Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā)

    ๒. อลคทฺทูปมสุตฺตวณฺณนา

    2. Alagaddūpamasuttavaṇṇanā

    ๒๓๔. เอวํ เม สุตนฺติ อลคทฺทูปมสุตฺตํฯ ตตฺถ คเทฺธ พาธยิํสูติ คทฺธพาธิโน, คทฺธพาธิโน ปุพฺพปุริสา อสฺสาติ คทฺธพาธิปุโพฺพ, ตสฺส คทฺธพาธิปุพฺพสฺส, คิชฺฌฆาตกกุลปฺปสุตสฺสาติ อโตฺถฯ สคฺคโมกฺขานํ อนฺตรายํ กโรนฺตีติ อนฺตรายิกาฯ เต กมฺมกิเลสวิปากอุปวาทอาณาวีติกฺกมวเสน ปญฺจวิธาฯ ตตฺถ ปญฺจานนฺตริยธมฺมา กมฺมนฺตรายิกา นามฯ ตถา ภิกฺขุนีทูสกกมฺมํ, ตํ ปน โมกฺขเสฺสว อนฺตรายํ กโรติ, น สคฺคสฺสฯ นิยตมิจฺฉาทิฎฺฐิธมฺมา กิเลสนฺตรายิกา นามฯ ปณฺฑกติรจฺฉานคตอุภโตพฺยญฺชนกานํ ปฎิสนฺธิธมฺมา วิปากนฺตรายิกา นามฯ อริยูปวาทธมฺมา อุปวาทนฺตรายิกา นาม, เต ปน ยาว อริเย น ขมาเปนฺติ, ตาวเทว, น ตโต ปรํฯ สญฺจิจฺจ วีติกฺกนฺตา สตฺต อาปตฺติกฺขนฺธา อาณาวีติกฺกมนฺตรายิกา นามฯ เตปิ ยาว ภิกฺขุภาวํ วา ปฎิชานาติ, น วุฎฺฐาติ วา, น เทเสติ วา, ตาวเทว, น ตโต ปรํฯ

    234.Evaṃme sutanti alagaddūpamasuttaṃ. Tattha gaddhe bādhayiṃsūti gaddhabādhino, gaddhabādhino pubbapurisā assāti gaddhabādhipubbo, tassa gaddhabādhipubbassa, gijjhaghātakakulappasutassāti attho. Saggamokkhānaṃ antarāyaṃ karontīti antarāyikā. Te kammakilesavipākaupavādaāṇāvītikkamavasena pañcavidhā. Tattha pañcānantariyadhammā kammantarāyikā nāma. Tathā bhikkhunīdūsakakammaṃ, taṃ pana mokkhasseva antarāyaṃ karoti, na saggassa. Niyatamicchādiṭṭhidhammā kilesantarāyikā nāma. Paṇḍakatiracchānagataubhatobyañjanakānaṃ paṭisandhidhammā vipākantarāyikā nāma. Ariyūpavādadhammā upavādantarāyikā nāma, te pana yāva ariye na khamāpenti, tāvadeva, na tato paraṃ. Sañcicca vītikkantā satta āpattikkhandhā āṇāvītikkamantarāyikā nāma. Tepi yāva bhikkhubhāvaṃ vā paṭijānāti, na vuṭṭhāti vā, na deseti vā, tāvadeva, na tato paraṃ.

    ตตฺรายํ ภิกฺขุ พหุสฺสุโต ธมฺมกถิโก เสสนฺตรายิเก ชานาติ, วินเย ปน อโกวิทตฺตา ปณฺณตฺติวีติกฺกมนฺตรายิเก น ชานาติ, ตสฺมา รโหคโต เอวํ จิเนฺตสิ – อิเม อาคาริกา ปญฺจ กามคุเณ ปริภุญฺชนฺตา โสตาปนฺนาปิ สกทาคามิโนปิ อนาคามิโนปิ โหนฺติฯ ภิกฺขูปิ มนาปิกานิ จกฺขุวิเญฺญยฺยานิ รูปานิ ปสฺสนฺติ…เป.… กายวิเญฺญเยฺย โผฎฺฐเพฺพ ผุสนฺติ, มุทุกานิ อตฺถรณปาวุรณาทีนิ ปริภุญฺชนฺติ, เอตํ สพฺพํ วฎฺฎติฯ กสฺมา อิตฺถีนํเยว รูปสทฺทคนฺธรสโผฎฺฐพฺพา น วฎฺฎนฺติ? เอเตปิ วฎฺฎนฺตีติฯ เอวํ รเสน รสํ สํสเนฺทตฺวา สจฺฉนฺทราคปริโภคญฺจ นิจฺฉนฺทราคปริโภคญฺจ เอกํ กตฺวา ถูลวาเกหิ สทฺธิํ อติสุขุมสุตฺตํ อุปเนโนฺต วิย, สาสเปน สทฺธิํ สิเนรุํ อุปสํหรโนฺต วิย, ปาปกํ ทิฎฺฐิคตํ อุปฺปาเทตฺวา, ‘‘กิํ ภควตา มหาสมุทฺทํ พนฺธเนฺตน วิย มหตา อุสฺสาเหน ปฐมปาราชิกํ ปญฺญตฺตํ, นตฺถิ เอตฺถ โทโส’’ติ สพฺพญฺญุตญฺญาเณน สทฺธิํ ปฎิวิรุชฺฌโนฺต เวสารชฺชญาณํ ปฎิพาหโนฺต อริยมเคฺค ขาณุกณฺฎกาทีนิ ปกฺขิปโนฺต เมถุนธเมฺม โทโส นตฺถีติ ชินสฺส อาณาจเกฺก ปหารํ อทาสิฯ เตนาห – ‘‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามี’’ติอาทิฯ

    Tatrāyaṃ bhikkhu bahussuto dhammakathiko sesantarāyike jānāti, vinaye pana akovidattā paṇṇattivītikkamantarāyike na jānāti, tasmā rahogato evaṃ cintesi – ime āgārikā pañca kāmaguṇe paribhuñjantā sotāpannāpi sakadāgāminopi anāgāminopi honti. Bhikkhūpi manāpikāni cakkhuviññeyyāni rūpāni passanti…pe… kāyaviññeyye phoṭṭhabbe phusanti, mudukāni attharaṇapāvuraṇādīni paribhuñjanti, etaṃ sabbaṃ vaṭṭati. Kasmā itthīnaṃyeva rūpasaddagandharasaphoṭṭhabbā na vaṭṭanti? Etepi vaṭṭantīti. Evaṃ rasena rasaṃ saṃsandetvā sacchandarāgaparibhogañca nicchandarāgaparibhogañca ekaṃ katvā thūlavākehi saddhiṃ atisukhumasuttaṃ upanento viya, sāsapena saddhiṃ sineruṃ upasaṃharanto viya, pāpakaṃ diṭṭhigataṃ uppādetvā, ‘‘kiṃ bhagavatā mahāsamuddaṃ bandhantena viya mahatā ussāhena paṭhamapārājikaṃ paññattaṃ, natthi ettha doso’’ti sabbaññutaññāṇena saddhiṃ paṭivirujjhanto vesārajjañāṇaṃ paṭibāhanto ariyamagge khāṇukaṇṭakādīni pakkhipanto methunadhamme doso natthīti jinassa āṇācakke pahāraṃ adāsi. Tenāha – ‘‘tathāhaṃ bhagavatā dhammaṃ desitaṃ ājānāmī’’tiādi.

    เอวํ พฺยา โขติ เอวํ วิย โขฯ สมนุยุญฺชนฺตีติอาทีสุ กิํ ลทฺธิโก ตฺวํ, ลทฺธิํ วเทหีติ ปุจฺฉมานา สมนุยุญฺชนฺติ นามฯ ทิฎฺฐิํ ปติฎฺฐาเปนฺตา สมนุคฺคาหนฺติ นามฯ เกน การเณน เอวํ วทสีติ การณํ ปุจฺฉนฺตา สมนุภาสนฺติ นามฯ อฎฺฐิกงฺกลูปมาติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๔๒-๔๘) อฎฺฐิกงฺกลูปมา อปฺปสฺสาทเฎฺฐนฯ มํสเปสูปมา พหุสาธารณเฎฺฐนฯ ติณุกฺกูปมา อนุทหนเฎฺฐนฯ องฺคารกาสูปมา มหาภิตาปนเฎฺฐนฯ สุปินกูปมา อิตฺตรปจฺจุปฎฺฐานเฎฺฐนฯ ยาจิตกูปมา ตาวกาลิกเฎฺฐนฯ รุกฺขผลูปมา สพฺพงฺคปจฺจงฺคปลิภญฺชนเฎฺฐนฯ อสิสูนูปมา อธิกุฎฺฎนเฎฺฐนฯ สตฺติสูลูปมา วินิวิชฺฌนเฎฺฐนฯ สปฺปสิรูปมา สาสงฺกสปฺปฎิภยเฎฺฐนฯ ถามสาติ ทิฎฺฐิถาเมนฯ ปรามาสาติ ทิฎฺฐิปรามาเสนฯ อภินิวิสฺส โวหรตีติ อธิฎฺฐหิตฺวา โวหรติ ทีเปติ วาฯ

    Evaṃbyā khoti evaṃ viya kho. Samanuyuñjantītiādīsu kiṃ laddhiko tvaṃ, laddhiṃ vadehīti pucchamānā samanuyuñjanti nāma. Diṭṭhiṃ patiṭṭhāpentā samanuggāhanti nāma. Kena kāraṇena evaṃ vadasīti kāraṇaṃ pucchantā samanubhāsanti nāma. Aṭṭhikaṅkalūpamātiādīsu (ma. ni. 2.42-48) aṭṭhikaṅkalūpamā appassādaṭṭhena. Maṃsapesūpamā bahusādhāraṇaṭṭhena. Tiṇukkūpamā anudahanaṭṭhena. Aṅgārakāsūpamā mahābhitāpanaṭṭhena. Supinakūpamā ittarapaccupaṭṭhānaṭṭhena. Yācitakūpamā tāvakālikaṭṭhena. Rukkhaphalūpamā sabbaṅgapaccaṅgapalibhañjanaṭṭhena. Asisūnūpamā adhikuṭṭanaṭṭhena. Sattisūlūpamā vinivijjhanaṭṭhena. Sappasirūpamā sāsaṅkasappaṭibhayaṭṭhena. Thāmasāti diṭṭhithāmena. Parāmāsāti diṭṭhiparāmāsena. Abhinivissa voharatīti adhiṭṭhahitvā voharati dīpeti vā.

    ๒๓๕. ยโต โข เต ภิกฺขูติ ยทา เต ภิกฺขูฯ เอวํ พฺยา โข อหํ, ภเนฺต, ภควตาติ อิทํ เอส อตฺตโน อชฺฌาสเยน นตฺถีติ วตฺตุกาโมปิ ภควโต อานุภาเวน สมฺปฎิจฺฉติ, พุทฺธานํ กิร สมฺมุขา เทฺว กถา กเถตุํ สมโตฺถ นาม นตฺถิฯ

    235.Yato kho te bhikkhūti yadā te bhikkhū. Evaṃbyā kho ahaṃ, bhante, bhagavatāti idaṃ esa attano ajjhāsayena natthīti vattukāmopi bhagavato ānubhāvena sampaṭicchati, buddhānaṃ kira sammukhā dve kathā kathetuṃ samattho nāma natthi.

    ๒๓๖. กสฺส โข นาม ตฺวํ โมฆปุริสาติ ตฺวํ โมฆปุริส กสฺส ขตฺติยสฺส วา พฺราหฺมณสฺส วา เวสฺสสฺส วา สุทฺทสฺส วา คหฎฺฐสฺส วา ปพฺพชิตสฺส วา เทวสฺส วา มนุสฺสสฺส วา มยา เอวํ ธมฺมํ เทสิตํ อาชานาสิฯ อถ โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสีติ อยํ ปาฎิเยโกฺก อนุสนฺธิฯ อริโฎฺฐ กิร จิเนฺตสิ – ‘‘ภควา มํ โมฆปุริโสติ วทติ, น โข ปน โมฆปุริสาติ วุตฺตมตฺตเกน มคฺคผลานํ อุปนิสฺสโย น โหติฯ อุปเสนมฺปิ หิ วงฺคนฺตปุตฺตํ, ‘อติลหุํ โข ตฺวํ, โมฆปุริส, พาหุลฺลาย อาวโตฺต’ติ (มหาว. ๗๕) ภควา โมฆปุริสวาเทน โอวทิฯ เถโร อปรภาเค ฆเฎโนฺต วายมโนฺต ฉ อภิญฺญา สจฺฉากาสิฯ อหมฺปิ ตถารูปํ วีริยํ ปคฺคณฺหิตฺวา มคฺคผลานิ นิพฺพเตฺตสฺสามี’’ติฯ อถสฺส ภควา พนฺธนา ปวุตฺตสฺส ปณฺฑุปลาสสฺส วิย อวิรุฬฺหิภาวํ ทเสฺสโนฺต อิมํ เทสนํ อารภิฯ

    236.Kassa kho nāma tvaṃ moghapurisāti tvaṃ moghapurisa kassa khattiyassa vā brāhmaṇassa vā vessassa vā suddassa vā gahaṭṭhassa vā pabbajitassa vā devassa vā manussassa vā mayā evaṃ dhammaṃ desitaṃ ājānāsi. Atha kho bhagavā bhikkhū āmantesīti ayaṃ pāṭiyekko anusandhi. Ariṭṭho kira cintesi – ‘‘bhagavā maṃ moghapurisoti vadati, na kho pana moghapurisāti vuttamattakena maggaphalānaṃ upanissayo na hoti. Upasenampi hi vaṅgantaputtaṃ, ‘atilahuṃ kho tvaṃ, moghapurisa, bāhullāya āvatto’ti (mahāva. 75) bhagavā moghapurisavādena ovadi. Thero aparabhāge ghaṭento vāyamanto cha abhiññā sacchākāsi. Ahampi tathārūpaṃ vīriyaṃ paggaṇhitvā maggaphalāni nibbattessāmī’’ti. Athassa bhagavā bandhanā pavuttassa paṇḍupalāsassa viya aviruḷhibhāvaṃ dassento imaṃ desanaṃ ārabhi.

    อุสฺมีกโตปีติ , ภิกฺขเว, ตุเมฺห กินฺติ มญฺญถ, อยํ อริโฎฺฐ เอวํลทฺธิโก สพฺพญฺญุตญฺญาเณน ปฎิวิรุชฺฌิตฺวา เวสารชฺชญาณํ ปฎิพาหิตฺวา ตถาคตสฺส อาณาจเกฺก ปหารํ ททมาโน อปิ นุ อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย อุสฺมีกโตปิ? ยถา นิพฺพุเตปิ มหเนฺต อคฺคิกฺขเนฺธ ขชฺชุปนกมตฺตาปิ อคฺคิปปฎิกา โหติเยว, ยํ นิสฺสาย ปุน มหาอคฺคิกฺขโนฺธ ภเวยฺยฯ กิํ นุ โข เอวํ อิมสฺส อปฺปมตฺติกาปิ ญาณุสฺมา อตฺถิ, ยํ นิสฺสาย วายมโนฺต มคฺคผลานิ นิพฺพเตฺตยฺยาติ? โน เหตํ, ภเนฺตติ, ภเนฺต, เอวํลทฺธิกสฺส กุโต เอวรูปา ญาณุสฺมาติ? มคฺคผลานํ ปจฺจยสมตฺถาย ญาณุสฺมาย อุสฺมีกตภาวํ ปฎิกฺขิปนฺตา วทนฺติฯ มงฺกุภูโตติ นิเตฺตชภูโตฯ ปตฺตกฺขโนฺธติ ปติตกฺขโนฺธฯ อปฺปฎิภาโนติ กิญฺจิ ปฎิภานํ อปสฺสโนฺต ภินฺนปฎิภาโน เอวรูปมฺปิ นาม นิยฺยานิกสาสนํ ลภิตฺวา อวิรุฬฺหิธโมฺม กิรมฺหิ สมุคฺฆาติตปจฺจโย ชาโตติ อตฺตโน อภพฺพตํ ปจฺจเวกฺขโนฺต ปาทงฺคุฎฺฐเกน ภูมิํ ขณมาโน นิสีทิฯ

    Usmīkatopīti , bhikkhave, tumhe kinti maññatha, ayaṃ ariṭṭho evaṃladdhiko sabbaññutaññāṇena paṭivirujjhitvā vesārajjañāṇaṃ paṭibāhitvā tathāgatassa āṇācakke pahāraṃ dadamāno api nu imasmiṃ dhammavinaye usmīkatopi? Yathā nibbutepi mahante aggikkhandhe khajjupanakamattāpi aggipapaṭikā hotiyeva, yaṃ nissāya puna mahāaggikkhandho bhaveyya. Kiṃ nu kho evaṃ imassa appamattikāpi ñāṇusmā atthi, yaṃ nissāya vāyamanto maggaphalāni nibbatteyyāti? No hetaṃ, bhanteti, bhante, evaṃladdhikassa kuto evarūpā ñāṇusmāti? Maggaphalānaṃ paccayasamatthāya ñāṇusmāya usmīkatabhāvaṃ paṭikkhipantā vadanti. Maṅkubhūtoti nittejabhūto. Pattakkhandhoti patitakkhandho. Appaṭibhānoti kiñci paṭibhānaṃ apassanto bhinnapaṭibhāno evarūpampi nāma niyyānikasāsanaṃ labhitvā aviruḷhidhammo kiramhi samugghātitapaccayo jātoti attano abhabbataṃ paccavekkhanto pādaṅguṭṭhakena bhūmiṃ khaṇamāno nisīdi.

    ปญฺญายิสฺสสิ โขติ อยมฺปิ ปาฎิเยโกฺก อนุสนฺธิฯ อริโฎฺฐ กิร จิเนฺตสิ – ‘‘ภควา มยฺหํ มคฺคผลานํ อุปนิสฺสโย ปจฺฉิโนฺนติ วทติ, น โข ปน พุทฺธา สอุปนิสฺสยานํเยว ธมฺมํ เทเสนฺติ, อนุปนิสฺสยานมฺปิ เทเสนฺติ, อหํ สตฺถุ สนฺติกา สุคโตวาทํ ลภิตฺวา อตฺตโน สมฺปตฺตูปคํ กุสลํ กริสฺสามี’’ติฯ อถสฺส ภควา โอวาทํ ปฎิปสฺสเมฺภโนฺต ‘‘ปญฺญายิสฺสสี’’ติอาทิมาหฯ ตสฺสโตฺถ, ตฺวํเยว, โมฆปุริส, อิมินา ปาปเกน ทิฎฺฐิคเตน นิรยาทีสุ ปญฺญายิสฺสสิ, มม สนฺติกา ตุยฺหํ สุคโตวาโท นาม นตฺถิ, น เม ตยา อโตฺถ, อิธาหํ ภิกฺขู ปฎิปุจฺฉิสฺสามีติฯ

    Paññāyissasikhoti ayampi pāṭiyekko anusandhi. Ariṭṭho kira cintesi – ‘‘bhagavā mayhaṃ maggaphalānaṃ upanissayo pacchinnoti vadati, na kho pana buddhā saupanissayānaṃyeva dhammaṃ desenti, anupanissayānampi desenti, ahaṃ satthu santikā sugatovādaṃ labhitvā attano sampattūpagaṃ kusalaṃ karissāmī’’ti. Athassa bhagavā ovādaṃ paṭipassambhento ‘‘paññāyissasī’’tiādimāha. Tassattho, tvaṃyeva, moghapurisa, iminā pāpakena diṭṭhigatena nirayādīsu paññāyissasi, mama santikā tuyhaṃ sugatovādo nāma natthi, na me tayā attho, idhāhaṃ bhikkhū paṭipucchissāmīti.

    ๒๓๗. อถ โข ภควาติ อยมฺปิ ปาฎิเยโกฺก อนุสนฺธิฯ อิมสฺมิญฺหิ ฐาเน ภควา ปริสํ โสเธติ, อริฎฺฐํ คณโต นิสฺสาเรติฯ สเจ หิ ปริสคตานํ กสฺสจิ เอวํ ภเวยฺย – ‘‘อยํ อริโฎฺฐ ภควตา อกถิตํ กเถตุํ กิํ สกฺขิสฺสติ, กจฺจิ นุ โข ปริสมเชฺฌ ภควตา กถาย สมารทฺธาย สหสา กถิต’’นฺติฯ เอวํ กถิตํ ปน น อริโฎฺฐว สุณาติ, อเญฺญนปิ สุตํ ภวิสฺสติฯ อถาปิสฺส สิยา ‘‘ยถา สตฺถา อริฎฺฐํ นิคฺคณฺหาติ, มมฺปิ เอวํ นิคฺคเณฺหยฺยาติ สุตฺวาปิ ตุณฺหีภาวํ อาปเชฺชยฺยา’’ติฯ ‘‘ตํ สพฺพํ น กริสฺสนฺตี’’ติฯ มยาปิ น กถิตํ, อเญฺญน สุตมฺปิ นตฺถีติ ‘‘ตุเมฺหปิเม, ภิกฺขเว’’ติอาทินา ปริสาย ลทฺธิํ โสเธติฯ ปริสาย ปน ลทฺธิโสธเนเนว อริโฎฺฐ คณโต นิสฺสาริโต นาม โหติฯ

    237.Atha kho bhagavāti ayampi pāṭiyekko anusandhi. Imasmiñhi ṭhāne bhagavā parisaṃ sodheti, ariṭṭhaṃ gaṇato nissāreti. Sace hi parisagatānaṃ kassaci evaṃ bhaveyya – ‘‘ayaṃ ariṭṭho bhagavatā akathitaṃ kathetuṃ kiṃ sakkhissati, kacci nu kho parisamajjhe bhagavatā kathāya samāraddhāya sahasā kathita’’nti. Evaṃ kathitaṃ pana na ariṭṭhova suṇāti, aññenapi sutaṃ bhavissati. Athāpissa siyā ‘‘yathā satthā ariṭṭhaṃ niggaṇhāti, mampi evaṃ niggaṇheyyāti sutvāpi tuṇhībhāvaṃ āpajjeyyā’’ti. ‘‘Taṃ sabbaṃ na karissantī’’ti. Mayāpi na kathitaṃ, aññena sutampi natthīti ‘‘tumhepime, bhikkhave’’tiādinā parisāya laddhiṃ sodheti. Parisāya pana laddhisodhaneneva ariṭṭho gaṇato nissārito nāma hoti.

    อิทานิ อริฎฺฐสฺส ลทฺธิํ ปกาเสโนฺต โส วต, ภิกฺขเวติอาทิมาหฯ ตตฺถ อญฺญเตฺรว กาเมหีติอาทีสุ โย โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ‘‘เต ปฎิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’’ติ เอวํลทฺธิโก, โส วต กิเลสกาเมหิ เจว กิเลสกามสมฺปยุเตฺตหิ สญฺญาวิตเกฺกหิ จ อญฺญตฺร, เอเต ธเมฺม ปหาย, วินา เอเตหิ ธเมฺมหิ, วตฺถุกาเม ปฎิเสวิสฺสติ, เมถุนสมาจารํ สมาจริสฺสตีติ เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ อิทํ การณํ นาม นตฺถิ, อฎฺฐานเมตํ อนวกาโสติฯ

    Idāni ariṭṭhassa laddhiṃ pakāsento so vata, bhikkhavetiādimāha. Tattha aññatreva kāmehītiādīsu yo so, bhikkhave, bhikkhu ‘‘te paṭisevato nālaṃ antarāyāyā’’ti evaṃladdhiko, so vata kilesakāmehi ceva kilesakāmasampayuttehi saññāvitakkehi ca aññatra, ete dhamme pahāya, vinā etehi dhammehi, vatthukāme paṭisevissati, methunasamācāraṃ samācarissatīti netaṃ ṭhānaṃ vijjati. Idaṃ kāraṇaṃ nāma natthi, aṭṭhānametaṃ anavakāsoti.

    ๒๓๘. เอวํ ภควา อยํ อริโฎฺฐ ยถา นาม รชโก สุคนฺธานิปิ ทุคฺคนฺธานิปิ ชิณฺณานิปิ นวานิปิ สุทฺธานิปิ อสุทฺธานิปิ วตฺถานิ เอกโต ภณฺฑิกํ กโรติ, เอวเมว ภิกฺขูนํ นิจฺฉนฺทราคปณีตจีวราทิปริโภคญฺจ อนิพทฺธสีลานํ คหฎฺฐานํ อนฺตรายกรํ สจฺฉนฺทราคปริโภคญฺจ นิพทฺธสีลานํ ภิกฺขูนํ อาวรณกรํ สจฺฉนฺทราคปริโภคญฺจ สพฺพํ เอกสทิสํ กโรตีติ อริฎฺฐสฺส ลทฺธิํ ปกาเสตฺวา อิทานิ ทุคฺคหิตาย ปริยตฺติยา โทสํ ทเสฺสโนฺต อิธ, ภิกฺขเว, เอกเจฺจติอาทิมาหฯ ตตฺถ ปริยาปุณนฺตีติ อุคฺคณฺหนฺติฯ สุตฺตนฺติอาทีสุ อุภโตวิภงฺคนิเทฺทสขนฺธกปริวารา, สุตฺตนิปาเต มงฺคลสุตฺตรตนสุตฺตนาลกสุอาตุวฎฺฎกสุตฺตานิ, อญฺญมฺปิ จ สุตฺตนามกํ ตถาคตวจนํ สุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ สพฺพมฺปิ สคาถกํ สุตฺตํ เคยฺยนฺติ เวทิตพฺพํ, วิเสเสน สํยุตฺตเก สกโลปิ สคาถาวโคฺคฯ สกลํ อภิธมฺมปิฎกํ, นิคฺคาถกํ สุตฺตํ, ยญฺจ อญฺญมฺปิ อฎฺฐหิ อเงฺคหิ อสงฺคหิตํ พุทฺธวจนํ, ตํ เวยฺยากรณนฺติ เวทิตพฺพํฯ ธมฺมปทํ, เถรคาถา, เถริคาถา, สุตฺตนิปาเต โนสุตฺตนามิกา สุทฺธิกคาถา จ คาถาติ เวทิตพฺพาฯ โสมนสฺสญาณมยิกคาถาปฎิสํยุตฺตา เทฺวอสีติสุตฺตนฺตา อุทานนฺติ เวทิตพฺพาฯ ‘‘วุตฺตเญฺหตํ ภควตา’’ติอาทินยปฺปวตฺตา (อิติวุ. ๑,๒) ทสุตฺตรสตสุตฺตนฺตา อิติวุตฺตกนฺติ เวทิตพฺพาฯ อปณฺณกชาตกาทีนิ ปณฺณาสาธิกานิ ปญฺจชาตกสตานิ ชาตกนฺติ เวทิตพฺพานิฯ ‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, อจฺฉริยา อพฺภุตา ธมฺมา อานเนฺท’’ติอาทินยปฺปวตฺตา (อ. นิ. ๔.๑๒๙) สเพฺพปิ อจฺฉริยอพฺภุตธมฺมปฺปฎิสํยุตฺตา สุตฺตนฺตา อพฺภุตธมฺมนฺติ เวทิตพฺพาฯ จูฬเวทลฺลมหาเวทลฺลสมฺมาทิฎฺฐิสกฺกปญฺหสงฺขารภาชนิยมหาปุณฺณมสุตฺตาทโย สเพฺพปิ เวทญฺจ ตุฎฺฐิญฺจ ลทฺธา ลทฺธา ปุจฺฉิตสุตฺตนฺตา เวทลฺลนฺติ เวทิตพฺพาฯ

    238. Evaṃ bhagavā ayaṃ ariṭṭho yathā nāma rajako sugandhānipi duggandhānipi jiṇṇānipi navānipi suddhānipi asuddhānipi vatthāni ekato bhaṇḍikaṃ karoti, evameva bhikkhūnaṃ nicchandarāgapaṇītacīvarādiparibhogañca anibaddhasīlānaṃ gahaṭṭhānaṃ antarāyakaraṃ sacchandarāgaparibhogañca nibaddhasīlānaṃ bhikkhūnaṃ āvaraṇakaraṃ sacchandarāgaparibhogañca sabbaṃ ekasadisaṃ karotīti ariṭṭhassa laddhiṃ pakāsetvā idāni duggahitāya pariyattiyā dosaṃ dassento idha, bhikkhave, ekaccetiādimāha. Tattha pariyāpuṇantīti uggaṇhanti. Suttantiādīsu ubhatovibhaṅganiddesakhandhakaparivārā, suttanipāte maṅgalasuttaratanasuttanālakasuātuvaṭṭakasuttāni, aññampi ca suttanāmakaṃ tathāgatavacanaṃ suttanti veditabbaṃ. Sabbampi sagāthakaṃ suttaṃ geyyanti veditabbaṃ, visesena saṃyuttake sakalopi sagāthāvaggo. Sakalaṃ abhidhammapiṭakaṃ, niggāthakaṃ suttaṃ, yañca aññampi aṭṭhahi aṅgehi asaṅgahitaṃ buddhavacanaṃ, taṃ veyyākaraṇanti veditabbaṃ. Dhammapadaṃ, theragāthā, therigāthā, suttanipāte nosuttanāmikā suddhikagāthā ca gāthāti veditabbā. Somanassañāṇamayikagāthāpaṭisaṃyuttā dveasītisuttantā udānanti veditabbā. ‘‘Vuttañhetaṃ bhagavatā’’tiādinayappavattā (itivu. 1,2) dasuttarasatasuttantā itivuttakanti veditabbā. Apaṇṇakajātakādīni paṇṇāsādhikāni pañcajātakasatāni jātakanti veditabbāni. ‘‘Cattārome, bhikkhave, acchariyā abbhutā dhammā ānande’’tiādinayappavattā (a. ni. 4.129) sabbepi acchariyaabbhutadhammappaṭisaṃyuttā suttantā abbhutadhammanti veditabbā. Cūḷavedallamahāvedallasammādiṭṭhisakkapañhasaṅkhārabhājaniyamahāpuṇṇamasuttādayo sabbepi vedañca tuṭṭhiñca laddhā laddhā pucchitasuttantā vedallanti veditabbā.

    อตฺถํ น อุปปริกฺขนฺตีติ อตฺถตฺถํ การณตฺถํ น ปสฺสนฺติ น ปริคฺคณฺหนฺติฯ อนุปปริกฺขตนฺติ อนุปปริกฺขนฺตานํฯ น นิชฺฌานํ ขมนฺตีติ น อุปฎฺฐหนฺติ น อาปาถํ อาคจฺฉนฺติ, อิมสฺมิํ ฐาเน สีลํ สมาธิ วิปสฺสนา มโคฺค ผลํ วฎฺฎํ วิวฎฺฎํ กถิตนฺติ เอวํ ชานิตุํ น สกฺกา โหนฺตีติ อโตฺถฯ เต อุปารมฺภานิสํสา เจวาติ เต ปเรสํ วาเท โทสาโรปนานิสํสา หุตฺวา ปริยาปุณนฺตีติ อโตฺถฯ อิติวาทปฺปโมกฺขานิสํสา จาติ เอวํ วาทปโมกฺขานิสํสา, ปเรหิ สกวาเท โทเส อาโรปิเต ตํ โทสํ เอวํ โมเจสฺสามาติ อิมินาว การเณน ปริยาปุณนฺตีติ อโตฺถฯ ตญฺจสฺส อตฺถํ นานุโภนฺตีติ ยสฺส จ มคฺคสฺส วา ผลสฺส วา อตฺถาย กุลปุตฺตา ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ, ตญฺจสฺส ธมฺมสฺส อตฺถํ เอเต ทุคฺคหิตคฺคาหิโน นานุโภนฺติฯ อปิจ ปรสฺส วาเท อุปารมฺภํ อาโรเปตุํ อตฺตโน วาทํ โมเจตุํ อสโกฺกนฺตาปิ ตญฺจ อตฺถํ นานุโภนฺติเยวฯ

    Atthaṃ na upaparikkhantīti atthatthaṃ kāraṇatthaṃ na passanti na pariggaṇhanti. Anupaparikkhatanti anupaparikkhantānaṃ. Na nijjhānaṃ khamantīti na upaṭṭhahanti na āpāthaṃ āgacchanti, imasmiṃ ṭhāne sīlaṃ samādhi vipassanā maggo phalaṃ vaṭṭaṃ vivaṭṭaṃ kathitanti evaṃ jānituṃ na sakkā hontīti attho. Te upārambhānisaṃsā cevāti te paresaṃ vāde dosāropanānisaṃsā hutvā pariyāpuṇantīti attho. Itivādappamokkhānisaṃsā cāti evaṃ vādapamokkhānisaṃsā, parehi sakavāde dose āropite taṃ dosaṃ evaṃ mocessāmāti imināva kāraṇena pariyāpuṇantīti attho. Tañcassa atthaṃ nānubhontīti yassa ca maggassa vā phalassa vā atthāya kulaputtā dhammaṃ pariyāpuṇanti, tañcassa dhammassa atthaṃ ete duggahitaggāhino nānubhonti. Apica parassa vāde upārambhaṃ āropetuṃ attano vādaṃ mocetuṃ asakkontāpi tañca atthaṃ nānubhontiyeva.

    ๒๓๙. อลคทฺทตฺถิโกติ อาสิวิสอตฺถิโกฯ คโทติ หิ วิสสฺส นามํ, ตํ ตสฺส อลํ ปริปุณฺณํ อตฺถีติ อลคโทฺทฯ โภเคติ สรีเรฯ อิธ ปน, ภิกฺขเว, เอกเจฺจ กุลปุตฺตา ธมฺมํ ปริยาปุณนฺตีติ นิตฺถรณปริยตฺติวเสน อุคฺคณฺหนฺติฯ ติโสฺส หิ ปริยตฺติโย อลคทฺทปริยตฺติ นิตฺถรณปริยตฺติ ภณฺฑาคาริกปริยตฺตีติฯ

    239.Alagaddatthikoti āsivisaatthiko. Gadoti hi visassa nāmaṃ, taṃ tassa alaṃ paripuṇṇaṃ atthīti alagaddo. Bhogeti sarīre. Idha pana, bhikkhave, ekacce kulaputtā dhammaṃ pariyāpuṇantīti nittharaṇapariyattivasena uggaṇhanti. Tisso hi pariyattiyo alagaddapariyatti nittharaṇapariyatti bhaṇḍāgārikapariyattīti.

    ตตฺถ โย พุทฺธวจนํ อุคฺคเหตฺวา เอวํ จีวราทีนิ วา ลภิสฺสามิ, จตุปริสมเชฺฌ วา มํ ชานิสฺสนฺตีติ ลาภสกฺการเหตุ ปริยาปุณาติ, ตสฺส สา ปริยตฺติ อลคทฺทปริยตฺติ นามฯ เอวํ ปริยาปุณโต หิ พุทฺธวจนํ อปริยาปุณิตฺวา นิโทฺทกฺกมนํ วรตรํฯ

    Tattha yo buddhavacanaṃ uggahetvā evaṃ cīvarādīni vā labhissāmi, catuparisamajjhe vā maṃ jānissantīti lābhasakkārahetu pariyāpuṇāti, tassa sā pariyatti alagaddapariyatti nāma. Evaṃ pariyāpuṇato hi buddhavacanaṃ apariyāpuṇitvā niddokkamanaṃ varataraṃ.

    โย ปน พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหิตฺวา สีลสฺส อาคตฎฺฐาเน สีลํ ปูเรตฺวา สมาธิสฺส อาคตฎฺฐาเน สมาธิคพฺภํ คณฺหาเปตฺวา วิปสฺสนาย อาคตฎฺฐาเน วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา มคฺคผลานํ อาคตฎฺฐาเน มคฺคํ ภาเวสฺสามิ ผลํ สจฺฉิกริสฺสามีติ อุคฺคณฺหาติ, ตสฺส สา ปริยตฺติ นิตฺถรณปริยตฺติ นาม โหติฯ

    Yo pana buddhavacanaṃ uggaṇhitvā sīlassa āgataṭṭhāne sīlaṃ pūretvā samādhissa āgataṭṭhāne samādhigabbhaṃ gaṇhāpetvā vipassanāya āgataṭṭhāne vipassanaṃ paṭṭhapetvā maggaphalānaṃ āgataṭṭhāne maggaṃ bhāvessāmi phalaṃ sacchikarissāmīti uggaṇhāti, tassa sā pariyatti nittharaṇapariyatti nāma hoti.

    ขีณาสวสฺส ปน ปริยตฺติ ภณฺฑาคาริกปริยตฺติ นามฯ ตสฺส หิ อปริญฺญาตํ อปฺปหีนํ อภาวิตํ อสจฺฉิกตํ วา นตฺถิฯ โส หิ ปริญฺญาตกฺขโนฺธ ปหีนกิเลโส ภาวิตมโคฺค สจฺฉิกตผโล, ตสฺมา พุทฺธวจนํ ปริยาปุณโนฺต ตนฺติธารโก ปเวณิปาลโก วํสานุรกฺขโกว หุตฺวา อุคฺคณฺหาติฯ อิติสฺส สา ปริยตฺติ ภณฺฑาคาริกปริยตฺติ นาม โหติฯ

    Khīṇāsavassa pana pariyatti bhaṇḍāgārikapariyatti nāma. Tassa hi apariññātaṃ appahīnaṃ abhāvitaṃ asacchikataṃ vā natthi. So hi pariññātakkhandho pahīnakileso bhāvitamaggo sacchikataphalo, tasmā buddhavacanaṃ pariyāpuṇanto tantidhārako paveṇipālako vaṃsānurakkhakova hutvā uggaṇhāti. Itissa sā pariyatti bhaṇḍāgārikapariyatti nāma hoti.

    โย ปน ปุถุชฺชโน ฉาตภยาทีสุ คนฺถธเรสุ เอกสฺมิํ ฐาเน วสิตุํ อสโกฺกเนฺตสุ สยํ ภิกฺขาจาเรน อกิลมมาโน อติมธุรํ พุทฺธวจนํ มา นสฺสตุ, ตนฺติํ ธาเรสฺสามิ, วํสํ ฐเปสฺสามิ, ปเวณิํ ปาเลสฺสามีติ ปริยาปุณาติ, ตสฺส ปริยตฺติ ภณฺฑาคาริกปริยตฺติ โหติ, น โหตีติ? น โหติฯ กสฺมา? น อตฺตโน ฐาเน ฐตฺวา ปริยาปุตตฺตาฯ ปุถุชฺชนสฺส หิ ปริยตฺติ นาม อลคทฺทา วา โหติ นิตฺถรณา วา, สตฺตนฺนํ เสกฺขานํ นิตฺถรณาว, ขีณาสวสฺส ภณฺฑาคาริกปริยตฺติเยวฯ อิมสฺมิํ ปน ฐาเน นิตฺถรณปริยตฺติ อธิเปฺปตาฯ

    Yo pana puthujjano chātabhayādīsu ganthadharesu ekasmiṃ ṭhāne vasituṃ asakkontesu sayaṃ bhikkhācārena akilamamāno atimadhuraṃ buddhavacanaṃ mā nassatu, tantiṃ dhāressāmi, vaṃsaṃ ṭhapessāmi, paveṇiṃ pālessāmīti pariyāpuṇāti, tassa pariyatti bhaṇḍāgārikapariyatti hoti, na hotīti? Na hoti. Kasmā? Na attano ṭhāne ṭhatvā pariyāputattā. Puthujjanassa hi pariyatti nāma alagaddā vā hoti nittharaṇā vā, sattannaṃ sekkhānaṃ nittharaṇāva, khīṇāsavassa bhaṇḍāgārikapariyattiyeva. Imasmiṃ pana ṭhāne nittharaṇapariyatti adhippetā.

    นิชฺฌานํ ขมนฺตีติ สีลาทีนํ อาคตฎฺฐาเนสุ อิธ สีลํ กถิตํ, อิธ สมาธิ, อิธ วิปสฺสนา, อิธ มโคฺค, อิธ ผลํ, อิธ วฎฺฎํ, อิธ วิวฎฺฎนฺติ อาปาถํ อาคจฺฉนฺติฯ ตญฺจสฺส อตฺถํ อนุโภนฺตีติ เยสํ มคฺคผลานํ อตฺถาย ปริยาปุณนฺติฯ สุคฺคหิตปริยตฺติํ นิสฺสาย มคฺคํ ภาเวตฺวา ผลํ สจฺฉิกโรนฺตา ตญฺจสฺส ธมฺมสฺส อตฺถํ อนุภวนฺติฯ ปรวาเท อุปารมฺภํ อาโรเปตุํ สโกฺกนฺตาปิ สกวาเท อาโรปิตํ โทสํ อิจฺฉิติจฺฉิตฎฺฐานํ คเหตฺวา โมเจตุํ สโกฺกนฺตาปิ อนุโภนฺติเยวฯ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย สํวตฺตนฺตีติ สีลาทีนํ อาคตฎฺฐาเน สีลาทีนิ ปูเรนฺตานมฺปิ, ปเรสํ วาเท สหธเมฺมน อุปารมฺภํ อาโรเปนฺตานมฺปิ, สกวาทโต โทสํ หรนฺตานมฺปิ, อรหตฺตํ ปตฺวา ปริสมเชฺฌ ธมฺมํ เทเสตฺวา ธมฺมเทสนาย ปสเนฺนหิ อุปนีเต จตฺตาโร ปจฺจเย ปริภุญฺชนฺตานมฺปิ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย สํวตฺตนฺติฯ

    Nijjhānaṃ khamantīti sīlādīnaṃ āgataṭṭhānesu idha sīlaṃ kathitaṃ, idha samādhi, idha vipassanā, idha maggo, idha phalaṃ, idha vaṭṭaṃ, idha vivaṭṭanti āpāthaṃ āgacchanti. Tañcassa atthaṃ anubhontīti yesaṃ maggaphalānaṃ atthāya pariyāpuṇanti. Suggahitapariyattiṃ nissāya maggaṃ bhāvetvā phalaṃ sacchikarontā tañcassa dhammassa atthaṃ anubhavanti. Paravāde upārambhaṃ āropetuṃ sakkontāpi sakavāde āropitaṃ dosaṃ icchiticchitaṭṭhānaṃ gahetvā mocetuṃ sakkontāpi anubhontiyeva. Dīgharattaṃ hitāya sukhāya saṃvattantīti sīlādīnaṃ āgataṭṭhāne sīlādīni pūrentānampi, paresaṃ vāde sahadhammena upārambhaṃ āropentānampi, sakavādato dosaṃ harantānampi, arahattaṃ patvā parisamajjhe dhammaṃ desetvā dhammadesanāya pasannehi upanīte cattāro paccaye paribhuñjantānampi dīgharattaṃ hitāya sukhāya saṃvattanti.

    เอวํ สุคฺคหิเต พุทฺธวจเน อานิสํสํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ตเตฺถว นิโยเชโนฺต ตสฺมา ติห, ภิกฺขเวติอาทิมาหฯ ตตฺถ ตสฺมาติ ยสฺมา ทุคฺคหิตปริยตฺติ ทุคฺคหิตอลคโทฺท วิย ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตติ, สุคฺคหิตปริยตฺติ สุคฺคหิตอลคโทฺท วิย ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย สํวตฺตติ, ตสฺมาติ อโตฺถฯ ตถา นํ ธาเรยฺยาถาติ ตเถว นํ ธาเรยฺยาถ, เตเนว อเตฺถน คเณฺหยฺยาถฯ เย วา ปนาสฺสุ วิยตฺตา ภิกฺขูติ เย วา ปน อเญฺญ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานมหากสฺสปมหากจฺจานาทิกา พฺยตฺตา ปณฺฑิตา ภิกฺขู อสฺสุ, เต ปุจฺฉิตพฺพาฯ อริเฎฺฐน วิย ปน มม สาสเน น กลลํ วา กจวรํ วา ปกฺขิปิตพฺพํฯ

    Evaṃ suggahite buddhavacane ānisaṃsaṃ dassetvā idāni tattheva niyojento tasmā tiha, bhikkhavetiādimāha. Tattha tasmāti yasmā duggahitapariyatti duggahitaalagaddo viya dīgharattaṃ ahitāya dukkhāya saṃvattati, suggahitapariyatti suggahitaalagaddo viya dīgharattaṃ hitāya sukhāya saṃvattati, tasmāti attho. Tathā naṃ dhāreyyāthāti tatheva naṃ dhāreyyātha, teneva atthena gaṇheyyātha. Ye vā panāssu viyattā bhikkhūti ye vā pana aññe sāriputtamoggallānamahākassapamahākaccānādikā byattā paṇḍitā bhikkhū assu, te pucchitabbā. Ariṭṭhena viya pana mama sāsane na kalalaṃ vā kacavaraṃ vā pakkhipitabbaṃ.

    ๒๔๐. กุลฺลูปมนฺติ กุลฺลสทิสํฯ นิตฺถรณตฺถายาติ จตุโรฆนิตฺถรณตฺถายฯ อุทกณฺณวนฺติ ยญฺหิ อุทกํ คมฺภีรํ น ปุถุลํฯ ปุถุลํ วา ปน น คมฺภีรํ, น ตํ อณฺณโวติ วุจฺจติฯ ยํ ปน คมฺภีรเญฺจว ปุถุลญฺจ, ตํ อณฺณโวติ วุจฺจติฯ ตสฺมา มหนฺตํ อุทกณฺณวนฺติ มหนฺตํ ปุถุลํ คมฺภีรํ อุทกนฺติ อยเมตฺถ อโตฺถฯ สาสงฺกํ นาม ยตฺถ โจรานํ นิวุโตฺถกาโส ทิสฺสติฯ ฐิโตกาโส, นิสิโนฺนกาโส, นิปโนฺนกาโส ทิสฺสติฯ สปฺปฎิภยํ นาม ยตฺถ โจเรหิ มนุสฺสา หตา ทิสฺสนฺติ, วิลุตฺตา ทิสฺสนฺติ, อาโกฎิตา ทิสฺสนฺติฯ อุตฺตรเสตูติ อุทกณฺณวสฺส อุปริ พโทฺธ เสตุฯ กุลฺลํ พนฺธิตฺวาติ กุโลฺล นาม ตรณตฺถาย กลาปํ กตฺวา พโทฺธฯ ปตฺถริตฺวา พทฺธา ปน ปทรจาฎิอาทโย อุฬุโมฺปติ วุจฺจนฺติฯ อุจฺจาเรตฺวาติ ฐเปตฺวาฯ กิจฺจการีติ ปตฺตการี ยุตฺตการี, ปติรูปการีติ อโตฺถฯ ธมฺมาปิ โว ปหาตพฺพาติ เอตฺถ ธมฺมาติ สมถวิปสฺสนาฯ ภควา หิ สมเถปิ ฉนฺทราคํ ปชหาเปสิ, วิปสฺสนายปิฯ สมเถ ฉนฺทราคํ กตฺถ ปชหาเปสิ? ‘‘อิติ โข, อุทายิ, เนวสญฺญานาสญฺญายตนสฺสปิ ปหานํ วทามิ, ปสฺสสิ โน ตฺวํ, อุทายิ, ตํ สํโยชนํ อณุํ วา ถูลํ วา, ยสฺสาหํ โน ปหานํ วทามี’’ติ (ม. นิ. ๒.๑๕๖) เอตฺถ สมเถ ฉนฺทราคํ ปชหาเปสิฯ ‘‘อิมํ เจ ตุเมฺห, ภิกฺขเว, ทิฎฺฐิํ เอวํ ปริสุทฺธํ เอวํ ปริโยทาตํ น อลฺลีเยถ น เกลาเยถ น ธนาเยถา’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๐๑) เอตฺถ วิปสฺสนาย ฉนฺทราคํ ปชหาเปสิ ฯ อิธ ปน อุภยตฺถ ปชหาเปโนฺต ‘‘ธมฺมาปิ โว ปหาตพฺพา, ปเคว อธมฺมา’’ติ อาหฯ

    240.Kullūpamanti kullasadisaṃ. Nittharaṇatthāyāti caturoghanittharaṇatthāya. Udakaṇṇavanti yañhi udakaṃ gambhīraṃ na puthulaṃ. Puthulaṃ vā pana na gambhīraṃ, na taṃ aṇṇavoti vuccati. Yaṃ pana gambhīrañceva puthulañca, taṃ aṇṇavoti vuccati. Tasmā mahantaṃ udakaṇṇavanti mahantaṃ puthulaṃ gambhīraṃ udakanti ayamettha attho. Sāsaṅkaṃ nāma yattha corānaṃ nivutthokāso dissati. Ṭhitokāso, nisinnokāso, nipannokāso dissati. Sappaṭibhayaṃ nāma yattha corehi manussā hatā dissanti, viluttā dissanti, ākoṭitā dissanti. Uttarasetūti udakaṇṇavassa upari baddho setu. Kullaṃ bandhitvāti kullo nāma taraṇatthāya kalāpaṃ katvā baddho. Pattharitvā baddhā pana padaracāṭiādayo uḷumpoti vuccanti. Uccāretvāti ṭhapetvā. Kiccakārīti pattakārī yuttakārī, patirūpakārīti attho. Dhammāpi vo pahātabbāti ettha dhammāti samathavipassanā. Bhagavā hi samathepi chandarāgaṃ pajahāpesi, vipassanāyapi. Samathe chandarāgaṃ kattha pajahāpesi? ‘‘Iti kho, udāyi, nevasaññānāsaññāyatanassapi pahānaṃ vadāmi, passasi no tvaṃ, udāyi, taṃ saṃyojanaṃ aṇuṃ vā thūlaṃ vā, yassāhaṃ no pahānaṃ vadāmī’’ti (ma. ni. 2.156) ettha samathe chandarāgaṃ pajahāpesi. ‘‘Imaṃ ce tumhe, bhikkhave, diṭṭhiṃ evaṃ parisuddhaṃ evaṃ pariyodātaṃ na allīyetha na kelāyetha na dhanāyethā’’ti (ma. ni. 1.401) ettha vipassanāya chandarāgaṃ pajahāpesi . Idha pana ubhayattha pajahāpento ‘‘dhammāpi vo pahātabbā, pageva adhammā’’ti āha.

    ตตฺรายํ อธิปฺปาโย – ภิกฺขเว, อหํ เอวรูเปสุ สนฺตปฺปณีเตสุ ธเมฺมสุ ฉนฺทราคปฺปหานํ วทามิ, กิํ ปน อิมสฺมิํ อสทฺธเมฺม คามธเมฺม วสลธเมฺม ทุฎฺฐุเลฺล โอทกนฺติเก, ยตฺถ อยํ อริโฎฺฐ โมฆปุริโส นิโทฺทสสญฺญี ปญฺจสุ กามคุเณสุ ฉนฺทราคํ นาลํ อนฺตรายายาติ วทติฯ อริเฎฺฐน วิย น ตุเมฺหหิ มยฺหํ สาสเน กลลํ วา กจวรํ วา ปกฺขิปิตพฺพนฺติ เอวํ ภควา อิมินาปิ โอวาเทน อริฎฺฐํเยว นิคฺคณฺหาติฯ

    Tatrāyaṃ adhippāyo – bhikkhave, ahaṃ evarūpesu santappaṇītesu dhammesu chandarāgappahānaṃ vadāmi, kiṃ pana imasmiṃ asaddhamme gāmadhamme vasaladhamme duṭṭhulle odakantike, yattha ayaṃ ariṭṭho moghapuriso niddosasaññī pañcasu kāmaguṇesu chandarāgaṃ nālaṃ antarāyāyāti vadati. Ariṭṭhena viya na tumhehi mayhaṃ sāsane kalalaṃ vā kacavaraṃ vā pakkhipitabbanti evaṃ bhagavā imināpi ovādena ariṭṭhaṃyeva niggaṇhāti.

    ๒๔๑. อิทานิ โย ปญฺจสุ ขเนฺธสุ ติวิธคฺคาหวเสน อหํ มมนฺติ คณฺหาติ, โส มยฺหํ สาสเน อยํ อริโฎฺฐ วิย กลลํ กจวรํ ปกฺขิปตีติ ทเสฺสโนฺต ฉยิมานิ, ภิกฺขเวติอาทิมาหฯ ตตฺถ ทิฎฺฐิฎฺฐานานีติ ทิฎฺฐิปิ ทิฎฺฐิฎฺฐานํ, ทิฎฺฐิยา อารมฺมณมฺปิ ทิฎฺฐิฎฺฐานํ, ทิฎฺฐิยา ปจฺจโยปิฯ รูปํ เอตํ มมาติอาทีสุ เอตํ มมาติ ตณฺหาคฺคาโหฯ เอโสหมสฺมีติ มานคฺคาโหฯ เอโส เม อตฺตาติ ทิฎฺฐิคฺคาโหฯ เอวํ รูปารมฺมณา ตณฺหามานทิฎฺฐิโย กถิตา โหนฺติฯ รูปํ ปน อตฺตาติ น วตฺตพฺพํฯ เวทนาทีสุปิ เอเสว นโยฯ ทิฎฺฐํ รูปายตนํ, สุตํ สทฺทายตนํ , มุตํ คนฺธายตนํ รสายตนํ โผฎฺฐพฺพายตนํ, ตญฺหิ ปตฺวา คเหตพฺพโต มุตนฺติ วุตฺตํฯ อวเสสานิ สตฺตายตนานิ วิญฺญาตํ นามฯ ปตฺตนฺติ ปริเยสิตฺวา วา อปริเยสิตฺวา วา ปตฺตํฯ ปริเยสิตนฺติ ปตฺตํ วา อปฺปตฺตํ วา ปริเยสิตํฯ อนุวิจริตํ มนสาติ จิเตฺตน อนุสญฺจริตํฯ โลกสฺมิญฺหิ ปริเยสิตฺวา ปตฺตมฺปิ อตฺถิ, ปริเยสิตฺวา โนปตฺตมฺปิฯ อปริเยสิตฺวา ปตฺตมฺปิ อตฺถิ, อปริเยสิตฺวา โนปตฺตมฺปิฯ ตตฺถ ปริเยสิตฺวา ปตฺตํ ปตฺตํ นามฯ ปริเยสิตฺวา โนปตฺตํ ปริเยสิตํ นามฯ อปริเยสิตฺวา ปตฺตญฺจ, อปริเยสิตฺวา โนปตฺตญฺจ มนสานุวิจริตํ นามฯ

    241. Idāni yo pañcasu khandhesu tividhaggāhavasena ahaṃ mamanti gaṇhāti, so mayhaṃ sāsane ayaṃ ariṭṭho viya kalalaṃ kacavaraṃ pakkhipatīti dassento chayimāni, bhikkhavetiādimāha. Tattha diṭṭhiṭṭhānānīti diṭṭhipi diṭṭhiṭṭhānaṃ, diṭṭhiyā ārammaṇampi diṭṭhiṭṭhānaṃ, diṭṭhiyā paccayopi. Rūpaṃ etaṃ mamātiādīsu etaṃ mamāti taṇhāggāho. Esohamasmīti mānaggāho. Eso me attāti diṭṭhiggāho. Evaṃ rūpārammaṇā taṇhāmānadiṭṭhiyo kathitā honti. Rūpaṃ pana attāti na vattabbaṃ. Vedanādīsupi eseva nayo. Diṭṭhaṃ rūpāyatanaṃ, sutaṃ saddāyatanaṃ , mutaṃ gandhāyatanaṃ rasāyatanaṃ phoṭṭhabbāyatanaṃ, tañhi patvā gahetabbato mutanti vuttaṃ. Avasesāni sattāyatanāni viññātaṃ nāma. Pattanti pariyesitvā vā apariyesitvā vā pattaṃ. Pariyesitanti pattaṃ vā appattaṃ vā pariyesitaṃ. Anuvicaritaṃ manasāti cittena anusañcaritaṃ. Lokasmiñhi pariyesitvā pattampi atthi, pariyesitvā nopattampi. Apariyesitvā pattampi atthi, apariyesitvā nopattampi. Tattha pariyesitvā pattaṃ pattaṃ nāma. Pariyesitvā nopattaṃ pariyesitaṃ nāma. Apariyesitvā pattañca, apariyesitvā nopattañca manasānuvicaritaṃ nāma.

    อถ วา ปริเยสิตฺวา ปตฺตมฺปิ อปริเยสิตฺวา ปตฺตมฺปิ ปตฺตเฎฺฐน ปตฺตํ นามฯ ปริเยสิตฺวา โนปตฺตํ ปริเยสิตํ นามฯ อปริเยสิตฺวา โนปตฺตํ มนสานุวิจริตํ นามฯ สพฺพํ วา เอตํ มนสา อนุวิจริตตฺตา มนสานุวิจริตํ นามฯ อิมินา วิญฺญาณารมฺมณา ตณฺหามานทิฎฺฐิโย กถิตา, เทสนาวิลาเสน เหฎฺฐา ทิฎฺฐาทิอารมฺมณวเสน วิญฺญาณํ ทสฺสิตํ ฯ ยมฺปิ ตํ ทิฎฺฐิฎฺฐานนฺติ ยมฺปิ เอตํ โส โลโกติอาทินา นเยน ปวตฺตํ ทิฎฺฐิฎฺฐานํฯ

    Atha vā pariyesitvā pattampi apariyesitvā pattampi pattaṭṭhena pattaṃ nāma. Pariyesitvā nopattaṃ pariyesitaṃ nāma. Apariyesitvā nopattaṃ manasānuvicaritaṃ nāma. Sabbaṃ vā etaṃ manasā anuvicaritattā manasānuvicaritaṃ nāma. Iminā viññāṇārammaṇā taṇhāmānadiṭṭhiyo kathitā, desanāvilāsena heṭṭhā diṭṭhādiārammaṇavasena viññāṇaṃ dassitaṃ . Yampi taṃ diṭṭhiṭṭhānanti yampi etaṃ so lokotiādinā nayena pavattaṃ diṭṭhiṭṭhānaṃ.

    โส โลโก โส อตฺตาติ ยา เอสา ‘‘รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสตี’’ติอาทินา นเยน ปวตฺตา ทิฎฺฐิ โลโก จ อตฺตา จาติ คณฺหาติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํฯ โส เปจฺจ ภวิสฺสามีติ โส อหํ ปรโลกํ คนฺตฺวา นิโจฺจ ภวิสฺสามิ, ธุโว สสฺสโต อวิปริณามธโมฺม ภวิสฺสามิ, สิเนรุมหาปถวีมหาสมุทฺทาทีหิ สสฺสตีหิ สมํ ตเถว ฐสฺสามิฯ ตมฺปิ เอตํ มมาติ ตมฺปิ ทสฺสนํ เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตาติ สมนุปสฺสติฯ อิมินา ทิฎฺฐารมฺมณา ตณฺหามานทิฎฺฐิโย กถิตาฯ วิปสฺสนาย ปฎิวิปสฺสนากาเล วิย ปจฺฉิมทิฎฺฐิยา ปุริมทิฎฺฐิคฺคหณกาเล เอวํ โหติฯ

    So loko so attāti yā esā ‘‘rūpaṃ attato samanupassatī’’tiādinā nayena pavattā diṭṭhi loko ca attā cāti gaṇhāti, taṃ sandhāya vuttaṃ. So pecca bhavissāmīti so ahaṃ paralokaṃ gantvā nicco bhavissāmi, dhuvo sassato avipariṇāmadhammo bhavissāmi, sinerumahāpathavīmahāsamuddādīhi sassatīhi samaṃ tatheva ṭhassāmi. Tampi etaṃ mamāti tampi dassanaṃ etaṃ mama, esohamasmi, eso me attāti samanupassati. Iminā diṭṭhārammaṇā taṇhāmānadiṭṭhiyo kathitā. Vipassanāya paṭivipassanākāle viya pacchimadiṭṭhiyā purimadiṭṭhiggahaṇakāle evaṃ hoti.

    สุกฺกปเกฺข รูปํ เนตํ มมาติ รูเป ตณฺหามานทิฎฺฐิคฺคาหา ปฎิกฺขิตฺตาฯ เวทนาทีสุปิ เอเสว นโยฯ สมนุปสฺสตีติ อิมสฺส ปน ปทสฺส ตณฺหาสมนุปสฺสนา มานสมนุปสฺสนา ทิฎฺฐิสมนุปสฺสนา ญาณสมนุปสฺสนาติ จตโสฺส สมนุปสฺสนาติ อโตฺถฯ ตา กณฺหปเกฺข ติสฺสนฺนํ สมนุปสฺสนานํ, สุกฺกปเกฺข ญาณสมนุปสฺสนาย วเสน เวทิตพฺพาฯ อสติ น ปริตสฺสตีติ อวิชฺชมาเน ภยปริตสฺสนาย ตณฺหาปริตสฺสนาย วา น ปริตสฺสติฯ อิมินา ภควา อชฺฌตฺตกฺขนฺธวินาเส อปริตสฺสมานํ ขีณาสวํ ทเสฺสโนฺต เทสนํ มตฺถกํ ปาเปสิฯ

    Sukkapakkhe rūpaṃ netaṃ mamāti rūpe taṇhāmānadiṭṭhiggāhā paṭikkhittā. Vedanādīsupi eseva nayo. Samanupassatīti imassa pana padassa taṇhāsamanupassanā mānasamanupassanā diṭṭhisamanupassanā ñāṇasamanupassanāti catasso samanupassanāti attho. Tā kaṇhapakkhe tissannaṃ samanupassanānaṃ, sukkapakkhe ñāṇasamanupassanāya vasena veditabbā. Asati na paritassatīti avijjamāne bhayaparitassanāya taṇhāparitassanāya vā na paritassati. Iminā bhagavā ajjhattakkhandhavināse aparitassamānaṃ khīṇāsavaṃ dassento desanaṃ matthakaṃ pāpesi.

    ๒๔๒. เอวํ วุเตฺต อญฺญตโร ภิกฺขูติ เอวํ ภควตา วุเตฺต อญฺญตโร อนุสนฺธิกุสโล ภิกฺขุ – ‘‘ภควตา อชฺฌตฺตกฺขนฺธวินาเส อปริตสฺสนฺตํ ขีณาสวํ ทเสฺสตฺวา เทสนา นิฎฺฐาปิตา, อชฺฌตฺตํ อปริตสฺสเนฺต โข ปน สติ อชฺฌตฺตํ ปริตสฺสเกน พหิทฺธา ปริกฺขารวินาเส ปริตสฺสเกน อปริตสฺสเกน จาปิ ภวิตพฺพํฯ อิติ อิเมหิ จตูหิ การเณหิ อยํ ปโญฺห ปุจฺฉิตโพฺพ’’ติ จิเนฺตตฺวา เอกํสํ จีวรํ กตฺวา อญฺชลิํ ปคฺคยฺห ภควนฺตํ เอตทโวจฯ พหิทฺธา อสตีติ พหิทฺธา ปริกฺขารวินาเสฯ อหุ วต เมติ อโหสิ วต เม ภทฺทกํ ยานํ วาหนํ หิรญฺญํ สุวณฺณนฺติ อโตฺถฯ ตํ วต เม นตฺถีติ ตํ วต อิทานิ มยฺหํ นตฺถิ, ราชูหิ วา โจเรหิ วา หฎํ, อคฺคินา วา ทฑฺฒํ, อุทเกน วา วุฬฺหํ, ปริโภเคน วา ชิณฺณํฯ สิยา วต เมติ ภเวยฺย วต มยฺหํ ยานํ วาหนํ หิรญฺญํ สุวณฺณํ สาลิ วีหิ ยโว โคธุโมฯ ตํ วตาหํ น ลภามีติ ตมหํ อลภมาโน ตทนุจฺฉวิกํ กมฺมํ อกตฺวา นิสินฺนตฺตา อิทานิ น ลภามีติ โสจติ, อยํ อคาริยโสจนา, อนคาริยสฺส ปตฺตจีวราทีนํ วเสน เวทิตพฺพาฯ

    242.Evaṃvutte aññataro bhikkhūti evaṃ bhagavatā vutte aññataro anusandhikusalo bhikkhu – ‘‘bhagavatā ajjhattakkhandhavināse aparitassantaṃ khīṇāsavaṃ dassetvā desanā niṭṭhāpitā, ajjhattaṃ aparitassante kho pana sati ajjhattaṃ paritassakena bahiddhā parikkhāravināse paritassakena aparitassakena cāpi bhavitabbaṃ. Iti imehi catūhi kāraṇehi ayaṃ pañho pucchitabbo’’ti cintetvā ekaṃsaṃ cīvaraṃ katvā añjaliṃ paggayha bhagavantaṃ etadavoca. Bahiddhā asatīti bahiddhā parikkhāravināse. Ahu vata meti ahosi vata me bhaddakaṃ yānaṃ vāhanaṃ hiraññaṃ suvaṇṇanti attho. Taṃ vata me natthīti taṃ vata idāni mayhaṃ natthi, rājūhi vā corehi vā haṭaṃ, agginā vā daḍḍhaṃ, udakena vā vuḷhaṃ, paribhogena vā jiṇṇaṃ. Siyā vata meti bhaveyya vata mayhaṃ yānaṃ vāhanaṃ hiraññaṃ suvaṇṇaṃ sāli vīhi yavo godhumo. Taṃ vatāhaṃ na labhāmīti tamahaṃ alabhamāno tadanucchavikaṃ kammaṃ akatvā nisinnattā idāni na labhāmīti socati, ayaṃ agāriyasocanā, anagāriyassa pattacīvarādīnaṃ vasena veditabbā.

    อปริตสฺสนาวาเร น เอวํ โหตีติ เยหิ กิเลเสหิ เอวํ ภเวยฺย, เตสํ ปหีนตฺตา น เอวํ โหติฯ ทิฎฺฐิฎฺฐานาธิฎฺฐานปริยุฎฺฐานาภินิเวสานุสยานนฺติ ทิฎฺฐีนญฺจ ทิฎฺฐิฎฺฐานานญฺจ ทิฎฺฐาธิฎฺฐานานญฺจ ทิฎฺฐิปริยุฎฺฐานานญฺจ อภินิเวสานุสยานญฺจฯ สพฺพสงฺขารสมถายาติ นิพฺพานตฺถายฯ นิพฺพานญฺหิ อาคมฺม สพฺพสงฺขาราอิญฺชิตานิ, สพฺพสงฺขารจลนานิ สพฺพสงฺขารวิปฺผนฺทิตานิ สมฺมนฺติ วูปสมฺมนฺติ, ตสฺมา ตํ, ‘‘สพฺพสงฺขารสมโถ’’ติ วุจฺจติฯ ตเทว จ อาคมฺม ขนฺธูปธิ กิเลสูปธิ อภิสงฺขารูปธิ, ปญฺจกามคุณูปธีติ อิเม อุปธโย ปฎินิสฺสชฺชิยนฺติ, ตณฺหา ขียติ วิรชฺชติ นิรุชฺฌติ, ตสฺมา ตํ, ‘‘สพฺพูปธิปฎินิสฺสโคฺค ตณฺหากฺขโย วิราโค นิโรโธ’’ติ วุจฺจติฯ นิพฺพานายาติ อยํ ปนสฺส สรูปนิเทฺทโส, อิติ สเพฺพเหว อิเมหิ ปเทหิ นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยตฺถาย ธมฺมํ เทเสนฺตสฺสาติ อยมโตฺถ ทีปิโตฯ ตเสฺสวํ โหตีติ ตสฺส ทิฎฺฐิคติกสฺส อุจฺฉิชฺชิสฺสามิ นามสฺสุ, วินสฺสิสฺสามิ นามสฺสุ, นาสฺสุ นาม ภวิสฺสามีติ เอวํ โหติฯ ทิฎฺฐิคติกสฺส หิ ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา สุญฺญตาปฎิสํยุตฺตํ กตฺวา เทสิยมานํ ธมฺมํ สุณนฺตสฺส ตาโส อุปฺปชฺชติฯ วุตฺตเญฺหตํ – ‘‘ตาโส เหโส, ภิกฺขเว, อสุตวโต ปุถุชฺชนสฺส โน จสฺสํ, โน จ เม สิยา’’ติ (สํ. นิ. ๓.๕๕)ฯ

    Aparitassanāvāre na evaṃ hotīti yehi kilesehi evaṃ bhaveyya, tesaṃ pahīnattā na evaṃ hoti. Diṭṭhiṭṭhānādhiṭṭhānapariyuṭṭhānābhinivesānusayānanti diṭṭhīnañca diṭṭhiṭṭhānānañca diṭṭhādhiṭṭhānānañca diṭṭhipariyuṭṭhānānañca abhinivesānusayānañca. Sabbasaṅkhārasamathāyāti nibbānatthāya. Nibbānañhi āgamma sabbasaṅkhārāiñjitāni, sabbasaṅkhāracalanāni sabbasaṅkhāravipphanditāni sammanti vūpasammanti, tasmā taṃ, ‘‘sabbasaṅkhārasamatho’’ti vuccati. Tadeva ca āgamma khandhūpadhi kilesūpadhi abhisaṅkhārūpadhi, pañcakāmaguṇūpadhīti ime upadhayo paṭinissajjiyanti, taṇhā khīyati virajjati nirujjhati, tasmā taṃ, ‘‘sabbūpadhipaṭinissaggo taṇhākkhayo virāgo nirodho’’ti vuccati. Nibbānāyāti ayaṃ panassa sarūpaniddeso, iti sabbeheva imehi padehi nibbānassa sacchikiriyatthāya dhammaṃ desentassāti ayamattho dīpito. Tassevaṃ hotīti tassa diṭṭhigatikassa ucchijjissāmi nāmassu, vinassissāmi nāmassu, nāssu nāma bhavissāmīti evaṃ hoti. Diṭṭhigatikassa hi tilakkhaṇaṃ āropetvā suññatāpaṭisaṃyuttaṃ katvā desiyamānaṃ dhammaṃ suṇantassa tāso uppajjati. Vuttañhetaṃ – ‘‘tāso heso, bhikkhave, asutavato puthujjanassa no cassaṃ, no ca me siyā’’ti (saṃ. ni. 3.55).

    ๒๔๓. เอตฺตาวตา พหิทฺธาปริกฺขารวินาเส ตสฺสนกสฺส จ โนตสฺสนกสฺส จ อชฺฌตฺตกฺขนฺธวินาเส ตสฺสนกสฺส จ โนตสฺสนกสฺส จาติ อิเมสํ วเสน จตุโกฺกฎิกา สุญฺญตา กถิตาฯ อิทานิ พหิทฺธา ปริกฺขารํ ปริคฺคหํ นาม กตฺวา, วีสติวตฺถุกํ สกฺกายทิฎฺฐิํ อตฺตวาทุปาทานํ นาม กตฺวา, สกฺกายทิฎฺฐิปมุขา ทฺวาสฎฺฐิ ทิฎฺฐิโย ทิฎฺฐินิสฺสยํ นาม กตฺวา ติโกฎิกํ สุญฺญตํ ทเสฺสตุํ ตํ, ภิกฺขเว, ปริคฺคหนฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ ปริคฺคหนฺติ พหิทฺธา ปริกฺขารํฯ ปริคฺคเณฺหยฺยาถาติ ยถา วิญฺญู มนุโสฺส ปริคฺคเณฺหยฺย ฯ อหมฺปิ โข ตํ, ภิกฺขเวติ, ภิกฺขเว, ตุเมฺหปิ น ปสฺสถ, อหมฺปิ น ปสฺสามิ, อิติ เอวรูโป ปริคฺคโห นตฺถีติ ทเสฺสติฯ เอวํ สพฺพตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    243. Ettāvatā bahiddhāparikkhāravināse tassanakassa ca notassanakassa ca ajjhattakkhandhavināse tassanakassa ca notassanakassa cāti imesaṃ vasena catukkoṭikā suññatā kathitā. Idāni bahiddhā parikkhāraṃ pariggahaṃ nāma katvā, vīsativatthukaṃ sakkāyadiṭṭhiṃ attavādupādānaṃ nāma katvā, sakkāyadiṭṭhipamukhā dvāsaṭṭhi diṭṭhiyo diṭṭhinissayaṃ nāma katvā tikoṭikaṃ suññataṃ dassetuṃ taṃ, bhikkhave, pariggahantiādimāha. Tattha pariggahanti bahiddhā parikkhāraṃ. Pariggaṇheyyāthāti yathā viññū manusso pariggaṇheyya . Ahampi kho taṃ, bhikkhaveti, bhikkhave, tumhepi na passatha, ahampi na passāmi, iti evarūpo pariggaho natthīti dasseti. Evaṃ sabbattha attho veditabbo.

    ๒๔๔. เอวํ ติโกฎิกํ สุญฺญตํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ อชฺฌตฺตกฺขเนฺธ อตฺตาติ พหิทฺธา ปริกฺขาเร อตฺตนิยนฺติ กตฺวา ทฺวิโกฎิกํ ทเสฺสโนฺต อตฺตนิ วา, ภิกฺขเว, สตีติอาทิมาห ฯ ตตฺถ อยํ สเงฺขปโตฺถ, ภิกฺขเว, อตฺตนิ วา สติ อิทํ เม ปริกฺขารชาตํ อตฺตนิยนฺติ อสฺส, อตฺตนิเยว วา ปริกฺขาเร สติ อยํ เม อตฺตา อิมสฺส ปริกฺขารสฺส สามีติ, เอวํ อหนฺติฯ สติ มมาติ, มมาติ สติ อหนฺติ ยุตฺตํ ภเวยฺยฯ สจฺจโตติ ภูตโต, เถตโตติ ตถโต ถิรโต วาฯ

    244. Evaṃ tikoṭikaṃ suññataṃ dassetvā idāni ajjhattakkhandhe attāti bahiddhā parikkhāre attaniyanti katvā dvikoṭikaṃ dassento attani vā, bhikkhave, satītiādimāha . Tattha ayaṃ saṅkhepattho, bhikkhave, attani vā sati idaṃ me parikkhārajātaṃ attaniyanti assa, attaniyeva vā parikkhāre sati ayaṃ me attā imassa parikkhārassa sāmīti, evaṃ ahanti. Sati mamāti, mamāti sati ahanti yuttaṃ bhaveyya. Saccatoti bhūtato, thetatoti tathato thirato vā.

    อิทานิ อิเม ปญฺจกฺขเนฺธ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตาติ เอวํ ติปริวฎฺฎวเสน อคฺคณฺหโนฺต อยํ อริโฎฺฐ วิย มยฺหํ สาสเน กลลํ กจวรํ ปกฺขิปตีติ ทเสฺสโนฺต ตํ กิํ มญฺญถ, ภิกฺขเว, รูปํ นิจฺจํ วาติอาทิมาหฯ ตตฺถ อนิจฺจํ, ภเนฺตติ, ภเนฺต, ยสฺมา หุตฺวา น โหติ, ตสฺมา อนิจฺจํฯ อุปฺปาทวยวตฺติโต วิปริณามตาวกาลิกนิจฺจปฎิเกฺขปเฎฺฐน วาติ จตูหิ การเณหิ อนิจฺจํฯ ทุกฺขํ, ภเนฺตติ, ภเนฺต, ปฎิปีฬนากาเรน ทุกฺขํ, สนฺตาปทุกฺขมทุกฺขวตฺถุกสุขปฎิเกฺขปเฎฺฐน วาติ จตูหิ การเณหิ ทุกฺขํฯ วิปริณามธมฺมนฺติ ภวสงฺกนฺติอุปคมนสภาวํ ปกติภาววิชหนสภาวํฯ กลฺลํ นุ ตํ สมนุปสฺสิตุํ เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตาติ ยุตฺตํ นุ โข ตํ อิเมสํ ติณฺณํ ตณฺหามานทิฎฺฐิคฺคาหานํ วเสน อหํ มมาติ เอวํ คเหตุํฯ โน เหตํ, ภเนฺตติ อิมินา เต ภิกฺขู อวสวตฺตนากาเรน รูปํ, ภเนฺต, อนตฺตาติ ปฎิชานนฺติฯ สุญฺญอสฺสามิกอนิสฺสรอตฺตปฎิเกฺขปเฎฺฐน วาติ จตูหิ การเณหิ อนตฺตาฯ

    Idāni ime pañcakkhandhe aniccaṃ dukkhaṃ anattāti evaṃ tiparivaṭṭavasena aggaṇhanto ayaṃ ariṭṭho viya mayhaṃ sāsane kalalaṃ kacavaraṃ pakkhipatīti dassento taṃ kiṃ maññatha, bhikkhave, rūpaṃ niccaṃ vātiādimāha. Tattha aniccaṃ, bhanteti, bhante, yasmā hutvā na hoti, tasmā aniccaṃ. Uppādavayavattito vipariṇāmatāvakālikaniccapaṭikkhepaṭṭhena vāti catūhi kāraṇehi aniccaṃ. Dukkhaṃ, bhanteti, bhante, paṭipīḷanākārena dukkhaṃ, santāpadukkhamadukkhavatthukasukhapaṭikkhepaṭṭhena vāti catūhi kāraṇehi dukkhaṃ. Vipariṇāmadhammanti bhavasaṅkantiupagamanasabhāvaṃ pakatibhāvavijahanasabhāvaṃ. Kallaṃ nu taṃ samanupassituṃ etaṃ mama, esohamasmi, eso me attāti yuttaṃ nu kho taṃ imesaṃ tiṇṇaṃ taṇhāmānadiṭṭhiggāhānaṃ vasena ahaṃ mamāti evaṃ gahetuṃ. No hetaṃ, bhanteti iminā te bhikkhū avasavattanākārena rūpaṃ, bhante, anattāti paṭijānanti. Suññaassāmikaanissaraattapaṭikkhepaṭṭhena vāti catūhi kāraṇehi anattā.

    ภควา หิ กตฺถจิ อนิจฺจวเสน อนตฺตตฺตํ ทเสฺสติ, กตฺถจิ ทุกฺขวเสน, กตฺถจิ อุภยวเสนฯ ‘‘จกฺขุ อตฺตาติ โย วเทยฺย, ตํ น อุปปชฺชติ, จกฺขุสฺส อุปฺปาโทปิ วโยปิ ปญฺญายติฯ ยสฺส โข ปน อุปฺปาโทปิ วโยปิ ปญฺญายติ, อตฺตา เม อุปฺปชฺชติ จ เวติ จาติ อิจฺจสฺส เอวมาคตํ โหติ, ตสฺมา ตํ น อุปปชฺชติ จกฺขุ อตฺตาติ โย วเทยฺย, อิติ จกฺขุ อนตฺตา’’ติ (ม. นิ. ๓.๔๒๒) อิมสฺมิญฺหิ ฉฉกฺกสุเตฺต อนิจฺจวเสน อนตฺตตํ ทเสฺสติฯ ‘‘รูปญฺจ หิทํ, ภิกฺขเว , อตฺตา อภวิสฺส, นยิทํ รูปํ อาพาธาย สํวเตฺตยฺย, ลเพฺภถ จ รูเป ‘เอวํ เม รูปํ โหตุ, เอวํ เม รูปํ มา อโหสี’ติฯ ยสฺมา จ โข, ภิกฺขเว, รูปํ อนตฺตา, ตสฺมา รูปํ อาพาธาย สํวตฺตติ, น จ ลพฺภติ รูเป ‘เอวํ เม รูปํ โหตุ, เอวํ เม รูปํ มา อโหสี’’’ติ (มหาว. ๒๐; สํ. นิ. ๓.๕๙) อิมสฺมิํ อนตฺตลกฺขณสุเตฺต ทุกฺขวเสน อนตฺตตํ ทเสฺสติฯ ‘‘รูปํ, ภิกฺขเว, อนิจฺจํ, ยทนิจฺจํ ตํ ทุกฺขํ, ยํ ทุกฺขํ ตทนตฺตา, ยทนตฺตา ตํ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ทฎฺฐพฺพ’’นฺติ (สํ. นิ. ๓.๗๖) อิมสฺมิํ อรหตฺตสุเตฺต อุภยวเสน อนตฺตตํ ทเสฺสติฯ กสฺมา? อนิจฺจํ ทุกฺขญฺจ ปากฎํฯ อนตฺตาติ น ปากฎํฯ

    Bhagavā hi katthaci aniccavasena anattattaṃ dasseti, katthaci dukkhavasena, katthaci ubhayavasena. ‘‘Cakkhu attāti yo vadeyya, taṃ na upapajjati, cakkhussa uppādopi vayopi paññāyati. Yassa kho pana uppādopi vayopi paññāyati, attā me uppajjati ca veti cāti iccassa evamāgataṃ hoti, tasmā taṃ na upapajjati cakkhu attāti yo vadeyya, iti cakkhu anattā’’ti (ma. ni. 3.422) imasmiñhi chachakkasutte aniccavasena anattataṃ dasseti. ‘‘Rūpañca hidaṃ, bhikkhave , attā abhavissa, nayidaṃ rūpaṃ ābādhāya saṃvatteyya, labbhetha ca rūpe ‘evaṃ me rūpaṃ hotu, evaṃ me rūpaṃ mā ahosī’ti. Yasmā ca kho, bhikkhave, rūpaṃ anattā, tasmā rūpaṃ ābādhāya saṃvattati, na ca labbhati rūpe ‘evaṃ me rūpaṃ hotu, evaṃ me rūpaṃ mā ahosī’’’ti (mahāva. 20; saṃ. ni. 3.59) imasmiṃ anattalakkhaṇasutte dukkhavasena anattataṃ dasseti. ‘‘Rūpaṃ, bhikkhave, aniccaṃ, yadaniccaṃ taṃ dukkhaṃ, yaṃ dukkhaṃ tadanattā, yadanattā taṃ ‘netaṃ mama, nesohamasmi, na meso attā’ti evametaṃ yathābhūtaṃ sammappaññāya daṭṭhabba’’nti (saṃ. ni. 3.76) imasmiṃ arahattasutte ubhayavasena anattataṃ dasseti. Kasmā? Aniccaṃ dukkhañca pākaṭaṃ. Anattāti na pākaṭaṃ.

    ปริโภคภาชนาทีสุ หิ ภิเนฺนสุ อโห อนิจฺจนฺติ วทนฺติ, อโห อนตฺตาติ วตฺตา นาม นตฺถิฯ สรีเร คณฺฑปิฬกาทีสุ วา อุฎฺฐิตาสุ กณฺฎเกน วา วิทฺธา อโห ทุกฺขนฺติ วทนฺติ, อโห อนตฺตาติ ปน วตฺตา นาม นตฺถิฯ กสฺมา? อิทญฺหิ อนตฺตลกฺขณํ นาม อวิภูตํ ทุทฺทสํ ทุปฺปญฺญาปนํฯ เตน ตํ ภควา อนิจฺจวเสน วา ทุกฺขวเสน วา อุภยวเสน วา ทเสฺสติฯ ตยิทํ อิมสฺมิมฺปิ เตปริวเฎฺฎ อนิจฺจทุกฺขวเสเนว ทสฺสิตํฯ เวทนาทีสุปิ เอเสว นโยฯ

    Paribhogabhājanādīsu hi bhinnesu aho aniccanti vadanti, aho anattāti vattā nāma natthi. Sarīre gaṇḍapiḷakādīsu vā uṭṭhitāsu kaṇṭakena vā viddhā aho dukkhanti vadanti, aho anattāti pana vattā nāma natthi. Kasmā? Idañhi anattalakkhaṇaṃ nāma avibhūtaṃ duddasaṃ duppaññāpanaṃ. Tena taṃ bhagavā aniccavasena vā dukkhavasena vā ubhayavasena vā dasseti. Tayidaṃ imasmimpi teparivaṭṭe aniccadukkhavaseneva dassitaṃ. Vedanādīsupi eseva nayo.

    ตสฺมา ติห, ภิกฺขเวติ, ภิกฺขเว, ยสฺมา เอตรหิ อญฺญทาปิ รูปํ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา, ตสฺมาติ อโตฺถฯ ยํกิญฺจิ รูปนฺติอาทีนิ วิสุทฺธิมเคฺค ขนฺธนิเทฺทเส วิตฺถาริตาเนวฯ

    Tasmā tiha, bhikkhaveti, bhikkhave, yasmā etarahi aññadāpi rūpaṃ aniccaṃ dukkhaṃ anattā, tasmāti attho. Yaṃkiñci rūpantiādīni visuddhimagge khandhaniddese vitthāritāneva.

    ๒๔๕. นิพฺพินฺทตีติ อุกฺกณฺฐติฯ เอตฺถ จ นิพฺพิทาติ วุฎฺฐานคามินีวิปสฺสนา อธิเปฺปตาฯ วุฎฺฐานคามินีวิปสฺสนาย หิ พหูนิ นามานิฯ เอสา หิ กตฺถจิ สญฺญคฺคนฺติ วุตฺตาฯ กตฺถจิ ธมฺมฎฺฐิติญาณนฺติฯ กตฺถจิ ปาริสุทฺธิปธานิยงฺคนฺติฯ กตฺถจิ ปฎิปทาญาณทสฺสนวิสุทฺธีติ ฯ กตฺถจิ ตมฺมยตาปริยาทานนฺติฯ กตฺถจิ ตีหิ นาเมหิฯ กตฺถจิ ทฺวีหีติฯ

    245.Nibbindatīti ukkaṇṭhati. Ettha ca nibbidāti vuṭṭhānagāminīvipassanā adhippetā. Vuṭṭhānagāminīvipassanāya hi bahūni nāmāni. Esā hi katthaci saññagganti vuttā. Katthaci dhammaṭṭhitiñāṇanti. Katthaci pārisuddhipadhāniyaṅganti. Katthaci paṭipadāñāṇadassanavisuddhīti . Katthaci tammayatāpariyādānanti. Katthaci tīhi nāmehi. Katthaci dvīhīti.

    ตตฺถ โปฎฺฐปาทสุเตฺต ตาว ‘‘สญฺญา โข, โปฎฺฐปาท, ปฐมํ อุปฺปชฺชติ, ปจฺฉา ญาณ’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๔๑๖) เอวํ สญฺญคฺคนฺติ วุตฺตาฯ สุสิมสุเตฺต ‘‘ปุเพฺพ โข, สุสิม, ธมฺมฎฺฐิติญาณํ , ปจฺฉา นิพฺพาเน ญาณ’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๗๐) เอวํ ธมฺมฎฺฐิติญาณนฺติ วุตฺตาฯ ทสุตฺตรสุเตฺต ‘‘ปฎิปทาญาณทสฺสนวิสุทฺธิปธานิยงฺค’’นฺติ (ที. นิ. ๓.๓๕๙) เอวํ ปาริสุทฺธิปทานิยงฺคนฺติ วุตฺตาฯ รถวินีเต ‘‘กิํ นุ โข, อาวุโส, ปฎิปทาญาณทสฺสนวิสุทฺธตฺถํ ภควติ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๕๗) เอวํ ปฎิปทาญาณทสฺสนวิสุทฺธีติ วุตฺตาฯ สฬายตนวิภเงฺค ‘‘อตมฺมยตํ, ภิกฺขเว, นิสฺสาย อตมฺมยตํ อาคมฺม ยายํ อุเปกฺขา นานตฺตา นานตฺตสิตา, ตํ อภินิวเชฺชตฺวา ยายํ อุเปกฺขา เอกตฺตา เอกตฺตสิตา, ตํ นิสฺสาย ตํ อาคมฺม เอวเมติสฺสา ปหานํ โหติ, เอวเมติสฺสา สมติกฺกโม โหตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๑๐) เอวํ ตมฺมยตาปริยาทานนฺติ วุตฺตาฯ ปฎิสมฺภิทามเคฺค ‘‘ยา จ มุญฺจิตุกมฺยตา, ยา จ ปฎิสงฺขานุปสฺสนา, ยา จ สงฺขารุเปกฺขา, อิเม ธมฺมา เอกตฺถา พฺยญฺชนเมว นาน’’นฺติ (ปฎิ. ม. ๑.๕๔) เอวํ ตีหิ นาเมหิ วุตฺตาฯ ปฎฺฐาเน ‘‘อนุโลมํ โคตฺรภุสฺส อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย, อนุโลมํ โวทานสฺส อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฎฺฐา. ๑.๑.๔๑๗) เอวํ ทฺวีหิ นาเมหิ วุตฺตาฯ อิมสฺมิํ ปน อลคทฺทสุเตฺต นิพฺพินฺทตีติ นิพฺพิทานาเมน อาคตาฯ

    Tattha poṭṭhapādasutte tāva ‘‘saññā kho, poṭṭhapāda, paṭhamaṃ uppajjati, pacchā ñāṇa’’nti (dī. ni. 1.416) evaṃ saññagganti vuttā. Susimasutte ‘‘pubbe kho, susima, dhammaṭṭhitiñāṇaṃ , pacchā nibbāne ñāṇa’’nti (saṃ. ni. 2.70) evaṃ dhammaṭṭhitiñāṇanti vuttā. Dasuttarasutte ‘‘paṭipadāñāṇadassanavisuddhipadhāniyaṅga’’nti (dī. ni. 3.359) evaṃ pārisuddhipadāniyaṅganti vuttā. Rathavinīte ‘‘kiṃ nu kho, āvuso, paṭipadāñāṇadassanavisuddhatthaṃ bhagavati brahmacariyaṃ vussatī’’ti (ma. ni. 1.257) evaṃ paṭipadāñāṇadassanavisuddhīti vuttā. Saḷāyatanavibhaṅge ‘‘atammayataṃ, bhikkhave, nissāya atammayataṃ āgamma yāyaṃ upekkhā nānattā nānattasitā, taṃ abhinivajjetvā yāyaṃ upekkhā ekattā ekattasitā, taṃ nissāya taṃ āgamma evametissā pahānaṃ hoti, evametissā samatikkamo hotī’’ti (dī. ni. 3.310) evaṃ tammayatāpariyādānanti vuttā. Paṭisambhidāmagge ‘‘yā ca muñcitukamyatā, yā ca paṭisaṅkhānupassanā, yā ca saṅkhārupekkhā, ime dhammā ekatthā byañjanameva nāna’’nti (paṭi. ma. 1.54) evaṃ tīhi nāmehi vuttā. Paṭṭhāne ‘‘anulomaṃ gotrabhussa anantarapaccayena paccayo, anulomaṃ vodānassa anantarapaccayena paccayo’’ti (paṭṭhā. 1.1.417) evaṃ dvīhi nāmehi vuttā. Imasmiṃ pana alagaddasutte nibbindatīti nibbidānāmena āgatā.

    นิพฺพิทา วิรชฺชตีติ เอตฺถ วิราโคติ มโคฺค วิราคา วิมุจฺจตีติ เอตฺถ วิราเคน มเคฺคน วิมุจฺจตีติ ผลํ กถิตํฯ วิมุตฺตสฺมิํ วิมุตฺตมิติ ญาณํ โหตีติ อิธ ปจฺจเวกฺขณา กถิตาฯ

    Nibbidā virajjatīti ettha virāgoti maggo virāgā vimuccatīti ettha virāgena maggena vimuccatīti phalaṃ kathitaṃ. Vimuttasmiṃ vimuttamiti ñāṇaṃ hotīti idha paccavekkhaṇā kathitā.

    เอวํ วิมุตฺตจิตฺตํ มหาขีณาสวํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ตสฺส ยถาภูเตหิ ปญฺจหิ การเณหิ นามํ คณฺหโนฺต อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเวติอาทิมาหฯ อวิชฺชาติ วฎฺฎมูลิกา อวิชฺชาฯ อยญฺหิ ทุรุกฺขิปนเฎฺฐน ปลิโฆติ วุจฺจติฯ เตเนส ตสฺส อุกฺขิตฺตตฺตา อุกฺขิตฺตปลิโฆติ วุโตฺตฯ ตาลาวตฺถุกตาติ สีสจฺฉินฺนตาโล วิย กตา, สมูลํ วา ตาลํ อุทฺธริตฺวา ตาลสฺส วตฺถุ วิย กตา, ยถา ตสฺมิํ วตฺถุสฺมิํ ปุน โส ตาโล น ปญฺญายติ, เอวํ ปุน อปญฺญตฺติภาวํ นีตาติ อโตฺถฯ โปโนพฺภวิโกติ ปุนพฺภวทายโกฯ ชาติสํสาโรติอาทีสุ ชายนวเสน เจว สํสรณวเสน จ เอวํ ลทฺธนามานํ ปุนพฺภวขนฺธานํ ปจฺจโย กมฺมาภิสงฺขาโรฯ โส หิ ปุนปฺปุนํ อุปฺปตฺติกรณวเสน ปริกฺขิปิตฺวา ฐิตตฺตา ปริกฺขาติ วุจฺจติ, เตเนส ตสฺสา สํกิณฺณตฺตา วิกิณฺณตฺตา สํกิณฺณปริโกฺขติ วุโตฺตฯ ตณฺหาติ วฎฺฎมูลิกา ตณฺหาฯ อยญฺหิ คมฺภีรานุคตเฎฺฐน เอสิกาติ วุจฺจติฯ เตเนส ตสฺสา อพฺพูฬฺหตฺตา ลุญฺจิตฺวา ฉฑฺฑิตตฺตา อพฺพูเฬฺหสิโกติ วุโตฺตฯ โอรมฺภาคิยานีติ โอรํ ภชนกานิ กามภเว อุปปตฺติปจฺจยานิฯ เอตานิ หิ กวาฎํ วิย นครทฺวารํ จิตฺตํ ปิทหิตฺวา ฐิตตฺตา อคฺคฬาติ วุจฺจนฺติฯ เตเนส เตสํ นิรากตตฺตา ภินฺนตฺตา นิรคฺคโฬติ วุโตฺตฯ อริโยติ นิกฺกิเลโส ปริสุโทฺธฯ ปนฺนทฺธโชติ ปติตมานทฺธโชฯ ปนฺนภาโรติ ขนฺธภารกิเลสภารอภิสงฺขารภารปญฺจฺกามคุณภารา ปนฺนา โอโรหิตา อสฺสาติ ปนฺนภาโรฯ อปิจ อิธ มานภารเสฺสว โอโรปิตตฺตา ปนฺนภาโรติ อธิเปฺปโตฯ วิสํยุโตฺตติ จตูหิ โยเคหิ สพฺพกิเลเสหิ จ วิสํยุโตฺตฯ อิธ ปน มานสํโยเคเนว วิสํยุตฺตตฺตา วิสํยุโตฺตติ อธิเปฺปโตฯ อสฺมิมาโนติ รูเป อสฺมีติ มาโน, เวทนาย… สญฺญาย… สงฺขาเรสุ… วิญฺญาเณ อสฺมีติ มาโนฯ

    Evaṃ vimuttacittaṃ mahākhīṇāsavaṃ dassetvā idāni tassa yathābhūtehi pañcahi kāraṇehi nāmaṃ gaṇhanto ayaṃ vuccati, bhikkhavetiādimāha. Avijjāti vaṭṭamūlikā avijjā. Ayañhi durukkhipanaṭṭhena palighoti vuccati. Tenesa tassa ukkhittattā ukkhittapalighoti vutto. Tālāvatthukatāti sīsacchinnatālo viya katā, samūlaṃ vā tālaṃ uddharitvā tālassa vatthu viya katā, yathā tasmiṃ vatthusmiṃ puna so tālo na paññāyati, evaṃ puna apaññattibhāvaṃ nītāti attho. Ponobbhavikoti punabbhavadāyako. Jātisaṃsārotiādīsu jāyanavasena ceva saṃsaraṇavasena ca evaṃ laddhanāmānaṃ punabbhavakhandhānaṃ paccayo kammābhisaṅkhāro. So hi punappunaṃ uppattikaraṇavasena parikkhipitvā ṭhitattā parikkhāti vuccati, tenesa tassā saṃkiṇṇattā vikiṇṇattā saṃkiṇṇaparikkhoti vutto. Taṇhāti vaṭṭamūlikā taṇhā. Ayañhi gambhīrānugataṭṭhena esikāti vuccati. Tenesa tassā abbūḷhattā luñcitvā chaḍḍitattā abbūḷhesikoti vutto. Orambhāgiyānīti oraṃ bhajanakāni kāmabhave upapattipaccayāni. Etāni hi kavāṭaṃ viya nagaradvāraṃ cittaṃ pidahitvā ṭhitattā aggaḷāti vuccanti. Tenesa tesaṃ nirākatattā bhinnattā niraggaḷoti vutto. Ariyoti nikkileso parisuddho. Pannaddhajoti patitamānaddhajo. Pannabhāroti khandhabhārakilesabhāraabhisaṅkhārabhārapañckāmaguṇabhārā pannā orohitā assāti pannabhāro. Apica idha mānabhārasseva oropitattā pannabhāroti adhippeto. Visaṃyuttoti catūhi yogehi sabbakilesehi ca visaṃyutto. Idha pana mānasaṃyogeneva visaṃyuttattā visaṃyuttoti adhippeto. Asmimānoti rūpe asmīti māno, vedanāya… saññāya… saṅkhāresu… viññāṇe asmīti māno.

    เอตฺตาวตา ภควตา มเคฺคน กิเลเส เขเปตฺวา นิโรธสยนวรคตสฺส นิพฺพานารมฺมณํ ผลสมาปตฺติํ อเปฺปตฺวา วิหรโต ขีณาสวสฺส กาโล ทสฺสิโตฯ ยถา หิ เทฺว นครานิ เอกํ โจรนครํ, เอกํ เขมนครํฯ อถ เอกสฺส มหาโยธสฺส เอวํ ภเวยฺย – ‘‘ยาวิมํ โจรนครํ ติฎฺฐติ, ตาว เขมนครํ ภยโต น มุจฺจติ, โจรนครํ อนครํ กริสฺสามี’’ติ สนฺนาหํ กตฺวา ขคฺคํ คเหตฺวา โจรนครํ อุปสงฺกมิตฺวา นครทฺวาเร อุสฺสาปิเต เอสิกตฺถเมฺภ ขเคฺคน ฉินฺทิตฺวา สทฺวารพาหกํ กวาฎํ ฉินฺทิตฺวา ปลิฆํ อุกฺขิปิตฺวา ปาการํ ภินฺทโนฺต ปริกฺขํ สํกิริตฺวา นครโสภนตฺถาย อุสฺสิเต ธเช ปาเตตฺวา นครํ อคฺคินา ฌาเปตฺวา เขมนครํ ปวิสิตฺวา ปาสาทํ อภิรุยฺห ญาติคณปริวุโต สุรสโภชนํ ภุเญฺชยฺย, เอวํ โจรนครํ วิย สกฺกาโย, เขมนครํ วิย นิพฺพานํ, มหาโยโธ วิย โยคาวจโรฯ ตเสฺสวํ โหติ, ‘‘ยาว สกฺกายวฎฺฎํ วตฺตติ, ตาว ทฺวตฺติํสกมฺมการณอฎฺฐนวุติโรคปญฺจวีสติมหาภเยหิ ปริมุจฺจนํ นตฺถี’’ติฯ โส มหาโยโธ วิย สนฺนาหํ สีลสนฺนาหํ กตฺวา, ปญฺญาขคฺคํ คเหตฺวา ขเคฺคน เอสิกตฺถเมฺภ วิย อรหตฺตมเคฺคน ตเณฺหสิกํ ลุญฺจิตฺวา, โส โยโธ สทฺวารพาหกํ นครกวาฎํ วิย ปโญฺจรมฺภาคิยสํโยชนคฺคฬํ อุคฺฆาเฎตฺวา, โส โยโธ ปลิฆํ วิย, อวิชฺชาปลิฆํ อุกฺขิปิตฺวา , โส โยโธ ปาการํ ภินฺทโนฺต ปริกฺขํ วิย กมฺมาภิสงฺขารํ ภินฺทโนฺต ชาติสํสารปริกฺขํ สํกิริตฺวา, โส โยโธ นครโสภนตฺถาย อุสฺสาปิเต ธเช วิย มานทฺธเช ปาเตตฺวา สกฺกายนครํ ฌาเปตฺวา, โส โยโธ เขมนคเร อุปริปาสาเท สุรสโภชนํ วิย กิเลสนิพฺพานํ นครํ ปวิสิตฺวา อมตนิโรธารมฺมณํ ผลสมาปตฺติสุขํ อนุภวมาโน กาลํ วีตินาเมติฯ

    Ettāvatā bhagavatā maggena kilese khepetvā nirodhasayanavaragatassa nibbānārammaṇaṃ phalasamāpattiṃ appetvā viharato khīṇāsavassa kālo dassito. Yathā hi dve nagarāni ekaṃ coranagaraṃ, ekaṃ khemanagaraṃ. Atha ekassa mahāyodhassa evaṃ bhaveyya – ‘‘yāvimaṃ coranagaraṃ tiṭṭhati, tāva khemanagaraṃ bhayato na muccati, coranagaraṃ anagaraṃ karissāmī’’ti sannāhaṃ katvā khaggaṃ gahetvā coranagaraṃ upasaṅkamitvā nagaradvāre ussāpite esikatthambhe khaggena chinditvā sadvārabāhakaṃ kavāṭaṃ chinditvā palighaṃ ukkhipitvā pākāraṃ bhindanto parikkhaṃ saṃkiritvā nagarasobhanatthāya ussite dhaje pātetvā nagaraṃ agginā jhāpetvā khemanagaraṃ pavisitvā pāsādaṃ abhiruyha ñātigaṇaparivuto surasabhojanaṃ bhuñjeyya, evaṃ coranagaraṃ viya sakkāyo, khemanagaraṃ viya nibbānaṃ, mahāyodho viya yogāvacaro. Tassevaṃ hoti, ‘‘yāva sakkāyavaṭṭaṃ vattati, tāva dvattiṃsakammakāraṇaaṭṭhanavutirogapañcavīsatimahābhayehi parimuccanaṃ natthī’’ti. So mahāyodho viya sannāhaṃ sīlasannāhaṃ katvā, paññākhaggaṃ gahetvā khaggena esikatthambhe viya arahattamaggena taṇhesikaṃ luñcitvā, so yodho sadvārabāhakaṃ nagarakavāṭaṃ viya pañcorambhāgiyasaṃyojanaggaḷaṃ ugghāṭetvā, so yodho palighaṃ viya, avijjāpalighaṃ ukkhipitvā , so yodho pākāraṃ bhindanto parikkhaṃ viya kammābhisaṅkhāraṃ bhindanto jātisaṃsāraparikkhaṃ saṃkiritvā, so yodho nagarasobhanatthāya ussāpite dhaje viya mānaddhaje pātetvā sakkāyanagaraṃ jhāpetvā, so yodho khemanagare uparipāsāde surasabhojanaṃ viya kilesanibbānaṃ nagaraṃ pavisitvā amatanirodhārammaṇaṃ phalasamāpattisukhaṃ anubhavamāno kālaṃ vītināmeti.

    ๒๔๖. อิทานิ เอวํ วิมุตฺตจิตฺตสฺส ขีณาสวสฺส ปเรหิ อนธิคมนียวิญฺญาณตํ ทเสฺสโนฺต เอวํ วิมุตฺตจิตฺตํ โขติอาทิมาหฯ ตตฺถ อเนฺวสนฺติ อเนฺวสนฺตา คเวสนฺตาฯ อิทํ นิสฺสิตนฺติ อิทํ นาม นิสฺสิตํฯ ตถาคตสฺสาติ เอตฺถ สโตฺตปิ ตถาคโตติ อธิเปฺปโต, อุตฺตมปุคฺคโล ขีณาสโวปิฯ อนนุวิโชฺชติ อสํวิชฺชมาโน วา อวิเนฺทโยฺย วาฯ ตถาคโตติ หิ สเตฺต คหิเต อสํวิชฺชมาโนติ อโตฺถ วฎฺฎติ, ขีณาสเว คหิเต อวิเนฺทโยฺยติ อโตฺถ วฎฺฎติฯ

    246. Idāni evaṃ vimuttacittassa khīṇāsavassa parehi anadhigamanīyaviññāṇataṃ dassento evaṃ vimuttacittaṃ khotiādimāha. Tattha anvesanti anvesantā gavesantā. Idaṃ nissitanti idaṃ nāma nissitaṃ. Tathāgatassāti ettha sattopi tathāgatoti adhippeto, uttamapuggalo khīṇāsavopi. Ananuvijjoti asaṃvijjamāno vā avindeyyo vā. Tathāgatoti hi satte gahite asaṃvijjamānoti attho vaṭṭati, khīṇāsave gahite avindeyyoti attho vaṭṭati.

    ตตฺถ ปุริมนเย อยมธิปฺปาโย – ภิกฺขเว, อหํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม ธรมานกํเยว ขีณาสวํ ตถาคโต สโตฺต ปุคฺคโลติ น ปญฺญเปมิฯ อปฺปฎิสนฺธิกํ ปน ปรินิพฺพุตํ ขีณาสวํ สโตฺตติ วา ปุคฺคโลติ วา กิํ ปญฺญเปสฺสามิ? อนนุวิโชฺช ตถาคโตฯ น หิ ปรมตฺถโต สโตฺต นาม โกจิ อตฺถิ, ตสฺส อวิชฺชมานสฺส อิทํ นิสฺสิตํ วิญฺญาณนฺติ อเนฺวสนฺตาปิ กิํ อธิคจฺฉิสฺสนฺติ? กถํ ปฎิลภิสฺสนฺตีติ อโตฺถฯ ทุติยนเย อยมธิปฺปาโย – ภิกฺขเว, อหํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม ธรมานกํเยว ขีณาสวํ วิญฺญาณวเสน อินฺทาทีหิ อวินฺทิยํ วทามิฯ น หิ สอินฺทา เทวา สพฺรหฺมกา สปชาปติกา อเนฺวสนฺตาปิ ขีณาสวสฺส วิปสฺสนาจิตฺตํ วา มคฺคจิตฺตํ วา ผลจิตฺตํ วา, อิทํ นาม อารมฺมณํ นิสฺสาย วตฺตตีติ ชานิตุํ สโกฺกนฺติฯ เต อปฺปฎิสนฺธิกสฺส ปรินิพฺพุตสฺส กิํ ชานิสฺสนฺตีติ?

    Tattha purimanaye ayamadhippāyo – bhikkhave, ahaṃ diṭṭheva dhamme dharamānakaṃyeva khīṇāsavaṃ tathāgato satto puggaloti na paññapemi. Appaṭisandhikaṃ pana parinibbutaṃ khīṇāsavaṃ sattoti vā puggaloti vā kiṃ paññapessāmi? Ananuvijjo tathāgato. Na hi paramatthato satto nāma koci atthi, tassa avijjamānassa idaṃ nissitaṃ viññāṇanti anvesantāpi kiṃ adhigacchissanti? Kathaṃ paṭilabhissantīti attho. Dutiyanaye ayamadhippāyo – bhikkhave, ahaṃ diṭṭheva dhamme dharamānakaṃyeva khīṇāsavaṃ viññāṇavasena indādīhi avindiyaṃ vadāmi. Na hi saindā devā sabrahmakā sapajāpatikā anvesantāpi khīṇāsavassa vipassanācittaṃ vā maggacittaṃ vā phalacittaṃ vā, idaṃ nāma ārammaṇaṃ nissāya vattatīti jānituṃ sakkonti. Te appaṭisandhikassa parinibbutassa kiṃ jānissantīti?

    อสตาติ อสเนฺตนฯ ตุจฺฉาติ ตุจฺฉเกนฯ มุสาติ มุสาวาเทนฯ อภูเตนาติ ยํ นตฺถิ, เตนฯ อพฺภาจิกฺขนฺตีติ อภิอาจิกฺขนฺติ, อภิภวิตฺวา วทนฺติฯ เวนยิโกติ วินยติ วินาเสตีติ วินโย, โส เอว เวนยิโก, สตฺตวินาสโกติ อธิปฺปาโยฯ ยถา จาหํ น, ภิกฺขเวติ, ภิกฺขเว, เยน วากาเรน อหํ น สตฺตวินาสโกฯ ยถา จาหํ น วทามีติ เยน วา การเณน อหํ สตฺตวินาสํ น ปญฺญเปมิ ฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถาหํ น สตฺตวินาสโก, ยถา จ น สตฺตวินาสํ ปญฺญเปมิ, ตถา มํ เต โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา ‘‘เวนยิโก สมโณ โคตโม’’ติ วทนฺตา สตฺตวินาสโก สมโณ โคตโมติ จ, ‘‘สโต สตฺตสฺส อุเจฺฉทํ วินาสํ วิภวํ ปญฺญเปตี’’ติ วทนฺตา สตฺตวินาสํ ปญฺญเปตีติ จ อสตา ตุจฺฉา มุสา อภูเตน อพฺภาจิกฺขนฺตีติฯ

    Asatāti asantena. Tucchāti tucchakena. Musāti musāvādena. Abhūtenāti yaṃ natthi, tena. Abbhācikkhantīti abhiācikkhanti, abhibhavitvā vadanti. Venayikoti vinayati vināsetīti vinayo, so eva venayiko, sattavināsakoti adhippāyo. Yathā cāhaṃ na, bhikkhaveti, bhikkhave, yena vākārena ahaṃ na sattavināsako. Yathā cāhaṃ na vadāmīti yena vā kāraṇena ahaṃ sattavināsaṃ na paññapemi . Idaṃ vuttaṃ hoti – yathāhaṃ na sattavināsako, yathā ca na sattavināsaṃ paññapemi, tathā maṃ te bhonto samaṇabrāhmaṇā ‘‘venayiko samaṇo gotamo’’ti vadantā sattavināsako samaṇo gotamoti ca, ‘‘sato sattassa ucchedaṃ vināsaṃ vibhavaṃ paññapetī’’ti vadantā sattavināsaṃ paññapetīti ca asatā tucchā musā abhūtena abbhācikkhantīti.

    ปุเพฺพ จาติ ปุเพฺพ มหาโพธิมณฺฑมฺหิเยว จฯ เอตรหิ จาติ เอตรหิ ธมฺมเทสนายญฺจฯ ทุกฺขเญฺจว ปญฺญเปมิ, ทุกฺขสฺส จ นิโรธนฺติ ธมฺมจกฺกํ อปฺปวเตฺตตฺวา โพธิมเณฺฑ วิหรโนฺตปิ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนโต ปฎฺฐาย ธมฺมํ เทเสโนฺตปิ จตุสจฺจเมว ปญฺญเปมีติ อโตฺถฯ เอตฺถ หิ ทุกฺขคฺคหเณน ตสฺส มูลภูโต สมุทโย, นิโรธคฺคหเณน ตํสมฺปาปโก มโคฺค คหิโตว โหตีติ เวทิตโพฺพฯ ตตฺร เจติ ตสฺมิํ จตุสจฺจปฺปกาสเนฯ ปเรติ สจฺจานิ อาชานิตุํ ปฎิวิชฺฌิตุํ อสมตฺถปุคฺคลาฯ อโกฺกสนฺตีติ ทสหิ อโกฺกสวตฺถูหิ อโกฺกสนฺติฯ ปริภาสนฺตีติ วาจาย ปริภาสนฺติฯ โรเสนฺติ วิเหเสนฺตีติ โรเสสฺสาม วิเหเสสฺสามาติ อธิปฺปาเยน ฆเฎฺฎนฺติ ทุกฺขาเปนฺติฯ ตตฺราติ เตสุ อโกฺกสาทีสุ, เตสุ วา ปรปุคฺคเลสุฯ อาฆาโตติ โกโปฯ อปฺปจฺจโยติ โทมนสฺสํฯ อนภิรทฺธีติ อตุฎฺฐิฯ

    Pubbe cāti pubbe mahābodhimaṇḍamhiyeva ca. Etarahi cāti etarahi dhammadesanāyañca. Dukkhañceva paññapemi, dukkhassa ca nirodhanti dhammacakkaṃ appavattetvā bodhimaṇḍe viharantopi dhammacakkappavattanato paṭṭhāya dhammaṃ desentopi catusaccameva paññapemīti attho. Ettha hi dukkhaggahaṇena tassa mūlabhūto samudayo, nirodhaggahaṇena taṃsampāpako maggo gahitova hotīti veditabbo. Tatra ceti tasmiṃ catusaccappakāsane. Pareti saccāni ājānituṃ paṭivijjhituṃ asamatthapuggalā. Akkosantīti dasahi akkosavatthūhi akkosanti. Paribhāsantīti vācāya paribhāsanti. Rosenti vihesentīti rosessāma vihesessāmāti adhippāyena ghaṭṭenti dukkhāpenti. Tatrāti tesu akkosādīsu, tesu vā parapuggalesu. Āghātoti kopo. Appaccayoti domanassaṃ. Anabhiraddhīti atuṭṭhi.

    ตตฺร เจติ จตุสจฺจปฺปกาสเนเยวฯ ปเรติ จตุสจฺจปฺปกาสนํ อาชานิตุํ ปฎิวิชฺฌิตุํ สมตฺถปุคฺคลาฯ อานโนฺทติ อานนฺทปีติฯ อุปฺปิลาวิตตฺตนฺติ อุปฺปิลาปนปีติฯ ตตฺร เจติ จตุสจฺจปฺปกาสนมฺหิเยวฯ ตตฺราติ สกฺการาทีสุฯ ยํ โข อิทํ ปุเพฺพ ปริญฺญาตนฺติ อิทํ ขนฺธปญฺจกํ ปุเพฺพ โพธิมเณฺฑ ตีหิ ปริญฺญาหิ ปริญฺญาตํฯ ตตฺถเมติ ตสฺมิํ ขนฺธปญฺจเก อิเมฯ กิํ วุตฺตํ โหติ? ตตฺราปิ ตถาคตสฺส อิเม สกฺการา มยิ กรียนฺตีติ วา อหํ เอเต อนุภวามีติ วา น โหติฯ ปุเพฺพ ปริญฺญาตกฺขนฺธปญฺจกํเยว เอเต สกฺกาเร อนุโภตีติ เอตฺตกเมว โหตีติฯ ตสฺมาติ ยสฺมา สจฺจานิ ปฎิวิชฺฌิตุํ อสมตฺถา ตถาคตมฺปิ อโกฺกสนฺติ, ตสฺมาฯ เสสํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ

    Tatra ceti catusaccappakāsaneyeva. Pareti catusaccappakāsanaṃ ājānituṃ paṭivijjhituṃ samatthapuggalā. Ānandoti ānandapīti. Uppilāvitattanti uppilāpanapīti. Tatra ceti catusaccappakāsanamhiyeva. Tatrāti sakkārādīsu. Yaṃ kho idaṃ pubbe pariññātanti idaṃ khandhapañcakaṃ pubbe bodhimaṇḍe tīhi pariññāhi pariññātaṃ. Tatthameti tasmiṃ khandhapañcake ime. Kiṃ vuttaṃ hoti? Tatrāpi tathāgatassa ime sakkārā mayi karīyantīti vā ahaṃ ete anubhavāmīti vā na hoti. Pubbe pariññātakkhandhapañcakaṃyeva ete sakkāre anubhotīti ettakameva hotīti. Tasmāti yasmā saccāni paṭivijjhituṃ asamatthā tathāgatampi akkosanti, tasmā. Sesaṃ vuttanayeneva veditabbaṃ.

    ๒๔๗. ตสฺมา ติห , ภิกฺขเว, ยํ น ตุมฺหากนฺติ ยสฺมา อตฺตนิเยปิ ฉนฺทราคปฺปหานํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย สํวตฺตติ, ตสฺมา ยํ น ตุมฺหากํ, ตํ ปชหถาติ อโตฺถฯ ยถาปจฺจยํ วา กเรยฺยาติ ยถา ยถา อิเจฺฉยฺย ตถา ตถา กเรยฺยฯ น หิ โน เอตํ, ภเนฺต, อตฺตา วาติ, ภเนฺต, เอตํ ติณกฎฺฐสาขาปลาสํ อมฺหากํ เนว อตฺตา น อมฺหากํ รูปํ น วิญฺญาณนฺติ วทนฺติฯ อตฺตนิยํ วาติ อมฺหากํ จีวราทิปริกฺขาโรปิ น โหตีติ อโตฺถฯ เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ยํ น ตุมฺหากํ ตํ ปชหถาติ ภควา, ขนฺธปญฺจกํเยว น ตุมฺหากนฺติ ทเสฺสตฺวา ปชหาเปติ, ตญฺจ โข น อุปฺปาเฎตฺวา, ลุญฺจิตฺวา วาฯ ฉนฺทราควินเยน ปเนตํ ปชหาเปติฯ

    247.Tasmā tiha, bhikkhave, yaṃ na tumhākanti yasmā attaniyepi chandarāgappahānaṃ dīgharattaṃ hitāya sukhāya saṃvattati, tasmā yaṃ na tumhākaṃ, taṃ pajahathāti attho. Yathāpaccayaṃ vākareyyāti yathā yathā iccheyya tathā tathā kareyya. Na hi no etaṃ, bhante, attā vāti, bhante, etaṃ tiṇakaṭṭhasākhāpalāsaṃ amhākaṃ neva attā na amhākaṃ rūpaṃ na viññāṇanti vadanti. Attaniyaṃ vāti amhākaṃ cīvarādiparikkhāropi na hotīti attho. Evameva kho, bhikkhave, yaṃ na tumhākaṃ taṃ pajahathāti bhagavā, khandhapañcakaṃyeva na tumhākanti dassetvā pajahāpeti, tañca kho na uppāṭetvā, luñcitvā vā. Chandarāgavinayena panetaṃ pajahāpeti.

    ๒๔๘. เอวํ สฺวากฺขาโตติ เอตฺถ ติปริวฎฺฎโต ปฎฺฐาย ยาว อิมํ ฐานํ อาหริตุมฺปิ วฎฺฎติ, ปฎิโลเมน เปมมตฺตเกน สคฺคปรายณโต ปฎฺฐาย ยาว อิมํ ฐานํ อาหริตุมฺปิ วฎฺฎติฯ สฺวากฺขาโตติ สุกถิโตฯ สุกถิตตฺตา เอว อุตฺตาโน วิวโฎ ปกาสิโตฯ ฉินฺนปิโลติโกติ ปิโลติกา วุจฺจติ ฉินฺนํ ภินฺนํ ตตฺถ ตตฺถ สิพฺพิตํ คณฺฐิกตํ ชิณฺณํ วตฺถํ, ตํ ยสฺส นตฺถิ, อฎฺฐหตฺถํ วา นวหตฺถํ วา อหตสาฎกํ นิวโตฺถ, โส ฉินฺนปิโลติโก นามฯ อยมฺปิ ธโมฺม ตาทิโส, น เหตฺถ โกหญฺญาทิวเสน ฉินฺนภินฺนสิพฺพิตคณฺฐิกตภาโว อตฺถิฯ อปิจ กจวโร ปิโลติโกติ วุจฺจติฯ อิมสฺมิญฺจ สาสเน สมณกจวรํ นาม ปติฎฺฐาตุํ น ลภติฯ เตเนวาห –

    248.Evaṃ svākkhātoti ettha tiparivaṭṭato paṭṭhāya yāva imaṃ ṭhānaṃ āharitumpi vaṭṭati, paṭilomena pemamattakena saggaparāyaṇato paṭṭhāya yāva imaṃ ṭhānaṃ āharitumpi vaṭṭati. Svākkhātoti sukathito. Sukathitattā eva uttāno vivaṭo pakāsito. Chinnapilotikoti pilotikā vuccati chinnaṃ bhinnaṃ tattha tattha sibbitaṃ gaṇṭhikataṃ jiṇṇaṃ vatthaṃ, taṃ yassa natthi, aṭṭhahatthaṃ vā navahatthaṃ vā ahatasāṭakaṃ nivattho, so chinnapilotiko nāma. Ayampi dhammo tādiso, na hettha kohaññādivasena chinnabhinnasibbitagaṇṭhikatabhāvo atthi. Apica kacavaro pilotikoti vuccati. Imasmiñca sāsane samaṇakacavaraṃ nāma patiṭṭhātuṃ na labhati. Tenevāha –

    ‘‘การณฺฑวํ นิทฺธมถ, กสมฺพุญฺจาปกสฺสถ;

    ‘‘Kāraṇḍavaṃ niddhamatha, kasambuñcāpakassatha;

    ตโต ปลาเป วาเหถ, อสฺสมเณ สมณมานิเนฯ

    Tato palāpe vāhetha, assamaṇe samaṇamānine.

    นิทฺธมิตฺวาน ปาปิเจฺฉ, ปาปอาจารโคจเร;

    Niddhamitvāna pāpicche, pāpaācāragocare;

    สุทฺธา สุเทฺธหิ สํวาสํ, กปฺปยโวฺห ปติสฺสตา;

    Suddhā suddhehi saṃvāsaṃ, kappayavho patissatā;

    ตโต สมคฺคา นิปกา, ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสถา’’ติฯ (สุ. นิ. ๒๘๓-๒๘๕);

    Tato samaggā nipakā, dukkhassantaṃ karissathā’’ti. (su. ni. 283-285);

    อิติ สมณกจวรสฺส ฉินฺนตฺตาปิ อยํ ธโมฺม ฉินฺนปิโลติโก นาม โหติฯ วฎฺฎํ เตสนตฺถิ ปญฺญาปนายาติ เตสํ วฎฺฎํ อปญฺญตฺติภาวํ คตํ นิปฺปญฺญตฺติกํ ชาตํฯ เอวรูโป มหาขีณาสโว เอวํ สฺวากฺขาเต สาสเนเยว อุปฺปชฺชติฯ ยถา จ ขีณาสโว, เอวํ อนาคามิอาทโยปิฯ

    Iti samaṇakacavarassa chinnattāpi ayaṃ dhammo chinnapilotiko nāma hoti. Vaṭṭaṃ tesanatthi paññāpanāyāti tesaṃ vaṭṭaṃ apaññattibhāvaṃ gataṃ nippaññattikaṃ jātaṃ. Evarūpo mahākhīṇāsavo evaṃ svākkhāte sāsaneyeva uppajjati. Yathā ca khīṇāsavo, evaṃ anāgāmiādayopi.

    ตตฺถ ธมฺมานุสาริโน สทฺธานุสาริโนติ อิเม เทฺว โสตาปตฺติมคฺคฎฺฐา โหนฺติฯ ยถาห – ‘‘กตโม จ ปุคฺคโล ธมฺมานุสารี? ยสฺส ปุคฺคลสฺส โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฎิปนฺนสฺส ปญฺญินฺทฺริยํ อธิมตฺตํ โหติ, ปญฺญาวาหิํ ปญฺญาปุพฺพงฺคมํ อริยมคฺคํ ภาเวติฯ อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล ธมฺมานุสารีฯ โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฎิปโนฺน ปุคฺคโล ธมฺมานุสารี, ผเล ฐิโต ทิฎฺฐิปฺปโตฺตฯ กตโม จ ปุคฺคโล สทฺธานุสารี? ยสฺส ปุคฺคลสฺส โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฎิปนฺนสฺส สทฺธินฺทฺริยํ อธิมตฺตํ โหติ, สทฺธาวาหิํ สทฺธาปุพฺพงฺคมํ อริยมคฺคํ ภาเวติฯ อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล สทฺธานุสารีฯ โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฎิปโนฺน ปุคฺคโล สทฺธานุสารี, ผเล ฐิโต สทฺธาวิมุโตฺต’’ติ (ปุ. ป. ๓๐)ฯ เยสํ มยิ สทฺธามตฺตํ เปมมตฺตนฺติ อิมินา เยสํ อโญฺญ อริยธโมฺม นตฺถิ, ตถาคเต ปน สทฺธามตฺตํ เปมมตฺตเมว โหติฯ เต วิปสฺสกปุคฺคลา อธิเปฺปตาฯ วิปสฺสกภิกฺขูนญฺหิ เอวํ วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา นิสินฺนานํ ทสพเล เอกา สทฺธา เอกํ เปมํ อุปฺปชฺชติฯ ตาย สทฺธาย เตน เปเมน หเตฺถ คเหตฺวา สเคฺค ฐปิตา วิย โหนฺติ, นิยตคติกา กิร เอเตฯ โปราณกเตฺถรา ปน เอวรูปํ ภิกฺขุํ จูฬโสตาปโนฺนติ วทนฺติฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติฯ

    Tattha dhammānusārino saddhānusārinoti ime dve sotāpattimaggaṭṭhā honti. Yathāha – ‘‘katamo ca puggalo dhammānusārī? Yassa puggalassa sotāpattiphalasacchikiriyāya paṭipannassa paññindriyaṃ adhimattaṃ hoti, paññāvāhiṃ paññāpubbaṅgamaṃ ariyamaggaṃ bhāveti. Ayaṃ vuccati puggalo dhammānusārī. Sotāpattiphalasacchikiriyāya paṭipanno puggalo dhammānusārī, phale ṭhito diṭṭhippatto. Katamo ca puggalo saddhānusārī? Yassa puggalassa sotāpattiphalasacchikiriyāya paṭipannassa saddhindriyaṃ adhimattaṃ hoti, saddhāvāhiṃ saddhāpubbaṅgamaṃ ariyamaggaṃ bhāveti. Ayaṃ vuccati puggalo saddhānusārī. Sotāpattiphalasacchikiriyāya paṭipanno puggalo saddhānusārī, phale ṭhito saddhāvimutto’’ti (pu. pa. 30). Yesaṃ mayi saddhāmattaṃ pemamattanti iminā yesaṃ añño ariyadhammo natthi, tathāgate pana saddhāmattaṃ pemamattameva hoti. Te vipassakapuggalā adhippetā. Vipassakabhikkhūnañhi evaṃ vipassanaṃ paṭṭhapetvā nisinnānaṃ dasabale ekā saddhā ekaṃ pemaṃ uppajjati. Tāya saddhāya tena pemena hatthe gahetvā sagge ṭhapitā viya honti, niyatagatikā kira ete. Porāṇakattherā pana evarūpaṃ bhikkhuṃ cūḷasotāpannoti vadanti. Sesaṃ sabbattha uttānatthamevāti.

    ปปญฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถาย

    Papañcasūdaniyā majjhimanikāyaṭṭhakathāya

    อลคทฺทูปมสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Alagaddūpamasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๒. อลคทฺทูปมสุตฺตํ • 2. Alagaddūpamasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๒. อลคทฺทูปมสุตฺตวณฺณนา • 2. Alagaddūpamasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact