Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มิลินฺทปญฺหปาฬิ • Milindapañhapāḷi

    ๘. อกุสลเจฺฉทนปโญฺห

    8. Akusalacchedanapañho

    . ‘‘ภเนฺต นาคเสน, ตถาคโต สพฺพํ อกุสลํ ฌาเปตฺวา สพฺพญฺญุตํ ปโตฺต, อุทาหุ สาวเสเส อกุสเล สพฺพญฺญุตํ ปโตฺต’’ติ? ‘‘สพฺพํ, มหาราช, อกุสลํ ฌาเปตฺวา ภควา สพฺพญฺญุตํ ปโตฺต, นตฺถิ ภควโต เสเสกํ อกุสล’’นฺติฯ

    8. ‘‘Bhante nāgasena, tathāgato sabbaṃ akusalaṃ jhāpetvā sabbaññutaṃ patto, udāhu sāvasese akusale sabbaññutaṃ patto’’ti? ‘‘Sabbaṃ, mahārāja, akusalaṃ jhāpetvā bhagavā sabbaññutaṃ patto, natthi bhagavato sesekaṃ akusala’’nti.

    ‘‘กิํ ปน, ภเนฺต, ทุกฺขา เวทนา ตถาคตสฺส กาเย อุปฺปนฺนปุพฺพา’’ติ? ‘‘อาม, มหาราช, ราชคเห ภควโต ปาโท สกลิกาย 1 ขโต, โลหิตปกฺขนฺทิกาพาโธ อุปฺปโนฺน, กาเย อภิสเนฺน ชีวเกน วิเรโก การิโต, วาตาพาเธ อุปฺปเนฺน อุปฎฺฐาเกน เถเรน อุโณฺหทกํ ปริยิฎฺฐ’’นฺติฯ

    ‘‘Kiṃ pana, bhante, dukkhā vedanā tathāgatassa kāye uppannapubbā’’ti? ‘‘Āma, mahārāja, rājagahe bhagavato pādo sakalikāya 2 khato, lohitapakkhandikābādho uppanno, kāye abhisanne jīvakena vireko kārito, vātābādhe uppanne upaṭṭhākena therena uṇhodakaṃ pariyiṭṭha’’nti.

    ‘‘ยทิ , ภเนฺต นาคเสน, ตถาคโต สพฺพํ อกุสลํ ฌาเปตฺวา สพฺพญฺญุตํ ปโตฺต, เตน หิ ภควโต ปาโท สกลิกาย ขโต, โลหิตปกฺขนฺทิกา จ อาพาโธ อุปฺปโนฺนติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉาฯ ยทิ ตถาคตสฺส ปาโท สกลิกาย ขโต, โลหิตปกฺขนฺทิกา จ อาพาโธ อุปฺปโนฺน, เตน หิ ตถาคโต สพฺพํ อกุสลํ ฌาเปตฺวา สพฺพญฺญุตํ ปโตฺตติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉาฯ นตฺถิ, ภเนฺต, วินา กเมฺมน เวทยิตํ, สพฺพํ ตํ เวทยิตํ กมฺมมูลกํ, ตํ กเมฺมเนว เวทยติ, อยมฺปิ อุภโต โกฎิโก ปโญฺห ตวานุปฺปโตฺต, โส ตยา นิพฺพาหิตโพฺพ’’ติ 3

    ‘‘Yadi , bhante nāgasena, tathāgato sabbaṃ akusalaṃ jhāpetvā sabbaññutaṃ patto, tena hi bhagavato pādo sakalikāya khato, lohitapakkhandikā ca ābādho uppannoti yaṃ vacanaṃ, taṃ micchā. Yadi tathāgatassa pādo sakalikāya khato, lohitapakkhandikā ca ābādho uppanno, tena hi tathāgato sabbaṃ akusalaṃ jhāpetvā sabbaññutaṃ pattoti tampi vacanaṃ micchā. Natthi, bhante, vinā kammena vedayitaṃ, sabbaṃ taṃ vedayitaṃ kammamūlakaṃ, taṃ kammeneva vedayati, ayampi ubhato koṭiko pañho tavānuppatto, so tayā nibbāhitabbo’’ti 4.

    ‘‘น หิ, มหาราช, สพฺพํ ตํ เวทยิตํ กมฺมมูลกํฯ อฎฺฐหิ, มหาราช, การเณหิ เวทยิตานิ อุปฺปชฺชนฺติ, เยหิ การเณหิ ปุถู สตฺตา เวทนา เวทิยนฺติฯ กตเมหิ อฎฺฐหิ? วาตสมุฎฺฐานานิปิ โข, มหาราช, อิเธกจฺจานิ เวทยิตานิ อุปฺปชฺชนฺติ, ปิตฺตสมุฎฺฐานานิปิ โข, มหาราช…เป.… เสมฺหสมุฎฺฐานานิปิ โข, มหาราช…เป.… สนฺนิปาติกานิปิ โข, มหาราช…เป.… อุตุปริณามชานิปิ โข, มหาราช…เป.… วิสมปริหารชานิปิ โข, มหาราช…เป.… โอปกฺกมิกานิปิ โข, มหาราช…เป.… กมฺมวิปากชานิปิ โข, มหาราช, อิเธกจฺจานิ เวทยิตานิ อุปฺปชฺชนฺติฯ อิเมหิ โข, มหาราช, อฎฺฐหิ การเณหิ ปุถู สตฺตา เวทนา เวทยนฺติฯ ตตฺถ เย เต ปุคฺคลา ‘สเตฺต กมฺมํ วิพาธตี’ติ วเทยฺยุํ, เต อิเม ปุคฺคลา สตฺตการณํ ปฎิพาหนฺติฯ เตสํ ตํ วจนํ มิจฺฉา’’ติฯ ‘‘ภเนฺต นาคเสน, ยญฺจ วาติกํ ยญฺจ ปิตฺติกํ ยญฺจ เสมฺหิกํ ยญฺจ สนฺนิปาติกํ ยญฺจ อุตุปริณามชํ ยญฺจ วิสมปริหารชํ ยญฺจ โอปกฺกมิกํ, สเพฺพเต กมฺมสมุฎฺฐานา เยว, กเมฺมเนว เต สเพฺพ สมฺภวนฺตี’’ติฯ

    ‘‘Na hi, mahārāja, sabbaṃ taṃ vedayitaṃ kammamūlakaṃ. Aṭṭhahi, mahārāja, kāraṇehi vedayitāni uppajjanti, yehi kāraṇehi puthū sattā vedanā vediyanti. Katamehi aṭṭhahi? Vātasamuṭṭhānānipi kho, mahārāja, idhekaccāni vedayitāni uppajjanti, pittasamuṭṭhānānipi kho, mahārāja…pe… semhasamuṭṭhānānipi kho, mahārāja…pe… sannipātikānipi kho, mahārāja…pe… utupariṇāmajānipi kho, mahārāja…pe… visamaparihārajānipi kho, mahārāja…pe… opakkamikānipi kho, mahārāja…pe… kammavipākajānipi kho, mahārāja, idhekaccāni vedayitāni uppajjanti. Imehi kho, mahārāja, aṭṭhahi kāraṇehi puthū sattā vedanā vedayanti. Tattha ye te puggalā ‘satte kammaṃ vibādhatī’ti vadeyyuṃ, te ime puggalā sattakāraṇaṃ paṭibāhanti. Tesaṃ taṃ vacanaṃ micchā’’ti. ‘‘Bhante nāgasena, yañca vātikaṃ yañca pittikaṃ yañca semhikaṃ yañca sannipātikaṃ yañca utupariṇāmajaṃ yañca visamaparihārajaṃ yañca opakkamikaṃ, sabbete kammasamuṭṭhānā yeva, kammeneva te sabbe sambhavantī’’ti.

    ‘‘ยทิ, มหาราช, เตปิ สเพฺพ กมฺมสมุฎฺฐานาว อาพาธา ภเวยฺยุํ, น เตสํ โกฎฺฐาสโต ลกฺขณานิ ภเวยฺยุํฯ วาโต โข, มหาราช, กุปฺปมาโน ทสวิเธน กุปฺปติ สีเตน อุเณฺหน ชิฆจฺฉาย วิปาสาย อติภุเตฺตน ฐาเนน ปธาเนน อาธาวเนน อุปกฺกเมน กมฺมวิปาเกนฯ ตตฺร เย เต นว วิธา, น เต อตีเต, น อนาคเต, วตฺตมานเก ภเว อุปฺปชฺชนฺติ, ตสฺมา น วตฺตพฺพา ‘กมฺมสมฺภวา สพฺพา เวทนา’ติฯ ปิตฺตํ, มหาราช, กุปฺปมานํ ติวิเธน กุปฺปติ สีเตน อุเณฺหน วิสมโภชเนนฯ เสมฺหํ, มหาราช, กุปฺปมานํ ติวิเธน กุปฺปติ สีเตน อุเณฺหน อนฺนปาเนนฯ โย จ, มหาราช, วาโต ยญฺจ ปิตฺตํ ยญฺจ เสมฺหํ, เตหิ เตหิ โกเปหิ กุปฺปิตฺวา มิสฺสี หุตฺวา สกํ สกํ เวทนํ อากฑฺฒติฯ อุตุปริณามชา, มหาราช, เวทนา อุตุปริยาเมน อุปฺปชฺชติฯ วิสมปริหารชา เวทนา วิสมปริหาเรน อุปฺปชฺชติฯ โอปกฺกมิกา, มหาราช, เวทนา อตฺถิ กิริยา, อตฺถิ กมฺมวิปากา, กมฺมวิปากชา เวทนา ปุเพฺพ กเตน กเมฺมน อุปฺปชฺชติฯ อิติ โข, มหาราช, อปฺปํ กมฺมวิปากชํ, พหุตรํ อวเสสํฯ ตตฺถ พาลา ‘สพฺพํ กมฺมวิปากชํ เยวา’ติ อติธาวนฺติฯ ตํ กมฺมํ น สกฺกา วินา พุทฺธญาเณน ววตฺถานํ กาตุํฯ

    ‘‘Yadi, mahārāja, tepi sabbe kammasamuṭṭhānāva ābādhā bhaveyyuṃ, na tesaṃ koṭṭhāsato lakkhaṇāni bhaveyyuṃ. Vāto kho, mahārāja, kuppamāno dasavidhena kuppati sītena uṇhena jighacchāya vipāsāya atibhuttena ṭhānena padhānena ādhāvanena upakkamena kammavipākena. Tatra ye te nava vidhā, na te atīte, na anāgate, vattamānake bhave uppajjanti, tasmā na vattabbā ‘kammasambhavā sabbā vedanā’ti. Pittaṃ, mahārāja, kuppamānaṃ tividhena kuppati sītena uṇhena visamabhojanena. Semhaṃ, mahārāja, kuppamānaṃ tividhena kuppati sītena uṇhena annapānena. Yo ca, mahārāja, vāto yañca pittaṃ yañca semhaṃ, tehi tehi kopehi kuppitvā missī hutvā sakaṃ sakaṃ vedanaṃ ākaḍḍhati. Utupariṇāmajā, mahārāja, vedanā utupariyāmena uppajjati. Visamaparihārajā vedanā visamaparihārena uppajjati. Opakkamikā, mahārāja, vedanā atthi kiriyā, atthi kammavipākā, kammavipākajā vedanā pubbe katena kammena uppajjati. Iti kho, mahārāja, appaṃ kammavipākajaṃ, bahutaraṃ avasesaṃ. Tattha bālā ‘sabbaṃ kammavipākajaṃ yevā’ti atidhāvanti. Taṃ kammaṃ na sakkā vinā buddhañāṇena vavatthānaṃ kātuṃ.

    ‘‘ยํ ปน, มหาราช, ภควโต ปาโท สกลิกาย ขโต, ตํ เวทยิตํ เนว วาตสมุฎฺฐานํ, น ปิตฺตสมุฎฺฐานํ, น เสมฺหสมุฎฺฐานํ, น สนฺนิปาติกํ, น อุตุปริณามชํ, น วิสมปริหารชํ, น กมฺมวิปากชํ, โอปกฺกมิกํ เยวฯ เทวทโตฺต หิ, มหาราช, พหูนิ ชาติสตสหสฺสานิ ตถาคเต อาฆาตํ พนฺธิ, โส เตน อาฆาเตน มหติํ ครุํ สิลํ คเหตฺวา ‘มตฺถเก ปาเตสฺสามี’ติ มุญฺจิ, อถเญฺญ เทฺว เสลา อาคนฺตฺวา ตํ สิลํ ตถาคตํ อสมฺปตฺตํ เยว สมฺปฎิจฺฉิํสุ, ตาสํ ปหาเรน ปปฎิกา ภิชฺชิตฺวา ภควโต ปาเท ปติตฺวา รุหิรํ 5 อุปฺปาเทสิ, กมฺมวิปากโต วา, มหาราช, ภควโต เอสา เวทนา นิพฺพตฺตา กิริยโต วา, ตตุทฺธํ นตฺถญฺญา เวทนาฯ

    ‘‘Yaṃ pana, mahārāja, bhagavato pādo sakalikāya khato, taṃ vedayitaṃ neva vātasamuṭṭhānaṃ, na pittasamuṭṭhānaṃ, na semhasamuṭṭhānaṃ, na sannipātikaṃ, na utupariṇāmajaṃ, na visamaparihārajaṃ, na kammavipākajaṃ, opakkamikaṃ yeva. Devadatto hi, mahārāja, bahūni jātisatasahassāni tathāgate āghātaṃ bandhi, so tena āghātena mahatiṃ garuṃ silaṃ gahetvā ‘matthake pātessāmī’ti muñci, athaññe dve selā āgantvā taṃ silaṃ tathāgataṃ asampattaṃ yeva sampaṭicchiṃsu, tāsaṃ pahārena papaṭikā bhijjitvā bhagavato pāde patitvā ruhiraṃ 6 uppādesi, kammavipākato vā, mahārāja, bhagavato esā vedanā nibbattā kiriyato vā, tatuddhaṃ natthaññā vedanā.

    ‘‘ยถา, มหาราช, เขตฺตทุฎฺฐตาย วา พีชํ น สมฺภวติ พีชทุฎฺฐตาย วาฯ เอวเมว โข, มหาราช, กมฺมวิปากโต วา ภควโต เอสา เวทนา นิพฺพตฺตา กิริยโต วา, ตตุทฺธํ นตฺถญฺญา เวทนาฯ

    ‘‘Yathā, mahārāja, khettaduṭṭhatāya vā bījaṃ na sambhavati bījaduṭṭhatāya vā. Evameva kho, mahārāja, kammavipākato vā bhagavato esā vedanā nibbattā kiriyato vā, tatuddhaṃ natthaññā vedanā.

    ‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, โกฎฺฐทุฎฺฐตาย วา โภชนํ วิสมํ ปริณมติ อาหารทุฎฺฐตาย วา, เอวเมว โข, มหาราช, กมฺมวิปากโต วา ภควโต เอสา เวทนา นิพฺพตฺตา กิริยโต วา, ตตุทฺธํ นตฺถญฺญา เวทนาฯ อปิ จ, มหาราช, นตฺถิ ภควโต กมฺมวิปากชา เวทนา, นตฺถิ วิสมปริหารชา เวทนา, อวเสเสหิ สมุฎฺฐาเนหิ ภควโต เวทนา อุปฺปชฺชติ, ตาย จ ปน เวทนาย น สกฺกา ภควนฺตํ ชีวิตา โวโรเปตุํฯ

    ‘‘Yathā vā pana, mahārāja, koṭṭhaduṭṭhatāya vā bhojanaṃ visamaṃ pariṇamati āhāraduṭṭhatāya vā, evameva kho, mahārāja, kammavipākato vā bhagavato esā vedanā nibbattā kiriyato vā, tatuddhaṃ natthaññā vedanā. Api ca, mahārāja, natthi bhagavato kammavipākajā vedanā, natthi visamaparihārajā vedanā, avasesehi samuṭṭhānehi bhagavato vedanā uppajjati, tāya ca pana vedanāya na sakkā bhagavantaṃ jīvitā voropetuṃ.

    ‘‘นิปตนฺติ , มหาราช, อิมสฺมิํ จาตุมหาภูติเก 7 กาเย อิฎฺฐานิฎฺฐา สุภาสุภเวทนาฯ อิธ, มหาราช, อากาเส ขิโตฺต เลฑฺฑุ มหาปถวิยา นิปตติ, อปิ นุ โข โส, มหาราช, เลฑฺฑุ ปุเพฺพ กเตน มหาปถวิยา นิปตี’’ติ? ‘‘น หิ, ภเนฺต, นตฺถิ โส, ภเนฺต, เหตุ มหาปถวิยา, เยน เหตุนา มหาปถวี กุสลากุสลวิปากํ ปฎิสํเวเทยฺย, ปจฺจุปฺปเนฺนน , ภเนฺต, อกมฺมเกน เหตุนา โส เลฑฺฑุ มหาปถวิยํ นิปตติฯ ยถา, มหาราช, มหาปถวี, เอวํ ตถาคโต ทฎฺฐโพฺพฯ ยถา เลฑฺฑุ ปุเพฺพ อกเตน มหาปถวิยํ นิปตติ, เอวเมว โข, มหาราช, ตถาคตสฺส ปุเพฺพ อกเตน สา สกลิกาปาเท นิปติตาฯ

    ‘‘Nipatanti , mahārāja, imasmiṃ cātumahābhūtike 8 kāye iṭṭhāniṭṭhā subhāsubhavedanā. Idha, mahārāja, ākāse khitto leḍḍu mahāpathaviyā nipatati, api nu kho so, mahārāja, leḍḍu pubbe katena mahāpathaviyā nipatī’’ti? ‘‘Na hi, bhante, natthi so, bhante, hetu mahāpathaviyā, yena hetunā mahāpathavī kusalākusalavipākaṃ paṭisaṃvedeyya, paccuppannena , bhante, akammakena hetunā so leḍḍu mahāpathaviyaṃ nipatati. Yathā, mahārāja, mahāpathavī, evaṃ tathāgato daṭṭhabbo. Yathā leḍḍu pubbe akatena mahāpathaviyaṃ nipatati, evameva kho, mahārāja, tathāgatassa pubbe akatena sā sakalikāpāde nipatitā.

    ‘‘อิธ ปน, มหาราช, มนุสฺสา มหาปถวิํ ภินฺทนฺติ จ ขณนฺติ จ, อปิ นุ โข, มหาราช, เต มนุสฺสา ปุเพฺพ กเตน มหาปถวิํ ภินฺทนฺติ จ ขณนฺติ จา’’ติ? ‘‘น หิ ภเนฺต’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ยา สา สกลิกา ภควโต ปาเท นิปติตา, น สา สกลิกา ปุเพฺพ กเตน ภควโต ปาเท นิปติตาฯ โยปิ, มหาราช, ภควโต โลหิตปกฺขนฺทิกาพาโธ อุปฺปโนฺน, โสปิ อาพาโธ น ปุเพฺพ กเตน อุปฺปโนฺน, สนฺนิปาติเกเนว อุปฺปโนฺน, เย เกจิ, มหาราช, ภควโต กายิกา อาพาธา อุปฺปนฺนา, น เต กมฺมาภินิพฺพตฺตา, ฉนฺนํ เอเตสํ สมุฎฺฐานานํ อญฺญตรโต นิพฺพตฺตาฯ

    ‘‘Idha pana, mahārāja, manussā mahāpathaviṃ bhindanti ca khaṇanti ca, api nu kho, mahārāja, te manussā pubbe katena mahāpathaviṃ bhindanti ca khaṇanti cā’’ti? ‘‘Na hi bhante’’ti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, yā sā sakalikā bhagavato pāde nipatitā, na sā sakalikā pubbe katena bhagavato pāde nipatitā. Yopi, mahārāja, bhagavato lohitapakkhandikābādho uppanno, sopi ābādho na pubbe katena uppanno, sannipātikeneva uppanno, ye keci, mahārāja, bhagavato kāyikā ābādhā uppannā, na te kammābhinibbattā, channaṃ etesaṃ samuṭṭhānānaṃ aññatarato nibbattā.

    ‘‘ภาสิตเมฺปตํ, มหาราช, ภควตา เทวาติเทเวน สํยุตฺตนิกายวรลญฺฉเก โมฬิยสีวเก 9 เวยฺยากรเณ –

    ‘‘Bhāsitampetaṃ, mahārāja, bhagavatā devātidevena saṃyuttanikāyavaralañchake moḷiyasīvake 10 veyyākaraṇe –

    ‘‘‘ปิตฺตสมุฎฺฐานานิปิ โข, สีวก, อิเธกจฺจานิ เวทยิตานิ อุปฺปชฺชนฺติฯ สามมฺปิ โข เอตํ, สีวก, เวทิตพฺพํ, ยถา ปิตฺตสมุฎฺฐานานิปิ อิเธกจฺจานิ เวทยิตานิ อุปฺปชฺชนฺติฯ โลกสฺสปิ โข เอตํ, สีวก, สจฺจสมฺมตํ, ยถา ปิตฺตสมุฎฺฐานานิปิ อิเธกจฺจานิ เวทยิตานิ อุปฺปชฺชนฺติฯ ตตฺร, สีวก, เย เต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน ‘‘ยํ กิญฺจายํ ปุริสปุคฺคโล ปฎิสํเวเทติ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา, สพฺพํ ตํ ปุเพฺพ กตเหตู’’ติ ฯ ยญฺจ สามํ ญาตํ, ตญฺจ อติธาวนฺติ, ยญฺจ โลเก สจฺจสมฺมตํ, ตญฺจ อติธาวนฺติฯ ตสฺมา เตสํ สมณพฺราหฺมณานํ มิจฺฉาติ วทามิฯ

    ‘‘‘Pittasamuṭṭhānānipi kho, sīvaka, idhekaccāni vedayitāni uppajjanti. Sāmampi kho etaṃ, sīvaka, veditabbaṃ, yathā pittasamuṭṭhānānipi idhekaccāni vedayitāni uppajjanti. Lokassapi kho etaṃ, sīvaka, saccasammataṃ, yathā pittasamuṭṭhānānipi idhekaccāni vedayitāni uppajjanti. Tatra, sīvaka, ye te samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino ‘‘yaṃ kiñcāyaṃ purisapuggalo paṭisaṃvedeti sukhaṃ vā dukkhaṃ vā adukkhamasukhaṃ vā, sabbaṃ taṃ pubbe katahetū’’ti . Yañca sāmaṃ ñātaṃ, tañca atidhāvanti, yañca loke saccasammataṃ, tañca atidhāvanti. Tasmā tesaṃ samaṇabrāhmaṇānaṃ micchāti vadāmi.

    ‘‘‘เสมฺหสมุฎฺฐานานิปิ โข, สีวก, อิเธกจฺจานิ เวทยิตานิ อุปฺปชฺชนฺติฯ วาตสมุฎฺฐานานิปิ โข, สีวก…เป.… สนฺนิปาติกานิปิ โข, สีวก…เป.… อุตุปริณามชานิปิ โข, สีวก…เป.… วิสมปริหารชานิปิ โข , สีวก…เป.… โอปกฺกมิกานิปิ โข, สีวก…เป.… กมฺมวิปากชานิปิ โข, สีวก, อิเธกจฺจานิ เวทยิตานิ อุปฺปชฺชนฺติฯ สามมฺปิ โข เอตํ, สีวก, เวทิตพฺพํ, ยถา กมฺมวิปากชานิปิ อิเธกจฺจานิ เวทยิตานิ อุปฺปชฺชนฺติฯ โลกสฺสปิ โข เอตํ, สีวก, สจฺจสมฺมตํ, ยถา กมฺมวิปากชานิปิ อิเธกจฺจานิ เวทยิตานิ อุปฺปชฺชนฺติฯ ตตฺร, สีวก, เย เต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน ‘‘ยํ กิญฺจายํ ปุริสปุคฺคโล ปฎิสํเวเทติ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา, สพฺพํ ตํ ปุเพฺพ กตเหตู’’ติฯ ยญฺจ สามํ ญาตํ, ตญฺจ อติธาวนฺติ, ยญฺจ โลเก สจฺจสมฺมตํ, ตญฺจ อติธาวนฺติฯ ตสฺมา เตสํ สมณพฺราหฺมณานํ มิจฺฉาติ วทามี’’’ติฯ

    ‘‘‘Semhasamuṭṭhānānipi kho, sīvaka, idhekaccāni vedayitāni uppajjanti. Vātasamuṭṭhānānipi kho, sīvaka…pe… sannipātikānipi kho, sīvaka…pe… utupariṇāmajānipi kho, sīvaka…pe… visamaparihārajānipi kho , sīvaka…pe… opakkamikānipi kho, sīvaka…pe… kammavipākajānipi kho, sīvaka, idhekaccāni vedayitāni uppajjanti. Sāmampi kho etaṃ, sīvaka, veditabbaṃ, yathā kammavipākajānipi idhekaccāni vedayitāni uppajjanti. Lokassapi kho etaṃ, sīvaka, saccasammataṃ, yathā kammavipākajānipi idhekaccāni vedayitāni uppajjanti. Tatra, sīvaka, ye te samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino ‘‘yaṃ kiñcāyaṃ purisapuggalo paṭisaṃvedeti sukhaṃ vā dukkhaṃ vā adukkhamasukhaṃ vā, sabbaṃ taṃ pubbe katahetū’’ti. Yañca sāmaṃ ñātaṃ, tañca atidhāvanti, yañca loke saccasammataṃ, tañca atidhāvanti. Tasmā tesaṃ samaṇabrāhmaṇānaṃ micchāti vadāmī’’’ti.

    ‘‘อิติปิ, มหาราช, น สพฺพา เวทนา กมฺมวิปากชา, สพฺพํ, มหาราช, อกุสลํ ฌาเปตฺวา ภควา สพฺพญฺญุตํ ปโตฺตติ เอวเมตํ ธาเรหี’’ติฯ ‘‘สาธุ, ภเนฺต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฎิจฺฉามี’’ติฯ

    ‘‘Itipi, mahārāja, na sabbā vedanā kammavipākajā, sabbaṃ, mahārāja, akusalaṃ jhāpetvā bhagavā sabbaññutaṃ pattoti evametaṃ dhārehī’’ti. ‘‘Sādhu, bhante nāgasena, evametaṃ tathā sampaṭicchāmī’’ti.

    อกุสลเจฺฉทนปโญฺห อฎฺฐโมฯ

    Akusalacchedanapañho aṭṭhamo.







    Footnotes:
    1. สกฺขลิกาย (สฺยา. ก.)
    2. sakkhalikāya (syā. ka.)
    3. นิพฺพายิตโพฺพติ (ก.)
    4. nibbāyitabboti (ka.)
    5. นิปติตฺวา รุธิรํ (สฺยา.)
    6. nipatitvā rudhiraṃ (syā.)
    7. จาตุมฺมหาภูติเก (สี.)
    8. cātummahābhūtike (sī.)
    9. โมลิยสิวเก (สฺยา. ก.) สํ. นิ. ๔.๒๖๙ ปสฺสิตพฺพํ
    10. moliyasivake (syā. ka.) saṃ. ni. 4.269 passitabbaṃ

    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact