Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ขุทฺทสิกฺขา-มูลสิกฺขา • Khuddasikkhā-mūlasikkhā |
๒๕. อกปฺปิยสยนนิเทฺทสวณฺณนา
25. Akappiyasayananiddesavaṇṇanā
๑๘๗-๙. อกปฺปิยานิ สยนานีติ อุจฺจาสยนมหาสยนานิฯ ปธานวเสน ปน ‘‘สยนานี’’ติ วุตฺตํ, ปีฐาทโยปิ เอเตฺถว สงฺคยฺหนฺติ อญฺชนี-สเทฺทน อวเสสานิ วิยฯ อาสนฺทิ จ…เป.… อุภโตรตฺตูปธานกเญฺจติ เอตานิ อกปฺปิยานีติ สมฺพโนฺธฯ ตตฺถ อาสนฺทีติ สุคตงฺคุเลน อติเรกฎฺฐงฺคุลปาทกานิ มญฺจปีฐานิฯ ตตฺถ ปีฐํ นาม มโญฺจ วิย นาติทีฆํ วุจฺจติฯ ติวิธํ ตูลเมติสฺสา อตฺถีติ ตูลี, ปกติตูลิกาฯ ‘‘ปลฺลโงฺกติ ปาเทสุ วาฬรูปานิ ฐเปตฺวา กโต’’ติ ฐปนสฺส อฎฺฐกถายํ (มหาว. อฎฺฐ. ๒๕๔) วุตฺตตฺตา ฐปนญฺจ ยถากถญฺจิ โหติ, ยุตฺติ จ โหตีติ, ‘‘ตเตฺถว สีหรูปาทิํ ทเสฺสตฺวา กโต ปน วฎฺฎตีติ วทนฺตี’’ติ ยํ ฎีกายํ วุตฺตํ, ตํ ‘‘กิมิติ เอวํ วทนฺตี’’ติ วตฺวา ปฎิกฺขิปิตพฺพํฯ ‘‘อกปฺปิยรูปกโต อกปฺปิยมโญฺจ ปลฺลโงฺก นามา’’ติ หิ สารสมาเสปิฯ อาสนฺที ปลฺลโงฺก อุจฺจาสยนํ, เสสา มหาสยนํฯ ปฎิกา อุณฺณามโย เสตตฺถรโณฯ โคโน จตุรงฺคุลาธิกโลโม มหาโกชโวฯ จิตฺตกํ วานวิจิโตฺร อุณฺณามยตฺถรโณฯ อุณฺณา เอฬกโลมํฯ ปฎลิกา ฆนปุปฺผิกาฯ วิกตีติ สีหพฺยคฺฆาทิรูปวิจิโตฺตฯ อุทฺทโลมีติ เอกโต อุคฺคตโลโมฯ เอกนฺตโลมิกาติ อุภโต อุคฺคตโลโมฯ
187-9.Akappiyāni sayanānīti uccāsayanamahāsayanāni. Padhānavasena pana ‘‘sayanānī’’ti vuttaṃ, pīṭhādayopi ettheva saṅgayhanti añjanī-saddena avasesāni viya. Āsandi ca…pe… ubhatorattūpadhānakañceti etāni akappiyānīti sambandho. Tattha āsandīti sugataṅgulena atirekaṭṭhaṅgulapādakāni mañcapīṭhāni. Tattha pīṭhaṃ nāma mañco viya nātidīghaṃ vuccati. Tividhaṃ tūlametissā atthīti tūlī, pakatitūlikā. ‘‘Pallaṅkoti pādesu vāḷarūpāni ṭhapetvā kato’’ti ṭhapanassa aṭṭhakathāyaṃ (mahāva. aṭṭha. 254) vuttattā ṭhapanañca yathākathañci hoti, yutti ca hotīti, ‘‘tattheva sīharūpādiṃ dassetvā kato pana vaṭṭatīti vadantī’’ti yaṃ ṭīkāyaṃ vuttaṃ, taṃ ‘‘kimiti evaṃ vadantī’’ti vatvā paṭikkhipitabbaṃ. ‘‘Akappiyarūpakato akappiyamañco pallaṅko nāmā’’ti hi sārasamāsepi. Āsandī pallaṅko uccāsayanaṃ, sesā mahāsayanaṃ. Paṭikā uṇṇāmayo setattharaṇo. Gono caturaṅgulādhikalomo mahākojavo. Cittakaṃ vānavicitro uṇṇāmayattharaṇo. Uṇṇā eḷakalomaṃ. Paṭalikā ghanapupphikā. Vikatīti sīhabyagghādirūpavicitto. Uddalomīti ekato uggatalomo. Ekantalomikāti ubhato uggatalomo.
กุตฺตํ โสฬสนฺนํ นาฎกิตฺถีนํ ฐตฺวา นจฺจนโยโคฺคฯ โกเสยฺยํ รตนปริสิพฺพิตํ โกเสยฺยสุตฺตมยํ ปจฺจตฺถรณํ, กฎฺฎิสฺสํ รตนปริสิพฺพิตํ โกเสยฺยกฎฺฎิสฺสมยํฯ หตฺถิโน จ อสฺสา จ รถา จาติ เสนงฺคานํ พหุเตฺต สมาหารทฺวโนฺท, หตฺถิอสฺสรเถ เตสํ ปิฎฺฐีสุ อตฺถราติ ตปฺปุริโสฯ อชินปฺปเวณีติ อชินานํ อชินมิคจมฺมานํ มญฺจปฺปมาเณน ทุปฎฺฎติปฎฺฎานิ กตฺวา สิพฺพิตา ปเวณีฯ กทลิมิคานํ อิทํ กทลิมิคํ, กิํ ตํ? จมฺมํ, ปวโร จ โส ปจฺจตฺถโร จาติ ปวรปจฺจตฺถโร, โส จ ตํ เสตวตฺถสฺส อุปริ อตฺถตญฺจ, กทลิมิคญฺจ ตํ ปวรปจฺจตฺถรญฺจาติ สมาโส, ปวรปจฺจตฺถรณสงฺขาตํ เสตวตฺถสฺส อุปริ ปตฺถริตํ กทลิมิคปฺปวรปจฺจตฺถรณนฺติ อโตฺถฯ ตํ กิร เอวํ กโรนฺติฯ ฎีกายํ ปน ยถาวุตฺตทฺวเยน อตฺถตํ อญฺญเมว กิญฺจิ วุตฺตํ, ตํ น ยุตฺตํ ‘‘อชินปฺปเวณี ธาเรตพฺพา’’ติอาทินา (มหาว. ๒๕๔) วิสุํ อตฺถรณานเมว วุตฺตตฺตาฯ เตสุ หิ วุเตฺตสุ ตทตฺถตํ วุตฺตเมว สิยา, ตถา จ วุตฺตํ เหฎฺฐา วิสุํ ปฎิกาทิกนฺติฯ
Kuttaṃ soḷasannaṃ nāṭakitthīnaṃ ṭhatvā naccanayoggo. Koseyyaṃ ratanaparisibbitaṃ koseyyasuttamayaṃ paccattharaṇaṃ, kaṭṭissaṃ ratanaparisibbitaṃ koseyyakaṭṭissamayaṃ. Hatthino ca assā ca rathā cāti senaṅgānaṃ bahutte samāhāradvando, hatthiassarathe tesaṃ piṭṭhīsu attharāti tappuriso. Ajinappaveṇīti ajinānaṃ ajinamigacammānaṃ mañcappamāṇena dupaṭṭatipaṭṭāni katvā sibbitā paveṇī. Kadalimigānaṃ idaṃ kadalimigaṃ, kiṃ taṃ? Cammaṃ, pavaro ca so paccattharo cāti pavarapaccattharo, so ca taṃ setavatthassa upari atthatañca, kadalimigañca taṃ pavarapaccattharañcāti samāso, pavarapaccattharaṇasaṅkhātaṃ setavatthassa upari pattharitaṃ kadalimigappavarapaccattharaṇanti attho. Taṃ kira evaṃ karonti. Ṭīkāyaṃ pana yathāvuttadvayena atthataṃ aññameva kiñci vuttaṃ, taṃ na yuttaṃ ‘‘ajinappaveṇī dhāretabbā’’tiādinā (mahāva. 254) visuṃ attharaṇānameva vuttattā. Tesu hi vuttesu tadatthataṃ vuttameva siyā, tathā ca vuttaṃ heṭṭhā visuṃ paṭikādikanti.
สโลหิตวิตานนฺติ เอตํ ‘‘อุภโตรตฺตูปธานก’’นฺติมสฺส วิเสสนํฯ โลหิตวิตาเนน สห วตฺตมานนฺติ สมาโสฯ เสตวิตานมฺปิ เหฎฺฐา อกปฺปิยปจฺจตฺถรเณ สติ น วฎฺฎติฯ รตฺตํ อุปธานํ สีสูปธานํ ปาทูปธานญฺจ รตฺตูปธานกํ, อุภโต มญฺจสฺส สีสปาทนิเกฺขปนฎฺฐาเน รตฺตูปธานกนฺติ อโลปสมาโสฯ ยํ ปน เอกเมว อุปธานํ อุภยปเสฺสสุ รตฺตาทิวณฺณํ วิจิตฺรํ, ตํ ปมาณยุตฺตเมว วฎฺฎติฯ ตตฺริทํ ปมาณํ – วิตฺถารโต ตีสุ กเณฺณสุ ทฺวินฺนํ กณฺณานํ อนฺตรํ วิทตฺถิจตุรงฺคุลํ, มเชฺฌ มุฎฺฐิรตนํ, ทีฆโต ปน ทิยฑฺฒรตนํ วา ทฺวิรตนํ วาฯ ปริภุญฺชโตติ อิมินา กโรนฺตสฺส การาเปนฺตสฺส กตฺถจิ เฉทนกํ ปาจิตฺติยนฺติ ทีเปติฯ
Salohitavitānanti etaṃ ‘‘ubhatorattūpadhānaka’’ntimassa visesanaṃ. Lohitavitānena saha vattamānanti samāso. Setavitānampi heṭṭhā akappiyapaccattharaṇe sati na vaṭṭati. Rattaṃ upadhānaṃ sīsūpadhānaṃ pādūpadhānañca rattūpadhānakaṃ, ubhato mañcassa sīsapādanikkhepanaṭṭhāne rattūpadhānakanti alopasamāso. Yaṃ pana ekameva upadhānaṃ ubhayapassesu rattādivaṇṇaṃ vicitraṃ, taṃ pamāṇayuttameva vaṭṭati. Tatridaṃ pamāṇaṃ – vitthārato tīsu kaṇṇesu dvinnaṃ kaṇṇānaṃ antaraṃ vidatthicaturaṅgulaṃ, majjhe muṭṭhiratanaṃ, dīghato pana diyaḍḍharatanaṃ vā dviratanaṃ vā. Paribhuñjatoti iminā karontassa kārāpentassa katthaci chedanakaṃ pācittiyanti dīpeti.
๑๙๐. ธมฺมาสเน จ ภตฺตเคฺค จ ฆเร จาปิ อาสนฺทาทิตฺตยา เสเส คิหิสนฺตเก คิหิวิกเฎ สติ นิสีทิตุํ ลพฺภตีติ อชฺฌาหาโร ปทสมฺพโนฺธ เวทิตโพฺพฯ คิหิสนฺตเกติ อิมินา สงฺฆิกมฺปิ อุปลเกฺขติฯ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ฐเปตฺวา ตีณิ อาสนฺทิํ ปลฺลงฺกํ ตูลิกํ คิหิวิกฎ’’นฺติ (จูฬว. ๓๑๔) สามเญฺญน วุตฺตํฯ สามญฺญโชตนาย ปน วิเสเสปิ อวฎฺฐานโต อาสนฺทาทิตฺตยาติ เอตฺถ ธมฺมาสเน อาสนฺทาทิตฺตยา เสเสติ โยเชตฺวา อโตฺถ คเหตโพฺพฯ อฎฺฐกถายญฺหิ ‘‘อาสนฺที ปลฺลโงฺก โคนโก’’ติอาทิปาฬิกฺกเม อาสนฺทาทิทฺวยมาทิโต หิตฺวา ‘‘โคนกาทีนิ สงฺฆิกวิหาเร วา ปุคฺคลิกวิหาเร วา มญฺจปีฐเกสุ อตฺถริตฺวา ปริภุญฺชิตุํ น วฎฺฎนฺติ, ธมฺมาสเน ปน คิหิวิกฎนีหาเรน ลพฺภนฺติ, ตตฺราปิ นิปชฺชิตุํ น วฎฺฎตี’’ติ (จูฬว. อฎฺฐ. ๓๒๐) วุตฺตํฯ ภตฺตคฺคํ นาม วิหาเร ทานฎฺฐานํฯ ธมฺมาสนํ ปน ยตฺถ กตฺถจิฯ ฆเรติ อนฺตรฆเรฯ นิสีทิตุํ ลพฺภเตติ อิมินา นิปชฺชิตุํ น วฎฺฎตีติ ทีเปติฯ สํขิปนํ อโนฺตกรณํ สเงฺขโป, ภูมตฺถรเณ สเงฺขโป อสฺส สยนสฺสาติ สมาโสฯ ตสฺมิํ ภูมตฺถรเณ อโนฺตกรณภูมตฺถรโต ภูมตฺถรณเมวาติ ทฎฺฐพฺพํฯ สยิตุญฺจาติ อตฺตโน กปฺปิยปจฺจตฺถรณํ อตฺถริตฺวา สยิตุญฺจ นิสีทิตุญฺจฯ ‘‘ปริภณฺฑกตํ ภูมิํ วา ภูมตฺถรณเสนาสนํ วา สงฺฆิกมญฺจปีฐํ วา อตฺตโน สนฺตเกน ปจฺจตฺถรเณน ปจฺจตฺถริตฺวาว นิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ หิ อฎฺฐกถายํ (จูฬว. อฎฺฐ. ๓๒๔) วุตฺตํฯ อิทญฺจ อาสนฺทาทีนมฺปิ อญฺญถตฺตกรเณ ปริโภเค ลกฺขณวจนํฯ วุตฺตญฺหิ ภควตา ‘‘อนุชานามิ ภิกฺขเว, อาสนฺทิยา ปาเท ฉินฺทิตฺวา ปริภุญฺชิตุํ, ปลฺลงฺกสฺส วาเฬ ภินฺทิตฺวา ปริภุญฺชิตุํ, ตูลิกํ วิชเฎตฺวา พิโพฺพหนํ กาตุํ, อวเสสํ ภูมตฺถรณํ กาตุ’’นฺติ (จูฬว. ๓๒๐)ฯ
190. Dhammāsane ca bhattagge ca ghare cāpi āsandādittayā sese gihisantake gihivikaṭe sati nisīdituṃ labbhatīti ajjhāhāro padasambandho veditabbo. Gihisantaketi iminā saṅghikampi upalakkheti. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, ṭhapetvā tīṇi āsandiṃ pallaṅkaṃ tūlikaṃ gihivikaṭa’’nti (cūḷava. 314) sāmaññena vuttaṃ. Sāmaññajotanāya pana visesepi avaṭṭhānato āsandādittayāti ettha dhammāsane āsandādittayā seseti yojetvā attho gahetabbo. Aṭṭhakathāyañhi ‘‘āsandī pallaṅko gonako’’tiādipāḷikkame āsandādidvayamādito hitvā ‘‘gonakādīni saṅghikavihāre vā puggalikavihāre vā mañcapīṭhakesu attharitvā paribhuñjituṃ na vaṭṭanti, dhammāsane pana gihivikaṭanīhārena labbhanti, tatrāpi nipajjituṃ na vaṭṭatī’’ti (cūḷava. aṭṭha. 320) vuttaṃ. Bhattaggaṃ nāma vihāre dānaṭṭhānaṃ. Dhammāsanaṃ pana yattha katthaci. Ghareti antaraghare. Nisīdituṃ labbhateti iminā nipajjituṃ na vaṭṭatīti dīpeti. Saṃkhipanaṃ antokaraṇaṃ saṅkhepo, bhūmattharaṇe saṅkhepo assa sayanassāti samāso. Tasmiṃ bhūmattharaṇe antokaraṇabhūmattharato bhūmattharaṇamevāti daṭṭhabbaṃ. Sayituñcāti attano kappiyapaccattharaṇaṃ attharitvā sayituñca nisīdituñca. ‘‘Paribhaṇḍakataṃ bhūmiṃ vā bhūmattharaṇasenāsanaṃ vā saṅghikamañcapīṭhaṃ vā attano santakena paccattharaṇena paccattharitvāva nipajjitabba’’nti hi aṭṭhakathāyaṃ (cūḷava. aṭṭha. 324) vuttaṃ. Idañca āsandādīnampi aññathattakaraṇe paribhoge lakkhaṇavacanaṃ. Vuttañhi bhagavatā ‘‘anujānāmi bhikkhave, āsandiyā pāde chinditvā paribhuñjituṃ, pallaṅkassa vāḷe bhinditvā paribhuñjituṃ, tūlikaṃ vijaṭetvā bibbohanaṃ kātuṃ, avasesaṃ bhūmattharaṇaṃ kātu’’nti (cūḷava. 320).
๑๙๑. จตุรํสปีฐา จ…เป.… ปญฺจงฺคา จ อุจฺจปาทกา กปฺปนฺตีติ อตฺถโต วจนํ วิปลฺลาเสตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ, ‘‘กปฺปิยา’’ติ อิมินา วา สมฺพโนฺธ เวทิตโพฺพฯ ตตฺถ จตฺตาโร อํสา โกณา เยสํ, เต จ เต ปีฐา จาติ สมาโสฯ ติณฺณํ อปสฺสยานํ, จตุนฺนญฺจ ปาทานํ วเสน สตฺต องฺคานิ เยสนฺติ สมาโสฯ เอกาปสฺสยสฺส วเสน ปญฺจงฺคาฯ จตุรํสปีฐานํ วิสุํ กปฺปิยภาวสฺส วุตฺตตฺตา สตฺตงฺคาทโย ปน ทีฆาติ วิญฺญายนฺติฯ ปาฬิยํ ภตฺตคฺคสฺส เอกโยคนิทฺทิฎฺฐตฺตา เอกโยคนิทฺทิฎฺฐานํ สห วา ปวตฺติ, สห วา นิวตฺตีติ ฆเรติ อิมินา ภตฺตคฺคสฺสปิ คหณํฯ เอว-สโทฺท อฎฺฐานปฺปยุโตฺต, ตสฺมา ตูโลนทฺธา มญฺจปีฐา ฆเร วา ภตฺตเคฺค วา นิสีทิตุเมว กปฺปนฺตีติ สมฺพโนฺธฯ ตตฺรายํ ปาฬิ ‘‘เตน โข ปน สมเยน มนุสฺสา ภตฺตเคฺค อนฺตรฆเร ตูโลนทฺธํ มญฺจมฺปิ ปีฐมฺปิ ปญฺญเปนฺติฯ ภิกฺขู กุกฺกุจฺจายนฺตา นาภินิสีทนฺติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, คิหิวิกฎํ อภินิสีทิตุํ, น เตฺวว อภินิปชฺชิตุ’’นฺติ (จูฬว. ๓๑๔)ฯ เต ปน กโรนฺตสฺส วา การาเปนฺตสฺส วา อุทฺทาลนกํ ปาจิตฺติยํฯ
191. Caturaṃsapīṭhā ca…pe… pañcaṅgā ca uccapādakā kappantīti atthato vacanaṃ vipallāsetvā sambandhitabbaṃ, ‘‘kappiyā’’ti iminā vā sambandho veditabbo. Tattha cattāro aṃsā koṇā yesaṃ, te ca te pīṭhā cāti samāso. Tiṇṇaṃ apassayānaṃ, catunnañca pādānaṃ vasena satta aṅgāni yesanti samāso. Ekāpassayassa vasena pañcaṅgā. Caturaṃsapīṭhānaṃ visuṃ kappiyabhāvassa vuttattā sattaṅgādayo pana dīghāti viññāyanti. Pāḷiyaṃ bhattaggassa ekayoganiddiṭṭhattā ekayoganiddiṭṭhānaṃ saha vā pavatti, saha vā nivattīti ghareti iminā bhattaggassapi gahaṇaṃ. Eva-saddo aṭṭhānappayutto, tasmā tūlonaddhā mañcapīṭhā ghare vā bhattagge vā nisīditumeva kappantīti sambandho. Tatrāyaṃ pāḷi ‘‘tena kho pana samayena manussā bhattagge antaraghare tūlonaddhaṃ mañcampi pīṭhampi paññapenti. Bhikkhū kukkuccāyantā nābhinisīdanti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. Anujānāmi, bhikkhave, gihivikaṭaṃ abhinisīdituṃ, na tveva abhinipajjitu’’nti (cūḷava. 314). Te pana karontassa vā kārāpentassa vā uddālanakaṃ pācittiyaṃ.
๑๙๒. สานุโลมานํ ฉนฺนํ จีวรานํ อญฺญตรํ จีวรํ ฉวิ เอตาสนฺติ วิคฺคโหฯ ปญฺจ ภิสีติ โจฬาทิตูลคณนาย ปญฺจกา วุตฺตาฯ สพฺพตฺถาติ วิหารมญฺจปีฐาทีสุ สพฺพตฺถฯ
192. Sānulomānaṃ channaṃ cīvarānaṃ aññataraṃ cīvaraṃ chavi etāsanti viggaho. Pañca bhisīti coḷāditūlagaṇanāya pañcakā vuttā. Sabbatthāti vihāramañcapīṭhādīsu sabbattha.
๑๙๓. ตูลตฺตยนฺติ สิมฺพลิรุกฺขาทีนํ ขีรวลฺลิอาทีนํ เอรกาทีนํ ติณานํ ตูลตฺตยํฯ ภิสิคโพฺภ โจฬาทิโก ปญฺจวิโธ ภิสิคโพฺภฯ มิคปกฺขินํ โลมานีติ เอตํ สพฺพนฺติ เสโสฯ มิค-สเทฺทเนว สเพฺพปิ สีหาทโย จตุปฺปทา, ปกฺขิ-สเทฺทน สเพฺพปิ หํสโมราทโย คหิตาฯ นนุ จ ภิสิคพฺภสทฺทโนฺตคธาย อุณฺณาย มิคปกฺขิโลมานมฺปิ คหณสพฺภาเวปิ เตสํ วิสุํ คหเณ สติ ปุนรุตฺติโทโส อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ มนุสฺสโลมปริจฺจาควิภาวนปฺปโยชนสพฺภาวโตฯ นนุ จ เอวมฺปิ โทโสเยว, ‘‘มนุสฺสโลมมุณฺณาย’’นฺติอาทินา ภิสิคพฺภานํ อุปริ นียมานตฺตา คมฺยเต พิโพฺพหเนปิ อยเมว ภิสิคโพฺภติ? สจฺจํ, ตถาปิ น โทโส, คมฺยมานตฺถสฺส สทฺทสฺส ปโยคํ ปติ กามจาโรติฯ มสูรเก ตูลวชฺชา อนุญฺญาตาติ วิปริณาเมตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํฯ มสูรกํ นาม จมฺมฉวิกา ภิสีติ วทนฺติฯ
193.Tūlattayanti simbalirukkhādīnaṃ khīravalliādīnaṃ erakādīnaṃ tiṇānaṃ tūlattayaṃ. Bhisigabbho coḷādiko pañcavidho bhisigabbho. Migapakkhinaṃ lomānīti etaṃ sabbanti seso. Miga-saddeneva sabbepi sīhādayo catuppadā, pakkhi-saddena sabbepi haṃsamorādayo gahitā. Nanu ca bhisigabbhasaddantogadhāya uṇṇāya migapakkhilomānampi gahaṇasabbhāvepi tesaṃ visuṃ gahaṇe sati punaruttidoso āpajjatīti? Nāpajjati manussalomapariccāgavibhāvanappayojanasabbhāvato. Nanu ca evampi dosoyeva, ‘‘manussalomamuṇṇāya’’ntiādinā bhisigabbhānaṃ upari nīyamānattā gamyate bibbohanepi ayameva bhisigabbhoti? Saccaṃ, tathāpi na doso, gamyamānatthassa saddassa payogaṃ pati kāmacāroti. Masūrake tūlavajjā anuññātāti vipariṇāmetvā sambandhitabbaṃ. Masūrakaṃ nāma cammachavikā bhisīti vadanti.
๑๙๔. อุณฺณายํ มนุสฺสโลมญฺจ ปเณฺณ สุทฺธํ ตมาลกญฺจ ปุปฺผญฺจ อปฺปฎิเวกฺขิตํ อาสนเญฺจว น ลพฺภนฺติ สมฺพโนฺธฯ มนุสฺสโลมนฺติ อิมินา น เกวลํ อิธ เอฬกโลมเมว อุณฺณา, อถ โข กปฺปิยากปฺปิยมํสชาตีนํ ปกฺขิจตุปฺปทานํ โลมมฺปีติ ทเสฺสติฯ ปุปฺผนฺติ ปิยงฺคุพกุลปุปฺผาทิฯ ตมาลกสเทฺทเนว อุปจารโต ปตฺตํ คเหตฺวา ‘‘ตมาลก’’นฺติ วุตฺตํฯ อปฺปฎิเวกฺขิตนฺติ อนุปปริกฺขิตํฯ กีทิสํ ปน ปฎิเวกฺขิตพฺพํ, กีทิสํ น ปฎิเวกฺขิตพฺพนฺติ? ยํ วินิจฺฉยโต วิญฺญาตํ, ตํ น ปฎิเวกฺขิตพฺพํ, อิตรํ หเตฺถน ปรามสเนฺตน ปฎิเวกฺขิตพฺพํฯ
194. Uṇṇāyaṃ manussalomañca paṇṇe suddhaṃ tamālakañca pupphañca appaṭivekkhitaṃ āsanañceva na labbhanti sambandho. Manussalomanti iminā na kevalaṃ idha eḷakalomameva uṇṇā, atha kho kappiyākappiyamaṃsajātīnaṃ pakkhicatuppadānaṃ lomampīti dasseti. Pupphanti piyaṅgubakulapupphādi. Tamālakasaddeneva upacārato pattaṃ gahetvā ‘‘tamālaka’’nti vuttaṃ. Appaṭivekkhitanti anupaparikkhitaṃ. Kīdisaṃ pana paṭivekkhitabbaṃ, kīdisaṃ na paṭivekkhitabbanti? Yaṃ vinicchayato viññātaṃ, taṃ na paṭivekkhitabbaṃ, itaraṃ hatthena parāmasantena paṭivekkhitabbaṃ.
อกปฺปิยสยนนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Akappiyasayananiddesavaṇṇanā niṭṭhitā.