Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๔๘๐] ๗. อกิตฺติชาตกวณฺณนา

    [480] 7. Akittijātakavaṇṇanā

    อกิตฺติํ ทิสฺวา สมฺมนฺตนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต เอกํ สาวตฺถิวาสิํ ทานปติํ อุปาสกํ อารพฺภ กเถสิฯ โส กิร สตฺถารํ นิมเนฺตตฺวา สตฺตาหํ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา ปริโยสานทิวเส อริยสงฺฆสฺส สพฺพปริกฺขาเร อทาสิฯ อถสฺส สตฺถา ปริสมเชฺฌเยว อนุโมทนํ กโรโนฺต ‘‘อุปาสก, มหา เต ปริจฺจาโค, อโห ทุกฺกรํ ตยา กตํ, อยญฺหิ ทานวํโส นาม โปราณกปณฺฑิตานํ วํโส, ทานํ นาม คิหินาปิ ปพฺพชิเตนาปิ ทาตพฺพเมวฯ โปราณกปณฺฑิตา ปน ปพฺพชิตฺวา อรเญฺญ วสนฺตาปิ อโลณกํ วิธูปนํ อุทกมตฺตสิตฺตํ การปณฺณํ ขาทมานาปิ สมฺปตฺตยาจกานํ ยาวทตฺถํ ทตฺวา สยํ ปีติสุเขน ยาปยิํสู’’ติ วตฺวา ‘‘ภเนฺต, อิทํ ตาว สพฺพปริกฺขารทานํ มหาชนสฺส ปากฎํ, ตุเมฺหหิ วุตฺตํ อปากฎํ, ตํ โน กเถถา’’ติ เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ

    Akittiṃdisvā sammantanti idaṃ satthā jetavane viharanto ekaṃ sāvatthivāsiṃ dānapatiṃ upāsakaṃ ārabbha kathesi. So kira satthāraṃ nimantetvā sattāhaṃ buddhappamukhassa bhikkhusaṅghassa mahādānaṃ datvā pariyosānadivase ariyasaṅghassa sabbaparikkhāre adāsi. Athassa satthā parisamajjheyeva anumodanaṃ karonto ‘‘upāsaka, mahā te pariccāgo, aho dukkaraṃ tayā kataṃ, ayañhi dānavaṃso nāma porāṇakapaṇḍitānaṃ vaṃso, dānaṃ nāma gihināpi pabbajitenāpi dātabbameva. Porāṇakapaṇḍitā pana pabbajitvā araññe vasantāpi aloṇakaṃ vidhūpanaṃ udakamattasittaṃ kārapaṇṇaṃ khādamānāpi sampattayācakānaṃ yāvadatthaṃ datvā sayaṃ pītisukhena yāpayiṃsū’’ti vatvā ‘‘bhante, idaṃ tāva sabbaparikkhāradānaṃ mahājanassa pākaṭaṃ, tumhehi vuttaṃ apākaṭaṃ, taṃ no kathethā’’ti tena yācito atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต อสีติโกฎิวิภวสฺส พฺราหฺมณมหาสาลสฺส กุเล นิพฺพตฺติ, ‘‘อกิตฺตี’’ติสฺส นามํ กริํสุฯ ตสฺส ปทสา คมนกาเล ภคินีปิ ชายิ, ‘‘ยสวตี’’ติสฺสา นามํ กริํสุฯ มหาสโตฺต โสฬสวสฺสกาเล ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา ปจฺจาคมิฯ อถสฺส มาตาปิตโร กาลมกํสุฯ โส เตสํ เปตกิจฺจานิ กาเรตฺวา ธนวิโลกนํ กโรโนฺต ‘‘อสุโก นาม เอตฺตกํ ธนํ สณฺฐเปตฺวา อตีโต, อสุโก เอตฺตก’’นฺติ วจนํ สุตฺวา สํวิคฺคมานโส หุตฺวา ‘‘อิทํ ธนเมว ปญฺญายติ, น ธนสฺส สํหารกา, สเพฺพ อิมํ ธนํ ปหาเยว คตา, อหํ ปน ตํ อาทาย คมิสฺสามี’’ติ ภคินิํ ปโกฺกสาเปตฺวา ‘‘ตฺวํ อิมํ ธนํ ปฎิปชฺชาหี’’ติ อาห ฯ ‘‘ตุมฺหากํ ปน โก อชฺฌาสโย’’ติ? ‘‘ปพฺพชิตุกาโมมฺหี’’ติฯ ‘‘ภาติก, อหํ ตุเมฺหหิ ฉฑฺฑิตํ เขฬํ น สิรสา สมฺปฎิจฺฉามิ, น เม อิมินา อโตฺถ, อหมฺปิ ปพฺพชิสฺสามี’’ติฯ โส ราชานํ อาปุจฺฉิตฺวา เภริํ จราเปสิ ‘‘ธเนน อตฺถิกา อกิตฺติปณฺฑิตสฺส เคหํ อาคจฺฉนฺตู’’ติฯ

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto asītikoṭivibhavassa brāhmaṇamahāsālassa kule nibbatti, ‘‘akittī’’tissa nāmaṃ kariṃsu. Tassa padasā gamanakāle bhaginīpi jāyi, ‘‘yasavatī’’tissā nāmaṃ kariṃsu. Mahāsatto soḷasavassakāle takkasilaṃ gantvā sabbasippāni uggaṇhitvā paccāgami. Athassa mātāpitaro kālamakaṃsu. So tesaṃ petakiccāni kāretvā dhanavilokanaṃ karonto ‘‘asuko nāma ettakaṃ dhanaṃ saṇṭhapetvā atīto, asuko ettaka’’nti vacanaṃ sutvā saṃviggamānaso hutvā ‘‘idaṃ dhanameva paññāyati, na dhanassa saṃhārakā, sabbe imaṃ dhanaṃ pahāyeva gatā, ahaṃ pana taṃ ādāya gamissāmī’’ti bhaginiṃ pakkosāpetvā ‘‘tvaṃ imaṃ dhanaṃ paṭipajjāhī’’ti āha . ‘‘Tumhākaṃ pana ko ajjhāsayo’’ti? ‘‘Pabbajitukāmomhī’’ti. ‘‘Bhātika, ahaṃ tumhehi chaḍḍitaṃ kheḷaṃ na sirasā sampaṭicchāmi, na me iminā attho, ahampi pabbajissāmī’’ti. So rājānaṃ āpucchitvā bheriṃ carāpesi ‘‘dhanena atthikā akittipaṇḍitassa gehaṃ āgacchantū’’ti.

    โส สตฺตาหํ มหาทานํ ปวเตฺตตฺวา ธเน อขียมาเน จิเนฺตสิ ‘‘อิเม สงฺขารา ขียนฺติ, กิํ เม ธนกีฬาย, อตฺถิกา ตํ คณฺหิสฺสนฺตี’’ติ นิเวสนทฺวารํ วิวริตฺวา ‘‘ทินฺนเญฺญว หรนฺตู’’ติ สหิรญฺญสุวณฺณํ เคหํ ปหาย ญาติมณฺฑลสฺส ปริเทวนฺตสฺส ภคินิํ คเหตฺวา พาราณสิโต นิกฺขมิฯ เยน ทฺวาเรน นิกฺขมิ, ตํ อกิตฺติทฺวารํ นาม ชาตํ, เยน ติเตฺถน นทิํ โอติโณฺณ, ตมฺปิ อกิตฺติติตฺถํ นาม ชาตํฯ โส เทฺว ตีณิ โยชนานิ คนฺตฺวา รมณีเย ฐาเน ปณฺณสาลํ กตฺวา ภคินิยา สทฺธิํ ปพฺพชิฯ ตสฺส ปพฺพชิตกาลโต ปฎฺฐาย พหุคามนิคมราชธานิวาสิโน ปพฺพชิํสุฯ มหาปริวาโร อโหสิ, มหาลาภสกฺกาโร นิพฺพตฺติ, พุทฺธุปฺปาทกาโล วิย ปวตฺติฯ อถ มหาสโตฺต ‘‘อยํ ลาภสกฺกาโร มหา, ปริวาโรปิ มหโนฺต, มยา เอกเกเนว วิหริตุํ วฎฺฎตี’’ติ จิเนฺตตฺวา อเวลาย อนฺตมโส ภคินิมฺปิ อชานาเปตฺวา เอกโกว นิกฺขมิตฺวา อนุปุเพฺพน ทมิฬรฎฺฐํ ปตฺวา กาวีรปฎฺฎนสมีเป อุยฺยาเน วิหรโนฺต ฌานาภิญฺญาโย นิพฺพเตฺตสิฯ ตตฺราปิสฺส มหาลาภสกฺกาโร อุปฺปชฺชิฯ โส ตํ ชิคุจฺฉิตฺวา ฉเฑฺฑตฺวา อากาเสน คนฺตฺวา นาคทีปสมีเป การทีเป โอตริฯ ตทา การทีโป อหิทีโป นาม อโหสิฯ โส ตตฺถ มหนฺตํ การรุกฺขํ อุปนิสฺสาย ปณฺณสาลํ มาเปตฺวา วาสํ กเปฺปสิฯ ตตฺถ ตสฺส วสนภาวํ น โกจิ ชานาติฯ อถสฺส ภคินี ภาตรํ คเวสมานา อนุปุเพฺพน ทมิฬรฎฺฐํ ปตฺวา ตํ อทิสฺวา เตน วสิตฎฺฐาเนเยว วสิ, ฌานํ ปน นิพฺพเตฺตตุํ นาสกฺขิฯ

    So sattāhaṃ mahādānaṃ pavattetvā dhane akhīyamāne cintesi ‘‘ime saṅkhārā khīyanti, kiṃ me dhanakīḷāya, atthikā taṃ gaṇhissantī’’ti nivesanadvāraṃ vivaritvā ‘‘dinnaññeva harantū’’ti sahiraññasuvaṇṇaṃ gehaṃ pahāya ñātimaṇḍalassa paridevantassa bhaginiṃ gahetvā bārāṇasito nikkhami. Yena dvārena nikkhami, taṃ akittidvāraṃ nāma jātaṃ, yena titthena nadiṃ otiṇṇo, tampi akittititthaṃ nāma jātaṃ. So dve tīṇi yojanāni gantvā ramaṇīye ṭhāne paṇṇasālaṃ katvā bhaginiyā saddhiṃ pabbaji. Tassa pabbajitakālato paṭṭhāya bahugāmanigamarājadhānivāsino pabbajiṃsu. Mahāparivāro ahosi, mahālābhasakkāro nibbatti, buddhuppādakālo viya pavatti. Atha mahāsatto ‘‘ayaṃ lābhasakkāro mahā, parivāropi mahanto, mayā ekakeneva viharituṃ vaṭṭatī’’ti cintetvā avelāya antamaso bhaginimpi ajānāpetvā ekakova nikkhamitvā anupubbena damiḷaraṭṭhaṃ patvā kāvīrapaṭṭanasamīpe uyyāne viharanto jhānābhiññāyo nibbattesi. Tatrāpissa mahālābhasakkāro uppajji. So taṃ jigucchitvā chaḍḍetvā ākāsena gantvā nāgadīpasamīpe kāradīpe otari. Tadā kāradīpo ahidīpo nāma ahosi. So tattha mahantaṃ kārarukkhaṃ upanissāya paṇṇasālaṃ māpetvā vāsaṃ kappesi. Tattha tassa vasanabhāvaṃ na koci jānāti. Athassa bhaginī bhātaraṃ gavesamānā anupubbena damiḷaraṭṭhaṃ patvā taṃ adisvā tena vasitaṭṭhāneyeva vasi, jhānaṃ pana nibbattetuṃ nāsakkhi.

    มหาสโตฺต อปฺปิจฺฉตาย กตฺถจิ อคนฺตฺวา ตสฺส รุกฺขสฺส ผลกาเล ผลานิ ขาทติ, ปตฺตกาเล ปตฺตานิ อุทกสิตฺตานิ ขาทติฯ ตสฺส สีลเตเชน สกฺกสฺส ปณฺฑุกมฺพลสิลาสนํ อุณฺหาการํ ทเสฺสสิฯ สโกฺก ‘‘โก นุ โข มํ ฐานา จาเวตุกาโม’’ติ อาวเชฺชโนฺต อกิตฺติปณฺฑิตํ ทิสฺวา ‘‘กิมตฺถํ เอส ตาปโส สีลานิ รกฺขติ, สกฺกตฺตํ นุ โข ปเตฺถติ, อุทาหุ อญฺญํ, วีมิํสิสฺสามิ นํฯ อยญฺหิ ทุเกฺขน ชีวิกํ กเปฺปสิ, อุทกสิตฺตานิ การปณฺณานิ ขาทติ, สเจ สกฺกตฺตํ ปเตฺถติ, อตฺตโน สิตฺตปตฺตานิ มยฺหํ ทสฺสติ, โน เจ, น ทสฺสตี’’ติ พฺราหฺมณวเณฺณน ตสฺส สนฺติกํ อคมาสิฯ โพธิสโตฺต การปณฺณานิ เสเทตฺวา โอตาเรตฺวา ‘‘สีตลภูตานิ ขาทิสฺสามี’’ติ ปณฺณสาลทฺวาเร นิสีทิฯ อถสฺส ปุรโต สโกฺก ภิกฺขาย อฎฺฐาสิฯ มหาสโตฺต ตํ ทิสฺวา โสมนสฺสปฺปโตฺต หุตฺวา ‘‘ลาภา วต เม, โยหํ ยาจกํ ปสฺสามิ, อชฺช เม มโนรถํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา ทานํ ทสฺสามี’’ติ ปกฺกภาชเนเนว อาทาย คนฺตฺวา ‘‘อิทํ เม ทานํ สพฺพญฺญุตญฺญาณสฺส ปจฺจโย โหตู’’ติ อตฺตโน อเสเสตฺวาว ตสฺส ภาชเน ปกฺขิปิฯ พฺราหฺมโณ ตํ คเหตฺวา โถกํ คนฺตฺวา อนฺตรธายิฯ มหาสโตฺตปิ ตสฺส ทตฺวา ปุน อปจิตฺวา ปีติสุเขเนว วีตินาเมตฺวา ปุนทิวเส ปจิตฺวา ตเตฺถว ปณฺณสาลทฺวาเร นิสีทิฯ

    Mahāsatto appicchatāya katthaci agantvā tassa rukkhassa phalakāle phalāni khādati, pattakāle pattāni udakasittāni khādati. Tassa sīlatejena sakkassa paṇḍukambalasilāsanaṃ uṇhākāraṃ dassesi. Sakko ‘‘ko nu kho maṃ ṭhānā cāvetukāmo’’ti āvajjento akittipaṇḍitaṃ disvā ‘‘kimatthaṃ esa tāpaso sīlāni rakkhati, sakkattaṃ nu kho pattheti, udāhu aññaṃ, vīmiṃsissāmi naṃ. Ayañhi dukkhena jīvikaṃ kappesi, udakasittāni kārapaṇṇāni khādati, sace sakkattaṃ pattheti, attano sittapattāni mayhaṃ dassati, no ce, na dassatī’’ti brāhmaṇavaṇṇena tassa santikaṃ agamāsi. Bodhisatto kārapaṇṇāni sedetvā otāretvā ‘‘sītalabhūtāni khādissāmī’’ti paṇṇasāladvāre nisīdi. Athassa purato sakko bhikkhāya aṭṭhāsi. Mahāsatto taṃ disvā somanassappatto hutvā ‘‘lābhā vata me, yohaṃ yācakaṃ passāmi, ajja me manorathaṃ matthakaṃ pāpetvā dānaṃ dassāmī’’ti pakkabhājaneneva ādāya gantvā ‘‘idaṃ me dānaṃ sabbaññutaññāṇassa paccayo hotū’’ti attano asesetvāva tassa bhājane pakkhipi. Brāhmaṇo taṃ gahetvā thokaṃ gantvā antaradhāyi. Mahāsattopi tassa datvā puna apacitvā pītisukheneva vītināmetvā punadivase pacitvā tattheva paṇṇasāladvāre nisīdi.

    สโกฺก ปุน พฺราหฺมณเวเสน อคมาสิฯ ปุนปิสฺส ทตฺวา มหาสโตฺต ตเถว วีตินาเมสิฯ ตติยทิวเสปิ ตเถว ทตฺวา ‘‘อโห เม ลาภา วต, การปณฺณานิ นิสฺสาย มหนฺตํ ปุญฺญํ ปสุต’’นฺติ โสมนสฺสปฺปโตฺต ตโย ทิวเส อนาหารตาย ทุพฺพโลปิ สมาโน มชฺฌนฺหิกสมเย ปณฺณสาลโต นิกฺขมิตฺวา ทานํ อาวเชฺชโนฺต ปณฺณสาลทฺวาเร นิสีทิฯ สโกฺกปิ จิเนฺตสิ ‘‘อยํ พฺราหฺมโณ ตโย ทิวเส นิราหาโร หุตฺวา เอวํ ทุพฺพโลปิ ทานํ เทโนฺต ตุฎฺฐจิโตฺตว เทติ, จิตฺตสฺส อญฺญถตฺตมฺปิ นตฺถิ, อหํ อิมํ ‘อิทํ นาม ปเตฺถตฺวา เทตี’ติ น ชานามิ, ปุจฺฉิตฺวา อชฺฌาสยมสฺส สุตฺวา ทานการณํ ชานิสฺสามี’’ติฯ โส มชฺฌนฺหิเก วีติวเตฺต มหเนฺตน สิริโสภเคฺคน คคนตเล ตรุณสูริโย วิย ชลมาโน อาคนฺตฺวา มหาสตฺตสฺส ปุรโตว ฐตฺวา ‘‘อโมฺภ ตาปส, เอวํ อุณฺหวาเต ปหรเนฺต เอวรูเป โลณชลปริกฺขิเตฺต อรเญฺญ กิมตฺถํ ตโปกมฺมํ กโรสี’’ติ ปุจฺฉิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา ปฐมํ คาถมาห –

    Sakko puna brāhmaṇavesena agamāsi. Punapissa datvā mahāsatto tatheva vītināmesi. Tatiyadivasepi tatheva datvā ‘‘aho me lābhā vata, kārapaṇṇāni nissāya mahantaṃ puññaṃ pasuta’’nti somanassappatto tayo divase anāhāratāya dubbalopi samāno majjhanhikasamaye paṇṇasālato nikkhamitvā dānaṃ āvajjento paṇṇasāladvāre nisīdi. Sakkopi cintesi ‘‘ayaṃ brāhmaṇo tayo divase nirāhāro hutvā evaṃ dubbalopi dānaṃ dento tuṭṭhacittova deti, cittassa aññathattampi natthi, ahaṃ imaṃ ‘idaṃ nāma patthetvā detī’ti na jānāmi, pucchitvā ajjhāsayamassa sutvā dānakāraṇaṃ jānissāmī’’ti. So majjhanhike vītivatte mahantena sirisobhaggena gaganatale taruṇasūriyo viya jalamāno āgantvā mahāsattassa puratova ṭhatvā ‘‘ambho tāpasa, evaṃ uṇhavāte paharante evarūpe loṇajalaparikkhitte araññe kimatthaṃ tapokammaṃ karosī’’ti pucchi. Tamatthaṃ pakāsento satthā paṭhamaṃ gāthamāha –

    ๘๓.

    83.

    ‘‘อกิตฺติํ ทิสฺวา สมฺมนฺตํ, สโกฺก ภูตปตี พฺรวิ;

    ‘‘Akittiṃ disvā sammantaṃ, sakko bhūtapatī bravi;

    กิํ ปตฺถยํ มหาพฺรเหฺม, เอโก สมฺมสิ ฆมฺมนี’’ติฯ

    Kiṃ patthayaṃ mahābrahme, eko sammasi ghammanī’’ti.

    ตตฺถ กิํ ปตฺถยนฺติ กิํ มนุสฺสสมฺปตฺติํ ปเตฺถโนฺต, อุทาหุ สกฺกสมฺปตฺติอาทีนํ อญฺญตรนฺติฯ

    Tattha kiṃ patthayanti kiṃ manussasampattiṃ patthento, udāhu sakkasampattiādīnaṃ aññataranti.

    มหาสโตฺต ตํ สุตฺวา สกฺกภาวญฺจสฺส ญตฺวา ‘‘นาหํ เอตา สมฺปตฺติโย ปเตฺถมิ, สพฺพญฺญุตํ ปน ปเตฺถโนฺต ตโปกมฺมํ กโรมี’’ติ ปกาเสตุํ ทุติยํ คาถมาห –

    Mahāsatto taṃ sutvā sakkabhāvañcassa ñatvā ‘‘nāhaṃ etā sampattiyo patthemi, sabbaññutaṃ pana patthento tapokammaṃ karomī’’ti pakāsetuṃ dutiyaṃ gāthamāha –

    ๘๔.

    84.

    ‘‘ทุโกฺข ปุนพฺภโว สกฺก, สรีรสฺส จ เภทนํ;

    ‘‘Dukkho punabbhavo sakka, sarīrassa ca bhedanaṃ;

    สโมฺมหมรณํ ทุกฺขํ, ตสฺมา สมฺมามิ วาสวา’’ติฯ

    Sammohamaraṇaṃ dukkhaṃ, tasmā sammāmi vāsavā’’ti.

    ตตฺถ ตสฺมาติ ยสฺมา ปุนปฺปุนํ ชาติ ขนฺธานํ เภทนํ สโมฺมหมรณญฺจ ทุกฺขํ, ตสฺมา ยเตฺถตานิ นตฺถิ, ตํ นิพฺพานํ ปเตฺถโนฺต อิธ สมฺมามีติ เอวํ อตฺตโน นิพฺพานชฺฌาสยตํ ทีเปติฯ

    Tattha tasmāti yasmā punappunaṃ jāti khandhānaṃ bhedanaṃ sammohamaraṇañca dukkhaṃ, tasmā yatthetāni natthi, taṃ nibbānaṃ patthento idha sammāmīti evaṃ attano nibbānajjhāsayataṃ dīpeti.

    ตํ สุตฺวา สโกฺก ตุฎฺฐมานโส ‘‘สพฺพภเวสุ กิรายํ อุกฺกณฺฐิโต นิพฺพานตฺถาย อรเญฺญ วิหรติ, วรมสฺส ทสฺสามี’’ติ วเรน นิมเนฺตโนฺต ตติยํ คาถมาห –

    Taṃ sutvā sakko tuṭṭhamānaso ‘‘sabbabhavesu kirāyaṃ ukkaṇṭhito nibbānatthāya araññe viharati, varamassa dassāmī’’ti varena nimantento tatiyaṃ gāthamāha –

    ๘๕.

    85.

    ‘‘เอตสฺมิํ เต สุลปิเต, ปติรูเป สุภาสิเต;

    ‘‘Etasmiṃ te sulapite, patirūpe subhāsite;

    วรํ กสฺสป เต ทมฺมิ, ยํ กิญฺจิ มนสิจฺฉสี’’ติฯ

    Varaṃ kassapa te dammi, yaṃ kiñci manasicchasī’’ti.

    ตตฺถ ยํ กิญฺจิ มนสิจฺฉสีติ ยํ มนสา อิจฺฉสิ, ตํ ทมฺมิ, วรํ คณฺหาหีติฯ

    Tattha yaṃ kiñci manasicchasīti yaṃ manasā icchasi, taṃ dammi, varaṃ gaṇhāhīti.

    มหาสโตฺต วรํ คณฺหโนฺต จตุตฺถํ คาถมาห –

    Mahāsatto varaṃ gaṇhanto catutthaṃ gāthamāha –

    ๘๖.

    86.

    ‘‘วรเญฺจ เม อโท สกฺก, สพฺพภูตานมิสฺสร;

    ‘‘Varañce me ado sakka, sabbabhūtānamissara;

    เยน ปุเตฺต จ ทาเร จ, ธนธญฺญํ ปิยานิ จ;

    Yena putte ca dāre ca, dhanadhaññaṃ piyāni ca;

    ลทฺธา นรา น ตปฺปนฺติ, โส โลโภ น มยี วเส’’ติฯ

    Laddhā narā na tappanti, so lobho na mayī vase’’ti.

    ตตฺถ วรเญฺจ เม อโทติ สเจ วรํ มยฺหํ เทสิฯ ปิยานิ จาติ อญฺญานิ จ ยานิ ปิยภณฺฑานิฯ น ตปฺปนฺตีติ ปุนปฺปุนํ ปุตฺตาทโย ปเตฺถนฺติเยว, น ติตฺติํ อุปคจฺฉนฺติฯ น มยี วเสติ มยิ มา วสตุ มา อุปฺปชฺชตุฯ

    Tattha varañce me adoti sace varaṃ mayhaṃ desi. Piyāni cāti aññāni ca yāni piyabhaṇḍāni. Na tappantīti punappunaṃ puttādayo patthentiyeva, na tittiṃ upagacchanti. Na mayī vaseti mayi mā vasatu mā uppajjatu.

    อถสฺส สโกฺก ตุสฺสิตฺวา อุตฺตริมฺปิ วรํ เทโนฺต มหาสโตฺต จ วรํ คณฺหโนฺต อิมา คาถา อภาสิํสุ –

    Athassa sakko tussitvā uttarimpi varaṃ dento mahāsatto ca varaṃ gaṇhanto imā gāthā abhāsiṃsu –

    ๘๗.

    87.

    ‘‘เอตสฺมิํ เต สุลปิเต, ปติรูเป สุภาสิเต;

    ‘‘Etasmiṃ te sulapite, patirūpe subhāsite;

    วรํ กสฺสป เต ทมฺมิ, ยํ กิญฺจิ มนสิจฺฉสิฯ

    Varaṃ kassapa te dammi, yaṃ kiñci manasicchasi.

    ๘๘.

    88.

    ‘‘วรเญฺจ เม อโท สกฺก, สพฺพภูตานมิสฺสร;

    ‘‘Varañce me ado sakka, sabbabhūtānamissara;

    เขตฺตํ วตฺถุํ หิรญฺญญฺจ, ควาสฺสํ ทาสโปริสํ;

    Khettaṃ vatthuṃ hiraññañca, gavāssaṃ dāsaporisaṃ;

    เยน ชาเตน ชียนฺติ, โส โทโส น มยี วเสฯ

    Yena jātena jīyanti, so doso na mayī vase.

    ๘๙.

    89.

    ‘‘เอตสฺมิํ เต สุลปิเต, ปติรูเป สุภาสิเต;

    ‘‘Etasmiṃ te sulapite, patirūpe subhāsite;

    วรํ กสฺสป เต ทมฺมิ, ยํ กิญฺจิ มนสิจฺฉสิฯ

    Varaṃ kassapa te dammi, yaṃ kiñci manasicchasi.

    ๙๐.

    90.

    ‘‘วรเญฺจ เม อโท สกฺก, สพฺพภูตานมิสฺสร;

    ‘‘Varañce me ado sakka, sabbabhūtānamissara;

    พาลํ น ปเสฺส น สุเณ, น จ พาเลน สํวเส;

    Bālaṃ na passe na suṇe, na ca bālena saṃvase;

    พาเลนลฺลาปสลฺลาปํ, น กเร น จ โรจเยฯ

    Bālenallāpasallāpaṃ, na kare na ca rocaye.

    ๙๑.

    91.

    ‘‘กิํ นุ เต อกรํ พาโล, วท กสฺสป การณํ;

    ‘‘Kiṃ nu te akaraṃ bālo, vada kassapa kāraṇaṃ;

    เกน กสฺสป พาลสฺส, ทสฺสนํ นาภิกงฺขสิฯ

    Kena kassapa bālassa, dassanaṃ nābhikaṅkhasi.

    ๙๒.

    92.

    ‘‘อนยํ นยติ ทุเมฺมโธ, อธุรายํ นิยุญฺชติ;

    ‘‘Anayaṃ nayati dummedho, adhurāyaṃ niyuñjati;

    ทุนฺนโย เสยฺยโส โหติ, สมฺมา วุโตฺต ปกุปฺปติ;

    Dunnayo seyyaso hoti, sammā vutto pakuppati;

    วินยํ โส น ชานาติ, สาธุ ตสฺส อทสฺสนํฯ

    Vinayaṃ so na jānāti, sādhu tassa adassanaṃ.

    ๙๓.

    93.

    ‘‘เอตสฺมิํ เต สุลปิเต, ปติรูเป สุภาสิเต;

    ‘‘Etasmiṃ te sulapite, patirūpe subhāsite;

    วรํ กสฺสป เต ทมฺมิ, ยํ กิญฺจิ มนสิจฺฉสิฯ

    Varaṃ kassapa te dammi, yaṃ kiñci manasicchasi.

    ๙๔.

    94.

    ‘‘วรเญฺจ เม อโท สกฺก, สพฺพภูตานมิสฺสร;

    ‘‘Varañce me ado sakka, sabbabhūtānamissara;

    ธีรํ ปเสฺส สุเณ ธีรํ, ธีเรน สห สํวเส;

    Dhīraṃ passe suṇe dhīraṃ, dhīrena saha saṃvase;

    ธีเรนลฺลาปสลฺลาปํ, ตํ กเร ตญฺจ โรจเยฯ

    Dhīrenallāpasallāpaṃ, taṃ kare tañca rocaye.

    ๙๕.

    95.

    ‘‘กิํ นุ เต อกรํ ธีโร, วท กสฺสป การณํ;

    ‘‘Kiṃ nu te akaraṃ dhīro, vada kassapa kāraṇaṃ;

    เกน กสฺสป ธีรสฺส, ทสฺสนํ อภิกงฺขสิฯ

    Kena kassapa dhīrassa, dassanaṃ abhikaṅkhasi.

    ๙๖.

    96.

    ‘‘นยํ นยติ เมธาวี, อธุรายํ น ยุญฺชติ;

    ‘‘Nayaṃ nayati medhāvī, adhurāyaṃ na yuñjati;

    สุนโย เสยฺยโส โหติ, สมฺมา วุโตฺต น กุปฺปติ;

    Sunayo seyyaso hoti, sammā vutto na kuppati;

    วินยํ โส ปชานาติ, สาธุ เตน สมาคโมฯ

    Vinayaṃ so pajānāti, sādhu tena samāgamo.

    ๙๗.

    97.

    ‘‘เอตสฺมิํ เต สุลปิเต, ปติรูเป สุภาสิเต;

    ‘‘Etasmiṃ te sulapite, patirūpe subhāsite;

    วรํ กสฺสป เต ทมฺมิ, ยํ กิญฺจิ มนสิจฺฉสิฯ

    Varaṃ kassapa te dammi, yaṃ kiñci manasicchasi.

    ๙๘.

    98.

    ‘‘วรเญฺจ เม อโท สกฺก, สพฺพภูตานมิสฺสร;

    ‘‘Varañce me ado sakka, sabbabhūtānamissara;

    ตโต รตฺยา วิวสาเน, สูริยุคฺคมนํ ปติ;

    Tato ratyā vivasāne, sūriyuggamanaṃ pati;

    ทิพฺพา ภกฺขา ปาตุภเวยฺยุํ, สีลวโนฺต จ ยาจกาฯ

    Dibbā bhakkhā pātubhaveyyuṃ, sīlavanto ca yācakā.

    ๙๙.

    99.

    ‘‘ททโต เม น ขีเยถ, ทตฺวา นานุตเปยฺยหํ;

    ‘‘Dadato me na khīyetha, datvā nānutapeyyahaṃ;

    ททํ จิตฺตํ ปสาเทยฺยํ, เอตํ สกฺก วรํ วเรฯ

    Dadaṃ cittaṃ pasādeyyaṃ, etaṃ sakka varaṃ vare.

    ๑๐๐.

    100.

    ‘‘เอตสฺมิํ เต สุลปิเต, ปติรูเป สุภาสิเต;

    ‘‘Etasmiṃ te sulapite, patirūpe subhāsite;

    วรํ กสฺสป เต ทมฺมิ, ยํ กิญฺจิ มนสิจฺฉสิฯ

    Varaṃ kassapa te dammi, yaṃ kiñci manasicchasi.

    ๑๐๑.

    101.

    ‘‘วรเญฺจ เม อโท สกฺก, สพฺพภูตานมิสฺสร;

    ‘‘Varañce me ado sakka, sabbabhūtānamissara;

    น มํ ปุน อุเปยฺยาสิ, เอตํ สกฺก วรํ วเรฯ

    Na maṃ puna upeyyāsi, etaṃ sakka varaṃ vare.

    ๑๐๒.

    102.

    ‘‘พหูหิ วตจริยาหิ, นรา จ อถ นาริโย;

    ‘‘Bahūhi vatacariyāhi, narā ca atha nāriyo;

    ทสฺสนํ อภิกงฺขนฺติ, กิํ นุ เม ทสฺสเน ภยํฯ

    Dassanaṃ abhikaṅkhanti, kiṃ nu me dassane bhayaṃ.

    ๑๐๓.

    103.

    ‘‘ตํ ตาทิสํ เทววณฺณํ, สพฺพกามสมิทฺธินํ;

    ‘‘Taṃ tādisaṃ devavaṇṇaṃ, sabbakāmasamiddhinaṃ;

    ทิสฺวา ตโป ปมเชฺชยฺยํ, เอตํ เต ทสฺสเน ภย’’นฺติฯ

    Disvā tapo pamajjeyyaṃ, etaṃ te dassane bhaya’’nti.

    ตตฺถ เยน ชาเตนาติ เยน จิเตฺตน ชาเตน กุทฺธา สตฺตา ปาณวธาทีนํ กตตฺตา ราชทณฺฑวเสน วิสขาทนาทีหิ วา อตฺตโน มรณวเสน เอตานิ เขตฺตาทีนิ ชียนฺติ, โส โทโส มยิ น วเสยฺยาติ ยาจติฯ น สุเณติ อสุกฎฺฐาเน นาม วสตีติปิ อิเมหิ การเณหิ น สุเณยฺยํฯ กิํ นุ เต อกรนฺติ กิํ นุ ตว พาเลน มาตา มาริตา, อุทาหุ ตว ปิตา, อญฺญํ วา ปน เต กิํ นาม อนตฺถํ พาโล อกรํฯ

    Tattha yena jātenāti yena cittena jātena kuddhā sattā pāṇavadhādīnaṃ katattā rājadaṇḍavasena visakhādanādīhi vā attano maraṇavasena etāni khettādīni jīyanti, so doso mayi na vaseyyāti yācati. Na suṇeti asukaṭṭhāne nāma vasatītipi imehi kāraṇehi na suṇeyyaṃ. Kiṃ nu te akaranti kiṃ nu tava bālena mātā māritā, udāhu tava pitā, aññaṃ vā pana te kiṃ nāma anatthaṃ bālo akaraṃ.

    อนยํ นยตีติ อการณํ ‘‘การณ’’นฺติ คณฺหาติ, ปาณาติปาตาทีนิ กตฺวา ชีวิกํ กเปฺปสฺสามีติ เอวรูปานิ อนตฺถกมฺมานิ จิเนฺตติฯ อธุรายนฺติ สทฺธาธุรสีลธุรปญฺญาธุเรสุ อโยเชตฺวา อโยเค นิยุญฺชติฯ ทุนฺนโย เสยฺยโส โหตีติ ทุนฺนโยว ตสฺส เสโยฺย โหติฯ ปญฺจ ทุสฺสีลกมฺมานิ สมาทาย วตฺตนเมว เสโยฺยติ คณฺหาติ, หิตปฎิปตฺติยา วา ทุนฺนโย โหติ เนตุํ อสกฺกุเณโยฺยฯ สมฺมา วุโตฺตติ เหตุนา การเณน วุโตฺต กุปฺปติฯ วินยนฺติ ‘‘เอวํ อภิกฺกมิตพฺพ’’นฺติอาทิกํ อาจารวินยํ น ชานาติ, โอวาทญฺจ น สมฺปฎิจฺฉติฯ สาธุ ตสฺสาติ เอเตหิ การเณหิ ตสฺส อทสฺสนเมว สาธุฯ

    Anayaṃ nayatīti akāraṇaṃ ‘‘kāraṇa’’nti gaṇhāti, pāṇātipātādīni katvā jīvikaṃ kappessāmīti evarūpāni anatthakammāni cinteti. Adhurāyanti saddhādhurasīladhurapaññādhuresu ayojetvā ayoge niyuñjati. Dunnayo seyyaso hotīti dunnayova tassa seyyo hoti. Pañca dussīlakammāni samādāya vattanameva seyyoti gaṇhāti, hitapaṭipattiyā vā dunnayo hoti netuṃ asakkuṇeyyo. Sammā vuttoti hetunā kāraṇena vutto kuppati. Vinayanti ‘‘evaṃ abhikkamitabba’’ntiādikaṃ ācāravinayaṃ na jānāti, ovādañca na sampaṭicchati. Sādhu tassāti etehi kāraṇehi tassa adassanameva sādhu.

    สูริยุคฺคมนํ ปตีติ สูริยุคฺคมนเวลายฯ ทิพฺพา ภกฺขาติ ทิพฺพโภชนํ ยาจกาติ ตสฺส ทิพฺพโภชนสฺส ปฎิคฺคาหกาฯ วตจริยาหีติ ทานสีลอุโปสถกเมฺมหิฯ ทสฺสนํ อภิกงฺขนฺตีติ ทสฺสนํ มม อภิกงฺขนฺติฯ ตํ ตาทิสนฺติ เอวรูปํ ทิพฺพาลงฺการวิภูสิตํฯ ปมเชฺชยฺยนฺติ ปมาทํ อาปเชฺชยฺยํฯ ตว สิริสมฺปตฺติํ ปเตฺถยฺยํ, เอวํ นิพฺพานตฺถาย ปวตฺติเต ตโปกเมฺม สกฺกฎฺฐานํ ปเตฺถโนฺต ปมโตฺต นาม ภเวยฺยํ, เอตํ ตว ทสฺสเน มยฺหํ ภยนฺติฯ

    Sūriyuggamanaṃ patīti sūriyuggamanavelāya. Dibbā bhakkhāti dibbabhojanaṃ yācakāti tassa dibbabhojanassa paṭiggāhakā. Vatacariyāhīti dānasīlauposathakammehi. Dassanaṃ abhikaṅkhantīti dassanaṃ mama abhikaṅkhanti. Taṃ tādisanti evarūpaṃ dibbālaṅkāravibhūsitaṃ. Pamajjeyyanti pamādaṃ āpajjeyyaṃ. Tava sirisampattiṃ pattheyyaṃ, evaṃ nibbānatthāya pavattite tapokamme sakkaṭṭhānaṃ patthento pamatto nāma bhaveyyaṃ, etaṃ tava dassane mayhaṃ bhayanti.

    สโกฺก ‘‘สาธุ, ภเนฺต, อิโต ปฎฺฐาย น เต สนฺติกํ อาคมิสฺสามา’’ติ ตํ วนฺทิตฺวา ขมาเปตฺวา ปกฺกามิฯ มหาสโตฺต ยาวชีวํ ตเตฺถว วสโนฺต พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติฯ

    Sakko ‘‘sādhu, bhante, ito paṭṭhāya na te santikaṃ āgamissāmā’’ti taṃ vanditvā khamāpetvā pakkāmi. Mahāsatto yāvajīvaṃ tattheva vasanto brahmavihāre bhāvetvā brahmaloke nibbatti.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สโกฺก อนุรุโทฺธ อโหสิ, อกิตฺติปณฺฑิโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā sakko anuruddho ahosi, akittipaṇḍito pana ahameva ahosi’’nti.

    อกิตฺติชาตกวณฺณนา สตฺตมาฯ

    Akittijātakavaṇṇanā sattamā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๔๘๐. อกิตฺติชาตกํ • 480. Akittijātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact