Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๙. อกุสลมูลสุตฺตํ
9. Akusalamūlasuttaṃ
๗๐. ‘‘ตีณิมานิ , ภิกฺขเว, อกุสลมูลานิฯ กตมานิ ตีณิ? โลโภ อกุสลมูลํ, โทโส อกุสลมูลํ, โมโห อกุสลมูลํฯ
70. ‘‘Tīṇimāni , bhikkhave, akusalamūlāni. Katamāni tīṇi? Lobho akusalamūlaṃ, doso akusalamūlaṃ, moho akusalamūlaṃ.
‘‘ยทปิ, ภิกฺขเว, โลโภ ตทปิ อกุสลมูลํ 1; ยทปิ ลุโทฺธ อภิสงฺขโรติ กาเยน วาจาย มนสา ตทปิ อกุสลํ 2; ยทปิ ลุโทฺธ โลเภน อภิภูโต ปริยาทินฺนจิโตฺต ปรสฺส อสตา ทุกฺขํ อุปฺปาทยติ 3 วเธน วา พนฺธเนน วา ชานิยา วา ครหาย วา ปพฺพาชนาย วา พลวมฺหิ พลโตฺถ อิติปิ ตทปิ อกุสลํ 4ฯ อิติสฺสเม โลภชา โลภนิทานา โลภสมุทยา โลภปจฺจยา อเนเก ปาปกา อกุสลา ธมฺมา สมฺภวนฺติฯ
‘‘Yadapi, bhikkhave, lobho tadapi akusalamūlaṃ 5; yadapi luddho abhisaṅkharoti kāyena vācāya manasā tadapi akusalaṃ 6; yadapi luddho lobhena abhibhūto pariyādinnacitto parassa asatā dukkhaṃ uppādayati 7 vadhena vā bandhanena vā jāniyā vā garahāya vā pabbājanāya vā balavamhi balattho itipi tadapi akusalaṃ 8. Itissame lobhajā lobhanidānā lobhasamudayā lobhapaccayā aneke pāpakā akusalā dhammā sambhavanti.
‘‘ยทปิ, ภิกฺขเว, โทโส ตทปิ อกุสลมูลํ; ยทปิ ทุโฎฺฐ อภิสงฺขโรติ กาเยน วาจาย มนสา ตทปิ อกุสลํ; ยทปิ ทุโฎฺฐ โทเสน อภิภูโต ปริยาทินฺนจิโตฺต ปรสฺส อสตา ทุกฺขํ อุปฺปาทยติ วเธน วา พนฺธเนน วา ชานิยา วา ครหาย วา ปพฺพาชนาย วา พลวมฺหิ พลโตฺถ อิติปิ ตทปิ อกุสลํฯ อิติสฺสเม โทสชา โทสนิทานา โทสสมุทยา โทสปจฺจยา อเนเก ปาปกา อกุสลา ธมฺมา สมฺภวนฺติฯ
‘‘Yadapi, bhikkhave, doso tadapi akusalamūlaṃ; yadapi duṭṭho abhisaṅkharoti kāyena vācāya manasā tadapi akusalaṃ; yadapi duṭṭho dosena abhibhūto pariyādinnacitto parassa asatā dukkhaṃ uppādayati vadhena vā bandhanena vā jāniyā vā garahāya vā pabbājanāya vā balavamhi balattho itipi tadapi akusalaṃ. Itissame dosajā dosanidānā dosasamudayā dosapaccayā aneke pāpakā akusalā dhammā sambhavanti.
‘‘ยทปิ, ภิกฺขเว, โมโห ตทปิ อกุสลมูลํ; ยทปิ มูโฬฺห อภิสงฺขโรติ กาเยน วาจาย มนสา ตทปิ อกุสลํ; ยทปิ มูโฬฺห โมเหน อภิภูโต ปริยาทินฺนจิโตฺต ปรสฺส อสตา ทุกฺขํ อุปฺปาทยติ วเธน วา พนฺธเนน วา ชานิยา วา ครหาย วา ปพฺพาชนาย วา พลวมฺหิ พลโตฺถ อิติปิ ตทปิ อกุสลํฯ อิติสฺสเม โมหชา โมหนิทานา โมหสมุทยา โมหปจฺจยา อเนเก ปาปกา อกุสลา ธมฺมา สมฺภวนฺติฯ เอวรูโป จายํ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล วุจฺจติ อกาลวาทีติปิ, อภูตวาทีติปิ, อนตฺถวาทีติปิ, อธมฺมวาทีติปิ, อวินยวาทีติปิฯ
‘‘Yadapi, bhikkhave, moho tadapi akusalamūlaṃ; yadapi mūḷho abhisaṅkharoti kāyena vācāya manasā tadapi akusalaṃ; yadapi mūḷho mohena abhibhūto pariyādinnacitto parassa asatā dukkhaṃ uppādayati vadhena vā bandhanena vā jāniyā vā garahāya vā pabbājanāya vā balavamhi balattho itipi tadapi akusalaṃ. Itissame mohajā mohanidānā mohasamudayā mohapaccayā aneke pāpakā akusalā dhammā sambhavanti. Evarūpo cāyaṃ, bhikkhave, puggalo vuccati akālavādītipi, abhūtavādītipi, anatthavādītipi, adhammavādītipi, avinayavādītipi.
‘‘กสฺมา จายํ, ภิกฺขเว, เอวรูโป ปุคฺคโล วุจฺจติ อกาลวาทีติปิ, อภูตวาทีติปิ, อนตฺถวาทีติปิ, อธมฺมวาทีติปิ, อวินยวาทีติปิ? ตถาหายํ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล ปรสฺส อสตา ทุกฺขํ อุปฺปาทยติ วเธน วา พนฺธเนน วา ชานิยา วา ครหาย วา ปพฺพาชนาย วา พลวมฺหิ พลโตฺถ อิติปิฯ ภูเตน โข ปน วุจฺจมาโน อวชานาติ, โน ปฎิชานาติ; อภูเตน วุจฺจมาโน น อาตปฺปํ กโรติ, ตสฺส นิเพฺพฐนาย อิติเปตํ อตจฺฉํ อิติเปตํ อภูตนฺติฯ ตสฺมา เอวรูโป ปุคฺคโล วุจฺจติ อกาลวาทีติปิ, อภูตวาทีติปิ, อนตฺถวาทีติปิ, อธมฺมวาทีติปิ, อวินยวาทีติปิฯ
‘‘Kasmā cāyaṃ, bhikkhave, evarūpo puggalo vuccati akālavādītipi, abhūtavādītipi, anatthavādītipi, adhammavādītipi, avinayavādītipi? Tathāhāyaṃ, bhikkhave, puggalo parassa asatā dukkhaṃ uppādayati vadhena vā bandhanena vā jāniyā vā garahāya vā pabbājanāya vā balavamhi balattho itipi. Bhūtena kho pana vuccamāno avajānāti, no paṭijānāti; abhūtena vuccamāno na ātappaṃ karoti, tassa nibbeṭhanāya itipetaṃ atacchaṃ itipetaṃ abhūtanti. Tasmā evarūpo puggalo vuccati akālavādītipi, abhūtavādītipi, anatthavādītipi, adhammavādītipi, avinayavādītipi.
‘‘เอวรูโป, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล โลภเชหิ ปาปเกหิ อกุสเลหิ ธเมฺมหิ อภิภูโต ปริยาทินฺนจิโตฺต ทิเฎฺฐ เจว ธเมฺม ทุกฺขํ วิหรติ, สวิฆาตํ สอุปายาสํ สปริฬาหํฯ กายสฺส จ เภทา ปรํ มรณา ทุคฺคติ ปาฎิกงฺขาฯ
‘‘Evarūpo, bhikkhave, puggalo lobhajehi pāpakehi akusalehi dhammehi abhibhūto pariyādinnacitto diṭṭhe ceva dhamme dukkhaṃ viharati, savighātaṃ saupāyāsaṃ sapariḷāhaṃ. Kāyassa ca bhedā paraṃ maraṇā duggati pāṭikaṅkhā.
‘‘โทสเชหิ…เป.… โมหเชหิ ปาปเกหิ อกุสเลหิ ธเมฺมหิ อภิภูโต ปริยาทินฺนจิโตฺต ทิเฎฺฐ เจว ธเมฺม ทุกฺขํ วิหรติ, สวิฆาตํ สอุปายาสํ สปริฬาหํฯ กายสฺส จ เภทา ปรํ มรณา ทุคฺคติ ปาฎิกงฺขาฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, สาโล วา ธโว วา ผนฺทโน วา ตีหิ มาลุวาลตาหิ อุทฺธโสฺต ปริโยนโทฺธ อนยํ อาปชฺชติ, พฺยสนํ อาปชฺชติ, อนยพฺยสนํ อาปชฺชติ; เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, เอวรูโป ปุคฺคโล โลภเชหิ ปาปเกหิ อกุสเลหิ ธเมฺมหิ อภิภูโต ปริยาทินฺนจิโตฺต ทิเฎฺฐ เจว ธเมฺม ทุกฺขํ วิหรติ, สวิฆาตํ สอุปายาสํ สปริฬาหํฯ กายสฺส จ เภทา ปรํ มรณา ทุคฺคติ ปาฎิกงฺขาฯ
‘‘Dosajehi…pe… mohajehi pāpakehi akusalehi dhammehi abhibhūto pariyādinnacitto diṭṭhe ceva dhamme dukkhaṃ viharati, savighātaṃ saupāyāsaṃ sapariḷāhaṃ. Kāyassa ca bhedā paraṃ maraṇā duggati pāṭikaṅkhā. Seyyathāpi, bhikkhave, sālo vā dhavo vā phandano vā tīhi māluvālatāhi uddhasto pariyonaddho anayaṃ āpajjati, byasanaṃ āpajjati, anayabyasanaṃ āpajjati; evamevaṃ kho, bhikkhave, evarūpo puggalo lobhajehi pāpakehi akusalehi dhammehi abhibhūto pariyādinnacitto diṭṭhe ceva dhamme dukkhaṃ viharati, savighātaṃ saupāyāsaṃ sapariḷāhaṃ. Kāyassa ca bhedā paraṃ maraṇā duggati pāṭikaṅkhā.
‘‘โทสเชหิ…เป.… โมหเชหิ ปาปเกหิ อกุสเลหิ ธเมฺมหิ อภิภูโต ปริยาทินฺนจิโตฺต ทิเฎฺฐ เจว ธเมฺม ทุกฺขํ วิหรติ สวิฆาตํ สอุปายาสํ สปริฬาหํฯ กายสฺส จ เภทา ปรํ มรณา ทุคฺคติ ปาฎิกงฺขาฯ อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ อกุสลมูลานีติฯ
‘‘Dosajehi…pe… mohajehi pāpakehi akusalehi dhammehi abhibhūto pariyādinnacitto diṭṭhe ceva dhamme dukkhaṃ viharati savighātaṃ saupāyāsaṃ sapariḷāhaṃ. Kāyassa ca bhedā paraṃ maraṇā duggati pāṭikaṅkhā. Imāni kho, bhikkhave, tīṇi akusalamūlānīti.
‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, กุสลมูลานิฯ กตมานิ ตีณิ? อโลโภ กุสลมูลํ, อโทโส กุสลมูลํ, อโมโห กุสลมูลํฯ
‘‘Tīṇimāni, bhikkhave, kusalamūlāni. Katamāni tīṇi? Alobho kusalamūlaṃ, adoso kusalamūlaṃ, amoho kusalamūlaṃ.
‘‘ยทปิ , ภิกฺขเว, อโลโภ ตทปิ กุสลมูลํ 9; ยทปิ อลุโทฺธ อภิสงฺขโรติ กาเยน วาจาย มนสา ตทปิ กุสลํ 10; ยทปิ อลุโทฺธ โลเภน อนภิภูโต อปริยาทินฺนจิโตฺต น ปรสฺส อสตา ทุกฺขํ อุปฺปาทยติ วเธน วา พนฺธเนน วา ชานิยา วา ครหาย วา ปพฺพาชนาย วา พลวมฺหิ พลโตฺถ อิติปิ ตทปิ กุสลํฯ อิติสฺสเม อโลภชา อโลภนิทานา อโลภสมุทยา อโลภปจฺจยา อเนเก กุสลา ธมฺมา สมฺภวนฺติฯ
‘‘Yadapi , bhikkhave, alobho tadapi kusalamūlaṃ 11; yadapi aluddho abhisaṅkharoti kāyena vācāya manasā tadapi kusalaṃ 12; yadapi aluddho lobhena anabhibhūto apariyādinnacitto na parassa asatā dukkhaṃ uppādayati vadhena vā bandhanena vā jāniyā vā garahāya vā pabbājanāya vā balavamhi balattho itipi tadapi kusalaṃ. Itissame alobhajā alobhanidānā alobhasamudayā alobhapaccayā aneke kusalā dhammā sambhavanti.
‘‘ยทปิ, ภิกฺขเว, อโทโส ตทปิ กุสลมูลํ; ยทปิ อทุโฎฺฐ อภิสงฺขโรติ กาเยน วาจาย มนสา ตทปิ กุสลํ; ยทปิ อทุโฎฺฐ โทเสน อนภิภูโต อปริยาทินฺนจิโตฺต น ปรสฺส อสตา ทุกฺขํ อุปฺปาทยติ วเธน วา พนฺธเนน วา ชานิยา วา ครหาย วา ปพฺพาชนาย วา พลวมฺหิ พลโตฺถ อิติปิ ตทปิ กุสลํฯ อิติสฺสเม อโทสชา อโทสนิทานา อโทสสมุทยา อโทสปจฺจยา อเนเก กุสลา ธมฺมา สมฺภวนฺติฯ
‘‘Yadapi, bhikkhave, adoso tadapi kusalamūlaṃ; yadapi aduṭṭho abhisaṅkharoti kāyena vācāya manasā tadapi kusalaṃ; yadapi aduṭṭho dosena anabhibhūto apariyādinnacitto na parassa asatā dukkhaṃ uppādayati vadhena vā bandhanena vā jāniyā vā garahāya vā pabbājanāya vā balavamhi balattho itipi tadapi kusalaṃ. Itissame adosajā adosanidānā adosasamudayā adosapaccayā aneke kusalā dhammā sambhavanti.
‘‘ยทปิ, ภิกฺขเว, อโมโห ตทปิ กุสลมูลํ; ยทปิ อมูโฬฺห อภิสงฺขโรติ กาเยน วาจาย มนสา ตทปิ กุสลํ; ยทปิ อมูโฬฺห โมเหน อนภิภูโต อปริยาทินฺนจิโตฺต น ปรสฺส อสตา ทุกฺขํ อุปฺปาทยติ วเธน วา พนฺธเนน วา ชานิยา วา ครหาย วา ปพฺพาชนาย วา พลวมฺหิ พลโตฺถ อิติปิ ตทปิ กุสลํฯ อิติสฺสเม อโมหชา อโมหนิทานา อโมหสมุทยา อโมหปจฺจยา อเนเก กุสลา ธมฺมา สมฺภวนฺติฯ เอวรูโป จายํ , ภิกฺขเว, ปุคฺคโล วุจฺจติ กาลวาทีติปิ, ภูตวาทีติปิ, อตฺถวาทีติปิ, ธมฺมวาทีติปิ, วินยวาทีติปิฯ
‘‘Yadapi, bhikkhave, amoho tadapi kusalamūlaṃ; yadapi amūḷho abhisaṅkharoti kāyena vācāya manasā tadapi kusalaṃ; yadapi amūḷho mohena anabhibhūto apariyādinnacitto na parassa asatā dukkhaṃ uppādayati vadhena vā bandhanena vā jāniyā vā garahāya vā pabbājanāya vā balavamhi balattho itipi tadapi kusalaṃ. Itissame amohajā amohanidānā amohasamudayā amohapaccayā aneke kusalā dhammā sambhavanti. Evarūpo cāyaṃ , bhikkhave, puggalo vuccati kālavādītipi, bhūtavādītipi, atthavādītipi, dhammavādītipi, vinayavādītipi.
‘‘กสฺมา จายํ, ภิกฺขเว, เอวรูโป ปุคฺคโล วุจฺจติ กาลวาทีติปิ, ภูตวาทีติปิ, อตฺถวาทีติปิ, ธมฺมวาทีติปิ, วินยวาทีติปิ? ตถาหายํ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล น ปรสฺส อสตา ทุกฺขํ อุปฺปาทยติ วเธน วา พนฺธเนน วา ชานิยา วา ครหาย วา ปพฺพาชนาย วา พลวมฺหิ พลโตฺถ อิติปิฯ ภูเตน โข ปน วุจฺจมาโน ปฎิชานาติ โน อวชานาติ; อภูเตน วุจฺจมาโน อาตปฺปํ กโรติ ตสฺส นิเพฺพฐนาย – ‘อิติเปตํ อตจฺฉํ, อิติเปตํ อภูต’นฺติ ฯ ตสฺมา เอวรูโป ปุคฺคโล วุจฺจติ กาลวาทีติปิ, อตฺถวาทีติปิ, ธมฺมวาทีติปิ, วินยวาทีติปิฯ
‘‘Kasmā cāyaṃ, bhikkhave, evarūpo puggalo vuccati kālavādītipi, bhūtavādītipi, atthavādītipi, dhammavādītipi, vinayavādītipi? Tathāhāyaṃ, bhikkhave, puggalo na parassa asatā dukkhaṃ uppādayati vadhena vā bandhanena vā jāniyā vā garahāya vā pabbājanāya vā balavamhi balattho itipi. Bhūtena kho pana vuccamāno paṭijānāti no avajānāti; abhūtena vuccamāno ātappaṃ karoti tassa nibbeṭhanāya – ‘itipetaṃ atacchaṃ, itipetaṃ abhūta’nti . Tasmā evarūpo puggalo vuccati kālavādītipi, atthavādītipi, dhammavādītipi, vinayavādītipi.
‘‘เอวรูปสฺส, ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส โลภชา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา ปหีนา อุจฺฉินฺนมูลา ตาลาวตฺถุกตา อนภาวํกตา อายติํ อนุปฺปาทธมฺมาฯ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สุขํ วิหรติ อวิฆาตํ อนุปายาสํ อปริฬาหํฯ ทิเฎฺฐว ธเมฺม ปรินิพฺพายติฯ
‘‘Evarūpassa, bhikkhave, puggalassa lobhajā pāpakā akusalā dhammā pahīnā ucchinnamūlā tālāvatthukatā anabhāvaṃkatā āyatiṃ anuppādadhammā. Diṭṭheva dhamme sukhaṃ viharati avighātaṃ anupāyāsaṃ apariḷāhaṃ. Diṭṭheva dhamme parinibbāyati.
‘‘โทสชา…เป.… ปรินิพฺพายติฯ โมหชา…เป.… ปรินิพฺพายติฯ เสยฺยถาปิ ภิกฺขเว, สาโล วา ธโว วา ผนฺทโน วา ตีหิ มาลุวาลตาหิ อุทฺธโสฺต ปริโยนโทฺธฯ อถ ปุริโส อาคเจฺฉยฺย กุทฺทาล-ปิฎกํ 13 อาทายฯ โส ตํ มาลุวาลตํ มูเล ฉิเนฺทยฺย, มูเล เฉตฺวา ปลิขเณยฺย, ปลิขณิตฺวา มูลานิ อุทฺธเรยฺย, อนฺตมโส อุสีรนาฬิมตฺตานิปิ 14ฯ โส ตํ มาลุวาลตํ ขณฺฑาขณฺฑิกํ ฉิเนฺทยฺย, ขณฺฑาขณฺฑิกํ เฉตฺวา ผาเลยฺย, ผาเลตฺวา สกลิกํ สกลิกํ กเรยฺย, สกลิกํ สกลิกํ กริตฺวา วาตาตเป วิโสเสยฺย, วาตาตเป วิโสเสตฺวา อคฺคินา ฑเหยฺย, อคฺคินา ฑหิตฺวา มสิํ กเรยฺย, มสิํ กริตฺวา มหาวาเต วา โอผุเณยฺย นทิยา วา สีฆโสตาย ปวาเหยฺยฯ เอวมสฺส 15 ตา, ภิกฺขเว, มาลุวาลตา อุจฺฉินฺนมูลา ตาลาวตฺถุกตา อนภาวํกตา อายติํ อนุปฺปาทธมฺมาฯ เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, เอวรูปสฺส ปุคฺคลสฺส โลภชา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา ปหีนา อุจฺฉินฺนมูลา ตาลาวตฺถุกตา อนภาวํกตา อายติํ อนุปฺปาทธมฺมาฯ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สุขํ วิหรติ อวิฆาตํ อนุปายาสํ อปริฬาหํฯ ทิเฎฺฐว ธเมฺม ปรินิพฺพายติฯ
‘‘Dosajā…pe… parinibbāyati. Mohajā…pe… parinibbāyati. Seyyathāpi bhikkhave, sālo vā dhavo vā phandano vā tīhi māluvālatāhi uddhasto pariyonaddho. Atha puriso āgaccheyya kuddāla-piṭakaṃ 16 ādāya. So taṃ māluvālataṃ mūle chindeyya, mūle chetvā palikhaṇeyya, palikhaṇitvā mūlāni uddhareyya, antamaso usīranāḷimattānipi 17. So taṃ māluvālataṃ khaṇḍākhaṇḍikaṃ chindeyya, khaṇḍākhaṇḍikaṃ chetvā phāleyya, phāletvā sakalikaṃ sakalikaṃ kareyya, sakalikaṃ sakalikaṃ karitvā vātātape visoseyya, vātātape visosetvā agginā ḍaheyya, agginā ḍahitvā masiṃ kareyya, masiṃ karitvā mahāvāte vā ophuṇeyya nadiyā vā sīghasotāya pavāheyya. Evamassa 18 tā, bhikkhave, māluvālatā ucchinnamūlā tālāvatthukatā anabhāvaṃkatā āyatiṃ anuppādadhammā. Evamevaṃ kho, bhikkhave, evarūpassa puggalassa lobhajā pāpakā akusalā dhammā pahīnā ucchinnamūlā tālāvatthukatā anabhāvaṃkatā āyatiṃ anuppādadhammā. Diṭṭheva dhamme sukhaṃ viharati avighātaṃ anupāyāsaṃ apariḷāhaṃ. Diṭṭheva dhamme parinibbāyati.
‘‘โทสชา …เป.… โมหชา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา ปหีนา อุจฺฉินฺนมูลา ตาลาวตฺถุกตา อนภาวํกตา อายติํ อนุปฺปาทธมฺมาฯ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สุขํ วิหรติ อวิฆาตํ อนุปายาสํ อปริฬาหํฯ ทิเฎฺฐว ธเมฺม ปรินิพฺพายติฯ อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ กุสลมูลานี’’ติฯ นวมํฯ
‘‘Dosajā …pe… mohajā pāpakā akusalā dhammā pahīnā ucchinnamūlā tālāvatthukatā anabhāvaṃkatā āyatiṃ anuppādadhammā. Diṭṭheva dhamme sukhaṃ viharati avighātaṃ anupāyāsaṃ apariḷāhaṃ. Diṭṭheva dhamme parinibbāyati. Imāni kho, bhikkhave, tīṇi kusalamūlānī’’ti. Navamaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๙. อกุสลมูลสุตฺตวณฺณนา • 9. Akusalamūlasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๙. อกุสลมูลสุตฺตวณฺณนา • 9. Akusalamūlasuttavaṇṇanā