Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / กงฺขาวิตรณี-ปุราณ-ฎีกา • Kaṅkhāvitaraṇī-purāṇa-ṭīkā |
๓. อกาลจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา
3. Akālacīvarasikkhāpadavaṇṇanā
อปริกฺขิตฺตสฺส ปริเกฺขปารหฎฺฐานสฺส ทุพฺพิชานตฺตา ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘อปิจ ภิกฺขูน’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ วิหารปริยเนฺต นิวิฎฺฐธุวสนฺนิปาตฎฺฐานโต วา ปริยเนฺต ฐิตโภชนสาลโต วา นิพทฺธวสนกอาวาสโต วาติ เอวํ คเหตพฺพํฯ สเจ วิหาเร สนฺนิปติตภิกฺขูหิ สทฺธิํ เอกาพทฺธา หุตฺวา โยชนสตมฺปิ ปูเรตฺวา นิสีทนฺติ, โยชนสตมฺปิ อุปจารสีมา โหตีติ อโตฺถฯ ‘‘สมานสํวาสกสีมายา’’ติ วุเตฺต ขณฺฑสีมาทีสุ ฐิตานํ น ปาปุณาติ, ตาสํ วิสุํ สมานสํวาสกสีมตฺตาติ จ สมานสํวาสกอวิปฺปวาสสีมานํ อิทํ นานตฺตํฯ ‘‘อวิปฺปวาสสีมาย ทมฺมี’’ติ ทินฺนํ ปน คาเม ฐิตานํ น ปาปุณาติฯ กสฺมา? ‘‘ฐเปตฺวา คามญฺจ คามูปจารญฺจา’’ติ (มหาว. ๑๔๔) วจนโตฯ ‘‘สมานสํวาสกสีมายา’’ติ ทินฺนํ ปน ยสฺมิํ ฐาเน อวิปฺปวาสสีมา อตฺถิ, ตตฺถ ฐิตานมฺปิฯ ‘‘ตตฺร ฐิตานญฺจ ปาปุณาตี’’ติ จ, ‘‘ขณฺฑสีมายํ ฐตฺวา ‘สีมฎฺฐกสโงฺฆ คณฺหาตู’ติ วุเตฺต อุปจารสีมาย เอว ปริจฺฉินฺทิตฺวา ทาตพฺพ’’นฺติ จ, ‘‘เตสํ พหิสีมฎฺฐานมฺปิ ปาปุณาติ ยาว กถินสฺสุพฺภาราติ อโตฺถ’’ติ จ, ‘‘อนตฺถเต ปน กถิเน อโนฺตเหมเนฺต สเจ วิหารํ ปวิสิตฺวา ‘วสฺสํวุฎฺฐสงฺฆสฺส ทมฺมี’ติ วทติ, เย ตตฺถ วสฺสเจฺฉทํ อกตฺวา ปจฺฉิมวสฺสํวุฎฺฐา, เตสํ พหิสีมฎฺฐานมฺปิ ปาปุณาตี’’ติ วินยธรา ปริจฺฉินฺทนฺติ, อฎฺฐกถายํ ปน อนาคตํฯ ตสฺมา สมนฺตปาสาทิกายํ ‘‘ลกฺขณญฺญู วทนฺตี’’ติ (มหาว. อฎฺฐ. ๓๗๙) วุตฺตนฺติ จ, ‘‘‘จีวรมาสโต ปฎฺฐาย ยาว เหมนฺตสฺส ปจฺฉิโม ทิวโส, ตาว วสฺสาวาสิกํ เทมา’ติ วุเตฺต กถินํ อตฺถตํ วา โหตุ, อนตฺถตํ วาติ ยํ สมนฺตปาสาทิกาวจนํ (มหาว. อฎฺฐ. ๓๗๙), เอตฺถาปิ ยทิ อตฺถตํ, ปุริมวสฺสํวุฎฺฐา ปญฺจ มาเสฯ ยทิ อนตฺถตํ, ปจฺฉิมวสฺสํวุฎฺฐา จตฺตาโร มาเส ลภนฺตีติ วินิจฺฉโย’’ติ จ ลิขิตํฯ
Aparikkhittassa parikkhepārahaṭṭhānassa dubbijānattā taṃ dassetuṃ ‘‘apica bhikkhūna’’ntiādi vuttaṃ. Vihārapariyante niviṭṭhadhuvasannipātaṭṭhānato vā pariyante ṭhitabhojanasālato vā nibaddhavasanakaāvāsato vāti evaṃ gahetabbaṃ. Sace vihāre sannipatitabhikkhūhi saddhiṃ ekābaddhā hutvā yojanasatampi pūretvā nisīdanti, yojanasatampi upacārasīmā hotīti attho. ‘‘Samānasaṃvāsakasīmāyā’’ti vutte khaṇḍasīmādīsu ṭhitānaṃ na pāpuṇāti, tāsaṃ visuṃ samānasaṃvāsakasīmattāti ca samānasaṃvāsakaavippavāsasīmānaṃ idaṃ nānattaṃ. ‘‘Avippavāsasīmāya dammī’’ti dinnaṃ pana gāme ṭhitānaṃ na pāpuṇāti. Kasmā? ‘‘Ṭhapetvā gāmañca gāmūpacārañcā’’ti (mahāva. 144) vacanato. ‘‘Samānasaṃvāsakasīmāyā’’ti dinnaṃ pana yasmiṃ ṭhāne avippavāsasīmā atthi, tattha ṭhitānampi. ‘‘Tatra ṭhitānañca pāpuṇātī’’ti ca, ‘‘khaṇḍasīmāyaṃ ṭhatvā ‘sīmaṭṭhakasaṅgho gaṇhātū’ti vutte upacārasīmāya eva paricchinditvā dātabba’’nti ca, ‘‘tesaṃ bahisīmaṭṭhānampi pāpuṇāti yāva kathinassubbhārāti attho’’ti ca, ‘‘anatthate pana kathine antohemante sace vihāraṃ pavisitvā ‘vassaṃvuṭṭhasaṅghassa dammī’ti vadati, ye tattha vassacchedaṃ akatvā pacchimavassaṃvuṭṭhā, tesaṃ bahisīmaṭṭhānampi pāpuṇātī’’ti vinayadharā paricchindanti, aṭṭhakathāyaṃ pana anāgataṃ. Tasmā samantapāsādikāyaṃ ‘‘lakkhaṇaññū vadantī’’ti (mahāva. aṭṭha. 379) vuttanti ca, ‘‘‘cīvaramāsato paṭṭhāya yāva hemantassa pacchimo divaso, tāva vassāvāsikaṃ demā’ti vutte kathinaṃ atthataṃ vā hotu, anatthataṃ vāti yaṃ samantapāsādikāvacanaṃ (mahāva. aṭṭha. 379), etthāpi yadi atthataṃ, purimavassaṃvuṭṭhā pañca māse. Yadi anatthataṃ, pacchimavassaṃvuṭṭhā cattāro māse labhantīti vinicchayo’’ti ca likhitaṃ.
‘‘เยหิ มยฺหํ ยาคุ ปีตาติ เยหิ นิมนฺติเตหิ มยฺหํ ยาคุ ปีตาติ อธิปฺปาโยฯ ตสฺมา เยหิ นิมนฺติเตหิ ยาคุ ปีตา, เตสํเยว ปาปุณาตีติ วุตฺตํฯ อญฺญถา ‘เยหิ มยฺหํ ยาคุ ปีตา’ติ วุเตฺต นิมนฺติตา วา โหนฺตุ, อนิมนฺติตา วา, เยหิ ปีตา, เตสํ ปาปุณิตพฺพานี’’ติ วทนฺติฯ เอตฺถ ‘‘นิฎฺฐิตจีวรสฺมิํ ภิกฺขุนา อุพฺภตสฺมิํ กถิเน’’ติ วทโนฺต ญาเปติ เอตฺถนฺตเร ติณฺณมฺปิ อกาลจีวรานํ อุปฺปตฺติอภาวนฺติฯ กสฺมา ปน ปทภาชเน วิตฺถาริตานีติ? วุจฺจเต – อิทํ ปน สิกฺขาปทํ อธิฎฺฐานํ สนฺธาย น วุตฺตํ กินฺตุ ปฐมสิกฺขาปเท ทสาหปรมํ อนุชานิตฺวา ตสฺมิํ อปฺปโหเนฺต สเจ ปจฺจาสา อตฺถิ, ตเมว วเฑฺฒตฺวา มาสมนุชานโนฺต อิมมฺปิ อตฺถวิเสสํ ทีเปติฯ อกาลจีวรํ นาม สมฺมุขีภูเตน ภาเชตพฺพํฯ ตํ ปน ‘‘อากงฺขมาเนน ภิกฺขุนา ปฎิคฺคเหตพฺพ’’นฺติ อิมินา สิกฺขาปเทน วเฑฺฒตฺวา วุตฺตนฺติฯ ตสฺมา ตีณิปิ ปทภาชเน วิตฺถาริตานีติฯ
‘‘Yehi mayhaṃ yāgu pītāti yehi nimantitehi mayhaṃ yāgu pītāti adhippāyo. Tasmā yehi nimantitehi yāgu pītā, tesaṃyeva pāpuṇātīti vuttaṃ. Aññathā ‘yehi mayhaṃ yāgu pītā’ti vutte nimantitā vā hontu, animantitā vā, yehi pītā, tesaṃ pāpuṇitabbānī’’ti vadanti. Ettha ‘‘niṭṭhitacīvarasmiṃ bhikkhunā ubbhatasmiṃ kathine’’ti vadanto ñāpeti etthantare tiṇṇampi akālacīvarānaṃ uppattiabhāvanti. Kasmā pana padabhājane vitthāritānīti? Vuccate – idaṃ pana sikkhāpadaṃ adhiṭṭhānaṃ sandhāya na vuttaṃ kintu paṭhamasikkhāpade dasāhaparamaṃ anujānitvā tasmiṃ appahonte sace paccāsā atthi, tameva vaḍḍhetvā māsamanujānanto imampi atthavisesaṃ dīpeti. Akālacīvaraṃ nāma sammukhībhūtena bhājetabbaṃ. Taṃ pana ‘‘ākaṅkhamānena bhikkhunā paṭiggahetabba’’nti iminā sikkhāpadena vaḍḍhetvā vuttanti. Tasmā tīṇipi padabhājane vitthāritānīti.
‘‘ขิปฺปเมว กาเรตพฺพนฺติ สีฆํ อโนฺตทสาเหเยว กาเรตพฺพ’’นฺติ อิทํ ปน ปโหนกภาเว ปุริมสิกฺขาปทลกฺขเณนาติ ทีเปตุํ วุตฺตํฯ ตสฺมา เอวํ ‘‘สีฆ’’นฺติ วา ‘‘ลหุ’’นฺติ วา อาทินา อวตฺวาปิ ‘‘ทสาหา’’ติ วุตฺตนฺติฯ อตฺถตกถินสฺส เอวํ โหตุ, อนตฺถเต ปน กถิเน กถนฺติ วุเตฺต อนตฺถตสฺส ปฎิเกฺขปตํ ทเสฺสตีติ วุโตฺต อปสฺสโนฺต วิฆาตํ อาปชฺชตีติ (วชิร. ฎี. ปาราชิก ๔๙๙-๕๐๐) ลิขิตํฯ
‘‘Khippameva kāretabbanti sīghaṃ antodasāheyeva kāretabba’’nti idaṃ pana pahonakabhāve purimasikkhāpadalakkhaṇenāti dīpetuṃ vuttaṃ. Tasmā evaṃ ‘‘sīgha’’nti vā ‘‘lahu’’nti vā ādinā avatvāpi ‘‘dasāhā’’ti vuttanti. Atthatakathinassa evaṃ hotu, anatthate pana kathine kathanti vutte anatthatassa paṭikkhepataṃ dassetīti vutto apassanto vighātaṃ āpajjatīti (vajira. ṭī. pārājika 499-500) likhitaṃ.
อกาลจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Akālacīvarasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.