Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มิลินฺทปญฺหปาฬิ • Milindapañhapāḷi |
๖. อากาสงฺคปโญฺห
6. Ākāsaṅgapañho
๖. ‘‘ภเนฺต นาคเสน, ‘อากาสสฺส ปญฺจ องฺคานิ คเหตพฺพานี’ติ ยํ วเทสิ, กตมานิ ตานิ ปญฺจ องฺคานิ คเหตพฺพานี’’ติ? ‘‘ยถา, มหาราช, อากาโส สพฺพโส อคโยฺห, เอวเมว โข, มหาราช, โยคินา โยคาวจเรน สพฺพโส กิเลเสหิ อคเยฺหน ภวิตพฺพํฯ อิทํ, มหาราช, อากาสสฺส ปฐมํ องฺคํ คเหตพฺพํฯ
6. ‘‘Bhante nāgasena, ‘ākāsassa pañca aṅgāni gahetabbānī’ti yaṃ vadesi, katamāni tāni pañca aṅgāni gahetabbānī’’ti? ‘‘Yathā, mahārāja, ākāso sabbaso agayho, evameva kho, mahārāja, yoginā yogāvacarena sabbaso kilesehi agayhena bhavitabbaṃ. Idaṃ, mahārāja, ākāsassa paṭhamaṃ aṅgaṃ gahetabbaṃ.
‘‘ปุน จปรํ, มหาราช, อากาโส อิสิตาปสภูตทิชคณานุสญฺจริโต, เอวเมว โข, มหาราช, โยคินา โยคาวจเรน ‘อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา’ติ สงฺขาเรสุ มานสํ สญฺจารยิตพฺพํฯ อิทํ, มหาราช, อากาสสฺส ทุติยํ องฺคํ คเหตพฺพํฯ
‘‘Puna caparaṃ, mahārāja, ākāso isitāpasabhūtadijagaṇānusañcarito, evameva kho, mahārāja, yoginā yogāvacarena ‘aniccaṃ dukkhaṃ anattā’ti saṅkhāresu mānasaṃ sañcārayitabbaṃ. Idaṃ, mahārāja, ākāsassa dutiyaṃ aṅgaṃ gahetabbaṃ.
‘‘ปุน จปรํ, มหาราช, อากาโส สนฺตาสนีโย, เอวเมว โข, มหาราช , โยคินา โยคาวจเรน สพฺพภวปฎิสนฺธีสุ มานสํ อุเพฺพชยิตพฺพํ, อสฺสาโท น กาตโพฺพฯ อิทํ, มหาราช, อากาสสฺส ตติยํ องฺคํ คเหตพฺพํฯ
‘‘Puna caparaṃ, mahārāja, ākāso santāsanīyo, evameva kho, mahārāja , yoginā yogāvacarena sabbabhavapaṭisandhīsu mānasaṃ ubbejayitabbaṃ, assādo na kātabbo. Idaṃ, mahārāja, ākāsassa tatiyaṃ aṅgaṃ gahetabbaṃ.
‘‘ปุน จปรํ, มหาราช, อากาโส อนโนฺต อปฺปมาโณ อปริเมโยฺย, เอวเมว โข, มหาราช, โยคินา โยคาวจเรน อนนฺตสีเลน อปริมิตญาเณน ภวิตพฺพํฯ อิทํ, มหาราช, อากาสสฺส จตุตฺถํ องฺคํ คเหตพฺพํฯ
‘‘Puna caparaṃ, mahārāja, ākāso ananto appamāṇo aparimeyyo, evameva kho, mahārāja, yoginā yogāvacarena anantasīlena aparimitañāṇena bhavitabbaṃ. Idaṃ, mahārāja, ākāsassa catutthaṃ aṅgaṃ gahetabbaṃ.
‘‘ปุน จปรํ, มหาราช, อากาโส อลโคฺค อสโตฺต อปฺปติฎฺฐิโต อปลิพุโทฺธ, เอวเมว โข , มหาราช, โยคินา โยคาวจเรน กุเล คเณ ลาเภ อาวาเส ปลิโพเธ ปจฺจเย สพฺพกิเลเสสุ จ สพฺพตฺถ อลเคฺคน ภวิตพฺพํ, อนาสเตฺตน อปฺปติฎฺฐิเตน อปลิพุเทฺธน ภวิตพฺพํฯ อิทํ, มหาราช, อากาสสฺส ปญฺจมํ องฺคํ คเหตพฺพํฯ ภาสิตเมฺปตํ, มหาราช, ภควตา เทวาติเทเวน สกํ ปุตฺตํ ราหุลํ โอวทเนฺตน – ‘เสยฺยถาปิ, ราหุล 1, อากาโส น กตฺถจิ ปติฎฺฐิโต, เอวเมว โข ตฺวํ, ราหุล, อากาสสมํ ภาวนํ ภาเวหิ, อากาสสมํ หิ เต, ราหุล, ภาวนํ ภาวยโต อุปฺปนฺนา มนาปามนาปา ผสฺสา จิตฺตํ ปริยาทาย ฐสฺสนฺตี’’’ติฯ
‘‘Puna caparaṃ, mahārāja, ākāso alaggo asatto appatiṭṭhito apalibuddho, evameva kho , mahārāja, yoginā yogāvacarena kule gaṇe lābhe āvāse palibodhe paccaye sabbakilesesu ca sabbattha alaggena bhavitabbaṃ, anāsattena appatiṭṭhitena apalibuddhena bhavitabbaṃ. Idaṃ, mahārāja, ākāsassa pañcamaṃ aṅgaṃ gahetabbaṃ. Bhāsitampetaṃ, mahārāja, bhagavatā devātidevena sakaṃ puttaṃ rāhulaṃ ovadantena – ‘seyyathāpi, rāhula 2, ākāso na katthaci patiṭṭhito, evameva kho tvaṃ, rāhula, ākāsasamaṃ bhāvanaṃ bhāvehi, ākāsasamaṃ hi te, rāhula, bhāvanaṃ bhāvayato uppannā manāpāmanāpā phassā cittaṃ pariyādāya ṭhassantī’’’ti.
อากาสงฺคปโญฺห ฉโฎฺฐฯ
Ākāsaṅgapañho chaṭṭho.
Footnotes: