ, samuṭṭhānaggahaṇaṃ pana avisesato.
อุปตฺถเมฺภโนฺต อาหารกิจฺจํ สาเธตีติ อุปตฺถเมฺภโนฺต เอว รูปํ สมุฎฺฐาเปติ, โอชฎฺฐมกสมุฎฺฐาปเนเนว ปนสฺส อุปถมฺภนกิจฺจสิทฺธิฯ ผุสโนฺตเยวาติ ผุสนกิจฺจํ กโรโนฺต เอวฯ อายูหมานาวาติ เจตยมานา เอว อภิสนฺทหนฺตี เอวฯ วิชานนฺตเมวาติ อุปปตฺติปริกปฺปนวเสน วิชานนฺตเมว อาหารกิจฺจํ สาเธตีติ โยชนาฯ สพฺพตฺถ อาหารกิจฺจสาธนญฺจ เตสํ เวทนาทิอุปฺปตฺติเหตุตาย อตฺตภาวสฺส ปวตฺตนเมวฯ กายฎฺฐปเนนาติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ กมฺมชาทิรูปํ กมฺมาทินาว ปวตฺตตีติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘กมฺมชนิโตปี’’ติอาทิฯ
Upatthambhento āhārakiccaṃ sādhetīti upatthambhento eva rūpaṃ samuṭṭhāpeti, ojaṭṭhamakasamuṭṭhāpaneneva panassa upathambhanakiccasiddhi. Phusantoyevāti phusanakiccaṃ karonto eva. Āyūhamānāvāti cetayamānā eva abhisandahantī eva. Vijānantamevāti upapattiparikappanavasena vijānantameva āhārakiccaṃ sādhetīti yojanā. Sabbattha āhārakiccasādhanañca tesaṃ vedanādiuppattihetutāya attabhāvassa pavattanameva. Kāyaṭṭhapanenāti kasmā vuttaṃ, nanu kammajādirūpaṃ kammādināva pavattatīti codanaṃ sandhāyāha ‘‘kammajanitopī’’tiādi.
อุปาทิณฺณรูปสนฺตติยา อุปตฺถมฺภเนเนว อุตุจิตฺตชรูปสนฺตตีนมฺปิ อุปตฺถมฺภนสิทฺธิ โหตีติ ‘‘ทฺวินฺนํ รูปสนฺตตีน’’นฺติ วุตฺตํฯ อุปตฺถมฺภนเมว สนฺธาย ‘‘อนุปาลโก หุตฺวา’’ติ จ วุตฺตํฯ รูปกายสฺส ฐิติเหตุตา หิ ยาปนา อนุปาลนาฯ สุขาทิวตฺถุภูตนฺติ สุขาทีนํ ปวตฺติฎฺฐานภูตํฯ อารมฺมณมฺปิ หิ วสติ เอตฺถ อารมฺมณกรณวเสน ตทารมฺมณา ธมฺมาติ วตฺถูติ วุจฺจติฯ ผุสโนฺตเยวาติ อิทํ ผสฺสสฺส ผุสนสภาวตฺตา วุตฺตํฯ น หิ ธมฺมานํ สภาเวน วินา ปวตฺติ อตฺถิ, เวทนาปวตฺติยา วินา สตฺตานํ สนฺธาวนตา นตฺถีติ อาห ‘‘สุขาทิ…เป.… โหตี’’ติฯ น เจตฺถ สญฺญีภวกถายํ อสญฺญีภโว ทเสฺสตโพฺพ, ตสฺสาปิ วา การณภูตเวทนาปวตฺติวเสเนว ฐิติยา เหตุโน อพฺยาปิตตฺตา, ตถา หิ ‘‘มโนสเญฺจตนา…เป.… ภวมูลนิปฺผาทนโต สตฺตานํ ฐิติยา โหตี’’ติ วุตฺตาฯ ตโต เอว วิญฺญาณํ วิชานนฺตเมวาติ อุปปตฺติปริกปฺปนวเสน วิชานนฺตเมวาติ วุโตฺตวายมโตฺถฯ
Upādiṇṇarūpasantatiyā upatthambhaneneva utucittajarūpasantatīnampi upatthambhanasiddhi hotīti ‘‘dvinnaṃ rūpasantatīna’’nti vuttaṃ. Upatthambhanameva sandhāya ‘‘anupālako hutvā’’ti ca vuttaṃ. Rūpakāyassa ṭhitihetutā hi yāpanā anupālanā. Sukhādivatthubhūtanti sukhādīnaṃ pavattiṭṭhānabhūtaṃ. Ārammaṇampi hi vasati ettha ārammaṇakaraṇavasena tadārammaṇā dhammāti vatthūti vuccati. Phusantoyevāti idaṃ phassassa phusanasabhāvattā vuttaṃ. Na hi dhammānaṃ sabhāvena vinā pavatti atthi, vedanāpavattiyā vinā sattānaṃ sandhāvanatā natthīti āha ‘‘sukhādi…pe… hotī’’ti. Na cettha saññībhavakathāyaṃ asaññībhavo dassetabbo, tassāpi vā kāraṇabhūtavedanāpavattivaseneva ṭhitiyā hetuno abyāpitattā, tathā hi ‘‘manosañcetanā…pe… bhavamūlanipphādanato sattānaṃ ṭhitiyā hotī’’ti vuttā. Tato eva viññāṇaṃ vijānantamevāti upapattiparikappanavasena vijānantamevāti vuttovāyamattho.
จตฺตาริ ภยานิ ทฎฺฐพฺพานิ อาทีนววิภาวนโตฯ นิกนฺตีติ นิกามนา, รสตณฺหํ สนฺธาย วทติฯ สา หิ กพฬีกาเร อาหาเร พลวตี, เตเนเวตฺถ อวธารณํ กตํฯ ภายติ เอตสฺมาติ ภยํ, นิกนฺติเยว ภยํ มหานตฺถเหตุโตฯ อุปคมนํ วิสยินฺทฺริยวิญฺญาเณสุ วิสยวิญฺญาเณสุ จ สงฺคติวเสน ปวตฺติ, ตํ เวทนาทิอุปฺปตฺติเหตุตาย ‘‘ภย’’นฺติ วุตฺตํฯ อวธารเณ ปโยชนํ วุตฺตนยเมวฯ เสสทฺวเยปิ เอเสว นโยฯ อายูหนํ อภิสนฺทหนํ, สํวิธานนฺติปิ วทนฺติฯ ตํ ภวูปปตฺติเหตุตาย ‘‘ภย’’นฺติ วุตฺตํฯ อภินิปาโต ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปฎิสนฺธิคฺคหณวเสน วิญฺญาณสฺส นิพฺพตฺติฯ โส ภวูปปตฺติเหตุกานํ สเพฺพสํ อนตฺถานํ มูลการณตาย ‘‘ภย’’นฺติ วุตฺตํฯ อิทานิ นิกนฺติอาทีนํ สปฺปฎิภยตํ วิตฺถารโต ทเสฺสตุํ ‘‘กิํ การณา’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ นิกนฺติํ กตฺวาติ อาลยํ ชเนตฺวา, ตณฺหํ อุปฺปาเทตฺวาติ อโตฺถฯ สีตาทีนํ ปุรกฺขตาติ สีตาทีนํ ปุรโต ฐิตา, สีตาทีหิ พาธิยมานาติ อโตฺถฯ
Cattāri bhayāni daṭṭhabbāni ādīnavavibhāvanato. Nikantīti nikāmanā, rasataṇhaṃ sandhāya vadati. Sā hi kabaḷīkāre āhāre balavatī, tenevettha avadhāraṇaṃ kataṃ. Bhāyati etasmāti bhayaṃ, nikantiyevabhayaṃ mahānatthahetuto. Upagamanaṃ visayindriyaviññāṇesu visayaviññāṇesu ca saṅgativasena pavatti, taṃ vedanādiuppattihetutāya ‘‘bhaya’’nti vuttaṃ. Avadhāraṇe payojanaṃ vuttanayameva. Sesadvayepi eseva nayo. Āyūhanaṃ abhisandahanaṃ, saṃvidhānantipi vadanti. Taṃ bhavūpapattihetutāya ‘‘bhaya’’nti vuttaṃ. Abhinipāto tattha tattha bhave paṭisandhiggahaṇavasena viññāṇassa nibbatti. So bhavūpapattihetukānaṃ sabbesaṃ anatthānaṃ mūlakāraṇatāya ‘‘bhaya’’nti vuttaṃ. Idāni nikantiādīnaṃ sappaṭibhayataṃ vitthārato dassetuṃ ‘‘kiṃ kāraṇā’’tiādi āraddhaṃ. Tattha nikantiṃ katvāti ālayaṃ janetvā, taṇhaṃ uppādetvāti attho. Sītādīnaṃ purakkhatāti sītādīnaṃ purato ṭhitā, sītādīhi bādhiyamānāti attho.
ผสฺสํ อุปคจฺฉนฺตาติ จกฺขุสมฺผสฺสาทิเภทํ ผสฺสํ ปวเตฺตนฺตาฯ ผสฺสสฺสาทิโนติ กายสมฺผสฺสวเสน โผฎฺฐพฺพสงฺขาตสฺส อสฺสาทนสีลาฯ กายสมฺผสฺสวเสน หิ สตฺตานํ โผฎฺฐพฺพตณฺหา ปวตฺตตีติ ทเสฺสตุํ ผสฺสาหาราทีนวทสฺสเน โผฎฺฐพฺพารมฺมณํ อุทฺธฎํ ‘‘ปเรสํ รกฺขิตโคปิเตสู’’ติอาทินาฯ ผสฺสสฺสาทิโนติ วา ผสฺสาหารสฺสาทิโนติ อโตฺถฯ สติ หิ ผสฺสาหาเร สตฺตานํ ผสฺสารมฺมเณ อสฺสาโท, นาสติ, เตนาห ‘‘ผสฺสสฺสาทมูลก’’นฺติอาทิฯ
Phassaṃ upagacchantāti cakkhusamphassādibhedaṃ phassaṃ pavattentā. Phassassādinoti kāyasamphassavasena phoṭṭhabbasaṅkhātassa assādanasīlā. Kāyasamphassavasena hi sattānaṃ phoṭṭhabbataṇhā pavattatīti dassetuṃ phassāhārādīnavadassane phoṭṭhabbārammaṇaṃ uddhaṭaṃ ‘‘paresaṃ rakkhitagopitesū’’tiādinā. Phassassādinoti vā phassāhārassādinoti attho. Sati hi phassāhāre sattānaṃ phassārammaṇe assādo, nāsati, tenāha ‘‘phassassādamūlaka’’ntiādi.
ชาตินิมิตฺตสฺส ภยสฺส อภินิปาตสภาเวน คหิตตฺตา ‘‘ตมฺมูลก’’นฺติ วุตฺตํฯ กมฺมายูหนนิมิตฺตนฺติ อโตฺถฯ ภยํ สพฺพนฺติ ปญฺจวีสติ, ติวิธมหาภยํ, อญฺญญฺจ สพฺพภยํ อาคตเมว โหติ ภยาธิฎฺฐานสฺส อตฺตภาวสฺส นิปฺผาทนโตฯ
Jātinimittassa bhayassa abhinipātasabhāvena gahitattā ‘‘tammūlaka’’nti vuttaṃ. Kammāyūhananimittanti attho. Bhayaṃ sabbanti pañcavīsati, tividhamahābhayaṃ, aññañca sabbabhayaṃ āgatameva hoti bhayādhiṭṭhānassa attabhāvassa nipphādanato.
อภินิปตตีติ อภินิพฺพตฺตติฯ ปฐมาภินิพฺพตฺติ หิ สตฺตานํ ตตฺถ ตตฺถ องฺคารกาสุสทิเส ภเว อภินิปาตสทิสีฯ ตมฺมูลกตฺตาติ นามรูปนิพฺพตฺติมูลกตฺตาฯ สพฺพภยานํ อภินิปาโตเยว ภยํ ภายติ เอตสฺมาติ กตฺวาฯ
Abhinipatatīti abhinibbattati. Paṭhamābhinibbatti hi sattānaṃ tattha tattha aṅgārakāsusadise bhave abhinipātasadisī. Tammūlakattāti nāmarūpanibbattimūlakattā. Sabbabhayānaṃ abhinipātoyeva bhayaṃ bhāyati etasmāti katvā.
อเปฺปติ วิยาติ ผลสฺส อตฺตลาภเหตุภาวโต การณํ, ตํ นิยฺยาเทติ วิยฯ ตนฺติ ผลํฯ ตโตติ การณโตฯ เอเตสนฺติ อาหารานํ ฯ ยถาวุเตฺตนาติ ‘‘ผลํ นิเทตี’’ติอาทินา วุตฺตปฺปกาเรน อเตฺถนฯ สพฺพปเทสูติ ‘‘เวทนานิโรเธนา’’ติอาทีสุ สเพฺพสุ ปเทสุฯ
Appeti viyāti phalassa attalābhahetubhāvato kāraṇaṃ, taṃ niyyādeti viya. Tanti phalaṃ. Tatoti kāraṇato. Etesanti āhārānaṃ . Yathāvuttenāti ‘‘phalaṃ nidetī’’tiādinā vuttappakārena atthena. Sabbapadesūti ‘‘vedanānirodhenā’’tiādīsu sabbesu padesu.
ปฎิสนฺธิํ อาทิํ กตฺวาติ ปฎิสนฺธิกฺขณํ อาทิํ กตฺวาฯ อุปาทิณฺณกอาหาเร สนฺธาย ‘‘อตฺตภาวสงฺขาตานํ อาหาราน’’นฺติ วุตฺตํฯ เต หิ นิปฺปริยายโต ตณฺหานิทานาฯ ปริปุณฺณายตนานํ สตฺตานํ สตฺตสนฺตติวเสนาติ ปริปุณฺณายตนานํ สภาวกานํ จกฺขุ โสตํ ฆานํ ชิวฺหา กาโย ภาโว วตฺถูติ อิเมสํ สตฺตนฺนํ สนฺตตีนํ วเสนฯ เสสานํ อปริปุณฺณายตนานํ อนฺธพธิรอภาวกานํฯ อูนอูนสนฺตติวเสนาติ จกฺขุนา, โสเตน, ตทุภเยน, ภาเวน จ อูนอูนสนฺตติวเสนฯ ปฎิสนฺธิยํ ชาตา ปฎิสนฺธิกาฯ ปฐมภวงฺคจิตฺตกฺขณาทีติ อาทิ-สเทฺทน ตทารมฺมณจิตฺตสฺส สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ
Paṭisandhiṃ ādiṃ katvāti paṭisandhikkhaṇaṃ ādiṃ katvā. Upādiṇṇakaāhāre sandhāya ‘‘attabhāvasaṅkhātānaṃ āhārāna’’nti vuttaṃ. Te hi nippariyāyato taṇhānidānā. Paripuṇṇāyatanānaṃ sattānaṃ sattasantativasenāti paripuṇṇāyatanānaṃ sabhāvakānaṃ cakkhu sotaṃ ghānaṃ jivhā kāyo bhāvo vatthūti imesaṃ sattannaṃ santatīnaṃ vasena. Sesānaṃ aparipuṇṇāyatanānaṃ andhabadhiraabhāvakānaṃ. Ūnaūnasantativasenāti cakkhunā, sotena, tadubhayena, bhāvena ca ūnaūnasantativasena. Paṭisandhiyaṃ jātā paṭisandhikā. Paṭhamabhavaṅgacittakkhaṇādīti ādi-saddena tadārammaṇacittassa saṅgaho daṭṭhabbo.
ตณฺหายปิ นิทานํ ชานาตีติ โยชนาฯ ตณฺหานิทานนฺติปิ ปาโฐฯ วฎฺฎํ ทเสฺสตฺวาติ สรูปโต นยโต จ สกลเมว วฎฺฎํ ทเสฺสตฺวาฯ อิทานิ ตมตฺถํ วิตฺถารโต วิภาเวตุํ ‘‘อิมสฺมิญฺจ ปน ฐาเน’’ติอาทิมาหฯ อตีตาภิมุขํ เทสนํ กตฺวาติ ปจฺจุปฺปนฺนภวโต ปฎฺฐาย อตีตธมฺมาภิมุขํ ตพฺพิสยํ เทสนํ กตฺวา ตถาการเณนฯ อตีเตน วฎฺฎํ ทเสฺสตีติ อตีตภเวน กมฺมกิเลสวิปากวฎฺฎํ ทเสฺสติฯ อตฺตภาโวติ ปจฺจุปฺปโนฺน อตฺตภาโวฯ ยทิ เอวํ กสฺมา ‘‘อตีเตน วฎฺฎํ ทเสฺสตี’’ติ วุตฺตนฺติ? นายํ โทโส ‘‘อตีเตเนวา’’ติ อนวธารณโต, เอวญฺจ กตฺวา อตีตาภิมุขคฺคหณํ ชนกกมฺมํ คหิตํ, ตณฺหาสีเสน นานนฺตริยภาวโตฯ น หิ กมฺมุนา วินา ตณฺหา ภวเนตฺติ ยุชฺชติฯ
Taṇhāyapi nidānaṃ jānātīti yojanā. Taṇhānidānantipi pāṭho. Vaṭṭaṃ dassetvāti sarūpato nayato ca sakalameva vaṭṭaṃ dassetvā. Idāni tamatthaṃ vitthārato vibhāvetuṃ ‘‘imasmiñca pana ṭhāne’’tiādimāha. Atītābhimukhaṃ desanaṃ katvāti paccuppannabhavato paṭṭhāya atītadhammābhimukhaṃ tabbisayaṃ desanaṃ katvā tathākāraṇena. Atītena vaṭṭaṃ dassetīti atītabhavena kammakilesavipākavaṭṭaṃ dasseti. Attabhāvoti paccuppanno attabhāvo. Yadi evaṃ kasmā ‘‘atītena vaṭṭaṃ dassetī’’ti vuttanti? Nāyaṃ doso ‘‘atītenevā’’ti anavadhāraṇato, evañca katvā atītābhimukhaggahaṇaṃ janakakammaṃ gahitaṃ, taṇhāsīsena nānantariyabhāvato. Na hi kammunā vinā taṇhā bhavanetti yujjati.
ตํ กมฺมนฺติ ตณฺหาสีเสน วุตฺตกมฺมํฯ ทเสฺสตุนฺติ ตํ อตีตํ อตฺตภาวํ ทเสฺสตุํฯ ตสฺสตฺตภาวสฺส ชนกํ กมฺมนฺติ ตสฺส ยถาวุตฺตสฺส อตฺตภาวสฺส ชนกํฯ ตโต ปรมฺปิ อตฺตภาวํ อายูหิตํ กมฺมํ ทเสฺสตุํ วุตฺตํฯ อวิชฺชา จ นาม ตณฺหา วิย กมฺมตฺตาติ กมฺมเสฺสว คหณํฯ ทฺวีสุ ฐาเนสูติ อาหารคฺคหเณน เวทนาทิคฺคหเณนาติ ทฺวีสุ ฐาเนสุฯ อตฺตภาโวติ ปจฺจุปฺปนฺนกาลิโก อตีตกาลิโก จ อตฺตภาโวฯ ปุน ทฺวีสูติ ตณฺหาคฺคหเณ อวิชฺชาสงฺขารคฺคหเณติ ทฺวีสุ ฐาเนสุฯ ตสฺส ชนกนฺติ ปจฺจุปฺปนฺนสฺส เจว อตีตสฺส จ อตฺตภาวสฺส ชนกํ กมฺมํ วุตฺตนฺติ โยชนา ฯ กมฺมคฺคหเณน เจตฺถ ยตฺถ ตํ กมฺมํ อายูหิตํ, สา อตีตา ชาติ อตฺถโต ทสฺสิตา โหติฯ เตน สํสารวฎฺฎสฺส อนมตคฺคตํ ทีเปติฯ สเงฺขเปนาติ สเงฺขเปน เหตุปญฺจกผลปญฺจกคฺคหณมฺปิ หิ สเงฺขโป เอว เหตุผลภาเวน สงฺคเหตพฺพธมฺมานํ อเนกวิธตฺตาฯ
Taṃ kammanti taṇhāsīsena vuttakammaṃ. Dassetunti taṃ atītaṃ attabhāvaṃ dassetuṃ. Tassattabhāvassa janakaṃ kammanti tassa yathāvuttassa attabhāvassa janakaṃ. Tato parampi attabhāvaṃ āyūhitaṃ kammaṃ dassetuṃ vuttaṃ. Avijjā ca nāma taṇhā viya kammattāti kammasseva gahaṇaṃ. Dvīsu ṭhānesūti āhāraggahaṇena vedanādiggahaṇenāti dvīsu ṭhānesu. Attabhāvoti paccuppannakāliko atītakāliko ca attabhāvo. Puna dvīsūti taṇhāggahaṇe avijjāsaṅkhāraggahaṇeti dvīsu ṭhānesu. Tassa janakanti paccuppannassa ceva atītassa ca attabhāvassa janakaṃ kammaṃ vuttanti yojanā . Kammaggahaṇena cettha yattha taṃ kammaṃ āyūhitaṃ, sā atītā jāti atthato dassitā hoti. Tena saṃsāravaṭṭassa anamataggataṃ dīpeti. Saṅkhepenāti saṅkhepena hetupañcakaphalapañcakaggahaṇampi hi saṅkhepo eva hetuphalabhāvena saṅgahetabbadhammānaṃ anekavidhattā.
ยทิ อตีเตน วฎฺฎํ ทสฺสิตํ, เอวํ สติ สปฺปเทสา ปฎิจฺจสมุปฺปาทธมฺมเทสนา โหตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ตตฺราย’’นฺติอาทิมาหฯ เตน หิ ยทิปิ สรูปโต อนาคเตน วฎฺฎํ อิธ น ทสฺสิตํ, นยโต ปน ตสฺสปิ ทสฺสิตตฺตา นิปฺปเทสา เอว ปฎิจฺจสมุปฺปาทเทสนาติ ทเสฺสติฯ อิทานิ ตมตฺถํ อุปมาย วิภาเวตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อุทกปิเฎฺฐ นิปนฺนนฺติ อุทกํ ปริปฺลววเสน นิปนฺนํฯ ปรภาคนฺติ ปรอุตฺตมงฺคภาคํฯ โอรโตติ ตโต อปรภาคโต โอโลเกโนฺตฯ อปริปุโณฺณติ วิกลาวยโวฯ เอวํสมฺปทนฺติอาทิ อุปมาย สํสนฺทนํฯ
Yadi atītena vaṭṭaṃ dassitaṃ, evaṃ sati sappadesā paṭiccasamuppādadhammadesanā hotīti dassento ‘‘tatrāya’’ntiādimāha. Tena hi yadipi sarūpato anāgatena vaṭṭaṃ idha na dassitaṃ, nayato pana tassapi dassitattā nippadesā eva paṭiccasamuppādadesanāti dasseti. Idāni tamatthaṃ upamāya vibhāvetuṃ ‘‘yathā hī’’tiādi vuttaṃ. Udakapiṭṭhe nipannanti udakaṃ pariplavavasena nipannaṃ. Parabhāganti parauttamaṅgabhāgaṃ. Oratoti tato aparabhāgato olokento. Aparipuṇṇoti vikalāvayavo. Evaṃsampadantiādi upamāya saṃsandanaṃ.
ยถา หิ คีวา สรีรสนฺธารกกณฺฑรานํ มูลฎฺฐานภูตา, เอวํ อตฺตภาวสนฺธารกานํ สงฺขารานํ มูลภูตา ตณฺหาติ วุตฺตํ ‘‘คีวาย ทิฎฺฐกาโล’’ติฯ ยถา เวทนาทิอเนกาวยวสมุทายภูโต อตฺตภาโว, เอวํ ผาสุกปิฎฺฐิกณฺฑกาทิอเนกาวยวสมุทายภูตา ปิฎฺฐีติ ‘‘ปิฎฺฐิยา…เป.… ตสฺส ทิฎฺฐกาโล’’ติ วุตฺตํฯ ตณฺหาสงฺขาตนฺติ ตณฺหาย กถิตํฯ อิธ เทสนาย ปจฺจยา อวิชฺชาสงฺขารา เวทิตพฺพาติ ‘‘นงฺคุฎฺฐมูลสฺส ทิฎฺฐกาโล วิยา’’ติ วุตฺตํฯ ตถา หิ ปริโยสาเน ‘‘นงฺคุฎฺฐมูลํ ปเสฺสยฺยา’’ติ อุปมาทสฺสนํ กตํฯ นยโต ปริปุณฺณภาวคฺคหณํ เวทิตพฺพํฯ ปาฬิยํ อนาคตสฺสาปิ ปจฺจยวฎฺฎสฺส เหตุวเสน ผลวเสน วา ปริปุณฺณภาวสฺส มุขมตฺตทสฺสนียตฺตา อาทิโต ผลเหตุสนฺธิ, มเชฺฌ เหตุผลสนฺธิ, อเนฺตปิ ผลเหตุสนฺธีติ เอวํ ติสนฺธิกตฺตา จตุสเงฺขปเมว วฎฺฎํ ทสฺสิตนฺติฯ
Yathā hi gīvā sarīrasandhārakakaṇḍarānaṃ mūlaṭṭhānabhūtā, evaṃ attabhāvasandhārakānaṃ saṅkhārānaṃ mūlabhūtā taṇhāti vuttaṃ ‘‘gīvāya diṭṭhakālo’’ti. Yathā vedanādianekāvayavasamudāyabhūto attabhāvo, evaṃ phāsukapiṭṭhikaṇḍakādianekāvayavasamudāyabhūtā piṭṭhīti ‘‘piṭṭhiyā…pe… tassa diṭṭhakālo’’ti vuttaṃ. Taṇhāsaṅkhātanti taṇhāya kathitaṃ. Idha desanāya paccayā avijjāsaṅkhārā veditabbāti ‘‘naṅguṭṭhamūlassa diṭṭhakālo viyā’’ti vuttaṃ. Tathā hi pariyosāne ‘‘naṅguṭṭhamūlaṃ passeyyā’’ti upamādassanaṃ kataṃ. Nayato paripuṇṇabhāvaggahaṇaṃ veditabbaṃ. Pāḷiyaṃ anāgatassāpi paccayavaṭṭassa hetuvasena phalavasena vā paripuṇṇabhāvassa mukhamattadassanīyattā ādito phalahetusandhi, majjhe hetuphalasandhi, antepi phalahetusandhīti evaṃ tisandhikattā catusaṅkhepameva vaṭṭaṃ dassitanti.
อาหารสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Āhārasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๑. อาหารสุตฺตํ • 1. Āhārasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๑. อาหารสุตฺตวณฺณนา • 1. Āhārasuttavaṇṇanā