Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ธมฺมสงฺคณิ-อฎฺฐกถา • Dhammasaṅgaṇi-aṭṭhakathā

    อกุสลกมฺมปถกถา

    Akusalakammapathakathā

    ปาณาติปาโต , อทินฺนาทานํ, กาเมสุมิจฺฉาจาโร, มุสาวาโท, ปิสุณวาจา, ผรุสวาจา, สมฺผปฺปลาโป, อภิชฺฌา, พฺยาปาโท, มิจฺฉาทิฎฺฐีติ อิเม ปน ทส อกุสลกมฺมปถา นามฯ

    Pāṇātipāto , adinnādānaṃ, kāmesumicchācāro, musāvādo, pisuṇavācā, pharusavācā, samphappalāpo, abhijjhā, byāpādo, micchādiṭṭhīti ime pana dasa akusalakammapathā nāma.

    ตตฺถ ปาณสฺส อติปาโต ปาณาติปาโต นาม; ปาณวโธ, ปาณฆาโตติ วุตฺตํ โหติฯ ปาโณติ เจตฺถ โวหารโต สโตฺต, ปรมตฺถโต ชีวิตินฺทฺริยํฯ ตสฺมิํ ปน ปาเณ ปาณสญฺญิโน ชีวิตินฺทฺริยุปเจฺฉทกอุปกฺกมสมุฎฺฐาปิกา กายวจีทฺวารานํ อญฺญตรทฺวารปฺปวตฺตา วธกเจตนา ปาณาติปาโตฯ โส คุณวิรหิเตสุ ติรจฺฉานคตาทีสุ ปาเณสุ ขุทฺทเก ปาเณ อปฺปสาวโชฺช, มหาสรีเร มหาสาวโชฺชฯ กสฺมา? ปโยคมหนฺตตายฯ ปโยคสมเตฺตปิ วตฺถุมหนฺตตายฯ คุณวเนฺตสุ มนุสฺสาทีสุ อปฺปคุเณ อปฺปสาวโชฺช, มหาคุเณ มหาสาวโชฺชฯ สรีรคุณานํ ปน สมภาเว สติ กิเลสานํ อุปกฺกมานญฺจ มุทุตาย อปฺปสาวโชฺช, ติพฺพตาย มหาสาวโชฺชติ เวทิตโพฺพฯ

    Tattha pāṇassa atipāto pāṇātipāto nāma; pāṇavadho, pāṇaghātoti vuttaṃ hoti. Pāṇoti cettha vohārato satto, paramatthato jīvitindriyaṃ. Tasmiṃ pana pāṇe pāṇasaññino jīvitindriyupacchedakaupakkamasamuṭṭhāpikā kāyavacīdvārānaṃ aññataradvārappavattā vadhakacetanā pāṇātipāto. So guṇavirahitesu tiracchānagatādīsu pāṇesu khuddake pāṇe appasāvajjo, mahāsarīre mahāsāvajjo. Kasmā? Payogamahantatāya. Payogasamattepi vatthumahantatāya. Guṇavantesu manussādīsu appaguṇe appasāvajjo, mahāguṇe mahāsāvajjo. Sarīraguṇānaṃ pana samabhāve sati kilesānaṃ upakkamānañca mudutāya appasāvajjo, tibbatāya mahāsāvajjoti veditabbo.

    ตสฺส ปญฺจ สมฺภารา โหนฺติ – ปาโณ, ปาณสญฺญิตา, วธกจิตฺตํ, อุปกฺกโม, เตน มรณนฺติฯ ฉ ปโยคา – สาหตฺถิโก, อาณตฺติโก, นิสฺสคฺคิโย, ถาวโร, วิชฺชามโย, อิทฺธิมโยติฯ อิมสฺมิํ ปนเตฺถ วิตฺถาริยมาเน อติปปโญฺจ โหติฯ ตสฺมา ตํ น วิตฺถารยามฯ อญฺญญฺจ เอวรูปํ อตฺถิเกหิ ปน สมนฺตปาสาทิกํ วินยฎฺฐกถํ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๑๗๒) โอโลเกตฺวา คเหตพฺพํฯ

    Tassa pañca sambhārā honti – pāṇo, pāṇasaññitā, vadhakacittaṃ, upakkamo, tena maraṇanti. Cha payogā – sāhatthiko, āṇattiko, nissaggiyo, thāvaro, vijjāmayo, iddhimayoti. Imasmiṃ panatthe vitthāriyamāne atipapañco hoti. Tasmā taṃ na vitthārayāma. Aññañca evarūpaṃ atthikehi pana samantapāsādikaṃ vinayaṭṭhakathaṃ (pārā. aṭṭha. 2.172) oloketvā gahetabbaṃ.

    อทินฺนสฺส อาทานํ ‘อทินฺนาทานํ’; ปรสฺสหรณํ, เถยฺยํ, โจริกาติ วุตฺตํ โหติฯ ตตฺถ อทินฺนนฺติ ปรปริคฺคหิตํ, ยตฺถ ปโร ยถากามการิตํ อาปชฺชโนฺต อทณฺฑารโห อนุปวโชฺช จ โหติฯ ตสฺมิํ ปรปริคฺคหิเต ปรปริคฺคหิตสญฺญิโน ตทาทายกอุปกฺกมสมุฎฺฐาปิกา เถยฺยเจตนา อทินฺนาทานํฯ ตํ หีเน ปรสนฺตเก อปฺปสาวชฺชํ, ปณีเต มหาสาวชฺชํฯ กสฺมา? วตฺถุปณีตตายฯ วตฺถุสมเตฺต สติ คุณาธิกานํ สนฺตเก วตฺถุสฺมิํ มหาสาวชฺชํฯ ตํตํคุณาธิกํ อุปาทาย ตโต ตโต หีนคุณสฺส สนฺตเก วตฺถุสฺมิํ อปฺปสาวชฺชํฯ

    Adinnassa ādānaṃ ‘adinnādānaṃ’; parassaharaṇaṃ, theyyaṃ, corikāti vuttaṃ hoti. Tattha adinnanti parapariggahitaṃ, yattha paro yathākāmakāritaṃ āpajjanto adaṇḍāraho anupavajjo ca hoti. Tasmiṃ parapariggahite parapariggahitasaññino tadādāyakaupakkamasamuṭṭhāpikā theyyacetanā adinnādānaṃ. Taṃ hīne parasantake appasāvajjaṃ, paṇīte mahāsāvajjaṃ. Kasmā? Vatthupaṇītatāya. Vatthusamatte sati guṇādhikānaṃ santake vatthusmiṃ mahāsāvajjaṃ. Taṃtaṃguṇādhikaṃ upādāya tato tato hīnaguṇassa santake vatthusmiṃ appasāvajjaṃ.

    ตสฺส ปญฺจ สมฺภารา โหนฺติ – ปรปริคฺคหิตํ, ปรปริคฺคหิตสญฺญิตา, เถยฺยจิตฺตํ, อุปกฺกโม , เตน หรณนฺติฯ ฉ ปโยคา – สาหตฺถิกาทโยวฯ เต จ โข ยถานุรูปํ เถยฺยาวหาโร, ปสยฺหาวหาโร, ปฎิจฺฉนฺนาวหาโร, ปริกปฺปาวหาโร, กุสาวหาโรติ อิเมสํ ปญฺจนฺนํ อวหารานํ วเสน ปวตฺตนฺติฯ อยเมตฺถ สเงฺขโปฯ วิตฺถาโร ปน สมนฺตปาสาทิกายํ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๑๓๘) วุโตฺตฯ

    Tassa pañca sambhārā honti – parapariggahitaṃ, parapariggahitasaññitā, theyyacittaṃ, upakkamo , tena haraṇanti. Cha payogā – sāhatthikādayova. Te ca kho yathānurūpaṃ theyyāvahāro, pasayhāvahāro, paṭicchannāvahāro, parikappāvahāro, kusāvahāroti imesaṃ pañcannaṃ avahārānaṃ vasena pavattanti. Ayamettha saṅkhepo. Vitthāro pana samantapāsādikāyaṃ (pārā. aṭṭha. 1.138) vutto.

    ‘กาเมสุ มิจฺฉาจาโร’ติ เอตฺถ ปน ‘กาเมสู’ติ เมถุนสมาจาเรสุ; ‘มิจฺฉาจาโร’ติ เอกนฺตนินฺทิโต ลามกาจาโรฯ ลกฺขณโต ปน อสทฺธมฺมาธิปฺปาเยน กายทฺวารปฺปวตฺตา อคมนียฎฺฐานวีติกฺกมเจตนา กาเมสุมิจฺฉาจาโร

    ‘Kāmesu micchācāro’ti ettha pana ‘kāmesū’ti methunasamācāresu; ‘micchācāro’ti ekantanindito lāmakācāro. Lakkhaṇato pana asaddhammādhippāyena kāyadvārappavattā agamanīyaṭṭhānavītikkamacetanā kāmesumicchācāro.

    ตตฺถ อคมนียฎฺฐานํ นาม – ปุริสานํ ตาว มาตุรกฺขิตา, ปิตุรกฺขิตา, มาตาปิตุรกฺขิตา, ภาตุรกฺขิตา, ภคินิรกฺขิตา, ญาติรกฺขิตา, โคตฺตรกฺขิตา, ธมฺมรกฺขิตา, สารกฺขา, สปริทณฺฑาติ มาตุรกฺขิตาทโย ทส; ธนกฺกีตา, ฉนฺทวาสินี, โภควาสินี, ปฎวาสินี, โอทปตฺตกินี, โอภฎจุมฺพฎา, ทาสี จ ภริยา, กมฺมการี จ ภริยา, ธชาหฎา, มุหุตฺติกาติ เอตา ธนกฺกีตาทโย ทสาติ วีสติ อิตฺถิโยฯ อิตฺถีสุ ปน ทฺวินฺนํ สารกฺขสปริทณฺฑานํ, ทสนฺนญฺจ ธนกฺกีตาทีนนฺติ ทฺวาทสนฺนํ อิตฺถีนํ อเญฺญ ปุริสา อิทํ อคมนียฎฺฐานํ นามฯ

    Tattha agamanīyaṭṭhānaṃ nāma – purisānaṃ tāva māturakkhitā, piturakkhitā, mātāpiturakkhitā, bhāturakkhitā, bhaginirakkhitā, ñātirakkhitā, gottarakkhitā, dhammarakkhitā, sārakkhā, saparidaṇḍāti māturakkhitādayo dasa; dhanakkītā, chandavāsinī, bhogavāsinī, paṭavāsinī, odapattakinī, obhaṭacumbaṭā, dāsī ca bhariyā, kammakārī ca bhariyā, dhajāhaṭā, muhuttikāti etā dhanakkītādayo dasāti vīsati itthiyo. Itthīsu pana dvinnaṃ sārakkhasaparidaṇḍānaṃ, dasannañca dhanakkītādīnanti dvādasannaṃ itthīnaṃ aññe purisā idaṃ agamanīyaṭṭhānaṃ nāma.

    โส ปเนส มิจฺฉาจาโร สีลาทิคุณรหิเต อคมนียฎฺฐาเน อปฺปสาวโชฺช, สีลาทิคุณสมฺปเนฺน มหาสาวโชฺชฯ ตสฺส จตฺตาโร สมฺภารา – อคมนียวตฺถุ, ตสฺมิํ เสวนจิตฺตํ, เสวนปฺปโยโค, มเคฺคนมคฺคปฺปฎิปตฺติอธิวาสนนฺติฯ เอโก ปโยโค สาหตฺถิโก เอวฯ

    So panesa micchācāro sīlādiguṇarahite agamanīyaṭṭhāne appasāvajjo, sīlādiguṇasampanne mahāsāvajjo. Tassa cattāro sambhārā – agamanīyavatthu, tasmiṃ sevanacittaṃ, sevanappayogo, maggenamaggappaṭipattiadhivāsananti. Eko payogo sāhatthiko eva.

    ‘มุสา’ติ วิสํวาทนปุเรกฺขารสฺส อตฺถภญฺชโก วจีปโยโค, กายปโยโค วาฯ วิสํวาทนาธิปฺปาเยน ปนสฺส ปรวิสํวาทกกายวจีปโยคสมุฎฺฐาปิกา เจตนา มุสาวาโทฯ อปโร นโย – ‘มุสา’ติ อภูตํ อตจฺฉํ วตฺถุฯ ‘วาโท’ติ ตสฺส ภูตโต ตจฺฉโต วิญฺญาปนํฯ ลกฺขณโต ปน อตถํ วตฺถุํ ตถโต ปรํ วิญฺญาเปตุกามสฺส ตถาวิญฺญตฺติสมุฎฺฐาปิกา เจตนา มุสาวาโทฯ โส ยมตฺถํ ภญฺชติ ตสฺส อปฺปตาย อปฺปสาวโชฺช, มหนฺตตาย มหาสาวโชฺชฯ อปิจ คหฎฺฐานํ อตฺตโน สนฺตกํ อทาตุกามตาย ‘นตฺถี’ติอาทินยปฺปวโตฺต อปฺปสาวโชฺชฯ สกฺขินา หุตฺวา อตฺถภญฺชนตฺถํ วุโตฺต มหาสาวโชฺชฯ ปพฺพชิตานํ อปฺปกมฺปิ เตลํ วา สปฺปิํ วา ลภิตฺวา หสาธิปฺปาเยน ‘อชฺช คาเม เตลํ นที มเญฺญ สนฺทตี’ติ ปูรณกถานเยน ปวโตฺต อปฺปสาวโชฺชฯ อทิฎฺฐํเยว ปน ทิฎฺฐนฺติอาทินา นเยน วทนฺตานํ มหาสาวโชฺชฯ

    ‘Musā’ti visaṃvādanapurekkhārassa atthabhañjako vacīpayogo, kāyapayogo vā. Visaṃvādanādhippāyena panassa paravisaṃvādakakāyavacīpayogasamuṭṭhāpikā cetanā musāvādo. Aparo nayo – ‘musā’ti abhūtaṃ atacchaṃ vatthu. ‘Vādo’ti tassa bhūtato tacchato viññāpanaṃ. Lakkhaṇato pana atathaṃ vatthuṃ tathato paraṃ viññāpetukāmassa tathāviññattisamuṭṭhāpikā cetanā musāvādo. So yamatthaṃ bhañjati tassa appatāya appasāvajjo, mahantatāya mahāsāvajjo. Apica gahaṭṭhānaṃ attano santakaṃ adātukāmatāya ‘natthī’tiādinayappavatto appasāvajjo. Sakkhinā hutvā atthabhañjanatthaṃ vutto mahāsāvajjo. Pabbajitānaṃ appakampi telaṃ vā sappiṃ vā labhitvā hasādhippāyena ‘ajja gāme telaṃ nadī maññe sandatī’ti pūraṇakathānayena pavatto appasāvajjo. Adiṭṭhaṃyeva pana diṭṭhantiādinā nayena vadantānaṃ mahāsāvajjo.

    ตสฺส จตฺตาโร สมฺภารา โหนฺติ – อตถํ วตฺถุ, วิสํวาทนจิตฺตํ, ตโชฺช วายาโม, ปรสฺส ตทตฺถวิชานนนฺติฯ เอโก ปโยโค – สาหตฺถิโกวฯ โส จ กาเยน วา กายปฺปฎิพเทฺธน วา วาจาย วา ปรวิสํวาทกกิริยากรเณ ทฎฺฐโพฺพฯ ตาย เจ กิริยาย ปโร ตมตฺถํ ชานาติ, อยํ กิริยสมุฎฺฐาปิกเจตนากฺขเณเยว มุสาวาทกมฺมุนา พชฺฌติฯ ยสฺมา ปน ยถา กายกายปฺปฎิพทฺธวาจาหิ ปรํ วิสํวาเทติ, ตถา อิมสฺส ‘อิมํ ภณาหี’ติ อาณาเปโนฺตปิ, ปณฺณํ ลิขิตฺวา ปุรโต นิสฺสชฺชโนฺตปิ, ‘อยมโตฺถ เอวํ ทฎฺฐโพฺพ’ติ กุฎฺฎาทีสุ ลิขิตฺวา ฐเปโนฺตปิ; ตสฺมา เอตฺถ อาณตฺติกนิสฺสคฺคิยถาวราปิ ปโยคา ยุชฺชนฺติฯ อฎฺฐกถาสุ ปน อนาคตตฺตา วีมํสิตฺวา คเหตพฺพาฯ

    Tassa cattāro sambhārā honti – atathaṃ vatthu, visaṃvādanacittaṃ, tajjo vāyāmo, parassa tadatthavijānananti. Eko payogo – sāhatthikova. So ca kāyena vā kāyappaṭibaddhena vā vācāya vā paravisaṃvādakakiriyākaraṇe daṭṭhabbo. Tāya ce kiriyāya paro tamatthaṃ jānāti, ayaṃ kiriyasamuṭṭhāpikacetanākkhaṇeyeva musāvādakammunā bajjhati. Yasmā pana yathā kāyakāyappaṭibaddhavācāhi paraṃ visaṃvādeti, tathā imassa ‘imaṃ bhaṇāhī’ti āṇāpentopi, paṇṇaṃ likhitvā purato nissajjantopi, ‘ayamattho evaṃ daṭṭhabbo’ti kuṭṭādīsu likhitvā ṭhapentopi; tasmā ettha āṇattikanissaggiyathāvarāpi payogā yujjanti. Aṭṭhakathāsu pana anāgatattā vīmaṃsitvā gahetabbā.

    ‘ปิสุณวาจา’ติอาทีสุ ยาย วาจาย ยสฺส ตํ วาจํ ภาสติ ตสฺส หทเย อตฺตโน ปิยภาวํ ปรสฺส จ สุญฺญภาวํ กโรติ, สา ปิสุณวาจาฯ ยาย ปน อตฺตานมฺปิ ปรมฺปิ ผรุสํ กโรติ, ยา วาจา สยมฺปิ ผรุสา เนว กณฺณสุขา, น หทยงฺคมา, อยํ ‘ผรุสวาจา’ฯ เยน สมฺผํ ปลปติ, นิรตฺถกํ, โส ‘สมฺผปฺปลาโป’ฯ เตสํ มูลภูตา เจตนาปิ ปิสุณวาจาทินามเมว ลภติฯ สา เอว จ อิธ อธิเปฺปตาติฯ

    ‘Pisuṇavācā’tiādīsu yāya vācāya yassa taṃ vācaṃ bhāsati tassa hadaye attano piyabhāvaṃ parassa ca suññabhāvaṃ karoti, sā pisuṇavācā. Yāya pana attānampi parampi pharusaṃ karoti, yā vācā sayampi pharusā neva kaṇṇasukhā, na hadayaṅgamā, ayaṃ ‘pharusavācā’. Yena samphaṃ palapati, niratthakaṃ, so ‘samphappalāpo’. Tesaṃ mūlabhūtā cetanāpi pisuṇavācādināmameva labhati. Sā eva ca idha adhippetāti.

    ตตฺถ สํกิลิฎฺฐจิตฺตสฺส ปเรสํ วา เภทาย อตฺตโน ปิยกมฺยตาย วา กายวจีปโยคสมุฎฺฐาปิกา เจตนา ปิสุณวาจา นามฯ สา ยสฺส เภทํ กโรติ ตสฺส อปฺปคุณตาย อปฺปสาวชฺชา, มหาคุณตาย มหาสาวชฺชาฯ

    Tattha saṃkiliṭṭhacittassa paresaṃ vā bhedāya attano piyakamyatāya vā kāyavacīpayogasamuṭṭhāpikā cetanā pisuṇavācā nāma. Sā yassa bhedaṃ karoti tassa appaguṇatāya appasāvajjā, mahāguṇatāya mahāsāvajjā.

    ตสฺสา จตฺตาโร สมฺภารา – ‘ภินฺทิตโพฺพ ปโร’ อิติ ‘อิเม นานา ภวิสฺส’นฺติ วินา ภวิสฺสนฺตีติ เภทปุเรกฺขารตา วา, ‘อิติ อหํ ปิโย ภวิสฺสามิ วิสฺสาสิโก’ติ ปิยกมฺยตา วา, ตโชฺช วายาโม, ตสฺส ตทตฺถวิชานนนฺติ ฯ ปเร ปน อภิเนฺน กมฺมปถเภโท นตฺถิ, ภิเนฺน เอว โหติฯ

    Tassā cattāro sambhārā – ‘bhinditabbo paro’ iti ‘ime nānā bhavissa’nti vinā bhavissantīti bhedapurekkhāratā vā, ‘iti ahaṃ piyo bhavissāmi vissāsiko’ti piyakamyatā vā, tajjo vāyāmo, tassa tadatthavijānananti . Pare pana abhinne kammapathabhedo natthi, bhinne eva hoti.

    ปรสฺส มมฺมเจฺฉทกกายวจีปโยคสมุฎฺฐาปิกา เอกนฺตผรุสเจตนา ‘ผรุสวาจา’ฯ ตสฺสา อาวิภาวตฺถมิทํ วตฺถุ – เอโก กิร ทารโก มาตุ วจนํ อนาทิยิตฺวา อรญฺญํ คจฺฉติฯ ตํ มาตา นิวเตฺตตุํ อสโกฺกนฺตี ‘จณฺฑา ตํ มหิํสี อนุพนฺธตู’ติ อโกฺกสิฯ อถสฺส ตเถว อรเญฺญ มหิํสี อุฎฺฐาสิฯ ทารโก ‘ยํ มม มาตา มุเขน กเถสิ ตํ มา โหตุ, ยํ จิเตฺตน จิเนฺตสิ ตํ โหตู’ติ สจฺจกิริยํ อกาสิฯ มหิํสี ตเตฺถว พทฺธา วิย อฎฺฐาสิฯ เอวํ มมฺมเจฺฉทโกปิ ปโยโค จิตฺตสณฺหตาย ผรุสวาจา น โหติฯ มาตาปิตโร หิ กทาจิ ปุตฺตเก เอวมฺปิ วทนฺติ – ‘โจรา โว ขณฺฑาขณฺฑิกํ กโรนฺตู’ติ, อุปฺปลปตฺตมฺปิ จ เนสํ อุปริ ปตนฺตํ น อิจฺฉนฺติฯ อาจริยุปชฺฌายา จ กทาจิ นิสฺสิตเก เอวํ วทนฺติ – ‘กิํ อิเม อหิริกา อโนตฺตปฺปิโน จรนฺติ, นิทฺธมถ เน’ติ; อถ จ เนสํ อาคมาธิคมสมฺปตฺติํ อิจฺฉนฺติฯ ยถา จ จิตฺตสณฺหตาย ผรุสวาจา น โหติ, เอวํ วจนสณฺหตาย อผรุสวาจาปิ น โหติฯ น หิ มาราเปตุกามสฺส ‘อิมํ สุขํ สยาเปถา’ติ วจนํ อผรุสวาจา โหติฯ จิตฺตผรุสตาย ปเนสา ผรุสวาจาวฯ สา ยํ สนฺธาย ปวตฺติตา ตสฺส อปฺปคุณตาย อปฺปสาวชฺชา, มหาคุณตาย มหาสาวชฺชาฯ ตสฺสา ตโย สมฺภารา – อโกฺกสิตโพฺพ ปโร, กุปิตจิตฺตํ, อโกฺกสนนฺติฯ

    Parassa mammacchedakakāyavacīpayogasamuṭṭhāpikā ekantapharusacetanā ‘pharusavācā’. Tassā āvibhāvatthamidaṃ vatthu – eko kira dārako mātu vacanaṃ anādiyitvā araññaṃ gacchati. Taṃ mātā nivattetuṃ asakkontī ‘caṇḍā taṃ mahiṃsī anubandhatū’ti akkosi. Athassa tatheva araññe mahiṃsī uṭṭhāsi. Dārako ‘yaṃ mama mātā mukhena kathesi taṃ mā hotu, yaṃ cittena cintesi taṃ hotū’ti saccakiriyaṃ akāsi. Mahiṃsī tattheva baddhā viya aṭṭhāsi. Evaṃ mammacchedakopi payogo cittasaṇhatāya pharusavācā na hoti. Mātāpitaro hi kadāci puttake evampi vadanti – ‘corā vo khaṇḍākhaṇḍikaṃ karontū’ti, uppalapattampi ca nesaṃ upari patantaṃ na icchanti. Ācariyupajjhāyā ca kadāci nissitake evaṃ vadanti – ‘kiṃ ime ahirikā anottappino caranti, niddhamatha ne’ti; atha ca nesaṃ āgamādhigamasampattiṃ icchanti. Yathā ca cittasaṇhatāya pharusavācā na hoti, evaṃ vacanasaṇhatāya apharusavācāpi na hoti. Na hi mārāpetukāmassa ‘imaṃ sukhaṃ sayāpethā’ti vacanaṃ apharusavācā hoti. Cittapharusatāya panesā pharusavācāva. Sā yaṃ sandhāya pavattitā tassa appaguṇatāya appasāvajjā, mahāguṇatāya mahāsāvajjā. Tassā tayo sambhārā – akkositabbo paro, kupitacittaṃ, akkosananti.

    อนตฺถวิญฺญาปิกา กายวจีปโยคสมุฎฺฐาปิกา อกุสลเจตนา ‘สมฺผปฺปลาโป’ฯ โส อาเสวนมนฺทตาย อปฺปสาวโชฺชฯ อาเสวนมหนฺตตาย มหาสาวโชฺชฯ ตสฺส เทฺว สมฺภารา – ภารตยุทฺธสีตาหรณาทินิรตฺถกกถาปุเรกฺขารตา, ตถารูปีกถากถนญฺจาติฯ ปเร ปน ตํ กถํ อคณฺหเนฺต กมฺมปถเภโท นตฺถิ, ปเรน สมฺผปฺปลาเป คหิเตเยว โหติฯ

    Anatthaviññāpikā kāyavacīpayogasamuṭṭhāpikā akusalacetanā ‘samphappalāpo’. So āsevanamandatāya appasāvajjo. Āsevanamahantatāya mahāsāvajjo. Tassa dve sambhārā – bhāratayuddhasītāharaṇādiniratthakakathāpurekkhāratā, tathārūpīkathākathanañcāti. Pare pana taṃ kathaṃ agaṇhante kammapathabhedo natthi, parena samphappalāpe gahiteyeva hoti.

    อภิชฺฌายตีติ ‘อภิชฺฌา’ฯ ปรภณฺฑาภิมุขี หุตฺวา ตนฺนินฺนตาย ปวตฺตตีติ อโตฺถฯ สา ‘อโห ตว อิทํ มมสฺสา’ติ เอวํ ปรภณฺฑาภิชฺฌายนลกฺขณาฯ อทินฺนาทานํ วิย อปฺปสาวชฺชา มหาสาวชฺชา จฯ ตสฺสา เทฺว สมฺภารา – ปรภณฺฑํ, อตฺตโน ปริณามนญฺจาติฯ ปรภณฺฑวตฺถุเก หิ โลเภ อุปฺปเนฺนปิ น ตาว กมฺมปถเภโท โหติ ยาว น ‘อโห วต อิทํ มมสฺสา’ติ อตฺตโน ปริณาเมติฯ

    Abhijjhāyatīti ‘abhijjhā’. Parabhaṇḍābhimukhī hutvā tanninnatāya pavattatīti attho. Sā ‘aho tava idaṃ mamassā’ti evaṃ parabhaṇḍābhijjhāyanalakkhaṇā. Adinnādānaṃ viya appasāvajjā mahāsāvajjā ca. Tassā dve sambhārā – parabhaṇḍaṃ, attano pariṇāmanañcāti. Parabhaṇḍavatthuke hi lobhe uppannepi na tāva kammapathabhedo hoti yāva na ‘aho vata idaṃ mamassā’ti attano pariṇāmeti.

    หิตสุขํ พฺยาปาทยตีติ ‘พฺยาปาโท’ฯ โส ปรวินาสาย มโนปโทสลกฺขโณฯ ผรุสวาจา วิย อปฺปสาวโชฺช มหาสาวโชฺช จฯ ตสฺส เทฺว สมฺภารา – ปรสโตฺต จ, ตสฺส จ วินาสจินฺตาติฯ ปรสตฺตวตฺถุเก หิ โกเธ อุปฺปเนฺนปิ น ตาว กมฺมปถเภโท โหติ ยาว ‘อโห วตายํ อุจฺฉิเชฺชยฺย วินเสฺสยฺยา’ติ ตสฺส วินาสนํ น จิเนฺตสิฯ

    Hitasukhaṃ byāpādayatīti ‘byāpādo’. So paravināsāya manopadosalakkhaṇo. Pharusavācā viya appasāvajjo mahāsāvajjo ca. Tassa dve sambhārā – parasatto ca, tassa ca vināsacintāti. Parasattavatthuke hi kodhe uppannepi na tāva kammapathabhedo hoti yāva ‘aho vatāyaṃ ucchijjeyya vinasseyyā’ti tassa vināsanaṃ na cintesi.

    ยถาภุจฺจคหณาภาเวน มิจฺฉา ปสฺสตีติ ‘มิจฺฉาทิฎฺฐิ’ฯ สา ‘นตฺถิ ทินฺน’นฺติอาทินา นเยน วิปรีตทสฺสนลกฺขณาฯ สมฺผปฺปลาโป วิย อปฺปสาวชฺชา มหาสาวชฺชา จฯ อปิจ อนิยตา อปฺปสาวชฺชา, นิยตา มหาสาวชฺชาฯ ตสฺสา เทฺว สมฺภารา – วตฺถุโน จ คหิตาการวิปรีตตา, ยถา จ ตํ คณฺหาติ ตถาภาเวน ตสฺสุปฎฺฐานนฺติฯ ตตฺถ นตฺถิกาเหตุกอกิริยทิฎฺฐีหิ เอว กมฺมปถเภโท โหติ, น อญฺญทิฎฺฐีหิฯ

    Yathābhuccagahaṇābhāvena micchā passatīti ‘micchādiṭṭhi’. Sā ‘natthi dinna’ntiādinā nayena viparītadassanalakkhaṇā. Samphappalāpo viya appasāvajjā mahāsāvajjā ca. Apica aniyatā appasāvajjā, niyatā mahāsāvajjā. Tassā dve sambhārā – vatthuno ca gahitākāraviparītatā, yathā ca taṃ gaṇhāti tathābhāvena tassupaṭṭhānanti. Tattha natthikāhetukaakiriyadiṭṭhīhi eva kammapathabhedo hoti, na aññadiṭṭhīhi.

    อิเมสํ ปน ทสนฺนํ อกุสลกมฺมปถานํ ธมฺมโต โกฎฺฐาสโต อารมฺมณโต เวทนาโต มูลโต จาติ ปญฺจหากาเรหิ วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพ –

    Imesaṃ pana dasannaṃ akusalakammapathānaṃ dhammato koṭṭhāsato ārammaṇato vedanāto mūlato cāti pañcahākārehi vinicchayo veditabbo –

    ตตฺถ ‘ธมฺมโต’ติ เอเตสุ หิ ปฎิปาฎิยา สตฺต เจตนาธมฺมาว โหนฺติ, อภิชฺฌาทโย ตโย เจตนาสมฺปยุตฺตาฯ

    Tattha ‘dhammato’ti etesu hi paṭipāṭiyā satta cetanādhammāva honti, abhijjhādayo tayo cetanāsampayuttā.

    ‘โกฎฺฐาสโต’ติ ปฎิปาฎิยา สตฺต, มิจฺฉาทิฎฺฐิ จาติ อิเม อฎฺฐ กมฺมปถา เอว โหนฺติ; โน มูลานิฯ อภิชฺฌาพฺยาปาทา กมฺมปถา เจว มูลานิ จฯ อภิชฺฌา หิ มูลํ ปตฺวา ‘โลโภ อกุสลมูลํ’ โหติ, พฺยาปาโท ‘โทโส อกุสลมูลํ’ฯ

    ‘Koṭṭhāsato’ti paṭipāṭiyā satta, micchādiṭṭhi cāti ime aṭṭha kammapathā eva honti; no mūlāni. Abhijjhābyāpādā kammapathā ceva mūlāni ca. Abhijjhā hi mūlaṃ patvā ‘lobho akusalamūlaṃ’ hoti, byāpādo ‘doso akusalamūlaṃ’.

    ‘อารมฺมณโต’ติ ปาณาติปาโต ชีวิตินฺทฺริยารมฺมณโต สงฺขารารมฺมโณ โหติฯ อทินฺนาทานํ สตฺตารมฺมณํ วา โหติ สงฺขารารมฺมณํ วาฯ มิจฺฉาจาโร โผฎฺฐพฺพวเสน สงฺขารารมฺมโณ โหติ; สตฺตารมฺมโณติปิ เอเกฯ มุสาวาโท สตฺตารมฺมโณ วา, สงฺขารารมฺมโณ วาฯ ตถา ปิสุณวาจาฯ ผรุสวาจา สตฺตารมฺมณาวฯ สมฺผปฺปลาโป ทิฎฺฐสุตมุตวิญฺญาตวเสน สตฺตารมฺมโณ วา สงฺขารารมฺมโณ วาฯ ตถา อภิชฺฌาฯ พฺยาปาโท สตฺตารมฺมโณวฯ มิจฺฉาทิฎฺฐิ เตภูมกธมฺมวเสน สงฺขารารมฺมณาวฯ

    ‘Ārammaṇato’ti pāṇātipāto jīvitindriyārammaṇato saṅkhārārammaṇo hoti. Adinnādānaṃ sattārammaṇaṃ vā hoti saṅkhārārammaṇaṃ vā. Micchācāro phoṭṭhabbavasena saṅkhārārammaṇo hoti; sattārammaṇotipi eke. Musāvādo sattārammaṇo vā, saṅkhārārammaṇo vā. Tathā pisuṇavācā. Pharusavācā sattārammaṇāva. Samphappalāpo diṭṭhasutamutaviññātavasena sattārammaṇo vā saṅkhārārammaṇo vā. Tathā abhijjhā. Byāpādo sattārammaṇova. Micchādiṭṭhi tebhūmakadhammavasena saṅkhārārammaṇāva.

    ‘เวทนาโต’ติ ปาณาติปาโต ทุกฺขเวทโน โหติฯ กิญฺจาปิ หิ ราชาโน โจรํ ทิสฺวา หสมานาปิ ‘คจฺฉถ นํ ฆาเตถา’ติ วทนฺติ, สนฺนิฎฺฐาปกเจตนา ปน เนสํ ทุกฺขสมฺปยุตฺตาว โหติ ฯ อทินฺนาทานํ ติเวทนํฯ ตญฺหิ ปรภณฺฑํ ทิสฺวา หฎฺฐตุฎฺฐสฺส คณฺหโต สุขเวทนํ โหติ, ภีตตสิตสฺส คณฺหโต ทุกฺขเวทนํฯ ตถา วิปากนิสฺสนฺทผลานิ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสฯ คหณกาเล มชฺฌตฺตภาเว ฐิตสฺส ปน คณฺหโต อทุกฺขมสุขเวทนํ โหตีติฯ มิจฺฉาจาโร สุขมชฺฌตฺตวเสน ทฺวิเวทโนฯ สนฺนิฎฺฐาปกจิเตฺต ปน มชฺฌตฺตเวทโน น โหติฯ มุสาวาโท อทินฺนาทาเน วุตฺตนเยเนว ติเวทโน; ตถา ปิสุณวาจาฯ ผรุสวาจา ทุกฺขเวทนาฯ สมฺผปฺปลาโป ติเวทโนฯ ปเรสุ หิ สาธุการํ เทเนฺตสุ เจลุเกฺขปาทีนิ ขิปเนฺตสุ หฎฺฐตุฎฺฐสฺส สีตาหรณภารตยุทฺธาทีนิ กถนกาเล โส สุขเวทโน โหติฯ ปฐมํ ทินฺนเวตเนน เอเกน ปจฺฉา อาคนฺตฺวา ‘อาทิโต ปฎฺฐาย กเถหี’ติ วุเตฺต ‘อนนุสนฺธิกํ ปกิณฺณกกถํ กเถสฺสามิ นุ โข โน’ติ โทมนสฺสิตสฺส กถนกาเล ทุกฺขเวทโน โหติ, มชฺฌตฺตสฺส กถยโต อทุกฺขมสุขเวทโน โหติฯ อภิชฺฌา สุขมชฺฌตฺตวเสน ทฺวิเวทนา; ตถา มิจฺฉาทิฎฺฐิฯ พฺยาปาโท ทุกฺขเวทโนฯ

    ‘Vedanāto’ti pāṇātipāto dukkhavedano hoti. Kiñcāpi hi rājāno coraṃ disvā hasamānāpi ‘gacchatha naṃ ghātethā’ti vadanti, sanniṭṭhāpakacetanā pana nesaṃ dukkhasampayuttāva hoti . Adinnādānaṃ tivedanaṃ. Tañhi parabhaṇḍaṃ disvā haṭṭhatuṭṭhassa gaṇhato sukhavedanaṃ hoti, bhītatasitassa gaṇhato dukkhavedanaṃ. Tathā vipākanissandaphalāni paccavekkhantassa. Gahaṇakāle majjhattabhāve ṭhitassa pana gaṇhato adukkhamasukhavedanaṃ hotīti. Micchācāro sukhamajjhattavasena dvivedano. Sanniṭṭhāpakacitte pana majjhattavedano na hoti. Musāvādo adinnādāne vuttanayeneva tivedano; tathā pisuṇavācā. Pharusavācā dukkhavedanā. Samphappalāpo tivedano. Paresu hi sādhukāraṃ dentesu celukkhepādīni khipantesu haṭṭhatuṭṭhassa sītāharaṇabhāratayuddhādīni kathanakāle so sukhavedano hoti. Paṭhamaṃ dinnavetanena ekena pacchā āgantvā ‘ādito paṭṭhāya kathehī’ti vutte ‘ananusandhikaṃ pakiṇṇakakathaṃ kathessāmi nu kho no’ti domanassitassa kathanakāle dukkhavedano hoti, majjhattassa kathayato adukkhamasukhavedano hoti. Abhijjhā sukhamajjhattavasena dvivedanā; tathā micchādiṭṭhi. Byāpādo dukkhavedano.

    ‘มูลโต’ติ ปาณาติปาโต โทสโมหวเสน ทฺวิมูลโก โหติฯ อทินฺนาทานํ โทสโมหวเสน วา โลภโมหวเสน วาฯ มิจฺฉาจาโร โลภโมหวเสนฯ มุสาวาโท โทสโมหวเสน วา โลภโมหวเสน วา; ตถา ปิสุณวาจา สมฺผปฺปลาโป จฯ ผรุสวาจา โทสโมหวเสนฯ อภิชฺฌา โมหวเสน เอกมูลา; ตถา พฺยาปาโทฯ มิจฺฉาทิฎฺฐิ โลภโมหวเสน ทฺวิมูลาติฯ

    ‘Mūlato’ti pāṇātipāto dosamohavasena dvimūlako hoti. Adinnādānaṃ dosamohavasena vā lobhamohavasena vā. Micchācāro lobhamohavasena. Musāvādo dosamohavasena vā lobhamohavasena vā; tathā pisuṇavācā samphappalāpo ca. Pharusavācā dosamohavasena. Abhijjhā mohavasena ekamūlā; tathā byāpādo. Micchādiṭṭhi lobhamohavasena dvimūlāti.

    อกุสลกมฺมปถกถา นิฎฺฐิตาฯ

    Akusalakammapathakathā niṭṭhitā.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact