Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๕๒๓] ๓. อลมฺพุสาชาตกวณฺณนา

    [523] 3. Alambusājātakavaṇṇanā

    อถพฺรวีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต ปุราณทุติยิกาปโลภนํ อารพฺภ กเถสิฯ วตฺถุ อินฺทฺริยชาตเก (ชา. ๑.๘.๖๐ อาทโย) วิตฺถาริตเมวฯ สตฺถา ปน ตํ ภิกฺขุํ ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, ภิกฺขุ, อุกฺกณฺฐิโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภเนฺต’’ติ วุเตฺต ‘‘เกน อุกฺกณฺฐาปิโตสี’’ติ วตฺวา ‘‘ปุราณทุติยิกายา’’ติ วุเตฺต ‘‘ภิกฺขุ เอสา อิตฺถี ตุยฺหํ อนตฺถการิกา, ตฺวํ เอตํ นิสฺสาย ฌานํ นาเสตฺวา ตีณิ สํวจฺฉรานิ มูโฬฺห วิสญฺญี นิปชฺชิตฺวา อุปฺปนฺนาย สญฺญาย มหาปริเทวํ ปริเทวี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ

    Athabravīti idaṃ satthā jetavane viharanto purāṇadutiyikāpalobhanaṃ ārabbha kathesi. Vatthu indriyajātake (jā. 1.8.60 ādayo) vitthāritameva. Satthā pana taṃ bhikkhuṃ ‘‘saccaṃ kira tvaṃ, bhikkhu, ukkaṇṭhitosī’’ti pucchitvā ‘‘saccaṃ, bhante’’ti vutte ‘‘kena ukkaṇṭhāpitosī’’ti vatvā ‘‘purāṇadutiyikāyā’’ti vutte ‘‘bhikkhu esā itthī tuyhaṃ anatthakārikā, tvaṃ etaṃ nissāya jhānaṃ nāsetvā tīṇi saṃvaccharāni mūḷho visaññī nipajjitvā uppannāya saññāya mahāparidevaṃ paridevī’’ti vatvā atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต กาสิรเฎฺฐ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต สพฺพสิเปฺปสุ นิปฺผตฺติํ ปตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อรญฺญายตเน วนมูลผลาหาโร ยาเปสิฯ อเถกา มิคี ตสฺส ปสฺสาวฎฺฐาเน สมฺภวมิสฺสกํ ติณํ ขาทิตฺวา อุทกํ ปิวิฯ เอตฺตเกเนว จ ตสฺมิํ ปฎิพทฺธจิตฺตา คพฺภํ ปฎิลภิตฺวา ตโต ปฎฺฐาย กตฺถจิ อคนฺตฺวา ตเตฺถว ติณํ ขาทิตฺวา อสฺสมสฺส สามเนฺตเยว วิจรติ ฯ มหาสโตฺต ปริคฺคณฺหโนฺต ตํ การณํ อญฺญาสิฯ สา อปรภาเค มนุสฺสทารกํ วิชายิฯ มหาสโตฺต ตํ ปุตฺตสิเนเหน ปฎิชคฺคิ, ‘‘อิสิสิโงฺค’’ติสฺส นามํ อกาสิฯ อถ นํ มหาสโตฺต วิญฺญุตปฺปตฺตํ ปพฺพาเชตฺวา อตฺตโน มหลฺลกกาเล ตํ อาทาย นาริวนํ นาม คนฺตฺวา, ‘‘ตาต, อิมสฺมิํ หิมวเนฺต อิเมหิ ปุเปฺผหิ สทิสา อิตฺถิโย นาม โหนฺติ, ตา อตฺตโน วสํ คเต มหาวินาสํ ปาเปนฺติ, น ตาสํ วสํ นาม คนฺตุํ วฎฺฎตี’’ติ โอวทิตฺวา อปรภาเค พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิฯ

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto kāsiraṭṭhe brāhmaṇakule nibbattitvā vayappatto sabbasippesu nipphattiṃ patvā isipabbajjaṃ pabbajitvā araññāyatane vanamūlaphalāhāro yāpesi. Athekā migī tassa passāvaṭṭhāne sambhavamissakaṃ tiṇaṃ khāditvā udakaṃ pivi. Ettakeneva ca tasmiṃ paṭibaddhacittā gabbhaṃ paṭilabhitvā tato paṭṭhāya katthaci agantvā tattheva tiṇaṃ khāditvā assamassa sāmanteyeva vicarati . Mahāsatto pariggaṇhanto taṃ kāraṇaṃ aññāsi. Sā aparabhāge manussadārakaṃ vijāyi. Mahāsatto taṃ puttasinehena paṭijaggi, ‘‘isisiṅgo’’tissa nāmaṃ akāsi. Atha naṃ mahāsatto viññutappattaṃ pabbājetvā attano mahallakakāle taṃ ādāya nārivanaṃ nāma gantvā, ‘‘tāta, imasmiṃ himavante imehi pupphehi sadisā itthiyo nāma honti, tā attano vasaṃ gate mahāvināsaṃ pāpenti, na tāsaṃ vasaṃ nāma gantuṃ vaṭṭatī’’ti ovaditvā aparabhāge brahmalokaparāyaṇo ahosi.

    อิสิสิโงฺคปิ ฌานกีฬํ กีฬโนฺต หิมวนฺตปฺปเทเส วาสํ กเปฺปสิฯ โฆรตโป ปรมธิตินฺทฺริโย อโหสิฯ อถสฺส สีลเตเชน สกฺกสฺส ภวนํ กมฺปิ, สโกฺก อาวเชฺชโนฺต ตํ การณํ ญตฺวา ‘‘อยํ มํ สกฺกตฺตา จาเวยฺย, เอกํ อจฺฉรํ เปเสตฺวา สีลมสฺส ภินฺทาเปสฺสามี’’ติ สกลเทวโลกํ อุปปริกฺขโนฺต อตฺตโน อฑฺฒเตยฺยโกฎิสงฺขานํ ปริจาริกานํ มเชฺฌ เอกํ อลมฺพุสํ นาม อจฺฉรํ ฐเปตฺวา อญฺญํ ตสฺส สีลํ ภินฺทิตุํ สมตฺถํ อทิสฺวา ตํ ปโกฺกสาเปตฺวา ตสฺส สีลเภทํ กาตุํ อาณาเปสิฯ ตมตฺถํ อาวิกโรโนฺต สตฺถา ปฐมํ คาถมาห –

    Isisiṅgopi jhānakīḷaṃ kīḷanto himavantappadese vāsaṃ kappesi. Ghoratapo paramadhitindriyo ahosi. Athassa sīlatejena sakkassa bhavanaṃ kampi, sakko āvajjento taṃ kāraṇaṃ ñatvā ‘‘ayaṃ maṃ sakkattā cāveyya, ekaṃ accharaṃ pesetvā sīlamassa bhindāpessāmī’’ti sakaladevalokaṃ upaparikkhanto attano aḍḍhateyyakoṭisaṅkhānaṃ paricārikānaṃ majjhe ekaṃ alambusaṃ nāma accharaṃ ṭhapetvā aññaṃ tassa sīlaṃ bhindituṃ samatthaṃ adisvā taṃ pakkosāpetvā tassa sīlabhedaṃ kātuṃ āṇāpesi. Tamatthaṃ āvikaronto satthā paṭhamaṃ gāthamāha –

    ๙๕.

    95.

    ‘‘อถพฺรวิ พฺรหา อิโนฺท, วตฺรภู ชยตํ ปิตา;

    ‘‘Athabravi brahā indo, vatrabhū jayataṃ pitā;

    เทวกญฺญํ ปราเภตฺวา, สุธมฺมายํ อลมฺพุส’’นฺติฯ

    Devakaññaṃ parābhetvā, sudhammāyaṃ alambusa’’nti.

    ตตฺถ พฺรหาติ มหาฯ วตฺรภูติ วตฺรสฺส นาม อสุรสฺส อภิภวิตาฯ ชยตํ ปิตาติ ชยนฺตานํ ชยปฺปตฺตานํ เสสานํ เตตฺติํสาย เทวปุตฺตานํ ปิตุกิจฺจสาธเนน ปิตาฯ ปราเภตฺวาติ หทยํ ภินฺทิตฺวา โอโลเกโนฺต วิย ตํ ‘‘ปฎิพลา อย’’นฺติ ญตฺวาติ อโตฺถฯ สุธมฺมายนฺติ สุธมฺมายํ เทวสภายํฯ

    Tattha brahāti mahā. Vatrabhūti vatrassa nāma asurassa abhibhavitā. Jayataṃ pitāti jayantānaṃ jayappattānaṃ sesānaṃ tettiṃsāya devaputtānaṃ pitukiccasādhanena pitā. Parābhetvāti hadayaṃ bhinditvā olokento viya taṃ ‘‘paṭibalā aya’’nti ñatvāti attho. Sudhammāyanti sudhammāyaṃ devasabhāyaṃ.

    ปณฺฑุกมฺพลสิลาสเน นิสิโนฺน ตํ อลมฺพุสํ ปโกฺกสาเปตฺวา อิทมาห –

    Paṇḍukambalasilāsane nisinno taṃ alambusaṃ pakkosāpetvā idamāha –

    ๙๖.

    96.

    ‘‘มิเสฺส เทวา ตํ ยาจนฺติ, ตาวติํสา สอินฺทกา;

    ‘‘Misse devā taṃ yācanti, tāvatiṃsā saindakā;

    อิสิปฺปโลภเน คจฺฉ, อิสิสิงฺคํ อลมฺพุเส’’ติฯ

    Isippalobhane gaccha, isisiṅgaṃ alambuse’’ti.

    ตตฺถ มิเสฺสติ ตํ อาลปติ, อิทญฺจ ตสฺสา นามํ, สพฺพา ปนิตฺถิโย ปุริเส กิเลสมิสฺสเนน มิสฺสนโต ‘‘มิสฺสา’’ติ วุจฺจนฺติ, เตน สาธารเณน คุณนาเมนาลปโนฺต เอวมาหฯ อิสิปฺปโลภเนติ อิสีนํ ปโลภนสมเตฺถฯ อิสิสิงฺคนฺติ ตสฺส กิร มตฺถเก มิคสิงฺคากาเรน เทฺว จูฬา อุฎฺฐหิํสุ, ตสฺมา เอวํ วุจฺจติฯ

    Tattha misseti taṃ ālapati, idañca tassā nāmaṃ, sabbā panitthiyo purise kilesamissanena missanato ‘‘missā’’ti vuccanti, tena sādhāraṇena guṇanāmenālapanto evamāha. Isippalobhaneti isīnaṃ palobhanasamatthe. Isisiṅganti tassa kira matthake migasiṅgākārena dve cūḷā uṭṭhahiṃsu, tasmā evaṃ vuccati.

    อิติ สโกฺก ‘‘คจฺฉ อิสิสิงฺคํ อุปสงฺกมิตฺวา อตฺตโน วสํ อาเนตฺวา สีลมสฺส ภินฺทา’’ติ อลมฺพุสํ อาณาเปสิฯ

    Iti sakko ‘‘gaccha isisiṅgaṃ upasaṅkamitvā attano vasaṃ ānetvā sīlamassa bhindā’’ti alambusaṃ āṇāpesi.

    ๙๗.

    97.

    ‘‘ปุรายํ อเมฺห อเจฺจติ, วตฺตวา พฺรหฺมจริยวา;

    ‘‘Purāyaṃ amhe acceti, vattavā brahmacariyavā;

    นิพฺพานาภิรโต วุโทฺธ, ตสฺส มคฺคานิ อาวรา’’ติฯ – วจนํ อาห;

    Nibbānābhirato vuddho, tassa maggāni āvarā’’ti. – vacanaṃ āha;

    ตตฺถ ปุรายนฺติ อยํ ตาปโส วตฺตสมฺปโนฺน จ พฺรหฺมจริยวา จ, โส ปเนส ทีฆายุกตาย นิพฺพานสงฺขาเต มเคฺค อภิรโต คุณวุทฺธิยา จ วุโทฺธฯ ตสฺมา ยาว เอส อเมฺห นาติกฺกมติ, น อภิภวิตฺวา อิมมฺหา ฐานา จาเวติ, ตาวเทว ตฺวํ คนฺตฺวา ตสฺส เทวโลกคมนานิ มคฺคานิ อาวร, ยถา อิธ นาคจฺฉติ, เอวํ กโรหีติ อโตฺถฯ

    Tattha purāyanti ayaṃ tāpaso vattasampanno ca brahmacariyavā ca, so panesa dīghāyukatāya nibbānasaṅkhāte magge abhirato guṇavuddhiyā ca vuddho. Tasmā yāva esa amhe nātikkamati, na abhibhavitvā imamhā ṭhānā cāveti, tāvadeva tvaṃ gantvā tassa devalokagamanāni maggāni āvara, yathā idha nāgacchati, evaṃ karohīti attho.

    ตํ สุตฺวา อลมฺพุสา คาถาทฺวยมาห –

    Taṃ sutvā alambusā gāthādvayamāha –

    ๙๘.

    98.

    ‘‘เทวราช กิเมว ตฺวํ, มเมว ตุวํ สิกฺขสิ;

    ‘‘Devarāja kimeva tvaṃ, mameva tuvaṃ sikkhasi;

    อิสิปฺปโลภเน คจฺฉ, สนฺติ อญฺญาปิ อจฺฉราฯ

    Isippalobhane gaccha, santi aññāpi accharā.

    ๙๙.

    99.

    ‘‘มาทิสิโย ปวรา เจว, อโสเก นนฺทเน วเน;

    ‘‘Mādisiyo pavarā ceva, asoke nandane vane;

    ตาสมฺปิ โหตุ ปริยาโย, ตาปิ ยนฺตุ ปโลภนา’’ติฯ

    Tāsampi hotu pariyāyo, tāpi yantu palobhanā’’ti.

    ตตฺถ กิเมว ตฺวนฺติ กิํ นาเมตํ ตฺวํ กโรสีติ ทีเปติฯ มเมว ตุวํ สิกฺขสีติ อิมสฺมิํ สกลเทวโลเก มเมว ตุวํ อิกฺขสิ, อญฺญํ น ปสฺสสีติ อธิปฺปาเยน วทติฯ -กาโร ปเนตฺถ พฺยญฺชนสนฺธิกโรฯ อิสิปฺปโลภเน คจฺฉาติ กิํการณา มเญฺญว เอวํ วเทสีติ อธิปฺปาโย ฯ ปวรา เจวาติ มยา อุตฺตริตรา เจวฯ อโสเกติ โสกรหิเตฯ นนฺทเนติ นนฺทิชนเกฯ ปริยาโยติ คมนวาโรฯ

    Tattha kimeva tvanti kiṃ nāmetaṃ tvaṃ karosīti dīpeti. Mameva tuvaṃ sikkhasīti imasmiṃ sakaladevaloke mameva tuvaṃ ikkhasi, aññaṃ na passasīti adhippāyena vadati. Sa-kāro panettha byañjanasandhikaro. Isippalobhane gacchāti kiṃkāraṇā maññeva evaṃ vadesīti adhippāyo . Pavarā cevāti mayā uttaritarā ceva. Asoketi sokarahite. Nandaneti nandijanake. Pariyāyoti gamanavāro.

    ตโต สโกฺก ติโสฺส คาถาโย อภาสิ –

    Tato sakko tisso gāthāyo abhāsi –

    ๑๐๐.

    100.

    ‘‘อทฺธา หิ สจฺจํ ภณสิ, สนฺติ อญฺญาปิ อจฺฉรา;

    ‘‘Addhā hi saccaṃ bhaṇasi, santi aññāpi accharā;

    ตาทิสิโย ปวรา เจว, อโสเก นนฺทเน วเนฯ

    Tādisiyo pavarā ceva, asoke nandane vane.

    ๑๐๑.

    101.

    ‘‘น ตา เอวํ ปชานนฺติ, ปาริจริยํ ปุมํ คตา;

    ‘‘Na tā evaṃ pajānanti, pāricariyaṃ pumaṃ gatā;

    ยาทิสํ ตฺวํ ปชานาสิ, นาริ สพฺพงฺคโสภเนฯ

    Yādisaṃ tvaṃ pajānāsi, nāri sabbaṅgasobhane.

    ๑๐๒.

    102.

    ‘‘ตฺวเมว คจฺฉ กลฺยาณิ, อิตฺถีนํ ปวรา จสิ;

    ‘‘Tvameva gaccha kalyāṇi, itthīnaṃ pavarā casi;

    ตเวว วณฺณรูเปน, สวสมานยิสฺสสี’’ติฯ

    Taveva vaṇṇarūpena, savasamānayissasī’’ti.

    ตตฺถ ปุมํ คตาติ ปุริสํ อุปสงฺกมนฺตา สมานา ปุริสปโลภินิปาริจริยํ น ชานนฺติฯ วณฺณรูเปนาติ สรีรวเณฺณน เจว รูปสมฺปตฺติยา จฯ สวสมานยิสฺสสีติ ตํ ตาปสํ อตฺตโน วสํ อาเนสฺสสีติฯ

    Tattha pumaṃ gatāti purisaṃ upasaṅkamantā samānā purisapalobhinipāricariyaṃ na jānanti. Vaṇṇarūpenāti sarīravaṇṇena ceva rūpasampattiyā ca. Savasamānayissasīti taṃ tāpasaṃ attano vasaṃ ānessasīti.

    ตํ สุตฺวา อลมฺพุสา เทฺว คาถา อภาสิ –

    Taṃ sutvā alambusā dve gāthā abhāsi –

    ๑๐๓.

    103.

    ‘‘น วาหํ น คมิสฺสามิ, เทวราเชน เปสิตา;

    ‘‘Na vāhaṃ na gamissāmi, devarājena pesitā;

    วิเภมิ เจตํ อาสาทุํ, อุคฺคเตโช หิ พฺราหฺมโณฯ

    Vibhemi cetaṃ āsāduṃ, uggatejo hi brāhmaṇo.

    ๑๐๔.

    104.

    ‘‘อเนเก นิรยํ ปตฺตา, อิสิมาสาทิยา ชนา;

    ‘‘Aneke nirayaṃ pattā, isimāsādiyā janā;

    อาปนฺนา โมหสํสารํ, ตสฺมา โลมานิ หํสเย’’ติฯ

    Āpannā mohasaṃsāraṃ, tasmā lomāni haṃsaye’’ti.

    ตตฺถ น วาหนฺติ น เว อหํฯ วิเภมีติ ภายามิฯ อาสาทุนฺติ อาสาทิตุํฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – นาหํ, เทว, ตยา เปสิตา น คมิสฺสามิ, อปิจาหํ ตํ อิสิํ สีลเภทนตฺถาย อลฺลียิตุํ ภายามิ, อุคฺคเตโช หิ โสติฯ อาสาทิยาติ อาสาเทตฺวาฯ โมหสํสารนฺติ โมเหน สํสารํ, โมเหน อิสิํ ปโลเภตฺวา สํสารํ อาปนฺนา วฎฺฎทุเกฺข ปติฎฺฐิตา สตฺตา คณนปถํ อติกฺกนฺตา ฯ ตสฺมาติ เตน การเณนฯ โลมานิ หํสเยติ อหํ โลมานิ อุฎฺฐเปมิ, ‘‘ตสฺส กิราหํ สีลํ ภินฺทิสฺสามี’’ติ จินฺตยมานาย เม โลมานิ ปหํสนฺตีติ วทติฯ

    Tattha na vāhanti na ve ahaṃ. Vibhemīti bhāyāmi. Āsādunti āsādituṃ. Idaṃ vuttaṃ hoti – nāhaṃ, deva, tayā pesitā na gamissāmi, apicāhaṃ taṃ isiṃ sīlabhedanatthāya allīyituṃ bhāyāmi, uggatejo hi soti. Āsādiyāti āsādetvā. Mohasaṃsāranti mohena saṃsāraṃ, mohena isiṃ palobhetvā saṃsāraṃ āpannā vaṭṭadukkhe patiṭṭhitā sattā gaṇanapathaṃ atikkantā . Tasmāti tena kāraṇena. Lomāni haṃsayeti ahaṃ lomāni uṭṭhapemi, ‘‘tassa kirāhaṃ sīlaṃ bhindissāmī’’ti cintayamānāya me lomāni pahaṃsantīti vadati.

    ๑๐๕.

    105.

    ‘‘อิทํ วตฺวาน ปกฺกามิ, อจฺฉรา กามวณฺณินี;

    ‘‘Idaṃ vatvāna pakkāmi, accharā kāmavaṇṇinī;

    มิสฺสา มิสฺสิตุมิจฺฉนฺตี, อิสิสิงฺคํ อลมฺพุสาฯ

    Missā missitumicchantī, isisiṅgaṃ alambusā.

    ๑๐๖.

    106.

    ‘‘สา จ ตํ วนโมคยฺห, อิสิสิเงฺคน รกฺขิตํ;

    ‘‘Sā ca taṃ vanamogayha, isisiṅgena rakkhitaṃ;

    พิมฺพิชาลกสญฺฉนฺนํ, สมนฺตา อทฺธโยชนํฯ

    Bimbijālakasañchannaṃ, samantā addhayojanaṃ.

    ๑๐๗.

    107.

    ‘‘ปาโตว ปาตราสมฺหิ, อุทณฺหสมยํ ปติ;

    ‘‘Pātova pātarāsamhi, udaṇhasamayaṃ pati;

    อคฺคิฎฺฐํ ปริมชฺชนฺตํ, อิสิสิงฺคํ อุปาคมี’’ติฯ – อิมา อภิสมฺพุทฺธคาถา;

    Aggiṭṭhaṃ parimajjantaṃ, isisiṅgaṃ upāgamī’’ti. – imā abhisambuddhagāthā;

    ตตฺถ ปกฺกามีติ เตน หิ, เทวราช, อาวเชฺชยฺยาสิ มนฺติ อตฺตโน สยนคพฺภํ ปวิสิตฺวา อลงฺกริตฺวา อิสิสิงฺคํ กิเลเสน มิสฺสิตุํ อิจฺฉนฺตี ปกฺกามิ, ภิกฺขเว, สา อจฺฉรา ตสฺส อสฺสมํ คตาติฯ พิมฺพิชาลกสญฺฉนฺนนฺติ รตฺตงฺกุรวเนน สญฺฉนฺนํฯ ปาโตว ปาตราสมฺหีติ, ภิกฺขเว, ปาตราสเวลาย ปาโตว ปเคเยว อติปเควฯ อุทณฺหสมยํ ปตีติ สูริยุคฺคมนเวลายเมวฯ อคฺคิฎฺฐนฺติ อคฺคิสาลํฯ รตฺติํ ปธานมนุยุญฺชิตฺวา ปาโตว นฺหตฺวา อุทกกิจฺจํ กตฺวา ปณฺณสาลายํ โถกํ ฌานสุเขน วีตินาเมตฺวา นิกฺขมิตฺวา อคฺคิสาลํ สมฺมชฺชนฺตํ ตํ อิสิสิงฺคํ สา อุปาคมิ, อิตฺถิวิลาสํ ทเสฺสนฺตี ตสฺส ปุรโต อฎฺฐาสิฯ

    Tattha pakkāmīti tena hi, devarāja, āvajjeyyāsi manti attano sayanagabbhaṃ pavisitvā alaṅkaritvā isisiṅgaṃ kilesena missituṃ icchantī pakkāmi, bhikkhave, sā accharā tassa assamaṃ gatāti. Bimbijālakasañchannanti rattaṅkuravanena sañchannaṃ. Pātova pātarāsamhīti, bhikkhave, pātarāsavelāya pātova pageyeva atipageva. Udaṇhasamayaṃ patīti sūriyuggamanavelāyameva. Aggiṭṭhanti aggisālaṃ. Rattiṃ padhānamanuyuñjitvā pātova nhatvā udakakiccaṃ katvā paṇṇasālāyaṃ thokaṃ jhānasukhena vītināmetvā nikkhamitvā aggisālaṃ sammajjantaṃ taṃ isisiṅgaṃ sā upāgami, itthivilāsaṃ dassentī tassa purato aṭṭhāsi.

    อถ นํ ตาปโส ปุจฺฉโนฺต อาห –

    Atha naṃ tāpaso pucchanto āha –

    ๑๐๘.

    108.

    ‘‘กา นุ วิชฺชุริวาภาสิ, โอสธี วิย ตารกา;

    ‘‘Kā nu vijjurivābhāsi, osadhī viya tārakā;

    วิจิตฺตหตฺถาภรณา, อามุตฺตมณิกุณฺฑลาฯ

    Vicittahatthābharaṇā, āmuttamaṇikuṇḍalā.

    ๑๐๙.

    109.

    ‘‘อาทิจฺจวณฺณสงฺกาสา, เหมจนฺทนคนฺธินี;

    ‘‘Ādiccavaṇṇasaṅkāsā, hemacandanagandhinī;

    สญฺญตูรู มหามายา, กุมารี จารุทสฺสนาฯ

    Saññatūrū mahāmāyā, kumārī cārudassanā.

    ๑๑๐.

    110.

    ‘‘วิลคฺคา มุทุกา สุทฺธา, ปาทา เต สุปฺปติฎฺฐิตา;

    ‘‘Vilaggā mudukā suddhā, pādā te suppatiṭṭhitā;

    คมนา กามนียา เต, หรนฺติเยว เม มโนฯ

    Gamanā kāmanīyā te, harantiyeva me mano.

    ๑๑๑.

    111.

    ‘‘อนุปุพฺพา จ เต อูรู, นาคนาสสมูปมา;

    ‘‘Anupubbā ca te ūrū, nāganāsasamūpamā;

    วิมฎฺฐา ตุยฺหํ สุโสฺสณี, อกฺขสฺส ผลกํ ยถาฯ

    Vimaṭṭhā tuyhaṃ sussoṇī, akkhassa phalakaṃ yathā.

    ๑๑๒.

    112.

    ‘‘อุปฺปลเสฺสว กิญฺชกฺขา, นาภิ เต สาธุสณฺฐิตา;

    ‘‘Uppalasseva kiñjakkhā, nābhi te sādhusaṇṭhitā;

    ปุรา กณฺหญฺชนเสฺสว, ทูรโต ปติทิสฺสติฯ

    Purā kaṇhañjanasseva, dūrato patidissati.

    ๑๑๓.

    113.

    ‘‘ทุวิธา ชาตา อุรชา, อวณฺฎา สาธุปจฺจุทา;

    ‘‘Duvidhā jātā urajā, avaṇṭā sādhupaccudā;

    ปโยธรา อปติตา, อฑฺฒลาพุสมา ถนาฯ

    Payodharā apatitā, aḍḍhalābusamā thanā.

    ๑๑๔.

    114.

    ‘‘ทีฆา กมฺพุตลาภาสา, คีวา เอเณยฺยกา ยถา;

    ‘‘Dīghā kambutalābhāsā, gīvā eṇeyyakā yathā;

    ปณฺฑราวรณา วคฺคุ, จตุตฺถมนสนฺนิภาฯ

    Paṇḍarāvaraṇā vaggu, catutthamanasannibhā.

    ๑๑๕.

    115.

    ‘‘อุทฺธคฺคา จ อธคฺคา จ, ทุมคฺคปริมชฺชิตา;

    ‘‘Uddhaggā ca adhaggā ca, dumaggaparimajjitā;

    ทุวิชา เนลสมฺภูตา, ทนฺตา ตว สุทสฺสนาฯ

    Duvijā nelasambhūtā, dantā tava sudassanā.

    ๑๑๖.

    116.

    ‘‘อปณฺฑรา โลหิตนฺตา, ชิญฺชูกผลสนฺนิภา;

    ‘‘Apaṇḍarā lohitantā, jiñjūkaphalasannibhā;

    อายตา จ วิสาลา จ, เนตฺตา ตว สุทสฺสนาฯ

    Āyatā ca visālā ca, nettā tava sudassanā.

    ๑๑๗.

    117.

    ‘‘นาติทีฆา สุสมฺมฎฺฐา, กนกพฺยาสโมจิตา;

    ‘‘Nātidīghā susammaṭṭhā, kanakabyāsamocitā;

    อุตฺตมงฺครุหา ตุยฺหํ, เกสา จนฺทนคนฺธิกาฯ

    Uttamaṅgaruhā tuyhaṃ, kesā candanagandhikā.

    ๑๑๘.

    118.

    ‘‘ยาวตา กสิโครกฺขา, วาณิชานญฺจ ยา คติ;

    ‘‘Yāvatā kasigorakkhā, vāṇijānañca yā gati;

    อิสีนญฺจ ปรกฺกนฺตํ, สญฺญตานํ ตปสฺสินํฯ

    Isīnañca parakkantaṃ, saññatānaṃ tapassinaṃ.

    ๑๑๙.

    119.

    ‘‘น เต สมสมํ ปเสฺส, อสฺมิํ ปถวิมณฺฑเล;

    ‘‘Na te samasamaṃ passe, asmiṃ pathavimaṇḍale;

    โก วา ตฺวํ กสฺส วา ปุโตฺต, กถํ ชาเนมุ ตํ มย’’นฺติฯ

    Ko vā tvaṃ kassa vā putto, kathaṃ jānemu taṃ maya’’nti.

    ตตฺถ วิจิตฺตหตฺถาภรณาติ วิจิเตฺตหิ หตฺถาภรเณหิ สมนฺนาคตาฯ เหมจนฺทนคนฺธินีติ สุวณฺณวณฺณจนฺทนคนฺธวิเลปนาฯ สญฺญตูรูติ สุวฎฺฎิตฆนอูรุ สมฺปนฺนอูรุลกฺขณาฯ วิลคฺคาติ สํขิตฺตมชฺฌาฯ มุทุกาติ มุทุ สุขุมาลาฯ สุทฺธาติ นิมฺมลาฯ สุปฺปติฎฺฐิตาติ สมํ ปถวิํ ผุสนฺตา สุฎฺฐุ ปติฎฺฐิตาฯ คมนาติ คจฺฉมานาฯ กามนียาติ กนฺตา กามิตพฺพยุตฺตกาฯ หรนฺติเยว เม มโนติ เอเต เอวรูเปน ปรเมน อิตฺถิวิลาเสน จงฺกมนฺติยา ตว ปาทา มม จิตฺตํ หรนฺติเยวฯ วิมฎฺฐาติ วิสาลาฯ สุโสฺสณีติ สุนฺทรโสณีฯ อกฺขสฺสาติ สุนฺทรวณฺณสฺส อกฺขสฺส สุวณฺณผลกํ วิย วิสาลา เต โสณีติ วทติฯ อุปฺปลเสฺสว กิญฺชกฺขาติ นีลุปฺปลกณฺณิกา วิยฯ กณฺหญฺชนเสฺสวาติ สุขุมกณฺหโลมจิตฺตตฺตา เอวมาหฯ

    Tattha vicittahatthābharaṇāti vicittehi hatthābharaṇehi samannāgatā. Hemacandanagandhinīti suvaṇṇavaṇṇacandanagandhavilepanā. Saññatūrūti suvaṭṭitaghanaūru sampannaūrulakkhaṇā. Vilaggāti saṃkhittamajjhā. Mudukāti mudu sukhumālā. Suddhāti nimmalā. Suppatiṭṭhitāti samaṃ pathaviṃ phusantā suṭṭhu patiṭṭhitā. Gamanāti gacchamānā. Kāmanīyāti kantā kāmitabbayuttakā. Harantiyeva me manoti ete evarūpena paramena itthivilāsena caṅkamantiyā tava pādā mama cittaṃ harantiyeva. Vimaṭṭhāti visālā. Sussoṇīti sundarasoṇī. Akkhassāti sundaravaṇṇassa akkhassa suvaṇṇaphalakaṃ viya visālā te soṇīti vadati. Uppalasseva kiñjakkhāti nīluppalakaṇṇikā viya. Kaṇhañjanassevāti sukhumakaṇhalomacittattā evamāha.

    ‘‘ทุวิธา’’ติคาถํ ถเน วณฺณยโนฺต อาหฯ เต หิ เทฺว หุตฺวา อุเร ชาตา วณฺฎสฺส อภาวา อวณฺฎา, อุเร ลคฺคา เอว หุตฺวา สุฎฺฐุ นิกฺขนฺตตฺตา สาธุปจฺจุทา, ปยสฺส ธารณโต ปโยธรา, อปติตาติ น ปติตา, อมิลาตตาย วา อลมฺพนตาย วา น อโนฺต ปวิฎฺฐาติ อปติตา, สุวณฺณผลเก ฐปิตสุวณฺณมยวฎฺฎอลาพุโน อเฑฺฒน สทิสตาย อฑฺฒลาพุสมา ถนาฯ เอเณยฺยกา ยถาติ เอณีมิคสฺส หิ ทีฆา จ วฎฺฎา จ คีวา โสภติ ยถา, เอวํ ตว คีวา โถกํ ทีฆาฯ กมฺพุตลาภาสาติ สุวณฺณาลิงฺคตลสนฺนิภา คีวาติ อโตฺถฯ ปณฺฑราวรณาติ ทนฺตาวรณาฯ จตุตฺถมนสนฺนิภาติ จตุตฺถมโน วุจฺจติ จตุตฺถมนวตฺถุภูตา ชิวฺหาฯ อภิรตฺตภาเวน ชิวฺหาสทิสํ เต โอฎฺฐปริโยสานนฺติ วทติฯ อุทฺธคฺคาติ เหฎฺฐิมทนฺตาฯ อธคฺคาติ อุปริมทนฺตาฯ ทุมคฺคปริมชฺชิตาติ ทนฺตกฎฺฐปริมชฺชิตา ปริสุทฺธาฯ ทุวิชาติ ทฺวิชาฯ เนลสมฺภูตาติ นิโทฺทเสสุ หนุมํสปริโยสาเนสุ สมฺภูตาฯ

    ‘‘Duvidhā’’tigāthaṃ thane vaṇṇayanto āha. Te hi dve hutvā ure jātā vaṇṭassa abhāvā avaṇṭā, ure laggā eva hutvā suṭṭhu nikkhantattā sādhupaccudā, payassa dhāraṇato payodharā, apatitāti na patitā, amilātatāya vā alambanatāya vā na anto paviṭṭhāti apatitā, suvaṇṇaphalake ṭhapitasuvaṇṇamayavaṭṭaalābuno aḍḍhena sadisatāya aḍḍhalābusamā thanā. Eṇeyyakā yathāti eṇīmigassa hi dīghā ca vaṭṭā ca gīvā sobhati yathā, evaṃ tava gīvā thokaṃ dīghā. Kambutalābhāsāti suvaṇṇāliṅgatalasannibhā gīvāti attho. Paṇḍarāvaraṇāti dantāvaraṇā. Catutthamanasannibhāti catutthamano vuccati catutthamanavatthubhūtā jivhā. Abhirattabhāvena jivhāsadisaṃ te oṭṭhapariyosānanti vadati. Uddhaggāti heṭṭhimadantā. Adhaggāti uparimadantā. Dumaggaparimajjitāti dantakaṭṭhaparimajjitā parisuddhā. Duvijāti dvijā. Nelasambhūtāti niddosesu hanumaṃsapariyosānesu sambhūtā.

    อปณฺฑราติ กณฺหาฯ โลหิตนฺตาติ รตฺตปริยนฺตาฯ ชิญฺชูกผลสนฺนิภาติ รตฺตฎฺฐาเน ชิญฺชุกผลสทิสาฯ สุทสฺสนาติ ปสฺสนฺตานํ อติตฺติกรา ปญฺจปสาทสมนฺนาคตาฯ นาติทีฆาติ ปมาณยุตฺตาฯ สุสมฺมฎฺฐาติ สุฎฺฐุ สมฺมฎฺฐาฯ กนกพฺยาสโมจิตาติ กนกพฺยา วุจฺจติ สุวณฺณผณิกา, ตาย คนฺธเตลํ อาทาย ปหริตา สุรจิตาฯ กสิโครกฺขาติ อิมินา กสิญฺจ โครกฺขญฺจ นิสฺสาย ชีวนกสเตฺต ทเสฺสติฯ ยา คตีติ ยตฺตกา นิปฺผตฺติฯ ปรกฺกนฺตนฺติ ยตฺตกํ อิสีนํ ปรกฺกนฺตํ, วิตฺถารีกตา อิมสฺมิํ หิมวเนฺต ยตฺตกา อิสโย วสนฺตีติ อโตฺถฯ น เต สมสมนฺติ เตสุ สเพฺพสุ เอกมฺปิ รูปลีฬาวิลาสาทิสมตาย ตยา สมานํ น ปสฺสามิฯ โก วา ตฺวนฺติ อิทํ ตสฺสา อิตฺถิภาวํ ชานโนฺต ปุริสโวหารวเสน ปุจฺฉติฯ

    Apaṇḍarāti kaṇhā. Lohitantāti rattapariyantā. Jiñjūkaphalasannibhāti rattaṭṭhāne jiñjukaphalasadisā. Sudassanāti passantānaṃ atittikarā pañcapasādasamannāgatā. Nātidīghāti pamāṇayuttā. Susammaṭṭhāti suṭṭhu sammaṭṭhā. Kanakabyāsamocitāti kanakabyā vuccati suvaṇṇaphaṇikā, tāya gandhatelaṃ ādāya paharitā suracitā. Kasigorakkhāti iminā kasiñca gorakkhañca nissāya jīvanakasatte dasseti. Yā gatīti yattakā nipphatti. Parakkantanti yattakaṃ isīnaṃ parakkantaṃ, vitthārīkatā imasmiṃ himavante yattakā isayo vasantīti attho. Na te samasamanti tesu sabbesu ekampi rūpalīḷāvilāsādisamatāya tayā samānaṃ na passāmi. Ko vā tvanti idaṃ tassā itthibhāvaṃ jānanto purisavohāravasena pucchati.

    เอวํ ปาทโต ปฎฺฐาย ยาว เกสา อตฺตโน วณฺณํ ภาสเนฺต ตาปเส อลมฺพุสา ตุณฺหี หุตฺวา ตสฺสา กถาย ยถานุสนฺธิํ คตาย ตสฺส สมฺมูฬฺหภาวํ ญตฺวา คาถมาห –

    Evaṃ pādato paṭṭhāya yāva kesā attano vaṇṇaṃ bhāsante tāpase alambusā tuṇhī hutvā tassā kathāya yathānusandhiṃ gatāya tassa sammūḷhabhāvaṃ ñatvā gāthamāha –

    ๑๒๐.

    120.

    ‘‘น ปญฺหกาโล ภทฺทเนฺต, กสฺสเปวํ คเต สติ;

    ‘‘Na pañhakālo bhaddante, kassapevaṃ gate sati;

    เอหิ สมฺม รมิสฺสาม, อุโภ อสฺมากมสฺสเม;

    Ehi samma ramissāma, ubho asmākamassame;

    เอหิ ตํ อุปคูหิสฺสํ, รตีนํ กุสโล ภวา’’ติฯ

    Ehi taṃ upagūhissaṃ, ratīnaṃ kusalo bhavā’’ti.

    ตตฺถ กสฺสเปวํ คเต สตีติ กสฺสปโคตฺต เอวํ ตว จิเตฺต ปวเตฺต สติ ปญฺหกาโล น โหติฯ สมฺมาติ วยสฺส, ปิยวจนาลปนเมตํฯ รตีนนฺติ ปญฺจกามคุณรตีนํฯ

    Tattha kassapevaṃ gate satīti kassapagotta evaṃ tava citte pavatte sati pañhakālo na hoti. Sammāti vayassa, piyavacanālapanametaṃ. Ratīnanti pañcakāmaguṇaratīnaṃ.

    เอวํ วตฺวา อลมฺพุสา จิเนฺตสิ – ‘‘นายํ มยิ ฐิตาย หตฺถปาสํ อาคมิสฺสติ, คจฺฉนฺตี วิย ภวิสฺสามี’’ติฯ สา อิตฺถิมายากุสลตาย ตาปสํ อนุปสงฺกมิตฺวา อาคตมคฺคาภิมุขี ปายาสิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –

    Evaṃ vatvā alambusā cintesi – ‘‘nāyaṃ mayi ṭhitāya hatthapāsaṃ āgamissati, gacchantī viya bhavissāmī’’ti. Sā itthimāyākusalatāya tāpasaṃ anupasaṅkamitvā āgatamaggābhimukhī pāyāsi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –

    ๑๒๑.

    121.

    ‘‘อิทํ วตฺวาน ปกฺกามิ, อจฺฉรา กามวณฺณินี;

    ‘‘Idaṃ vatvāna pakkāmi, accharā kāmavaṇṇinī;

    มิสฺสา มิสฺสิตุมิจฺฉนฺตี, อิสิสิงฺคํ อลมฺพุสา’’ติฯ

    Missā missitumicchantī, isisiṅgaṃ alambusā’’ti.

    อถ นํ ตาปโส คจฺฉนฺติํ ทิสฺวา ‘‘อยํ คจฺฉตี’’ติ อตฺตโน ทนฺธปรกฺกมํ มนฺทคมนํ ฉินฺทิตฺวา เวเคน ธาวิตฺวา เกเสสุ หเตฺถน ปรามสิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –

    Atha naṃ tāpaso gacchantiṃ disvā ‘‘ayaṃ gacchatī’’ti attano dandhaparakkamaṃ mandagamanaṃ chinditvā vegena dhāvitvā kesesu hatthena parāmasi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –

    ๑๒๒.

    122.

    ‘‘โส จ เวเคน นิกฺขมฺม, เฉตฺวา ทนฺธปรกฺกมํ;

    ‘‘So ca vegena nikkhamma, chetvā dandhaparakkamaṃ;

    ตมุตฺตมาสุ เวณีสุ, อชฺฌปฺปโตฺต ปรามสิฯ

    Tamuttamāsu veṇīsu, ajjhappatto parāmasi.

    ๑๒๓.

    123.

    ‘‘ตมุทาวตฺต กลฺยาณี, ปลิสฺสชิ สุโสภนา;

    ‘‘Tamudāvatta kalyāṇī, palissaji susobhanā;

    จวิตมฺหิ พฺรหฺมจริยา, ยถา ตํ อถ โตสิตาฯ

    Cavitamhi brahmacariyā, yathā taṃ atha tositā.

    ๑๒๔.

    124.

    ‘‘มนสา อคมา อินฺทํ, วสนฺตํ นนฺทเน วเน;

    ‘‘Manasā agamā indaṃ, vasantaṃ nandane vane;

    ตสฺสา สงฺกปฺปมญฺญาย, มฆวา เทวกุญฺชโรฯ

    Tassā saṅkappamaññāya, maghavā devakuñjaro.

    ๑๒๕.

    125.

    ‘‘ปลฺลงฺกํ ปหิณี ขิปฺปํ, โสวณฺณํ โสปวาหนํ;

    ‘‘Pallaṅkaṃ pahiṇī khippaṃ, sovaṇṇaṃ sopavāhanaṃ;

    สอุตฺตรจฺฉทปญฺญาสํ, สหสฺสปฎิยตฺถตํฯ

    Sauttaracchadapaññāsaṃ, sahassapaṭiyatthataṃ.

    ๑๒๖.

    126.

    ‘‘ตเมนํ ตตฺถ ธาเรสิ, อุเร กตฺวาน โสภนา;

    ‘‘Tamenaṃ tattha dhāresi, ure katvāna sobhanā;

    ยถา เอกมุหุตฺตํว, ตีณิ วสฺสานิ ธารยิฯ

    Yathā ekamuhuttaṃva, tīṇi vassāni dhārayi.

    ๑๒๗.

    127.

    ‘‘วิมโท ตีหิ วเสฺสหิ, ปพุชฺฌิตฺวาน พฺราหฺมโณ;

    ‘‘Vimado tīhi vassehi, pabujjhitvāna brāhmaṇo;

    อทฺทสาสิ หริตรุเกฺข, สมนฺตา อคฺคิยายนํฯ

    Addasāsi haritarukkhe, samantā aggiyāyanaṃ.

    ๑๒๘.

    128.

    ‘‘นวปตฺตวนํ ผุลฺลํ, โกกิลคฺคณโฆสิตํ;

    ‘‘Navapattavanaṃ phullaṃ, kokilaggaṇaghositaṃ;

    สมนฺตา ปวิโลเกตฺวา, รุทํ อสฺสูนิ วตฺตยิฯ

    Samantā paviloketvā, rudaṃ assūni vattayi.

    ๑๒๙.

    129.

    ‘‘น ชุเห น ชเป มเนฺต, อคฺคิหุตฺตํ ปหาปิตํ;

    ‘‘Na juhe na jape mante, aggihuttaṃ pahāpitaṃ;

    โก นุ เม ปาริจริยาย, ปุเพฺพ จิตฺตํ ปโลภยิฯ

    Ko nu me pāricariyāya, pubbe cittaṃ palobhayi.

    ๑๓๐.

    130.

    ‘‘อรเญฺญ เม วิหรโต, โย เม เตชา ห สมฺภุตํ;

    ‘‘Araññe me viharato, yo me tejā ha sambhutaṃ;

    นานารตนปริปูรํ, นาวํว คณฺหิ อณฺณเว’’ติฯ

    Nānāratanaparipūraṃ, nāvaṃva gaṇhi aṇṇave’’ti.

    ตตฺถ อชฺฌปฺปโตฺตติ สมฺปโตฺตฯ ตมุทาวตฺต กลฺยาณีติ ตํ เกเส ปรามสิตฺวา ฐิตํ อิสิํ อุทาวตฺติตฺวา นิวตฺติตฺวา กลฺยาณทสฺสนา สา สุฎฺฐุ โสภนาฯ ปลิสฺสชีติ อาลิงฺคิฯ จวิตมฺหิ พฺรหฺมจริยา, ยถา ตํ อถ โตสิตาติ, ภิกฺขเว, ตสฺส อิสิโน ตาวเทว ฌานํ อนฺตรธายิฯ ตสฺมิํ ตมฺหา ฌานา พฺรหฺมจริยา จวิเต ยถา ตํ สเกฺกน ปตฺถิตํ, ตเถว อโหสิฯ อถ สกฺกสฺส ปตฺถนาย สมิทฺธภาวํ วิทิตฺวา สา เทวกญฺญา โตสิตา, ตสฺส เตน พฺรหฺมจริยวินาเสน สญฺชนิตปีติปาโมชฺชาติ อโตฺถฯ

    Tattha ajjhappattoti sampatto. Tamudāvatta kalyāṇīti taṃ kese parāmasitvā ṭhitaṃ isiṃ udāvattitvā nivattitvā kalyāṇadassanā sā suṭṭhu sobhanā. Palissajīti āliṅgi. Cavitamhi brahmacariyā, yathā taṃ atha tositāti, bhikkhave, tassa isino tāvadeva jhānaṃ antaradhāyi. Tasmiṃ tamhā jhānā brahmacariyā cavite yathā taṃ sakkena patthitaṃ, tatheva ahosi. Atha sakkassa patthanāya samiddhabhāvaṃ viditvā sā devakaññā tositā, tassa tena brahmacariyavināsena sañjanitapītipāmojjāti attho.

    มนสา อคมาติ สา ตํ อาลิงฺคิตฺวา ฐิตา ‘‘อโห วต สโกฺก ปลฺลงฺกํ เม เปเสยฺยา’’ติ เอวํ ปวเตฺตน มนสา อินฺทํ อคมาฯ นนฺทเน วเนติ นนฺทิชนนสมตฺถตาย นนฺทนวนสงฺขาเต ตาวติํสภวเน วสนฺตํฯ เทวกุญฺชโรติ เทวเสโฎฺฐ ฯ ปหิณีติ เปเสสิฯ ‘‘ปาหิณี’’ติปิ ปาโฐฯ โสปวาหนนฺติ สปริวารํฯ สอุตฺตรจฺฉทปญฺญาสนฺติ ปญฺญาสาย อุตฺตรจฺฉเทหิ ปฎิจฺฉาทิตํฯ สหสฺสปฎิยตฺถตนฺติ สหสฺสทิพฺพโกชวตฺถตํฯ ตเมนํ ตตฺถาติ ตํ อิสิสิงฺคํ ตตฺถ ทิพฺพปลฺลเงฺก นิสินฺนา สา อุเร กตฺวา ธาเรสิฯ ตีณิ วสฺสานีติ เอกมุหุตฺตํ วิย มนุสฺสคณนาย ตีณิ วสฺสานิ ตํ อุเร นิปชฺชาเปตฺวา ตตฺถ นิสินฺนา ธาเรสิฯ

    Manasā agamāti sā taṃ āliṅgitvā ṭhitā ‘‘aho vata sakko pallaṅkaṃ me peseyyā’’ti evaṃ pavattena manasā indaṃ agamā. Nandane vaneti nandijananasamatthatāya nandanavanasaṅkhāte tāvatiṃsabhavane vasantaṃ. Devakuñjaroti devaseṭṭho . Pahiṇīti pesesi. ‘‘Pāhiṇī’’tipi pāṭho. Sopavāhananti saparivāraṃ. Sauttaracchadapaññāsanti paññāsāya uttaracchadehi paṭicchāditaṃ. Sahassapaṭiyatthatanti sahassadibbakojavatthataṃ. Tamenaṃ tatthāti taṃ isisiṅgaṃ tattha dibbapallaṅke nisinnā sā ure katvā dhāresi. Tīṇi vassānīti ekamuhuttaṃ viya manussagaṇanāya tīṇi vassāni taṃ ure nipajjāpetvā tattha nisinnā dhāresi.

    วิมโทติ นิมฺมโท วิคตสญฺญภาโวฯ โส หิ ตีณิ สํวจฺฉรานิ วิสโญฺญ สยิตฺวา ปจฺฉา ปฎิลทฺธสโญฺญ ปพุชฺฌิฯ ตสฺมิํ ปพุชฺฌมาเน หตฺถาทิผนฺทนํ ทิสฺวาว อลมฺพุสา ตสฺส ปพุชฺฌนภาวํ ญตฺวา ปลฺลงฺกํ อนฺตรธาเปตฺวา สยมฺปิ อนฺตรหิตา อฎฺฐาสิฯ อทฺทสาสีติ โส อสฺสมปทํ โอโลเกโนฺต ‘‘เกน นุ โขมฺหิ สีลวินาสํ ปาปิโต’’ติ จิเนฺตตฺวา มหเนฺตน สเทฺทน ปริเทวมาโน อทฺทสาสิฯ หริตรุเกฺขติ อคฺคิยายนสงฺขาตํ อคฺคิสาลํ สมนฺตา ปริวาเรตฺวา ฐิเต หริตปตฺตรุเกฺขฯ นวปตฺตวนนฺติ ตรุเณหิ นวปเตฺตหิ สญฺฉนฺนํ วนํฯ รุทนฺติ ปริเทวโนฺตฯ

    Vimadoti nimmado vigatasaññabhāvo. So hi tīṇi saṃvaccharāni visañño sayitvā pacchā paṭiladdhasañño pabujjhi. Tasmiṃ pabujjhamāne hatthādiphandanaṃ disvāva alambusā tassa pabujjhanabhāvaṃ ñatvā pallaṅkaṃ antaradhāpetvā sayampi antarahitā aṭṭhāsi. Addasāsīti so assamapadaṃ olokento ‘‘kena nu khomhi sīlavināsaṃ pāpito’’ti cintetvā mahantena saddena paridevamāno addasāsi. Haritarukkheti aggiyāyanasaṅkhātaṃ aggisālaṃ samantā parivāretvā ṭhite haritapattarukkhe. Navapattavananti taruṇehi navapattehi sañchannaṃ vanaṃ. Rudanti paridevanto.

    ชุเห น ชเป มเนฺตติ อยมสฺส ปริเทวนคาถาฯ ปหาปิตนฺติ หาปิตํ, -กาโร อุปสคฺคมตฺตํฯ ปาริจริยายาติ โก นุ กิเลสปาริจริยาย อิโต ปุเพฺพ มม จิตฺตํ ปโลภยีติ ปริเทวติฯ โย เม เตชา ห สมฺภุตนฺติ -กาโร นิปาตมตฺตํฯ โย มม สมณเตเชน สมฺภูตํ ฌานคุณํ นานารตนปริปุณฺณํ มหนฺตํ มหณฺณเว นาวํ วิย คณฺหิ, วินาสํ ปาเปสิ, โก นาเมโสติ ปริเทวตีติฯ

    Najuhe na jape manteti ayamassa paridevanagāthā. Pahāpitanti hāpitaṃ, pa-kāro upasaggamattaṃ. Pāricariyāyāti ko nu kilesapāricariyāya ito pubbe mama cittaṃ palobhayīti paridevati. Yo me tejā ha sambhutanti ha-kāro nipātamattaṃ. Yo mama samaṇatejena sambhūtaṃ jhānaguṇaṃ nānāratanaparipuṇṇaṃ mahantaṃ mahaṇṇave nāvaṃ viya gaṇhi, vināsaṃ pāpesi, ko nāmesoti paridevatīti.

    ตํ สุตฺวา อลมฺพุสา จิเนฺตสิ – ‘‘สจาหํ น กเถสฺสามิ, อยํ เม อภิสปิสฺสติ, หนฺทสฺส กเถสฺสามี’’ติฯ สา ทิสฺสมาเนน กาเยน ฐตฺวา คาถมาห –

    Taṃ sutvā alambusā cintesi – ‘‘sacāhaṃ na kathessāmi, ayaṃ me abhisapissati, handassa kathessāmī’’ti. Sā dissamānena kāyena ṭhatvā gāthamāha –

    ๑๓๑.

    131.

    ‘‘อหํ เต ปาริจริยาย, เทวราเชน เปสิตา;

    ‘‘Ahaṃ te pāricariyāya, devarājena pesitā;

    อวธิํ จิตฺตํ จิเตฺตน, ปมาโท ตฺวํ น พุชฺฌสี’’ติฯ

    Avadhiṃ cittaṃ cittena, pamādo tvaṃ na bujjhasī’’ti.

    โส ตสฺสา กถํ สุตฺวา ปิตรา ทินฺนโอวาทํ สริตฺวา ‘‘ปิตุ วจนํ อกตฺวา มหาวินาสํ ปโตฺตมฺหี’’ติ ปริเทวโนฺต จตโสฺส คาถาโย อภาสิ –

    So tassā kathaṃ sutvā pitarā dinnaovādaṃ saritvā ‘‘pitu vacanaṃ akatvā mahāvināsaṃ pattomhī’’ti paridevanto catasso gāthāyo abhāsi –

    ๑๓๒.

    132.

    ‘‘อิมานิ กิร มํ ตาโต, กสฺสโป อนุสาสติ;

    ‘‘Imāni kira maṃ tāto, kassapo anusāsati;

    กมลาสทิสิตฺถิโย, ตาโย พุเชฺฌสิ มาณวฯ

    Kamalāsadisitthiyo, tāyo bujjhesi māṇava.

    ๑๓๓.

    133.

    ‘‘อุเรคณฺฑาโย พุเชฺฌสิ, ตาโย พุเชฺฌสิ มาณว;

    ‘‘Uregaṇḍāyo bujjhesi, tāyo bujjhesi māṇava;

    อิจฺจานุสาสิ มํ ตาโต, ยถา มํ อนุกมฺปโกฯ

    Iccānusāsi maṃ tāto, yathā maṃ anukampako.

    ๑๓๔.

    134.

    ‘‘ตสฺสาหํ วจนํ นากํ, ปิตุ วุทฺธสฺส สาสนํ;

    ‘‘Tassāhaṃ vacanaṃ nākaṃ, pitu vuddhassa sāsanaṃ;

    อรเญฺญ นิมฺมนุสฺสมฺหิ, สฺวชฺช ฌายามิ เอกโกฯ

    Araññe nimmanussamhi, svajja jhāyāmi ekako.

    ๑๓๕.

    135.

    ‘‘โสหํ ตถา กริสฺสามิ, ธิรตฺถุ ชีวิเตน เม;

    ‘‘Sohaṃ tathā karissāmi, dhiratthu jīvitena me;

    ปุน วา ตาทิโส เหสฺสํ, มรณํ เม ภวิสฺสตี’’ติฯ

    Puna vā tādiso hessaṃ, maraṇaṃ me bhavissatī’’ti.

    ตตฺถ อิมานีติ อิมานิ วจนานิฯ กมลาสทิสิตฺถิโยติ กมลา วุจฺจติ นาริปุปฺผลตา, ตาสํ ปุปฺผสทิสา อิตฺถิโยฯ ตาโย พุเชฺฌสิ มาณวาติ มาณว ตฺวํ ตาโย ชาเนยฺยาสิ, ญตฺวา ทสฺสนปถํ อคนฺตฺวา ปลาเปยฺยาสีติ ยานิ เอวรูปานิ วจนานิ ตทา มํ ตาโต อนุสาสติ, อิมานิ กิร ตานีติฯ อุเรคณฺฑาโยติ อุรมฺหิ ทฺวีหิ คเณฺฑหิ สมนฺนาคตาฯ ตาโย พุเชฺฌสิ, มาณวาติ, มาณว, ตาโย อตฺตโน วสํ คเต วินาสํ ปาเปนฺตีติ ตฺวํ ชาเนยฺยาสิฯ นากนฺติ นากริํฯ ฌายามีติ ปชฺฌายามิ ปริเทวามิฯ ธิรตฺถุ ชีวิเตน เมติ ธิรตฺถุ ครหิตํ มม ชีวิตํ, ชีวิเตน เม โก อโตฺถฯ ปุน วาติ ตถา กริสฺสามิ, ยถา ปุน วา ตาทิโส ภวิสฺสามิ, นฎฺฐํ ฌานํ อุปฺปาเทตฺวา วีตราโค ภวิสฺสามิ, มรณํ วา เม ภวิสฺสตีติฯ

    Tattha imānīti imāni vacanāni. Kamalāsadisitthiyoti kamalā vuccati nāripupphalatā, tāsaṃ pupphasadisā itthiyo. Tāyo bujjhesi māṇavāti māṇava tvaṃ tāyo jāneyyāsi, ñatvā dassanapathaṃ agantvā palāpeyyāsīti yāni evarūpāni vacanāni tadā maṃ tāto anusāsati, imāni kira tānīti. Uregaṇḍāyoti uramhi dvīhi gaṇḍehi samannāgatā. Tāyo bujjhesi, māṇavāti, māṇava, tāyo attano vasaṃ gate vināsaṃ pāpentīti tvaṃ jāneyyāsi. Nākanti nākariṃ. Jhāyāmīti pajjhāyāmi paridevāmi. Dhiratthu jīvitena meti dhiratthu garahitaṃ mama jīvitaṃ, jīvitena me ko attho. Puna vāti tathā karissāmi, yathā puna vā tādiso bhavissāmi, naṭṭhaṃ jhānaṃ uppādetvā vītarāgo bhavissāmi, maraṇaṃ vā me bhavissatīti.

    โส กามราคํ ปหาย ปุน ฌานํ อุปฺปาเทสิฯ อถสฺส สมณเตชํ ทิสฺวา ฌานสฺส จ อุปฺปาทิตภาวํ ญตฺวา อลมฺพุสา ภีตา ขมาเปสิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา เทฺว คาถาโย อภาสิ –

    So kāmarāgaṃ pahāya puna jhānaṃ uppādesi. Athassa samaṇatejaṃ disvā jhānassa ca uppāditabhāvaṃ ñatvā alambusā bhītā khamāpesi. Tamatthaṃ pakāsento satthā dve gāthāyo abhāsi –

    ๑๓๖.

    136.

    ‘‘ตสฺส เตชํ วีริยญฺจ, ธิติํ ญตฺวา อวฎฺฐิตํ;

    ‘‘Tassa tejaṃ vīriyañca, dhitiṃ ñatvā avaṭṭhitaṃ;

    สิรสา อคฺคหี ปาเท, อิสิสิงฺคํ อลมฺพุสาฯ

    Sirasā aggahī pāde, isisiṅgaṃ alambusā.

    ๑๓๗.

    137.

    ‘‘มา เม กุชฺฌ มหาวีร, มา เม กุชฺฌ มหาอิเส;

    ‘‘Mā me kujjha mahāvīra, mā me kujjha mahāise;

    มหา อโตฺถ มยา จิโณฺณ, ติทสานํ ยสสฺสินํ;

    Mahā attho mayā ciṇṇo, tidasānaṃ yasassinaṃ;

    ตยา ปกมฺปิตํ อาสิ, สพฺพํ เทวปุรํ ตทา’’ติฯ

    Tayā pakampitaṃ āsi, sabbaṃ devapuraṃ tadā’’ti.

    อถ นํ โส ‘‘ขมามิ เต, ภเทฺท, ยถาสุขํ คจฺฉา’’ติ วิสฺสเชฺชโนฺต คาถมาห –

    Atha naṃ so ‘‘khamāmi te, bhadde, yathāsukhaṃ gacchā’’ti vissajjento gāthamāha –

    ๑๓๘.

    138.

    ‘‘ตาวติํสา จ เย เทวา, ติทสานญฺจ วาสโว;

    ‘‘Tāvatiṃsā ca ye devā, tidasānañca vāsavo;

    ตฺวญฺจ ภเทฺท สุขี โหหิ, คจฺฉ กเญฺญ ยถาสุข’’นฺติฯ

    Tvañca bhadde sukhī hohi, gaccha kaññe yathāsukha’’nti.

    สา ตํ วนฺทิตฺวา เตเนว สุวณฺณปลฺลเงฺกน เทวปุรํ คตาฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา ติโสฺส คาถาโย อภาสิ –

    Sā taṃ vanditvā teneva suvaṇṇapallaṅkena devapuraṃ gatā. Tamatthaṃ pakāsento satthā tisso gāthāyo abhāsi –

    ๑๓๙.

    139.

    ‘‘ตสฺส ปาเท คเหตฺวาน, กตฺวา จ นํ ปทกฺขิณํ;

    ‘‘Tassa pāde gahetvāna, katvā ca naṃ padakkhiṇaṃ;

    อญฺชลิํ ปคฺคเหตฺวาน, ตมฺหา ฐานา อปกฺกมิฯ

    Añjaliṃ paggahetvāna, tamhā ṭhānā apakkami.

    ๑๔๐.

    140.

    ‘‘โย จ ตสฺสาสิ ปลฺลโงฺก, โสวโณฺณ โสปวาหโน;

    ‘‘Yo ca tassāsi pallaṅko, sovaṇṇo sopavāhano;

    สอุตฺตรจฺฉทปญฺญาโส, สหสฺสปฎิยตฺถโต;

    Sauttaracchadapaññāso, sahassapaṭiyatthato;

    ตเมว ปลฺลงฺกมารุยฺห, อคา เทวาน สนฺติเกฯ

    Tameva pallaṅkamāruyha, agā devāna santike.

    ๑๔๑.

    141.

    ‘‘ตโมกฺกมิว อายนฺติํ, ชลนฺติํ วิชฺชุตํ ยถา;

    ‘‘Tamokkamiva āyantiṃ, jalantiṃ vijjutaṃ yathā;

    ปตีโต สุมโน วิโตฺต, เทวิโนฺท อททา วร’’นฺติฯ

    Patīto sumano vitto, devindo adadā vara’’nti.

    ตตฺถ โอกฺกมิวาติ ทีปกํ วิยฯ ‘‘ปตีโต’’ติอาทีหิ ตุฎฺฐากาโรว ทสฺสิโต อททา วรนฺติ อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ฐิตาย ตุโฎฺฐ วรํ อทาสิฯ

    Tattha okkamivāti dīpakaṃ viya. ‘‘Patīto’’tiādīhi tuṭṭhākārova dassito adadā varanti āgantvā vanditvā ṭhitāya tuṭṭho varaṃ adāsi.

    สา ตสฺส สนฺติเก วรํ คณฺหนฺตี โอสานคาถมาห –

    Sā tassa santike varaṃ gaṇhantī osānagāthamāha –

    ๑๔๒.

    142.

    ‘‘วรเญฺจ เม อโท สกฺก, สพฺพภูตานมิสฺสร;

    ‘‘Varañce me ado sakka, sabbabhūtānamissara;

    นิสิปฺปโลภิกา คเจฺฉ, เอตํ สกฺก วรํ วเร’’ติฯ

    Nisippalobhikā gacche, etaṃ sakka varaṃ vare’’ti.

    ตสฺสโตฺถ – ‘‘สกฺก เทวราช, สเจ เม ตฺวํ วรํ อโท, ปุน อิสิปโลภิกาย น คเจฺฉยฺยํ, มา มํ เอตทตฺถาย ปหิเณยฺยาสิ, เอตํ วรํ วเร ยาจามี’’ติฯ

    Tassattho – ‘‘sakka devarāja, sace me tvaṃ varaṃ ado, puna isipalobhikāya na gaccheyyaṃ, mā maṃ etadatthāya pahiṇeyyāsi, etaṃ varaṃ vare yācāmī’’ti.

    สตฺถา ตสฺส ภิกฺขุโน อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โส ภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิฯ ตทา อลมฺพุสา ปุราณทุติยิกา อโหสิ, อิสิสิโงฺค อุกฺกณฺฐิตภิกฺขุ, ปิตา มหาอิสิ ปน อหเมว อโหสินฺติฯ

    Satthā tassa bhikkhuno imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā saccāni pakāsetvā jātakaṃ samodhānesi, saccapariyosāne so bhikkhu sotāpattiphale patiṭṭhahi. Tadā alambusā purāṇadutiyikā ahosi, isisiṅgo ukkaṇṭhitabhikkhu, pitā mahāisi pana ahameva ahosinti.

    อลมฺพุสาชาตกวณฺณนา ตติยาฯ

    Alambusājātakavaṇṇanā tatiyā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๕๒๓. อลมฺพุสาชาตกํ • 523. Alambusājātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact