Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อิติวุตฺตก-อฎฺฐกถา • Itivuttaka-aṭṭhakathā |
๖. อชาตสุตฺตวณฺณนา
6. Ajātasuttavaṇṇanā
๔๓. ฉเฎฺฐ อตฺถิ, ภิกฺขเวติ กา อุปฺปตฺติ? เอกทิวสํ กิร ภควตา อเนกปริยาเยน สํสาเร อาทีนวํ ปกาเสตฺวา ตทุปสมนาทิวเสน นิพฺพานปฎิสํยุตฺตาย ธมฺมเทสนาย กตาย ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ ‘‘อยํ สํสาโร ภควตา อวิชฺชาทีหิ การเณหิ สเหตุโก วุโตฺต, นิพฺพานสฺส ปน ตทุปสมสฺส น กิญฺจิ การณํ วุตฺตํ, ตยิทํ อเหตุกํ กถํ สจฺจิกฎฺฐปรมเตฺถน อุปลพฺภตี’’ติฯ อถ ภควา เตสํ ภิกฺขูนํ วิมติวิธมนตฺถเญฺจว, ‘‘อิธ สมณพฺราหฺมณานํ ‘นิพฺพานํ นิพฺพาน’นฺติ วาจาวตฺถุมตฺตเมว, นตฺถิ หิ ปรมตฺถโต นิพฺพานํ นาม อนุปลพฺภมานสภาวตฺตา’’ติ โลกายติกาทโย วิย วิปฺปฎิปนฺนานํ พหิทฺธา จ ปุถุทิฎฺฐิคติกานํ มิจฺฉาวาทภญฺชนตฺถญฺจ, อมตมหานิพฺพานสฺส ปรมตฺถโต อตฺถิภาวทีปนตฺถํ ตสฺส จ นิสฺสรณภาวาทิอานุภาววนฺตตาทีปนตฺถํ ปีติเวเคน อุทานวเสน อิทํ สุตฺตํ อภาสิฯ ตถา หิ อิทํ สุตฺตํ อุทาเนปิ (อุทา. ๗๒-๗๔) สงฺคีตํฯ
43. Chaṭṭhe atthi, bhikkhaveti kā uppatti? Ekadivasaṃ kira bhagavatā anekapariyāyena saṃsāre ādīnavaṃ pakāsetvā tadupasamanādivasena nibbānapaṭisaṃyuttāya dhammadesanāya katāya bhikkhūnaṃ etadahosi ‘‘ayaṃ saṃsāro bhagavatā avijjādīhi kāraṇehi sahetuko vutto, nibbānassa pana tadupasamassa na kiñci kāraṇaṃ vuttaṃ, tayidaṃ ahetukaṃ kathaṃ saccikaṭṭhaparamatthena upalabbhatī’’ti. Atha bhagavā tesaṃ bhikkhūnaṃ vimatividhamanatthañceva, ‘‘idha samaṇabrāhmaṇānaṃ ‘nibbānaṃ nibbāna’nti vācāvatthumattameva, natthi hi paramatthato nibbānaṃ nāma anupalabbhamānasabhāvattā’’ti lokāyatikādayo viya vippaṭipannānaṃ bahiddhā ca puthudiṭṭhigatikānaṃ micchāvādabhañjanatthañca, amatamahānibbānassa paramatthato atthibhāvadīpanatthaṃ tassa ca nissaraṇabhāvādiānubhāvavantatādīpanatthaṃ pītivegena udānavasena idaṃ suttaṃ abhāsi. Tathā hi idaṃ suttaṃ udānepi (udā. 72-74) saṅgītaṃ.
ตตฺถ อตฺถีติ วิชฺชติ ปรมตฺถโต อุปลพฺภติฯ อชาตํ อภูตํ อกตํ อสงฺขตนฺติ สพฺพานิปิ ปทานิ อญฺญมญฺญเววจนานิฯ อถ วา เวทนาทโย วิย เหตุปจฺจยสมวายสงฺขาตาย การณสามคฺคิยา น ชาตํ น นิพฺพตฺตนฺติ อชาตํฯ การเณน วินา สยเมว น ภูตํ น ปาตุภูตํ น อุปฺปนฺนนฺติ อภูตํฯ เอวํ อชาตตฺตา อภูตตฺตา จ เยน เกนจิ การเณน น กตนฺติ อกตํฯ ชาตภูตกตสภาโว จ นามรูปาทีนํ สงฺขตธมฺมานํ โหติ, น อสงฺขตสภาวสฺส นิพฺพานสฺสาติ ทสฺสนตฺถํ อสงฺขตนฺติ วุตฺตํฯ ปฎิโลมโต วา สเมจฺจ สมฺภุยฺย ปจฺจเยหิ กตนฺติ สงฺขตํ, ตถา น สงฺขตํ, สงฺขตลกฺขณรหิตนฺติ จ อสงฺขตนฺติ เอวํ อเนเกหิ การเณหิ นิพฺพตฺติตภาเว ปฎิสิเทฺธ ‘‘สิยา นุ โข เอเกเนว การเณน กต’’นฺติ อาสงฺกายํ ‘‘น เกนจิ กต’’นฺติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘อกต’’นฺติ วุตฺตํฯ เอวํ อปฺปจฺจยมฺปิ สมานํ ‘‘สยเมว นุ โข อิทํ ภูตํ ปาตุภูต’’นฺติ อาสงฺกายํ ตนฺนิวตฺตนตฺถํ ‘‘อภูต’’นฺติ วุตฺตํฯ อยญฺจ เอตสฺส อสงฺขตากตาภูตภาโว สเพฺพน สพฺพํ อชาติธมฺมตฺตาติ ทเสฺสตุํ ‘‘อชาต’’นฺติ วุตฺตนฺติฯ เอวเมเตสํ จตุนฺนมฺปิ ปทานํ สาตฺถกภาโว เวทิตโพฺพฯ
Tattha atthīti vijjati paramatthato upalabbhati. Ajātaṃ abhūtaṃ akataṃ asaṅkhatanti sabbānipi padāni aññamaññavevacanāni. Atha vā vedanādayo viya hetupaccayasamavāyasaṅkhātāya kāraṇasāmaggiyā na jātaṃ na nibbattanti ajātaṃ. Kāraṇena vinā sayameva na bhūtaṃ na pātubhūtaṃ na uppannanti abhūtaṃ. Evaṃ ajātattā abhūtattā ca yena kenaci kāraṇena na katanti akataṃ. Jātabhūtakatasabhāvo ca nāmarūpādīnaṃ saṅkhatadhammānaṃ hoti, na asaṅkhatasabhāvassa nibbānassāti dassanatthaṃ asaṅkhatanti vuttaṃ. Paṭilomato vā samecca sambhuyya paccayehi katanti saṅkhataṃ, tathā na saṅkhataṃ, saṅkhatalakkhaṇarahitanti ca asaṅkhatanti evaṃ anekehi kāraṇehi nibbattitabhāve paṭisiddhe ‘‘siyā nu kho ekeneva kāraṇena kata’’nti āsaṅkāyaṃ ‘‘na kenaci kata’’nti dassanatthaṃ ‘‘akata’’nti vuttaṃ. Evaṃ appaccayampi samānaṃ ‘‘sayameva nu kho idaṃ bhūtaṃ pātubhūta’’nti āsaṅkāyaṃ tannivattanatthaṃ ‘‘abhūta’’nti vuttaṃ. Ayañca etassa asaṅkhatākatābhūtabhāvo sabbena sabbaṃ ajātidhammattāti dassetuṃ ‘‘ajāta’’nti vuttanti. Evametesaṃ catunnampi padānaṃ sātthakabhāvo veditabbo.
อิติ ภควา ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อชาตํ อภูตํ อกตํ อสงฺขต’’นฺติ ปรมตฺถโต นิพฺพานสฺส อตฺถิภาวํ วตฺวา ตตฺถ เหตุํ ทเสฺสโนฺต ‘‘โน เจตํ, ภิกฺขเว’’ติอาทิมาหฯ ตสฺสายํ สเงฺขโป – ภิกฺขเว, ยทิ อชาตาทิสภาวา อสงฺขตา ธาตุ น อภวิสฺส น สิยา, อิธ โลเก ชาตาทิสภาวสฺส รูปาทิกฺขนฺธปญฺจกสงฺขาตสฺส สงฺขารคตสฺส นิสฺสรณํ อนวเสสวฎฺฎุปสโม น ปญฺญาเยยฺย น อุปลเพฺภยฺย น สมฺภเวยฺยฯ นิพฺพานญฺหิ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตมานา สมฺมาทิฎฺฐิอาทโย อริยมคฺคธมฺมา อนวเสสโต กิเลเส สมุจฺฉินฺทนฺติ, เตเนตฺถ สพฺพสฺสปิ วฎฺฎทุกฺขสฺส อปฺปวตฺติ อปคโม นิสฺสรณํ ปญฺญายติฯ
Iti bhagavā ‘‘atthi, bhikkhave, ajātaṃ abhūtaṃ akataṃ asaṅkhata’’nti paramatthato nibbānassa atthibhāvaṃ vatvā tattha hetuṃ dassento ‘‘no cetaṃ, bhikkhave’’tiādimāha. Tassāyaṃ saṅkhepo – bhikkhave, yadi ajātādisabhāvā asaṅkhatā dhātu na abhavissa na siyā, idha loke jātādisabhāvassa rūpādikkhandhapañcakasaṅkhātassa saṅkhāragatassa nissaraṇaṃ anavasesavaṭṭupasamo na paññāyeyya na upalabbheyya na sambhaveyya. Nibbānañhi ārammaṇaṃ katvā pavattamānā sammādiṭṭhiādayo ariyamaggadhammā anavasesato kilese samucchindanti, tenettha sabbassapi vaṭṭadukkhassa appavatti apagamo nissaraṇaṃ paññāyati.
เอวํ พฺยติเรกวเสน นิพฺพานสฺส อตฺถิภาวํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ อนฺวยวเสนปิ ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ยสฺมา จ โข’’ติอาทิ วุตฺตํ, ตํ วุตฺตตฺถเมวฯ เอตฺถ จ ยสฺมา ‘‘อปจฺจยา ธมฺมา, อสงฺขตา ธมฺมา (ธ. ส. ทุกมาติกา ๗, ๘)ฯ อตฺถิ, ภิกฺขเว, ตทายตนํ, ยตฺถ เนว ปถวี (อุทา. ๗๑)ฯ อิทมฺปิ โข ฐานํ ทุทฺทสํ ยทิทํ สพฺพสงฺขารสมโถ สพฺพูปธิปฎินิสฺสโคฺค (มหาว. ๗; ม. นิ. ๑.๒๘๑)ฯ อสงฺขตญฺจ โว, ภิกฺขเว, ธมฺมํ เทเสสฺสามิ อสงฺขตคามินิญฺจ ปฎิปท’’นฺติอาทีหิ (สํ. นิ. ๔.๓๖๖) อเนเกหิ สุตฺตปเทหิ ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อชาต’’นฺติ อิมินาปิ สุเตฺตน นิพฺพานธาตุยา ปรมตฺถโต สพฺภาโว สพฺพโลกํ อนุกมฺปมาเนน สมฺมาสมฺพุเทฺธน เทสิโต, ตสฺมา น ปฎิกฺขิปิตพฺพํฯ ตตฺถ อปฺปจฺจกฺขการีนมฺปิ วิญฺญูนํ กงฺขา วา วิมติ วา นตฺถิ เอวฯ เย ปน อพุทฺธิปุคฺคลา, เตสํ วิมติวิโนทนตฺถํ อยเมตฺถ อธิปฺปายนิทฺธารณมุเขน ยุตฺติวิจารณา – ยถา ปริเญฺญยฺยตาย สอุตฺตรานํ กามานํ รูปานญฺจ ปฎิปกฺขภูตํ ตพฺพิธุรสภาวํ นิสฺสรณํ ปญฺญายติ, เอวํ ตํสภาวานํ สเพฺพสํ สงฺขตธมฺมานํ ปฎิปกฺขภูเตน ตพฺพิธุรสภาเวน นิสฺสรเณน ภวิตพฺพํฯ ยเญฺจตํ นิสฺสรณํ, สา อสงฺขตา ธาตุฯ กิญฺจ ภิโยฺย, สงฺขตธมฺมารมฺมณํ วิปสฺสนาญาณํ อปิ อนุโลมญาณํ กิเลเส สมุเจฺฉทวเสน ปชหิตุํ น สโกฺกติ, ตถา สมฺมุติสจฺจารมฺมณํ ปฐมชฺฌานาทีสุ ญาณํ วิกฺขมฺภนวเสเนว กิเลเส ปชหติ, น สมุเจฺฉทวเสนฯ อิติ สงฺขตธมฺมารมฺมณสฺส สมฺมุติสจฺจารมฺมณสฺส จ ญาณสฺส กิเลสานํ สมุเจฺฉทปฺปหาเน อสมตฺถภาวโต เตสํ สมุเจฺฉทปฺปหานกรสฺส อริยมคฺคญาณสฺส ตทุภยวิปรีตสภาเวน อารมฺมเณน ภวิตพฺพํ , สา อสงฺขตา ธาตุฯ ตถา ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อชาตํ อภูตํ อกตํ อสงฺขต’’นฺติ อิทํ นิพฺพานสฺส ปรมตฺถโต อตฺถิภาวโชตกวจนํ อวิปรีตตฺถํ ภควตา ภาสิตตฺตาฯ ยญฺหิ ภควตา ภาสิตํ, ตํ อวิปรีตตฺถํ ปรมตฺถนฺติ ยถา ตํ ‘‘สเพฺพ สงฺขารา อนิจฺจา, สเพฺพ สงฺขารา ทุกฺขา, สเพฺพ ธมฺมา อนตฺตา’’ติ (ธ. ป. ๒๗๗-๒๗๙; จูฬนิ. เหมกมาณวปุจฺฉานิเทฺทส ๕๖)ฯ ตถา นิพฺพานสโทฺท กตฺถจิ วิสเย ยถาภูตปรมตฺถวิสโย อุปจารวุตฺติสพฺภาวโต เสยฺยถาปิ สีหสโทฺทฯ อถ วา อเตฺถว ปรมตฺถโต อสงฺขตาธาตุ อิตรตพฺพิปรีตวินิมุตฺตสภาวตฺตา เสยฺยถาปิ ปถวีธาตุ เวทนาติฯ เอวมาทีหิ นเยหิ ยุตฺติโตปิ อสงฺขตาย ธาตุยา ปรมตฺถโต อตฺถิภาโว เวทิตโพฺพฯ
Evaṃ byatirekavasena nibbānassa atthibhāvaṃ dassetvā idāni anvayavasenapi taṃ dassetuṃ ‘‘yasmā ca kho’’tiādi vuttaṃ, taṃ vuttatthameva. Ettha ca yasmā ‘‘apaccayā dhammā, asaṅkhatā dhammā (dha. sa. dukamātikā 7, 8). Atthi, bhikkhave, tadāyatanaṃ, yattha neva pathavī (udā. 71). Idampi kho ṭhānaṃ duddasaṃ yadidaṃ sabbasaṅkhārasamatho sabbūpadhipaṭinissaggo (mahāva. 7; ma. ni. 1.281). Asaṅkhatañca vo, bhikkhave, dhammaṃ desessāmi asaṅkhatagāminiñca paṭipada’’ntiādīhi (saṃ. ni. 4.366) anekehi suttapadehi ‘‘atthi, bhikkhave, ajāta’’nti imināpi suttena nibbānadhātuyā paramatthato sabbhāvo sabbalokaṃ anukampamānena sammāsambuddhena desito, tasmā na paṭikkhipitabbaṃ. Tattha appaccakkhakārīnampi viññūnaṃ kaṅkhā vā vimati vā natthi eva. Ye pana abuddhipuggalā, tesaṃ vimativinodanatthaṃ ayamettha adhippāyaniddhāraṇamukhena yuttivicāraṇā – yathā pariññeyyatāya sauttarānaṃ kāmānaṃ rūpānañca paṭipakkhabhūtaṃ tabbidhurasabhāvaṃ nissaraṇaṃ paññāyati, evaṃ taṃsabhāvānaṃ sabbesaṃ saṅkhatadhammānaṃ paṭipakkhabhūtena tabbidhurasabhāvena nissaraṇena bhavitabbaṃ. Yañcetaṃ nissaraṇaṃ, sā asaṅkhatā dhātu. Kiñca bhiyyo, saṅkhatadhammārammaṇaṃ vipassanāñāṇaṃ api anulomañāṇaṃ kilese samucchedavasena pajahituṃ na sakkoti, tathā sammutisaccārammaṇaṃ paṭhamajjhānādīsu ñāṇaṃ vikkhambhanavaseneva kilese pajahati, na samucchedavasena. Iti saṅkhatadhammārammaṇassa sammutisaccārammaṇassa ca ñāṇassa kilesānaṃ samucchedappahāne asamatthabhāvato tesaṃ samucchedappahānakarassa ariyamaggañāṇassa tadubhayaviparītasabhāvena ārammaṇena bhavitabbaṃ , sā asaṅkhatā dhātu. Tathā ‘‘atthi, bhikkhave, ajātaṃ abhūtaṃ akataṃ asaṅkhata’’nti idaṃ nibbānassa paramatthato atthibhāvajotakavacanaṃ aviparītatthaṃ bhagavatā bhāsitattā. Yañhi bhagavatā bhāsitaṃ, taṃ aviparītatthaṃ paramatthanti yathā taṃ ‘‘sabbe saṅkhārā aniccā, sabbe saṅkhārā dukkhā, sabbe dhammā anattā’’ti (dha. pa. 277-279; cūḷani. hemakamāṇavapucchāniddesa 56). Tathā nibbānasaddo katthaci visaye yathābhūtaparamatthavisayo upacāravuttisabbhāvato seyyathāpi sīhasaddo. Atha vā attheva paramatthato asaṅkhatādhātu itaratabbiparītavinimuttasabhāvattā seyyathāpi pathavīdhātu vedanāti. Evamādīhi nayehi yuttitopi asaṅkhatāya dhātuyā paramatthato atthibhāvo veditabbo.
คาถาสุ ชาตนฺติ ชายนเฎฺฐน ชาตํ, ชาติลกฺขณปฺปตฺตนฺติ อโตฺถฯ ภูตนฺติ ภวนเฎฺฐน ภูตํ, อหุตฺวา สมฺภูตนฺติ อโตฺถฯ สมุปฺปนฺนนฺติ สหิตภาเวน อุปฺปนฺนํ, สหิเตหิ ธเมฺมหิ จ อุปฺปนฺนนฺติ อโตฺถฯ กตนฺติ การณภูเตหิ ปจฺจเยหิ นิพฺพตฺติตํฯ สงฺขตนฺติ เตหิเยว สเมจฺจ สมฺภุยฺย กตนฺติ สงฺขตํ, สพฺพเมตํ ปจฺจยนิพฺพตฺตสฺส อธิวจนํฯ นิจฺจสาราทิวิรหิตโต อทฺธุวํฯ ชราย มรเณน จ เอกเนฺตเนว สงฺฆฎิตํ สํสฎฺฐนฺติ ชรามรณสงฺฆาตํฯ ‘‘ชรามรณสงฺฆฎฺฎ’’นฺติปิ ปฐนฺติ, ชราย มรเณน จ อุปทฺทุตํ ปีฬิตนฺติ อโตฺถฯ อกฺขิโรคาทีนํ อเนเกสํ โรคานํ นีฬํ กุลาวกนฺติ โรคนีฬํฯ สรสโต อุปกฺกมโต จ ปภงฺคุปรมสีลตาย ปภงฺคุรํฯ
Gāthāsu jātanti jāyanaṭṭhena jātaṃ, jātilakkhaṇappattanti attho. Bhūtanti bhavanaṭṭhena bhūtaṃ, ahutvā sambhūtanti attho. Samuppannanti sahitabhāvena uppannaṃ, sahitehi dhammehi ca uppannanti attho. Katanti kāraṇabhūtehi paccayehi nibbattitaṃ. Saṅkhatanti tehiyeva samecca sambhuyya katanti saṅkhataṃ, sabbametaṃ paccayanibbattassa adhivacanaṃ. Niccasārādivirahitato addhuvaṃ. Jarāya maraṇena ca ekanteneva saṅghaṭitaṃ saṃsaṭṭhanti jarāmaraṇasaṅghātaṃ. ‘‘Jarāmaraṇasaṅghaṭṭa’’ntipi paṭhanti, jarāya maraṇena ca upaddutaṃ pīḷitanti attho. Akkhirogādīnaṃ anekesaṃ rogānaṃ nīḷaṃ kulāvakanti roganīḷaṃ. Sarasato upakkamato ca pabhaṅguparamasīlatāya pabhaṅguraṃ.
จตุพฺพิโธ อาหาโร จ ตณฺหาสงฺขาตา เนตฺติ จ ปภโว สมุฎฺฐานํ เอตสฺสาติ อาหารเนตฺติปฺปภวํฯ สโพฺพปิ วา ปจฺจโย อาหาโรฯ อิธ ปน ตณฺหาย เนตฺติคฺคหเณน คหิตตฺตา ตณฺหาวชฺชา เวทิตพฺพาฯ ตสฺมา อาหาโร จ เนตฺติ จ ปภโว เอตสฺสาติ อาหารเนตฺติปฺปภวํฯ อาหาโร เอว วา นยนเฎฺฐน ปวตฺตนเฎฺฐน เนตฺตีติ เอวมฺปิ อาหารเนตฺติปฺปภวํฯ นาลํ ตทภินนฺทิตุนฺติ ตํ อุปาทานกฺขนฺธปญฺจกํ เอวํ ปจฺจยาธีนวุตฺติกํ, ตโต เอว อนิจฺจํ, ทุกฺขญฺจ ตณฺหาทิฎฺฐีหิ อภินนฺทิตุํ อสฺสาเทตุํ น ยุตฺตํฯ
Catubbidho āhāro ca taṇhāsaṅkhātā netti ca pabhavo samuṭṭhānaṃ etassāti āhāranettippabhavaṃ. Sabbopi vā paccayo āhāro. Idha pana taṇhāya nettiggahaṇena gahitattā taṇhāvajjā veditabbā. Tasmā āhāro ca netti ca pabhavo etassāti āhāranettippabhavaṃ. Āhāro eva vā nayanaṭṭhena pavattanaṭṭhena nettīti evampi āhāranettippabhavaṃ. Nālaṃ tadabhinanditunti taṃ upādānakkhandhapañcakaṃ evaṃ paccayādhīnavuttikaṃ, tato eva aniccaṃ, dukkhañca taṇhādiṭṭhīhi abhinandituṃ assādetuṃ na yuttaṃ.
ตสฺส นิสฺสรณนฺติ ‘‘ชาตํ ภูต’’นฺติอาทินา วุตฺตสฺส ตสฺส สกฺกายสฺส นิสฺสรณํ นิกฺกโม อนุปสนฺตสภาวสฺส ราคาทิกิเลสสฺส สพฺพสงฺขารสฺส จ อภาเวน ตทุปสมภาเวน ปสตฺถภาเวน จ สนฺตํ, ตกฺกญาณสฺส อโคจรภาวโต อตกฺกาวจรํ, นิจฺจเฎฺฐน ธุวํ, ตโต เอว อชาตํ อสมุปฺปนฺนํ, โสกเหตูนํ อภาวโต อโสกํ, วิคตราคาทิรชตฺตา วิรชํ, สํสารทุกฺขฎฺฎิเตหิ ปฎิปชฺชิตพฺพตฺตา ปทํ, ชาติอาทิทุกฺขธมฺมานํ นิโรธเหตุตาย นิโรโธ ทุกฺขธมฺมานํ, สพฺพสงฺขารานํ อุปสมเหตุตาย สงฺขารูปสโม, ตโต เอว อจฺจนฺตสุขตาย สุโขติ สพฺพปเทหิ อมตมหานิพฺพานเมว โถเมติฯ เอวํ ภควา ปฐมคาถาย พฺยติเรกวเสน, ทุติยคาถาย อนฺวยวเสน จ นิพฺพานํ วิภาเวสิฯ
Tassanissaraṇanti ‘‘jātaṃ bhūta’’ntiādinā vuttassa tassa sakkāyassa nissaraṇaṃ nikkamo anupasantasabhāvassa rāgādikilesassa sabbasaṅkhārassa ca abhāvena tadupasamabhāvena pasatthabhāvena ca santaṃ, takkañāṇassa agocarabhāvato atakkāvacaraṃ, niccaṭṭhena dhuvaṃ, tato eva ajātaṃ asamuppannaṃ, sokahetūnaṃ abhāvato asokaṃ, vigatarāgādirajattā virajaṃ, saṃsāradukkhaṭṭitehi paṭipajjitabbattā padaṃ, jātiādidukkhadhammānaṃ nirodhahetutāya nirodho dukkhadhammānaṃ, sabbasaṅkhārānaṃ upasamahetutāya saṅkhārūpasamo, tato eva accantasukhatāya sukhoti sabbapadehi amatamahānibbānameva thometi. Evaṃ bhagavā paṭhamagāthāya byatirekavasena, dutiyagāthāya anvayavasena ca nibbānaṃ vibhāvesi.
ฉฎฺฐสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Chaṭṭhasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อิติวุตฺตกปาฬิ • Itivuttakapāḷi / ๖. อชาตสุตฺตํ • 6. Ajātasuttaṃ