Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ธมฺมสงฺคณี-อนุฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-anuṭīkā |
อกุสลกมฺมปถกถาวณฺณนา
Akusalakammapathakathāvaṇṇanā
สรเสน อตฺตโน สภาเวนฯ ยาย เจตนาย ปวตฺตมานสฺส ชีวิตินฺทฺริยสฺส ปจฺจยภูเตสุ มหาภูเตสุ อุปกฺกมกรณเหตุ ตํมหาภูตปจฺจยา อุปฺปชฺชนกมหาภูตา นุปฺปชฺชิสฺสนฺติ, สา ตาทิสปโยคสมุฎฺฐาปิกา เจตนา ปาณาติปาโต นามฯ ลทฺธุปกฺกมานิ หิ ภูตานิ น ปุริมภูตานิ วิย วิสทานีติ สมานชาติยานํ ภูตานํ การณํ น โหนฺตีติฯ เอกสฺสปิ ปโยคสฺส สหสา นิปฺผาทนวเสน กิจฺจสาธิกาย พหุกฺขตฺตุํ ปวตฺตชวเนหิ ลทฺธาเสวนาย จ สนฺนิฎฺฐาปกเจตนาย วเสน ปโยคสฺส มหนฺตภาโวฯ สติปิ กทาจิ ขุทฺทเก เจว มหเนฺต จ ปาเณ ปโยคสฺส สมภาเว มหนฺตํ หนนฺตสฺส เจตนา ติพฺพตรา อุปฺปชฺชตีติ วตฺถุสฺส มหนฺตภาโวติ ตทุภยํ เจตนาย พลวภาเวเนว โหตีติ อาห ‘‘ปโยค…เป.… ภาวโต’’ติฯ ยถาวุตฺตปจฺจยวิปริยาเยปีติ ปโยควตฺถุอาทิปจฺจยานํ อมหเตฺตปิฯ ตํตํปจฺจเยหีติ คุณวนฺตตาทิปจฺจเยหิฯ เอตฺถ จ หนฺตพฺพสฺส คุณวนฺตตาย มหาสาวชฺชตา วตฺถุมหนฺตตาย วิย ทฎฺฐพฺพาฯ กิเลสานํ อุปกฺกมานํ ทฺวินฺนญฺจ มุทุตาย ติพฺพตาย จ อปฺปสาวชฺชตา มหาสาวชฺชตา จ โยเชตพฺพาฯ ปาโณ ปาณสญฺญิตา วธกจิตฺตญฺจ ปุพฺพภาคสมฺภารา, อุปกฺกโม วธกเจตนาสมุฎฺฐาปิโต, ปญฺจสมฺภารวตี ปาณาติปาตเจตนาติ สา ปญฺจสมฺภารวินิมุตฺตา ทฎฺฐพฺพาฯ เอส นโย อทินฺนาทานาทีสุปิฯ
Sarasena attano sabhāvena. Yāya cetanāya pavattamānassa jīvitindriyassa paccayabhūtesu mahābhūtesu upakkamakaraṇahetu taṃmahābhūtapaccayā uppajjanakamahābhūtā nuppajjissanti, sā tādisapayogasamuṭṭhāpikā cetanā pāṇātipāto nāma. Laddhupakkamāni hi bhūtāni na purimabhūtāni viya visadānīti samānajātiyānaṃ bhūtānaṃ kāraṇaṃ na hontīti. Ekassapi payogassa sahasā nipphādanavasena kiccasādhikāya bahukkhattuṃ pavattajavanehi laddhāsevanāya ca sanniṭṭhāpakacetanāya vasena payogassa mahantabhāvo. Satipi kadāci khuddake ceva mahante ca pāṇe payogassa samabhāve mahantaṃ hanantassa cetanā tibbatarā uppajjatīti vatthussa mahantabhāvoti tadubhayaṃ cetanāya balavabhāveneva hotīti āha ‘‘payoga…pe… bhāvato’’ti. Yathāvuttapaccayavipariyāyepīti payogavatthuādipaccayānaṃ amahattepi. Taṃtaṃpaccayehīti guṇavantatādipaccayehi. Ettha ca hantabbassa guṇavantatāya mahāsāvajjatā vatthumahantatāya viya daṭṭhabbā. Kilesānaṃ upakkamānaṃ dvinnañca mudutāya tibbatāya ca appasāvajjatā mahāsāvajjatā ca yojetabbā. Pāṇo pāṇasaññitā vadhakacittañca pubbabhāgasambhārā, upakkamo vadhakacetanāsamuṭṭhāpito, pañcasambhāravatī pāṇātipātacetanāti sā pañcasambhāravinimuttā daṭṭhabbā. Esa nayo adinnādānādīsupi.
มนฺตปริชปฺปเนน ปรสฺส สนฺตกหรณํ วิชฺชามโย, วินา มเนฺตน ปรสนฺตกสฺส กายวจีปโยเคหิ อากฑฺฒนํ ตาทิสอิทฺธิโยเคน อิทฺธิมโย ปโยโคติ อทินฺนาทานสฺสปิ ฉ ปโยคา สาหตฺถิกาทโย เวทิตพฺพาฯ
Mantaparijappanena parassa santakaharaṇaṃ vijjāmayo, vinā mantena parasantakassa kāyavacīpayogehi ākaḍḍhanaṃ tādisaiddhiyogena iddhimayo payogoti adinnādānassapi cha payogā sāhatthikādayo veditabbā.
อภิภวิตฺวา วีติกฺกมเน มิจฺฉาจาโร มหาสาวโชฺช, น ตถา อุภินฺนํ สมานจฺฉนฺทภาเวฯ ‘‘จตฺตาโร สมฺภาราติ วุตฺตตฺตา อภิภวิตฺวา วีติกฺกมเน สติปิ มเคฺคนมคฺคปฎิปตฺติอธิวาสเน ปุริมุปฺปนฺนเสวนาภิสนฺธิปโยคาภาวโต มิจฺฉาจาโร น โหติ อภิภุยฺยมานสฺสา’’ติ วทนฺติฯ เสวนจิเตฺต สติ ปโยคาภาโว น ปมาณํ อิตฺถิยา เสวนปฺปโยคสฺส เยภุเยฺยน อภาวโตฯ ปุริสเสฺสว หิ เยภุเยฺยน เสวนปฺปโยโค โหตีติ อิตฺถิยา ปุเรตรํ เสวนจิตฺตํ อุปฎฺฐาเปตฺวา นิปนฺนายปิ มิจฺฉาจาโร น สิยาติ อาปชฺชติ, ตสฺมา ปุริสสฺส วเสน อุกฺกํสโต จตฺตาโร สมฺภารา วุตฺตาติ ทฎฺฐพฺพํฯ อญฺญถา อิตฺถิยา ปุริสกิจฺจกรณกาเล ปุริสสฺสปิ เสวนปฺปโยคาภาวโต มิจฺฉาจาโร น สิยาติฯ เกจิ ปน ‘‘อตฺตโน รุจิยา ปวตฺติตสฺส ตีณิ องฺคานิ, พลกฺกาเรน ปวตฺติตสฺส ตีณีติ สพฺพานิ อคฺคหิตคฺคหเณน จตฺตารี’’ติ วทนฺติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํฯ
Abhibhavitvā vītikkamane micchācāro mahāsāvajjo, na tathā ubhinnaṃ samānacchandabhāve. ‘‘Cattāro sambhārāti vuttattā abhibhavitvā vītikkamane satipi maggenamaggapaṭipattiadhivāsane purimuppannasevanābhisandhipayogābhāvato micchācāro na hoti abhibhuyyamānassā’’ti vadanti. Sevanacitte sati payogābhāvo na pamāṇaṃ itthiyā sevanappayogassa yebhuyyena abhāvato. Purisasseva hi yebhuyyena sevanappayogo hotīti itthiyā puretaraṃ sevanacittaṃ upaṭṭhāpetvā nipannāyapi micchācāro na siyāti āpajjati, tasmā purisassa vasena ukkaṃsato cattāro sambhārā vuttāti daṭṭhabbaṃ. Aññathā itthiyā purisakiccakaraṇakāle purisassapi sevanappayogābhāvato micchācāro na siyāti. Keci pana ‘‘attano ruciyā pavattitassa tīṇi aṅgāni, balakkārena pavattitassa tīṇīti sabbāni aggahitaggahaṇena cattārī’’ti vadanti, vīmaṃsitvā gahetabbaṃ.
ทุฎฺฐจิตฺตสฺส อมรณาธิปฺปายสฺส ผรุสกายวจีปโยคสมุฎฺฐาปิกา ผรุสเจตนา ผรุสวาจาฯ มรณาธิปฺปาเย ปน สติ อตฺถสิทฺธิตทภาเวสุ ปาณาติปาตา พฺยาปาทา จ โหนฺตีติฯ ยํ ปติ ผรุสวาจา ปยุชฺชติ, ตสฺส สมฺมุขาว สีสํ เอติฯ ‘‘ปรมฺมุเขปิ ผรุสวาจา โหตี’’ติ วทนฺติฯ
Duṭṭhacittassa amaraṇādhippāyassa pharusakāyavacīpayogasamuṭṭhāpikā pharusacetanā pharusavācā. Maraṇādhippāye pana sati atthasiddhitadabhāvesu pāṇātipātā byāpādā ca hontīti. Yaṃ pati pharusavācā payujjati, tassa sammukhāva sīsaṃ eti. ‘‘Parammukhepi pharusavācā hotī’’ti vadanti.
ยทิ เจตนาย สพฺพทา กมฺมปถภาวาภาวโต อนิยโต กมฺมปถภาโวติ กมฺมปถราสิมฺหิ อวจนํ, นนุ อภิชฺฌาทีนมฺปิ กมฺมปถํ อปฺปตฺตานํ อตฺถิตาย อนิยโต กมฺมปถภาโวติ เตสมฺปิ กมฺมปถราสิยํ อวจนํ อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ, กมฺมปถตาตํสภาคตาหิ เตสํ ตตฺถ วุตฺตตฺตาฯ ยทิ เอวํ เจตนาปิ ตตฺถ วตฺตพฺพา สิยาติ? สจฺจเมตํ, สา ปน ปาณาติปาตาทิกาติ ปากโฎ ตสฺสา กมฺมปถภาโวติ น วุตฺตํ สิยาฯ เจตนาย หิ ‘‘เจตนาหํ, ภิกฺขเว, กมฺมํ วทามิ,’’‘‘ติวิธา, ภิกฺขเว, กายสเญฺจตนา อกุสลํ กายกมฺม’’นฺติอาทิวจเนหิ กมฺมภาโว ทีปิโตฯ กมฺมํเยว จ สุคติทุคฺคตีนํ ตทุปฺปชฺชนสุขทุกฺขานญฺจ ปถภาเวน ปวตฺตํ กมฺมปโถติ วุจฺจตีติ ปากโฎ ตสฺสา กมฺมปถภาโวฯ อภิชฺฌาทีนํ ปน เจตนาสมีหนภาเวน สุจริตทุจฺจริตภาโว, เจตนาชนิตตํพนฺธติภาเวน สุคติทุคฺคติตทุปฺปชฺชนสุขทุกฺขานํ ปถภาโว จาติ น ตถา ปากโฎ กมฺมปถภาโวติ เต เอว กมฺมปถราสิภาเวน วุตฺตาฯ อตถาชาติยตฺตา วา เจตนา เตหิ สทฺธิํ น วุตฺตา สิยาฯ วิจาเรตฺวา คเหตพฺพํฯ
Yadi cetanāya sabbadā kammapathabhāvābhāvato aniyato kammapathabhāvoti kammapatharāsimhi avacanaṃ, nanu abhijjhādīnampi kammapathaṃ appattānaṃ atthitāya aniyato kammapathabhāvoti tesampi kammapatharāsiyaṃ avacanaṃ āpajjatīti? Nāpajjati, kammapathatātaṃsabhāgatāhi tesaṃ tattha vuttattā. Yadi evaṃ cetanāpi tattha vattabbā siyāti? Saccametaṃ, sā pana pāṇātipātādikāti pākaṭo tassā kammapathabhāvoti na vuttaṃ siyā. Cetanāya hi ‘‘cetanāhaṃ, bhikkhave, kammaṃ vadāmi,’’‘‘tividhā, bhikkhave, kāyasañcetanā akusalaṃ kāyakamma’’ntiādivacanehi kammabhāvo dīpito. Kammaṃyeva ca sugatiduggatīnaṃ taduppajjanasukhadukkhānañca pathabhāvena pavattaṃ kammapathoti vuccatīti pākaṭo tassā kammapathabhāvo. Abhijjhādīnaṃ pana cetanāsamīhanabhāvena sucaritaduccaritabhāvo, cetanājanitataṃbandhatibhāvena sugatiduggatitaduppajjanasukhadukkhānaṃ pathabhāvo cāti na tathā pākaṭo kammapathabhāvoti te eva kammapatharāsibhāvena vuttā. Atathājātiyattā vā cetanā tehi saddhiṃ na vuttā siyā. Vicāretvā gahetabbaṃ.
ปาณาติปาตาทีนํ อารมฺมณาเนว ตพฺพิรติอารมฺมณานีติ ปญฺจ สิกฺขาปทา ปริตฺตารมฺมณา เอวาติ วจเนน อทินฺนาทานาทีนํ สตฺตารมฺมณตาวจนสฺส วิโรธํ โจเทติฯ ตถา หิ วกฺขติ ‘‘วีติกฺกมิตพฺพโตเยว หิ เวรมณี นาม โหตี’’ติฯ สยเมว ปริหริสฺสตีติ สิกฺขาปทวิภเงฺค ปญฺหปุจฺฉกวณฺณนํ สนฺธาย วทติฯ ตตฺถ หิ ‘‘ยสฺมา สโตฺตติ สงฺขฺยํ คเต สงฺขาเรเยว อารมฺมณํ กโรติ, ตสฺมา ปริตฺตารมฺมณาติ วุจฺจนฺตี’’ติ วุตฺตํฯ
Pāṇātipātādīnaṃ ārammaṇāneva tabbiratiārammaṇānīti pañca sikkhāpadā parittārammaṇā evāti vacanena adinnādānādīnaṃ sattārammaṇatāvacanassa virodhaṃ codeti. Tathā hi vakkhati ‘‘vītikkamitabbatoyeva hi veramaṇī nāma hotī’’ti. Sayameva pariharissatīti sikkhāpadavibhaṅge pañhapucchakavaṇṇanaṃ sandhāya vadati. Tattha hi ‘‘yasmā sattoti saṅkhyaṃ gate saṅkhāreyeva ārammaṇaṃ karoti, tasmā parittārammaṇāti vuccantī’’ti vuttaṃ.
ทุคฺคตตาทีนีติ อาทิ-สเทฺทน ‘‘อลทฺธาลาโภ ลทฺธวินาโส อิจฺฉิตานํ โภคานํ กิจฺฉปฎิลาโภ ราชาทีหิ สาธารณโภคตา ทุกฺขวิหาโร สาสงฺกวิหาโร’’ติ เอวมาทโย สงฺคหิตาฯ เกจิ ปน ‘‘ทิเฎฺฐว ธเมฺม โภคชานิอาทโย นิสฺสนฺทผล’’นฺติ วทนฺติฯ
Duggatatādīnīti ādi-saddena ‘‘aladdhālābho laddhavināso icchitānaṃ bhogānaṃ kicchapaṭilābho rājādīhi sādhāraṇabhogatā dukkhavihāro sāsaṅkavihāro’’ti evamādayo saṅgahitā. Keci pana ‘‘diṭṭheva dhamme bhogajāniādayo nissandaphala’’nti vadanti.
Related texts:
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ธมฺมสงฺคณี-มูลฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-mūlaṭīkā / อกุสลกมฺมปถกถาวณฺณนา • Akusalakammapathakathāvaṇṇanā