Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) |
๖. สากจฺฉวโคฺค
6. Sākacchavaggo
๑. อาหารสุตฺตวณฺณนา
1. Āhārasuttavaṇṇanā
๒๓๒. ปุริมนยโตติ ‘‘สติสโมฺพชฺฌงฺคฎฺฐานียานํ ธมฺมาน’’นฺติอาทินา อาคตนยโตฯ เอวนฺติ อิทานิ วุจฺจมานากาเรนฯ สติ จ สมฺปชญฺญญฺจ สติสมฺปชญฺญํฯ สติปธานํ วา อภิกฺกนฺตาทีสุ สตฺถกภาวปริคฺคณฺหกญาณํ สติสมฺปชญฺญํฯ ตํ สพฺพตฺถ สโตการีภาวาวหตฺตา สติสโมฺพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย สํวตฺตติฯ ยถา จ ปจฺจนีกธมฺมปฺปหานํ อนุรูปธมฺมเทสนา จ อนุปฺปนฺนานํ กุสลานํ ธมฺมานํ อุปฺปาทาย โหติ, เอวํ สติรหิตปุคฺคลวชฺชนา สโตการีปุคฺคลเสวนา จ ตตฺถ จ ยุตฺตปยุตฺตตา สติสโมฺพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย โหตีติ อิมมตฺถํ ทเสฺสติ ‘‘สติสมฺปชญฺญ’’นฺติอาทินาฯ อรหตฺตมเคฺคน ภาวนาปาริปูรี โหติฯ ตถา หิ อรหาว ‘‘สติเวปุลฺลปฺปโตฺต’’ติ วุจฺจติฯ
232.Purimanayatoti ‘‘satisambojjhaṅgaṭṭhānīyānaṃ dhammāna’’ntiādinā āgatanayato. Evanti idāni vuccamānākārena. Sati ca sampajaññañca satisampajaññaṃ. Satipadhānaṃ vā abhikkantādīsu satthakabhāvapariggaṇhakañāṇaṃ satisampajaññaṃ. Taṃ sabbattha satokārībhāvāvahattā satisambojjhaṅgassa uppādāya saṃvattati. Yathā ca paccanīkadhammappahānaṃ anurūpadhammadesanā ca anuppannānaṃ kusalānaṃ dhammānaṃ uppādāya hoti, evaṃ satirahitapuggalavajjanā satokārīpuggalasevanā ca tattha ca yuttapayuttatā satisambojjhaṅgassa uppādāya hotīti imamatthaṃ dasseti ‘‘satisampajañña’’ntiādinā. Arahattamaggena bhāvanāpāripūrī hoti. Tathā hi arahāva ‘‘sativepullappatto’’ti vuccati.
ธมฺมานํ, ธเมฺมสุ วา วิจโย, โส เอว เหฎฺฐา วุตฺตนเยน สโมฺพชฺฌโงฺค, ตสฺส ธมฺมวิจยสโมฺพชฺฌงฺคสฺสฯ ปริปุจฺฉกตาติ อาจริยํ ปยิรุปาสิตฺวา ปญฺจปิ นิกาเย สหฎฺฐกถาย ปริโยคาเหตฺวา ยํ ยํ ตตฺถ คณฺฐิฎฺฐานํ, ตสฺส ตสฺส ‘‘อิทํ, ภเนฺต, กถํ อิมสฺส โก อโตฺถ’’ติ เอวํ ขนฺธาทีสุ อตฺถปุจฺฉกภาโวฯ เตนาห ‘‘ขนฺธ…เป.… พหุลตา’’ติฯ
Dhammānaṃ, dhammesu vā vicayo, so eva heṭṭhā vuttanayena sambojjhaṅgo, tassa dhammavicayasambojjhaṅgassa. Paripucchakatāti ācariyaṃ payirupāsitvā pañcapi nikāye sahaṭṭhakathāya pariyogāhetvā yaṃ yaṃ tattha gaṇṭhiṭṭhānaṃ, tassa tassa ‘‘idaṃ, bhante, kathaṃ imassa ko attho’’ti evaṃ khandhādīsu atthapucchakabhāvo. Tenāha ‘‘khandha…pe… bahulatā’’ti.
วตฺถุวิสทกิริยาติ จิตฺตเจตสิกานํ ปวตฺติฎฺฐานภาวโต สรีรํ ตปฺปฎิพทฺธานิ จ จีวราทีนิ อิธ ‘‘วตฺถูนี’’ติ อธิเปฺปตานิ, ตานิ ยถา จิตฺตสฺส สุขาวหานิ โหนฺติ, ตถา กรณํ เตสํ วิสทภาวกรณํฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อชฺฌตฺติกพาหิราน’’นฺติอาทิฯ อุสฺสนฺนโทสนฺติ วาตาทิอุสฺสนฺนโทสํฯ เสทมลมกฺขิตนฺติ เสเทน เจว ชลฺลิกาสงฺขาเตน สรีรมเลน จ มกฺขิตํฯ จ-สเทฺทน อญฺญมฺปิ สรีรสฺส จ จิตฺตสฺส จ ปีฬาวหํ สงฺคณฺหาติฯ เสนาสนํ วาติ วา-สเทฺทน ปตฺตาทีนํ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ อวิสเท สติ, วิสยภูเต วาฯ กถํ ภาวนมนุยุตฺตสฺส ตานิ วิสโยติ? อนฺตรนฺตรา ปวตฺตนกจิตฺตุปฺปาทวเสน เอวํ วุตฺตํฯ เต หิ จิตฺตุปฺปาทา จิเตฺตกคฺคตาย อิชฺฌนฺติยาปิ อปริสุทฺธภาวาย สํวตฺตนฺติฯ จิตฺตเจตสิเกสุ นิสฺสยาทิปจฺจยภูเตสุฯ ญาณมฺปีติ ปิ-สโทฺท สมฺปิณฺฑเนฯ เตน น เกวลํ ตํ วตฺถุเยว , อถ โข ตสฺมิํ อปริสุเทฺธ ญาณมฺปิ อปริสุทฺธํ โหตีติ นิสฺสยาปริสุทฺธิยา นิสฺสิตาปริสุทฺธิ วิย วิสยสฺส อปริสุทฺธตาย วิสยีนํ อปริสุทฺธิํ ทเสฺสติ อนฺวยโต พฺยติเรกโต จฯ
Vatthuvisadakiriyāti cittacetasikānaṃ pavattiṭṭhānabhāvato sarīraṃ tappaṭibaddhāni ca cīvarādīni idha ‘‘vatthūnī’’ti adhippetāni, tāni yathā cittassa sukhāvahāni honti, tathā karaṇaṃ tesaṃ visadabhāvakaraṇaṃ. Tena vuttaṃ ‘‘ajjhattikabāhirāna’’ntiādi. Ussannadosanti vātādiussannadosaṃ. Sedamalamakkhitanti sedena ceva jallikāsaṅkhātena sarīramalena ca makkhitaṃ. Ca-saddena aññampi sarīrassa ca cittassa ca pīḷāvahaṃ saṅgaṇhāti. Senāsanaṃ vāti vā-saddena pattādīnaṃ saṅgaho daṭṭhabbo. Avisade sati, visayabhūte vā. Kathaṃ bhāvanamanuyuttassa tāni visayoti? Antarantarā pavattanakacittuppādavasena evaṃ vuttaṃ. Te hi cittuppādā cittekaggatāya ijjhantiyāpi aparisuddhabhāvāya saṃvattanti. Cittacetasikesu nissayādipaccayabhūtesu. Ñāṇampīti pi-saddo sampiṇḍane. Tena na kevalaṃ taṃ vatthuyeva , atha kho tasmiṃ aparisuddhe ñāṇampi aparisuddhaṃ hotīti nissayāparisuddhiyā nissitāparisuddhi viya visayassa aparisuddhatāya visayīnaṃ aparisuddhiṃ dasseti anvayato byatirekato ca.
สมภาวกรณํ กิจฺจโต อนูนาธิกภาวกรณํฯ ยถาปจฺจยํ สเทฺธยฺยวตฺถุสฺมิํ อธิโมกฺขกิจฺจสฺส ปฎุตรภาเวน ปญฺญาย อวิสทตาย วีริยาทีนญฺจ อนุพลปฺปทานสิถิลตาทินา สทฺธินฺทฺริยํ พลวํ โหติฯ เตนาห ‘‘อิตรานิ มนฺทานี’’ติฯ ตโตติ ตสฺมา สทฺธินฺทฺริยสฺส พลวภาวโต อิตเรสญฺจ มนฺทตฺตาฯ โกสชฺชปเกฺข ปติตุํ อทตฺวา สมฺปยุตฺตธมฺมานํ ปคฺคณฺหนํ อนุพลปฺปทานํ ปคฺคโห, ปคฺคหกิจฺจํ กาตุํ น สโกฺกตีติ สมฺพนฺธิตพฺพํฯ อารมฺมณํ อุปคนฺตฺวา ฐานํ, อนิสฺสชฺชนํ วา อุปฎฺฐานํ, วิเกฺขปปฎิปโกฺขฯ เยน วา สมฺปยุตฺตา อวิกฺขิตฺตา โหนฺติ, โส อวิเกฺขโปฯ รูปคตํ วิย จกฺขุนา เยน ยาถาวโต วิสยสภาวํ ปสฺสติ, ตํ ทสฺสนกิจฺจํ กาตุํ น สโกฺกติ พลวตา สทฺธินฺทฺริเยน อภิภูตตฺตาฯ สหชาตธเมฺมสุ หิ อินฺทฎฺฐํ กโรนฺตานํ สห ปวตฺตมานานํ ธมฺมานํ เอกรสตาวเสเนว อตฺถสิทฺธิ, น อญฺญถาฯ ตสฺมาติ วุตฺตเมวตฺถํ การณภาเวน ปจฺจามสติฯ ตนฺติ สทฺธินฺทฺริยํฯ
Samabhāvakaraṇaṃ kiccato anūnādhikabhāvakaraṇaṃ. Yathāpaccayaṃ saddheyyavatthusmiṃ adhimokkhakiccassa paṭutarabhāvena paññāya avisadatāya vīriyādīnañca anubalappadānasithilatādinā saddhindriyaṃ balavaṃ hoti. Tenāha ‘‘itarāni mandānī’’ti. Tatoti tasmā saddhindriyassa balavabhāvato itaresañca mandattā. Kosajjapakkhe patituṃ adatvā sampayuttadhammānaṃ paggaṇhanaṃ anubalappadānaṃ paggaho, paggahakiccaṃ kātuṃ na sakkotīti sambandhitabbaṃ. Ārammaṇaṃ upagantvā ṭhānaṃ, anissajjanaṃ vā upaṭṭhānaṃ, vikkhepapaṭipakkho. Yena vā sampayuttā avikkhittā honti, so avikkhepo. Rūpagataṃ viya cakkhunā yena yāthāvato visayasabhāvaṃ passati, taṃ dassanakiccaṃ kātuṃ na sakkoti balavatā saddhindriyena abhibhūtattā. Sahajātadhammesu hi indaṭṭhaṃ karontānaṃ saha pavattamānānaṃ dhammānaṃ ekarasatāvaseneva atthasiddhi, na aññathā. Tasmāti vuttamevatthaṃ kāraṇabhāvena paccāmasati. Tanti saddhindriyaṃ.
ธมฺมสภาวปจฺจเวกฺขเณนาติ ยสฺส สเทฺธยฺยวตฺถุโน อุฬารตาทิคุเณ อธิมุจฺจนสฺส สาติสยปฺปวตฺติยา สทฺธินฺทฺริยํ พลวํ ชาตํ, ตสฺส ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนตาทิวิภาคโต ยาถาวโต วีมํสเนนฯ เอวญฺหิ เอวํธมฺมตานเยน สภาวสรสโต ปริคฺคยฺหมาเน สวิปฺผาโร อธิโมโกฺข น โหติ – ‘‘อยํ อิเมสํ ธมฺมานํ สภาโว’’ติ ปญฺญาพฺยาปารสฺส สาติสยตฺตาฯ ธุริยธเมฺมสุ หิ ยถา สทฺธาย พลวภาเว ปญฺญาย มนฺทภาโว โหติ, เอวํ ปญฺญาย พลวภาเว สทฺธาย มนฺทภาโว โหติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘ตํ ธมฺมสภาวปจฺจเวกฺขเณน…เป.… หาเปตพฺพ’’นฺติฯ ตถา อมนสิกรเณนาติ เยนากาเรน ภาวนมนุยุญฺชนฺตสฺส สทฺธินฺทฺริยํ พลวํ ชาตํ, เตนากาเรน ภาวนํ นานุยุญฺชเนนาติ วุตฺตํ โหติฯ อิธ ทุวิเธน สทฺธินฺทฺริยสฺส พลวภาโว อตฺตโน วา ปจฺจยวิเสเสน กิจฺจุตฺตริยโต วีริยาทีนํ วา มนฺทกิจฺจตายฯ ตตฺถ ปฐมวิกเปฺป หาปนวิธิ ทสฺสิโต, ทุติยวิกเปฺป ปน ยถา มนสิกโรโต วีริยาทีนํ มนฺทกิจฺจตาย สทฺธินฺทฺริยํ พลวํ ชาตํ, ตถา อมนสิกาเรน วีริยาทีนํ ปฎุตรภาวาวเหน มนสิกาเรน สทฺธินฺทฺริยํ เตหิ สมตํ กโรเนฺตน หาเปตพฺพํฯ อิมินา นเยน เสสินฺทฺริเยสุปิ หาปนวิธิ เวทิตโพฺพฯ
Dhammasabhāvapaccavekkhaṇenāti yassa saddheyyavatthuno uḷāratādiguṇe adhimuccanassa sātisayappavattiyā saddhindriyaṃ balavaṃ jātaṃ, tassa paccayapaccayuppannatādivibhāgato yāthāvato vīmaṃsanena. Evañhi evaṃdhammatānayena sabhāvasarasato pariggayhamāne savipphāro adhimokkho na hoti – ‘‘ayaṃ imesaṃ dhammānaṃ sabhāvo’’ti paññābyāpārassa sātisayattā. Dhuriyadhammesu hi yathā saddhāya balavabhāve paññāya mandabhāvo hoti, evaṃ paññāya balavabhāve saddhāya mandabhāvo hoti. Tena vuttaṃ – ‘‘taṃ dhammasabhāvapaccavekkhaṇena…pe… hāpetabba’’nti. Tathā amanasikaraṇenāti yenākārena bhāvanamanuyuñjantassa saddhindriyaṃ balavaṃ jātaṃ, tenākārena bhāvanaṃ nānuyuñjanenāti vuttaṃ hoti. Idha duvidhena saddhindriyassa balavabhāvo attano vā paccayavisesena kiccuttariyato vīriyādīnaṃ vā mandakiccatāya. Tattha paṭhamavikappe hāpanavidhi dassito, dutiyavikappe pana yathā manasikaroto vīriyādīnaṃ mandakiccatāya saddhindriyaṃ balavaṃ jātaṃ, tathā amanasikārena vīriyādīnaṃ paṭutarabhāvāvahena manasikārena saddhindriyaṃ tehi samataṃ karontena hāpetabbaṃ. Iminā nayena sesindriyesupi hāpanavidhi veditabbo.
วกฺกลิเตฺถรวตฺถูติ โส หิ อายสฺมา สทฺธาธิมุโตฺต ตตฺถ จ กตาธิกาโร สตฺถุ รูปกายทสฺสเน ปสุโต เอว หุตฺวา วิหรโนฺต สตฺถารา – ‘‘กิํ เต, วกฺกลิ, อิมินา ปูติกาเยน ทิเฎฺฐน, โย โข, วกฺกลิ, ธมฺมํ ปสฺสติ, โส มํ ปสฺสตี’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๓.๘๗) โอวทิยมาโน กมฺมฎฺฐาเน นิโยชิโตปิ ตํ อนนุยุญฺชโนฺต ปณามิโต อตฺตานํ วินิปาเตตุํ ปปาตฎฺฐานํ อภิรุหิฯ อถ นํ สตฺถา ยถานิสิโนฺนว โอภาสวิสฺสชฺชเนน อตฺตานํ ทเสฺสตฺวา –
Vakkalittheravatthūti so hi āyasmā saddhādhimutto tattha ca katādhikāro satthu rūpakāyadassane pasuto eva hutvā viharanto satthārā – ‘‘kiṃ te, vakkali, iminā pūtikāyena diṭṭhena, yo kho, vakkali, dhammaṃ passati, so maṃ passatī’’tiādinā (saṃ. ni. 3.87) ovadiyamāno kammaṭṭhāne niyojitopi taṃ ananuyuñjanto paṇāmito attānaṃ vinipātetuṃ papātaṭṭhānaṃ abhiruhi. Atha naṃ satthā yathānisinnova obhāsavissajjanena attānaṃ dassetvā –
‘‘ปาโมชฺชพหุโล ภิกฺขุ, ปสโนฺน พุทฺธสาสเน;
‘‘Pāmojjabahulo bhikkhu, pasanno buddhasāsane;
อธิคเจฺฉ ปทํ สนฺตํ, สงฺขารูปสมํ สุข’’นฺติฯ (ธ. ป. ๓๘๑) –
Adhigacche padaṃ santaṃ, saṅkhārūpasamaṃ sukha’’nti. (dha. pa. 381) –
คาถํ วตฺวา ‘‘เอหิ, วกฺกลี’’ติ อาหฯ โส เตน วจเนน อมเตเนว อภิสิโตฺต หฎฺฐตุโฎฺฐ หุตฺวา วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปสิ, สทฺธาย พหุลภาวโต วิปสฺสนาวีถิํ นาโรหติฯ ตํ ญตฺวา ภควา อินฺทฺริยสมตฺตปฎิปาทนาย กมฺมฎฺฐานํ โสเธตฺวา อทาสิฯ โส สตฺถารา ทินฺนนเยน วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา มคฺคปฎิปาฎิยา อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘วกฺกลิเตฺถรวตฺถุ เจตฺถ นิทสฺสน’’นฺติฯ เอตฺถาติ สทฺธินฺทฺริยสฺส อธิมตฺตภาเว เสสินฺทฺริยานํ สกิจฺจากรเณฯ
Gāthaṃ vatvā ‘‘ehi, vakkalī’’ti āha. So tena vacanena amateneva abhisitto haṭṭhatuṭṭho hutvā vipassanaṃ paṭṭhapesi, saddhāya bahulabhāvato vipassanāvīthiṃ nārohati. Taṃ ñatvā bhagavā indriyasamattapaṭipādanāya kammaṭṭhānaṃ sodhetvā adāsi. So satthārā dinnanayena vipassanaṃ ussukkāpetvā maggapaṭipāṭiyā arahattaṃ pāpuṇi. Tena vuttaṃ – ‘‘vakkalittheravatthu cettha nidassana’’nti. Etthāti saddhindriyassa adhimattabhāve sesindriyānaṃ sakiccākaraṇe.
อิตรกิจฺจเภทนฺติ อุปฎฺฐานาทิกิจฺจวิเสสํฯ ปสฺสทฺธาทีติ อาทิ-สเทฺทน สมาธิอุเปกฺขาสโมฺพชฺฌงฺคานํ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ หาเปตพฺพนฺติ ยถา สทฺธินฺทฺริยสฺส พลวภาโว ธมฺมสภาวปจฺจเวกฺขเณน หายติ, เอวํ วีริยินฺทฺริยสฺส อธิมตฺตตา ปสฺสทฺธิยาทิภาวนาย หายติ สมาธิปกฺขิกตฺตา ตสฺสาฯ ตถา หิ สมาธินฺทฺริยสฺส อธิมตฺตตํ โกสชฺชปาตโต รกฺขนฺตี วีริยาทิภาวนา วิย วีริยินฺทฺริยสฺส อธิมตฺตตํ อุทฺธจฺจปาตโต รกฺขนฺตี เอกํสโต หาเปติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ปสฺสทฺธาทิภาวนาย หาเปตพฺพ’’นฺติฯ โสณเตฺถรสฺส วตฺถูติ สุกุมารโสณเตฺถรสฺส วตฺถุฯ โส หิ อายสฺมาปิ สตฺถุ สนฺติกา กมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา สีตวเน วิหรโนฺต – ‘‘มม สรีรํ สุขุมาลํ, น จ สกฺกา สุเขเนว สุขํ อธิคนฺตุํ, กายํ กิลเมตฺวาปิ สมณธโมฺม กาตโพฺพ’’ติ ฐานจงฺกมนเมว อธิฎฺฐาย ปธานมนุยุญฺชโนฺต ปาทตเลสุ โผเฎสุ อุฎฺฐิเตสุปิ เวทนํ อชฺฌุเปกฺขิตฺวา ทฬฺหวีริยํ กโรโนฺต อจฺจารทฺธวีริยตาย วิเสสํ ปวเตฺตตุํ นาสกฺขิฯ สตฺถา ตตฺถ คนฺตฺวา วีโณปโมวาเทน โอวทิตฺวา วีริยสมตาโยชนวิธิํ ทเสฺสโนฺต กมฺมฎฺฐานํ โสเธตฺวา คิชฺฌกูฎํ คโตฯ เถโรปิ สตฺถารา ทินฺนนเยน วีริยสมตํ ยาเชตฺวา ภาเวโนฺต วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหเตฺตว ปติฎฺฐาสิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘โสณเตฺถรสฺส วตฺถุ ทเสฺสตพฺพ’’นฺติฯ เสเสสุปีติ สติสมาธิปญฺญินฺทฺริเยสุปิฯ
Itarakiccabhedanti upaṭṭhānādikiccavisesaṃ. Passaddhādīti ādi-saddena samādhiupekkhāsambojjhaṅgānaṃ saṅgaho daṭṭhabbo. Hāpetabbanti yathā saddhindriyassa balavabhāvo dhammasabhāvapaccavekkhaṇena hāyati, evaṃ vīriyindriyassa adhimattatā passaddhiyādibhāvanāya hāyati samādhipakkhikattā tassā. Tathā hi samādhindriyassa adhimattataṃ kosajjapātato rakkhantī vīriyādibhāvanā viya vīriyindriyassa adhimattataṃ uddhaccapātato rakkhantī ekaṃsato hāpeti. Tena vuttaṃ ‘‘passaddhādibhāvanāya hāpetabba’’nti. Soṇattherassa vatthūti sukumārasoṇattherassa vatthu. So hi āyasmāpi satthu santikā kammaṭṭhānaṃ gahetvā sītavane viharanto – ‘‘mama sarīraṃ sukhumālaṃ, na ca sakkā sukheneva sukhaṃ adhigantuṃ, kāyaṃ kilametvāpi samaṇadhammo kātabbo’’ti ṭhānacaṅkamanameva adhiṭṭhāya padhānamanuyuñjanto pādatalesu phoṭesu uṭṭhitesupi vedanaṃ ajjhupekkhitvā daḷhavīriyaṃ karonto accāraddhavīriyatāya visesaṃ pavattetuṃ nāsakkhi. Satthā tattha gantvā vīṇopamovādena ovaditvā vīriyasamatāyojanavidhiṃ dassento kammaṭṭhānaṃ sodhetvā gijjhakūṭaṃ gato. Theropi satthārā dinnanayena vīriyasamataṃ yājetvā bhāvento vipassanaṃ ussukkāpetvā arahatteva patiṭṭhāsi. Tena vuttaṃ ‘‘soṇattherassa vatthu dassetabba’’nti. Sesesupīti satisamādhipaññindriyesupi.
สมตนฺติ สทฺธาปญฺญานํ อญฺญมญฺญํ อนูนาธิกภาวํ, ตถา สมาธิวีริยานญฺจฯ ยถา หิ สทฺธาปญฺญานํ วิสุํ วิสุํ ธุริยธมฺมภูตานํ กิจฺจโต อญฺญมญฺญนาติวตฺตนํ วิเสสโต อิจฺฉิตพฺพํฯ ยโต เตสํ สมธุรตาย อปฺปนา สมฺปชฺชติ, เอวํ สมาธิวีริยานํ โกสชฺชุทฺธจฺจปกฺขิกานํ สมตาย สติ อญฺญมญฺญุปตฺถมฺภนโต สมฺปยุตฺตธมฺมานํ อนฺตทฺวยปาตาภาเวน สมฺมเทว อปฺปนา อิชฺฌตีติฯ พลวสโทฺธติอาทิ วุตฺตเสฺสว อตฺถสฺส พฺยติเรกมุเขน สมตฺถนํฯ ตสฺสโตฺถ – โย พลวติยา สทฺธาย สมนฺนาคโต อวิสทญาโณ, โส มุธปฺปสโนฺน โหติ, น อเวจฺจปฺปสโนฺนฯ ตถา หิ โส อวตฺถุสฺมิํ ปสีทติ, เสยฺยถาปิ ติตฺถิยสาวกาฯ เกราฎิกปกฺขนฺติ สาเฐยฺยปกฺขํ ภชติฯ สทฺธาหีนาย ปญฺญาย อติธาวโนฺต ‘‘เทยฺยวตฺถุปริจฺจาเคน วินา จิตฺตุปฺปาทมเตฺตนปิ ทานมยํ ปุญฺญํ โหตี’’ติอาทีนิ ปริกเปฺปติ เหตุปติรูปเกหิ วญฺจิโต, เอวํภูโต จ ลูขตกฺกวิลุตฺตจิโตฺต ปณฺฑิตานํ วจนํ นาทิยติ, สญฺญตฺติํ น คจฺฉติฯ เตนาห ‘‘เภสชฺชสมุฎฺฐิโต วิย โรโค อเตกิโจฺฉ โหตี’’ติฯ ยถา เจตฺถ สทฺธาปญฺญานํ อญฺญมญฺญํ สมภาโว อตฺถาวโห, วิสมภาโว อนตฺถาวโห, เอวํ สมาธิวีริยานํ อญฺญมญฺญํ สมภาโว อตฺถาวโห, อิตโร อนตฺถาวโห, ตถา สมภาโว อวิเกฺขปาวโห, อิตโร วิเกฺขปาวโหฯ โกสชฺชํ อภิภวติ, เตน อปฺปนํ น ปาปุณาตีติ อธิปฺปาโยฯ เอส นโย อุทฺธจฺจํ อภิภวตีติ เอตฺถาปิฯ ตทุภยนฺติ สทฺธาปญฺญาทฺวยํ สมาธิวีริยทฺวยญฺจฯ สมํ กาตพฺพนฺติ สมตํ กาตพฺพํฯ
Samatanti saddhāpaññānaṃ aññamaññaṃ anūnādhikabhāvaṃ, tathā samādhivīriyānañca. Yathā hi saddhāpaññānaṃ visuṃ visuṃ dhuriyadhammabhūtānaṃ kiccato aññamaññanātivattanaṃ visesato icchitabbaṃ. Yato tesaṃ samadhuratāya appanā sampajjati, evaṃ samādhivīriyānaṃ kosajjuddhaccapakkhikānaṃ samatāya sati aññamaññupatthambhanato sampayuttadhammānaṃ antadvayapātābhāvena sammadeva appanā ijjhatīti. Balavasaddhotiādi vuttasseva atthassa byatirekamukhena samatthanaṃ. Tassattho – yo balavatiyā saddhāya samannāgato avisadañāṇo, so mudhappasanno hoti, na aveccappasanno. Tathā hi so avatthusmiṃ pasīdati, seyyathāpi titthiyasāvakā. Kerāṭikapakkhanti sāṭheyyapakkhaṃ bhajati. Saddhāhīnāya paññāya atidhāvanto ‘‘deyyavatthupariccāgena vinā cittuppādamattenapi dānamayaṃ puññaṃ hotī’’tiādīni parikappeti hetupatirūpakehi vañcito, evaṃbhūto ca lūkhatakkaviluttacitto paṇḍitānaṃ vacanaṃ nādiyati, saññattiṃ na gacchati. Tenāha ‘‘bhesajjasamuṭṭhito viya rogo atekiccho hotī’’ti. Yathā cettha saddhāpaññānaṃ aññamaññaṃ samabhāvo atthāvaho, visamabhāvo anatthāvaho, evaṃ samādhivīriyānaṃ aññamaññaṃ samabhāvo atthāvaho, itaro anatthāvaho, tathā samabhāvo avikkhepāvaho, itaro vikkhepāvaho. Kosajjaṃ abhibhavati, tena appanaṃ na pāpuṇātīti adhippāyo. Esa nayo uddhaccaṃ abhibhavatīti etthāpi. Tadubhayanti saddhāpaññādvayaṃ samādhivīriyadvayañca. Samaṃ kātabbanti samataṃ kātabbaṃ.
สมาธิกมฺมิกสฺสาติ สมถกมฺมฎฺฐานิกสฺสฯ เอวนฺติ เอวํ สเนฺต, สทฺธาย โถกํ พลวภาเว สตีติ อโตฺถฯ สทฺทหโนฺตติ ‘‘ปถวี ปถวีติ มนสิการมเตฺตน กถํ ฌานุปฺปตฺตี’’ติ อจิเนฺตตฺวา ‘‘อทฺธา สมฺพุเทฺธน วุตฺตวิธิ อิชฺฌตี’’ติ สทฺทหโนฺต สทฺธํ ชเนโนฺตฯ โอกเปฺปโนฺตติ อารมฺมณํ อนุปวิสิตฺวา วิย อธิมุจฺจนวเสน อวกเปฺปโนฺต ปกฺขนฺทโนฺตฯ เอกคฺคตา พลวตี วฎฺฎติ สมาธิปธานตฺตา ฌานสฺสฯ อุภินฺนนฺติ สมาธิปญฺญานํฯ สมาธิกมฺมิกสฺส สมาธิโน อธิมตฺตตาย ปญฺญาย อธิมตฺตตาปิ อิจฺฉิตพฺพาติ อาห ‘‘สมตายปี’’ติ, สมภาเวนาปีติ อโตฺถฯ อปฺปนาติ โลกิยอปฺปนาฯ ตถา หิ ‘‘โหติเยวา’’ติ สาสงฺกํ วทติ, โลกุตฺตรปฺปนา ปน เตสํ สมภาเวเนว อิจฺฉิตาฯ ยถาห ‘‘สมถวิปสฺสนํ ยุคนทฺธํ ภาเวตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๑๗๐)ฯ ยทิ วิเสสโต สทฺธาปญฺญานํ สมาธิวีริยานญฺจ สมานตํ อิจฺฉติ, กถํ สตีติ อาห – ‘‘สติ ปน สพฺพตฺถ พลวตี วฎฺฎตี’’ติฯ สพฺพตฺถาติ ลีนุทฺธจฺจปกฺขิเกสุ ปญฺจินฺทฺริเยสุฯ อุทฺธจฺจปกฺขิเกกเทเส คณฺหโนฺต ‘‘สทฺธาวีริยปญฺญาน’’นฺติ อาหฯ อญฺญถา ปีติ จ คเหตพฺพา สิยาฯ ตถา หิ ‘‘โกสชฺชปกฺขิเกน สมาธินา’’อิเจฺจว วุตฺตํ, น จ ‘‘ปสฺสทฺธิสมาธิอุเปกฺขาหี’’ติฯ สาติ สติฯ สเพฺพสุ ราชกเมฺมสุ นิยุโตฺตติ สพฺพกมฺมิโกฯ เตนาติ เยน การเณน สพฺพตฺถ อิจฺฉิตพฺพา, เตน อาห อฎฺฐกถายํฯ สพฺพตฺถ นิยุตฺตา สพฺพตฺถิกา , สเพฺพน วา ลีนุทฺธจฺจปกฺขิเกน โพชฺฌเงฺคน อเตฺถตพฺพา สพฺพตฺถิยา, สพฺพตฺถิยาว สพฺพตฺถิกาฯ จิตฺตนฺติ กุสลจิตฺตํฯ ตสฺส หิ สติปฎิสรณํ ปรายณํ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมายฯ เตนาห – ‘‘อารกฺขปจฺจุปฎฺฐานา’’ติอาทิฯ
Samādhikammikassāti samathakammaṭṭhānikassa. Evanti evaṃ sante, saddhāya thokaṃ balavabhāve satīti attho. Saddahantoti ‘‘pathavī pathavīti manasikāramattena kathaṃ jhānuppattī’’ti acintetvā ‘‘addhā sambuddhena vuttavidhi ijjhatī’’ti saddahanto saddhaṃ janento. Okappentoti ārammaṇaṃ anupavisitvā viya adhimuccanavasena avakappento pakkhandanto. Ekaggatā balavatī vaṭṭati samādhipadhānattā jhānassa. Ubhinnanti samādhipaññānaṃ. Samādhikammikassa samādhino adhimattatāya paññāya adhimattatāpi icchitabbāti āha ‘‘samatāyapī’’ti, samabhāvenāpīti attho. Appanāti lokiyaappanā. Tathā hi ‘‘hotiyevā’’ti sāsaṅkaṃ vadati, lokuttarappanā pana tesaṃ samabhāveneva icchitā. Yathāha ‘‘samathavipassanaṃ yuganaddhaṃ bhāvetī’’ti (a. ni. 4.170). Yadi visesato saddhāpaññānaṃ samādhivīriyānañca samānataṃ icchati, kathaṃ satīti āha – ‘‘sati pana sabbattha balavatī vaṭṭatī’’ti. Sabbatthāti līnuddhaccapakkhikesu pañcindriyesu. Uddhaccapakkhikekadese gaṇhanto ‘‘saddhāvīriyapaññāna’’nti āha. Aññathā pīti ca gahetabbā siyā. Tathā hi ‘‘kosajjapakkhikena samādhinā’’icceva vuttaṃ, na ca ‘‘passaddhisamādhiupekkhāhī’’ti. Sāti sati. Sabbesu rājakammesu niyuttoti sabbakammiko. Tenāti yena kāraṇena sabbattha icchitabbā, tena āha aṭṭhakathāyaṃ. Sabbattha niyuttā sabbatthikā, sabbena vā līnuddhaccapakkhikena bojjhaṅgena atthetabbā sabbatthiyā, sabbatthiyāva sabbatthikā. Cittanti kusalacittaṃ. Tassa hi satipaṭisaraṇaṃ parāyaṇaṃ appattassa pattiyā anadhigatassa adhigamāya. Tenāha – ‘‘ārakkhapaccupaṭṭhānā’’tiādi.
ขนฺธาทิเภเท อโนคาฬฺหปญฺญานนฺติ ปริยตฺติพาหุสจฺจวเสนปิ ขนฺธายตนาทีสุ อปฺปติฎฺฐิตพุทฺธีนํฯ พหุสฺสุตเสวนา หิ สุตมยญาณาวหาฯ ตรุณวิปสฺสนาสมงฺคีปิ ภาวนามยญาเณ ฐิตตฺตา เอกํสโต ปญฺญวา เอว นาม โหตีติ อาห – ‘‘สมปญฺญาส…เป.… ปุคฺคลเสวนา’’ติฯ เญยฺยธมฺมสฺส คมฺภีรภาววเสน ตปฺปริเจฺฉทกญาณสฺส คมฺภีรภาวคหณนฺติ อาห – ‘‘คมฺภีเรสุ ขนฺธาทีสุ ปวตฺตาย คมฺภีรปญฺญายา’’ติฯ ตญฺหิ เญยฺยํ ตาทิสาย ปญฺญาย จริตพฺพโต คมฺภีรญาณจริยํ, ตสฺสา วา ปญฺญาย ตตฺถ ปเภทโต ปวตฺติ คมฺภีรญาณจริยา, ตสฺสา ปจฺจเวกฺขณาติ อาห ‘‘คมฺภีรปญฺญาย ปเภทปจฺจเวกฺขณา’’ติฯ ยถา สติเวปุลฺลปฺปโตฺต นาม อรหา เอว, เอวํ โส เอว ปญฺญาเวปุลฺลปฺปโตฺตปีติ อาห ‘‘อรหตฺตมเคฺคน ภาวนาปาริปูรี โหตี’’ติฯ วีริยาทีสุปิ เอเสว นโยติฯ
Khandhādibhede anogāḷhapaññānanti pariyattibāhusaccavasenapi khandhāyatanādīsu appatiṭṭhitabuddhīnaṃ. Bahussutasevanā hi sutamayañāṇāvahā. Taruṇavipassanāsamaṅgīpi bhāvanāmayañāṇe ṭhitattā ekaṃsato paññavā eva nāma hotīti āha – ‘‘samapaññāsa…pe… puggalasevanā’’ti. Ñeyyadhammassa gambhīrabhāvavasena tapparicchedakañāṇassa gambhīrabhāvagahaṇanti āha – ‘‘gambhīresu khandhādīsu pavattāya gambhīrapaññāyā’’ti. Tañhi ñeyyaṃ tādisāya paññāya caritabbato gambhīrañāṇacariyaṃ, tassā vā paññāya tattha pabhedato pavatti gambhīrañāṇacariyā, tassā paccavekkhaṇāti āha ‘‘gambhīrapaññāya pabhedapaccavekkhaṇā’’ti. Yathā sativepullappatto nāma arahā eva, evaṃ so eva paññāvepullappattopīti āha ‘‘arahattamaggena bhāvanāpāripūrī hotī’’ti. Vīriyādīsupi eseva nayoti.
‘‘ตตฺตํ อโยขิลํ หเตฺถ คเมนฺตี’’ติอาทินา วุตฺตปญฺจวิธพนฺธนกมฺมการณา นิรเย นิพฺพตฺตสตฺตสฺส สพฺพปฐมํ กโรนฺตีติ เทวทูตสุตฺตาทีสุ (ม. นิ. ๓.๒๕๐), ตสฺสา อาทิโต วุตฺตตฺตา จ อาห – ‘‘ปญฺจวิธพนฺธนกมฺมการณโต ปฎฺฐายา’’ติฯ สกฎวหนาทิกาเลติ อาทิ-สเทฺทน ตทญฺญมนุเสฺสหิ ติรจฺฉาเนหิ จ วิพาธนียกาลํ สงฺคณฺหาติฯ เอกํ พุทฺธนฺตรนฺติ อิทํ อปราปรํ เปเตสุ เอว อุปฺปชฺชนกสตฺตวเสน วุตฺตํ, เอกจฺจานํ วา เปตานํ, เอกจฺจติรจฺฉานานํ วิย ตถา ทีฆายุกตาปิ สิยาติ ตถา วุตฺตํฯ ตถา หิ กาโล นาคราชา จตุนฺนํ พุทฺธานํ รูปทสฺสาวีฯ
‘‘Tattaṃ ayokhilaṃ hatthe gamentī’’tiādinā vuttapañcavidhabandhanakammakāraṇā niraye nibbattasattassa sabbapaṭhamaṃ karontīti devadūtasuttādīsu (ma. ni. 3.250), tassā ādito vuttattā ca āha – ‘‘pañcavidhabandhanakammakāraṇato paṭṭhāyā’’ti. Sakaṭavahanādikāleti ādi-saddena tadaññamanussehi tiracchānehi ca vibādhanīyakālaṃ saṅgaṇhāti. Ekaṃ buddhantaranti idaṃ aparāparaṃ petesu eva uppajjanakasattavasena vuttaṃ, ekaccānaṃ vā petānaṃ, ekaccatiracchānānaṃ viya tathā dīghāyukatāpi siyāti tathā vuttaṃ. Tathā hi kālo nāgarājā catunnaṃ buddhānaṃ rūpadassāvī.
เอวํ อานิสํสทสฺสาวิโนติ ‘‘วีริยายโตฺต เอว สกลโลกิยโลกุตฺตรวิเสสาธิคโม’’ติ เอวํ อานิสํสทสฺสนสีลสฺสฯ คมนวีถินฺติ สปุพฺพภาคํ นิพฺพานคามินิํ ปฎิปทํฯ สห วิปสฺสนาย อริยมคฺคปฎิปาฎิ, สตฺตวิสุทฺธิปรมฺปรา วาฯ สา หิ วฎฺฎโต นิยฺยานาย คนฺตพฺพา ปฎิปทาติ กตฺวา คมนวีถิ นามฯ
Evaṃ ānisaṃsadassāvinoti ‘‘vīriyāyatto eva sakalalokiyalokuttaravisesādhigamo’’ti evaṃ ānisaṃsadassanasīlassa. Gamanavīthinti sapubbabhāgaṃ nibbānagāminiṃ paṭipadaṃ. Saha vipassanāya ariyamaggapaṭipāṭi, sattavisuddhiparamparā vā. Sā hi vaṭṭato niyyānāya gantabbā paṭipadāti katvā gamanavīthi nāma.
กายทฬฺหีพหุโลติ กายสฺส โปสนปสุโตฯ ปิณฺฑนฺติ รฎฺฐปิณฺฑํฯ ปจฺจยทายกานํ อตฺตนิ การสฺส อตฺตโน สมฺมาปฎิปตฺติยา มหปฺผลภาวสฺส กรเณน ปิณฺฑาย ภิกฺขาย ปฎิปูชนา ปิณฺฑาปจายนาฯ นีหรโนฺตติ ปตฺตตฺถวิกโต นีหรโนฺตฯ ตํ สทฺทํ สุตฺวาติ ตํ อุปาสิกาย วจนํ ปณฺณสาลทฺวาเร ฐิโตว ปญฺจาภิญฺญตาย ทิพฺพโสเตน สุตฺวาติ วทนฺติฯ มนุสฺสสมฺปตฺติ, ทิพฺพสมฺปตฺติ , อเนฺต นิพฺพานสมฺปตฺตีติ ติโสฺส สมฺปตฺติโยฯ สิตํ กโรโนฺตวาติ ‘‘อกิเจฺฉเนว มยา วฎฺฎทุกฺขํ สมติกฺกนฺต’’นฺติ ปจฺจเวกฺขณาวสาเน สญฺชาตปาโมชฺชวเสน สิตํ กโรโนฺต เอวฯ
Kāyadaḷhībahuloti kāyassa posanapasuto. Piṇḍanti raṭṭhapiṇḍaṃ. Paccayadāyakānaṃ attani kārassa attano sammāpaṭipattiyā mahapphalabhāvassa karaṇena piṇḍāya bhikkhāya paṭipūjanā piṇḍāpacāyanā. Nīharantoti pattatthavikato nīharanto. Taṃ saddaṃ sutvāti taṃ upāsikāya vacanaṃ paṇṇasāladvāre ṭhitova pañcābhiññatāya dibbasotena sutvāti vadanti. Manussasampatti, dibbasampatti , ante nibbānasampattīti tisso sampattiyo. Sitaṃ karontovāti ‘‘akiccheneva mayā vaṭṭadukkhaṃ samatikkanta’’nti paccavekkhaṇāvasāne sañjātapāmojjavasena sitaṃ karonto eva.
อลสานํ ภาวนาย นามมตฺตมฺปิ อชานนฺตานํ กายสฺส โปสนพหุลานํ ยาวทตฺถํ ปริภุญฺชิตฺวา เสยฺยสุขาทิํ อนุยุญฺชนฺตานํ ติรจฺฉานกถิกานํ ทูรโตว วชฺชนํ กุสีตปุคฺคลปริวชฺชนาฯ ‘‘ทิวสํ จงฺกเมน นิสชฺชายา’’ติอาทินา ภาวนารมฺภวเสน อารทฺธวีริยานํ ทฬฺหปรกฺกมานํ กาเลนกาลํ อุปสงฺกมนา อารทฺธวีริยปุคฺคลเสวนาฯ เตนาห ‘‘กุจฺฉิํ ปูเรตฺวา’’ติอาทิฯ
Alasānaṃ bhāvanāya nāmamattampi ajānantānaṃ kāyassa posanabahulānaṃ yāvadatthaṃ paribhuñjitvā seyyasukhādiṃ anuyuñjantānaṃ tiracchānakathikānaṃ dūratova vajjanaṃ kusītapuggalaparivajjanā. ‘‘Divasaṃ caṅkamena nisajjāyā’’tiādinā bhāvanārambhavasena āraddhavīriyānaṃ daḷhaparakkamānaṃ kālenakālaṃ upasaṅkamanā āraddhavīriyapuggalasevanā. Tenāha ‘‘kucchiṃ pūretvā’’tiādi.
วิสุทฺธิมเคฺค ปน ‘‘ชาติมหตฺตปจฺจเวกฺขณา, สพฺรหฺมจาริมหตฺตปจฺจเวกฺขณา’’ติ อิทํ ทฺวยํ น คหิตํ, ‘‘ถินมิทฺธวิโนทนตา, สมฺมปฺปธานปจฺจเวกฺขณา’’ติ อิทํ ทฺวยํ คหิตํฯ ตตฺถ อานิสํสทสฺสาวิตาย เอว สมฺมปฺปธานปจฺจเวกฺขณา คหิตา โลกิยโลกุตฺตรวิเสสาธิคมสฺส วีริยายตฺตตาทสฺสนภาวโตฯ ถินมิทฺธวิโนทนํ ตทธิมุตฺตตาย คหิตํ, วีริยุปฺปาทเน ยุตฺตปยุตฺตสฺส ถินมิทฺธวิโนทนํ อตฺถโต สิทฺธเมวฯ ตตฺถ ถินมิทฺธวิโนทนํ กุสีตปุคฺคลปริวชฺชน-อารทฺธวีริยปุคฺคล-เสวน- ตทธิมุตฺตตาปฎิปกฺขวิธมน-ปจฺจยูปสํหารวเสน, อปายภยปจฺจเวกฺขณาทโย สมุเตฺตชนวเสน วีริยสโมฺพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทกาติ ทฎฺฐพฺพาฯ
Visuddhimagge pana ‘‘jātimahattapaccavekkhaṇā, sabrahmacārimahattapaccavekkhaṇā’’ti idaṃ dvayaṃ na gahitaṃ, ‘‘thinamiddhavinodanatā, sammappadhānapaccavekkhaṇā’’ti idaṃ dvayaṃ gahitaṃ. Tattha ānisaṃsadassāvitāya eva sammappadhānapaccavekkhaṇā gahitā lokiyalokuttaravisesādhigamassa vīriyāyattatādassanabhāvato. Thinamiddhavinodanaṃ tadadhimuttatāya gahitaṃ, vīriyuppādane yuttapayuttassa thinamiddhavinodanaṃ atthato siddhameva. Tattha thinamiddhavinodanaṃ kusītapuggalaparivajjana-āraddhavīriyapuggala-sevana- tadadhimuttatāpaṭipakkhavidhamana-paccayūpasaṃhāravasena, apāyabhayapaccavekkhaṇādayo samuttejanavasena vīriyasambojjhaṅgassa uppādakāti daṭṭhabbā.
พุทฺธานุสฺสติยา อุปจารสมาธินิฎฺฐตฺตา วุตฺตํ ‘‘ยาว อุปจารา’’ติฯ สกลสรีรํ ผรมาโนติ ปีติสมุฎฺฐาเนหิ ปณีตรูเปหิ สกลสรีรํ ผรมาโนฯ ธมฺมสงฺฆคุเณ อนุสฺสรนฺตสฺสปิ ยาว อุปจารา สกลสรีรํ ผรมาโน ปีติสโมฺพชฺฌโงฺค อุปฺปชฺชตีติ โยชนาฯ เอวํ เสสอนุสฺสตีสุ ปสาทนียสุตฺตนฺตปจฺจเวกฺขณาย จ โยเชตพฺพํ ตสฺสาปิ วิมุตฺตายตนภาเวน ตคฺคติกตฺตาฯ เอวรูเป กาเลติ ทุพฺภิกฺขภยาทีสูติ วุตฺตกาเลฯ สมาปตฺติยา…เป.… น สมุทาจรนฺตีติ อิทํ อุปสมานุสฺสติยา วเสน วุตฺตํฯ สงฺขารานญฺหิ สปฺปเทสวูปสเมปิ นิปฺปเทสวูปสเม วิย ตตฺถ สปญฺญาย ปวตฺตนโต ภาวนามนสิกาโร กิเลสวิกฺขมฺภนสมโตฺถ หุตฺวา อุปจารสมาธิํ อาวหโนฺต ตถารูปปีติโสมนสฺสสมนฺนาคโต ปีติสโมฺพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย โหตีติฯ ปสาทนีเยสุ ฐาเนสุ ปสาทสิเนหาภาเวน สํสูจิตหทยตา ลูขตาฯ สา จ ตตฺถ อาทรคารวากรเณน วิญฺญายตีติ อาห ‘‘อสกฺกจฺจกิริยาย สํสูจิตลูขภาเว’’ติฯ
Buddhānussatiyā upacārasamādhiniṭṭhattā vuttaṃ ‘‘yāva upacārā’’ti. Sakalasarīraṃ pharamānoti pītisamuṭṭhānehi paṇītarūpehi sakalasarīraṃ pharamāno. Dhammasaṅghaguṇe anussarantassapi yāva upacārā sakalasarīraṃ pharamāno pītisambojjhaṅgo uppajjatīti yojanā. Evaṃ sesaanussatīsu pasādanīyasuttantapaccavekkhaṇāya ca yojetabbaṃ tassāpi vimuttāyatanabhāvena taggatikattā. Evarūpe kāleti dubbhikkhabhayādīsūti vuttakāle. Samāpattiyā…pe… na samudācarantīti idaṃ upasamānussatiyā vasena vuttaṃ. Saṅkhārānañhi sappadesavūpasamepi nippadesavūpasame viya tattha sapaññāya pavattanato bhāvanāmanasikāro kilesavikkhambhanasamattho hutvā upacārasamādhiṃ āvahanto tathārūpapītisomanassasamannāgato pītisambojjhaṅgassa uppādāya hotīti. Pasādanīyesu ṭhānesu pasādasinehābhāvena saṃsūcitahadayatā lūkhatā. Sā ca tattha ādaragāravākaraṇena viññāyatīti āha ‘‘asakkaccakiriyāya saṃsūcitalūkhabhāve’’ti.
กายจิตฺตทรถวูปสมลกฺขณา ปสฺสทฺธิ เอว ยถาวุตฺตโพธิองฺคภูโต ปสฺสทฺธิสโมฺพชฺฌโงฺค, ตสฺส ปสฺสทฺธิสโมฺพชฺฌงฺคสฺสฯ ปณีตโภชนเสวนตาติ ปณีตสปฺปายโภชนเสวนตาฯ อุตุอิริยาปถสุขคฺคหเณหิ สปฺปายอุตุอิริยาปถํ คหิตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ ตญฺหิ ติวิธมฺปิ สปฺปายํ เสวิยมานํ กายสฺส กลฺลตาปาทนวเสน จิตฺตสฺส กลฺลตํ อาวหนฺตํ ทุวิธายปิ ปสฺสทฺธิยา การณํ โหติฯ สเตฺตสุ ลพฺภมานํ สุขทุกฺขํ อเหตุกนฺติ อยเมโก อโนฺต, อิสฺสราทิวิสมเหตุกนฺติ อยํ ทุติโย, เอเต อุโภ อเนฺต อนุปคมฺม ยถาสกํ กมฺมุนา โหตีติ อยํ มชฺฌิมา ปฎิปตฺติฯ มชฺฌโตฺต ปโยโค ยสฺส โส มชฺฌตฺตปโยโค, ตสฺส ภาโว มชฺฌตฺตปโยคตาฯ อยญฺหิ ปหานสารทฺธกายตา-สงฺขาตปสฺสทฺธกายตาย การณํ โหนฺตี ปสฺสทฺธิทฺวยํ อาวหติฯ เอเตเนว สารทฺธกายปุคฺคลปริวชฺชน-ปสฺสทฺธกายปุคฺคลเสวนานํ ตทาวหนตา สํวณฺณิตาติ ทฎฺฐพฺพํฯ
Kāyacittadarathavūpasamalakkhaṇā passaddhi eva yathāvuttabodhiaṅgabhūto passaddhisambojjhaṅgo, tassa passaddhisambojjhaṅgassa. Paṇītabhojanasevanatāti paṇītasappāyabhojanasevanatā. Utuiriyāpathasukhaggahaṇehi sappāyautuiriyāpathaṃ gahitanti daṭṭhabbaṃ. Tañhi tividhampi sappāyaṃ seviyamānaṃ kāyassa kallatāpādanavasena cittassa kallataṃ āvahantaṃ duvidhāyapi passaddhiyā kāraṇaṃ hoti. Sattesu labbhamānaṃ sukhadukkhaṃ ahetukanti ayameko anto, issarādivisamahetukanti ayaṃ dutiyo, ete ubho ante anupagamma yathāsakaṃ kammunā hotīti ayaṃ majjhimā paṭipatti. Majjhatto payogo yassa so majjhattapayogo, tassa bhāvo majjhattapayogatā. Ayañhi pahānasāraddhakāyatā-saṅkhātapassaddhakāyatāya kāraṇaṃ hontī passaddhidvayaṃ āvahati. Eteneva sāraddhakāyapuggalaparivajjana-passaddhakāyapuggalasevanānaṃ tadāvahanatā saṃvaṇṇitāti daṭṭhabbaṃ.
วตฺถุวิสทกิริยา อินฺทฺริยสมตฺตปฎิปาทนา จ ‘‘ปญฺญาวหา’’ติ วุตฺตาฯ สมถาวหาปิ ตา โหนฺติ สมถาวหภาเวเนว ปญฺญาวหตฺตาติ วุตฺตํ ‘‘วตฺถุวิสท…เป.… เวทิตพฺพา’’ติฯ
Vatthuvisadakiriyā indriyasamattapaṭipādanā ca ‘‘paññāvahā’’ti vuttā. Samathāvahāpi tā honti samathāvahabhāveneva paññāvahattāti vuttaṃ ‘‘vatthuvisada…pe… veditabbā’’ti.
กรณโกสลฺลภาวนาโกสลฺลานํ นานนฺตริยภาวโต รกฺขณโกสลฺลสฺส จ ตํมูลกตฺตา ‘‘นิมิตฺตกุสลตา นาม กสิณนิมิตฺตสฺส อุคฺคหณกุสลตา’’อิเจฺจว วุตฺตํฯ อติสิถิลวีริยตาทีหีติ อาทิ-สเทฺทน ปญฺญาปโยคมนฺทตํ อปฺปมาทเวกลฺลญฺจ สงฺคณฺหาติฯ ตสฺส ปคฺคณฺหนนฺติ ตสฺส ลีนสฺส จิตฺตสฺส ธมฺมวิจยสโมฺพชฺฌงฺคาทิสมุฎฺฐาปเนน ลยาปตฺติโต สมุฎฺฐาปนํฯ วุตฺตเญฺหตํ ภควตา –
Karaṇakosallabhāvanākosallānaṃ nānantariyabhāvato rakkhaṇakosallassa ca taṃmūlakattā ‘‘nimittakusalatā nāma kasiṇanimittassa uggahaṇakusalatā’’icceva vuttaṃ. Atisithilavīriyatādīhīti ādi-saddena paññāpayogamandataṃ appamādavekallañca saṅgaṇhāti. Tassa paggaṇhananti tassa līnassa cittassa dhammavicayasambojjhaṅgādisamuṭṭhāpanena layāpattito samuṭṭhāpanaṃ. Vuttañhetaṃ bhagavatā –
‘‘ยสฺมิญฺจ โข, ภิกฺขเว, สมเย ลีนํ จิตฺตํ โหติ, กาโล ตสฺมิํ สมเย ธมฺมวิจยสโมฺพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาย, กาโล วีริยสโมฺพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาย, กาโล ปีติสโมฺพชฺฌงฺคสฺส ภาวนายฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ลีนํ, ภิกฺขเว, จิตฺตํ, ตํ เอเตหิ ธเมฺมหิ สุสมุฎฺฐาปยํ โหติฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส ปริตฺตํ อคฺคิํ อุชฺชาเลตุกาโม อสฺส, โส ตตฺถ สุกฺขานิ เจว ติณานิ ปกฺขิเปยฺย, สุกฺขานิ โคมยานิ ปกฺขิเปยฺย, สุกฺขานิ กฎฺฐานิ ปกฺขิเปยฺย, มุขวาตญฺจ ทเทยฺย, น จ ปํสุเกน โอกิเรยฺย, ภโพฺพ นุ โข โส ปุริโส ปริตฺตํ อคฺคิํ อุชฺชาเลตุนฺติฯ เอวํ, ภเนฺต’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๔)ฯ
‘‘Yasmiñca kho, bhikkhave, samaye līnaṃ cittaṃ hoti, kālo tasmiṃ samaye dhammavicayasambojjhaṅgassa bhāvanāya, kālo vīriyasambojjhaṅgassa bhāvanāya, kālo pītisambojjhaṅgassa bhāvanāya. Taṃ kissa hetu? Līnaṃ, bhikkhave, cittaṃ, taṃ etehi dhammehi susamuṭṭhāpayaṃ hoti. Seyyathāpi, bhikkhave, puriso parittaṃ aggiṃ ujjāletukāmo assa, so tattha sukkhāni ceva tiṇāni pakkhipeyya, sukkhāni gomayāni pakkhipeyya, sukkhāni kaṭṭhāni pakkhipeyya, mukhavātañca dadeyya, na ca paṃsukena okireyya, bhabbo nu kho so puriso parittaṃ aggiṃ ujjāletunti. Evaṃ, bhante’’ti (saṃ. ni. 5.234).
เอตฺถ จ ยถาสกํ อาหารวเสน ธมฺมวิจยสโมฺพชฺฌงฺคาทีนํ ภาวนา สมุฎฺฐาปนาติ เวทิตพฺพา, สา อนนฺตรํ วิภาวิตา เอวฯ
Ettha ca yathāsakaṃ āhāravasena dhammavicayasambojjhaṅgādīnaṃ bhāvanā samuṭṭhāpanāti veditabbā, sā anantaraṃ vibhāvitā eva.
อจฺจารทฺธวีริยตาทีหีติ อาทิ-สเทฺทน ปญฺญาปโยคพลวตํ ปโมทุปฺปิลาวนญฺจ สงฺคณฺหาติฯ ตสฺส นิคฺคณฺหนนฺติ ตสฺส อุทฺธตสฺส จิตฺตสฺส สมาธิสโมฺพชฺฌงฺคาทิสมุฎฺฐาปเนน อุทฺธตาปตฺติโต นิเสธนํฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ ภควตา –
Accāraddhavīriyatādīhīti ādi-saddena paññāpayogabalavataṃ pamoduppilāvanañca saṅgaṇhāti. Tassa niggaṇhananti tassa uddhatassa cittassa samādhisambojjhaṅgādisamuṭṭhāpanena uddhatāpattito nisedhanaṃ. Vuttampi cetaṃ bhagavatā –
‘‘ยสฺมิญฺจ โข, ภิกฺขเว, สมเย อุทฺธตํ จิตฺตํ โหติ, กาโล ตสฺมิํ สมเย ปสฺสทฺธิสโมฺพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาย, กาโล สมาธิสโมฺพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาย, กาโล อุเปกฺขาสโมฺพชฺฌงฺคสฺส ภาวนายฯ ตํ กิสฺส เหตุ? อุทฺธตํ, ภิกฺขเว, จิตฺตํ, ตํ เอเตหิ ธเมฺมหิ สุวูปสมยํ โหติฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส มหนฺตํ อคฺคิกฺขนฺธํ นิพฺพาเปตุกาโม อสฺส, โส ตตฺถ อลฺลานิ เจว ติณานิ….เป.… ปํสุเกน จ โอกิเรยฺย, ภโพฺพ นุ โข โส ปุริโส มหนฺตํ อคฺคิกฺขนฺธํ นิพฺพาเปตุนฺติฯ เอวํ, ภเนฺต’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๔)ฯ
‘‘Yasmiñca kho, bhikkhave, samaye uddhataṃ cittaṃ hoti, kālo tasmiṃ samaye passaddhisambojjhaṅgassa bhāvanāya, kālo samādhisambojjhaṅgassa bhāvanāya, kālo upekkhāsambojjhaṅgassa bhāvanāya. Taṃ kissa hetu? Uddhataṃ, bhikkhave, cittaṃ, taṃ etehi dhammehi suvūpasamayaṃ hoti. Seyyathāpi, bhikkhave, puriso mahantaṃ aggikkhandhaṃ nibbāpetukāmo assa, so tattha allāni ceva tiṇāni….pe… paṃsukena ca okireyya, bhabbo nu kho so puriso mahantaṃ aggikkhandhaṃ nibbāpetunti. Evaṃ, bhante’’ti (saṃ. ni. 5.234).
เอตฺถาปิ ยถาสกํ อาหารวเสน ปสฺสทฺธิสโมฺพชฺฌงฺคาทีนํ ภาวนา สมุฎฺฐาปนาติ เวทิตพฺพาฯ ตตฺถ ปสฺสทฺธิสโมฺพชฺฌงฺคสฺส ภาวนา วุตฺตา เอว, สมาธิสโมฺพชฺฌงฺคสฺส วุจฺจมานา, อิตรสฺส อนนฺตรํ วกฺขติฯ ปญฺญาปโยคมนฺทตายาติ ปญฺญาพฺยาปารสฺส อปฺปภาเวนฯ ยถา หิ ทานํ อโลภปฺปธานํ, สีลํ อโทสปฺปธานํ, เอวํ ภาวนา อโมหปฺปธานาฯ ตตฺถ ยทา ปญฺญา น พลวตี โหติ, ตทา ภาวนา ปุเพฺพนาปรํ วิเสสาวหา น โหติ, อนภิสงฺขโต วิย อาหาโร ปุริสสฺส โยคิโน จิตฺตสฺส อภิรุจิํ น อุปฺปาเทติ, เตน ตํ นิรสฺสาทํ โหติฯ ตถา ภาวนาย สมฺมเทว วีถิปฎิปตฺติยา อภาเวน อุปสมสุขํ น วินฺทติ, เตนปิ จิตฺตํ นิรสฺสาทํ โหติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ปญฺญาปโยค…เป.… นิรสฺสาทํ โหตี’’ติฯ
Etthāpi yathāsakaṃ āhāravasena passaddhisambojjhaṅgādīnaṃ bhāvanā samuṭṭhāpanāti veditabbā. Tattha passaddhisambojjhaṅgassa bhāvanā vuttā eva, samādhisambojjhaṅgassa vuccamānā, itarassa anantaraṃ vakkhati. Paññāpayogamandatāyāti paññābyāpārassa appabhāvena. Yathā hi dānaṃ alobhappadhānaṃ, sīlaṃ adosappadhānaṃ, evaṃ bhāvanā amohappadhānā. Tattha yadā paññā na balavatī hoti, tadā bhāvanā pubbenāparaṃ visesāvahā na hoti, anabhisaṅkhato viya āhāro purisassa yogino cittassa abhiruciṃ na uppādeti, tena taṃ nirassādaṃ hoti. Tathā bhāvanāya sammadeva vīthipaṭipattiyā abhāvena upasamasukhaṃ na vindati, tenapi cittaṃ nirassādaṃ hoti. Tena vuttaṃ ‘‘paññāpayoga…pe… nirassādaṃ hotī’’ti.
ตสฺส สํเวคุปฺปาทนญฺจ ปสาทุปฺปาทนญฺจ ติกิจฺฉนนฺติ ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อฎฺฐ สํเวควตฺถูนี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ชาติชราพฺยาธิมรณานิ ยถารหํ สุคติยํ ทุคฺคติยญฺจ โหนฺตีติ ตทญฺญเมว ปญฺจวิธพนฺธนาทิขุปฺปิปาสาทิอญฺญมญฺญวิพาธนาทิเหตุกํ อปายทุกฺขํ ทฎฺฐพฺพํฯ ตยิทํ สพฺพํ เตสํ เตสํ สตฺตานํ ปจฺจุปฺปนฺนภวนิสฺสิตํ คหิตนฺติ อตีเต อนาคเต จ กาเล วฎฺฎมูลกทุกฺขานิ วิสุํ คหิตานิเยวฯ เย ปน สตฺตา อาหารูปชีวิโน ตตฺถ จ อุฎฺฐานผลูปชีวิโน, เตสํ อเญฺญหิ อสาธารณํ ชีวิกทุกฺขํ อฎฺฐมํ สํเวควตฺถุ คหิตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ อยํ วุจฺจติ สมเย สมฺปหํสนาติ อยํ สมฺปหํสิตพฺพสมเย วุตฺตนเยน สํเวคชนนวเสน เจว ปสาทุปฺปาทนวเสน จ สมฺมเทว ปหํสนา, สํเวคชนนปุพฺพกปสาทุปฺปาทเนน ภาวนาจิตฺตสฺส โตสนาติอโตฺถฯ
Tassa saṃveguppādanañca pasāduppādanañca tikicchananti taṃ dassento ‘‘aṭṭha saṃvegavatthūnī’’tiādimāha. Tattha jātijarābyādhimaraṇāni yathārahaṃ sugatiyaṃ duggatiyañca hontīti tadaññameva pañcavidhabandhanādikhuppipāsādiaññamaññavibādhanādihetukaṃ apāyadukkhaṃ daṭṭhabbaṃ. Tayidaṃ sabbaṃ tesaṃ tesaṃ sattānaṃ paccuppannabhavanissitaṃ gahitanti atīte anāgate ca kāle vaṭṭamūlakadukkhāni visuṃ gahitāniyeva. Ye pana sattā āhārūpajīvino tattha ca uṭṭhānaphalūpajīvino, tesaṃ aññehi asādhāraṇaṃ jīvikadukkhaṃ aṭṭhamaṃ saṃvegavatthu gahitanti daṭṭhabbaṃ. Ayaṃ vuccati samaye sampahaṃsanāti ayaṃ sampahaṃsitabbasamaye vuttanayena saṃvegajananavasena ceva pasāduppādanavasena ca sammadeva pahaṃsanā, saṃvegajananapubbakapasāduppādanena bhāvanācittassa tosanātiattho.
สมฺมาปฎิปตฺติํ อาคมฺมาติ ลีนุทฺธจฺจวิรเหน สมถวีถิปฎิปตฺติยา จ สมฺมเทว ภาวนาปฎิปตฺติํ อาคมฺมฯ
Sammāpaṭipattiṃāgammāti līnuddhaccavirahena samathavīthipaṭipattiyā ca sammadeva bhāvanāpaṭipattiṃ āgamma.
อลีนนฺติอาทีสุ โกสชฺชปกฺขิกานํ ธมฺมานํ อนธิมตฺตตาย อลีนํ, อุทฺธจฺจปกฺขิกานํ อนธิมตฺตตาย อนุทฺธตํ, ปญฺญาปโยคสมฺปตฺติยา อุปสมสุขาธิคเมน จ อนิรสฺสาทํ, ตโต เอว อารมฺมเณ สมปฺปวตฺตํ สมถวีถิปฎิปนฺนญฺจฯ ตตฺถ อลีนตาย ปคฺคเห, อนุทฺธตาย จ นิคฺคเห, อนิรสฺสาทตาย สมฺปหํสเน น พฺยาปารํ อาปชฺชติฯ อลีนานุทฺธจฺจตาหิ อารมฺมเณ สมปฺปวตฺตํ, อนิรสฺสาทตาย สมถวีถิปฎิปนฺนํ, สมปฺปวตฺติยา วา อลีนํ อนุทฺธตํ, สมถวีถิปฎิปตฺติยา อนิรสฺสาทนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ อยํ วุจฺจติ สมเย อชฺฌุเปกฺขนตาติ อยํ อชฺฌุเปกฺขิตพฺพสมเย จิตฺตสฺส ปคฺคหนิคฺคหสมฺปหํสเนสุ พฺยาวฎตาสงฺขาตํ ปฎิปกฺขํ อภิภุยฺย อุเปกฺขนา วุจฺจติฯ เอสาติ สมาธิโพชฺฌโงฺค อนุปฺปโนฺน อุปฺปชฺชติฯ อรหตฺตมเคฺคน ภาวนาปาริปูรี โหตีติ เอเตน นิปฺปริยายโต สมาธิเวปุลฺลปฺปโตฺตปิ อรหา เอวาติ ทเสฺสติฯ
Alīnantiādīsu kosajjapakkhikānaṃ dhammānaṃ anadhimattatāya alīnaṃ, uddhaccapakkhikānaṃ anadhimattatāya anuddhataṃ, paññāpayogasampattiyā upasamasukhādhigamena ca anirassādaṃ, tato eva ārammaṇe samappavattaṃ samathavīthipaṭipannañca. Tattha alīnatāya paggahe, anuddhatāya ca niggahe, anirassādatāya sampahaṃsane na byāpāraṃ āpajjati. Alīnānuddhaccatāhi ārammaṇe samappavattaṃ, anirassādatāya samathavīthipaṭipannaṃ, samappavattiyā vā alīnaṃ anuddhataṃ, samathavīthipaṭipattiyā anirassādanti daṭṭhabbaṃ. Ayaṃ vuccati samaye ajjhupekkhanatāti ayaṃ ajjhupekkhitabbasamaye cittassa paggahaniggahasampahaṃsanesu byāvaṭatāsaṅkhātaṃ paṭipakkhaṃ abhibhuyya upekkhanā vuccati. Esāti samādhibojjhaṅgo anuppanno uppajjati. Arahattamaggena bhāvanāpāripūrī hotīti etena nippariyāyato samādhivepullappattopi arahā evāti dasseti.
อนุโรธวิโรธปหานวเสน มชฺฌตฺตภาโว อุเปกฺขาสโมฺพชฺฌงฺคสฺส การณํ ตสฺมิํ สติ สิชฺฌนโต, อสติ จ อสิชฺฌนโต, โส จ มชฺฌตฺตภาโว วิสยวเสน ทุวิโธติ อาห ‘‘สตฺตมชฺฌตฺตตา สงฺขารมชฺฌตฺตตา’’ติฯ ตทุภยวเสน จสฺส วิรุชฺฌนํ ปสฺสทฺธิสโมฺพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาย เอว ทูรีกตนฺติ อนุรุชฺฌนเสฺสว ปหานวิธิํ ทเสฺสโนฺต ‘‘สตฺตมชฺฌตฺตตา’’ติอาทิมาหฯ ตถา หิสฺส สตฺตสงฺขารเกลายนปุคฺคลปริวชฺชนํ ‘‘อุปฺปตฺติยา การณ’’นฺติ วุจฺจติฯ อุเปกฺขาย หิ วิเสสโต ราโค ปฎิปโกฺข, ตโต ราคพหุลสฺส ปุคฺคลสฺส อุเปกฺขา ‘‘วิสุทฺธิมโคฺค’’ติ วุจฺจติฯ ทฺวีหากาเรหีติ กมฺมสฺสกตาปจฺจเวกฺขณํ อตฺตสุญฺญตาปจฺจเวกฺขณนฺติ อิเมหิ ทฺวีหิ การเณหิฯ ทฺวีเหวาติ อวธารณํ สงฺขารสหิตาย สงฺขฺยาสมานตาย ทสฺสนตฺถํฯ สงฺขฺยา เอว เหตฺถ สมานํ, น สเงฺขฺยยฺยํ สพฺพถา สมานนฺติฯ อสฺสามิกภาโว อนตฺตนิยตาฯ สติ หิ อตฺตนิ ตสฺส กิญฺจนภาเวน จีวรํ อญฺญํ วา กิญฺจิ อตฺตนิยํ นาม สิยา, โส ปน โกจิ นเตฺถวาติ อธิปฺปาโยฯ อนทฺธนิยนฺติ, น อทฺธานกฺขมํ, น จิรฎฺฐายิ อิตฺตรํ อนิจฺจนฺติ อโตฺถฯ ตาวกาลิกนฺติ ตเสฺสว เววจนํฯ
Anurodhavirodhapahānavasena majjhattabhāvo upekkhāsambojjhaṅgassa kāraṇaṃ tasmiṃ sati sijjhanato, asati ca asijjhanato, so ca majjhattabhāvo visayavasena duvidhoti āha ‘‘sattamajjhattatā saṅkhāramajjhattatā’’ti. Tadubhayavasena cassa virujjhanaṃ passaddhisambojjhaṅgassa bhāvanāya eva dūrīkatanti anurujjhanasseva pahānavidhiṃ dassento ‘‘sattamajjhattatā’’tiādimāha. Tathā hissa sattasaṅkhārakelāyanapuggalaparivajjanaṃ ‘‘uppattiyā kāraṇa’’nti vuccati. Upekkhāya hi visesato rāgo paṭipakkho, tato rāgabahulassa puggalassa upekkhā ‘‘visuddhimaggo’’ti vuccati. Dvīhākārehīti kammassakatāpaccavekkhaṇaṃ attasuññatāpaccavekkhaṇanti imehi dvīhi kāraṇehi. Dvīhevāti avadhāraṇaṃ saṅkhārasahitāya saṅkhyāsamānatāya dassanatthaṃ. Saṅkhyā eva hettha samānaṃ, na saṅkhyeyyaṃ sabbathā samānanti. Assāmikabhāvo anattaniyatā. Sati hi attani tassa kiñcanabhāvena cīvaraṃ aññaṃ vā kiñci attaniyaṃ nāma siyā, so pana koci natthevāti adhippāyo. Anaddhaniyanti, na addhānakkhamaṃ, na ciraṭṭhāyi ittaraṃ aniccanti attho. Tāvakālikanti tasseva vevacanaṃ.
มมายตีติ มมตฺตํ กโรติฯ มมาติ ตณฺหาย ปริคฺคยฺห ติฎฺฐติฯ ธนายนฺตาติ ธนํ ทพฺพํ กโรนฺตาฯ อสฺสาติ อุเปกฺขาสโมฺพชฺฌงฺคสฺส อรหตฺตมเคฺคน ภาวนาปาริปูรี โหติฯ ตถา หิ อรหโต เอว ฉฬงฺคุเปกฺขานิปฺผตฺติฯ
Mamāyatīti mamattaṃ karoti. Mamāti taṇhāya pariggayha tiṭṭhati. Dhanāyantāti dhanaṃ dabbaṃ karontā. Assāti upekkhāsambojjhaṅgassa arahattamaggena bhāvanāpāripūrī hoti. Tathā hi arahato eva chaḷaṅgupekkhānipphatti.
อสุภารมฺมณา ธมฺมาติ อสุภปฺปการา อสุภฌานสฺส อารมฺมณภูตา ธมฺมาฯ กามํ อินฺทฺริยพทฺธาปิ เกสาทโย อสุภปฺปการา เอว, วิเสสโต ปน ชิคุจฺฉิตเพฺพ ชิคุจฺฉาวเห คณฺหโนฺต ‘‘ทสา’’ติ อาหฯ ยถา มนสิกโรโต สภาวสรสโต ตตฺถ อสุภสญฺญา สนฺติฎฺฐติ, ตถา ปวโตฺต มนสิกาโร อุปายมนสิกาโรฯ อสุเภ อสุภปฎิกฺกูลาการสฺส อุคฺคณฺหนํ, ยถา วา ตตฺถ อุคฺคหนิมิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, ตถา มนสิกาโร อสุภนิมิตฺตสฺส อุคฺคโหฯ อุปจารปฺปนาวหาย อสุภภาวนาย อนุยุญฺชนา อสุภภาวนานุโยโคฯ
Asubhārammaṇādhammāti asubhappakārā asubhajhānassa ārammaṇabhūtā dhammā. Kāmaṃ indriyabaddhāpi kesādayo asubhappakārā eva, visesato pana jigucchitabbe jigucchāvahe gaṇhanto ‘‘dasā’’ti āha. Yathā manasikaroto sabhāvasarasato tattha asubhasaññā santiṭṭhati, tathā pavatto manasikāro upāyamanasikāro. Asubhe asubhapaṭikkūlākārassa uggaṇhanaṃ, yathā vā tattha uggahanimittaṃ uppajjati, tathā manasikāro asubhanimittassa uggaho. Upacārappanāvahāya asubhabhāvanāya anuyuñjanā asubhabhāvanānuyogo.
มนจฺฉฎฺฐานํ อินฺทฺริยานํ สุฎฺฐุ สุสํวรเณ สติ อวสรํ อลภโนฺต กามจฺฉโนฺท ปหียเตว, ตถา โภชเน มตฺตญฺญุโน มิตาหารสฺส ถินมิทฺธาภิภวาภาวา โอตารํ อลภมาโน กามจฺฉโนฺท ปหียติฯ โย ปน อาหาเร ปฎิกฺกูลสญฺญํ ตพฺพิปริณามสฺส ตทาธารสฺส ตสฺส จ อุทริยภูตสฺส อติวิย เชคุจฺฉตํ, กายสฺส จ อาหารติฎฺฐกตํ สมฺมเทว ชานาติ, โส สพฺพโส โภชเน ปมาณสฺส ชานเนน วิเสสโต โภชเน มตฺตญฺญู นามฯ ตสฺส กามจฺฉโนฺท ปหียเตว, อฎฺฐกถายํ ปน อปฺปาหารตํเยว ทเสฺสตุํ ‘‘จตุนฺน’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ อสุภกมฺมิกติสฺสเตฺถโร ทนฺตฎฺฐิทสฺสาวีฯ ปหีนสฺสาติ วิกฺขมฺภนวเสน ปหีนสฺสฯ อภิธมฺมปริยาเยน สโพฺพปิ โลโภ กามจฺฉนฺทนีวรณนฺติ ‘‘อรหตฺตมเคฺคน อายติํ อนุปฺปาโท’’ติ วุตฺตํฯ
Manacchaṭṭhānaṃ indriyānaṃ suṭṭhu susaṃvaraṇe sati avasaraṃ alabhanto kāmacchando pahīyateva, tathā bhojane mattaññuno mitāhārassa thinamiddhābhibhavābhāvā otāraṃ alabhamāno kāmacchando pahīyati. Yo pana āhāre paṭikkūlasaññaṃ tabbipariṇāmassa tadādhārassa tassa ca udariyabhūtassa ativiya jegucchataṃ, kāyassa ca āhāratiṭṭhakataṃ sammadeva jānāti, so sabbaso bhojane pamāṇassa jānanena visesato bhojane mattaññū nāma. Tassa kāmacchando pahīyateva, aṭṭhakathāyaṃ pana appāhārataṃyeva dassetuṃ ‘‘catunna’’ntiādi vuttaṃ. Asubhakammikatissatthero dantaṭṭhidassāvī. Pahīnassāti vikkhambhanavasena pahīnassa. Abhidhammapariyāyena sabbopi lobho kāmacchandanīvaraṇanti ‘‘arahattamaggena āyatiṃ anuppādo’’ti vuttaṃ.
เมชฺชติ หิตผรณวเสน สินิยฺหตีติ มิโตฺต, หิเตสี ปุคฺคโล, ตสฺมิํ มิเตฺต ภวา, มิตฺตสฺส วา เอสาติ เมตฺตา, หิเตสิตาฯ สา เอว ปฎิปกฺขโต เจตโส วิมุตฺตีติ เมตฺตาเจโตวิมุตฺติฯ ตตฺถ เมตฺตายนสฺส สเตฺตสุ หิตผรณสฺส อุปฺปาทนํ ปวตฺตนํ เมตฺตานิมิตฺตสฺส อุคฺคโหฯ เตนาห ‘‘โอทิสฺสกา’’ติอาทิฯ
Mejjati hitapharaṇavasena siniyhatīti mitto, hitesī puggalo, tasmiṃ mitte bhavā, mittassa vā esāti mettā, hitesitā. Sā eva paṭipakkhato cetaso vimuttīti mettācetovimutti. Tattha mettāyanassa sattesu hitapharaṇassa uppādanaṃ pavattanaṃ mettānimittassa uggaho. Tenāha ‘‘odissakā’’tiādi.
ตตฺถ อตฺตปิยสหายมชฺฌตฺตเวริวเสน โอทิสฺสกตาฯ สีมาสเมฺภเท กเต อโนทิสฺสกตาฯ เอกาทิทิสาผรณวเสน ทิสาผรณตา เมตฺตาย อุคฺคณฺหเน เวทิตพฺพาฯ อุคฺคโห ยาว อุปจารา ทฎฺฐโพฺพฯ อุคฺคหิตาย อาเสวนา ภาวนา, สพฺพา อิตฺถิโย ปุริสา อริยา อนริยา เทวา มนุสฺสา วินิปาติกาติ สโตฺตธิกรณวเสน ปวตฺตา สตฺตวิธา, อฎฺฐวีสติวิธา วา, ทสหิ ทิสาหิ ทิโสธิกรณวเสน ปวตฺตา ทสวิธา, เอเกกาย ทิสาย สตฺตาทิอิตฺถาทิอเวราทิเภเทน อสีตาธิกจตุสตปฺปเภทา จ โอธิโสผรณเมตฺตาฯ สเพฺพ สตฺตา, ปาณา, ภูตา, ปุคฺคลา, อตฺตภาวปริยาปนฺนาติ เอเตสํ วเสน ปญฺจวิธาฯ เอเกกสฺมิํ อเวรา โหนฺตุ, อพฺยาปชฺชา, อนีฆา, สุขี อตฺตานํ ปริหรนฺตูติ จตุธา ปวตฺติยา วีสติวิธา อโนธิโสผรณเมตฺตา, ตํ สนฺธายาห – ‘‘โอธิโส…เป.… ภาเวนฺตสฺสปี’’ติฯ ตฺวํ เอตสฺสาติอาทินา กมฺมสฺสกตาปจฺจเวกฺขณํ ทเสฺสติ ฯ ปฎิสงฺขาเน ฐิตสฺสาติ โกเธ ยถาวุตฺตสฺส อาทีนวสฺส ตปฺปฎิปกฺขโต อโกเธ เมตฺตาย อานิสํสสฺส จ ปฎิสงฺขาเน สมฺมเทว ชานเนฯ เสวนฺตสฺสาติ ภชนฺตสฺส พฺยาปาโท ปหียติฯ
Tattha attapiyasahāyamajjhattaverivasena odissakatā. Sīmāsambhede kate anodissakatā. Ekādidisāpharaṇavasena disāpharaṇatā mettāya uggaṇhane veditabbā. Uggaho yāva upacārā daṭṭhabbo. Uggahitāya āsevanā bhāvanā, sabbā itthiyo purisā ariyā anariyā devā manussā vinipātikāti sattodhikaraṇavasena pavattā sattavidhā, aṭṭhavīsatividhā vā, dasahi disāhi disodhikaraṇavasena pavattā dasavidhā, ekekāya disāya sattādiitthādiaverādibhedena asītādhikacatusatappabhedā ca odhisopharaṇamettā. Sabbe sattā, pāṇā, bhūtā, puggalā, attabhāvapariyāpannāti etesaṃ vasena pañcavidhā. Ekekasmiṃ averā hontu, abyāpajjā, anīghā, sukhī attānaṃ pariharantūti catudhā pavattiyā vīsatividhā anodhisopharaṇamettā, taṃ sandhāyāha – ‘‘odhiso…pe… bhāventassapī’’ti. Tvaṃ etassātiādinā kammassakatāpaccavekkhaṇaṃ dasseti . Paṭisaṅkhāne ṭhitassāti kodhe yathāvuttassa ādīnavassa tappaṭipakkhato akodhe mettāya ānisaṃsassa ca paṭisaṅkhāne sammadeva jānane. Sevantassāti bhajantassa byāpādo pahīyati.
อติโภชเน นิมิตฺตคฺคาโหติ อาหารสฺส อธิกโภชเน ถินมิทฺธสฺส นิมิตฺตคฺคาโห, ‘‘เอตฺตเก ภุเตฺต ถินมิทฺธํ อุปฺปชฺชติ, เอตฺตเก โน’’ติ ถินมิทฺธสฺส การณาการณคฺคาโหติ อโตฺถฯ ทิวา สูริยาโลกนฺติ ทิวา คหิตนิมิตฺตํ สูริยาโลกํ, รตฺติยํ มนสิกโรนฺตสฺสปีติ เอวเมตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ธุตงฺคานํ วีริยนิสฺสิตตฺตา วุตฺตํ ‘‘ธุตงฺคนิสฺสิตสปฺปายกถายปี’’ติฯ
Atibhojane nimittaggāhoti āhārassa adhikabhojane thinamiddhassa nimittaggāho, ‘‘ettake bhutte thinamiddhaṃ uppajjati, ettake no’’ti thinamiddhassa kāraṇākāraṇaggāhoti attho. Divā sūriyālokanti divā gahitanimittaṃ sūriyālokaṃ, rattiyaṃ manasikarontassapīti evamettha attho veditabbo. Dhutaṅgānaṃ vīriyanissitattā vuttaṃ ‘‘dhutaṅganissitasappāyakathāyapī’’ti.
กุกฺกุจฺจมฺปิ กตากตานุโสจนวเสน ปวตฺตมานํ เจตโส อวูปสมาวหตาย อุทฺธเจฺจน สมานลกฺขณเมวาติ ตทุภยสฺส ปหานการณํ ทเสฺสโนฺต ภควา – ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, เจตโส วูปสโม’’ติอาทิมาหฯ ตสฺมา พาหุสจฺจาทิ ตสฺส ปหานการณนฺติ ทเสฺสตุํ ‘‘อปิจ ฉ ธมฺมา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ พหุสฺสุตสฺส คนฺถโต, อตฺถโต ธมฺมํ วิจาเรนฺตสฺส อตฺตเวทาทิปฎิลาภสมฺภวโต วิเกฺขโป น โหติฯ ยถาวิหิตปฎิปตฺติยา ยถาธมฺมปฎิการปฺปตฺติยา จ วิปฺปฎิสาโร อนวสโรวาติ ‘‘พาหุสเจฺจนปิ…เป.… อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหียตี’’ติ วุตฺตํฯ ยทเคฺคน พหุสฺสุตสฺส ปฎิสงฺขานวโต อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหียติ, ตทเคฺคน ปริปุจฺฉกตาวินยปกตญฺญุตาหิปิ ตํ ปหียตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ วุทฺธเสวิตา จ วุทฺธสีลิตํ อาวหตีติ เจตโส วูปสมกรตฺตา อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส ปหานการี วุตฺตา, วุทฺธภาวํ ปน อนเปกฺขิตฺวา วินยธรา กุกฺกุจฺจวิโนทกา กลฺยาณมิตฺตาติ ทฎฺฐพฺพาฯ วิเกฺขโป จ ภิกฺขูนํ เยภุเยฺยน กุกฺกุจฺจเหตุโก โหตีติ ‘‘กปฺปิยากปฺปิยปริปุจฺฉาพหุลสฺสา’’ติอาทินา วินยนเยเนว ปริปุจฺฉกตาทโย นิทฺทิฎฺฐาฯ ปหีเน อุทฺธจฺจกุกฺกุเจฺจติ นิทฺธารเณ ภุมฺมํฯ กุกฺกุจฺจสฺส โทมนสฺสสหคตตฺตา อนาคามิมเคฺคน อายติํ อนุปฺปาโท วุโตฺตฯ
Kukkuccampi katākatānusocanavasena pavattamānaṃ cetaso avūpasamāvahatāya uddhaccena samānalakkhaṇamevāti tadubhayassa pahānakāraṇaṃ dassento bhagavā – ‘‘atthi, bhikkhave, cetaso vūpasamo’’tiādimāha. Tasmā bāhusaccādi tassa pahānakāraṇanti dassetuṃ ‘‘apica cha dhammā’’tiādimāha. Tattha bahussutassa ganthato, atthato dhammaṃ vicārentassa attavedādipaṭilābhasambhavato vikkhepo na hoti. Yathāvihitapaṭipattiyā yathādhammapaṭikārappattiyā ca vippaṭisāro anavasarovāti ‘‘bāhusaccenapi…pe… uddhaccakukkuccaṃ pahīyatī’’ti vuttaṃ. Yadaggena bahussutassa paṭisaṅkhānavato uddhaccakukkuccaṃ pahīyati, tadaggena paripucchakatāvinayapakataññutāhipi taṃ pahīyatīti daṭṭhabbaṃ. Vuddhasevitā ca vuddhasīlitaṃ āvahatīti cetaso vūpasamakarattā uddhaccakukkuccassa pahānakārī vuttā, vuddhabhāvaṃ pana anapekkhitvā vinayadharā kukkuccavinodakā kalyāṇamittāti daṭṭhabbā. Vikkhepo ca bhikkhūnaṃ yebhuyyena kukkuccahetuko hotīti ‘‘kappiyākappiyaparipucchābahulassā’’tiādinā vinayanayeneva paripucchakatādayo niddiṭṭhā. Pahīne uddhaccakukkucceti niddhāraṇe bhummaṃ. Kukkuccassa domanassasahagatattā anāgāmimaggena āyatiṃ anuppādo vutto.
กุสลากุสลา ธมฺมาติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฎฺฐา วุตฺตเมวฯ กามํ พาหุสจฺจปริปุจฺฉกตาหิ อฎฺฐวตฺถุกาปิ วิจิกิจฺฉา ปหียติ, ตถาปิ รตนตฺตยวิจิกิจฺฉามูลิกา เสสวิจิกิจฺฉาติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ตีณิ รตนานิ อารพฺภา’’ติอาทิฯ วินเย ปกตญฺญุตาย จ สติ สิกฺขาย กงฺขาย อสมฺภโว เอว, ตถา รตนตฺตยคุณาวโพเธ สติ ปุพฺพนฺตาทีสุ สํสยสฺสาติ อาห – ‘‘วินเย’’ติอาทิฯ โอกปฺปนียสทฺธา สเทฺธยฺยวตฺถุํ อนุปวิสิตฺวา วิย อธิมุจฺจนํ, ตญฺจ ตถา อธิโมกฺขุปฺปาทนเมวฯ สทฺธาย นินฺนโปณปพฺภารตา อธิมุตฺติฯ อรหเตฺตน กูฎํ คณฺหิ สตฺตปิ โพชฺฌเงฺค วิตฺถาเรตฺวา เทสนาย โอสาปิตตฺตาฯ
Kusalākusalā dhammātiādīsu yaṃ vattabbaṃ, taṃ heṭṭhā vuttameva. Kāmaṃ bāhusaccaparipucchakatāhi aṭṭhavatthukāpi vicikicchā pahīyati, tathāpi ratanattayavicikicchāmūlikā sesavicikicchāti katvā vuttaṃ ‘‘tīṇi ratanāni ārabbhā’’tiādi. Vinaye pakataññutāya ca sati sikkhāya kaṅkhāya asambhavo eva, tathā ratanattayaguṇāvabodhe sati pubbantādīsu saṃsayassāti āha – ‘‘vinaye’’tiādi. Okappanīyasaddhā saddheyyavatthuṃ anupavisitvā viya adhimuccanaṃ, tañca tathā adhimokkhuppādanameva. Saddhāya ninnapoṇapabbhāratā adhimutti. Arahattena kūṭaṃ gaṇhi sattapi bojjhaṅge vitthāretvā desanāya osāpitattā.
อาหารสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Āhārasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๑. อาหารสุตฺตํ • 1. Āhārasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๑. อาหารสุตฺตวณฺณนา • 1. Āhārasuttavaṇṇanā