Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya |
๑๒. อาฬวกสุตฺตํ
12. Āḷavakasuttaṃ
๒๔๖. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา อาฬวิยํ วิหรติ อาฬวกสฺส ยกฺขสฺส ภวเนฯ อถ โข อาฬวโก ยโกฺข เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘นิกฺขม, สมณา’’ติฯ ‘‘สาธาวุโส’’ติ ภควา นิกฺขมิฯ ‘‘ปวิส, สมณา’’ติฯ ‘‘สาธาวุโส’’ติ ภควา ปาวิสิฯ ทุติยมฺปิ โข อาฬวโก ยโกฺข ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘นิกฺขม, สมณา’’ติฯ ‘‘สาธาวุโส’’ติ ภควา นิกฺขมิฯ ‘‘ปวิส, สมณา’’ติฯ ‘‘สาธาวุโส’’ติ ภควา ปาวิสิฯ ตติยมฺปิ โข อาฬวโก ยโกฺข ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘นิกฺขม, สมณา’’ติฯ ‘‘สาธาวุโส’’ติ ภควา นิกฺขมิฯ ‘‘ปวิส, สมณา’’ติฯ ‘‘สาธาวุโส’’ติ ภควา ปาวิสิฯ จตุตฺถมฺปิ โข อาฬวโก ยโกฺข ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘นิกฺขม, สมณา’’ติฯ ‘‘น ขฺวาหํ ตํ, อาวุโส, นิกฺขมิสฺสามิฯ ยํ เต กรณียํ ตํ กโรหี’’ติฯ ‘‘ปญฺหํ ตํ, สมณ, ปุจฺฉิสฺสามิฯ สเจ เม น พฺยากริสฺสสิ, จิตฺตํ วา เต ขิปิสฺสามิ, หทยํ วา เต ผาเลสฺสามิ, ปาเทสุ วา คเหตฺวา ปารคงฺคาย ขิปิสฺสามี’’ติฯ ‘‘น ขฺวาหํ ตํ, อาวุโส, ปสฺสามิ สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย, เย เม จิตฺตํ วา ขิเปยฺย หทยํ วา ผาเลยฺย, ปาเทสุ วา คเหตฺวา ปารคงฺคาย ขิเปยฺยฯ อปิ จ ตฺวํ, อาวุโส, ปุจฺฉ ยทา กงฺขสี’’ติ 1ฯ
246. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā āḷaviyaṃ viharati āḷavakassa yakkhassa bhavane. Atha kho āḷavako yakkho yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘nikkhama, samaṇā’’ti. ‘‘Sādhāvuso’’ti bhagavā nikkhami. ‘‘Pavisa, samaṇā’’ti. ‘‘Sādhāvuso’’ti bhagavā pāvisi. Dutiyampi kho āḷavako yakkho bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘nikkhama, samaṇā’’ti. ‘‘Sādhāvuso’’ti bhagavā nikkhami. ‘‘Pavisa, samaṇā’’ti. ‘‘Sādhāvuso’’ti bhagavā pāvisi. Tatiyampi kho āḷavako yakkho bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘nikkhama, samaṇā’’ti. ‘‘Sādhāvuso’’ti bhagavā nikkhami. ‘‘Pavisa, samaṇā’’ti. ‘‘Sādhāvuso’’ti bhagavā pāvisi. Catutthampi kho āḷavako yakkho bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘nikkhama, samaṇā’’ti. ‘‘Na khvāhaṃ taṃ, āvuso, nikkhamissāmi. Yaṃ te karaṇīyaṃ taṃ karohī’’ti. ‘‘Pañhaṃ taṃ, samaṇa, pucchissāmi. Sace me na byākarissasi, cittaṃ vā te khipissāmi, hadayaṃ vā te phālessāmi, pādesu vā gahetvā pāragaṅgāya khipissāmī’’ti. ‘‘Na khvāhaṃ taṃ, āvuso, passāmi sadevake loke samārake sabrahmake sassamaṇabrāhmaṇiyā pajāya sadevamanussāya, ye me cittaṃ vā khipeyya hadayaṃ vā phāleyya, pādesu vā gahetvā pāragaṅgāya khipeyya. Api ca tvaṃ, āvuso, puccha yadā kaṅkhasī’’ti 2.
‘‘กิํสูธ วิตฺตํ ปุริสสฺส เสฎฺฐํ, กิํสุ สุจิณฺณํ สุขมาวหาติ;
‘‘Kiṃsūdha vittaṃ purisassa seṭṭhaṃ, kiṃsu suciṇṇaṃ sukhamāvahāti;
กิํสุ หเว สาทุตรํ รสานํ, กถํชีวิํ ชีวิตมาหุ เสฎฺฐ’’นฺติฯ
Kiṃsu have sādutaraṃ rasānaṃ, kathaṃjīviṃ jīvitamāhu seṭṭha’’nti.
‘‘สทฺธีธ วิตฺตํ ปุริสฺส เสฎฺฐํ, ธโมฺม สุจิโณฺณ สุขมาวหาติ;
‘‘Saddhīdha vittaṃ purissa seṭṭhaṃ, dhammo suciṇṇo sukhamāvahāti;
สจฺจํ หเว สาทุตรํ รสานํ, ปญฺญาชีวิํ ชีวิตมาหุ เสฎฺฐ’’นฺติฯ
Saccaṃ have sādutaraṃ rasānaṃ, paññājīviṃ jīvitamāhu seṭṭha’’nti.
‘‘กถํสุ ตรติ โอฆํ, กถํสุ ตรติ อณฺณวํ;
‘‘Kathaṃsu tarati oghaṃ, kathaṃsu tarati aṇṇavaṃ;
กถํสุ ทุกฺขมเจฺจติ, กถํสุ ปริสุชฺฌตี’’ติฯ
Kathaṃsu dukkhamacceti, kathaṃsu parisujjhatī’’ti.
‘‘สทฺธาย ตรติ โอฆํ, อปฺปมาเทน อณฺณวํ;
‘‘Saddhāya tarati oghaṃ, appamādena aṇṇavaṃ;
วีริเยน ทุกฺขมเจฺจติ, ปญฺญาย ปริสุชฺฌตี’’ติฯ
Vīriyena dukkhamacceti, paññāya parisujjhatī’’ti.
‘‘กถํสุ ลภเต ปญฺญํ, กถํสุ วินฺทเต ธนํ;
‘‘Kathaṃsu labhate paññaṃ, kathaṃsu vindate dhanaṃ;
กถํสุ กิตฺติํ ปโปฺปติ, กถํ มิตฺตานิ คนฺถติ;
Kathaṃsu kittiṃ pappoti, kathaṃ mittāni ganthati;
อสฺมา โลกา ปรํ โลกํ, กถํ เปจฺจ น โสจตี’’ติฯ
Asmā lokā paraṃ lokaṃ, kathaṃ pecca na socatī’’ti.
‘‘สทฺทหาโน อรหตํ, ธมฺมํ นิพฺพานปตฺติยา;
‘‘Saddahāno arahataṃ, dhammaṃ nibbānapattiyā;
‘‘ปติรูปการี ธุรวา, อุฎฺฐาตา วินฺทเต ธนํ;
‘‘Patirūpakārī dhuravā, uṭṭhātā vindate dhanaṃ;
สเจฺจน กิตฺติํ ปโปฺปติ, ททํ มิตฺตานิ คนฺถติ;
Saccena kittiṃ pappoti, dadaṃ mittāni ganthati;
อสฺมา โลกา ปรํ โลกํ, เอวํ เปจฺจ น โสจติฯ
Asmā lokā paraṃ lokaṃ, evaṃ pecca na socati.
‘‘ยเสฺสเต จตุโร ธมฺมา, สทฺธสฺส ฆรเมสิโน;
‘‘Yassete caturo dhammā, saddhassa gharamesino;
สจฺจํ ทโมฺม ธิติ จาโค, ส เว เปจฺจ น โสจติฯ
Saccaṃ dammo dhiti cāgo, sa ve pecca na socati.
‘‘อิงฺฆ อเญฺญปิ ปุจฺฉสฺสุ, ปุถู สมณพฺราหฺมเณ;
‘‘Iṅgha aññepi pucchassu, puthū samaṇabrāhmaṇe;
ยทิ สจฺจา ทมฺมา จาคา, ขนฺตฺยา ภิโยฺยธ วิชฺชตี’’ติฯ
Yadi saccā dammā cāgā, khantyā bhiyyodha vijjatī’’ti.
‘‘กถํ นุ ทานิ ปุเจฺฉยฺยํ, ปุถู สมณพฺราหฺมเณ;
‘‘Kathaṃ nu dāni puccheyyaṃ, puthū samaṇabrāhmaṇe;
‘‘โส อหํ วิจริสฺสามิ, คามา คามํ ปุรา ปุรํ;
‘‘So ahaṃ vicarissāmi, gāmā gāmaṃ purā puraṃ;
นมสฺสมาโน สมฺพุทฺธํ, ธมฺมสฺส จ สุธมฺมต’’นฺติฯ
Namassamāno sambuddhaṃ, dhammassa ca sudhammata’’nti.
ยกฺขสํยุตฺตํ สมตฺตํฯ
Yakkhasaṃyuttaṃ samattaṃ.
ตสฺสุทฺทานํ –
Tassuddānaṃ –
อินฺทโก สกฺก สูจิ จ, มณิภโทฺท จ สานุ จ;
Indako sakka sūci ca, maṇibhaddo ca sānu ca;
ปิยงฺกร ปุนพฺพสุ สุทโตฺต จ, เทฺว สุกฺกา จีรอาฬวีติ ทฺวาทสฯ
Piyaṅkara punabbasu sudatto ca, dve sukkā cīraāḷavīti dvādasa.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๑๒. อาฬวกสุตฺตวณฺณนา • 12. Āḷavakasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๑๒. อาฬวกสุตฺตวณฺณนา • 12. Āḷavakasuttavaṇṇanā