Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / กงฺขาวิตรณี-อภินว-ฎีกา • Kaṅkhāvitaraṇī-abhinava-ṭīkā |
๓. อกาลจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา
3. Akālacīvarasikkhāpadavaṇṇanā
ปุริมสิกฺขาปเท วิย เอตฺถาปิ ภิกฺขุนาติ สามิอเตฺถ กรณวจนนฺติ อาห ‘‘นิฎฺฐิตจีวรสฺมิํ ภิกฺขุนา’’ติอาทิฯ ‘‘อกาลจีวรํ นาม อนตฺถเต กถิเน เอกาทสมาเส อุปฺปนฺนํ, อตฺถเต กถิเน สตฺตมาเส อุปฺปนฺนํ, กาเลปิ อาทิสฺส ทินฺนํ, เอตํ อกาลจีวรํ นามา’’ติ (ปารา. ๕๐๐) ปทภาชนิยํ วุตฺตตฺตา ‘‘ยฺวายํ อนตฺถเต กถิเน’’ติอาทิมาหฯ ยฺวายํ จีวรกาโล วุโตฺตติ สมฺพโนฺธฯ วสฺสานสฺสาติ วสฺสานสงฺขาตสฺส อุตุโนฯ ปจฺฉิโม มาโส นาม จีวรมาโสฯ ตสฺมิญฺหิ อนตฺถเตปิ กถิเน อุปฺปนฺนํ จีวรํ อนธิฎฺฐิตํ, อวิกปฺปิตํ ฐเปตุํ วฎฺฎติฯ ปญฺจ มาสาติ ปจฺฉิมกตฺติกมาโส, เหมนฺติกา จตฺตาโร จาติ ปญฺจ มาสาฯ อญฺญทาติ อนตฺถเต กถิเน เอกาทสมาเส, อตฺถเต กถิเน สตฺตมาเสฯ กาเลปีติ ‘‘อนตฺถเต กถิเน จีวรมาโส, อตฺถเต กถิเน ปญฺจ มาสา’’ติ ยถาวุตฺตจีวรกาเลปิฯ ‘‘อาทินา นเยนา’’ติ อิมินา ‘‘ททามิ ทชฺชามี’’ติอาทีนํ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๔๖๙) สงฺคโหฯ กิญฺจาปิ เจตานิ สพฺพานิ ‘‘อกาลจีวร’’นฺติ วุตฺตานิ, ตถาปิ ปิฎฺฐิสมเยเยว อุปฺปนฺนานิ ‘‘อกาลจีวร’’นฺติ อิธาธิเปฺปตานิฯ
Purimasikkhāpade viya etthāpi bhikkhunāti sāmiatthe karaṇavacananti āha ‘‘niṭṭhitacīvarasmiṃ bhikkhunā’’tiādi. ‘‘Akālacīvaraṃ nāma anatthate kathine ekādasamāse uppannaṃ, atthate kathine sattamāse uppannaṃ, kālepi ādissa dinnaṃ, etaṃ akālacīvaraṃ nāmā’’ti (pārā. 500) padabhājaniyaṃ vuttattā ‘‘yvāyaṃ anatthate kathine’’tiādimāha. Yvāyaṃ cīvarakālo vuttoti sambandho. Vassānassāti vassānasaṅkhātassa utuno. Pacchimo māso nāma cīvaramāso. Tasmiñhi anatthatepi kathine uppannaṃ cīvaraṃ anadhiṭṭhitaṃ, avikappitaṃ ṭhapetuṃ vaṭṭati. Pañca māsāti pacchimakattikamāso, hemantikā cattāro cāti pañca māsā. Aññadāti anatthate kathine ekādasamāse, atthate kathine sattamāse. Kālepīti ‘‘anatthate kathine cīvaramāso, atthate kathine pañca māsā’’ti yathāvuttacīvarakālepi. ‘‘Ādinā nayenā’’ti iminā ‘‘dadāmi dajjāmī’’tiādīnaṃ (pārā. aṭṭha. 2.469) saṅgaho. Kiñcāpi cetāni sabbāni ‘‘akālacīvara’’nti vuttāni, tathāpi piṭṭhisamayeyeva uppannāni ‘‘akālacīvara’’nti idhādhippetāni.
‘‘กาเล สงฺฆสฺส อิทํ อกาลจีวร’’นฺติ ทินฺนํ ปน อกาลจีวรสามญฺญโต อตฺถุทฺธารวเสน วุตฺตํฯ ยถา ปิฎฺฐิสมเย อุปฺปนฺนํ จีวรํ วุฎฺฐวเสฺสหิ, เสเสหิ จ สมฺมุขีภูเตหิ ภาเชตุํ ลพฺภตีติ อกาลจีวรํ นาม ชาตํ, ตเถวิทมฺปีติ ตทิทํ อกาลจีวรสามญฺญํฯ ยทิ เอวํ ‘‘ปุคฺคลสฺส วา อิทํ ตุยฺหํ ‘ทมฺมี’ติอาทินา นเยน ทินฺน’’นฺติ กสฺมา วุตฺตํ, น หิ ปุคฺคลสฺส อาทิสฺส ทินฺนํ เกนจิ ภาชนียํ โหตีติ? นายํ วิโรโธ, อาทิสฺส ทานสามญฺญโต ลพฺภมานมตฺถํ ทเสฺสตุํ ตถา วุตฺตนฺติฯ อตฺตโน วา ธเนนาติ อตฺตโน กปฺปาสสุตฺตาทินา ธเนนฯ อิมสฺส ‘‘อุปฺปเชฺชยฺยา’’ติ อิมินา สมฺพโนฺธ เวทิตโพฺพฯ ‘‘สีมาย เทตี’’ติอาทิ ปุคฺคลาธิฎฺฐานนเยน วุตฺตํฯ เอตฺถ ปน สีมาย ทานํ เอกา มาติกา, กติกาย ทานํ ทุติยา…เป.… ปุคฺคลสฺส ทานํ อฎฺฐมาฯ
‘‘Kāle saṅghassa idaṃ akālacīvara’’nti dinnaṃ pana akālacīvarasāmaññato atthuddhāravasena vuttaṃ. Yathā piṭṭhisamaye uppannaṃ cīvaraṃ vuṭṭhavassehi, sesehi ca sammukhībhūtehi bhājetuṃ labbhatīti akālacīvaraṃ nāma jātaṃ, tathevidampīti tadidaṃ akālacīvarasāmaññaṃ. Yadi evaṃ ‘‘puggalassa vā idaṃ tuyhaṃ ‘dammī’tiādinā nayena dinna’’nti kasmā vuttaṃ, na hi puggalassa ādissa dinnaṃ kenaci bhājanīyaṃ hotīti? Nāyaṃ virodho, ādissa dānasāmaññato labbhamānamatthaṃ dassetuṃ tathā vuttanti. Attano vā dhanenāti attano kappāsasuttādinā dhanena. Imassa ‘‘uppajjeyyā’’ti iminā sambandho veditabbo. ‘‘Sīmāya detī’’tiādi puggalādhiṭṭhānanayena vuttaṃ. Ettha pana sīmāya dānaṃ ekā mātikā, katikāya dānaṃ dutiyā…pe… puggalassa dānaṃ aṭṭhamā.
‘‘ปริเกฺขปารหฎฺฐาเนนา’’ติ อิมินา อปริกฺขิตฺตสฺส วิหารสฺส ธุวสนฺนิปาตฎฺฐานาทิโต ปฐมเลฑฺฑุปาตสฺส อโนฺต อุปจารสีมาติ ทเสฺสติฯ อิทานิ ทุติยเลฑฺฑุปาตสฺสปิ อโนฺต อุปจารสีมาเยวาติ ทเสฺสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ธุวสนฺนิปาตฎฺฐานมฺปิ สีมาปริยนฺตคตเมว เวทิตพฺพํฯ อาวาเส วฑฺฒเนฺต วฑฺฒตีติ สเจ อุปจารโต อพหิภูโต หุตฺวา อาวาโส วฑฺฒตีติ อธิปฺปาโยฯ มหาปจฺจริยํ ปน ‘‘ภิกฺขูสุปิ วฑฺฒเนฺตสุ วฑฺฒตี’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘สเจ วิหาเร สนฺนิปติตภิกฺขูหิ สทฺธิํ เอกาพทฺธา หุตฺวา โยชนสตมฺปิ ปูเรตฺวา นิสีทนฺติ, โยชนสตมฺปิ อุปจารสีมาว โหติ, สเพฺพสํ ลาโภ ปาปุณาตี’’ติ (มหาว. อฎฺฐ. ๓๗๙) สมนฺตปาสาทิกายํ วุตฺตํฯ ภิกฺขุนีนํ อารามปเวสนเสนาสนาปุจฺฉนานีติ อาคนฺตุกคมิกานํ ภิกฺขุนีนํ อารามปเวสนาปุจฺฉนํ, เสนาสนาปุจฺฉนญฺจาติ อโตฺถฯ ตถา หิ อาคนฺตุกาย ภิกฺขุนิยา อารามปเวสนํ อาปุจฺฉิตพฺพํ, คมิกาย สงฺฆิกํ ทสวิธํ เสนาสนํฯ เอตฺถ จ กิญฺจาปิ ‘‘ภิกฺขุนีน’’นฺติ วุตฺตํ, คมิกสฺส ปน ภิกฺขุสฺสาปิ อิมิสฺสาเยว สีมาย วเสน เสนาสนาปุจฺฉนํ เวทิตพฺพํฯ
‘‘Parikkhepārahaṭṭhānenā’’ti iminā aparikkhittassa vihārassa dhuvasannipātaṭṭhānādito paṭhamaleḍḍupātassa anto upacārasīmāti dasseti. Idāni dutiyaleḍḍupātassapi anto upacārasīmāyevāti dassetuṃ ‘‘apicā’’tiādi āraddhaṃ. Dhuvasannipātaṭṭhānampi sīmāpariyantagatameva veditabbaṃ. Āvāse vaḍḍhante vaḍḍhatīti sace upacārato abahibhūto hutvā āvāso vaḍḍhatīti adhippāyo. Mahāpaccariyaṃ pana ‘‘bhikkhūsupi vaḍḍhantesu vaḍḍhatī’’ti vuttaṃ. ‘‘Sace vihāre sannipatitabhikkhūhi saddhiṃ ekābaddhā hutvā yojanasatampi pūretvā nisīdanti, yojanasatampi upacārasīmāva hoti, sabbesaṃ lābho pāpuṇātī’’ti (mahāva. aṭṭha. 379) samantapāsādikāyaṃ vuttaṃ. Bhikkhunīnaṃ ārāmapavesanasenāsanāpucchanānīti āgantukagamikānaṃ bhikkhunīnaṃ ārāmapavesanāpucchanaṃ, senāsanāpucchanañcāti attho. Tathā hi āgantukāya bhikkhuniyā ārāmapavesanaṃ āpucchitabbaṃ, gamikāya saṅghikaṃ dasavidhaṃ senāsanaṃ. Ettha ca kiñcāpi ‘‘bhikkhunīna’’nti vuttaṃ, gamikassa pana bhikkhussāpi imissāyeva sīmāya vasena senāsanāpucchanaṃ veditabbaṃ.
ปริวาสมานตฺตาโรจนนฺติ ปาริวาสิกมานตฺตจารีนํ ปริวาสาโรจนํ, มานตฺตาโรจนญฺจฯ วสฺสเจฺฉทนิสฺสยเสนาสนคฺคาหาทิวิธานนฺติ วสฺสเจฺฉทวิธานํ, นิสฺสยคฺคาหวิธานํ, เสนาสนคฺคาหวิธานนฺติ อโตฺถฯ อาทิสเทฺทน นิสฺสยปฎิปฺปสฺสทฺธิ, ลาภคฺคาโห อาคนฺตุกวตฺตํ ปูเรตฺวา อารามปเวสนนฺติ เอวมาทิกํ สงฺคณฺหาติฯ อิมิสฺสาว สีมาย วเสนาติ อุปจารสีมาเยวาติ ยถาสมฺภวํ อโนฺต, พหิ จ อิมสฺส สพฺพสฺส ลพฺภนโต วุตฺตํฯ
Parivāsamānattārocananti pārivāsikamānattacārīnaṃ parivāsārocanaṃ, mānattārocanañca. Vassacchedanissayasenāsanaggāhādividhānanti vassacchedavidhānaṃ, nissayaggāhavidhānaṃ, senāsanaggāhavidhānanti attho. Ādisaddena nissayapaṭippassaddhi, lābhaggāho āgantukavattaṃ pūretvā ārāmapavesananti evamādikaṃ saṅgaṇhāti. Imissāva sīmāya vasenāti upacārasīmāyevāti yathāsambhavaṃ anto, bahi ca imassa sabbassa labbhanato vuttaṃ.
ลาภตฺถาย ฐปิตา สีมา ลาภสีมา (มหาว. ๓๗๙), สา จ โข เนว สมฺมาสมฺพุเทฺธน อนุญฺญาตา, น ธมฺมสงฺคาหกเตฺถเรหิ ฐปิตา, อปิจ โข ลาภทายเกหิฯ เตนาห ‘‘ยํ ราชราชมหามตฺตาทโย’’ติอาทิฯ สมนฺตาติ วิหารสฺส สมนฺตาฯ ยนฺติ สุงฺกสสฺสาทิฯ ‘‘สีมํ ฐเปนฺตี’’ติ ปาฐเสโสฯ เอกสฺส รโญฺญ อาณาปวตฺติฎฺฐานนฺติ โจฬโภโค เกรฬโภโคติ เอวํ เอเกกสฺส รโญฺญ อาณาปวตฺติฎฺฐานํฯ ทฺวิธา อาโป คโต เอตฺถาติ ทีโป, โอเฆน อนโชฺฌตฺถโต ภูมิภาโค, โสว สีมา ทีปสีมาฯ เตนาห สมุทฺทเนฺตนา’’ติอาทิฯ จกฺกวาฬสีมา จกฺกวาฬปพฺพเตเนว ปริจฺฉินฺนาติ อาห ‘‘เอกจกฺกวาฬปพฺพตปริเกฺขปพฺภนฺตรํ จกฺกวาฬสีมา’’ติฯ
Lābhatthāya ṭhapitā sīmā lābhasīmā (mahāva. 379), sā ca kho neva sammāsambuddhena anuññātā, na dhammasaṅgāhakattherehi ṭhapitā, apica kho lābhadāyakehi. Tenāha ‘‘yaṃ rājarājamahāmattādayo’’tiādi. Samantāti vihārassa samantā. Yanti suṅkasassādi. ‘‘Sīmaṃ ṭhapentī’’ti pāṭhaseso. Ekassa rañño āṇāpavattiṭṭhānanti coḷabhogo keraḷabhogoti evaṃ ekekassa rañño āṇāpavattiṭṭhānaṃ. Dvidhā āpo gato etthāti dīpo, oghena anajjhotthato bhūmibhāgo, sova sīmā dīpasīmā. Tenāha samuddantenā’’tiādi. Cakkavāḷasīmā cakkavāḷapabbateneva paricchinnāti āha ‘‘ekacakkavāḷapabbataparikkhepabbhantaraṃ cakkavāḷasīmā’’ti.
เสสาติ ขณฺฑสีมาทโยฯ ขณฺฑสีมาย เทมาติ ทินฺนนฺติ ขณฺฑสีมาย เกนจิ กเมฺมน สนฺนิปติตํ สงฺฆํ ทิสฺวา ‘‘ขณฺฑสีมายํ สงฺฆสฺส เทมา’’ติ ทินฺนํฯ ขณฺฑสีมาย ฐิเต รุเกฺข วา ปพฺพเต วา ฐิโตปิ เหฎฺฐา วา ปถวิเวมชฺฌคโตปิ ขณฺฑสีมาเยว ฐิโตติ เวทิตโพฺพฯ สมานสํวาสสีมาย ทินฺนนฺติ ‘‘สมานสํวาสสีมาย ทมฺมี’’ติ ทินฺนํฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ ขณฺฑสีมา สีมนฺตริกฎฺฐานํ น ปาปุณาติ ตตฺถ สมานสํวาสสีมาย อภาวโตติ อธิปฺปาโยฯ สมานสํวาสอวิปฺปวาสสีมาสุ ทินฺนสฺส อิทํ นานาตฺตํ – ‘‘อวิปฺปวาสสีมาย ทมฺมี’’ติ ทินฺนํ คามฎฺฐานํ น ปาปุณาติฯ กสฺมา? ‘‘ฐเปตฺวา คามญฺจ คามูปจารญฺจา’’ติ (มหาว. ๑๔๔) วุตฺตตฺตา ฯ ‘‘สมานสํวาสสีมาย ทมฺมี’’ติ ทินฺนํ ปน คาเม ฐิตานมฺปิ ปาปุณาตีติฯ อพฺภนฺตรสีมาอุทกุเกฺขปสีมาสุ ทินฺนนฺติ ตตฺถ อุโปสถาทิอตฺถาย สนฺนิปติเต ทิสฺวา ‘‘อิมิสฺสา อพฺภนฺตรสีมาย เทมา’’ติอาทินา ทินฺนํฯ ชนปทรฎฺฐรชฺชทีปจกฺกวาฬสีมาสุปิ คามสีมาทีสุ วุตฺตสทิโสว วินิจฺฉโยติ อาห ‘‘ชนปทสีมาทีสู’’ติอาทิฯ เอโกปิ คนฺตฺวา สเพฺพสํ สงฺคณฺหิตุํ ลภตีติ เอโกปิ คนฺตฺวา อิธ วสฺสเคฺคน ภาเชตฺวา คเหตฺวา อาคนฺตุํ ลภตีติ อโตฺถฯ เอโกติ สภาโค เอโก ภิกฺขุ, อยมฺปิ ภาคเมว คเหตุํ ลภติฯ เตนาห ‘‘สภาคานํ ภาคํ คณฺหาตี’’ติฯ
Sesāti khaṇḍasīmādayo. Khaṇḍasīmāya demāti dinnanti khaṇḍasīmāya kenaci kammena sannipatitaṃ saṅghaṃ disvā ‘‘khaṇḍasīmāyaṃ saṅghassa demā’’ti dinnaṃ. Khaṇḍasīmāya ṭhite rukkhe vā pabbate vā ṭhitopi heṭṭhā vā pathavivemajjhagatopi khaṇḍasīmāyeva ṭhitoti veditabbo. Samānasaṃvāsasīmāya dinnanti ‘‘samānasaṃvāsasīmāya dammī’’ti dinnaṃ. Esa nayo sesesupi. Khaṇḍasīmā sīmantarikaṭṭhānaṃ na pāpuṇāti tattha samānasaṃvāsasīmāya abhāvatoti adhippāyo. Samānasaṃvāsaavippavāsasīmāsu dinnassa idaṃ nānāttaṃ – ‘‘avippavāsasīmāya dammī’’ti dinnaṃ gāmaṭṭhānaṃ na pāpuṇāti. Kasmā? ‘‘Ṭhapetvā gāmañca gāmūpacārañcā’’ti (mahāva. 144) vuttattā . ‘‘Samānasaṃvāsasīmāya dammī’’ti dinnaṃ pana gāme ṭhitānampi pāpuṇātīti. Abbhantarasīmāudakukkhepasīmāsu dinnanti tattha uposathādiatthāya sannipatite disvā ‘‘imissā abbhantarasīmāya demā’’tiādinā dinnaṃ. Janapadaraṭṭharajjadīpacakkavāḷasīmāsupi gāmasīmādīsu vuttasadisova vinicchayoti āha ‘‘janapadasīmādīsū’’tiādi. Ekopi gantvā sabbesaṃ saṅgaṇhituṃ labhatīti ekopi gantvā idha vassaggena bhājetvā gahetvā āgantuṃ labhatīti attho. Ekoti sabhāgo eko bhikkhu, ayampi bhāgameva gahetuṃ labhati. Tenāha ‘‘sabhāgānaṃ bhāgaṃ gaṇhātī’’ti.
เอวํ ตาว โย สีมํ ปรามสิตฺวา เทติ, ตสฺส ทาเน วินิจฺฉยํ วตฺวา อิทานิ โย ‘‘อสุกสีมายา’’ติ วตฺตุํ น ชานาติ, เกวลํ ‘‘สีมา’’ติ วจนมตฺตเมว ชานโนฺต วิหารํ อาคนฺตฺวา ‘‘สีมาย ทมฺมี’’ติ วา ‘‘สีมฎฺฐกสงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ วา ภณติ, ตตฺถ วินิจฺฉยํ ทเสฺสตุํ ‘‘โย ปน วิหารํ ปวิสิตฺวา’’ติอาทิมาหฯ กตรนฺติ กตรสีมํฯ อหเมตํ เภทํ น ชานามีติ อหํ ‘‘อสุกา สีมา’’ติ เอตํ วิภาคํ น ชานามิฯ อุปจารสีมเฎฺฐหิ ภาเชตพฺพํ ลาภสฺส อุปจารสีมาย ปริจฺฉินฺนตฺตาติ อธิปฺปาโยฯ สาติ สมานลาภกติกาฯ
Evaṃ tāva yo sīmaṃ parāmasitvā deti, tassa dāne vinicchayaṃ vatvā idāni yo ‘‘asukasīmāyā’’ti vattuṃ na jānāti, kevalaṃ ‘‘sīmā’’ti vacanamattameva jānanto vihāraṃ āgantvā ‘‘sīmāya dammī’’ti vā ‘‘sīmaṭṭhakasaṅghassa dammī’’ti vā bhaṇati, tattha vinicchayaṃ dassetuṃ ‘‘yo pana vihāraṃ pavisitvā’’tiādimāha. Kataranti katarasīmaṃ. Ahametaṃ bhedaṃ na jānāmīti ahaṃ ‘‘asukā sīmā’’ti etaṃ vibhāgaṃ na jānāmi. Upacārasīmaṭṭhehi bhājetabbaṃ lābhassa upacārasīmāya paricchinnattāti adhippāyo. Sāti samānalābhakatikā.
ยตฺถ มยฺหํ ธุวการา กรียนฺตีติ (มหาว. อฎฺฐ. ๓๗๙) เอตฺถ ยสฺมิํ วิหาเร ตสฺส จีวรทายกสฺส สนฺตกํ สงฺฆสฺส ปากวตฺตํ วา วตฺตติฯ ยสฺมิํ วิหาเร ภิกฺขู อตฺตโน ภารํ กตฺวา สทา เคเห โภเชติ, ยตฺถ วา อเนน อาวาโส วา การิโต, สลากภตฺตาทีนิ วา นิพทฺธานิ, อิเม ธุวการา นามฯ เยน ปน สกโลปิ วิหาโร ปติฎฺฐาปิโต, ตตฺถ วตฺตพฺพเมว นตฺถิฯ เตนาห ‘‘ยตฺถ ตสฺส ปากวตฺตํ วา วตฺตตี’’ติอาทิฯ ตตฺถ ปากวตฺตนฺติ ทานวตฺตํฯ วตฺตตีติ ปวตฺตติฯ ยโตติ ยสฺมา วิหาราฯ ยตฺถาติ ยสฺมิํ วิหาเรฯ สพฺพตฺถาติ สเพฺพสุ วิหาเรสุฯ มาติกํ อาโรเปตฺวาติ เอกสฺมิํ วิหาเร ภิกฺขู พหุตรา, เอกสฺมิํ โถกตรา, เอกญฺจ วตฺถํ, ธุวการฎฺฐานญฺจ พหุกํ, กตฺถ เทมาติ ปุจฺฉิตฺวา, ยทิ ปน มโญฺจ วา ปีฐํ วา เอกเมว โหติ, ตํ ปุจฺฉิตฺวา ยสฺส วา วิหารสฺส, เอกวิหาเรปิ วา ยสฺส เสนาสนสฺส โส วิจาเรติ, ตตฺถ ทาตพฺพํฯ สเจปิ ‘‘อสุกภิกฺขุ คณฺหตู’’ติ วทติ, วฎฺฎติฯ อถ ‘‘มยฺหํ ธุวกาเร เทถา’’ติ วตฺวา อวิจาเรตฺวาว คจฺฉติ, สงฺฆสฺสปิ วิจาเรตุํ วฎฺฎติฯ เอวํ ปน วิจาเรตพฺพํ – ‘‘สงฺฆเตฺถรสฺส วสนฎฺฐาเน เทถา’’ติ วตฺตพฺพํฯ สเจ ตตฺถ เสนาสนํ ปริปุณฺณํ โหติ, ยตฺถ นปฺปโหติ, ตตฺถ ทาตพฺพํฯ สเจ เอโก ภิกฺขุ ‘‘มยฺหํ วสนฎฺฐาเน เสนาสนปริโภคภณฺฑํ นตฺถี’’ติ วทติ, ตตฺถ ทาตพฺพํฯ
Yattha mayhaṃ dhuvakārā karīyantīti (mahāva. aṭṭha. 379) ettha yasmiṃ vihāre tassa cīvaradāyakassa santakaṃ saṅghassa pākavattaṃ vā vattati. Yasmiṃ vihāre bhikkhū attano bhāraṃ katvā sadā gehe bhojeti, yattha vā anena āvāso vā kārito, salākabhattādīni vā nibaddhāni, ime dhuvakārā nāma. Yena pana sakalopi vihāro patiṭṭhāpito, tattha vattabbameva natthi. Tenāha ‘‘yattha tassa pākavattaṃ vā vattatī’’tiādi. Tattha pākavattanti dānavattaṃ. Vattatīti pavattati. Yatoti yasmā vihārā. Yatthāti yasmiṃ vihāre. Sabbatthāti sabbesu vihāresu. Mātikaṃ āropetvāti ekasmiṃ vihāre bhikkhū bahutarā, ekasmiṃ thokatarā, ekañca vatthaṃ, dhuvakāraṭṭhānañca bahukaṃ, kattha demāti pucchitvā, yadi pana mañco vā pīṭhaṃ vā ekameva hoti, taṃ pucchitvā yassa vā vihārassa, ekavihārepi vā yassa senāsanassa so vicāreti, tattha dātabbaṃ. Sacepi ‘‘asukabhikkhu gaṇhatū’’ti vadati, vaṭṭati. Atha ‘‘mayhaṃ dhuvakāre dethā’’ti vatvā avicāretvāva gacchati, saṅghassapi vicāretuṃ vaṭṭati. Evaṃ pana vicāretabbaṃ – ‘‘saṅghattherassa vasanaṭṭhāne dethā’’ti vattabbaṃ. Sace tattha senāsanaṃ paripuṇṇaṃ hoti, yattha nappahoti, tattha dātabbaṃ. Sace eko bhikkhu ‘‘mayhaṃ vasanaṭṭhāne senāsanaparibhogabhaṇḍaṃ natthī’’ti vadati, tattha dātabbaṃ.
สงฺฆสฺส ทมฺมีติ ทินฺนนฺติ ‘‘อิมานิ จีวรานิ สงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ เอวํ ทินฺนํฯ ตโต พหิทฺธาปีติ อุปจารสีมาโต พหิทฺธาปิฯ เตหิ สทฺธินฺติ อุปจารสีมาคเตหิ สทฺธิํฯ เอกาพทฺธานญฺจ ปาปุณาติ ปริสาวเสน วฑฺฒิตา สีมา โหตีติ กตฺวาติ อธิปฺปาโยฯ ตสฺมาติ ยสฺมา อุปจารสีมาคตานํ ปาปุณาติ, ยสฺมา จ ตโต พหิทฺธาปิ อุปจารสีโมกฺกเนฺตหิ เอกาพทฺธานํ ปาปุณาติ, ตสฺมาฯ เตสนฺติ อุปจารสีมาคตานํ, ตโต พหิทฺธา เตหิ สทฺธิํ เอกาพทฺธานญฺจฯ คาหเต สตีติ อเนฺตวาสิกาทิเก คณฺหเนฺต สติฯ อสมฺปตฺตานมฺปีติ อุปจารสีมายํ ฐิเตหิ ฆณฺฎิํ ปหริตฺวา กาลํ โฆเสตฺวา ลาภภาชนฎฺฐานํ อสมฺปตฺตานมฺปิ อุปจารสีมาย ปวิฎฺฐานํ, เตหิ วา สทฺธิํ เอกาพทฺธานํ หุตฺวา อตฺตโน วิหารทฺวาเร วา อโนฺตวิหาเรเยว วา ฐิตานญฺจาติ อโตฺถฯ ภาโค ทาตโพฺพติ สงฺฆนวกสฺส ทิเนฺนปีติ อธิปฺปาโยฯ ทุติยภาเค ปน เถราสนํ อารุเฬฺห อาคตานํ ปฐมภาโค น ปาปุณาติฯ ทุติยภาคโต วสฺสเคฺคน ทาตพฺพํฯ
Saṅghassadammīti dinnanti ‘‘imāni cīvarāni saṅghassa dammī’’ti evaṃ dinnaṃ. Tato bahiddhāpīti upacārasīmāto bahiddhāpi. Tehi saddhinti upacārasīmāgatehi saddhiṃ. Ekābaddhānañca pāpuṇāti parisāvasena vaḍḍhitā sīmā hotīti katvāti adhippāyo. Tasmāti yasmā upacārasīmāgatānaṃ pāpuṇāti, yasmā ca tato bahiddhāpi upacārasīmokkantehi ekābaddhānaṃ pāpuṇāti, tasmā. Tesanti upacārasīmāgatānaṃ, tato bahiddhā tehi saddhiṃ ekābaddhānañca. Gāhate satīti antevāsikādike gaṇhante sati. Asampattānampīti upacārasīmāyaṃ ṭhitehi ghaṇṭiṃ paharitvā kālaṃ ghosetvā lābhabhājanaṭṭhānaṃ asampattānampi upacārasīmāya paviṭṭhānaṃ, tehi vā saddhiṃ ekābaddhānaṃ hutvā attano vihāradvāre vā antovihāreyeva vā ṭhitānañcāti attho. Bhāgo dātabboti saṅghanavakassa dinnepīti adhippāyo. Dutiyabhāge pana therāsanaṃ āruḷhe āgatānaṃ paṭhamabhāgo na pāpuṇāti. Dutiyabhāgato vassaggena dātabbaṃ.
สเจ ปน ‘‘พหิอุปจารสีมายํ ฐิตานํ เทถา’’ติ วทนฺติ, น ทาตพฺพํฯ ยทิ ปน วิหาโร มหา โหติ, เถราสนโต ปฎฺฐาย วเตฺถสุ ทียมาเนสุ อลสชาติกา มหาเถรา ปจฺฉา อาคจฺฉนฺติ, ‘‘ภเนฺต, วีสติวสฺสานํ ทียติ, ตุมฺหากํ ฐิติกา อติกฺกนฺตา’’ติ น วตฺตพฺพาฯ ฐิติกํ ฐเปตฺวา เตสํ ทตฺวา ปจฺฉา ฐิติกาย ทาตพฺพํฯ
Sace pana ‘‘bahiupacārasīmāyaṃ ṭhitānaṃ dethā’’ti vadanti, na dātabbaṃ. Yadi pana vihāro mahā hoti, therāsanato paṭṭhāya vatthesu dīyamānesu alasajātikā mahātherā pacchā āgacchanti, ‘‘bhante, vīsativassānaṃ dīyati, tumhākaṃ ṭhitikā atikkantā’’ti na vattabbā. Ṭhitikaṃ ṭhapetvā tesaṃ datvā pacchā ṭhitikāya dātabbaṃ.
‘‘อสุกวิหาเร กิร พหุจีวรํ อุปฺปนฺน’’นฺติ สุตฺวา โยชนนฺตริกวิหารโตปิ ภิกฺขู อาคจฺฉนฺติ, สมฺปตฺตสมฺปตฺตานํ ฐิตฎฺฐานโต ปฎฺฐาย ทาตพฺพํ, อยเมตฺถ สเงฺขโปฯ วิตฺถาโร ปน สมนฺตปาสาทิกาย จีวรกฺขนฺธกวณฺณนายํ (มหาว. อฎฺฐ. ๓๗๙) วุตฺตนเยน เวทิตโพฺพฯ
‘‘Asukavihāre kira bahucīvaraṃ uppanna’’nti sutvā yojanantarikavihāratopi bhikkhū āgacchanti, sampattasampattānaṃ ṭhitaṭṭhānato paṭṭhāya dātabbaṃ, ayamettha saṅkhepo. Vitthāro pana samantapāsādikāya cīvarakkhandhakavaṇṇanāyaṃ (mahāva. aṭṭha. 379) vuttanayena veditabbo.
เอวํ วิหารํ ปวิสิตฺวา ‘‘อิมานิ จีวรานิ สงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ ทิเนฺนสุ วินิจฺฉยํ วตฺวา อิทานิ พหิอุปจารสีมายํ ภิกฺขุํ ทิสฺวา ‘‘สงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ ทิเนฺนสุ วินิจฺฉยํ ทเสฺสตุํ ‘‘ยํ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เอกาพทฺธปริสาย ปาปุณาตีติ สเจ โยชนํ ผริตฺวา ปริสา ฐิตา โหติ, เอกาพทฺธา เจ, สเพฺพสํ ปาปุณาตีติ อโตฺถฯ เอกาพทฺธตา เจตฺถ ทฺวาทสหตฺถพฺภนฺตรโต ปริจฺฉินฺทิตพฺพาฯ เตนาห ‘‘เย ปนา’’ติอาทิฯ
Evaṃ vihāraṃ pavisitvā ‘‘imāni cīvarāni saṅghassa dammī’’ti dinnesu vinicchayaṃ vatvā idāni bahiupacārasīmāyaṃ bhikkhuṃ disvā ‘‘saṅghassa dammī’’ti dinnesu vinicchayaṃ dassetuṃ ‘‘yaṃ panā’’tiādi vuttaṃ. Ekābaddhaparisāya pāpuṇātīti sace yojanaṃ pharitvā parisā ṭhitā hoti, ekābaddhā ce, sabbesaṃ pāpuṇātīti attho. Ekābaddhatā cettha dvādasahatthabbhantarato paricchinditabbā. Tenāha ‘‘ye panā’’tiādi.
อุภโตสงฺฆสฺส ทินฺนนฺติ (มหาว. อฎฺฐ. ๓๗๙) ‘‘อุภโตสงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ ทินฺนํฯ ‘‘เทฺวธาสงฺฆสฺส ทมฺมิ, ทฺวินฺนํ สงฺฆานํ ทมฺมิ, ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ภิกฺขุนิสงฺฆสฺส จ ทมฺมี’’ติ วุเตฺตปิ อุภโตสงฺฆสฺส ทินฺนเมว โหติฯ อุปฑฺฒํ ภิกฺขูนํ, อุปฑฺฒํ ภิกฺขุนีนํ ทาตพฺพนฺติ เทฺว ภาเค สเม กตฺวา เอโก ภาโค ภิกฺขูนํ, เอโก ภาโค ภิกฺขุนีนํ ทาตโพฺพฯ คเหตุํ ลภติ อุภโตสงฺฆคฺคหเณน คหิตตฺตาติ อธิปฺปาโยฯ เจติยสฺสาติ ถูปาทิโนฯ ตญฺหิ ธาตายตนาทิภาเวน จิตตฺตา, โลกสฺส จิตฺตีการฎฺฐานตาย จ ‘‘เจติย’’นฺติ วุจฺจติฯ น โกจิ วิเสโสติ อาห ‘‘อิธ ปน เจติยสฺสา’’ติอาทิฯ
Ubhatosaṅghassa dinnanti (mahāva. aṭṭha. 379) ‘‘ubhatosaṅghassa dammī’’ti dinnaṃ. ‘‘Dvedhāsaṅghassa dammi, dvinnaṃ saṅghānaṃ dammi, bhikkhusaṅghassa ca bhikkhunisaṅghassa ca dammī’’ti vuttepi ubhatosaṅghassa dinnameva hoti. Upaḍḍhaṃ bhikkhūnaṃ, upaḍḍhaṃ bhikkhunīnaṃ dātabbanti dve bhāge same katvā eko bhāgo bhikkhūnaṃ, eko bhāgo bhikkhunīnaṃ dātabbo. Gahetuṃ labhati ubhatosaṅghaggahaṇena gahitattāti adhippāyo. Cetiyassāti thūpādino. Tañhi dhātāyatanādibhāvena citattā, lokassa cittīkāraṭṭhānatāya ca ‘‘cetiya’’nti vuccati. Na koci visesoti āha ‘‘idha pana cetiyassā’’tiādi.
‘‘อุภโตสงฺฆสฺส จ ตุยฺหญฺจ เจติยสฺส จา’’ติ วุเตฺต ปน ทฺวาวีสติโกฎฺฐาเส กตฺวา ทส ภิกฺขูนํ, ทส ภิกฺขุนีนํ, เอโก ปุคฺคลสฺส, เอโก เจติยสฺส ทาตโพฺพฯ ตตฺถ ปุคฺคโล สงฺฆโตปิ อตฺตโน วสฺสเคฺคน ปุน คเหตุํ ลภติ, เจติยสฺส เอโกเยวฯ อยํ ปน วาโร ยถาวุเตฺตเนว นเยน ญายตีติ กตฺวา อิธ น วุโตฺตฯ สมนฺตปาสาทิกายํ (มหาว. อฎฺฐ. ๓๗๙) ปน วุโตฺตเยวฯ
‘‘Ubhatosaṅghassa ca tuyhañca cetiyassa cā’’ti vutte pana dvāvīsatikoṭṭhāse katvā dasa bhikkhūnaṃ, dasa bhikkhunīnaṃ, eko puggalassa, eko cetiyassa dātabbo. Tattha puggalo saṅghatopi attano vassaggena puna gahetuṃ labhati, cetiyassa ekoyeva. Ayaṃ pana vāro yathāvutteneva nayena ñāyatīti katvā idha na vutto. Samantapāsādikāyaṃ (mahāva. aṭṭha. 379) pana vuttoyeva.
น มเชฺฌ ภินฺทิตฺวา ทาตพฺพํ ‘‘ภิกฺขุนีน’’นฺติ ปุคฺคลิกวเสน วุตฺตตฺตาฯ ปุคฺคโล วิสุํ น ลภตีติ ปุเพฺพ วิย วิสุํ ปุคฺคลิกโกฎฺฐาสํ น ลภติฯ ปาปุณนฎฺฐานโต เอกเมว ลภตีติ อตฺตโน วสฺสเคฺคน ปตฺตพฺพฎฺฐานโต เอกเมว โกฎฺฐาสํ ลภติฯ กสฺมา? ภิกฺขุสงฺฆคฺคหเณน คหิตตฺตาฯ ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ภิกฺขุนีนญฺจ ตุยฺหญฺจ เจติยสฺส จา’’ติ วุเตฺตปิ เจติยสฺส เอกปุคฺคลปฎิวีโส ลพฺภติ, ปุคฺคลสฺส วิสุํ น ลพฺภติฯ ตสฺมา เอกํ เจติยสฺส ทตฺวา อวเสสํ ภิกฺขู จ ภิกฺขุนิโย จ คเณตฺวา ภาเชตพฺพํฯ เตนาห ‘‘เจติยสฺส จาติ วุเตฺต ปนา’’ติอาทิฯ
Namajjhe bhinditvā dātabbaṃ ‘‘bhikkhunīna’’nti puggalikavasena vuttattā. Puggalo visuṃ na labhatīti pubbe viya visuṃ puggalikakoṭṭhāsaṃ na labhati. Pāpuṇanaṭṭhānato ekameva labhatīti attano vassaggena pattabbaṭṭhānato ekameva koṭṭhāsaṃ labhati. Kasmā? Bhikkhusaṅghaggahaṇena gahitattā. ‘‘Bhikkhusaṅghassa ca bhikkhunīnañca tuyhañca cetiyassa cā’’ti vuttepi cetiyassa ekapuggalapaṭivīso labbhati, puggalassa visuṃ na labbhati. Tasmā ekaṃ cetiyassa datvā avasesaṃ bhikkhū ca bhikkhuniyo ca gaṇetvā bhājetabbaṃ. Tenāha ‘‘cetiyassa cāti vutte panā’’tiādi.
เตหิ สทฺธิํ ปุคฺคลเจติยปรามสนํ อนนฺตรนยสทิสเมวาติ เตหิ ภิกฺขูหิ ภิกฺขุนีหิ สทฺธิํ ปุคฺคลสฺส จ เจติยสฺส จ คหณํ อนนฺตรนยสทิสเมวาติ อโตฺถฯ ‘‘ภิกฺขูนญฺจ ภิกฺขุนีนญฺจ ตุยฺหญฺจ, ภิกฺขูนญฺจ ภิกฺขุนีนญฺจ เจติยสฺส จ, ภิกฺขูนญฺจ ภิกฺขุนีนญฺจ ตุยฺหญฺจ เจติยสฺส จา’’ติ วุเตฺตปิ เจติยสฺส เอกปฎิวีโส ลพฺภติ, ปุคฺคลสฺส วิสุํ นตฺถิ, ภิกฺขู จ ภิกฺขุนิโย จ คเณตฺวาว ภาเชตพฺพนฺติ วุตฺตํ โหติฯ ปุคฺคลสฺส วิสุํ น ลพฺภตีติ ปุคฺคลสฺส วิสุํ ปฎิวีโส น ลพฺภติ, วสฺสเคฺคน เอโกว ลพฺภตีติ อโตฺถฯ ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ เจติยสฺส จา’’ติ วุเตฺต ปน เจติยสฺส วิสุํ ปฎิวีโส ลพฺภตีติ อาห ‘‘เจติยสฺส ปน ลพฺภตี’’ติฯ ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ตุยฺหญฺจ เจติยสฺส จา’’ติ วุเตฺตปิ เจติยเสฺสว วิสุํ ลพฺภติ, น ปุคฺคลสฺสฯ เจติยสฺส ปน ลพฺภติเยวาติ ‘‘ภิกฺขูนญฺจ เจติยสฺส จา’’ติ วุเตฺต ปน เจติยสฺส วิสุํ ปฎิวีโส ลพฺภตีติ อโตฺถฯ ‘‘ภิกฺขูนญฺจ ตุยฺหญฺจ เจติยสฺส จา’’ติ วุเตฺตปิ เจติยเสฺสว วิสุํ ลพฺภติ, น ปุคฺคลสฺสฯ ภิกฺขุนิสงฺฆํ อาทิํ กตฺวาปิ เอวเมว โยเชตพฺพํฯ
Tehi saddhiṃ puggalacetiyaparāmasanaṃ anantaranayasadisamevāti tehi bhikkhūhi bhikkhunīhi saddhiṃ puggalassa ca cetiyassa ca gahaṇaṃ anantaranayasadisamevāti attho. ‘‘Bhikkhūnañca bhikkhunīnañca tuyhañca, bhikkhūnañca bhikkhunīnañca cetiyassa ca, bhikkhūnañca bhikkhunīnañca tuyhañca cetiyassa cā’’ti vuttepi cetiyassa ekapaṭivīso labbhati, puggalassa visuṃ natthi, bhikkhū ca bhikkhuniyo ca gaṇetvāva bhājetabbanti vuttaṃ hoti. Puggalassa visuṃ na labbhatīti puggalassa visuṃ paṭivīso na labbhati, vassaggena ekova labbhatīti attho. ‘‘Bhikkhusaṅghassa ca cetiyassa cā’’ti vutte pana cetiyassa visuṃ paṭivīso labbhatīti āha ‘‘cetiyassa pana labbhatī’’ti. ‘‘Bhikkhusaṅghassa ca tuyhañca cetiyassa cā’’ti vuttepi cetiyasseva visuṃ labbhati, na puggalassa. Cetiyassa pana labbhatiyevāti ‘‘bhikkhūnañca cetiyassa cā’’ti vutte pana cetiyassa visuṃ paṭivīso labbhatīti attho. ‘‘Bhikkhūnañca tuyhañca cetiyassa cā’’ti vuttepi cetiyasseva visuṃ labbhati, na puggalassa. Bhikkhunisaṅghaṃ ādiṃ katvāpi evameva yojetabbaṃ.
เอตฺถาห – ยํ ปเนตรหิ (มหาว. อฎฺฐ. ๓๗๙) ปณฺฑิตมนุสฺสา สธาตุกํ ปฎิมํ วา เจติยํ วา ฐเปตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส อุภโตสงฺฆสฺส ทานํ เทนฺติ, ปฎิมาย วา เจติยสฺส วา ปุรโต อาธารเก ปตฺตํ ฐเปตฺวา ทกฺขิโณทกํ ทตฺวา ‘‘พุทฺธานํ เทมา’’ติ, ตตฺถ ยํ ปฐมํ ขาทนียํ โภชนียํ เทนฺติ, วิหารํ วา อาหริตฺวา ‘‘อิทํ เจติยสฺส เทมา’’ติ ปิณฺฑปาตญฺจ มาลาคนฺธาทีนิ จ เทนฺติ, ตตฺถ กถํ ปฎิปชฺชิตพฺพนฺติ? วุจฺจเต – มาลาคนฺธาทีนิ ตาว เจติเย อาโรเปตพฺพานิ, วเตฺถหิ ปฎากา, เตเลน ปทีปา กาตพฺพา, ปิณฺฑปาตมธุผาณิตาทีนิ ปน โย นิพทฺธเจติยชคฺคโก โหติ ปพฺพชิโต วา คหโฎฺฐ วา, ตสฺส ทาตพฺพานิฯ นิพทฺธชคฺคเก อสติ อาหฎภตฺตํ ฐเปตฺวา วตฺตํ กตฺวา ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎติฯ อุปกเฎฺฐ กาเล ภุญฺชิตฺวา ปจฺฉาปิ วตฺตํ กาตุํ วฎฺฎติเยวฯ
Etthāha – yaṃ panetarahi (mahāva. aṭṭha. 379) paṇḍitamanussā sadhātukaṃ paṭimaṃ vā cetiyaṃ vā ṭhapetvā buddhappamukhassa ubhatosaṅghassa dānaṃ denti, paṭimāya vā cetiyassa vā purato ādhārake pattaṃ ṭhapetvā dakkhiṇodakaṃ datvā ‘‘buddhānaṃ demā’’ti, tattha yaṃ paṭhamaṃ khādanīyaṃ bhojanīyaṃ denti, vihāraṃ vā āharitvā ‘‘idaṃ cetiyassa demā’’ti piṇḍapātañca mālāgandhādīni ca denti, tattha kathaṃ paṭipajjitabbanti? Vuccate – mālāgandhādīni tāva cetiye āropetabbāni, vatthehi paṭākā, telena padīpā kātabbā, piṇḍapātamadhuphāṇitādīni pana yo nibaddhacetiyajaggako hoti pabbajito vā gahaṭṭho vā, tassa dātabbāni. Nibaddhajaggake asati āhaṭabhattaṃ ṭhapetvā vattaṃ katvā paribhuñjituṃ vaṭṭati. Upakaṭṭhe kāle bhuñjitvā pacchāpi vattaṃ kātuṃ vaṭṭatiyeva.
มาลาคนฺธาทีสุ จ ยํ กิญฺจิ ‘‘อิทํ หริตฺวา เจติยปูชํ กโรถา’’ติ วุเตฺต ทูรมฺปิ หริตฺวา ปูเชตพฺพํฯ ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส หรา’’ติ วุเตฺตปิ หริตพฺพํฯ สเจ ปน ‘‘อหํ ปิณฺฑาย จรามิ, อาสนสาลายํ ภิกฺขู อตฺถิ, เต หริสฺสนฺตี’’ติ วุเตฺต ‘‘ภเนฺต, ตุยฺหํเยว ทมฺมี’’ติ วทติ, ภุญฺชิตุํ วฎฺฎติฯ อถ ปน ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทสฺสามี’’ติ หรนฺตสฺส คจฺฉโต อนฺตราว กาโล อุปกโฎฺฐ โหติ, อตฺตโน ปาเปตฺวา ภุญฺชิตุํ วฎฺฎติฯ
Mālāgandhādīsu ca yaṃ kiñci ‘‘idaṃ haritvā cetiyapūjaṃ karothā’’ti vutte dūrampi haritvā pūjetabbaṃ. ‘‘Bhikkhusaṅghassa harā’’ti vuttepi haritabbaṃ. Sace pana ‘‘ahaṃ piṇḍāya carāmi, āsanasālāyaṃ bhikkhū atthi, te harissantī’’ti vutte ‘‘bhante, tuyhaṃyeva dammī’’ti vadati, bhuñjituṃ vaṭṭati. Atha pana ‘‘bhikkhusaṅghassa dassāmī’’ti harantassa gacchato antarāva kālo upakaṭṭho hoti, attano pāpetvā bhuñjituṃ vaṭṭati.
วสฺสํวุฎฺฐสงฺฆสฺส ทมฺมีติ วทตีติ (มหาว. อฎฺฐ. ๓๗๙) ‘‘วสฺสํวุฎฺฐสงฺฆสฺส อิมานิ จีวรานิ ทมฺมี’’ติ วทติฯ เตสํ พหิสีมฎฺฐานมฺปิ ปาปุณาตีติ อตฺถเต กถิเน พหิสีมฎฺฐานมฺปิ ยาว กถินสฺส อุพฺภารา ปาปุณาติ, ตสฺมา ทิสาปกฺกนฺตสฺสาปิ สติ ปฎิคฺคาหเก ทาตพฺพํฯ อนตฺถเต ปน กถิเน อโนฺตเหมเนฺต, เอวญฺจ ปน วตฺวา ทินฺนํ ปจฺฉิมวสฺสํวุฎฺฐานมฺปิ ปาปุณาติฯ ยตฺถ กตฺถจีติ เยสุ เกสุจิ วิหาเรสุฯ เอวํ วทตีติ ‘‘วสฺสํวุฎฺฐสงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ วทติฯ ตตฺร สมฺมุขีภูตานํ สเพฺพสํ ปาปุณาติ ปิฎฺฐิสมเย อุปฺปนฺนตฺตาฯ สเจ ปน ‘‘วสฺสํ วสนฺตานํ ทมฺมี’’ติ วทติ, อโนฺตวเสฺสเยว วสฺสํ วสนฺตาว ลภนฺติ, ฉินฺนวสฺสา น ลภนฺติฯ จีวรมาเส ปน ‘‘วสฺสํ วสนฺตานํ ทมฺมี’’ติ วุเตฺต ปจฺฉิมิกาย วสฺสูปคตานํเยว ปาปุณาติ, ปุริมิกาย วสฺสูปคตานญฺจ ฉินฺนวสฺสานญฺจ น ปาปุณาติฯ
Vassaṃvuṭṭhasaṅghassa dammīti vadatīti (mahāva. aṭṭha. 379) ‘‘vassaṃvuṭṭhasaṅghassa imāni cīvarāni dammī’’ti vadati. Tesaṃ bahisīmaṭṭhānampi pāpuṇātīti atthate kathine bahisīmaṭṭhānampi yāva kathinassa ubbhārā pāpuṇāti, tasmā disāpakkantassāpi sati paṭiggāhake dātabbaṃ. Anatthate pana kathine antohemante, evañca pana vatvā dinnaṃ pacchimavassaṃvuṭṭhānampi pāpuṇāti. Yattha katthacīti yesu kesuci vihāresu. Evaṃ vadatīti ‘‘vassaṃvuṭṭhasaṅghassa dammī’’ti vadati. Tatra sammukhībhūtānaṃ sabbesaṃ pāpuṇāti piṭṭhisamaye uppannattā. Sace pana ‘‘vassaṃ vasantānaṃ dammī’’ti vadati, antovasseyeva vassaṃ vasantāva labhanti, chinnavassā na labhanti. Cīvaramāse pana ‘‘vassaṃ vasantānaṃ dammī’’ti vutte pacchimikāya vassūpagatānaṃyeva pāpuṇāti, purimikāya vassūpagatānañca chinnavassānañca na pāpuṇāti.
จีวรมาสโต ปฎฺฐาย ยาว เหมนฺตสฺส ปจฺฉิโม ทิวโส, ตาว ‘‘วสฺสาวาสิกํ เทมา’’ติ วุเตฺต กถินํ อตฺถตํ วา โหตุ, อนตฺถตํ วา, อตีตวสฺสํวุฎฺฐานํเยว ปาปุณาติฯ คิมฺหานํ ปฐมทิวสโต ปฎฺฐาย วุเตฺต ปน มาติกา อาโรเปตพฺพา ‘‘อตีตวสฺสาวาสสฺส ปญฺจ มาสา อติกฺกนฺตา, อนาคโต จตุมาสจฺจเยน ภวิสฺสติ, กตรวสฺสาวาสสฺส เทสี’’ติฯ สเจ ‘‘อตีตวสฺสํวุฎฺฐานํ ทมฺมี’’ติ วทติ, ตํอโนฺตวสฺสํวุฎฺฐานเมว ปาปุณาติ, ทิสา ปกฺกนฺตานมฺปิ สภาคา คณฺหิตุํ ลภนฺติฯ
Cīvaramāsato paṭṭhāya yāva hemantassa pacchimo divaso, tāva ‘‘vassāvāsikaṃ demā’’ti vutte kathinaṃ atthataṃ vā hotu, anatthataṃ vā, atītavassaṃvuṭṭhānaṃyeva pāpuṇāti. Gimhānaṃ paṭhamadivasato paṭṭhāya vutte pana mātikā āropetabbā ‘‘atītavassāvāsassa pañca māsā atikkantā, anāgato catumāsaccayena bhavissati, kataravassāvāsassa desī’’ti. Sace ‘‘atītavassaṃvuṭṭhānaṃ dammī’’ti vadati, taṃantovassaṃvuṭṭhānameva pāpuṇāti, disā pakkantānampi sabhāgā gaṇhituṃ labhanti.
สเจ ‘‘อนาคเต วสฺสาวาสิกํ ทมฺมี’’ติ วทติ, ตํ ฐเปตฺวา วสฺสูปนายิกทิวเส คเหตพฺพํฯ อถ ‘‘อคุโตฺต วิหาโร, โจรภยํ อตฺถิ, น สกฺกา ฐเปตุํ, คณฺหิตฺวา วา อาหิณฺฑิตุ’’นฺติ วุเตฺต ‘‘สมฺปตฺตานํ ทมฺมี’’ติ วทติ, ภาเชตฺวา คเหตพฺพํฯ สเจ วทติ ‘‘อิโต เม, ภเนฺต, ตติเย วเสฺส วสฺสาวาสิกํ น ทินฺนํ, ตํ ทมฺมี’’ติ, ตสฺมิํ อโนฺตวเสฺส วุฎฺฐภิกฺขูนํ ปาปุณาติฯ สเจ เต ทิสา ปกฺกนฺตา, อโญฺญ วิสฺสาสิโก คณฺหาติ, ทาตพฺพํฯ อถ เอโกเยว อวสิโฎฺฐ, เสสา กาลงฺกตา, สพฺพํ เอกเสฺสว ปาปุณาติฯ สเจ เอโกปิ นตฺถิ, สงฺฆิกํ โหติ, สมฺมุขีภูเตหิ ภาชิตพฺพํฯ
Sace ‘‘anāgate vassāvāsikaṃ dammī’’ti vadati, taṃ ṭhapetvā vassūpanāyikadivase gahetabbaṃ. Atha ‘‘agutto vihāro, corabhayaṃ atthi, na sakkā ṭhapetuṃ, gaṇhitvā vā āhiṇḍitu’’nti vutte ‘‘sampattānaṃ dammī’’ti vadati, bhājetvā gahetabbaṃ. Sace vadati ‘‘ito me, bhante, tatiye vasse vassāvāsikaṃ na dinnaṃ, taṃ dammī’’ti, tasmiṃ antovasse vuṭṭhabhikkhūnaṃ pāpuṇāti. Sace te disā pakkantā, añño vissāsiko gaṇhāti, dātabbaṃ. Atha ekoyeva avasiṭṭho, sesā kālaṅkatā, sabbaṃ ekasseva pāpuṇāti. Sace ekopi natthi, saṅghikaṃ hoti, sammukhībhūtehi bhājitabbaṃ.
เยหิ นิมนฺติเตหิ ยาคุ ปีตาติ (มหาว. อฎฺฐ. ๓๗๙) นิมนฺติเตหิ เยหิ ภิกฺขูหิ ยาคุ ปีตา, เยหิ ปน ภิกฺขาจารวเตฺตน ฆรทฺวาเรน คจฺฉเนฺตหิ วา ฆรํ ปวิเฎฺฐหิ วา ยาคุ ลทฺธา, เยสํ วา อาสนสาลโต ปตฺตํ อาหริตฺวา มนุเสฺสหิ นีตา, เยสํ วา เถเรหิ เปสิตา, เตสํ น ปาปุณาติฯ สเจ ปน นิมนฺติตภิกฺขูหิ สทฺธิํ อเญฺญปิ พหู อาคนฺตฺวา อโนฺตเคหญฺจ พหิเคหญฺจ ปูเรตฺวา นิสินฺนา, ทายโก จ เอวํ วทติ ‘‘นิมนฺติตา วา โหนฺตุ, อนิมนฺติตา วา, เยสํ มยา ยาคุ ทินฺนา, สเพฺพสํ อิมานิ วตฺถานิ โหนฺตู’’ติ, สเพฺพสํ ปาปุณาติฯ เยหิ ปน เถรานํ หตฺถโต ยาคุ ลทฺธา, เตสํ น ปาปุณาติฯ อถ โส ‘‘เยหิ มยฺหํ ยาคุ ปีตา, สเพฺพสํ โหตู’’ติ วทติ, สเพฺพสํ ปาปุณาติฯ ภตฺตขชฺชกาทีหีติ เอตฺถ อาทิสเทฺทนปิ จีวรเสนาสนเภสชฺชานํ คหณํฯ
Yehi nimantitehi yāgu pītāti (mahāva. aṭṭha. 379) nimantitehi yehi bhikkhūhi yāgu pītā, yehi pana bhikkhācāravattena gharadvārena gacchantehi vā gharaṃ paviṭṭhehi vā yāgu laddhā, yesaṃ vā āsanasālato pattaṃ āharitvā manussehi nītā, yesaṃ vā therehi pesitā, tesaṃ na pāpuṇāti. Sace pana nimantitabhikkhūhi saddhiṃ aññepi bahū āgantvā antogehañca bahigehañca pūretvā nisinnā, dāyako ca evaṃ vadati ‘‘nimantitā vā hontu, animantitā vā, yesaṃ mayā yāgu dinnā, sabbesaṃ imāni vatthāni hontū’’ti, sabbesaṃ pāpuṇāti. Yehi pana therānaṃ hatthato yāgu laddhā, tesaṃ na pāpuṇāti. Atha so ‘‘yehi mayhaṃ yāgu pītā, sabbesaṃ hotū’’ti vadati, sabbesaṃ pāpuṇāti. Bhattakhajjakādīhīti ettha ādisaddenapi cīvarasenāsanabhesajjānaṃ gahaṇaṃ.
ปุคฺคลสฺสาติ (มหาว. อฎฺฐ. ๓๗๙) สมฺมุขาสมฺมุขภูตสฺส ปุคฺคลสฺสฯ เตนาห ‘‘อิทํ จีวร’’นฺติอาทิฯ สเจ ปน ‘‘อิทํ ตุมฺหากเญฺจว ตุมฺหากํ อเนฺตวาสิกานญฺจ ทมฺมี’’ติ เอวํ วทติ, เถรสฺส จ อเนฺตวาสิกานญฺจ ปาปุณาติฯ อุเทฺทสํ คเหตุํ อาคโต, คเหตฺวา คจฺฉโนฺต จ อตฺถิ, ตสฺสาปิ ปาปุณาติฯ ตุเมฺหหิ สทฺธิํ นิพทฺธจาริกภิกฺขูนํ ทมฺมี’’ติ วุเตฺต อุเทฺทสเนฺตวาสิกานํ วตฺตํ กตฺวา อุเทฺทสปริปุจฺฉาทีนิ คเหตฺวา วิจรนฺตานํ สเพฺพสํ ปาปุณาติฯ เอตฺถาติ อฎฺฐสุ มาติกาสุฯ ยทิ ปน อยเมตฺถ สเงฺขปกถา, วิตฺถาโร ปน กถํ ญาตโพฺพติ อาห ‘‘สมนฺตปาสาทิกายํ วุโตฺต’’ติฯ สมนฺตปาสาทิกายํ จีวรกฺขนฺธกวณฺณนายํ (มหาว. อฎฺฐ. ๓๗๙) วุโตฺตติ อโตฺถฯ
Puggalassāti (mahāva. aṭṭha. 379) sammukhāsammukhabhūtassa puggalassa. Tenāha ‘‘idaṃ cīvara’’ntiādi. Sace pana ‘‘idaṃ tumhākañceva tumhākaṃ antevāsikānañca dammī’’ti evaṃ vadati, therassa ca antevāsikānañca pāpuṇāti. Uddesaṃ gahetuṃ āgato, gahetvā gacchanto ca atthi, tassāpi pāpuṇāti. Tumhehi saddhiṃ nibaddhacārikabhikkhūnaṃ dammī’’ti vutte uddesantevāsikānaṃ vattaṃ katvā uddesaparipucchādīni gahetvā vicarantānaṃ sabbesaṃ pāpuṇāti. Etthāti aṭṭhasu mātikāsu. Yadi pana ayamettha saṅkhepakathā, vitthāro pana kathaṃ ñātabboti āha ‘‘samantapāsādikāyaṃ vutto’’ti. Samantapāsādikāyaṃ cīvarakkhandhakavaṇṇanāyaṃ (mahāva. aṭṭha. 379) vuttoti attho.
‘‘ญาตเกหิ วา เม จีวรตฺถาย เปสิตํ, มิเตฺตหิ วา เปสิตํ, เต อาภเต จีวเร ทสฺสนฺตี’’ติ เอวํ ญาติโต วา มิตฺตโต วา ปจฺจาสา โหตีติ เวทิตพฺพํฯ กปฺปิยภเณฺฑนาติ กปฺปาสสุตฺตาทินา อตฺตโน ธเนนฯ สณฺหนฺติ สุขุมํฯ อญฺญํ ปจฺจาสาจีวรํ ลภิตฺวา เอว กาลพฺภนฺตเร กาเรตพฺพนฺติ อญฺญํ มูลจีวรสทิสํ ปจฺจาสาจีวรํ ลภิตฺวาเยว มาสพฺภนฺตเร กาเรตพฺพํฯ ตญฺจ โข สติยาเยว ปจฺจาสาย, อสติยา ปน ปจฺจาสาย มูลจีวรํ ทสาหํ เจ สมฺปตฺตํ, ตทเหว อธิฎฺฐาตพฺพํฯ เตนาห ‘‘สเจ น ลภตี’’ติอาทิฯ ปจฺจาสาจีวรมฺปิ ปริกฺขารโจฬํ อธิฎฺฐาตพฺพนฺติ ปฐมตรํ อุปฺปนฺนํ ถูลปจฺจาสาจีวรมฺปิ สนฺธาย วุตฺตํฯ ปิ-สเทฺทน น เกวลํ มูลจีวรเมวาติ ทเสฺสติฯ
‘‘Ñātakehi vā me cīvaratthāya pesitaṃ, mittehi vā pesitaṃ, te ābhate cīvare dassantī’’ti evaṃ ñātito vā mittato vā paccāsā hotīti veditabbaṃ. Kappiyabhaṇḍenāti kappāsasuttādinā attano dhanena. Saṇhanti sukhumaṃ. Aññaṃ paccāsācīvaraṃ labhitvā eva kālabbhantare kāretabbanti aññaṃ mūlacīvarasadisaṃ paccāsācīvaraṃ labhitvāyeva māsabbhantare kāretabbaṃ. Tañca kho satiyāyeva paccāsāya, asatiyā pana paccāsāya mūlacīvaraṃ dasāhaṃ ce sampattaṃ, tadaheva adhiṭṭhātabbaṃ. Tenāha ‘‘sace na labhatī’’tiādi. Paccāsācīvarampi parikkhāracoḷaṃ adhiṭṭhātabbanti paṭhamataraṃ uppannaṃ thūlapaccāsācīvarampi sandhāya vuttaṃ. Pi-saddena na kevalaṃ mūlacīvaramevāti dasseti.
อกาลจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Akālacīvarasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.