Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) |
๖. อากเงฺขยฺยสุตฺตวณฺณนา
6. Ākaṅkheyyasuttavaṇṇanā
๖๔. เอวํ เม สุตนฺติ อากเงฺขยฺยสุตฺตํฯ ตตฺถ สมฺปนฺนสีลาติ ติวิธํ สมฺปนฺนํ ปริปุณฺณสมงฺคิมธุรวเสนฯ ตตฺถ –
64.Evaṃme sutanti ākaṅkheyyasuttaṃ. Tattha sampannasīlāti tividhaṃ sampannaṃ paripuṇṇasamaṅgimadhuravasena. Tattha –
‘‘สมฺปนฺนํ สาลิเกทารํ, สุวา ภุญฺชนฺติ โกสิย;
‘‘Sampannaṃ sālikedāraṃ, suvā bhuñjanti kosiya;
ปฎิเวเทมิ เต พฺรเหฺม, น นํ วาเรตุมุสฺสเห’’ติฯ (ชา. ๑.๑๔.๑);
Paṭivedemi te brahme, na naṃ vāretumussahe’’ti. (jā. 1.14.1);
อิทํ ปริปุณฺณสมฺปนฺนํ นามฯ ‘‘อิมินา ปาติโมกฺขสํวเรน อุเปโต โหติ สมุเปโต อุปาคโต สมุปาคโต อุปปโนฺน สมฺปโนฺน สมนฺนาคโต’’ติ (วิภ. ๕๑๑) อิทํ สมงฺคิสมฺปนฺนํ นามฯ ‘‘อิมิสฺสา, ภเนฺต, มหาปถวิยา เหฎฺฐิมตลํ สมฺปนฺนํ, เสยฺยถาปิ ขุทฺทมธุํ อเนฬกํ, เอวมสฺสาท’’นฺติ (ปารา. ๑๗) อิทํ มธุรสมฺปนฺนํ นามฯ อิธ ปน ปริปุณฺณสมฺปนฺนมฺปิ สมงฺคิสมฺปนฺนมฺปิ วฎฺฎติฯ ตสฺมา สมฺปนฺนสีลาติ ปริปุณฺณสีลา หุตฺวาติปิ สีลสมงฺคิโน หุตฺวาติปิ เอวเมตฺถ อโตฺถ เวทิโพฺพฯ สีลนฺติ เกนเฎฺฐน สีลํ? สีลนเฎฺฐน สีลํฯ ตสฺส วิตฺถารกถา วิสุทฺธิมเคฺค วุตฺตาฯ
Idaṃ paripuṇṇasampannaṃ nāma. ‘‘Iminā pātimokkhasaṃvarena upeto hoti samupeto upāgato samupāgato upapanno sampanno samannāgato’’ti (vibha. 511) idaṃ samaṅgisampannaṃ nāma. ‘‘Imissā, bhante, mahāpathaviyā heṭṭhimatalaṃ sampannaṃ, seyyathāpi khuddamadhuṃ aneḷakaṃ, evamassāda’’nti (pārā. 17) idaṃ madhurasampannaṃ nāma. Idha pana paripuṇṇasampannampi samaṅgisampannampi vaṭṭati. Tasmā sampannasīlāti paripuṇṇasīlā hutvātipi sīlasamaṅgino hutvātipi evamettha attho vedibbo. Sīlanti kenaṭṭhena sīlaṃ? Sīlanaṭṭhena sīlaṃ. Tassa vitthārakathā visuddhimagge vuttā.
ตตฺถ ‘‘ปริปุณฺณสีลา’’ติ อิมินา อเตฺถน เขตฺตโทสวิคเมน เขตฺตปาริปูรี วิย สีลโทสวิคเมน สีลปาริปูรี วุตฺตา โหติฯ ยถา หิ เขตฺตํ พีชขณฺฑํ วปฺปขณฺฑํ อุทกขณฺฑํ อูสขณฺฑนฺติ จตุโทสสมนฺนาคตํ อปริปูรํ โหติฯ
Tattha ‘‘paripuṇṇasīlā’’ti iminā atthena khettadosavigamena khettapāripūrī viya sīladosavigamena sīlapāripūrī vuttā hoti. Yathā hi khettaṃ bījakhaṇḍaṃ vappakhaṇḍaṃ udakakhaṇḍaṃ ūsakhaṇḍanti catudosasamannāgataṃ aparipūraṃ hoti.
ตตฺถ พีชขณฺฑํ นาม ยตฺถ อนฺตรนฺตรา พีชานิ ขณฺฑานิ วา ปูตีนิ วา โหนฺติ, ตานิ ยตฺถ วปนฺติ, ตตฺถ สสฺสํ น อุเฎฺฐติ, เขตฺตํ ขณฺฑํ โหติฯ วปฺปขณฺฑํ นาม ยตฺถ อกุสโล พีชานิ วปโนฺต อนฺตรนฺตรา นิปาเตติฯ เอวญฺหิ สพฺพตฺถ สสฺสํ น อุเฎฺฐติ, เขตฺตํ ขณฺฑํ โหติฯ อุทกขณฺฑํ นาม ยตฺถ กตฺถจิ อุทกํ อติพหุ วา น วา โหติ, ตตฺราปิ หิ สสฺสานิ น อุเฎฺฐนฺติ, เขตฺตํ ขณฺฑํ โหติฯ อูสขณฺฑํ นาม ยตฺถ กสฺสโก กิสฺมิญฺจิ ปเทเส นงฺคเลน ภูมิํ จตฺตาโร ปญฺจ วาเร กสโนฺต อติคมฺภีรํ กโรติ, ตโต อูสํ อุปฺปชฺชติ, ตตฺราปิ หิ สสฺสํ น อุเฎฺฐติ, เขตฺตํ ขณฺฑํ โหติ, ตาทิสญฺจ เขตฺตํ น มหปฺผลํ โหติ น มหานิสํสํ, ตตฺราปิ หิ พหุมฺปิ วปิตฺวา อปฺปํ ลภติฯ อิเมสํ ปน จตุนฺนํ โทสานํ วิคมา เขตฺตํ ปริปุณฺณํ โหติฯ ตาทิสญฺจ เขตฺตํ มหปฺผลํ โหติ มหานิสํสํฯ เอวเมว ขณฺฑํ ฉิทฺทํ สพลํ กมฺมาสนฺติ จตุโทสสมนฺนาคตํ สีลํ อปริปูรํ โหติฯ ตาทิสญฺจ สีลํ น มหปฺผลํ โหติ, น มหานิสํสํฯ อิเมสํ ปน จตุนฺนํ โทสานํ วิคมา สีลเขตฺตํ ปริปุณฺณํ โหติ, ตาทิสญฺจ สีลํ มหปฺผลํ โหติ มหานิสํสํฯ
Tattha bījakhaṇḍaṃ nāma yattha antarantarā bījāni khaṇḍāni vā pūtīni vā honti, tāni yattha vapanti, tattha sassaṃ na uṭṭheti, khettaṃ khaṇḍaṃ hoti. Vappakhaṇḍaṃ nāma yattha akusalo bījāni vapanto antarantarā nipāteti. Evañhi sabbattha sassaṃ na uṭṭheti, khettaṃ khaṇḍaṃ hoti. Udakakhaṇḍaṃ nāma yattha katthaci udakaṃ atibahu vā na vā hoti, tatrāpi hi sassāni na uṭṭhenti, khettaṃ khaṇḍaṃ hoti. Ūsakhaṇḍaṃ nāma yattha kassako kismiñci padese naṅgalena bhūmiṃ cattāro pañca vāre kasanto atigambhīraṃ karoti, tato ūsaṃ uppajjati, tatrāpi hi sassaṃ na uṭṭheti, khettaṃ khaṇḍaṃ hoti, tādisañca khettaṃ na mahapphalaṃ hoti na mahānisaṃsaṃ, tatrāpi hi bahumpi vapitvā appaṃ labhati. Imesaṃ pana catunnaṃ dosānaṃ vigamā khettaṃ paripuṇṇaṃ hoti. Tādisañca khettaṃ mahapphalaṃ hoti mahānisaṃsaṃ. Evameva khaṇḍaṃ chiddaṃ sabalaṃ kammāsanti catudosasamannāgataṃ sīlaṃ aparipūraṃ hoti. Tādisañca sīlaṃ na mahapphalaṃ hoti, na mahānisaṃsaṃ. Imesaṃ pana catunnaṃ dosānaṃ vigamā sīlakhettaṃ paripuṇṇaṃ hoti, tādisañca sīlaṃ mahapphalaṃ hoti mahānisaṃsaṃ.
‘‘สีลสมงฺคิโน’’ติ อิมินา ปนเตฺถน สีเลน สมงฺคิภูตา สโมธานํ คตา สมนฺนาคตา หุตฺวา วิหรถาติ อิทเมว วุตฺตํ โหติฯ ตตฺถ ทฺวีหิ การเณหิ สมฺปนฺนสีลตา โหติ สีลวิปตฺติยา จ อาทีนวทสฺสเนน สีลสมฺปตฺติยา จ อานิสํสทสฺสเนนฯ ตทุภยมฺปิ วิสุทฺธิมเคฺค วิตฺถาริตํฯ
‘‘Sīlasamaṅgino’’ti iminā panatthena sīlena samaṅgibhūtā samodhānaṃ gatā samannāgatā hutvā viharathāti idameva vuttaṃ hoti. Tattha dvīhi kāraṇehi sampannasīlatā hoti sīlavipattiyā ca ādīnavadassanena sīlasampattiyā ca ānisaṃsadassanena. Tadubhayampi visuddhimagge vitthāritaṃ.
ตตฺถ ‘‘สมฺปนฺนสีลา’’ติ เอตฺตาวตา กิร ภควา จตุปาริสุทฺธิสีลํ อุทฺทิสิตฺวา ‘‘ปาติโมกฺขสํวรสํวุตา’’ติ อิมินา ตตฺถ เชฎฺฐกสีลํ วิตฺถาเรตฺวา ทเสฺสสีติ ทีปวิหารวาสี สุมนเตฺถโร อาหฯ อเนฺตวาสิโก ปนสฺส เตปิฎกจูฬนาคเตฺถโร อาห – อุภยตฺถาปิ ปาติโมกฺขสํวโร ภควตา วุโตฺต, ปาติโมกฺขสํวโรเยว หิ สีลํฯ อิตรานิ ปน ตีณิ สีลนฺติ วุตฺตฎฺฐานํ นาม อตฺถีติ อนนุชานโนฺต วตฺวา อาห – ‘‘อินฺทฺริยสํวโร นาม ฉทฺวารรกฺขามตฺตกเมว, อาชีวปาริสุทฺธิ ธเมฺมน สเมน ปจฺจยุปฺปตฺติมตฺตกํ, ปจฺจยนิสฺสิตํ ปฎิลทฺธปจฺจเย อิทมตฺถนฺติ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริภุญฺชนมตฺตกํฯ นิปฺปริยาเยน ปาติโมกฺขสํวโรว สีลํฯ ยสฺส โส ภิโนฺน, อยํ ฉินฺนสีโส วิย ปุริโส หตฺถปาเท เสสานิ รกฺขิสฺสตีติ น วตฺตโพฺพฯ ยสฺส ปน โส อโรโค, อยํ อจฺฉินฺนสีโส วิย ปุริโส ชีวิตํ เสสานิ ปุน ปากติกานิ กตฺวา รกฺขิตุํ สโกฺกติฯ ตสฺมา ‘สมฺปนฺนสีลา’ติ อิมินา ปาติโมกฺขสํวรํ อุทฺทิสิตฺวา ‘สมฺปนฺนปาติโมกฺขา’ติ ตเสฺสว เววจนํ วตฺวา ตํ วิตฺถาเรตฺวา ทเสฺสโนฺต ‘ปาติโมกฺขสํวรสํวุตา’ติอาทิมาหา’’ติฯ
Tattha ‘‘sampannasīlā’’ti ettāvatā kira bhagavā catupārisuddhisīlaṃ uddisitvā ‘‘pātimokkhasaṃvarasaṃvutā’’ti iminā tattha jeṭṭhakasīlaṃ vitthāretvā dassesīti dīpavihāravāsī sumanatthero āha. Antevāsiko panassa tepiṭakacūḷanāgatthero āha – ubhayatthāpi pātimokkhasaṃvaro bhagavatā vutto, pātimokkhasaṃvaroyeva hi sīlaṃ. Itarāni pana tīṇi sīlanti vuttaṭṭhānaṃ nāma atthīti ananujānanto vatvā āha – ‘‘indriyasaṃvaro nāma chadvārarakkhāmattakameva, ājīvapārisuddhi dhammena samena paccayuppattimattakaṃ, paccayanissitaṃ paṭiladdhapaccaye idamatthanti paccavekkhitvā paribhuñjanamattakaṃ. Nippariyāyena pātimokkhasaṃvarova sīlaṃ. Yassa so bhinno, ayaṃ chinnasīso viya puriso hatthapāde sesāni rakkhissatīti na vattabbo. Yassa pana so arogo, ayaṃ acchinnasīso viya puriso jīvitaṃ sesāni puna pākatikāni katvā rakkhituṃ sakkoti. Tasmā ‘sampannasīlā’ti iminā pātimokkhasaṃvaraṃ uddisitvā ‘sampannapātimokkhā’ti tasseva vevacanaṃ vatvā taṃ vitthāretvā dassento ‘pātimokkhasaṃvarasaṃvutā’tiādimāhā’’ti.
ตตฺถ ปาติโมกฺขสํวรสํวุตาติ ปาติโมกฺขสํวเรน สมนฺนาคตาฯ อาจารโคจรสมฺปนฺนาติ อาจาเรน จ โคจเรน จ สมฺปนฺนาฯ อณุมเตฺตสูติ อปฺปมตฺตเกสุฯ วเชฺชสูติ อกุสลธเมฺมสุฯ ภยทสฺสาวีติ ภยทสฺสิโนฯ สมาทายาติ สมฺมา อาทิยิตฺวาฯ สิกฺขถ สิกฺขาปเทสูติ สิกฺขาปเทสุ ตํ ตํ สิกฺขาปทํ สมาทิยิตฺวา สิกฺขถฯ อปิจ สมาทาย สิกฺขถ สิกฺขาปเทสูติ ยํกิญฺจิ สิกฺขาโกฎฺฐาเสสุ สิกฺขิตพฺพํ กายิกํ วาจสิกญฺจ, ตํ สพฺพํ สมาทาย สิกฺขถาติ อยเมตฺถ สเงฺขโป, วิตฺถารโต ปน สพฺพาเนตานิ ปาติโมกฺขสํวราทีนิ ปทานิ วิสุทฺธิมเคฺค วุตฺตานิฯ
Tattha pātimokkhasaṃvarasaṃvutāti pātimokkhasaṃvarena samannāgatā. Ācāragocarasampannāti ācārena ca gocarena ca sampannā. Aṇumattesūti appamattakesu. Vajjesūti akusaladhammesu. Bhayadassāvīti bhayadassino. Samādāyāti sammā ādiyitvā. Sikkhatha sikkhāpadesūti sikkhāpadesu taṃ taṃ sikkhāpadaṃ samādiyitvā sikkhatha. Apica samādāya sikkhatha sikkhāpadesūti yaṃkiñci sikkhākoṭṭhāsesu sikkhitabbaṃ kāyikaṃ vācasikañca, taṃ sabbaṃ samādāya sikkhathāti ayamettha saṅkhepo, vitthārato pana sabbānetāni pātimokkhasaṃvarādīni padāni visuddhimagge vuttāni.
๖๕. อากเงฺขยฺย เจติ อิทํ กสฺมา อารทฺธํ? สีลานิสํสทสฺสนตฺถํฯ สเจปิ อจิรปพฺพชิตานํ วา ทุปฺปญฺญานํ วา เอวมสฺส ‘‘ภควา สีลํ ปูเรถาติ วทติ, โก นุ โข สีลปูรเณ อานิสํโส, โก วิเสโส, กา วฑฺฒี’’ติ? เตสํ สตฺตรส อานิสํเส ทเสฺสตุํ เอวมาหฯ อเปฺปว นาม เอตํ สพฺรหฺมจารีนํ ปิยมนาปตาทิอาสวกฺขยปริโยสานํ อานิสํสํ สุตฺวาปิ สีลํ ปริปูเรยฺยุนฺติฯ วิสกณฺฎกวาณิโช วิยฯ วิสกณฺฎกวาณิโช นาม คุฬวาณิโช วุจฺจติฯ
65.Ākaṅkheyya ceti idaṃ kasmā āraddhaṃ? Sīlānisaṃsadassanatthaṃ. Sacepi acirapabbajitānaṃ vā duppaññānaṃ vā evamassa ‘‘bhagavā sīlaṃ pūrethāti vadati, ko nu kho sīlapūraṇe ānisaṃso, ko viseso, kā vaḍḍhī’’ti? Tesaṃ sattarasa ānisaṃse dassetuṃ evamāha. Appeva nāma etaṃ sabrahmacārīnaṃ piyamanāpatādiāsavakkhayapariyosānaṃ ānisaṃsaṃ sutvāpi sīlaṃ paripūreyyunti. Visakaṇṭakavāṇijo viya. Visakaṇṭakavāṇijo nāma guḷavāṇijo vuccati.
โส กิร คุฬผาณิตขณฺฑสกฺขราทีนิ สกเฎนาทาย ปจฺจนฺตคามํ คนฺตฺวา ‘‘วิสกณฺฎกํ คณฺหถ, วิสกณฺฎกํ คณฺหถา’’ติ อุโคฺฆเสสิฯ ตํ สุตฺวา คามิกา ‘‘วิสํ นาม กกฺขฬํ, โย นํ ขาทติ, โส มรติ, กณฺฎกมฺปิ วิชฺฌิตฺวา มาเรติ, อุโภเปเต กกฺขฬา, โก เอตฺถ อานิสํโส’’ติ เคหทฺวารานิ ถเกสุํ, ทารเก จ ปลาเปสุํฯ ตํ ทิสฺวา วาณิโช ‘‘อโวหารกุสลา อิเม คามิกา, หนฺท เน อุปาเยน คณฺหาเปมี’’ติ ‘‘อติมธุรํ คณฺหถ, อติสาทุํ คณฺหถ, คุฬํ ผาณิตํ สกฺขรํ สมคฺฆํ ลพฺภติ, กูฎมาสกกูฎกหาปณาทีหิปิ ลพฺภตี’’ติ อุโคฺฆเสสิฯ ตํ สุตฺวา คามิกา หฎฺฐตุฎฺฐา อาคนฺตฺวา พหุมฺปิ มูลํ ทตฺวา คเหสุํฯ ตตฺถ วาณิชสฺส ‘‘วิสกณฺฎกํ คณฺหถา’’ติ อุโคฺฆสนํ วิย ภควโต ‘‘สมฺปนฺนสีลา, ภิกฺขเว, วิหรถ…เป.… สมาทาย สิกฺขถ สิกฺขาปเทสู’’ติ วจนํฯ ‘‘อุโภเปเต กกฺขฬา, โก เอตฺถ อานิสํโส’’ติ คามิกานํ จินฺตนํ วิย ภควา ‘‘สมฺปนฺนสีลา วิหรถา’’ติ อาห, ‘‘สีลญฺจ นาเมตํ กกฺขฬํ ผรุสํ ขิฑฺฑาทิปจฺจนีกํ, โก นุ โข สมฺปนฺนสีลานํ อานิสํโส’’ติ ภิกฺขูนํ จินฺตนํฯ อถ ตสฺส วาณิชสฺส ‘‘อติมธุรํ คณฺหถา’’ติอาทิวจนํ วิย ภควโต ปิยมนาปตาทิอาสวกฺขยปริโยสานํ สตฺตรสอานิสํสปฺปกาสนตฺถํ ‘‘อากเงฺขยฺย เจ’’ติอาทิวจนํ เวทิตพฺพํฯ
So kira guḷaphāṇitakhaṇḍasakkharādīni sakaṭenādāya paccantagāmaṃ gantvā ‘‘visakaṇṭakaṃ gaṇhatha, visakaṇṭakaṃ gaṇhathā’’ti ugghosesi. Taṃ sutvā gāmikā ‘‘visaṃ nāma kakkhaḷaṃ, yo naṃ khādati, so marati, kaṇṭakampi vijjhitvā māreti, ubhopete kakkhaḷā, ko ettha ānisaṃso’’ti gehadvārāni thakesuṃ, dārake ca palāpesuṃ. Taṃ disvā vāṇijo ‘‘avohārakusalā ime gāmikā, handa ne upāyena gaṇhāpemī’’ti ‘‘atimadhuraṃ gaṇhatha, atisāduṃ gaṇhatha, guḷaṃ phāṇitaṃ sakkharaṃ samagghaṃ labbhati, kūṭamāsakakūṭakahāpaṇādīhipi labbhatī’’ti ugghosesi. Taṃ sutvā gāmikā haṭṭhatuṭṭhā āgantvā bahumpi mūlaṃ datvā gahesuṃ. Tattha vāṇijassa ‘‘visakaṇṭakaṃ gaṇhathā’’ti ugghosanaṃ viya bhagavato ‘‘sampannasīlā, bhikkhave, viharatha…pe… samādāya sikkhatha sikkhāpadesū’’ti vacanaṃ. ‘‘Ubhopete kakkhaḷā, ko ettha ānisaṃso’’ti gāmikānaṃ cintanaṃ viya bhagavā ‘‘sampannasīlā viharathā’’ti āha, ‘‘sīlañca nāmetaṃ kakkhaḷaṃ pharusaṃ khiḍḍādipaccanīkaṃ, ko nu kho sampannasīlānaṃ ānisaṃso’’ti bhikkhūnaṃ cintanaṃ. Atha tassa vāṇijassa ‘‘atimadhuraṃ gaṇhathā’’tiādivacanaṃ viya bhagavato piyamanāpatādiāsavakkhayapariyosānaṃ sattarasaānisaṃsappakāsanatthaṃ ‘‘ākaṅkheyya ce’’tiādivacanaṃ veditabbaṃ.
ตตฺถ อากเงฺขยฺย เจติ ยทิ อากเงฺขยฺย ยทิ อิเจฺฉยฺยฯ ปิโย จ อสฺสนฺติ ปิยจกฺขูหิ สมฺปสฺสิตโพฺพ, สิเนหุปฺปตฺติยา ปทฎฺฐานภูโต ภเวยฺยนฺติ วุตฺตํ โหติฯ มนาโปติ เตสํ มนวฑฺฒนโก, เตสํ วา มเนน ปตฺตโพฺพ, เมตฺตจิเตฺตน ผริตโพฺพติ วุตฺตํ โหติฯ ครูติ เตสํ ครุฎฺฐานิโย ปาสาณจฺฉตฺตสทิโสฯ ภาวนีโยติ ‘‘อทฺธา อยมายสฺมา ชานํ ชานาติ ปสฺสํ ปสฺสตี’’ติ เอวํ สมฺภาวนีโยฯ สีเลเสฺววสฺส ปริปูรการีติ จตุปาริสุทฺธิสีเลสุเยว ปริปูรการี อสฺส, อนูเนน ปริปูริตากาเรน สมนฺนาคโต ภเวยฺยาติ วุตฺตํ โหติฯ อชฺฌตฺตํ เจโตสมถมนุยุโตฺตติ อตฺตโน จิตฺตสมเถ ยุโตฺต, เอตฺถ หิ อชฺฌตฺตนฺติ วา อตฺตโนติ วา เอตํ เอกตฺถํ, พฺยญฺชนเมว นานํฯ ภุมฺมเตฺถ ปเนตํ สมถนฺติ อุปโยควจนํฯ อนูติ อิมินา อุปสเคฺคน โยเค สิทฺธํฯ อนิรากตชฺฌาโนติ พหิ อนีหฎชฺฌาโน, อวินาสิตชฺฌาโน วา, นีหรณวินาสตฺถญฺหิ อิทํ นิรากรณํ นามฯ ถมฺภํ นิรํกตฺวา นิวาตวุตฺตีติอาทีสุ จสฺส ปโยโค ทฎฺฐโพฺพฯ
Tattha ākaṅkheyya ceti yadi ākaṅkheyya yadi iccheyya. Piyo ca assanti piyacakkhūhi sampassitabbo, sinehuppattiyā padaṭṭhānabhūto bhaveyyanti vuttaṃ hoti. Manāpoti tesaṃ manavaḍḍhanako, tesaṃ vā manena pattabbo, mettacittena pharitabboti vuttaṃ hoti. Garūti tesaṃ garuṭṭhāniyo pāsāṇacchattasadiso. Bhāvanīyoti ‘‘addhā ayamāyasmā jānaṃ jānāti passaṃ passatī’’ti evaṃ sambhāvanīyo. Sīlesvevassa paripūrakārīti catupārisuddhisīlesuyeva paripūrakārī assa, anūnena paripūritākārena samannāgato bhaveyyāti vuttaṃ hoti. Ajjhattaṃ cetosamathamanuyuttoti attano cittasamathe yutto, ettha hi ajjhattanti vā attanoti vā etaṃ ekatthaṃ, byañjanameva nānaṃ. Bhummatthe panetaṃ samathanti upayogavacanaṃ. Anūti iminā upasaggena yoge siddhaṃ. Anirākatajjhānoti bahi anīhaṭajjhāno, avināsitajjhāno vā, nīharaṇavināsatthañhi idaṃ nirākaraṇaṃ nāma. Thambhaṃ niraṃkatvā nivātavuttītiādīsu cassa payogo daṭṭhabbo.
วิปสฺสนาย สมนฺนาคโตติ สตฺตวิธาย อนุปสฺสนาย ยุโตฺต, สตฺตวิธา อนุปสฺสนา นาม อนิจฺจานุปสฺสนา ทุกฺขานุปสฺสนา อนตฺตานุปสฺสนา นิพฺพิทานุปสฺสนา วิราคานุปสฺสนา นิโรธานุปสฺสนา ปฎินิสฺสคฺคานุปสฺสนาติฯ ตา วิสุทฺธิมเคฺค วิตฺถาริตาฯ พฺรูเหตา สุญฺญาคารานนฺติ วเฑฺฒตา สุญฺญาคารานํ, เอตฺถ จ สมถวิปสฺสนาวเสน กมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา รตฺตินฺทิวํ สุญฺญาคารํ ปวิสิตฺวา นิสีทมาโน ภิกฺขุ ‘‘พฺรูเหตา สุญฺญาคาราน’’นฺติ เวทิตโพฺพฯ เอกภูมกาทิปาสาเท กุรุมาโนปิ ปน เนว สุญฺญาคารานํ พฺรูเหตาติ ทฎฺฐโพฺพติฯ
Vipassanāya samannāgatoti sattavidhāya anupassanāya yutto, sattavidhā anupassanā nāma aniccānupassanā dukkhānupassanā anattānupassanā nibbidānupassanā virāgānupassanā nirodhānupassanā paṭinissaggānupassanāti. Tā visuddhimagge vitthāritā. Brūhetā suññāgārānanti vaḍḍhetā suññāgārānaṃ, ettha ca samathavipassanāvasena kammaṭṭhānaṃ gahetvā rattindivaṃ suññāgāraṃ pavisitvā nisīdamāno bhikkhu ‘‘brūhetā suññāgārāna’’nti veditabbo. Ekabhūmakādipāsāde kurumānopi pana neva suññāgārānaṃ brūhetāti daṭṭhabboti.
เอตฺตาวตา จ ยถา ตณฺหาวิจริตเทสนา ปฐมํ ตณฺหาวเสน อารทฺธาปิ ตณฺหาปทฎฺฐานตฺตา มานทิฎฺฐีนํ มานทิฎฺฐิโย โอสริตฺวา กเมน ปปญฺจตฺตยเทสนา ชาตา, เอวมยํ เทสนา ปฐมํ อธิสีลสิกฺขาวเสน อารทฺธาปิ สีลปทฎฺฐานตฺตา สมถวิปสฺสนานํ สมถวิปสฺสนาโย โอสริตฺวา กเมน สิกฺขตฺตยเทสนา ชาตาติ เวทิตพฺพาฯ
Ettāvatā ca yathā taṇhāvicaritadesanā paṭhamaṃ taṇhāvasena āraddhāpi taṇhāpadaṭṭhānattā mānadiṭṭhīnaṃ mānadiṭṭhiyo osaritvā kamena papañcattayadesanā jātā, evamayaṃ desanā paṭhamaṃ adhisīlasikkhāvasena āraddhāpi sīlapadaṭṭhānattā samathavipassanānaṃ samathavipassanāyo osaritvā kamena sikkhattayadesanā jātāti veditabbā.
เอตฺถ หิ ‘‘สีเลเสฺววสฺส ปริปูรการี’’ติ เอตฺตาวตา อธิสีลสิกฺขา วุตฺตาฯ ‘‘อชฺฌตฺตํ เจโตสมถมนุยุโตฺต อนิรากตชฺฌาโน’’ติ เอตฺตาวตา อธิจิตฺตสิกฺขา, ‘‘วิปสฺสนาย สมนฺนาคโต’’ติ เอตฺตาวตา อธิปญฺญาสิกฺขา, ‘‘พฺรูเหตา สุญฺญาคาราน’’นฺติ อิมินา ปน สมถวเสน สุญฺญาคารวฑฺฒเน อธิจิตฺตสิกฺขา, วิปสฺสนาวเสน อธิปญฺญาสิกฺขาติ เอวํ เทฺวปิ สิกฺขา สงฺคเหตฺวา วุตฺตาฯ เอตฺถ จ ‘‘อชฺฌตฺตํ เจโตสมถมนุยุโตฺต อนิรากตชฺฌาโน’’ติ อิเมหิ ปเทหิ สีลานุรกฺขิกา เอว จิเตฺตกคฺคตา กถิตาฯ ‘‘วิปสฺสนายา’’ติ อิมินา ปเทน สีลานุรกฺขิโก สงฺขารปริคฺคโหฯ
Ettha hi ‘‘sīlesvevassa paripūrakārī’’ti ettāvatā adhisīlasikkhā vuttā. ‘‘Ajjhattaṃ cetosamathamanuyutto anirākatajjhāno’’ti ettāvatā adhicittasikkhā, ‘‘vipassanāya samannāgato’’ti ettāvatā adhipaññāsikkhā, ‘‘brūhetā suññāgārāna’’nti iminā pana samathavasena suññāgāravaḍḍhane adhicittasikkhā, vipassanāvasena adhipaññāsikkhāti evaṃ dvepi sikkhā saṅgahetvā vuttā. Ettha ca ‘‘ajjhattaṃ cetosamathamanuyutto anirākatajjhāno’’ti imehi padehi sīlānurakkhikā eva cittekaggatā kathitā. ‘‘Vipassanāyā’’ti iminā padena sīlānurakkhiko saṅkhārapariggaho.
กถํ จิเตฺตกคฺคตา สีลมนุรกฺขติ? ยสฺส หิ จิเตฺตกคฺคตา นตฺถิ, โส พฺยาธิมฺหิ อุปฺปเนฺน วิหญฺญติ, โส พฺยาธิวิหโต วิกฺขิตฺตจิโตฺต สีลํ วินาเสตฺวาปิ พฺยาธิวูปสมํ กตฺตา โหติฯ ยสฺส ปน จิเตฺตกคฺคตา อตฺถิ, โส ตํ พฺยาธิทุกฺขํ วิกฺขเมฺภตฺวา สมาปตฺติํ สมาปชฺชติ, สมาปนฺนกฺขเณ ทุกฺขํ ทูราปกตํ โหติ, พลวตรสุขมุปฺปชฺชติฯ เอวํ จิเตฺตกคฺคตา สีลํ อนุรกฺขติฯ
Kathaṃ cittekaggatā sīlamanurakkhati? Yassa hi cittekaggatā natthi, so byādhimhi uppanne vihaññati, so byādhivihato vikkhittacitto sīlaṃ vināsetvāpi byādhivūpasamaṃ kattā hoti. Yassa pana cittekaggatā atthi, so taṃ byādhidukkhaṃ vikkhambhetvā samāpattiṃ samāpajjati, samāpannakkhaṇe dukkhaṃ dūrāpakataṃ hoti, balavatarasukhamuppajjati. Evaṃ cittekaggatā sīlaṃ anurakkhati.
กถํ สงฺขารปริคฺคโห สีลมนุรกฺขติ? ยสฺส หิ สงฺขารปริคฺคโห นตฺถิ, ตสฺส ‘‘มม รูปํ มม วิญฺญาณ’’นฺติ อตฺตภาเว พลวมมตฺตํ โหติ, โส ตถารูเปสุ ทุพฺภิกฺขพฺยาธิภยาทีสุ สมฺปเตฺตสุ สีลํ วินาเสตฺวาปิ อตฺตภาวํ โปเสตา โหติฯ ยสฺส ปน สงฺขารปริคฺคโห อตฺถิ, ตสฺส อตฺตภาเว พลวมมตฺตํ วา สิเนโห วา น โหติ, โส ตถารูเปสุ ทุพฺภิกฺขพฺยาธิภยาทีสุ สมฺปเตฺตสุ สเจปิสฺส อนฺตานิ พหิ นิกฺขมนฺติ, สเจปิ อุสฺสุสฺสติ วิสุสฺสติ, ขณฺฑาขณฺฑิโก วา โหติ สตธาปิ สหสฺสธาปิ, เนว สีลํ วินาเสตฺวา อตฺตภาวํ โปเสตา โหติฯ เอวํ สงฺขารปริคฺคโห สีลมนุรกฺขติฯ ‘‘พฺรูเหตา สุญฺญาคาราน’’นฺติ อิมินา ปน ตเสฺสว อุภยสฺส พฺรูหนา วฑฺฒนา สาตจฺจกิริยา ทสฺสิตาฯ
Kathaṃ saṅkhārapariggaho sīlamanurakkhati? Yassa hi saṅkhārapariggaho natthi, tassa ‘‘mama rūpaṃ mama viññāṇa’’nti attabhāve balavamamattaṃ hoti, so tathārūpesu dubbhikkhabyādhibhayādīsu sampattesu sīlaṃ vināsetvāpi attabhāvaṃ posetā hoti. Yassa pana saṅkhārapariggaho atthi, tassa attabhāve balavamamattaṃ vā sineho vā na hoti, so tathārūpesu dubbhikkhabyādhibhayādīsu sampattesu sacepissa antāni bahi nikkhamanti, sacepi ussussati visussati, khaṇḍākhaṇḍiko vā hoti satadhāpi sahassadhāpi, neva sīlaṃ vināsetvā attabhāvaṃ posetā hoti. Evaṃ saṅkhārapariggaho sīlamanurakkhati. ‘‘Brūhetā suññāgārāna’’nti iminā pana tasseva ubhayassa brūhanā vaḍḍhanā sātaccakiriyā dassitā.
เอวํ ภควา ยสฺมา ‘‘สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย จสฺสํ มนาโป จ ครุ จ ภาวนีโย จา’’ติ อิเม จตฺตาโร ธเมฺม อากงฺขเนฺตน นตฺถญฺญํ กิญฺจิ กาตพฺพํ, อญฺญทตฺถุ สีลาทิคุณสมนฺนาคเตน ภวิตพฺพํ, อิทิโส หิ สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย โหติ มนาโป ครุ ภาวนีโยฯ วุตฺตมฺปิ เหตํ –
Evaṃ bhagavā yasmā ‘‘sabrahmacārīnaṃ piyo cassaṃ manāpo ca garu ca bhāvanīyo cā’’ti ime cattāro dhamme ākaṅkhantena natthaññaṃ kiñci kātabbaṃ, aññadatthu sīlādiguṇasamannāgatena bhavitabbaṃ, idiso hi sabrahmacārīnaṃ piyo hoti manāpo garu bhāvanīyo. Vuttampi hetaṃ –
‘‘สีลทสฺสนสมฺปนฺนํ , ธมฺมฎฺฐํ สจฺจวาทินํ;
‘‘Sīladassanasampannaṃ , dhammaṭṭhaṃ saccavādinaṃ;
อตฺตโน กมฺม กุพฺพานํ, ตํ ชโน กุรุเต ปิย’’นฺติฯ (ธ. ป. ๒๑๗);
Attano kamma kubbānaṃ, taṃ jano kurute piya’’nti. (dha. pa. 217);
ตสฺมา ‘‘อากเงฺขยฺย เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย จสฺสํ มนาโป จ ครุ จ ภาวนีโย จาติ สีเลเสฺววสฺส ปริปูรการี…เป.… สุญฺญาคาราน’’นฺติ วตฺวา อิทานิ ยสฺมา ปจฺจยลาภาทิํ ปตฺถยเนฺตนาปิ อิทเมว กรณียํ, น อญฺญํ กิญฺจิ, ตสฺมา ‘‘อากเงฺขยฺย เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ลาภี อสฺส’’นฺติอาทิมาหฯ น เจตฺถ ภควา ลาภนิมิตฺตํ สีลาทิปริปูรณํ กเถตีติ เวทิตโพฺพฯ ภควา หิ ฆาเสสนํ ฉินฺนกโถ น วาจํ ปยุตฺตํ ภเณติ, เอวํ สาวเก โอวทติ, โส กถํ ลาภนิมิตฺตํ สีลาทิปริปูรณํ กเถสฺสติ, ปุคฺคลชฺฌาสยวเสน ปเนตํ วุตฺตํฯ เยสญฺหิ เอวํ อชฺฌาสโย ภเวยฺย ‘‘สเจ มยํ จตูหิ ปจฺจเยหิ น กิลเมยฺยาม, สีลาทิํ ปูเรตุํ สกฺกุเณยฺยามา’’ติ, เตสํ อชฺฌาสยวเสน ภควา เอวมาหฯ อปิจ รสานิสํโส เอส สีลสฺส, ยทิทํ จตฺตาโร ปจฺจยา นามฯ ตถา หิ ปณฺฑิตมนุสฺสา โกฎฺฐาทีสุ ฐปิตํ นีหริตฺวา ปุตฺตาทีนมฺปิ อทตฺวา อตฺตนาปิ อปริภุญฺชิตฺวา สีลวนฺตานํ เทนฺตีติ สีลสฺส สรสานิสํสทสฺสนตฺถํ เปตํ วุตฺตํฯ
Tasmā ‘‘ākaṅkheyya ce, bhikkhave, bhikkhu sabrahmacārīnaṃ piyo cassaṃ manāpo ca garu ca bhāvanīyo cāti sīlesvevassa paripūrakārī…pe… suññāgārāna’’nti vatvā idāni yasmā paccayalābhādiṃ patthayantenāpi idameva karaṇīyaṃ, na aññaṃ kiñci, tasmā ‘‘ākaṅkheyya ce, bhikkhave, bhikkhu lābhī assa’’ntiādimāha. Na cettha bhagavā lābhanimittaṃ sīlādiparipūraṇaṃ kathetīti veditabbo. Bhagavā hi ghāsesanaṃ chinnakatho na vācaṃ payuttaṃ bhaṇeti, evaṃ sāvake ovadati, so kathaṃ lābhanimittaṃ sīlādiparipūraṇaṃ kathessati, puggalajjhāsayavasena panetaṃ vuttaṃ. Yesañhi evaṃ ajjhāsayo bhaveyya ‘‘sace mayaṃ catūhi paccayehi na kilameyyāma, sīlādiṃ pūretuṃ sakkuṇeyyāmā’’ti, tesaṃ ajjhāsayavasena bhagavā evamāha. Apica rasānisaṃso esa sīlassa, yadidaṃ cattāro paccayā nāma. Tathā hi paṇḍitamanussā koṭṭhādīsu ṭhapitaṃ nīharitvā puttādīnampi adatvā attanāpi aparibhuñjitvā sīlavantānaṃ dentīti sīlassa sarasānisaṃsadassanatthaṃ petaṃ vuttaṃ.
ตติยวาเร เยสาหนฺติ เยสํ อหํฯ เตสํ เต การาติ เตสํ เทวานํ วา มนุสฺสานํ วา เต มยิ กตา ปจฺจยทานการาฯ เทวาปิ หิ สีลาทิคุณยุตฺตานํ ปจฺจเย เทนฺติ, น เกวลํ มนุสฺสาเยว, สโกฺก วิย อายสฺมโต มหากสฺสปสฺสฯ มหปฺผลา มหานิสํสาติ อุภยเมตํ อตฺถโต เอกํ, พฺยญฺชนเมว นานํฯ มหนฺตํ วา โลกิยสุขํ ผลนฺตีติ มหปฺผลา ฯ มหโต โลกุตฺตรสุขสฺส จ ปจฺจยา โหนฺตีติ มหานิสํสาฯ สีลาทิคุณยุตฺตสฺส หิ กฎจฺฉุภิกฺขาปิ ปญฺจรตนมตฺตาย ภูมิยา ปณฺณสาลาปิ กตฺวา ทินฺนา อเนกานิ กปฺปสหสฺสานิ ทุคฺคติวินิปาตโต รกฺขติ, ปริโยสาเน จ อมตาย ปรินิพฺพานธาตุยาปจฺจโย โหติฯ ‘‘ขีโรทนํ อหมทาสิ’’นฺติอาทีนิ (วิ. ว. ๔๑๓) เจตฺถ วตฺถูนิ, สกลเมว วา เปตวตฺถุ วิมานวตฺถุ จ สาธกํฯ ตสฺมา ปจฺจยทายเกหิ อตฺตนิ กตานํ การานํ มหปฺผลตํ อิจฺฉเนฺตนาปิ สีลาทิคุณยุเตฺตเนว ภวิตพฺพนฺติ ทเสฺสติฯ
Tatiyavāre yesāhanti yesaṃ ahaṃ. Tesaṃ te kārāti tesaṃ devānaṃ vā manussānaṃ vā te mayi katā paccayadānakārā. Devāpi hi sīlādiguṇayuttānaṃ paccaye denti, na kevalaṃ manussāyeva, sakko viya āyasmato mahākassapassa. Mahapphalā mahānisaṃsāti ubhayametaṃ atthato ekaṃ, byañjanameva nānaṃ. Mahantaṃ vā lokiyasukhaṃ phalantīti mahapphalā. Mahato lokuttarasukhassa ca paccayā hontīti mahānisaṃsā. Sīlādiguṇayuttassa hi kaṭacchubhikkhāpi pañcaratanamattāya bhūmiyā paṇṇasālāpi katvā dinnā anekāni kappasahassāni duggativinipātato rakkhati, pariyosāne ca amatāya parinibbānadhātuyāpaccayo hoti. ‘‘Khīrodanaṃ ahamadāsi’’ntiādīni (vi. va. 413) cettha vatthūni, sakalameva vā petavatthu vimānavatthu ca sādhakaṃ. Tasmā paccayadāyakehi attani katānaṃ kārānaṃ mahapphalataṃ icchantenāpi sīlādiguṇayutteneva bhavitabbanti dasseti.
จตุตฺถวาเร ญาตีติ สสฺสุสสุรปกฺขิกาฯ สาโลหิตาติ เอกโลหิตสมฺพทฺธา ปีติปิตามหาทโย ฯ เปตาติ เปจฺจภาวํ คตาฯ กาลงฺกตาติ มตาฯ เตสํ ตนฺติ เตสํ ตํ มยิ ปสนฺนจิตฺตตํ วา ปสเนฺนน จิเตฺตน อนุสฺสรณํ วาฯ ยสฺส หิ ภิกฺขุโน กาลงฺกโต ปิตา วา มาตา วา ‘‘อมฺหากํ ญาตโก เถโร สีลวา กลฺยาณธโมฺม’’ติ ปสนฺนจิโตฺต หุตฺวา ตํ ภิกฺขุํ อนุสฺสรติ, ตสฺส โส จิตฺตปฺปสาโทปิ ตํ อนุสฺสรณมตฺตมฺปิ มหปฺผลํ มหานิสํสเมว โหติ, อเนกานิ กปฺปสตสหสฺสานิ ทุคฺคติโต วาเรตุํ อเนฺต จ อมตํ ปาเปตุํ สมตฺถเมว โหติฯ วุตฺตเญฺหตํ ภควตา ‘‘เย เต, ภิกฺขเว, ภิกฺขู สีลสมฺปนฺนา สมาธิสมฺปนฺนา ปญฺญา, วิมุตฺติ, วิมุตฺติญาณทสฺสนสมฺปนฺนา, ทสฺสนํปาหํ, ภิกฺขเว, เตสํ ภิกฺขูนํ พหุการํ วทามิฯ สวนํ, อนุสฺสติํ, อนุปพฺพชฺชํ, อุปสงฺกมนํ, ปยิรุปาสนํปาหํ, ภิกฺขเว, เตสํ ภิกฺขูนํ พหุการํ วทามี’’ติ (อิติวุ. ๑๐๔)ฯ ตสฺมา ญาติสาโลหิตานํ อตฺตนิ จิตฺตปฺปสาทสฺส อนุสฺสติยา จ มหปฺผลตํ อิจฺฉเนฺตนาปิ สีลาทิคุณยุเตฺตเนว, ภวิตพฺพนฺติ ทเสฺสติฯ
Catutthavāre ñātīti sassusasurapakkhikā. Sālohitāti ekalohitasambaddhā pītipitāmahādayo . Petāti peccabhāvaṃ gatā. Kālaṅkatāti matā. Tesaṃ tanti tesaṃ taṃ mayi pasannacittataṃ vā pasannena cittena anussaraṇaṃ vā. Yassa hi bhikkhuno kālaṅkato pitā vā mātā vā ‘‘amhākaṃ ñātako thero sīlavā kalyāṇadhammo’’ti pasannacitto hutvā taṃ bhikkhuṃ anussarati, tassa so cittappasādopi taṃ anussaraṇamattampi mahapphalaṃ mahānisaṃsameva hoti, anekāni kappasatasahassāni duggatito vāretuṃ ante ca amataṃ pāpetuṃ samatthameva hoti. Vuttañhetaṃ bhagavatā ‘‘ye te, bhikkhave, bhikkhū sīlasampannā samādhisampannā paññā, vimutti, vimuttiñāṇadassanasampannā, dassanaṃpāhaṃ, bhikkhave, tesaṃ bhikkhūnaṃ bahukāraṃ vadāmi. Savanaṃ, anussatiṃ, anupabbajjaṃ, upasaṅkamanaṃ, payirupāsanaṃpāhaṃ, bhikkhave, tesaṃ bhikkhūnaṃ bahukāraṃ vadāmī’’ti (itivu. 104). Tasmā ñātisālohitānaṃ attani cittappasādassa anussatiyā ca mahapphalataṃ icchantenāpi sīlādiguṇayutteneva, bhavitabbanti dasseti.
๖๖. ปญฺจมวาเร อรติรติสโห อสฺสนฺติ อรติยา รติยา จ สโห อภิภวิตา อโชฺฌตฺถริตา ภเวยฺยํฯ เอตฺถ จ อรตีติ อธิกุสเลสุ ธเมฺมสุ ปนฺตเสนาสเนสุ จ อุกฺกณฺฐาฯ รตีติ ปญฺจกามคุณรติฯ น จ มํ อรติ สเหยฺยาติ มญฺจ อรติ น อภิภเวยฺย น มเทฺทยฺย น อโชฺฌตฺถเรยฺยฯ อุปฺปนฺนนฺติ ชาตํ นิพฺพตฺตํฯ สีลาทิคุณยุโตฺต หิ อรติญฺจ รติญฺจ สหติ อโชฺฌตฺถรติ มทฺทิตฺวา ติฎฺฐติฯ ตสฺมา อีทิสํ อตฺตานํ อิจฺฉเนฺตนาปิ สีลาทิคุณยุเตฺตเนว ภวิตพฺพนฺติ ทเสฺสติฯ
66. Pañcamavāre aratiratisaho assanti aratiyā ratiyā ca saho abhibhavitā ajjhottharitā bhaveyyaṃ. Ettha ca aratīti adhikusalesu dhammesu pantasenāsanesu ca ukkaṇṭhā. Ratīti pañcakāmaguṇarati. Na ca maṃ arati saheyyāti mañca arati na abhibhaveyya na maddeyya na ajjhotthareyya. Uppannanti jātaṃ nibbattaṃ. Sīlādiguṇayutto hi aratiñca ratiñca sahati ajjhottharati madditvā tiṭṭhati. Tasmā īdisaṃ attānaṃ icchantenāpi sīlādiguṇayutteneva bhavitabbanti dasseti.
ฉฎฺฐวาเร ภยํ จิตฺตุตฺราโสปิ อารมฺมณมฺปิฯ เภรวํ อารมฺมณเมวฯ เสสํ ปญฺจมวาเร วุตฺตนยเมวฯ สีลาทิคุณยุโตฺต หิ ภยเภรวํ สหติ อโชฺฌตฺถรติ มทฺทิตฺวา ติฎฺฐติ อริยโกฎิยวาสีมหาทตฺตเตฺถโร วิยฯ
Chaṭṭhavāre bhayaṃ cittutrāsopi ārammaṇampi. Bheravaṃ ārammaṇameva. Sesaṃ pañcamavāre vuttanayameva. Sīlādiguṇayutto hi bhayabheravaṃ sahati ajjhottharati madditvā tiṭṭhati ariyakoṭiyavāsīmahādattatthero viya.
เถโร กิร มคฺคํ ปฎิปโนฺน อญฺญตรํ ปาสาทิกํ อรญฺญํ ทิสฺวา ‘‘อิเธวชฺช สมณธมฺมํ กตฺวา คมิสฺสามี’’ติ มคฺคา โอกฺกมฺม อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเล สงฺฆาฎิํ ปญฺญเปตฺวา ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสีทิฯ รุกฺขเทวตาย ทารกา เถรสฺส สีลเตเชน สกภาเวน สณฺฐาตุํ อสโกฺกนฺตา วิสฺสรมกํสุฯ เทวตาปิ รุกฺขํ จาเลสิฯ เถโร อจโลว นิสีทิฯ สา เทวตา ธูมายิ, ปชฺชลิ, เนว สกฺขิ เถรํ จาเลตุํ, ตโต อุปาสกวเณฺณนาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา อฎฺฐาสิฯ ‘‘โก เอโส’’ติ วุตฺตา ‘‘อหํ, ภเนฺต, เอตสฺมิํ รุเกฺข อธิวตฺถา เทวตา’’ติ อโวจฯ ตฺวํ เอเต วิกาเร อกาสีติฯ อาม ภเนฺตติฯ กสฺมาติ จ วุตฺตา อาห – ‘‘ตุมฺหากํ, ภเนฺต , สีลเตเชน ทารกา สกภาเวน สณฺฐาตุํ อสโกฺกนฺตา วิสฺสรมกํสุ, สาหํ ตุเมฺห ปลาเปตุํ เอวมกาสิ’’นฺติฯ เถโร อาห – ‘‘อถ กสฺมา อิธ, ภเนฺต, มา วสถ, มยฺหํ อผาสูติ ปฎิกเจฺจว นาวจาสิฯ อิทานิ ปน มา กิญฺจิ อวจ, อริยโกฎิยมหาทโตฺต อมนุสฺสภเยน คโตติ วจนโต ลชฺชามิ, เตนาหํ อิเธว วสิสฺสํ, ตฺวํ ปน อเชฺชกทิวสํ ยตฺถ กตฺถจิ วสาหี’’ติฯ เอวํ สีลาทิคุณยุโตฺต ภยเภรวสโห โหติฯ ตสฺมา อีทิสมตฺตานํ อิจฺฉเนฺตนาปิ สีลาทิคุณยุเตฺตเนว ภวิตพฺพนฺติ ทเสฺสติฯ
Thero kira maggaṃ paṭipanno aññataraṃ pāsādikaṃ araññaṃ disvā ‘‘idhevajja samaṇadhammaṃ katvā gamissāmī’’ti maggā okkamma aññatarasmiṃ rukkhamūle saṅghāṭiṃ paññapetvā pallaṅkaṃ ābhujitvā nisīdi. Rukkhadevatāya dārakā therassa sīlatejena sakabhāvena saṇṭhātuṃ asakkontā vissaramakaṃsu. Devatāpi rukkhaṃ cālesi. Thero acalova nisīdi. Sā devatā dhūmāyi, pajjali, neva sakkhi theraṃ cāletuṃ, tato upāsakavaṇṇenāgantvā vanditvā aṭṭhāsi. ‘‘Ko eso’’ti vuttā ‘‘ahaṃ, bhante, etasmiṃ rukkhe adhivatthā devatā’’ti avoca. Tvaṃ ete vikāre akāsīti. Āma bhanteti. Kasmāti ca vuttā āha – ‘‘tumhākaṃ, bhante , sīlatejena dārakā sakabhāvena saṇṭhātuṃ asakkontā vissaramakaṃsu, sāhaṃ tumhe palāpetuṃ evamakāsi’’nti. Thero āha – ‘‘atha kasmā idha, bhante, mā vasatha, mayhaṃ aphāsūti paṭikacceva nāvacāsi. Idāni pana mā kiñci avaca, ariyakoṭiyamahādatto amanussabhayena gatoti vacanato lajjāmi, tenāhaṃ idheva vasissaṃ, tvaṃ pana ajjekadivasaṃ yattha katthaci vasāhī’’ti. Evaṃ sīlādiguṇayutto bhayabheravasaho hoti. Tasmā īdisamattānaṃ icchantenāpi sīlādiguṇayutteneva bhavitabbanti dasseti.
สตฺตมวาเร อาภิเจตสิกานนฺติ อภิเจโตติ อภิกฺกนฺตํ วิสุทฺธจิตฺตํ วุจฺจติ, อธิจิตฺตํ วา, อภิเจตสิ ชาตานิ อาภิเจตสิกานิ, อภิเจโต สนฺนิสฺสิตานีติ วา อาภิเจตสิกานิฯ ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารานนฺติ ทิฎฺฐธเมฺม สุขวิหารานํฯ ทิฎฺฐธโมฺมติ ปจฺจโกฺข อตฺตภาโว วุจฺจติ, ตตฺถ สุขวิหารภูตานนฺติ อโตฺถ, รูปาวจรชฺฌานานเมตํ อธิวจนํฯ ตานิ หิ อเปฺปตฺวา นิสินฺนา ฌายิโน อิมสฺมิํเยว อตฺตภาเว อสํกิลิฎฺฐํ เนกฺขมฺมสุขํ วินฺทนฺติ, ตสฺมา ‘‘ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารานี’’ติ วุจฺจนฺติฯ นิกามลาภีติ นิกาเมน ลาภี อตฺตโน อิจฺฉาวเสน ลาภี, อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ สมาปชฺชิตุํ สมโตฺถติ วุตฺตํ โหติฯ อกิจฺฉลาภีติ สุเขเนว ปจฺจนีกธเมฺม วิกฺขเมฺภตฺวา สมาปชฺชิตุํ สมโตฺถติ วุตฺตํ โหติฯ อกสิรลาภีติ อกสิรานํ วิปุลานํ ลาภี, ยถาปริเจฺฉเทเยว วุฎฺฐาตุํ สมโตฺถติ วุตฺตํ โหติฯ เอกโจฺจ หิ ลาภีเยว โหติ, น ปน สโกฺกติ อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ สมาปชฺชิตุํฯ เอกโจฺจ สโกฺกติ ตถา สมาปชฺชิตุํ, ปาริพนฺธิเก ปน กิเจฺฉน วิกฺขเมฺภติฯ เอกโจฺจ ตถา สมาปชฺชติ, ปาริพนฺธิเก จ อกิเจฺฉเนว วิกฺขเมฺภติ, น สโกฺกติ นาฬิกายนฺตํ วิย ยถาปริเจฺฉเทเยว จ วุฎฺฐาตุํฯ โย ปน อิมํ ติวิธมฺปิ สมฺปทํ อิจฺฉติ, โสปิ สีเลเสฺววสฺส ปริปูรการีติฯ
Sattamavāre ābhicetasikānanti abhicetoti abhikkantaṃ visuddhacittaṃ vuccati, adhicittaṃ vā, abhicetasi jātāni ābhicetasikāni, abhiceto sannissitānīti vā ābhicetasikāni. Diṭṭhadhammasukhavihārānanti diṭṭhadhamme sukhavihārānaṃ. Diṭṭhadhammoti paccakkho attabhāvo vuccati, tattha sukhavihārabhūtānanti attho, rūpāvacarajjhānānametaṃ adhivacanaṃ. Tāni hi appetvā nisinnā jhāyino imasmiṃyeva attabhāve asaṃkiliṭṭhaṃ nekkhammasukhaṃ vindanti, tasmā ‘‘diṭṭhadhammasukhavihārānī’’ti vuccanti. Nikāmalābhīti nikāmena lābhī attano icchāvasena lābhī, icchiticchitakkhaṇe samāpajjituṃ samatthoti vuttaṃ hoti. Akicchalābhīti sukheneva paccanīkadhamme vikkhambhetvā samāpajjituṃ samatthoti vuttaṃ hoti. Akasiralābhīti akasirānaṃ vipulānaṃ lābhī, yathāparicchedeyeva vuṭṭhātuṃ samatthoti vuttaṃ hoti. Ekacco hi lābhīyeva hoti, na pana sakkoti icchiticchitakkhaṇe samāpajjituṃ. Ekacco sakkoti tathā samāpajjituṃ, pāribandhike pana kicchena vikkhambheti. Ekacco tathā samāpajjati, pāribandhike ca akiccheneva vikkhambheti, na sakkoti nāḷikāyantaṃ viya yathāparicchedeyeva ca vuṭṭhātuṃ. Yo pana imaṃ tividhampi sampadaṃ icchati, sopi sīlesvevassa paripūrakārīti.
เอวํ อภิญฺญาปาทเก ฌาเน วุเตฺต กิญฺจาปิ อภิญฺญานํ วาโร อาคโต, อถ โข นํ ภควา อคฺคเหตฺวาว ยสฺมา น เกวลํ อภิญฺญาปาทกชฺฌานานิ จ อภิญฺญาโยเยว จ สีลานํ อานิสํโส, อปิจ โข จตฺตาริ อารุปฺปฌานานิปิ ตโย จ เหฎฺฐิมา อริยมคฺคา, ตสฺมา ตํ สพฺพํ ปริยาทิยิตฺวา ทเสฺสตุํ อากเงฺขยฺย เจ…เป.… เย เต สนฺตาติ เอวมาทิมาหฯ
Evaṃ abhiññāpādake jhāne vutte kiñcāpi abhiññānaṃ vāro āgato, atha kho naṃ bhagavā aggahetvāva yasmā na kevalaṃ abhiññāpādakajjhānāni ca abhiññāyoyeva ca sīlānaṃ ānisaṃso, apica kho cattāri āruppajhānānipi tayo ca heṭṭhimā ariyamaggā, tasmā taṃ sabbaṃ pariyādiyitvā dassetuṃ ākaṅkheyya ce…pe… ye te santāti evamādimāha.
ตตฺถ สนฺตาติ องฺคสนฺตตาย เจว อารมฺมณสนฺตตาย จฯ วิโมกฺขาติ ปจฺจนีกธเมฺมหิ วิมุตฺตตฺตา อารมฺมเณ จ อธิมุตฺตตฺตาฯ อติกฺกมฺม รูเปติ รูปาวจรชฺฌาเน อติกฺกมิตฺวา, เย เต วิโมกฺขา อติกฺกมฺม รูเป สนฺตาติ ปทสมฺพโนฺธ, อิตรถา หิ อติกฺกมฺม รูเป กิํ กโรตีติ น ปญฺญาเยยฺยุํฯ อารุปฺปาติ อารมฺมณโต จ วิปากโต จ รูปวิรหิตาฯ กาเยน ผุสิตฺวาติ นามกาเยน ผุสิตฺวา ปาปุณิตฺวา, อธิคนฺตฺวาติ วุตฺตํ โหติฯ เสสํ วุตฺตานเมวฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ ‘‘โยปิ ภิกฺขุ อิเม วิโมเกฺข ผุสิตฺวา วิหริตุกาโม, โสปิ สีเลเสฺววสฺส ปริปูรการี’’ติฯ
Tattha santāti aṅgasantatāya ceva ārammaṇasantatāya ca. Vimokkhāti paccanīkadhammehi vimuttattā ārammaṇe ca adhimuttattā. Atikkamma rūpeti rūpāvacarajjhāne atikkamitvā, ye te vimokkhā atikkamma rūpe santāti padasambandho, itarathā hi atikkamma rūpe kiṃ karotīti na paññāyeyyuṃ. Āruppāti ārammaṇato ca vipākato ca rūpavirahitā. Kāyena phusitvāti nāmakāyena phusitvā pāpuṇitvā, adhigantvāti vuttaṃ hoti. Sesaṃ vuttānameva. Idaṃ vuttaṃ hoti ‘‘yopi bhikkhu ime vimokkhe phusitvā viharitukāmo, sopi sīlesvevassa paripūrakārī’’ti.
๖๗. นวมวาเร ติณฺณํ สํโยชนานนฺติ สกฺกายทิฎฺฐิวิจิกิจฺฉาสีลพฺพตปรามาสสงฺขาตานํ ติณฺณํ พนฺธนานํฯ ตานิ หิ สํโยเชนฺติ ขนฺธคติภวาทีหิ ขนฺธคติภวาทโย, กมฺมํ วา ผเลน, ตสฺมา สํโยชนานีติ วุจฺจนฺติ, พนฺธนานีติ อโตฺถฯ ปริกฺขยาติ ปริกฺขเยนฯ โสตาปโนฺนติ โสตํ อาปโนฺนฯ โสโตติ จ มคฺคเสฺสตํ อธิวจนํฯ โสตาปโนฺนติ ตํสมงฺคิปุคฺคลสฺสฯ ยถาห ‘‘โสโต โสโตติ หิทํ, สาริปุตฺต, วุจฺจติฯ กตโม นุ โข, สาริปุตฺต, โสโตติ? อยเมว หิ, ภเนฺต, อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺคฯ เสยฺยถิทํ, สมฺมาทิฎฺฐิ…เป.… สมฺมาสมาธีติฯ โสตาปโนฺน โสตาปโนฺนติ หิทํ, สาริปุตฺต, วุจฺจติฯ กตโม นุ โข, สาริปุตฺต, โสตาปโนฺนติ? โย หิ, ภเนฺต, อิมินา อฎฺฐงฺคิเกน มเคฺคน สมนฺนาคโต, อยํ วุจฺจติ โสตาปโนฺน, โยยํ อายสฺมา เอวํนาโม เอวํโคโตฺต’’ติฯ อิธ ปน มเคฺคน ผลสฺส นามํ ทินฺนํ, ตสฺมา ผลโฎฺฐ ‘‘โสตาปโนฺน’’ติ เวทิตโพฺพฯ อวินิปาตธโมฺมติ วินิปาเตตีติ วินิปาโต, นาสฺส วินิปาโต ธโมฺมติ อวินิปาตธโมฺม, น อตฺตานํ อปาเย วินิปาตสภาโวติ วุตฺตํ โหติฯ กสฺมา? เย ธมฺมา อปายคมนิยา, เตสํ ปหีนตฺตาฯ สโมฺพธิ ปรํ อยนํ คติ อสฺสาติ สโมฺพธิปรายโณ, อุปริมคฺคตฺตยํ อวสฺสํ สมฺปาปโกติ อโตฺถฯ กสฺมา? ปฎิลทฺธปฐมมคฺคตฺตาฯ สีเลเสฺววาติ อีทิโส โหตุกาโมปิ สีเลเสฺววสฺส ปริปูรณารีติฯ
67. Navamavāre tiṇṇaṃ saṃyojanānanti sakkāyadiṭṭhivicikicchāsīlabbataparāmāsasaṅkhātānaṃ tiṇṇaṃ bandhanānaṃ. Tāni hi saṃyojenti khandhagatibhavādīhi khandhagatibhavādayo, kammaṃ vā phalena, tasmā saṃyojanānīti vuccanti, bandhanānīti attho. Parikkhayāti parikkhayena. Sotāpannoti sotaṃ āpanno. Sototi ca maggassetaṃ adhivacanaṃ. Sotāpannoti taṃsamaṅgipuggalassa. Yathāha ‘‘soto sototi hidaṃ, sāriputta, vuccati. Katamo nu kho, sāriputta, sototi? Ayameva hi, bhante, ariyo aṭṭhaṅgiko maggo. Seyyathidaṃ, sammādiṭṭhi…pe… sammāsamādhīti. Sotāpanno sotāpannoti hidaṃ, sāriputta, vuccati. Katamo nu kho, sāriputta, sotāpannoti? Yo hi, bhante, iminā aṭṭhaṅgikena maggena samannāgato, ayaṃ vuccati sotāpanno, yoyaṃ āyasmā evaṃnāmo evaṃgotto’’ti. Idha pana maggena phalassa nāmaṃ dinnaṃ, tasmā phalaṭṭho ‘‘sotāpanno’’ti veditabbo. Avinipātadhammoti vinipātetīti vinipāto, nāssa vinipāto dhammoti avinipātadhammo, na attānaṃ apāye vinipātasabhāvoti vuttaṃ hoti. Kasmā? Ye dhammā apāyagamaniyā, tesaṃ pahīnattā. Sambodhi paraṃ ayanaṃ gati assāti sambodhiparāyaṇo, uparimaggattayaṃ avassaṃ sampāpakoti attho. Kasmā? Paṭiladdhapaṭhamamaggattā. Sīlesvevāti īdiso hotukāmopi sīlesvevassa paripūraṇārīti.
ทสมวาเร ปฐมมเคฺคน ปริกฺขีณานิปิ ตีณิ สํโยชนานิ สกทาคามิมคฺคสฺส วณฺณภณนตฺถํ วุตฺตานิฯ ราคโทสโมหานํ ตนุตฺตาติ เอเตสํ ตนุภาเวน, ตนุตฺตกรเณนาติ วุตฺตํ โหติฯ ตตฺถ ทฺวีหิ การเณหิ ตนุตฺตํ เวทิตพฺพํ อธิจฺจุปฺปตฺติยา จ ปริยุฎฺฐานมนฺทตาย จฯ สกทาคามิสฺส หิ วฎฺฎานุสาริมหาชนเสฺสว กิเลสา อภิณฺหํ น อุปฺปชฺชนฺติ, กทาจิ กรหจิ อุปฺปชฺชนฺติ วิรฬาการา หุตฺวา, วิรฬวาปิเต เขเตฺต องฺกุรา วิยฯ อุปฺปชฺชมานาปิ จ วฎฺฎานุสาริมหาชนเสฺสว มทฺทนฺตา ผรนฺตา ฉาเทนฺตา อนฺธการํ กโรนฺตา น อุปฺปชฺชนฺติ, มนฺทมนฺทา อุปฺปชฺชนฺติ ตนุกาการา หุตฺวา, อพฺภปฎลมิว มกฺขิกาปตฺตมิว จฯ
Dasamavāre paṭhamamaggena parikkhīṇānipi tīṇi saṃyojanāni sakadāgāmimaggassa vaṇṇabhaṇanatthaṃ vuttāni. Rāgadosamohānaṃ tanuttāti etesaṃ tanubhāvena, tanuttakaraṇenāti vuttaṃ hoti. Tattha dvīhi kāraṇehi tanuttaṃ veditabbaṃ adhiccuppattiyā ca pariyuṭṭhānamandatāya ca. Sakadāgāmissa hi vaṭṭānusārimahājanasseva kilesā abhiṇhaṃ na uppajjanti, kadāci karahaci uppajjanti viraḷākārā hutvā, viraḷavāpite khette aṅkurā viya. Uppajjamānāpi ca vaṭṭānusārimahājanasseva maddantā pharantā chādentā andhakāraṃ karontā na uppajjanti, mandamandā uppajjanti tanukākārā hutvā, abbhapaṭalamiva makkhikāpattamiva ca.
ตตฺถ เกจิ เถรา ภณนฺติ ‘‘สกทาคามิสฺส กิเลสา กิญฺจาปิ จิเรน อุปฺปชฺชนฺติ, พหลาว อุปฺปชฺชนฺติ, ตถา หิสฺส ปุตฺตา จ ธีตโร จ ทิสฺสนฺตี’’ติ, เอตํ ปน อปฺปมาณํฯ ปุตฺตธีตโร หิ องฺคปจฺจงฺคปรามสนมเตฺตนปิ โหนฺตีติฯ ทฺวีหิเยว การเณหิสฺส กิเลสานํ ตนุตฺตํ เวทิตพฺพํ อธิจฺจุปฺปตฺติยา จ ปริยุฎฺฐานมนฺทตาย จาติฯ
Tattha keci therā bhaṇanti ‘‘sakadāgāmissa kilesā kiñcāpi cirena uppajjanti, bahalāva uppajjanti, tathā hissa puttā ca dhītaro ca dissantī’’ti, etaṃ pana appamāṇaṃ. Puttadhītaro hi aṅgapaccaṅgaparāmasanamattenapi hontīti. Dvīhiyeva kāraṇehissa kilesānaṃ tanuttaṃ veditabbaṃ adhiccuppattiyā ca pariyuṭṭhānamandatāya cāti.
สกทาคามีติ สกิํ อาคมนธโมฺมฯ สกิเทว อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวาติ เอกวารํเยว อิมํ มนุสฺสโลกํ ปฎิสนฺธิวเสน อาคนฺตฺวาฯ โยปิ หิ อิธ สกทาคามิมคฺคํ ภาเวตฺวา อิเธว ปรินิพฺพาติ, โสปิ อิธ น คหิโตฯ โยปิ อิธ มคฺคํ ภาเวตฺวา เทเวสุ อุปปชฺชิตฺวา ตเตฺถว ปรินิพฺพาติฯ โยปิ เทวโลเก มคฺคํ ภาเวตฺวา ตเตฺถว ปรินิพฺพาติฯ โยปิ เทวโลเก มคฺคํ ภาเวตฺวา อิเธว มนุสฺสโลเก นิพฺพตฺติตฺวา ปรินิพฺพาติฯ โย ปน อิธ มคฺคํ ภาเวตฺวา เทวโลเก นิพฺพโตฺต, ตตฺถ ยาวตายุกํ ฐตฺวา ปุน อิเธว อุปปชฺชิตฺวา ปรินิพฺพาติ, อยมิธ คหิโตติ เวทิตโพฺพฯ ทุกฺขสฺสนฺตํ กเรยฺยนฺติ วฎฺฎทุกฺขสฺส ปริเจฺฉทํ กเรยฺยํฯ สีเลเสฺววาติ อีทิโส โหตุกาโมปิ สีเลเสฺววสฺส ปริปูรการีติฯ
Sakadāgāmīti sakiṃ āgamanadhammo. Sakideva imaṃ lokaṃ āgantvāti ekavāraṃyeva imaṃ manussalokaṃ paṭisandhivasena āgantvā. Yopi hi idha sakadāgāmimaggaṃ bhāvetvā idheva parinibbāti, sopi idha na gahito. Yopi idha maggaṃ bhāvetvā devesu upapajjitvā tattheva parinibbāti. Yopi devaloke maggaṃ bhāvetvā tattheva parinibbāti. Yopi devaloke maggaṃ bhāvetvā idheva manussaloke nibbattitvā parinibbāti. Yo pana idha maggaṃ bhāvetvā devaloke nibbatto, tattha yāvatāyukaṃ ṭhatvā puna idheva upapajjitvā parinibbāti, ayamidha gahitoti veditabbo. Dukkhassantaṃ kareyyanti vaṭṭadukkhassa paricchedaṃ kareyyaṃ. Sīlesvevāti īdiso hotukāmopi sīlesvevassa paripūrakārīti.
เอกาทสมวาเร ปญฺจนฺนนฺติ คณนปริเจฺฉโทฯ โอรมฺภาคิยานนฺติ โอรํ วุจฺจติ เหฎฺฐา, เหฎฺฐาภาคิยานนฺติ อโตฺถ, กามาวจรโลเก อุปฺปตฺติปจฺจยานนฺติ อธิปฺปาโยฯ สํโยชนานนฺติ พนฺธนานํ, ตานิ กามราคพฺยาปาทสํโยชเนหิ สทฺธิํ ปุเพฺพ วุตฺตสํโยชนาเนว เวทิตพฺพานิฯ ยสฺส หิ เอตานิ อปฺปหีนานิ, โส กิญฺจาปิ ภวเคฺค อุปฺปโนฺน โหติ, อถ โข อายุปริกฺขยา กามาวจเร นิพฺพตฺตติเยว, คิลิตพลิสมจฺฉูปโม สฺวายํ ปุคฺคโล ทีฆสุตฺตเกน ปาเท พทฺธวิหงฺคูปโม จาติ เวทิตโพฺพฯ ปุเพฺพ วุตฺตานมฺปิ เจตฺถ วจนํ วณฺณภณนตฺถเมวาติ เวทิตพฺพํฯ โอปปาติโกติ เสสโยนิปฎิเกฺขปวจนเมตํฯ ตตฺถปรินิพฺพายีติ ตเตฺถว พฺรหฺมโลเก ปรินิพฺพายีฯ อนาวตฺติธโมฺม ตสฺมา โลกาติ ตโต พฺรหฺมโลกา ปฎิสนฺธิวเสน ปุน อนาวตฺติสภาโวฯ สีเลเสฺววาติ อีทิโส โหตุกาโมปิ สีเลเสฺววสฺส ปริปูรการีติฯ
Ekādasamavāre pañcannanti gaṇanaparicchedo. Orambhāgiyānanti oraṃ vuccati heṭṭhā, heṭṭhābhāgiyānanti attho, kāmāvacaraloke uppattipaccayānanti adhippāyo. Saṃyojanānanti bandhanānaṃ, tāni kāmarāgabyāpādasaṃyojanehi saddhiṃ pubbe vuttasaṃyojanāneva veditabbāni. Yassa hi etāni appahīnāni, so kiñcāpi bhavagge uppanno hoti, atha kho āyuparikkhayā kāmāvacare nibbattatiyeva, gilitabalisamacchūpamo svāyaṃ puggalo dīghasuttakena pāde baddhavihaṅgūpamo cāti veditabbo. Pubbe vuttānampi cettha vacanaṃ vaṇṇabhaṇanatthamevāti veditabbaṃ. Opapātikoti sesayonipaṭikkhepavacanametaṃ. Tatthaparinibbāyīti tattheva brahmaloke parinibbāyī. Anāvattidhammo tasmā lokāti tato brahmalokā paṭisandhivasena puna anāvattisabhāvo. Sīlesvevāti īdiso hotukāmopi sīlesvevassa paripūrakārīti.
๖๘. เอวํ อนาคามิมเคฺค วุเตฺต กิญฺจาปิ จตุตฺถมคฺคสฺส วาโร อาคโต, อถ โข นํ ภควา อคฺคเหตฺวาว ยสฺมา น เกวลา อาสวกฺขยาภิญฺญา เอว สีลานํ อานิสํโส, อปิจ โข โลกิยปญฺจาภิญฺญาโยปิ, ตสฺมา ตาปิ ทเสฺสตุํ, ยสฺมา จ อาสวกฺขเย กถิเต เทสนา นิฎฺฐิตา โหติ, เอวญฺจ สติ อิเมสํ คุณานํ อกถิตตฺตา อยํ กถา มุณฺฑาภิญฺญากถา นาม ภเวยฺย, ตสฺมา จ อภิญฺญาปาริปูริํ กตฺวา ทเสฺสตุมฺปิ, ยสฺมา จ อนาคามิมเคฺค ฐิตสฺส สุเขน อิทฺธิวิกุปฺปนา อิชฺฌติ, สมาธิปริพนฺธานํ กามราคพฺยาปาทานํ สมูหตตฺตา, อนาคามี หิ สีเลสุ จ สมาธิมฺหิ จ ปริปูรการี, ตสฺมา ยุตฺตฎฺฐาเนเยว โลกิยาภิญฺญาโย ทเสฺสตุมฺปิ ‘‘อากเงฺขยฺย เจ…เป.… อเนกวิหิต’’นฺติ เอวมาทิมาหาติ อยมนุสนฺธิฯ
68. Evaṃ anāgāmimagge vutte kiñcāpi catutthamaggassa vāro āgato, atha kho naṃ bhagavā aggahetvāva yasmā na kevalā āsavakkhayābhiññā eva sīlānaṃ ānisaṃso, apica kho lokiyapañcābhiññāyopi, tasmā tāpi dassetuṃ, yasmā ca āsavakkhaye kathite desanā niṭṭhitā hoti, evañca sati imesaṃ guṇānaṃ akathitattā ayaṃ kathā muṇḍābhiññākathā nāma bhaveyya, tasmā ca abhiññāpāripūriṃ katvā dassetumpi, yasmā ca anāgāmimagge ṭhitassa sukhena iddhivikuppanā ijjhati, samādhiparibandhānaṃ kāmarāgabyāpādānaṃ samūhatattā, anāgāmī hi sīlesu ca samādhimhi ca paripūrakārī, tasmā yuttaṭṭhāneyeva lokiyābhiññāyo dassetumpi ‘‘ākaṅkheyya ce…pe… anekavihita’’nti evamādimāhāti ayamanusandhi.
ตตฺถ ‘‘อเนกวิหิตํ อิทฺธิวิธ’’นฺติอาทินา นเยน อาคตานํ ปญฺจนฺนมฺปิ โลกิยาภิญฺญานํ ปาฬิวณฺณนา สทฺธิํ ภาวนานเยน วิสุทฺธิมเคฺค วุตฺตาฯ
Tattha ‘‘anekavihitaṃ iddhividha’’ntiādinā nayena āgatānaṃ pañcannampi lokiyābhiññānaṃ pāḷivaṇṇanā saddhiṃ bhāvanānayena visuddhimagge vuttā.
๖๙. ฉฎฺฐาภิญฺญาย อาสวานํ ขยาติ อรหตฺตมเคฺคน สพฺพกิเลสานํ ขยาฯ อนาสวนฺติ อาสววิรหิตํฯ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺตินฺติ เอตฺถ เจโตวจเนน อรหตฺตผลสมฺปยุโตฺตว สมาธิ, ปญฺญาวจเนน ตํสมฺปยุตฺตา ปญฺญาว วุตฺตาฯ ตตฺถ จ สมาธิ ราคโต วิมุตฺตตฺตา เจโตวิมุตฺติ, ปญฺญา อวิชฺชาย วิมุตฺตตฺตา ปญฺญาวิมุตฺตีติ เวทิตพฺพาฯ วุตฺตเญฺจตํ ภควตา ‘‘โย หิสฺส, ภิกฺขเว, สมาธิ, ตทสฺส สมาธินฺทฺริยํฯ ยา หิสฺส, ภิกฺขเว, ปญฺญา, ตทสฺส ปญฺญินฺทฺริยํฯ อิติ โข, ภิกฺขเว , ราควิราคา เจโตวิมุตฺติ, อวิชฺชาวิราคา ปญฺญาวิมุตฺตี’’ติ, อปิเจตฺถ สมถผลํ เจโตวิมุตฺติ, วิปสฺสนาผลํ ปญฺญาวิมุตฺตีติ เวทิตพฺพาฯ
69. Chaṭṭhābhiññāya āsavānaṃ khayāti arahattamaggena sabbakilesānaṃ khayā. Anāsavanti āsavavirahitaṃ. Cetovimuttiṃ paññāvimuttinti ettha cetovacanena arahattaphalasampayuttova samādhi, paññāvacanena taṃsampayuttā paññāva vuttā. Tattha ca samādhi rāgato vimuttattā cetovimutti, paññā avijjāya vimuttattā paññāvimuttīti veditabbā. Vuttañcetaṃ bhagavatā ‘‘yo hissa, bhikkhave, samādhi, tadassa samādhindriyaṃ. Yā hissa, bhikkhave, paññā, tadassa paññindriyaṃ. Iti kho, bhikkhave , rāgavirāgā cetovimutti, avijjāvirāgā paññāvimuttī’’ti, apicettha samathaphalaṃ cetovimutti, vipassanāphalaṃ paññāvimuttīti veditabbā.
ทิเฎฺฐว ธเมฺมติ อิมสฺมิํเยว อตฺตภาเวฯ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวาติ อตฺตโนเยว ปญฺญาย ปจฺจกฺขํ กตฺวา, อปรปจฺจเยน ญตฺวาติ อโตฺถฯ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยนฺติ ปาปุณิตฺวา สมฺปาเทตฺวา วิหเรยฺยํฯ สีเลเสฺววาติ เอวํ สพฺพาสเว นิทฺธุนิตฺวา เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ อธิคนฺตุกาโมปิ สีเลเสฺววสฺส ปริปูรการีติฯ
Diṭṭheva dhammeti imasmiṃyeva attabhāve. Sayaṃ abhiññā sacchikatvāti attanoyeva paññāya paccakkhaṃ katvā, aparapaccayena ñatvāti attho. Upasampajja vihareyyanti pāpuṇitvā sampādetvā vihareyyaṃ. Sīlesvevāti evaṃ sabbāsave niddhunitvā cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ adhigantukāmopi sīlesvevassa paripūrakārīti.
เอวํ ภควา สีลานิสํสกถํ ยาว อรหตฺตา กเถตฺวา อิทานิ สพฺพมฺปิ ตํ สีลานิสํสํ สมฺปิเณฺฑตฺวา ทเสฺสโนฺต นิคมนํ อาห ‘‘สมฺปนฺนสีลา, ภิกฺขเว…เป.… อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺต’’นฺติฯ ตสฺสายํ สเงฺขปโตฺถ, ‘‘สมฺปนฺนสีลา, ภิกฺขเว, วิหรถ…เป.… สมาทาย สิกฺขถ สิกฺขาปเทสู’’ติ อิติ ยํ ตํ มยา ปุเพฺพ เอวํ วุตฺตํ, อิทํ สพฺพมฺปิ สมฺปนฺนสีโล ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย โหติ มนาโป, ครุ ภาวนีโย ปจฺจยานํ ลาภี, ปจฺจยทายกานํ มหปฺผลกโร, ปุพฺพญาตีนํ อนุสฺสรณเจตนาย ผลมหตฺตกโร, อรติรติสโห, ภยเภรวสโห, รูปาวจรชฺฌานานํ อรูปาวจรชฺฌานานญฺจ ลาภี, เหฎฺฐิมานิ ตีณิ สามญฺญผลานิ ปญฺจ โลกิยาภิญฺญา อาสวกฺขยญาณนฺติ จ อิเม จ คุเณ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺตา โหติ, เอตํ ปฎิจฺจ อิทํ สนฺธาย วุตฺตนฺติฯ อิทมโวจ ภควา, อตฺตมนา เต ภิกฺขุ ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติฯ
Evaṃ bhagavā sīlānisaṃsakathaṃ yāva arahattā kathetvā idāni sabbampi taṃ sīlānisaṃsaṃ sampiṇḍetvā dassento nigamanaṃ āha ‘‘sampannasīlā, bhikkhave…pe… idametaṃ paṭicca vutta’’nti. Tassāyaṃ saṅkhepattho, ‘‘sampannasīlā, bhikkhave, viharatha…pe… samādāya sikkhatha sikkhāpadesū’’ti iti yaṃ taṃ mayā pubbe evaṃ vuttaṃ, idaṃ sabbampi sampannasīlo bhikkhu sabrahmacārīnaṃ piyo hoti manāpo, garu bhāvanīyo paccayānaṃ lābhī, paccayadāyakānaṃ mahapphalakaro, pubbañātīnaṃ anussaraṇacetanāya phalamahattakaro, aratiratisaho, bhayabheravasaho, rūpāvacarajjhānānaṃ arūpāvacarajjhānānañca lābhī, heṭṭhimāni tīṇi sāmaññaphalāni pañca lokiyābhiññā āsavakkhayañāṇanti ca ime ca guṇe sayaṃ abhiññā sacchikattā hoti, etaṃ paṭicca idaṃ sandhāya vuttanti. Idamavoca bhagavā, attamanā te bhikkhu bhagavato bhāsitaṃ abhinandunti.
ปปญฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถาย
Papañcasūdaniyā majjhimanikāyaṭṭhakathāya
อากเงฺขยฺยสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Ākaṅkheyyasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๖. อากเงฺขยฺยสุตฺตํ • 6. Ākaṅkheyyasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๖. อากเงฺขยฺยสุตฺตวณฺณนา • 6. Ākaṅkheyyasuttavaṇṇanā