Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มิลินฺทปญฺหปาฬิ • Milindapañhapāḷi |
๖. อกาลมรณปโญฺห
6. Akālamaraṇapañho
๖. ‘‘ภเนฺต นาคเสน, เย เต สตฺตา มรนฺติ, สเพฺพ เต กาเล เยว มรนฺติ, อุทาหุ อกาเลปิ มรนฺตี’’ติ? ‘‘อตฺถิ, มหาราช, กาเลปิ มรณํ, อตฺถิ อกาเลปิ มรณ’’นฺติฯ
6. ‘‘Bhante nāgasena, ye te sattā maranti, sabbe te kāle yeva maranti, udāhu akālepi marantī’’ti? ‘‘Atthi, mahārāja, kālepi maraṇaṃ, atthi akālepi maraṇa’’nti.
‘‘ภเนฺต นาคเสน, เก กาเล มรนฺติ, เก อกาเล มรนฺตี’’ติ? ‘‘ทิฎฺฐปุพฺพา ปน, มหาราช, ตยา อมฺพรุกฺขา วา ชมฺพุรุกฺขา วา, อญฺญสฺมา วา ปน ผลรุกฺขา ผลานิ ปตนฺตานิ อามานิ จ ปกฺกานิ จา’’ติ? ‘‘อาม, ภเนฺต’’ติฯ ‘‘ยานิ ตานิ, มหาราช, ผลานิ รุกฺขโต ปตนฺติ, สพฺพานิ ตานิ กาเล เยว ปตนฺติ, อุทาหุ อกาเลปี’’ติ? ‘‘ยานิ ตานิ, ภเนฺต นาคเสน, ผลานิ ปริปกฺกานิ วิลีนานิ ปตนฺติ, สพฺพานิ ตานิ กาเล ปตนฺติฯ ยานิ ปน ตานิ อวเสสานิ ผลานิ เตสุ กานิจิ กิมิวิทฺธานิ ปตนฺติ, กานิจิ ลคุฬหตานิ 1 ปตนฺติ, กานิจิ วาตปฺปหตานิ ปตนฺติ, กานิจิ อโนฺตปูติกานิ หุตฺวา ปตนฺติ, สพฺพานิ ตานิ อกาเล ปตนฺตี’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, เย เต ชราเวคหตา มรนฺติ, เต เยว กาเล มรนฺติ, อวเสสา เกจิ กมฺมปฺปฎิพาฬฺหา มรนฺติ, เกจิ คติปฺปฎิพาฬฺหา มรนฺติ, เกจิ กิริยปฺปฎิพาฬฺหา มรนฺตี’’ติฯ
‘‘Bhante nāgasena, ke kāle maranti, ke akāle marantī’’ti? ‘‘Diṭṭhapubbā pana, mahārāja, tayā ambarukkhā vā jamburukkhā vā, aññasmā vā pana phalarukkhā phalāni patantāni āmāni ca pakkāni cā’’ti? ‘‘Āma, bhante’’ti. ‘‘Yāni tāni, mahārāja, phalāni rukkhato patanti, sabbāni tāni kāle yeva patanti, udāhu akālepī’’ti? ‘‘Yāni tāni, bhante nāgasena, phalāni paripakkāni vilīnāni patanti, sabbāni tāni kāle patanti. Yāni pana tāni avasesāni phalāni tesu kānici kimividdhāni patanti, kānici laguḷahatāni 2 patanti, kānici vātappahatāni patanti, kānici antopūtikāni hutvā patanti, sabbāni tāni akāle patantī’’ti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, ye te jarāvegahatā maranti, te yeva kāle maranti, avasesā keci kammappaṭibāḷhā maranti, keci gatippaṭibāḷhā maranti, keci kiriyappaṭibāḷhā marantī’’ti.
‘‘ภเนฺต นาคเสน, เย เต กมฺมปฺปฎิพาฬฺหา มรนฺติ, เยปิ เต คติปฺปฎิพาฬฺหา มรนฺติ, เยปิ เต กิริยปฺปฎิพาฬฺหา มรนฺติ, เยปิ เต ชราเวคปฺปฎิพาฬฺหา มรนฺติ, สเพฺพ เต กาเล เยว มรนฺติ, โยปิ มาตุกุจฺฉิคโต มรติ, โส ตสฺส กาโล, กาเล เยว โส มรติฯ โยปิ วิชาตฆเร มรติ, โส ตสฺส กาโล , โสปิ กาเล เยว มรติฯ โยปิ มาสิโก มรติ…เป.… โยปิ วสฺสสติโก มรติ, โส ตสฺส กาโล, กาเล เยว โส มรติ, เตน หิ, ภเนฺต นาคเสน, อกาเล มรณํ นาม น โหติ, เย เกจิ มรนฺติ, สเพฺพ เต กาเล เยว มรนฺตี’’ติฯ
‘‘Bhante nāgasena, ye te kammappaṭibāḷhā maranti, yepi te gatippaṭibāḷhā maranti, yepi te kiriyappaṭibāḷhā maranti, yepi te jarāvegappaṭibāḷhā maranti, sabbe te kāle yeva maranti, yopi mātukucchigato marati, so tassa kālo, kāle yeva so marati. Yopi vijātaghare marati, so tassa kālo , sopi kāle yeva marati. Yopi māsiko marati…pe… yopi vassasatiko marati, so tassa kālo, kāle yeva so marati, tena hi, bhante nāgasena, akāle maraṇaṃ nāma na hoti, ye keci maranti, sabbe te kāle yeva marantī’’ti.
‘‘สตฺติเม , มหาราช, วิชฺชมาเนปิ อุตฺตริํ อายุสฺมิํ อกาเล มรนฺติฯ กตเม สตฺต? ชิฆจฺฉิโต, มหาราช, โภชนํ อลภมาโน อุปหตพฺภนฺตโร วิชฺชมาเนปิ อุตฺตริํ อายุสฺมิํ อกาเล มรติ, ปิปาสิโต, มหาราช, ปานียํ อลภมาโน ปริสุกฺขหทโย วิชฺชมาเนปิ อุตฺตริํ อายุสฺมิํ อกาเล มรติ, อหินา ทโฎฺฐ, มหาราช, วิสเวคาภิหโต ติกิจฺฉกํ อลภมาโน วิชฺชมาเนปิ อุตฺตริํ อายุสฺมิํ อกาเล มรติ, วิสมาสิโต, มหาราช, ฑยฺหเนฺตสุ องฺคปจฺจเงฺคสุ อคทํ อลภมาโน วิชฺชมาเนปิ อุตฺตริํ อายุสฺมิํ อกาเล มรติ, อคฺคิคโต, มหาราช, ฌายมาโน นิพฺพาปนํ อลภมาโน วิชฺชมาเนปิ อุตฺตริํ อายุสฺมิํ อกาเล มรติ, อุทกคโต, มหาราช, ปติฎฺฐํ อลภมาโน วิชฺชมาเนปิ อุตฺตริํ อายุสฺมิํ อกาเล มรติ, สตฺติหโต, มหาราช, อาพาธิโก ภิสกฺกํ อลภมาโน วิชฺชมาเนปิ อุตฺตริํ อายุสฺมิํ อกาเล มรติ, อิเม โข, มหาราช, สตฺต วิชฺชมาเนปิ อุตฺตริํ อายุสฺมิํ อกาเล มรนฺติฯ ตตฺราปาหํ, มหาราช, เอกํเสน วทามิฯ
‘‘Sattime , mahārāja, vijjamānepi uttariṃ āyusmiṃ akāle maranti. Katame satta? Jighacchito, mahārāja, bhojanaṃ alabhamāno upahatabbhantaro vijjamānepi uttariṃ āyusmiṃ akāle marati, pipāsito, mahārāja, pānīyaṃ alabhamāno parisukkhahadayo vijjamānepi uttariṃ āyusmiṃ akāle marati, ahinā daṭṭho, mahārāja, visavegābhihato tikicchakaṃ alabhamāno vijjamānepi uttariṃ āyusmiṃ akāle marati, visamāsito, mahārāja, ḍayhantesu aṅgapaccaṅgesu agadaṃ alabhamāno vijjamānepi uttariṃ āyusmiṃ akāle marati, aggigato, mahārāja, jhāyamāno nibbāpanaṃ alabhamāno vijjamānepi uttariṃ āyusmiṃ akāle marati, udakagato, mahārāja, patiṭṭhaṃ alabhamāno vijjamānepi uttariṃ āyusmiṃ akāle marati, sattihato, mahārāja, ābādhiko bhisakkaṃ alabhamāno vijjamānepi uttariṃ āyusmiṃ akāle marati, ime kho, mahārāja, satta vijjamānepi uttariṃ āyusmiṃ akāle maranti. Tatrāpāhaṃ, mahārāja, ekaṃsena vadāmi.
‘‘อฎฺฐวิเธน, มหาราช, สตฺตานํ กาลงฺกิริยา โหติ, วาตสมุฎฺฐาเนน ปิตฺตสมุฎฺฐาเนน เสมฺหสมุฎฺฐาเนน สนฺนิปาติเกน อุตุวิปริณาเมน วิสมปริหาเรน โอปกฺกมิเกน กมฺมวิปาเกน, มหาราช, สตฺตานํ กาลงฺกิริยา โหติฯ ตตฺร, มหาราช, ยทิทํ กมฺมวิปาเกน กาลงฺกิริยา, สา เยว ตตฺถ สามยิกา 3 กาลงฺกิริยา, อวเสสา อสามยิกา กาลงฺกิริยาติฯ ภวติ จ –
‘‘Aṭṭhavidhena, mahārāja, sattānaṃ kālaṅkiriyā hoti, vātasamuṭṭhānena pittasamuṭṭhānena semhasamuṭṭhānena sannipātikena utuvipariṇāmena visamaparihārena opakkamikena kammavipākena, mahārāja, sattānaṃ kālaṅkiriyā hoti. Tatra, mahārāja, yadidaṃ kammavipākena kālaṅkiriyā, sā yeva tattha sāmayikā 4 kālaṅkiriyā, avasesā asāmayikā kālaṅkiriyāti. Bhavati ca –
อคฺคิอุทกสตฺตีหิ, อกาเล ตตฺถ มียติ;
Aggiudakasattīhi, akāle tattha mīyati;
วาตปิเตฺตน เสเมฺหน, สนฺนิปาเตนุตูหิ จ;
Vātapittena semhena, sannipātenutūhi ca;
วิสโมปกฺกมกเมฺมหิ, อกาเล ตตฺถ มียตี’ติฯ
Visamopakkamakammehi, akāle tattha mīyatī’ti.
‘‘เกจิ , มหาราช, สตฺตา ปุเพฺพ กเตน เตน เตน อกุสลกมฺมวิปาเกน มรนฺติฯ อิธ, มหาราช, โย ปุเพฺพ ปเร ชิฆจฺฉาย มาเรติ, โส พหูนิ วสฺสสตสหสฺสานิ ชิฆจฺฉาย ปริปีฬิโต ฉาโต ปริกิลโนฺต สุกฺขมิลาตหทโย พุภุกฺขิโต 7 วิสุกฺขิโต ฌายโนฺต อพฺภนฺตรํ ปริฑยฺหโนฺต ชิฆจฺฉาย เยว มรติ ทหโรปิ มชฺฌิโมปิ มหลฺลโกปิ, อิทมฺปิ ตสฺส สามยิกมรณํฯ
‘‘Keci , mahārāja, sattā pubbe katena tena tena akusalakammavipākena maranti. Idha, mahārāja, yo pubbe pare jighacchāya māreti, so bahūni vassasatasahassāni jighacchāya paripīḷito chāto parikilanto sukkhamilātahadayo bubhukkhito 8 visukkhito jhāyanto abbhantaraṃ pariḍayhanto jighacchāya yeva marati daharopi majjhimopi mahallakopi, idampi tassa sāmayikamaraṇaṃ.
‘‘โย ปุเพฺพ ปเร ปิปาสาย มาเรติ, โส พหูนิ วสฺสสตสหสฺสานิ เปโต หุตฺวา นิชฺฌามตณฺหิโก สมาโน ลูโข กิโส ปริสุกฺขิตหทโย ปิปาสาย เยว มรติ ทหโรปิ มชฺฌิโมปิ มหลฺลโกปิ, อิทมฺปิ ตสฺส สามยิกมรณํฯ
‘‘Yo pubbe pare pipāsāya māreti, so bahūni vassasatasahassāni peto hutvā nijjhāmataṇhiko samāno lūkho kiso parisukkhitahadayo pipāsāya yeva marati daharopi majjhimopi mahallakopi, idampi tassa sāmayikamaraṇaṃ.
‘‘โย ปุเพฺพ ปเร อหินา ฑํสาเปตฺวา มาเรติ, โส พหูนิ วสฺสสตสหสฺสานิ อชครมุเขเนว อชครมุขํ กณฺหสปฺปมุเขเนว กณฺหสปฺปมุขํ ปริวตฺติตฺวา เตหิ ขายิตขายิโต อหีหิ ทโฎฺฐ เยว มรติ ทหโรปิ มชฺฌิโมปิ มหลฺลโกปิ, อิทมฺปิ ตสฺส สามยิกมรณํฯ
‘‘Yo pubbe pare ahinā ḍaṃsāpetvā māreti, so bahūni vassasatasahassāni ajagaramukheneva ajagaramukhaṃ kaṇhasappamukheneva kaṇhasappamukhaṃ parivattitvā tehi khāyitakhāyito ahīhi daṭṭho yeva marati daharopi majjhimopi mahallakopi, idampi tassa sāmayikamaraṇaṃ.
‘‘โย ปุเพฺพ ปเร วิสํ ทตฺวา มาเรติ, โส พหูนิ วสฺสสตสหสฺสานิ ฑยฺหเนฺตหิ องฺคปจฺจเงฺคหิ ภิชฺชมาเนน สรีเรน กุณปคนฺธํ วายโนฺต วิเสเนว มรติ ทหโรปิ มชฺฌิโมปิ มหลฺลโกปิ, อิทมฺปิ ตสฺส สามยิกมรณํฯ
‘‘Yo pubbe pare visaṃ datvā māreti, so bahūni vassasatasahassāni ḍayhantehi aṅgapaccaṅgehi bhijjamānena sarīrena kuṇapagandhaṃ vāyanto viseneva marati daharopi majjhimopi mahallakopi, idampi tassa sāmayikamaraṇaṃ.
‘‘โย ปุเพฺพ ปเร อคฺคินา มาเรติ, โส พหูนิ วสฺสสตสหสฺสานิ องฺคารปพฺพเตเนว องฺคารปพฺพตํ ยมวิสเยเนว ยมวิสยํ ปริวตฺติตฺวา ทฑฺฒวิทฑฺฒคโตฺต อคฺคินา เยว มรติ ทหโรปิ มชฺฌิโมปิ มลลฺลโกปิ, อิทมฺปิ ตสฺส สามยิกมรณํฯ
‘‘Yo pubbe pare agginā māreti, so bahūni vassasatasahassāni aṅgārapabbateneva aṅgārapabbataṃ yamavisayeneva yamavisayaṃ parivattitvā daḍḍhavidaḍḍhagatto agginā yeva marati daharopi majjhimopi malallakopi, idampi tassa sāmayikamaraṇaṃ.
‘‘โย ปุเพฺพ ปเร สตฺติยา มาเรติ, โส พหูนิ วสฺสสตสหสฺสานิ ฉินฺนภินฺนโกฎฺฎิตวิโกฎฺฎิโต สตฺติมุขสมาหโต สตฺติยา เยว มรติ ทหโรปิ มชฺฌิโมปิ มหลฺลโกปิ, อิทมฺปิ ตสฺส สามยิกมรณํ’’ฯ
‘‘Yo pubbe pare sattiyā māreti, so bahūni vassasatasahassāni chinnabhinnakoṭṭitavikoṭṭito sattimukhasamāhato sattiyā yeva marati daharopi majjhimopi mahallakopi, idampi tassa sāmayikamaraṇaṃ’’.
‘‘ภเนฺต นาคเสน, อกาเล มรณํ อตฺถีติ ยํ วเทติ, อิงฺฆ เม ตฺวํ ตตฺถ การณํ อติทิสาติ’’ฯ ‘‘ยถา, มหาราช, มหติมหาอคฺคิกฺขโนฺธ อาทินฺนติณกฎฺฐสาขาปลาโส ปริยาทินฺนภโกฺข อุปาทานสงฺขยา นิพฺพายติ, โส อคฺคิ วุจฺจติ ‘อนีติโก อนุปทฺทโว สมเย นิพฺพุโต นามา’ติ, เอวเมว โข, มหาราช, โย โกจิ พหูนิ ทิวสสหสฺสานิ ชีวิตฺวา ชราชิโณฺณ อายุกฺขยา อนีติโก อนุปทฺทโว มรติ, โส วุจฺจติ ‘สมเย มรณมุปคโต’ติฯ
‘‘Bhante nāgasena, akāle maraṇaṃ atthīti yaṃ vadeti, iṅgha me tvaṃ tattha kāraṇaṃ atidisāti’’. ‘‘Yathā, mahārāja, mahatimahāaggikkhandho ādinnatiṇakaṭṭhasākhāpalāso pariyādinnabhakkho upādānasaṅkhayā nibbāyati, so aggi vuccati ‘anītiko anupaddavo samaye nibbuto nāmā’ti, evameva kho, mahārāja, yo koci bahūni divasasahassāni jīvitvā jarājiṇṇo āyukkhayā anītiko anupaddavo marati, so vuccati ‘samaye maraṇamupagato’ti.
‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, มหติมหาอคฺคิกฺขโนฺธ อาทินฺนติณกฎฺฐสาขาปลาโส อสฺส, ตํ อปริยาทิเนฺน เยว ติณกฎฺฐสาขาปลาเส มหติมหาเมโฆ อภิปฺปวสฺสิตฺวา นิพฺพาเปยฺย, อปิ นุ โข, มหาราช, มหาอคฺคิกฺขโนฺธ สมเย นิพฺพุโต นาม โหตี’’ติ? ‘‘น หิ, ภเนฺต’’ติฯ ‘‘กิสฺส ปน โส, มหาราช, ปจฺฉิโม อคฺคิกฺขโนฺธ ปุริมเกน อคฺคิกฺขเนฺธน สมสมคติโก นาโหสี’’ติ? ‘‘อาคนฺตุเกน, ภเนฺต, เมเฆน ปฎิปีฬิโต โส อคฺคิกฺขโนฺธ อสมเย นิพฺพุโต’’ติฯ เอวเมว โข, มหาราช, โย โกจิ อกาเล มรติ, โส อาคนฺตุเกน โรเคน ปฎิปีฬิโต วาตสมุฎฺฐาเนน วา ปิตฺตสมุฎฺฐาเนน วา เสมฺหสมุฎฺฐาเนน วา สนฺนิปาติเกน วา อุตุปริณามเชน วา วิสมปริหารเชน วา โอปกฺกมิเกน วา ชิฆจฺฉาย วา ปิปาสาย วา สปฺปทเฎฺฐน วา วิสมาสิเตน วา อคฺคินา วา อุทเกน วา สตฺติเวคปฺปฎิปีฬิโต วา อกาเล มรติฯ อิทเมตฺถ, มหาราช, การณํ, เยน การเณน อกาเล มรณํ อตฺถิฯ
‘‘Yathā vā pana, mahārāja, mahatimahāaggikkhandho ādinnatiṇakaṭṭhasākhāpalāso assa, taṃ apariyādinne yeva tiṇakaṭṭhasākhāpalāse mahatimahāmegho abhippavassitvā nibbāpeyya, api nu kho, mahārāja, mahāaggikkhandho samaye nibbuto nāma hotī’’ti? ‘‘Na hi, bhante’’ti. ‘‘Kissa pana so, mahārāja, pacchimo aggikkhandho purimakena aggikkhandhena samasamagatiko nāhosī’’ti? ‘‘Āgantukena, bhante, meghena paṭipīḷito so aggikkhandho asamaye nibbuto’’ti. Evameva kho, mahārāja, yo koci akāle marati, so āgantukena rogena paṭipīḷito vātasamuṭṭhānena vā pittasamuṭṭhānena vā semhasamuṭṭhānena vā sannipātikena vā utupariṇāmajena vā visamaparihārajena vā opakkamikena vā jighacchāya vā pipāsāya vā sappadaṭṭhena vā visamāsitena vā agginā vā udakena vā sattivegappaṭipīḷito vā akāle marati. Idamettha, mahārāja, kāraṇaṃ, yena kāraṇena akāle maraṇaṃ atthi.
‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, คคเน มหติมหาวลาหโก อุฎฺฐหิตฺวา นินฺนญฺจ ถลญฺจ ปริปูรยโนฺต อภิวสฺสติ, โส วุจฺจติ ‘เมโฆ อนีติโก อนุปทฺทโว วสฺสตี’ติฯ เอวเมว โข, มหาราช, โย โกจิ จิรํ ชีวิตฺวา ชราชิโณฺณ อายุกฺขยา อนีติโก อนุปทฺทโว มรติ, โส วุจฺจติ ‘สมเย มรณมุปคโต’ติฯ
‘‘Yathā vā pana, mahārāja, gagane mahatimahāvalāhako uṭṭhahitvā ninnañca thalañca paripūrayanto abhivassati, so vuccati ‘megho anītiko anupaddavo vassatī’ti. Evameva kho, mahārāja, yo koci ciraṃ jīvitvā jarājiṇṇo āyukkhayā anītiko anupaddavo marati, so vuccati ‘samaye maraṇamupagato’ti.
‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, คคเน มหติมหาวลาหโก อุฎฺฐหิตฺวา อนฺตราเยว มหตา วาเตน อพฺภตฺถํ คเจฺฉยฺย, อปิ นุ โข โส, มหาราช, มหาวลาหโก สมเย วิคโต นาม โหตี’’ติ? ‘‘น หิ, ภเนฺต’’ติฯ ‘‘กิสฺส ปน โส, มหาราช, ปจฺฉิโม วลาหโก ปุริเมน วลาหเกน สมสมคติโก นาโหสี’’ติ? ‘‘อาคนฺตุเกน, ภเนฺต, วาเตน ปฎิปีฬิโต โส วลาหโก อสมยปฺปโตฺต เยว วิคโต’’ติ ฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, โย โกจิ อกาเล มรติ, โส อาคนฺตุเกน โรเคน ปฎิปีฬิโต วาตสมุฎฺฐาเนน วา…เป.… สตฺติเวคปฺปฎิปีฬิโต วา อกาเล มรติฯ อิทเมตฺถ, มหาราช, การณํ, เยน การเณน อกาเล มรณํ อตฺถีติฯ
‘‘Yathā vā pana, mahārāja, gagane mahatimahāvalāhako uṭṭhahitvā antarāyeva mahatā vātena abbhatthaṃ gaccheyya, api nu kho so, mahārāja, mahāvalāhako samaye vigato nāma hotī’’ti? ‘‘Na hi, bhante’’ti. ‘‘Kissa pana so, mahārāja, pacchimo valāhako purimena valāhakena samasamagatiko nāhosī’’ti? ‘‘Āgantukena, bhante, vātena paṭipīḷito so valāhako asamayappatto yeva vigato’’ti . ‘‘Evameva kho, mahārāja, yo koci akāle marati, so āgantukena rogena paṭipīḷito vātasamuṭṭhānena vā…pe… sattivegappaṭipīḷito vā akāle marati. Idamettha, mahārāja, kāraṇaṃ, yena kāraṇena akāle maraṇaṃ atthīti.
‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, พลวา อาสีวิโส กุปิโต กิญฺจิเทว ปุริสํ ฑํเสยฺย, ตสฺส ตํ วิสํ อนีติกํ อนุปทฺทวํ มรณํ ปาเปยฺย, ตํ วิสํ วุจฺจติ ‘อนีติกมนุปทฺทวํ โกฎิคต’นฺติฯ เอวเมว โข, มหาราช, โย โกจิ จิรํ ชีวิตฺวา ชราชิโณฺณ อายุกฺขยา อนีติโก อนุปทฺทโว มรติ, โส วุจฺจติ ‘อนีติโก อนุปทฺทโว ชีวิตโกฎิคโต สามยิกํ มรณมุปคโต’ติฯ
‘‘Yathā vā pana, mahārāja, balavā āsīviso kupito kiñcideva purisaṃ ḍaṃseyya, tassa taṃ visaṃ anītikaṃ anupaddavaṃ maraṇaṃ pāpeyya, taṃ visaṃ vuccati ‘anītikamanupaddavaṃ koṭigata’nti. Evameva kho, mahārāja, yo koci ciraṃ jīvitvā jarājiṇṇo āyukkhayā anītiko anupaddavo marati, so vuccati ‘anītiko anupaddavo jīvitakoṭigato sāmayikaṃ maraṇamupagato’ti.
‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, พลวตา อาสีวิเสน ทฎฺฐสฺส อนฺตราเยว อาหิตุณฺฑิโก อคทํ ทตฺวา อวิสํ กเรยฺย, อปิ นุ โข ตํ, มหาราช, วิสํ สมเย วิคตํ นาม โหตี’’ติ? ‘‘น หิ ภเนฺต’’ติฯ ‘‘กิสฺส ปน ตํ, มหาราช, ปจฺฉิมํ วิสํ ปุริมเกน วิเสน สมสมคติกํ นาโหสี’’ติ? ‘‘อาคนฺตุเกน, ภเนฺต, อคเทน ปฎิปีฬิตํ วิสํ อโกฎิคตํ เยว วิคต’’นฺติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, โย โกจิ อกาเล มรติ, โส อาคนฺตุเกน โรเคน ปฎิปีฬิโต วาตสมุฎฺฐาเนน วา…เป.… สตฺติเวคปฺปฎิปีฬิโต วา อกาเล มรติฯ อิทเมตฺถ, มหาราช, การณํ, เยน การเณน อกาเล มรณํ อตฺถีติฯ
‘‘Yathā vā pana, mahārāja, balavatā āsīvisena daṭṭhassa antarāyeva āhituṇḍiko agadaṃ datvā avisaṃ kareyya, api nu kho taṃ, mahārāja, visaṃ samaye vigataṃ nāma hotī’’ti? ‘‘Na hi bhante’’ti. ‘‘Kissa pana taṃ, mahārāja, pacchimaṃ visaṃ purimakena visena samasamagatikaṃ nāhosī’’ti? ‘‘Āgantukena, bhante, agadena paṭipīḷitaṃ visaṃ akoṭigataṃ yeva vigata’’nti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, yo koci akāle marati, so āgantukena rogena paṭipīḷito vātasamuṭṭhānena vā…pe… sattivegappaṭipīḷito vā akāle marati. Idamettha, mahārāja, kāraṇaṃ, yena kāraṇena akāle maraṇaṃ atthīti.
‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, อิสฺสาโส สรํ ปาเตยฺย, สเจ โส สโร ยถาคติคมนปถมตฺถกํ คจฺฉติ, โส สโร วุจฺจติ ‘อนีติโก อนุปทฺทโว ยถาคติคมนปถมตฺถกํ คโต นามา’ติฯ เอวเมว โข, มหาราช, โย โกจิ จิรํ ชีวิตฺวา ชราชิโณฺณ อายุกฺขยา อนีติโก อนุปทฺทโว มรติ, โส วุจฺจติ ‘อนีติโก อนุปทฺทโว สมเย มรณมุปคโต’ติฯ
‘‘Yathā vā pana, mahārāja, issāso saraṃ pāteyya, sace so saro yathāgatigamanapathamatthakaṃ gacchati, so saro vuccati ‘anītiko anupaddavo yathāgatigamanapathamatthakaṃ gato nāmā’ti. Evameva kho, mahārāja, yo koci ciraṃ jīvitvā jarājiṇṇo āyukkhayā anītiko anupaddavo marati, so vuccati ‘anītiko anupaddavo samaye maraṇamupagato’ti.
‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, อิสฺสาโส สรํ ปาเตยฺย, ตสฺส ตํ สรํ ตสฺมิํ เยว ขเณ โกจิ คเณฺหยฺย, อปิ นุ โข โส, มหาราช, สโร ยถาคติคมนปถมตฺถกํ คโต นาม โหตี’’ติ? ‘‘น หิ, ภเนฺต’’ติฯ ‘‘กิสฺส ปน โส, มหาราช, ปจฺฉิโม สโร ปุริมเกน สเรน สมสมคติโก นาโหสี’’ติ? ‘‘อาคนฺตุเกน, ภเนฺต, คหเณน ตสฺส สรสฺส คมนํ อุปจฺฉินฺน’’นฺติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, โย โกจิ อกาเล มรติ, โส อาคนฺตุเกน โรเคน ปฎิปีฬิโต วาตสมุฎฺฐาเนน วา…เป.… สตฺติเวคปฺปฎิปีฬิโต วา อกาเล มรติฯ อิทเมตฺถ, มหาราช, การณํ, เยน การเณน อกาเล มรณํ อตฺถีติฯ
‘‘Yathā vā pana, mahārāja, issāso saraṃ pāteyya, tassa taṃ saraṃ tasmiṃ yeva khaṇe koci gaṇheyya, api nu kho so, mahārāja, saro yathāgatigamanapathamatthakaṃ gato nāma hotī’’ti? ‘‘Na hi, bhante’’ti. ‘‘Kissa pana so, mahārāja, pacchimo saro purimakena sarena samasamagatiko nāhosī’’ti? ‘‘Āgantukena, bhante, gahaṇena tassa sarassa gamanaṃ upacchinna’’nti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, yo koci akāle marati, so āgantukena rogena paṭipīḷito vātasamuṭṭhānena vā…pe… sattivegappaṭipīḷito vā akāle marati. Idamettha, mahārāja, kāraṇaṃ, yena kāraṇena akāle maraṇaṃ atthīti.
‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, โย โกจิ โลหมยํ ภาชนํ อาโกเฎยฺย, ตสฺส อาโกฎเนน สโทฺท นิพฺพตฺติตฺวา ยถาคติคมนปถมตฺถกํ คจฺฉติ, โส สโทฺท วุจฺจติ ‘อนีติโก อนุปทฺทโว ยถาคติคมนปถมตฺถกํ คโต นามา’ติฯ เอวเมว โข, มหาราช, โย โกจิ พหูนิ ทิวสสหสฺสานิ ชีวิตฺวา ชราชิโณฺณ อายุกฺขยา อนีติโก อนุปทฺทโว มรติ, โส วุจฺจติ ‘อนีติโก อนุปทฺทโว สมเย มรณมุปาคโต’ติฯ
‘‘Yathā vā pana, mahārāja, yo koci lohamayaṃ bhājanaṃ ākoṭeyya, tassa ākoṭanena saddo nibbattitvā yathāgatigamanapathamatthakaṃ gacchati, so saddo vuccati ‘anītiko anupaddavo yathāgatigamanapathamatthakaṃ gato nāmā’ti. Evameva kho, mahārāja, yo koci bahūni divasasahassāni jīvitvā jarājiṇṇo āyukkhayā anītiko anupaddavo marati, so vuccati ‘anītiko anupaddavo samaye maraṇamupāgato’ti.
‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, โย โกจิ โลหมยํ ภาชนํ อาโกเฎยฺย, ตสฺส อาโกฎเนน สโทฺท นิพฺพเตฺตยฺย, นิพฺพเตฺต สเทฺท อทูรคเต โกจิ อามเสยฺย, สห อามสเนน สโทฺท นิรุเชฺฌยฺย , อปิ นุ โข โส, มหาราช, สโทฺท ยถาคติคมนปถมตฺถกํ คโต นาม โหตี’’ติ? ‘‘น หิ, ภเนฺต’’ติฯ ‘‘กิสฺส ปน, มหาราช, ปจฺฉิโม สโทฺท ปุริมเกน สเทฺทน สมสมคติโก นาโหสี’’ติ? ‘‘อาคนฺตุเกน, ภเนฺต, อามสเนน โส สโทฺท อุปรโต’’ติ ฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, โย โกจิ อกาเล มรติ, โส อาคนฺตุเกน โรเคน ปฎิปีฬิโต วาตสมุฎฺฐาเนน วา…เป.… สตฺติเวคปฺปฎิปีฬิโต วา อกาเล มรติฯ อิทเมตฺถ มหาราช การณํ, เยน การเณน อกาเล มรณํ อตฺถีติฯ
‘‘Yathā vā pana, mahārāja, yo koci lohamayaṃ bhājanaṃ ākoṭeyya, tassa ākoṭanena saddo nibbatteyya, nibbatte sadde adūragate koci āmaseyya, saha āmasanena saddo nirujjheyya , api nu kho so, mahārāja, saddo yathāgatigamanapathamatthakaṃ gato nāma hotī’’ti? ‘‘Na hi, bhante’’ti. ‘‘Kissa pana, mahārāja, pacchimo saddo purimakena saddena samasamagatiko nāhosī’’ti? ‘‘Āgantukena, bhante, āmasanena so saddo uparato’’ti . ‘‘Evameva kho, mahārāja, yo koci akāle marati, so āgantukena rogena paṭipīḷito vātasamuṭṭhānena vā…pe… sattivegappaṭipīḷito vā akāle marati. Idamettha mahārāja kāraṇaṃ, yena kāraṇena akāle maraṇaṃ atthīti.
‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, เขเตฺต สุวิรูฬฺหํ ธญฺญพีชํ สมฺมา ปวตฺตมาเนน วเสฺสน โอตตวิตตอากิณฺณพหุผลํ หุตฺวา 13 สสฺสุฎฺฐานสมยํ ปาปุณาติ, ตํ ธญฺญํ วุจฺจติ ‘อนีติกมนุปทฺทวํ สมยสมฺปตฺตํ นาม โหตี’ติฯ เอวเมว โข, มหาราช, โย โกจิ พหูนิ ทิวสสหสฺสานิ ชีวิตฺวา ชราชิโณฺณ อายุกฺขยา อนีติโก อนุปทฺทโว มรติ, โส วุจฺจติ ‘อนีติโก อนุปทฺทโว สมเย มรณมุปคโต’ติฯ
‘‘Yathā vā pana, mahārāja, khette suvirūḷhaṃ dhaññabījaṃ sammā pavattamānena vassena otatavitataākiṇṇabahuphalaṃ hutvā 14 sassuṭṭhānasamayaṃ pāpuṇāti, taṃ dhaññaṃ vuccati ‘anītikamanupaddavaṃ samayasampattaṃ nāma hotī’ti. Evameva kho, mahārāja, yo koci bahūni divasasahassāni jīvitvā jarājiṇṇo āyukkhayā anītiko anupaddavo marati, so vuccati ‘anītiko anupaddavo samaye maraṇamupagato’ti.
‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, เขเตฺต สุวิรูฬฺหํ ธญฺญพีชํ อุทเกน วิกลํ มเรยฺย, อปิ นุ โข ตํ, มหาราช, ธญฺญํ อสมยสมฺปตฺตํ นาม โหตี’’ติ? ‘‘น หิ, ภเนฺต’’ติฯ ‘‘กิสฺส ปน ตํ, มหาราช, ปจฺฉิมํ ธญฺญํ ปุริมเกน ธเญฺญน สมสมคติกํ นาโหสี’’ติ? ‘‘อาคนฺตุเกน, ภเนฺต, อุเณฺหน ปฎิปีฬิตํ ตํ ธญฺญํ มต’’นฺติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, โย โกจิ อกาเล มรติ, โส อาคนฺตุเกน โรเคน ปฎิปีฬิโต วาตสมุฎฺฐาเนน วา…เป.… สตฺติเวคปฺปฎิปีฬิโต วา อกาเล มรติฯ อิทเมตฺถ, มหาราช, การณํ, เยน การเณน อกาเล มรณํ อตฺถีติฯ
‘‘Yathā vā pana, mahārāja, khette suvirūḷhaṃ dhaññabījaṃ udakena vikalaṃ mareyya, api nu kho taṃ, mahārāja, dhaññaṃ asamayasampattaṃ nāma hotī’’ti? ‘‘Na hi, bhante’’ti. ‘‘Kissa pana taṃ, mahārāja, pacchimaṃ dhaññaṃ purimakena dhaññena samasamagatikaṃ nāhosī’’ti? ‘‘Āgantukena, bhante, uṇhena paṭipīḷitaṃ taṃ dhaññaṃ mata’’nti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, yo koci akāle marati, so āgantukena rogena paṭipīḷito vātasamuṭṭhānena vā…pe… sattivegappaṭipīḷito vā akāle marati. Idamettha, mahārāja, kāraṇaṃ, yena kāraṇena akāle maraṇaṃ atthīti.
‘‘สุตปุพฺพํ ปน ตยา, มหาราช, ‘สมฺปนฺนตรุณสสฺสํ กิมโย อุฎฺฐหิตฺวา สมูลํ นาเสนฺตี’’’ติ? ‘‘สุตปุพฺพเญฺจว ตํ, ภเนฺต, อเมฺหหิ ทิฎฺฐปุพฺพญฺจา’’ติฯ ‘‘กิํ นุ โข ตํ, มหาราช, สสฺสํ กาเล นฎฺฐํ, อุทาหุ อกาเล นฎฺฐ’’นฺติ? ‘‘อกาเล, ภเนฺต, ยทิ โข ตํ, ภเนฺต, สสฺสํ กิมโย น ขาเทยฺยุํ, สสฺสุทฺธรณสมยํ ปาปุเณยฺยา’’ติฯ ‘‘กิํ ปน, มหาราช, อาคนฺตุเกน อุปฆาเตน สสฺสํ วินสฺสติ, นิรุปฆาตํ สสฺสํ สสฺสุทฺธรณสมยํ ปาปุณาตี’’ติ? ‘‘อาม, ภเนฺต’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, โย โกจิ อกาเล มรติ, โส อาคนฺตุเกน โรเคน ปฎิปีฬิโต วาตสมุฎฺฐาเนน วา…เป.… สตฺติเวคปฺปฎิปีฬิโต วา มรติฯ อิทเมตฺถ, มหาราช, การณํ, เยน การเณน อกาเล มรณํ อตฺถีติฯ
‘‘Sutapubbaṃ pana tayā, mahārāja, ‘sampannataruṇasassaṃ kimayo uṭṭhahitvā samūlaṃ nāsentī’’’ti? ‘‘Sutapubbañceva taṃ, bhante, amhehi diṭṭhapubbañcā’’ti. ‘‘Kiṃ nu kho taṃ, mahārāja, sassaṃ kāle naṭṭhaṃ, udāhu akāle naṭṭha’’nti? ‘‘Akāle, bhante, yadi kho taṃ, bhante, sassaṃ kimayo na khādeyyuṃ, sassuddharaṇasamayaṃ pāpuṇeyyā’’ti. ‘‘Kiṃ pana, mahārāja, āgantukena upaghātena sassaṃ vinassati, nirupaghātaṃ sassaṃ sassuddharaṇasamayaṃ pāpuṇātī’’ti? ‘‘Āma, bhante’’ti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, yo koci akāle marati, so āgantukena rogena paṭipīḷito vātasamuṭṭhānena vā…pe… sattivegappaṭipīḷito vā marati. Idamettha, mahārāja, kāraṇaṃ, yena kāraṇena akāle maraṇaṃ atthīti.
‘‘สุตปุพฺพํ ปน ตยา, มหาราช, ‘สมฺปเนฺน สเสฺส ผลภารนมิเต มญฺจริตปเตฺต กรกวสฺสํ นาม วสฺสชาติ นิปติตฺวา วินาเสติ อผลํ กโรตี’ติ? ‘‘สุตปุพฺพเญฺจว ตํ, ภเนฺต, อเมฺหหิ ทิฎฺฐปุพฺพญฺจา’’ติฯ ‘‘อปิ นุ โข ตํ, มหาราช, สสฺสํ กาเล นฎฺฐํ, อุทาหุ อกาเล นฎฺฐ’’นฺติ? ‘‘อกาเล, ภเนฺต, ยทิ โข ตํ, ภเนฺต, สสฺสํ กรกวสฺสํ น วเสฺสยฺย สสฺสุทฺธรณสมยํ ปาปุเณยฺยา’’ติฯ ‘‘กิํ ปน, มหาราช, อาคนฺตุเกน อุปฆาเตน สสฺสํ วินสฺสติ, นิรุปฆาตํ สสฺสํ สสฺสุทฺธรณสมยํ ปาปุณาตี’’ติ? ‘‘อาม, ภเนฺต’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, โย โกจิ อกาเล มรติ, โส อาคนฺตุเกน โรเคน ปฎิปีฬิโต วาตสมุฎฺฐาเนน วา ปิตฺตสมุฎฺฐาเนน วา เสมฺหสมุฎฺฐาเนน วา สนฺนิปาติเกน วา อุตุปริณามเชน วา วิสมปริหารเชน วา โอปกฺกมิเกน วา ชิฆจฺฉาย วา ปิปาสาย วา สปฺปทเฎฺฐน วา วิสมาสิเตน วา อคฺคินา วา อุทเกน วา สตฺติเวคปฺปฎิปีฬิโต วา อกาเล มรติฯ ยทิ ปน อาคนฺตุเกน โรเคน ปฎิปีฬิโต น ภเวยฺย, สมเยว มรณํ ปาปุเณยฺยฯ อิทเมตฺถ, มหาราช, การณํ, เยน การเณน อกาเล มรณํ อตฺถี’’ติฯ
‘‘Sutapubbaṃ pana tayā, mahārāja, ‘sampanne sasse phalabhāranamite mañcaritapatte karakavassaṃ nāma vassajāti nipatitvā vināseti aphalaṃ karotī’ti? ‘‘Sutapubbañceva taṃ, bhante, amhehi diṭṭhapubbañcā’’ti. ‘‘Api nu kho taṃ, mahārāja, sassaṃ kāle naṭṭhaṃ, udāhu akāle naṭṭha’’nti? ‘‘Akāle, bhante, yadi kho taṃ, bhante, sassaṃ karakavassaṃ na vasseyya sassuddharaṇasamayaṃ pāpuṇeyyā’’ti. ‘‘Kiṃ pana, mahārāja, āgantukena upaghātena sassaṃ vinassati, nirupaghātaṃ sassaṃ sassuddharaṇasamayaṃ pāpuṇātī’’ti? ‘‘Āma, bhante’’ti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, yo koci akāle marati, so āgantukena rogena paṭipīḷito vātasamuṭṭhānena vā pittasamuṭṭhānena vā semhasamuṭṭhānena vā sannipātikena vā utupariṇāmajena vā visamaparihārajena vā opakkamikena vā jighacchāya vā pipāsāya vā sappadaṭṭhena vā visamāsitena vā agginā vā udakena vā sattivegappaṭipīḷito vā akāle marati. Yadi pana āgantukena rogena paṭipīḷito na bhaveyya, samayeva maraṇaṃ pāpuṇeyya. Idamettha, mahārāja, kāraṇaṃ, yena kāraṇena akāle maraṇaṃ atthī’’ti.
‘‘อจฺฉริยํ , ภเนฺต นาคเสน, อพฺภุตํ ภเนฺต นาคเสน, สุทสฺสิตํ การณํ, สุทสฺสิตํ โอปมฺมํ อกาเล มรณสฺส ปริทีปนาย, ‘อตฺถิ อกาเล มรณ’นฺติ อุตฺตานีกตํ ปากฎํ กตํ วิภูตํ กตํ, อจิตฺตวิกฺขิตฺตโกปิ, ภเนฺต นาคเสน, มนุโช เอกเมเกนปิ ตาว โอปเมฺมน นิฎฺฐํ คเจฺฉยฺย ‘อตฺถิ อกาเล มรณ’นฺติ , กิํ ปน มนุโช สเจตโน? ปฐโมปเมฺมเนวาหํ, ภเนฺต, สญฺญโตฺต ‘อตฺถิ อกาเล มรณ’นฺติ, อปิ จ อปราปรํ นิพฺพาหนํ โสตุกาโม น สมฺปฎิจฺฉิ’’นฺติฯ
‘‘Acchariyaṃ , bhante nāgasena, abbhutaṃ bhante nāgasena, sudassitaṃ kāraṇaṃ, sudassitaṃ opammaṃ akāle maraṇassa paridīpanāya, ‘atthi akāle maraṇa’nti uttānīkataṃ pākaṭaṃ kataṃ vibhūtaṃ kataṃ, acittavikkhittakopi, bhante nāgasena, manujo ekamekenapi tāva opammena niṭṭhaṃ gaccheyya ‘atthi akāle maraṇa’nti , kiṃ pana manujo sacetano? Paṭhamopammenevāhaṃ, bhante, saññatto ‘atthi akāle maraṇa’nti, api ca aparāparaṃ nibbāhanaṃ sotukāmo na sampaṭicchi’’nti.
อกาลมรณปโญฺห ฉโฎฺฐฯ
Akālamaraṇapañho chaṭṭho.
Footnotes: