Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ธมฺมสงฺคณี-อนุฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-anuṭīkā |
อพฺยากตปทํ
Abyākatapadaṃ
อเหตุกกุสลวิปากวณฺณนา
Ahetukakusalavipākavaṇṇanā
๔๓๑. กามาวจร…เป.… อาทิ วุตฺตนฺติ เอตฺถ อาทิ-สเทฺทน ‘‘อุปจิตตฺตา’’ติ ปทํ สงฺคยฺหติ ‘‘อสาธารณกมฺมปจฺจยวเสนา’’ติ วุตฺตตฺตาฯ ‘‘อุปจิตตฺตาติ ลทฺธาเสวนตฺตา’’ติ เกจิ วทนฺติ , ตํ ปฐมชวนสฺส น ยุชฺชติ อนาเสวนตฺตาฯ ตถา จ สติ ตสฺส วิปากทานเมว น สิยาติ ตโต อญฺญถา อตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยถา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ วิปากาภิมุขนฺติ วิปากทานาภิมุขํ กโตกาสํฯ กโตกาสตา จ อนาทิมฺหิ สํสาเร อเนเกสํ กมฺมานํ กตานํ อตฺถิตาย ปรสฺส ปฎิพาหเนน โหตีติ ‘‘อญฺญสฺส วิปากํ ปฎิพาหิตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ วฑฺฒิตตา จ สกมฺมสฺส พลทานสมตฺถตาวเสน อตฺตโน การเณหิ อภิสงฺขตตาฯ อสาธารเณน นามํ อุทฺธฎํ ‘‘เภรีสโทฺท ยวงฺกุโร’’ติ ยถาฯ วิญฺญาณานนฺติ จกฺขุวิญฺญาณาทีนํฯ วิเสสปจฺจยตฺตาติ อธิกปจฺจยตฺตาฯ
431. Kāmāvacara…pe… ādi vuttanti ettha ādi-saddena ‘‘upacitattā’’ti padaṃ saṅgayhati ‘‘asādhāraṇakammapaccayavasenā’’ti vuttattā. ‘‘Upacitattāti laddhāsevanattā’’ti keci vadanti , taṃ paṭhamajavanassa na yujjati anāsevanattā. Tathā ca sati tassa vipākadānameva na siyāti tato aññathā atthaṃ dassento ‘‘yathā’’tiādimāha. Tattha vipākābhimukhanti vipākadānābhimukhaṃ katokāsaṃ. Katokāsatā ca anādimhi saṃsāre anekesaṃ kammānaṃ katānaṃ atthitāya parassa paṭibāhanena hotīti ‘‘aññassa vipākaṃ paṭibāhitvā’’tiādi vuttaṃ. Vaḍḍhitatā ca sakammassa baladānasamatthatāvasena attano kāraṇehi abhisaṅkhatatā. Asādhāraṇena nāmaṃ uddhaṭaṃ ‘‘bherīsaddo yavaṅkuro’’ti yathā. Viññāṇānanti cakkhuviññāṇādīnaṃ. Visesapaccayattāti adhikapaccayattā.
จกฺขุสนฺนิสฺสิตญฺจ ตํ รูปวิชานนญฺจาติ เอเตน สมานาธิกรณตํ สมาสสฺส ทเสฺสโนฺต ตตฺถ จ ‘‘จกฺขุสนฺนิสฺสิต’’นฺติอาทิปททฺวยสฺส นีลุปฺปลสทฺทาทีนํ วิย อญฺญมญฺญวิเสสนวิเสสิตพฺพภาวมาหฯ อญฺญวิญฺญาณนฺติ รูปารมฺมณํ มโนวิญฺญาณํฯ รูปํเยวารมฺมณนฺติ ปน อเตฺถ ทิพฺพจกฺขุวิญฺญาณํ ทฎฺฐพฺพํ ตํสทิสานํ ตทุปจารํ กตฺวา ยถา ‘‘สา เอว ติตฺติรี ตานิ เอว โอสธานี’’ติฯ ฌานปจฺจยตฺตาภาเว น ฌานงฺคตา นตฺถีติ ปญฺจวิญฺญาเณสุ อุเปกฺขาทีนํ อุปจริตฌานงฺคตํ สาเธติฯ น หิ ฌานงฺคานํ ฌานปจฺจยตํ วตฺวา เตสํ ฌานปจฺจยภาโว ปฎิกฺขิโตฺตติฯ ยทิ เอวํ ปญฺจวิญฺญาเณสุ อุเปกฺขาทโย ฌานราสิฎฺฐาเน น วตฺตพฺพา สิยุนฺติ อาห ‘‘ฌานปจฺจยตฺตาภาเว’’ติอาทิฯ อุเปกฺขาทิภาวโตติ อุเปกฺขาสุขทุเกฺขกคฺคตาภาวโตฯ อญฺญฎฺฐานาภาวโตติ จิตฺตฎฺฐิติํ เอว สนฺธาย วุตฺตํฯ
Cakkhusannissitañca taṃ rūpavijānanañcāti etena samānādhikaraṇataṃ samāsassa dassento tattha ca ‘‘cakkhusannissita’’ntiādipadadvayassa nīluppalasaddādīnaṃ viya aññamaññavisesanavisesitabbabhāvamāha. Aññaviññāṇanti rūpārammaṇaṃ manoviññāṇaṃ. Rūpaṃyevārammaṇanti pana atthe dibbacakkhuviññāṇaṃ daṭṭhabbaṃ taṃsadisānaṃ tadupacāraṃ katvā yathā ‘‘sā eva tittirī tāni eva osadhānī’’ti. Jhānapaccayattābhāve na jhānaṅgatā natthīti pañcaviññāṇesu upekkhādīnaṃ upacaritajhānaṅgataṃ sādheti. Na hi jhānaṅgānaṃ jhānapaccayataṃ vatvā tesaṃ jhānapaccayabhāvo paṭikkhittoti. Yadi evaṃ pañcaviññāṇesu upekkhādayo jhānarāsiṭṭhāne na vattabbā siyunti āha ‘‘jhānapaccayattābhāve’’tiādi. Upekkhādibhāvatoti upekkhāsukhadukkhekaggatābhāvato. Aññaṭṭhānābhāvatoti cittaṭṭhitiṃ eva sandhāya vuttaṃ.
๔๓๖. อกุสลํ ภวงฺคนิสฺสเนฺทน ‘‘ปณฺฑร’’นฺติ วุจฺจติ, ภวเงฺค อปณฺฑเร ตํมูลิกา กุโต อกุสลสฺส ปณฺฑรตาติ ‘‘อกุสลสฺส จา’’ติ วุตฺตํฯ ปณฺฑรตาย การณํ วตฺตพฺพํ, ยทิ อญฺญการณา ปณฺฑรตา, สภาโววายนฺติ จิตฺตสฺส อกิเลสสภาวตาย วุตฺตํ, น เจตฺถ ผสฺสาทีนมฺปิ ปณฺฑรตาปตฺติฯ ยโต ธมฺมานํ สภาวกิจฺจวิเสสญฺญุนา ภควตา วิญฺญาณํเยว ตถา นิทฺทิฎฺฐนฺติฯ
436. Akusalaṃ bhavaṅganissandena ‘‘paṇḍara’’nti vuccati, bhavaṅge apaṇḍare taṃmūlikā kuto akusalassa paṇḍaratāti ‘‘akusalassa cā’’ti vuttaṃ. Paṇḍaratāya kāraṇaṃ vattabbaṃ, yadi aññakāraṇā paṇḍaratā, sabhāvovāyanti cittassa akilesasabhāvatāya vuttaṃ, na cettha phassādīnampi paṇḍaratāpatti. Yato dhammānaṃ sabhāvakiccavisesaññunā bhagavatā viññāṇaṃyeva tathā niddiṭṭhanti.
๔๓๙. อนติกฺกมเนน ภาวนายฯ ปสาทฆฎฺฎนํ วิสยสฺส โยคฺยเทเส อวฎฺฐานนฺติ ‘‘ปสาทํ ฆเฎฺฎตฺวา อาปาถํ คนฺตฺวา’’ติ วุตฺตํฯ มหาภูเตสุ ปฎิหญฺญตีติ เอตฺถ น สยํ กิญฺจิ ปฎิหญฺญติ, นาปิ เกนจิ ปฎิหญฺญียติ อโผฎฺฐพฺพสภาวตฺตาฯ วิสยวิสยีภูตํ ปน อภิมุขภาวปฺปตฺติยา วิญฺญาณุปฺปตฺติยา เหตุตาย วิสิฎฺฐภาวปฺปตฺตํ ปฎิหตปฎิฆาตกภาเวน โวหรียติ , ตสฺมา เตสุ สปฺปฎิฆโวหาโรฯ ‘‘อุปาทารูปํ ฆเฎฺฎตีติ เอวมาทิ จ อุปจารวเสเนว เวทิตพฺพํฯ มหาภูตารมฺมเณน ปน กายปฺปสาทนิสฺสยภูเตสุ มหาภูเตสุ ฆฎฺฎิยมาเนสุ ปสาโทปิ ฆฎฺฎิโต เอว นาม โหตีติ วตฺวา วีมํสิตพฺพ’’นฺติ วทนฺติฯ ยถาธิเปฺปเตน เอกเทสสามเญฺญน อุปมาวจนโต นิสฺสิตนิสฺสยฆฎฺฎนานํ สติปิ ปุพฺพาปรภาเว อุปมเตฺต อุปมาภาเวน คเหตพฺพภาวํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อุภยฆฎฺฎนทสฺสนตฺถ’’นฺติ อาหฯ
439. Anatikkamanena bhāvanāya. Pasādaghaṭṭanaṃ visayassa yogyadese avaṭṭhānanti ‘‘pasādaṃ ghaṭṭetvā āpāthaṃ gantvā’’ti vuttaṃ. Mahābhūtesu paṭihaññatīti ettha na sayaṃ kiñci paṭihaññati, nāpi kenaci paṭihaññīyati aphoṭṭhabbasabhāvattā. Visayavisayībhūtaṃ pana abhimukhabhāvappattiyā viññāṇuppattiyā hetutāya visiṭṭhabhāvappattaṃ paṭihatapaṭighātakabhāvena voharīyati , tasmā tesu sappaṭighavohāro. ‘‘Upādārūpaṃ ghaṭṭetīti evamādi ca upacāravaseneva veditabbaṃ. Mahābhūtārammaṇena pana kāyappasādanissayabhūtesu mahābhūtesu ghaṭṭiyamānesu pasādopi ghaṭṭito eva nāma hotīti vatvā vīmaṃsitabba’’nti vadanti. Yathādhippetena ekadesasāmaññena upamāvacanato nissitanissayaghaṭṭanānaṃ satipi pubbāparabhāve upamatte upamābhāvena gahetabbabhāvaṃ dassento ‘‘ubhayaghaṭṭanadassanattha’’nti āha.
๔๕๕. ทสฺสนาทิปฺปวตฺติภาวโตติ มโนธาตุมโนวิญฺญาณธาตูนํ อทสฺสนาทิตาย สา เอเตสํ เอว วิเสโสฯ อนญฺญนิสฺสยมโนปุพฺพงฺคมตายาติ อญฺญนิสฺสยมโนปุพฺพงฺคมตฺตาภาวโตฯ อญฺญนิสฺสยวิญฺญาณสฺส อนนฺตรปจฺจยตฺตาภาเวนาติ อิมินา กิริยามโนธาตุโตปิ วิเสสสฺส วุตฺตตฺตา ‘‘มโนทฺวารนิคฺคมนมุขภาวาภาวโต’’ติ วุตฺตํ, น วุตฺตํ ‘‘นิคฺคมนปเวสมุขภาวาภาวโต’’ติฯ ติวิเธนปิ หิ มโนธาตุวิญฺญาณธาตูหิ มโนวิญฺญาณธาตุยา วิเสโส ทสฺสิโตติฯ ตโต เอว วิชานนวิเสสวิรหโตเยวฯ ยทิ มโนธาตุ ‘‘มโนวิญฺญาณ’’นฺติ น วุจฺจติ, ฉวิญฺญาณกายาติ กถํ มโนธาตุยา ตตฺถ สงฺคโห โหตีติ? สงฺคโห เอว ปริยายเทสนตฺตาฯ อตฺถิ หิ เอส ปริยาโย ‘‘มนนมตฺตํ วิญฺญาณํ มโนวิญฺญาณ’’นฺติ ยถา ‘‘มนนมตฺตา ธาตุ มโนธาตู’’ติฯ อปิจ วตฺถุกิเจฺจหิ มโนวิญฺญาณสภาคตฺตา ตสฺส อุปรมุปฺปาทภาวโต อนฺตาทิภาวโต จ มโนวิญฺญาณกายสงฺคหิตา มโนธาตุ, น เสสวิญฺญาณกายสงฺคหิตา อตํสภาคตฺตา, อิธ ปน นิปฺปริยายกตตฺตา มนโส สมฺภูย วิสิฎฺฐมโนกิจฺจยุตฺตํ มโนวิญฺญาณนฺติ ตทภาวโต ‘‘มโนวิญฺญาณนฺติปิ น วุจฺจตี’’ติ อิมเมวตฺถํ สาเธตุํ ‘‘น หิ ตํ วิญฺญาณํ มนโต’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เตน มโนธาตุยา นิปฺปริยายโต มโนวิญฺญาณกิจฺจวิรหํเยว ทเสฺสติฯ ทสฺสนาทีนํ ปนาติอาทินา อญฺญวิญฺญาณวิธุรํ มโนธาตุยา จ สภาวํ ทเสฺสติฯ
455. Dassanādippavattibhāvatoti manodhātumanoviññāṇadhātūnaṃ adassanāditāya sā etesaṃ eva viseso. Anaññanissayamanopubbaṅgamatāyāti aññanissayamanopubbaṅgamattābhāvato. Aññanissayaviññāṇassa anantarapaccayattābhāvenāti iminā kiriyāmanodhātutopi visesassa vuttattā ‘‘manodvāraniggamanamukhabhāvābhāvato’’ti vuttaṃ, na vuttaṃ ‘‘niggamanapavesamukhabhāvābhāvato’’ti. Tividhenapi hi manodhātuviññāṇadhātūhi manoviññāṇadhātuyā viseso dassitoti. Tato eva vijānanavisesavirahatoyeva. Yadi manodhātu ‘‘manoviññāṇa’’nti na vuccati, chaviññāṇakāyāti kathaṃ manodhātuyā tattha saṅgaho hotīti? Saṅgaho eva pariyāyadesanattā. Atthi hi esa pariyāyo ‘‘mananamattaṃ viññāṇaṃ manoviññāṇa’’nti yathā ‘‘mananamattā dhātu manodhātū’’ti. Apica vatthukiccehi manoviññāṇasabhāgattā tassa uparamuppādabhāvato antādibhāvato ca manoviññāṇakāyasaṅgahitā manodhātu, na sesaviññāṇakāyasaṅgahitā ataṃsabhāgattā, idha pana nippariyāyakatattā manaso sambhūya visiṭṭhamanokiccayuttaṃ manoviññāṇanti tadabhāvato ‘‘manoviññāṇantipi na vuccatī’’ti imamevatthaṃ sādhetuṃ ‘‘na hi taṃ viññāṇaṃ manato’’tiādi vuttaṃ. Tena manodhātuyā nippariyāyato manoviññāṇakiccavirahaṃyeva dasseti. Dassanādīnaṃ panātiādinā aññaviññāṇavidhuraṃ manodhātuyā ca sabhāvaṃ dasseti.
ยทิ ชนกสทิสตา นาม มหาวิปาเกสุ วิตกฺกาทีนํ สมฺมาสงฺกปฺปาทิตา, ติเหตุกโต นิพฺพตฺตานํ ติเหตุกานํ, ทุเหตุกโต นิพฺพตฺตานํ ทุเหตุกานญฺจ ภวตุ สมฺมาสงฺกปฺปาทิตา, ติเหตุกโต ปน นิพฺพตฺตทุเหตุกานํ กถนฺติ อาห ‘‘ตตฺถ หี’’ติอาทิฯ ตํโสตปติตตา น สิยา ตสฺสา อนานนฺตรตฺตาฯ ตโต เอว หีติอาทินา วุตฺตโสตปติตํ เอวานนฺตเรน วจเนน สมตฺถยติฯ ยทิ วิชฺชมานานมฺปิ มโนธาตุอาทีสุ วิตกฺกาทีนํ ปญฺจวิญฺญาเณสุ วิย อคณนูปคภาโว, เอวํ สเนฺต ปฎฺฐาเน กถํ เตสํ ฌานปจฺจยตาวจนํฯ ‘‘อพฺยากโต ธโมฺม อพฺยากตสฺส ธมฺมสฺส ฌานปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฎฺฐา. ๑.๑.๔๓๑), ‘‘วิปากาพฺยากตานิ กิริยาพฺยากตานิ ฌานงฺคานิ สมฺปยุตฺตกานํ ขนฺธานํ จิตฺตสมุฎฺฐานานญฺจ รูปานํ ฌานปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฎฺฐา. ๑.๑.๔๓๑) หิ วุตฺตํฯ ปจฺจนีเยปิ ‘‘อพฺยากตํ ธมฺมํ ปฎิจฺจ อพฺยากโต ธโมฺม อุปฺปชฺชติ น ฌานปจฺจยา, ปญฺจวิญฺญาณสหิตํ เอกํ ขนฺธํ ปฎิจฺจ ตโย ขนฺธา’’ติอาทินา (ปฎฺฐา. ๑.๑.๙๘) ปญฺจวิญฺญาณานิ เอว อุทฺธฎานิ, น มโนธาตุอาทีนีติ อาห ‘‘ฌานปจฺจยกิจฺจมตฺตโต’’ติอาทิฯ น เหตฺถ ฌานงฺคานํ พลวทุพฺพลภาโว อธิกโต, อถ โข ฌานปจฺจยภาวมตฺตนฺติ อธิปฺปาโยฯ
Yadi janakasadisatā nāma mahāvipākesu vitakkādīnaṃ sammāsaṅkappāditā, tihetukato nibbattānaṃ tihetukānaṃ, duhetukato nibbattānaṃ duhetukānañca bhavatu sammāsaṅkappāditā, tihetukato pana nibbattaduhetukānaṃ kathanti āha ‘‘tattha hī’’tiādi. Taṃsotapatitatā na siyā tassā anānantarattā. Tato eva hītiādinā vuttasotapatitaṃ evānantarena vacanena samatthayati. Yadi vijjamānānampi manodhātuādīsu vitakkādīnaṃ pañcaviññāṇesu viya agaṇanūpagabhāvo, evaṃ sante paṭṭhāne kathaṃ tesaṃ jhānapaccayatāvacanaṃ. ‘‘Abyākato dhammo abyākatassa dhammassa jhānapaccayena paccayo’’ti (paṭṭhā. 1.1.431), ‘‘vipākābyākatāni kiriyābyākatāni jhānaṅgāni sampayuttakānaṃ khandhānaṃ cittasamuṭṭhānānañca rūpānaṃ jhānapaccayena paccayo’’ti (paṭṭhā. 1.1.431) hi vuttaṃ. Paccanīyepi ‘‘abyākataṃ dhammaṃ paṭicca abyākato dhammo uppajjati na jhānapaccayā, pañcaviññāṇasahitaṃ ekaṃ khandhaṃ paṭicca tayo khandhā’’tiādinā (paṭṭhā. 1.1.98) pañcaviññāṇāni eva uddhaṭāni, na manodhātuādīnīti āha ‘‘jhānapaccayakiccamattato’’tiādi. Na hettha jhānaṅgānaṃ balavadubbalabhāvo adhikato, atha kho jhānapaccayabhāvamattanti adhippāyo.
๔๖๙. สมานวตฺถุกํ อนนฺตรปจฺจยํ ลภิตฺวาติ ทสฺสนาทิโต มโนธาตุยา จ พลวภาเว การณวจนํฯ ยถารมฺมณนฺติ อารมฺมณานุรูปํฯ ยทิ สมานนิสฺสยตาย มโนธาตุโต พลวตรตฺตํ วิปากมโนวิญฺญาณธาตุยา โสมนสฺสสหคตาย, โวฎฺฐพฺพนํ กถํ มชฺฌตฺตเวทนนฺติ อนุโยคํ มนสิ กตฺวา ตสฺส พลวภาวํ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา สนฺตติปริณามนพฺยาปารวิเสสา น โสมนสฺสเวทนนฺติ ปริหารํ วทโนฺต ‘‘โวฎฺฐพฺพน’’นฺติอาทิมาหฯ วิปาโก วิย อนุภวนเมว น โหตีติ สติ สมตฺถตาย วิปากานํ เอกเนฺตน อารมฺมณรสานุภวนตาย วุตฺตํฯ
469. Samānavatthukaṃ anantarapaccayaṃ labhitvāti dassanādito manodhātuyā ca balavabhāve kāraṇavacanaṃ. Yathārammaṇanti ārammaṇānurūpaṃ. Yadi samānanissayatāya manodhātuto balavatarattaṃ vipākamanoviññāṇadhātuyā somanassasahagatāya, voṭṭhabbanaṃ kathaṃ majjhattavedananti anuyogaṃ manasi katvā tassa balavabhāvaṃ sampaṭicchitvā santatipariṇāmanabyāpāravisesā na somanassavedananti parihāraṃ vadanto ‘‘voṭṭhabbana’’ntiādimāha. Vipāko viya anubhavanameva na hotīti sati samatthatāya vipākānaṃ ekantena ārammaṇarasānubhavanatāya vuttaṃ.
อเหตุกกุสลวิปากวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Ahetukakusalavipākavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ธมฺมสงฺคณีปาฬิ • Dhammasaṅgaṇīpāḷi / อพฺยากตวิปาโก • Abyākatavipāko
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / ธมฺมสงฺคณิ-อฎฺฐกถา • Dhammasaṅgaṇi-aṭṭhakathā / อเหตุกกุสลวิปาโก • Ahetukakusalavipāko
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ธมฺมสงฺคณี-มูลฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-mūlaṭīkā / อเหตุกกุสลวิปากวณฺณนา • Ahetukakusalavipākavaṇṇanā