Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ขุทฺทสิกฺขา-มูลสิกฺขา • Khuddasikkhā-mūlasikkhā |
๒๕. อกปฺปิยสยนนิเทฺทสวณฺณนา
25. Akappiyasayananiddesavaṇṇanā
๑๘๗-๙. ‘‘อุจฺจโก อาสนฺทิโก อุปฺปโนฺน โหติ, อนุชานามิ ภิกฺขเว อุจฺจกมฺปิ อาสนฺทิก’’นฺติ (จูฬว. ๒๙๗) วจนโต มญฺจสฺส อุปฑฺฒภาคปฺปมาเณน เอกโตภาเคน ทีฆมฺปิ สุคตงฺคุเลน อติเรกฎฺฐงฺคุลปาทกํ อิธ อาสนฺทีติ อธิเปฺปตํ, จตุรํสาสนฺทิโก ปน ปมาณาติกฺกนฺตโกปิ วฎฺฎติฯ ตูลีติ ปกติตูลิกาฯ ปลฺลโงฺกนาม อาหริเมหิ วาเฬหิ กโตติ วุโตฺตฯ ตเตฺถว ‘‘สีหรูปาทิํ ทเสฺสตฺวา กโต ปน วฎฺฎตี’’ติ วทนฺติฯ ปฎิกนฺติ เสตตฺถรณํฯ โคนจิตฺตกนฺติ เอตฺถ จตุรงฺคุลาธิกโลโม โกชโว ‘‘โคนโก’’ติ วุจฺจติฯ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, โกชว’’นฺติ (มหาว. ๓๓๗) จีวรกฺขนฺธเก วุตฺตตฺตา จตุรงฺคุลโลมกํ ปกติโกชวํ วฎฺฎติฯ รตนจิตฺตํ จิตฺตกํ น วฎฺฎติฯ ปฎลีติ ฆนปุปฺผรตฺตอตฺถรณํ ฯ วิกตีติ สีหพฺยคฺฆาทิรูปวิจิโตฺต อุณฺณามยตฺถรณโกฯ อุทฺทโลมีติ เอกโตอุคฺคตปุปฺผํฯ เอกนฺตโลมิกาติ อุภโตอุคฺคตปุปฺผํฯ
187-9. ‘‘Uccako āsandiko uppanno hoti, anujānāmi bhikkhave uccakampi āsandika’’nti (cūḷava. 297) vacanato mañcassa upaḍḍhabhāgappamāṇena ekatobhāgena dīghampi sugataṅgulena atirekaṭṭhaṅgulapādakaṃ idha āsandīti adhippetaṃ, caturaṃsāsandiko pana pamāṇātikkantakopi vaṭṭati. Tūlīti pakatitūlikā. Pallaṅkonāma āharimehi vāḷehi katoti vutto. Tattheva ‘‘sīharūpādiṃ dassetvā kato pana vaṭṭatī’’ti vadanti. Paṭikanti setattharaṇaṃ. Gonacittakanti ettha caturaṅgulādhikalomo kojavo ‘‘gonako’’ti vuccati. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, kojava’’nti (mahāva. 337) cīvarakkhandhake vuttattā caturaṅgulalomakaṃ pakatikojavaṃ vaṭṭati. Ratanacittaṃ cittakaṃ na vaṭṭati. Paṭalīti ghanapuppharattaattharaṇaṃ . Vikatīti sīhabyagghādirūpavicitto uṇṇāmayattharaṇako. Uddalomīti ekatouggatapupphaṃ. Ekantalomikāti ubhatouggatapupphaṃ.
กุตฺตนฺติ โสฬสนฺนํ นาฎกิตฺถีนํ ฐตฺวา นจฺจนโยคฺคํ อุณฺณามยตฺถรณํฯ โกเสยฺยนฺติ รตนปริสิพฺพิตํ โกเสยฺยสุตฺตมยํ ปจฺจตฺถรณํฯ กฎฺฎิสฺสนฺติ รตนปริสิพฺพิตํ โกเสยฺยกฎฺฎิสฺสมยํ ปจฺจตฺถรณํฯ โกเสยฺยญฺจ กฎฺฎิสฺสญฺจ รตนปริสิพฺพิตาเนว น วฎฺฎนฺติ, สุทฺธานิ วฎฺฎนฺติฯ หตฺถิอสฺสรถตฺถรา เตสํ อุปริ อตฺถรณกอตฺถรณาวฯ อชินปฺปเวณีติ อชินจเมฺมหิ มญฺจปฺปมาเณน สิพฺพิตฺวา กตา ปเวณี, เตน จ กทลีมิคจมฺมํ เสตวตฺถสฺส อุปริ ปตฺถริตฺวา สิพฺพิตฺวา กตํ ปวรปฺปจฺจตฺถรณํ กทลีมิคปฺปวรปฺปจฺจตฺถรณํ, เตน จ อตฺถตํ อชินปฺปเวณีกทลีมิคปฺปวรปฺปจฺจตฺถรณตฺถตํฯ
Kuttanti soḷasannaṃ nāṭakitthīnaṃ ṭhatvā naccanayoggaṃ uṇṇāmayattharaṇaṃ. Koseyyanti ratanaparisibbitaṃ koseyyasuttamayaṃ paccattharaṇaṃ. Kaṭṭissanti ratanaparisibbitaṃ koseyyakaṭṭissamayaṃ paccattharaṇaṃ. Koseyyañca kaṭṭissañca ratanaparisibbitāneva na vaṭṭanti, suddhāni vaṭṭanti. Hatthiassarathattharā tesaṃ upari attharaṇakaattharaṇāva. Ajinappaveṇīti ajinacammehi mañcappamāṇena sibbitvā katā paveṇī, tena ca kadalīmigacammaṃ setavatthassa upari pattharitvā sibbitvā kataṃ pavarappaccattharaṇaṃ kadalīmigappavarappaccattharaṇaṃ, tena ca atthataṃ ajinappaveṇīkadalīmigappavarappaccattharaṇatthataṃ.
เสตวิตานมฺปิ เหฎฺฐา อกปฺปิยปฺปจฺจตฺถรเณ สติ น วฎฺฎติ, กปฺปิยปฺปจฺจตฺถรเณ สติ วฎฺฎติ, รตฺตวิตานสฺส เหฎฺฐา กปฺปิยปฺปจฺจตฺถรเณ สติปิ น วฎฺฎติ เอวฯ สีสูปธานํ ปาทูปธานนฺติ มญฺจสฺส อุภโตโลหิตกํ อุปธานํ น วฎฺฎติฯ ยํ ปน เอกเมว อุปธานํ โหติ, อุโภสุ อเนฺตสุ รตฺตํ วา ปทุมวณฺณํ วา จิตฺตํ วา, สเจ ปมาณยุตฺตํ, วฎฺฎติ, มหาอุปธานํ ปน ปฎิกฺขิตฺตํฯ
Setavitānampi heṭṭhā akappiyappaccattharaṇe sati na vaṭṭati, kappiyappaccattharaṇe sati vaṭṭati, rattavitānassa heṭṭhā kappiyappaccattharaṇe satipi na vaṭṭati eva. Sīsūpadhānaṃ pādūpadhānanti mañcassa ubhatolohitakaṃ upadhānaṃ na vaṭṭati. Yaṃ pana ekameva upadhānaṃ hoti, ubhosu antesu rattaṃ vā padumavaṇṇaṃ vā cittaṃ vā, sace pamāṇayuttaṃ, vaṭṭati, mahāupadhānaṃ pana paṭikkhittaṃ.
๑๙๐. อาสนฺทาทิตฺตยาติ อาสนฺที ตูลี ปลฺลโงฺกติ อิทํ ตยํ นามํฯ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ฐเปตฺวา ตีณิ อาสนฺทิํ ปลฺลงฺกํ ตูลิกํ เสสกํ คิหิวิกฎํ อภินิสีทิตุํ, น เตฺวว อภินิปชฺชิตุ’’นฺติ (จูฬว. ๓๑๔) หิ วุตฺตํฯ เสเส คิหิสนฺตเก นิสีทิตุํ ลพฺภตีติ อโตฺถฯ ยทิ ธมฺมาสเน สงฺฆิกมฺปิ โคนกาทิํ ภิกฺขูหิ อนาณตฺตา อารามิกาทโย สยเมว ปญฺญเปนฺติ เจว นีหรนฺติ จ, เอตํ คิหิวิกฎนีหารํ นาม, อิมินา คิหิวิกฎนีหาเรน วฎฺฎติฯ ภตฺตคฺคํ นาม วิหาเร เอว ทานฎฺฐานํฯ
190.Āsandādittayāti āsandī tūlī pallaṅkoti idaṃ tayaṃ nāmaṃ. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, ṭhapetvā tīṇi āsandiṃ pallaṅkaṃ tūlikaṃ sesakaṃ gihivikaṭaṃ abhinisīdituṃ, na tveva abhinipajjitu’’nti (cūḷava. 314) hi vuttaṃ. Sese gihisantake nisīdituṃ labbhatīti attho. Yadi dhammāsane saṅghikampi gonakādiṃ bhikkhūhi anāṇattā ārāmikādayo sayameva paññapenti ceva nīharanti ca, etaṃ gihivikaṭanīhāraṃ nāma, iminā gihivikaṭanīhārena vaṭṭati. Bhattaggaṃ nāma vihāre eva dānaṭṭhānaṃ.
๑๙๑. จตุนฺนํ ปาทานํ, ตีสุ ปเสฺสสุ อปสฺสยานญฺจ วเสน สตฺตโงฺคฯ เอกปเสฺสน ยุโตฺต ปญฺจโงฺคฯ อิเม ปน สตฺตงฺคปญฺจงฺคา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อุจฺจกมฺปิ สตฺตงฺค’’นฺติ (จูฬว. ๒๙๔) วุตฺตตฺตา ปมาณาติกฺกนฺตาปิ วฎฺฎนฺติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อุจฺจปาทกา’’ติฯ ตูโลนทฺธา มญฺจปีฐา ฆเรเยว นิสีทิตุํ กปฺปนฺตีติ สมฺพโนฺธฯ
191. Catunnaṃ pādānaṃ, tīsu passesu apassayānañca vasena sattaṅgo. Ekapassena yutto pañcaṅgo. Ime pana sattaṅgapañcaṅgā ‘‘anujānāmi, bhikkhave, uccakampi sattaṅga’’nti (cūḷava. 294) vuttattā pamāṇātikkantāpi vaṭṭanti. Tena vuttaṃ ‘‘uccapādakā’’ti. Tūlonaddhā mañcapīṭhā ghareyeva nisīdituṃ kappantīti sambandho.
๑๙๒. จีวรจฺฉวิโยติ ฉนฺนํ จีวรานํ, ฉนฺนํ อนุโลมจีวรานญฺจ อญฺญตรจีวรจฺฉวิโยติ อโตฺถฯ สพฺพตฺถาติ มเญฺจปิ ปีเฐปิ ภตฺตเคฺคปิ อนฺตรฆเรปีติ อโตฺถฯ อิมาสํ ปน ภิสีนํ ปมาณปริเจฺฉโทปิ นตฺถิ, มญฺจปีฐาทีนํ วเสน อนุรูปํ สลฺลเกฺขตฺวา ปมาณํ กาตพฺพํฯ
192.Cīvaracchaviyoti channaṃ cīvarānaṃ, channaṃ anulomacīvarānañca aññataracīvaracchaviyoti attho. Sabbatthāti mañcepi pīṭhepi bhattaggepi antaragharepīti attho. Imāsaṃ pana bhisīnaṃ pamāṇaparicchedopi natthi, mañcapīṭhādīnaṃ vasena anurūpaṃ sallakkhetvā pamāṇaṃ kātabbaṃ.
๑๙๓. ‘‘ตูลิกา อุปฺปนฺนา โหติฯ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วิชเฎตฺวา พิโมฺพหนํ กาตุํ, ตีณิ ตูลานิ รุกฺขตูลํ ลตาตูลํ โปฎกิตูล’’นฺติ (จูฬว. ๒๙๗) วุตฺตตฺตา ตูลตฺตยญฺจ (จูฬว. อฎฺฐ. ๒๙๗; กงฺขา. อฎฺฐ. ตูโลนนฺทสิกฺขาปทวณฺณนา) พิโมฺพหเน วฎฺฎติฯ อิเมหิ ตีหิ ตูเลหิ สเพฺพสํ รุกฺขลตาติณานํ ตูลํ อนุญฺญาตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ภิสิยํ ปน กิญฺจิ ตูลํ น วฎฺฎติเยวฯ ภิสิคโพฺภติ ภิสิยา วุตฺตํ โจฬาทิปญฺจกํ พิโมฺพหเน อนุญฺญาตนฺติ สมฺพโนฺธฯ มิคปกฺขินนฺติ สีหาทีนํ สพฺพจตุปฺปทานํ หํสโมราทีนํ สพฺพปกฺขีนํ โลมานิ กปฺปนฺติฯ มสูรเก อนุญฺญาตนฺติ สมฺพโนฺธฯ
193. ‘‘Tūlikā uppannā hoti. Anujānāmi, bhikkhave, vijaṭetvā bimbohanaṃ kātuṃ, tīṇi tūlāni rukkhatūlaṃ latātūlaṃ poṭakitūla’’nti (cūḷava. 297) vuttattā tūlattayañca (cūḷava. aṭṭha. 297; kaṅkhā. aṭṭha. tūlonandasikkhāpadavaṇṇanā) bimbohane vaṭṭati. Imehi tīhi tūlehi sabbesaṃ rukkhalatātiṇānaṃ tūlaṃ anuññātanti veditabbaṃ. Bhisiyaṃ pana kiñci tūlaṃ na vaṭṭatiyeva. Bhisigabbhoti bhisiyā vuttaṃ coḷādipañcakaṃ bimbohane anuññātanti sambandho. Migapakkhinanti sīhādīnaṃ sabbacatuppadānaṃ haṃsamorādīnaṃ sabbapakkhīnaṃ lomāni kappanti. Masūrake anuññātanti sambandho.
๑๙๔. อิทานิ ภิสิยํ กปฺปิยากปฺปิยํ ทเสฺสตุํ ‘‘มนุสฺสโลม’’นฺติอาทิมาหฯ อุณฺณายนฺติ (จูฬว. ๒๙๗; จูฬว. อฎฺฐ. ๒๙๗) อุณฺณาภิสิยํ มนุสฺสโลมํ น ลพฺภตีติ อโตฺถฯ อุณฺณาภิสิยมฺปิ มนุสฺสโลมํ ฐเปตฺวา เยสํ เกสญฺจิ ปกฺขิจตุปฺปทานํ โลมํ วฎฺฎตีติ อโตฺถฯ ปเณฺณติ ปณฺณภิสิยญฺจ ปุปฺผญฺจ สุทฺธํ ตมาลปตฺตญฺจ น ลพฺภํ, อวเสสํ ยํ กิญฺจิ ปณฺณํ ลพฺภตีติ อโตฺถฯ ตมาลปตฺตกมฺปิ อเญฺญหิ มิสฺสํ วฎฺฎตีติฯ โจฬวากติเณสุ อกปฺปิยํ นาม นตฺถิฯ อาสนเญฺจว อปฺปฎิเวกฺขิตํ น ลพฺภนฺติ อาสนสามญฺญโต ปสเงฺคน วุตฺตํฯ อกปฺปิยสยนวินิจฺฉโยฯ
194. Idāni bhisiyaṃ kappiyākappiyaṃ dassetuṃ ‘‘manussaloma’’ntiādimāha. Uṇṇāyanti (cūḷava. 297; cūḷava. aṭṭha. 297) uṇṇābhisiyaṃ manussalomaṃ na labbhatīti attho. Uṇṇābhisiyampi manussalomaṃ ṭhapetvā yesaṃ kesañci pakkhicatuppadānaṃ lomaṃ vaṭṭatīti attho. Paṇṇeti paṇṇabhisiyañca pupphañca suddhaṃ tamālapattañca na labbhaṃ, avasesaṃ yaṃ kiñci paṇṇaṃ labbhatīti attho. Tamālapattakampi aññehi missaṃ vaṭṭatīti. Coḷavākatiṇesu akappiyaṃ nāma natthi. Āsanañceva appaṭivekkhitaṃ na labbhanti āsanasāmaññato pasaṅgena vuttaṃ. Akappiyasayanavinicchayo.
อกปฺปิยสยนนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Akappiyasayananiddesavaṇṇanā niṭṭhitā.