Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ธมฺมสงฺคณี-มูลฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-mūlaṭīkā

    อพฺยากตปทํ

    Abyākatapadaṃ

    อเหตุกกุสลวิปากวณฺณนา

    Ahetukakusalavipākavaṇṇanā

    ๔๓๑. เตสุ วิปากาพฺยากตนฺติอาทีนํ ‘‘ภาเชตฺวา ทเสฺสตุํ กตเม ธมฺมา อพฺยากตาติอาทิ อารทฺธ’’นฺติ เอเตน สมฺพโนฺธฯ ตสฺสาปีติ เอตสฺส ‘‘อุปฺปตฺติํ ทีเปตุํ กามา…เป.… อาทิ วุตฺต’’นฺติ เอเตน สมฺพโนฺธฯ อุปจิตตฺตาติ ยถา อญฺญสฺส วิปากํ ปฎิพาหิตฺวา อตฺตโน วิปากาภิมุขํ โหติ ตถา วฑฺฒิตตฺตาฯ รูปาทีนํ ปจฺจยานํ อญฺญวิญฺญาณสาธารณตฺตา อสาธารเณน วตฺถุนา จกฺขุวิญฺญาณํ โสตวิญฺญาณนฺติ นามํ อุทฺธฎํฯ จกฺขาทีนํ ติกฺขมนฺทภาเว วิญฺญาณานํ ติกฺขมนฺทภาวา วิเสสปจฺจยตฺตา จฯ

    431. Tesuvipākābyākatantiādīnaṃ ‘‘bhājetvā dassetuṃ katame dhammā abyākatātiādi āraddha’’nti etena sambandho. Tassāpīti etassa ‘‘uppattiṃ dīpetuṃ kāmā…pe… ādi vutta’’nti etena sambandho. Upacitattāti yathā aññassa vipākaṃ paṭibāhitvā attano vipākābhimukhaṃ hoti tathā vaḍḍhitattā. Rūpādīnaṃ paccayānaṃ aññaviññāṇasādhāraṇattā asādhāraṇena vatthunā cakkhuviññāṇaṃ sotaviññāṇanti nāmaṃ uddhaṭaṃ. Cakkhādīnaṃ tikkhamandabhāve viññāṇānaṃ tikkhamandabhāvā visesapaccayattā ca.

    จกฺขุสนฺนิสฺสิตญฺจ ตํ รูปวิชานนญฺจาติ จกฺขุสนฺนิสฺสิตรูปวิชานนํฯ เอวํลกฺขณํ จกฺขุวิญฺญาณํฯ ตตฺถ จกฺขุสนฺนิสฺสิตวจเนน รูปารมฺมณํ อญฺญวิญฺญาณํ ปฎิกฺขิปติฯ รูปวิชานนวจเนน จกฺขุนิสฺสเย ผสฺสาทโย นิวเตฺตติฯ จกฺขุรูปวจเนหิ จ นิสฺสยโต อารมฺมณโต จ วิชานนํ วิภาเวติฯ รูปมตฺตสฺส อารมฺมณสฺส คหณํ กิจฺจเมตสฺสาติ รูปมตฺตารมฺมณรสํฯ ฌานงฺควเสนาติ อิทํ ทฺวิปญฺจวิญฺญาณวเชฺชสุ วิชฺชมานานํ อุเปกฺขาสุขทุเกฺขกคฺคตานํ ฌานงฺคิกตฺตา อิธาปิ ตํสทิสานํ ตทุปจารํ กตฺวา วุตฺตํฯ น หิ ฌานปจฺจยตฺตาภาเว ฌานงฺคตา อตฺถิฯ วุตฺตญฺหิ ‘‘ฌานงฺคานิ ฌานสมฺปยุตฺต…เป.… รูปานํ ฌานปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฎฺฐา. ๑.๓.๑๑๒)ฯ เอเตสญฺจ ฌานปจฺจยภาโว ปฎิกฺขิโตฺตฯ ยถาห ‘‘อพฺยากตํ ธมฺมํ ปฎิจฺจ อพฺยากโต ธโมฺม อุปฺปชฺชติ น ฌานปจฺจยาฯ ปญฺจวิญฺญาณสหคตํ เอกํ ขนฺธํ ปฎิจฺจ ตโย ขนฺธา’’ติอาทิ (ปฎฺฐา. ๑.๑.๙๘)ฯ ฌานปจฺจยตฺตาภาเวปิ เวทนาจิตฺตฎฺฐิตีนํ อุเปกฺขาทิภาวโต ตถาภูตานํ วจเน อญฺญฎฺฐานาภาวโต จ ทุติยราสินิเทฺทโสฯ

    Cakkhusannissitañca taṃ rūpavijānanañcāti cakkhusannissitarūpavijānanaṃ. Evaṃlakkhaṇaṃ cakkhuviññāṇaṃ. Tattha cakkhusannissitavacanena rūpārammaṇaṃ aññaviññāṇaṃ paṭikkhipati. Rūpavijānanavacanena cakkhunissaye phassādayo nivatteti. Cakkhurūpavacanehi ca nissayato ārammaṇato ca vijānanaṃ vibhāveti. Rūpamattassa ārammaṇassa gahaṇaṃ kiccametassāti rūpamattārammaṇarasaṃ. Jhānaṅgavasenāti idaṃ dvipañcaviññāṇavajjesu vijjamānānaṃ upekkhāsukhadukkhekaggatānaṃ jhānaṅgikattā idhāpi taṃsadisānaṃ tadupacāraṃ katvā vuttaṃ. Na hi jhānapaccayattābhāve jhānaṅgatā atthi. Vuttañhi ‘‘jhānaṅgāni jhānasampayutta…pe… rūpānaṃ jhānapaccayena paccayo’’ti (paṭṭhā. 1.3.112). Etesañca jhānapaccayabhāvo paṭikkhitto. Yathāha ‘‘abyākataṃ dhammaṃ paṭicca abyākato dhammo uppajjati na jhānapaccayā. Pañcaviññāṇasahagataṃ ekaṃ khandhaṃ paṭicca tayo khandhā’’tiādi (paṭṭhā. 1.1.98). Jhānapaccayattābhāvepi vedanācittaṭṭhitīnaṃ upekkhādibhāvato tathābhūtānaṃ vacane aññaṭṭhānābhāvato ca dutiyarāsiniddeso.

    ๔๓๖. วตฺถุปณฺฑรตฺตาติ สยํ กณฺหธมฺมานํ อปฺปฎิปกฺขตฺตา สภาวปริสุทฺธานํ ปสาทหทยวตฺถุนิสฺสยานํ วเสน ปณฺฑรสภาวํ ชาตนฺติ อธิปฺปาโยฯ อยํ ปน นโย จตุโวกาเร น ลพฺภตีติ ตตฺถ ภวงฺคสฺส ตโต นิกฺขนฺตากุสลสฺส จ ปณฺฑรตา น สิยา, ตสฺมา ตตฺถ ปณฺฑรตาย การณํ วตฺตพฺพํฯ สภาโว วายํ จิตฺตสฺส ปณฺฑรตาติฯ

    436. Vatthupaṇḍarattāti sayaṃ kaṇhadhammānaṃ appaṭipakkhattā sabhāvaparisuddhānaṃ pasādahadayavatthunissayānaṃ vasena paṇḍarasabhāvaṃ jātanti adhippāyo. Ayaṃ pana nayo catuvokāre na labbhatīti tattha bhavaṅgassa tato nikkhantākusalassa ca paṇḍaratā na siyā, tasmā tattha paṇḍaratāya kāraṇaṃ vattabbaṃ. Sabhāvo vāyaṃ cittassa paṇḍaratāti.

    ๔๓๙. อิทมฺปีติ ปิ-สโทฺท ฐิติมตฺตสหิตํ ปุเพฺพ วุตฺตํ วิจิกิจฺฉาสหคตํ อเปกฺขิตฺวา วุโตฺตฯ ปกติยาติ อนติกฺกมเนนฯ โสปิ วิเสโสฯ กายปฺปสาทํ ฆเฎฺฎตฺวา ปสาทปจฺจเยสุ มหาภูเตสุ ปฎิหญฺญตีติ อาปาถํ คนฺตฺวา ปฎิหญฺญตีติ อโตฺถฯ ยถา จ ‘‘รูปํ อารพฺภ อุปฺปนฺน’’นฺติ วุเตฺต น อารมฺมณุปฺปาทานํ ปุพฺพาปรกาลตา โหติ, เอวมิธาปิ ฆฎฺฎนปฎิหนเนสุ ทฎฺฐพฺพํฯ อุปมาปิ อุภยฆฎฺฎนทสฺสนตฺถํ วุตฺตา, น นิสฺสิตนิสฺสยฆฎฺฎนานํ ปุพฺพาปรตาทสฺสนตฺถํฯ เอตฺถ จ พหิทฺธาติ เอตํ นิทสฺสนมตฺตํฯ อชฺฌตฺตมฺปิ หิ อารมฺมณํ โหตีติฯ วิญฺญาณธาตุนิสฺสยภูเตหิ วา อญฺญํ ‘‘พหิทฺธา’’ติ วุตฺตํฯ ปฎิฆฎฺฎนานิฆํโส พลวา โหติ, ตโต เอว อิฎฺฐานิฎฺฐโผฎฺฐพฺพสมาโยเค สุขทุกฺขปจฺจยา ธาตุอนุคฺคหธาตุโกฺขภา จิรํ อนุวตฺตนฺติฯ

    439. Idampīti pi-saddo ṭhitimattasahitaṃ pubbe vuttaṃ vicikicchāsahagataṃ apekkhitvā vutto. Pakatiyāti anatikkamanena. Sopi viseso. Kāyappasādaṃ ghaṭṭetvā pasādapaccayesu mahābhūtesu paṭihaññatīti āpāthaṃ gantvā paṭihaññatīti attho. Yathā ca ‘‘rūpaṃ ārabbha uppanna’’nti vutte na ārammaṇuppādānaṃ pubbāparakālatā hoti, evamidhāpi ghaṭṭanapaṭihananesu daṭṭhabbaṃ. Upamāpi ubhayaghaṭṭanadassanatthaṃ vuttā, na nissitanissayaghaṭṭanānaṃ pubbāparatādassanatthaṃ. Ettha ca bahiddhāti etaṃ nidassanamattaṃ. Ajjhattampi hi ārammaṇaṃ hotīti. Viññāṇadhātunissayabhūtehi vā aññaṃ ‘‘bahiddhā’’ti vuttaṃ. Paṭighaṭṭanānighaṃso balavā hoti, tato eva iṭṭhāniṭṭhaphoṭṭhabbasamāyoge sukhadukkhapaccayā dhātuanuggahadhātukkhobhā ciraṃ anuvattanti.

    ๔๕๕. อเญฺญสํ จิตฺตานํ สภาวสุญฺญตสพฺภาวา มโนธาตุภาโว อาปชฺชตีติ เจ? น, วิเสสสพฺภาวาฯ จกฺขุวิญฺญาณาทีนญฺหิ จกฺขาทินิสฺสิตตา จกฺขาทีนํ สวิสเยสุ ทสฺสนาทิปฺปวตฺติภาวตา จ วิเสโสฯ มโนวิญฺญาณสฺส ปน อนญฺญนิสฺสยมโนปุพฺพงฺคมตาย อญฺญนิสฺสยวิญฺญาณสฺส อนนฺตรปจฺจยตฺตาภาเวน มโนทฺวารนิคฺคมนมุขภาวาภาวโต จ สาติสยวิชานนกิจฺจตา วิเสโสฯ ตพฺพิเสสวิรหา มโนมตฺตา ธาตุ มโนธาตูติ ติวิธา มโนธาตุ เอว วุจฺจติ, น วิเสสมโนฯ ตสฺมา เอตฺถ มโน เอว ธาตุ มโนธาตูติ เอว-สโทฺท มตฺตสทฺทโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ วิเสสนิวตฺตนโตฺถ หิ โส วิญฺญาณสฺสาติฯ มโนทฺวารนิคฺคมนปเวสมุขภาวโต ปน มโนธาตุยา วิชานนวิเสสวิรโห ทฎฺฐโพฺพ, ตโต เอว มโนวิญฺญาณนฺติปิ น วุจฺจติฯ น หิ ตํ วิญฺญาณํ มนโต ปวตฺตํ มนโส ปจฺจโย, นาปิ มนโส ปจฺจยภูตํ มนโต ปวตฺตํ, ทสฺสนาทีนํ ปน ปจฺจโย, เตหิ จ ปวตฺตํ เตสํ ปุเรจรํ อนุจรญฺจาติฯ สมฺมาสงฺกโปฺปติ อวจนํ มหาวิปากานํ วิย ชนกสทิสตฺตาภาวโตฯ ตตฺถ หิ ติเหตุกโต ทุเหตุกมฺปิ อุปฺปชฺชมานํ สมฺมาสงฺกปฺปตาทีหิ สทิสํ สเหตุกตายาติฯ ปญฺจวิญฺญาณโสเตติ เอตฺถ ยถา ปคุณํ คนฺถํ สชฺฌายโนฺต สชฺฌายโสเต ปติตํ กญฺจิ กญฺจิ วาจนามคฺคํ น สลฺลเกฺขติ, เอวํ ตถาคตสฺส อสลฺลกฺขณา นาม นตฺถิ, น จ ปญฺจวิญฺญาณโสเต ฌานงฺคาภาโว อิธ อวจนสฺส การณํฯ ยทิ ตทนนฺตรํ นิเทฺทโส ตํโสตปติตตา, อิโต ปเรสํ ทฺวินฺนํ มโนวิญฺญาณธาตูนํ ตํโสตปติตตา น สิยาฯ ตสฺมา ปญฺจวิญฺญาณานํ วิย อเหตุกตาย มคฺคปจฺจยวิรหา จ วิชฺชมาเนสุปิ วิตกฺกวิจาเรสุ ฌานงฺคธมฺมานํ ทุพฺพลตฺตา ปญฺจวิญฺญาเณสุ วิย อคณนุปคภาวา จ ปญฺจวิญฺญาณโสตปติตตาฯ ตโต เอว หิ อเหตุกกิริยตฺตเยปิ ฌานงฺคานิ พลานิ จ สงฺคหวาเร น อุทฺธฎานิ, ฌานปจฺจยกิจฺจมตฺตโต ปน ปฎฺฐาเน ทุพฺพลานํ เอตฺถ วิตกฺกาทีนํ ฌานปจฺจยตา วุตฺตาฯ

    455. Aññesaṃ cittānaṃ sabhāvasuññatasabbhāvā manodhātubhāvo āpajjatīti ce? Na, visesasabbhāvā. Cakkhuviññāṇādīnañhi cakkhādinissitatā cakkhādīnaṃ savisayesu dassanādippavattibhāvatā ca viseso. Manoviññāṇassa pana anaññanissayamanopubbaṅgamatāya aññanissayaviññāṇassa anantarapaccayattābhāvena manodvāraniggamanamukhabhāvābhāvato ca sātisayavijānanakiccatā viseso. Tabbisesavirahā manomattā dhātu manodhātūti tividhā manodhātu eva vuccati, na visesamano. Tasmā ettha mano eva dhātu manodhātūti eva-saddo mattasaddattho daṭṭhabbo. Visesanivattanattho hi so viññāṇassāti. Manodvāraniggamanapavesamukhabhāvato pana manodhātuyā vijānanavisesaviraho daṭṭhabbo, tato eva manoviññāṇantipi na vuccati. Na hi taṃ viññāṇaṃ manato pavattaṃ manaso paccayo, nāpi manaso paccayabhūtaṃ manato pavattaṃ, dassanādīnaṃ pana paccayo, tehi ca pavattaṃ tesaṃ purecaraṃ anucarañcāti. Sammāsaṅkappoti avacanaṃ mahāvipākānaṃ viya janakasadisattābhāvato. Tattha hi tihetukato duhetukampi uppajjamānaṃ sammāsaṅkappatādīhi sadisaṃ sahetukatāyāti. Pañcaviññāṇasoteti ettha yathā paguṇaṃ ganthaṃ sajjhāyanto sajjhāyasote patitaṃ kañci kañci vācanāmaggaṃ na sallakkheti, evaṃ tathāgatassa asallakkhaṇā nāma natthi, na ca pañcaviññāṇasote jhānaṅgābhāvo idha avacanassa kāraṇaṃ. Yadi tadanantaraṃ niddeso taṃsotapatitatā, ito paresaṃ dvinnaṃ manoviññāṇadhātūnaṃ taṃsotapatitatā na siyā. Tasmā pañcaviññāṇānaṃ viya ahetukatāya maggapaccayavirahā ca vijjamānesupi vitakkavicāresu jhānaṅgadhammānaṃ dubbalattā pañcaviññāṇesu viya agaṇanupagabhāvā ca pañcaviññāṇasotapatitatā. Tato eva hi ahetukakiriyattayepi jhānaṅgāni balāni ca saṅgahavāre na uddhaṭāni, jhānapaccayakiccamattato pana paṭṭhāne dubbalānaṃ ettha vitakkādīnaṃ jhānapaccayatā vuttā.

    ๔๖๙. สมานวตฺถุกํ อนนฺตรปจฺจยํ ลภิตฺวา อุปฺปชฺชมานํ สนฺตีรณํ มโนธาตุโต พลวตรํ โหตีติ ตํ ยถารมฺมณํ อารมฺมณรสํ อนุภวนฺตํ อิเฎฺฐ โสมนสฺสสหคตํ โหติ, อิฎฺฐมชฺฌเตฺต อุเปกฺขาสหคตํ สาติสยานุภวตฺตา, ตสฺมา ‘‘อยญฺหิ อิฎฺฐารมฺมณสฺมิํ เยวา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ โวฎฺฐพฺพนํ ปน สติปิ พลวภาเว วิปากปฺปวตฺติํ นิวเตฺตตฺวา วิสทิสํ มนํ กโรนฺตํ มนสิการกิจฺจนฺตรโยคโต วิปาโก วิย อนุภวนเมว น โหตีติ สพฺพตฺถ อุเปกฺขาสหคตเมว โหติ, ตถา ปญฺจทฺวาราวชฺชนํ มโนทฺวาราวชฺชนญฺจ กิจฺจวเสน อปุพฺพตฺตาฯ

    469. Samānavatthukaṃ anantarapaccayaṃ labhitvā uppajjamānaṃ santīraṇaṃ manodhātuto balavataraṃ hotīti taṃ yathārammaṇaṃ ārammaṇarasaṃ anubhavantaṃ iṭṭhe somanassasahagataṃ hoti, iṭṭhamajjhatte upekkhāsahagataṃ sātisayānubhavattā, tasmā ‘‘ayañhi iṭṭhārammaṇasmiṃ yevā’’tiādi vuttaṃ. Voṭṭhabbanaṃ pana satipi balavabhāve vipākappavattiṃ nivattetvā visadisaṃ manaṃ karontaṃ manasikārakiccantarayogato vipāko viya anubhavanameva na hotīti sabbattha upekkhāsahagatameva hoti, tathā pañcadvārāvajjanaṃ manodvārāvajjanañca kiccavasena apubbattā.

    อเหตุกกุสลวิปากวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Ahetukakusalavipākavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ธมฺมสงฺคณีปาฬิ • Dhammasaṅgaṇīpāḷi / อพฺยากตวิปาโก • Abyākatavipāko

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / ธมฺมสงฺคณิ-อฎฺฐกถา • Dhammasaṅgaṇi-aṭṭhakathā / อเหตุกกุสลวิปาโก • Ahetukakusalavipāko

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ธมฺมสงฺคณี-อนุฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-anuṭīkā / อเหตุกกุสลวิปากวณฺณนา • Ahetukakusalavipākavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact