Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๓๖๕] ๕. อหิตุณฺฑิกชาตกวณฺณนา

    [365] 5. Ahituṇḍikajātakavaṇṇanā

    ธุโตฺตมฺหีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต เอกํ มหลฺลกภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิฯ วตฺถุ เหฎฺฐา สาลูกชาตเก (ชา. ๑.๓.๑๐๖ อาทโย) วิตฺถาริตํฯ อิธาปิ โส มหลฺลโก เอกํ คามทารกํ ปพฺพาเชตฺวา อโกฺกสติ ปหรติฯ ทารโก ปลายิตฺวา วิพฺภมิฯ ทุติยมฺปิ นํ ปพฺพาเชตฺวา ตเถวากาสิฯ ทุติยมฺปิ วิพฺภมิตฺวา ปุน ยาจิยมาโน โอโลเกตุมฺปิ น อิจฺฉิฯ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฎฺฐาเปสุํ ‘‘อาวุโส, อสุโก นาม มหลฺลโก อตฺตโน สามเณเรน สหาปิ วินาปิ วตฺติตุํ น สโกฺกติ, อิตโร ตสฺส โทสํ ทิสฺวา ปุน โอโลเกตุมฺปิ น อิจฺฉิ, สุหทโย กุมารโก’’ติฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุเพฺพเปส สามเณโร สุหทโยว, สกิํ โทสํ ทิสฺวา ปุน โอโลเกตุมฺปิ น อิจฺฉี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ

    Dhuttomhīti idaṃ satthā jetavane viharanto ekaṃ mahallakabhikkhuṃ ārabbha kathesi. Vatthu heṭṭhā sālūkajātake (jā. 1.3.106 ādayo) vitthāritaṃ. Idhāpi so mahallako ekaṃ gāmadārakaṃ pabbājetvā akkosati paharati. Dārako palāyitvā vibbhami. Dutiyampi naṃ pabbājetvā tathevākāsi. Dutiyampi vibbhamitvā puna yāciyamāno oloketumpi na icchi. Bhikkhū dhammasabhāyaṃ kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ ‘‘āvuso, asuko nāma mahallako attano sāmaṇerena sahāpi vināpi vattituṃ na sakkoti, itaro tassa dosaṃ disvā puna oloketumpi na icchi, suhadayo kumārako’’ti. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘na, bhikkhave, idāneva, pubbepesa sāmaṇero suhadayova, sakiṃ dosaṃ disvā puna oloketumpi na icchī’’ti vatvā atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต ธญฺญวาณิชกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต ธญฺญวิกฺกเยน ชีวิกํ กเปฺปสิฯ อเถโก อหิตุณฺฑิโก มกฺกฎํ คเหตฺวา สิกฺขาเปตฺวา อหิํ กีฬาเปโนฺต พาราณสิยํ อุสฺสเว ฆุเฎฺฐ ตํ มกฺกฎํ ธญฺญวาณิชกสฺส สนฺติเก ฐเปตฺวา อหิํ กีฬาเปโนฺต สตฺต ทิวสานิ วิจริฯ โสปิ วาณิโช มกฺกฎสฺส ขาทนียํ โภชนียํ อทาสิฯ อหิตุณฺฑิโก สตฺตเม ทิวเส อุสฺสวกีฬนโต อาคนฺตฺวา ตํ มกฺกฎํ เวฬุเปสิกาย ติกฺขตฺตุํ ปหริตฺวา ตํ อาทาย อุยฺยานํ คนฺตฺวา พนฺธิตฺวา นิทฺทํ โอกฺกมิฯ มกฺกโฎ พนฺธนํ โมเจตฺวา อมฺพรุกฺขํ อารุยฺห อมฺพานิ ขาทโนฺต นิสีทิฯ โส ปพุโทฺธ รุเกฺข มกฺกฎํ ทิสฺวา ‘‘เอตํ มยา อุปลาเปตฺวา คเหตุํ วฎฺฎตี’’ติ เตน สทฺธิํ สลฺลปโนฺต ปฐมํ คาถมาห –

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto dhaññavāṇijakule nibbattitvā vayappatto dhaññavikkayena jīvikaṃ kappesi. Atheko ahituṇḍiko makkaṭaṃ gahetvā sikkhāpetvā ahiṃ kīḷāpento bārāṇasiyaṃ ussave ghuṭṭhe taṃ makkaṭaṃ dhaññavāṇijakassa santike ṭhapetvā ahiṃ kīḷāpento satta divasāni vicari. Sopi vāṇijo makkaṭassa khādanīyaṃ bhojanīyaṃ adāsi. Ahituṇḍiko sattame divase ussavakīḷanato āgantvā taṃ makkaṭaṃ veḷupesikāya tikkhattuṃ paharitvā taṃ ādāya uyyānaṃ gantvā bandhitvā niddaṃ okkami. Makkaṭo bandhanaṃ mocetvā ambarukkhaṃ āruyha ambāni khādanto nisīdi. So pabuddho rukkhe makkaṭaṃ disvā ‘‘etaṃ mayā upalāpetvā gahetuṃ vaṭṭatī’’ti tena saddhiṃ sallapanto paṭhamaṃ gāthamāha –

    ๘๐.

    80.

    ‘‘ธุโตฺตมฺหิ สมฺม สุมุข, ชูเต อกฺขปราชิโต;

    ‘‘Dhuttomhi samma sumukha, jūte akkhaparājito;

    หเรหิ อมฺพปกฺกานิ, วีริยํ เต ภกฺขยามเส’’ติฯ

    Harehi ambapakkāni, vīriyaṃ te bhakkhayāmase’’ti.

    ตตฺถ อกฺขปราชิโตติ อเกฺขหิ ปราชิโตฯ หเรหีติ ปาเตหิฯ อยเมว วา ปาโฐฯ

    Tattha akkhaparājitoti akkhehi parājito. Harehīti pātehi. Ayameva vā pāṭho.

    ตํ สุตฺวา มกฺกโฎ เสสคาถา อภาสิ –

    Taṃ sutvā makkaṭo sesagāthā abhāsi –

    ๘๑.

    81.

    ‘‘อลิกํ วต มํ สมฺม, อภูเตน ปสํสสิ;

    ‘‘Alikaṃ vata maṃ samma, abhūtena pasaṃsasi;

    โก เต สุโต วา ทิโฎฺฐ วา, สุมุโข นาม มกฺกโฎฯ

    Ko te suto vā diṭṭho vā, sumukho nāma makkaṭo.

    ๘๒.

    82.

    ‘‘อชฺชาปิ เม ตํ มนสิ, ยํ มํ ตฺวํ อหิตุณฺฑิก;

    ‘‘Ajjāpi me taṃ manasi, yaṃ maṃ tvaṃ ahituṇḍika;

    ธญฺญาปณํ ปวิสิตฺวา, มโตฺต ฉาตํ หนาสิ มํฯ

    Dhaññāpaṇaṃ pavisitvā, matto chātaṃ hanāsi maṃ.

    ๘๓.

    83.

    ‘‘ตาหํ สรํ ทุกฺขเสยฺยํ, อปิ รชฺชมฺปิ การเย;

    ‘‘Tāhaṃ saraṃ dukkhaseyyaṃ, api rajjampi kāraye;

    เนวาหํ ยาจิโต ทชฺชํ, ตถา หิ ภยตชฺชิโตฯ

    Nevāhaṃ yācito dajjaṃ, tathā hi bhayatajjito.

    ๘๔.

    84.

    ‘‘ยญฺจ ชญฺญา กุเล ชาตํ, คเพฺภ ติตฺตํ อมจฺฉริํ;

    ‘‘Yañca jaññā kule jātaṃ, gabbhe tittaṃ amacchariṃ;

    เตน สขิญฺจ มิตฺตญฺจ, ธีโร สนฺธาตุมรหตี’’ติฯ

    Tena sakhiñca mittañca, dhīro sandhātumarahatī’’ti.

    ตตฺถ อลิกํ วตาติ มุสา วตฯ อภูเตนาติ อวิชฺชมาเนนฯ โก เตติ กฺว ตยาฯ สุมุโขติ สุนฺทรมุโขฯ อหิตุณฺฑิกาติ ตํ อาลปติฯ ‘‘อหิโกณฺฑิกา’’ติปิ ปาโฐฯ ฉาตนฺติ ชิฆจฺฉาภิภูตํ ทุพฺพลํ กปณํฯ หนาสีติ เวฬุเปสิกาย ติกฺขตฺตุํ ปหรสิฯ ตาหนฺติ ตํ อหํฯ สรนฺติ สรโนฺตฯ ทุกฺขเสยฺยนฺติ ตสฺมิํ อาปเณ ทุกฺขสยนํฯ อปิ รชฺชมฺปิ การเยติ สเจปิ พาราณสิรชฺชํ คเหตฺวา มยฺหํ ทตฺวา มํ รชฺชํ กาเรยฺยาสิ, เอวมฺปิ ตํ เนวาหํ ยาจิโต ทชฺชํ, ตํ เอกมฺปิ อมฺพปกฺกํ อหํ ตยา ยาจิโต น ทเทยฺยํฯ กิํการณา? ตถา หิ ภยตชฺชิโตติ, ตถา หิ อหํ ตยา ภเยน ตชฺชิโตติ อโตฺถฯ

    Tattha alikaṃ vatāti musā vata. Abhūtenāti avijjamānena. Ko teti kva tayā. Sumukhoti sundaramukho. Ahituṇḍikāti taṃ ālapati. ‘‘Ahikoṇḍikā’’tipi pāṭho. Chātanti jighacchābhibhūtaṃ dubbalaṃ kapaṇaṃ. Hanāsīti veḷupesikāya tikkhattuṃ paharasi. Tāhanti taṃ ahaṃ. Saranti saranto. Dukkhaseyyanti tasmiṃ āpaṇe dukkhasayanaṃ. Api rajjampi kārayeti sacepi bārāṇasirajjaṃ gahetvā mayhaṃ datvā maṃ rajjaṃ kāreyyāsi, evampi taṃ nevāhaṃ yācito dajjaṃ, taṃ ekampi ambapakkaṃ ahaṃ tayā yācito na dadeyyaṃ. Kiṃkāraṇā? Tathā hi bhayatajjitoti, tathā hi ahaṃ tayā bhayena tajjitoti attho.

    คเพฺภ ติตฺตนฺติ สุโภชนรเสน มาตุกุจฺฉิยํเยว อลงฺกตปฎิยเตฺต สยนคเพฺภเยว วา ติตฺตํ โภคาสาย อกปณํฯ สขิญฺจ มิตฺตญฺจาติ สขิภาวญฺจ มิตฺตภาวญฺจ ตถารูเปน กุลชาเตน ติเตฺตน อกปเณน อมจฺฉรินา สทฺธิํ ปณฺฑิโต สนฺธาตุํ ปุน ฆเฎตุํ อรหติ, ตยา ปน กปเณน อหิตุณฺฑิเกน สทฺธิํ โก มิตฺตภาวํ ปุน ฆเฎตุนฺติ อโตฺถฯ เอวญฺจ ปน วตฺวา วานโร วนํ สหสา ปาวิสิฯ

    Gabbhe tittanti subhojanarasena mātukucchiyaṃyeva alaṅkatapaṭiyatte sayanagabbheyeva vā tittaṃ bhogāsāya akapaṇaṃ. Sakhiñca mittañcāti sakhibhāvañca mittabhāvañca tathārūpena kulajātena tittena akapaṇena amaccharinā saddhiṃ paṇḍito sandhātuṃ puna ghaṭetuṃ arahati, tayā pana kapaṇena ahituṇḍikena saddhiṃ ko mittabhāvaṃ puna ghaṭetunti attho. Evañca pana vatvā vānaro vanaṃ sahasā pāvisi.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา อหิตุณฺฑิโก มหลฺลโก อโหสิ, มกฺกโฎ สามเณโร, ธญฺญวาณิโช ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā ahituṇḍiko mahallako ahosi, makkaṭo sāmaṇero, dhaññavāṇijo pana ahameva ahosi’’nti.

    อหิตุณฺฑิกชาตกวณฺณนา ปญฺจมาฯ

    Ahituṇḍikajātakavaṇṇanā pañcamā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๓๖๕. อหิตุณฺฑิกชาตกํ • 365. Ahituṇḍikajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact