Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā)

    ๑๒. อาฬวกสุตฺตวณฺณนา

    12. Āḷavakasuttavaṇṇanā

    ๒๔๖. อาฬวิยนฺติ อิตฺถิลิงฺควเสน ตํ รฎฺฐมฺปิ นครมฺปิ วุจฺจติฯ รเฎฺฐ อธิเปฺปเตปิ น เอตฺถ พหุวจนํ ตถารุฬฺหิยา อภาวโตฯ ตญฺจ ภวนนฺติ ตญฺจ อาฬวกสฺส ยกฺขสฺส ภวนํฯ ตตฺถาติ อาฬวกสฺส ภวเนฯ ‘‘อถ โข อาฬวโก ยโกฺข เยน ภควา เตนุปสงฺกมี’’ติ เอตฺถ ตสฺมิํ ปาฐปเทเสฯ อยมนุปุพฺพิกถาติ อยํ อิทานิ วุจฺจมานา อนุปุพฺพโต อาคตา กถาฯ อาฬวิยา อิสฺสโรติ อาฬโว, อาฬวโกติ จ ราชา วุโตฺตฯ กทาจิ โจรปฎิพาหนตฺถํ, กทาจิ อุสฺสาหสตฺติวิภาวนวเสน ปฎิราชนิเสธนตฺถํ, กทาจิ ลกฺขโยคฺยวินิโยควเสน พฺยายามกรณตฺถญฺจฯ มิคานํ วนนโต วสนโต วานโต วา ‘‘มิควา’’ติ ลทฺธสมญฺญํ มิควํฯ ตเสฺสวาติ รโญฺญ เอวฯ มิโคติ เอโก เอณิมิโคฯ ติโยชนนฺติ อจฺจนฺตสํโยเค อุปโยควจนํฯ อุทกํ วิย ปวิสิตฺวา ฐิตนฺติ ยถา ปริสฺสมปฺปโตฺต อุทกํ ปวิสิตฺวา ฐิโต นิรสฺสาโส โหติ, เอวํ วิย ฐิตํฯ มูลนฺติ สมีปํฯ ยกฺขํ ทิสฺวาว รโญฺญ ภยํ ฉมฺภิตตฺตํ อูรุตฺถมฺภํ อโหสิ, ตสฺมา ราชา ปลายิตุํ นาสกฺขิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ขาทิตุํ อุปคโต’’ติฯ อถ ราชา ทฺวิธา ฉินฺนํ มิคํ ทตฺวา อตฺตานํ โมเจตุกาโม อโหสิฯ ยโกฺข ‘‘นนุ มม หตฺถคตกาลโต ปฎฺฐาย มิโคปิ มม สนฺตโก, ตตฺถ กินฺนาม เต เกราฎิยมิทํ ทตฺวา อตฺตโน โมจน’’นฺติ ราชานํ น มุญฺจิฯ อถ ราชา ตสฺส ตาทิสํ ปฎิญฺญาตํ อกาสิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ราชา เตน สทฺธิ’’นฺติอาทิฯ ภวนํ อนุปคตนฺติ อิทํ มม ภวนํ อนุปคตํฯ อนนุญฺญาตนฺติ อุปคเตน สามิภูเตน อนนุญฺญาตญฺจฯ เอเตน อุปคตํ ตํ, อิทานิ ตาทิเสน อนุญฺญาตญฺจ ขาทิตุํ ลภามีติ ทเสฺสติฯ

    246.Āḷaviyanti itthiliṅgavasena taṃ raṭṭhampi nagarampi vuccati. Raṭṭhe adhippetepi na ettha bahuvacanaṃ tathāruḷhiyā abhāvato. Tañca bhavananti tañca āḷavakassa yakkhassa bhavanaṃ. Tatthāti āḷavakassa bhavane. ‘‘Atha kho āḷavako yakkho yena bhagavā tenupasaṅkamī’’ti ettha tasmiṃ pāṭhapadese. Ayamanupubbikathāti ayaṃ idāni vuccamānā anupubbato āgatā kathā. Āḷaviyā issaroti āḷavo, āḷavakoti ca rājā vutto. Kadāci corapaṭibāhanatthaṃ, kadāci ussāhasattivibhāvanavasena paṭirājanisedhanatthaṃ, kadāci lakkhayogyaviniyogavasena byāyāmakaraṇatthañca. Migānaṃ vananato vasanato vānato vā ‘‘migavā’’ti laddhasamaññaṃ migavaṃ. Tassevāti rañño eva. Migoti eko eṇimigo. Tiyojananti accantasaṃyoge upayogavacanaṃ. Udakaṃ viya pavisitvā ṭhitanti yathā parissamappatto udakaṃ pavisitvā ṭhito nirassāso hoti, evaṃ viya ṭhitaṃ. Mūlanti samīpaṃ. Yakkhaṃ disvāva rañño bhayaṃ chambhitattaṃ ūrutthambhaṃ ahosi, tasmā rājā palāyituṃ nāsakkhi. Tena vuttaṃ ‘‘khādituṃ upagato’’ti. Atha rājā dvidhā chinnaṃ migaṃ datvā attānaṃ mocetukāmo ahosi. Yakkho ‘‘nanu mama hatthagatakālato paṭṭhāya migopi mama santako, tattha kinnāma te kerāṭiyamidaṃ datvā attano mocana’’nti rājānaṃ na muñci. Atha rājā tassa tādisaṃ paṭiññātaṃ akāsi. Tena vuttaṃ ‘‘rājā tena saddhi’’ntiādi. Bhavanaṃ anupagatanti idaṃ mama bhavanaṃ anupagataṃ. Ananuññātanti upagatena sāmibhūtena ananuññātañca. Etena upagataṃ taṃ, idāni tādisena anuññātañca khādituṃ labhāmīti dasseti.

    มจฺจุปเถติ มจฺจุโคจเรฯ อาสนฺนมรณตาย เอวมาหํสุฯ

    Maccupatheti maccugocare. Āsannamaraṇatāya evamāhaṃsu.

    ตํ อาฬวกกุมารํ อาทาย ปกฺกมิํสูติ โยชนาฯ ตสฺส รโญฺญ มเหสี อาฬวกกุมารสฺส มาตาติ วุตฺตาฯ เทวิสหสฺสานํ วิปฺปลปนฺตีนนฺติ วจนํ ปริณาเมตพฺพํฯ

    Taṃ āḷavakakumāraṃ ādāya pakkamiṃsūti yojanā. Tassa rañño mahesī āḷavakakumārassa mātāti vuttā. Devisahassānaṃ vippalapantīnanti vacanaṃ pariṇāmetabbaṃ.

    เทสนาปริโยสาเนติ ยกฺขํ ทเมตฺวา ปจฺจาคนฺตฺวา นครทฺวารสมีเป รุกฺขมูเล นิสิเนฺนน ภควตา สราชิกาย มหติยา ปริสาย เทสิตเทสนาย ปริโยสาเนฯ โสติ ภควาฯ ภวเน เอวาติ วิมาเน เอวฯ ภควาปิ ปสฺสติ ปกติจกฺขุนาว นิโคฺรธสฺส อุปริ นิพฺพตฺตตฺตาฯ

    Desanāpariyosāneti yakkhaṃ dametvā paccāgantvā nagaradvārasamīpe rukkhamūle nisinnena bhagavatā sarājikāya mahatiyā parisāya desitadesanāya pariyosāne. Soti bhagavā. Bhavane evāti vimāne eva. Bhagavāpi passati pakaticakkhunāva nigrodhassa upari nibbattattā.

    ตตฺราติ ตสฺมิํ ‘‘โรเสตุกามตายา’’ติ วจเนฯ เตสนฺติ สาตาคิริเหมวตานํฯ กาลทีปเทสกุลชเนตฺติอายุปฺปมาณวิสยํ ปญฺจมหาวิโลกิตํ‘‘สีตํ พฺยปคตํ โหติ, อุณฺหญฺจ อุปสมฺมตี’’ติอาทินา (พุ. วํ. ๒.๘๓) อาคตานิ ทฺวตฺติํส ปุพฺพนิมิตฺตานิฯ กฎิปฺปเทสวตฺถิโกสกณฺณโต ติธาฯ สโทฺทติ อาฬวกสฺส อุโคฺฆสิตสโทฺทฯ

    Tatrāti tasmiṃ ‘‘rosetukāmatāyā’’ti vacane. Tesanti sātāgirihemavatānaṃ. Kāladīpadesakulajanettiāyuppamāṇavisayaṃ pañcamahāvilokitaṃ. ‘‘Sītaṃ byapagataṃ hoti, uṇhañca upasammatī’’tiādinā (bu. vaṃ. 2.83) āgatāni dvattiṃsa pubbanimittāni. Kaṭippadesavatthikosakaṇṇato tidhā. Saddoti āḷavakassa ugghositasaddo.

    อิมินา ปสเงฺคน สกลชมฺพุทีปํ พฺยาเปตฺวา ปวเตฺต อปเรปิ ตโย สเทฺท ยถา เอเต, เอวํ อาฬวกสฺส อุโคฺฆสิตสโทฺทปีติ ทเสฺสตุํ ‘‘จตฺตาโร’’ติอาทิ วุตฺตํฯ โอสกฺกเนฺตติ ปริหายมาเนฯ

    Iminā pasaṅgena sakalajambudīpaṃ byāpetvā pavatte aparepi tayo sadde yathā ete, evaṃ āḷavakassa ugghositasaddopīti dassetuṃ ‘‘cattāro’’tiādi vuttaṃ. Osakkanteti parihāyamāne.

    จุเณฺณนฺตาติ จุเณฺณตุํ สมตฺถตํ สนฺธาย วุตฺตํ, น ปน จุณฺณนวเสน วุตฺตํฯ เตนาห ‘‘มา กสฺสจี’’ติอาทิฯ อุสฺสาวพินฺทุมตฺตมฺปีติ อุสฺสาวปตนมตฺตมฺปิฯ ขุรปฺปํ สลฺลํฯ

    Cuṇṇentāti cuṇṇetuṃ samatthataṃ sandhāya vuttaṃ, na pana cuṇṇanavasena vuttaṃ. Tenāha ‘‘mā kassacī’’tiādi. Ussāvabindumattampīti ussāvapatanamattampi. Khurappaṃ sallaṃ.

    เสฎฺฐานีติ อเชเยฺยน อปฺปฎิหตภาเวน อุตฺตมานิฯ ทุสฺสาวุธนฺติ อาวุธกิจฺจกรํ อุตฺตริยํ ทุสฺสํฯ อิมานิ กิร สกฺกาทีนํ ปุญฺญานุภาเวน นิพฺพตฺตานิ อปฺปฎิหตปฺปภาวานิ ปฎิปกฺขวิธมนยุตฺตานิ อวชฺฌานิ อาวุธานิฯ เตนาห ‘‘ยทิ หี’’ติอาทิฯ

    Seṭṭhānīti ajeyyena appaṭihatabhāvena uttamāni. Dussāvudhanti āvudhakiccakaraṃ uttariyaṃ dussaṃ. Imāni kira sakkādīnaṃ puññānubhāvena nibbattāni appaṭihatappabhāvāni paṭipakkhavidhamanayuttāni avajjhāni āvudhāni. Tenāha ‘‘yadi hī’’tiādi.

    อสนิวิจกฺกํ วิยาติ อสนิมณฺฑลํ วิยฯ

    Asanivicakkaṃ viyāti asanimaṇḍalaṃ viya.

    ปิตฺตนฺติ อลคทฺทปิตฺตํฯ ภิเนฺทยฺยาติ อาสิเญฺจยฺยฯ สุขนฺติ สุกรํฯ มุทุภูตจิตฺตววตฺถานกรณตฺถนฺติ มุทุภูตํ อตฺตโน จิเตฺต ววตฺถานสฺส กรณตฺถํฯ

    Pittanti alagaddapittaṃ. Bhindeyyāti āsiñceyya. Sukhanti sukaraṃ. Mudubhūtacittavavatthānakaraṇatthanti mudubhūtaṃ attano citte vavatthānassa karaṇatthaṃ.

    เอวํ วุเตฺตติ ‘‘น ขฺวาห’’นฺติ เอวํ วุเตฺตฯ ภควโต สาสเน ฐิเต ปยิรุปาสิตฺวา อุคฺคหิตํ ภควนฺตํ ปยิรูปาสิตฺวา อุคฺคหิตเมว นามาติ อาห ‘‘กสฺสปํ…เป... อุคฺคเหสุ’’นฺติฯ ปุฎฺฐปญฺหาติ สมฺมาสมฺพุเทฺธน ปุฎฺฐปญฺหาฯ ยสฺมา พุทฺธวิสเย ปุฎฺฐปญฺหา, ตสฺมา พุทฺธวิสยาว โหนฺติฯ

    Evaṃ vutteti ‘‘na khvāha’’nti evaṃ vutte. Bhagavato sāsane ṭhite payirupāsitvā uggahitaṃ bhagavantaṃ payirūpāsitvā uggahitameva nāmāti āha ‘‘kassapaṃ…pe... uggahesu’’nti. Puṭṭhapañhāti sammāsambuddhena puṭṭhapañhā. Yasmā buddhavisaye puṭṭhapañhā, tasmā buddhavisayāva honti.

    ปฎิเสเธตฺวาติ วาจาย อสกฺกุเณยฺยภาเวเนว ปฎิเสเธตฺวาฯ ‘‘ยทากงฺขสี’’ติ ปทสนฺธิวเสน นิเทฺทโสติ อาห ‘‘ยทิ อากงฺขสี’’ติฯ เตน ตุยฺหํ ปุจฺฉํ ตาว สุตฺวา วิสฺสเชฺชสฺสนฺติ ทเสฺสติฯ เตนาห ‘‘น เม’’ติอาทิฯ ทุติยวิกเปฺป -กาโร ปทสนฺธิกโรติ อาห ‘‘ยํ อากงฺขสี’’ติฯ ‘‘ปุจฺฉ, อาวุโส, สุตฺวา ชานิสฺสามี’’ติ อวตฺวา สพฺพญฺญุพุทฺธสฺส อนิยเมตฺวา วจนํ สพฺพวิสยํ โหตีติ อาห ‘‘สพฺพํ เต’’ติอาทิฯ

    Paṭisedhetvāti vācāya asakkuṇeyyabhāveneva paṭisedhetvā. ‘‘Yadākaṅkhasī’’ti padasandhivasena niddesoti āha ‘‘yadi ākaṅkhasī’’ti. Tena tuyhaṃ pucchaṃ tāva sutvā vissajjessanti dasseti. Tenāha ‘‘na me’’tiādi. Dutiyavikappe da-kāro padasandhikaroti āha ‘‘yaṃ ākaṅkhasī’’ti. ‘‘Puccha, āvuso, sutvā jānissāmī’’ti avatvā sabbaññubuddhassa aniyametvā vacanaṃ sabbavisayaṃ hotīti āha ‘‘sabbaṃ te’’tiādi.

    กิํ สูติ เอตฺถ กินฺติ ปุจฺฉายํ, สูติ สํสเย, กิํ นูติ อโตฺถ? อิธาติ อิมสฺมิํ โลเกฯ ตสฺมา วิตฺตนฺติ ยสฺมา วิตฺติกรณโต วิตฺตํฯ สุกตนฺติ สุฎฺฐุ สกฺกจฺจํ กตํฯ สุขนฺติ อิฎฺฐผลํฯ ตตฺถ ยํ ปธานํ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘กายิกเจตสิกํ สาต’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ นิสฺสนฺทผลญฺหิ ตคฺคหเณน คหิตเมว โหติฯ อเปฺปตีติ ปาเปติฯ อติสยตฺถโชตโน ตร-สโทฺทติ อาห ‘‘อติสเยน สาทู’’ติฯ รสสญฺญิตาย อิฎฺฐานํ ราคาทิธมฺมานํฯ เกน ปกาเรนาติ กถํ-สทฺทสฺส อตฺถมาหฯ กถํชีวินฺติ ยทิ สมาสปทเมตํ, ‘‘กถ’’นฺติ สานุนาสิกา กตาติ อาห ‘‘คาถาพนฺธสุขตฺถ’’นฺติอาทิฯ

    Kiṃti ettha kinti pucchāyaṃ, ti saṃsaye, kiṃ nūti attho? Idhāti imasmiṃ loke. Tasmā vittanti yasmā vittikaraṇato vittaṃ. Sukatanti suṭṭhu sakkaccaṃ kataṃ. Sukhanti iṭṭhaphalaṃ. Tattha yaṃ padhānaṃ, taṃ dassetuṃ ‘‘kāyikacetasikaṃ sāta’’ntiādi vuttaṃ. Nissandaphalañhi taggahaṇena gahitameva hoti. Appetīti pāpeti. Atisayatthajotano tara-saddoti āha ‘‘atisayena sādū’’ti. Rasasaññitāya iṭṭhānaṃ rāgādidhammānaṃ. Kena pakārenāti kathaṃ-saddassa atthamāha. Kathaṃjīvinti yadi samāsapadametaṃ, ‘‘katha’’nti sānunāsikā katāti āha ‘‘gāthābandhasukhattha’’ntiādi.

    สทฺธีธ วิตฺตนฺติ เอกเทเสน สมุทายทสฺสนํ สมุทฺทปพฺพตนิทสฺสนํ วิยฯ อิติ-สโทฺท อาทิอโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ ‘‘วิตฺติกรณโต วิตฺต’’นฺติ วุตฺตมตฺถํ สนฺธาย เหตูปมาหิ โยเชตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เตน สุขาวหนโต, ทุกฺขปฎิพาหนโต, ทาลิทฺทิยูปสมนโต, รตนปฎิลาภเหตุโต, โลกสนฺตติอาวหนโต จ สทฺธา วิตฺตํ ยถา ตํ หิรญฺญสุวณฺณาทีนิฯ เตนาห ‘‘เอว’’นฺติอาทิฯ นนุ เจตนา สมฺมาทิฎฺฐิอาทโย จ สาติสยํ วิปากสุขํ อาวหนฺติ, ตํ กถํ สทฺธา อาวหตีติ? สทฺธาธุรภาวสภาวโตฯ เตนาห ‘‘สทฺธาธุเรน ปฎิปนฺนาน’’นฺติฯ ตสฺส จ เสสปเทสุปิ โยเชตพฺพํฯ

    Saddhīdha vittanti ekadesena samudāyadassanaṃ samuddapabbatanidassanaṃ viya. Iti-saddo ādiattho daṭṭhabbo. ‘‘Vittikaraṇato vitta’’nti vuttamatthaṃ sandhāya hetūpamāhi yojetvā dassetuṃ ‘‘yathā hī’’tiādi vuttaṃ. Tena sukhāvahanato, dukkhapaṭibāhanato, dāliddiyūpasamanato, ratanapaṭilābhahetuto, lokasantatiāvahanato ca saddhā vittaṃ yathā taṃ hiraññasuvaṇṇādīni. Tenāha ‘‘eva’’ntiādi. Nanu cetanā sammādiṭṭhiādayo ca sātisayaṃ vipākasukhaṃ āvahanti, taṃ kathaṃ saddhā āvahatīti? Saddhādhurabhāvasabhāvato. Tenāha ‘‘saddhādhurena paṭipannāna’’nti. Tassa ca sesapadesupi yojetabbaṃ.

    อิทานิ ยํ หิรญฺญสุวณฺณาทิ สทฺธาวิตฺตสฺส โอปมฺมํ, ตํ หีนํ, สทฺธาวิตฺตเมว อุตฺตมนฺติ ปาฬิยํ เสฎฺฐคฺคหณํ กตนฺติ ทเสฺสตุํ ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ปรโลกํ คตํ อนุคจฺฉตีติ อนุคามิกํฯ อเญฺญหิ น สาธารณนฺติ อนญฺญสาธารณํฯ สพฺพสมฺปตฺติเหตูติ สพฺพาสํ สีลสมฺปทาทีนํ โลกิยโลกุตฺตรานํ สมฺปตฺตีนํ เหตุฯ อนตฺถาย โหติ อนุปายปฎิปตฺติโตฯ ตสฺมา อนุคามิกตฺตาฯ อนญฺญสาธารณตฺตา สพฺพสมฺปตฺติเหตุภาวโต หิรญฺญาทิวิตฺตนิทานตฺตา จ สทฺธาวิตฺตเมว เสฎฺฐํฯ อุกฺกฎฺฐปริเจฺฉทเทสนา ยถา ‘‘สตฺถา เทวมนุสฺสาน’’นฺติฯ

    Idāni yaṃ hiraññasuvaṇṇādi saddhāvittassa opammaṃ, taṃ hīnaṃ, saddhāvittameva uttamanti pāḷiyaṃ seṭṭhaggahaṇaṃ katanti dassetuṃ ‘‘yasmā panā’’tiādi vuttaṃ. Paralokaṃ gataṃ anugacchatīti anugāmikaṃ. Aññehi na sādhāraṇanti anaññasādhāraṇaṃ. Sabbasampattihetūti sabbāsaṃ sīlasampadādīnaṃ lokiyalokuttarānaṃ sampattīnaṃ hetu. Anatthāya hoti anupāyapaṭipattito. Tasmā anugāmikattā. Anaññasādhāraṇattā sabbasampattihetubhāvato hiraññādivittanidānattā ca saddhāvittameva seṭṭhaṃ. Ukkaṭṭhaparicchedadesanā yathā ‘‘satthā devamanussāna’’nti.

    ‘‘ทสกุสลธโมฺม’’ติ อิมินา เอกจฺจานํเยว ทานาทิธมฺมานํ สงฺคโห, น สเพฺพสนฺติ อสงฺคหิตสงฺคณฺหนตฺถํ ‘‘ทานสีลภาวนาธโมฺม วา’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘สุข’’นฺติ ติวิธสฺสปิ สุขสฺส สาธารณคฺคหณเมตนฺติ ตํ สวิเสสลทฺธํ ปุคฺคลวเสน ทเสฺสโนฺต ‘‘โสณเสฎฺฐิ…เป.… อาวหตี’’ติ อาหฯ โย โส ปทุมวติยา เทวิยา ปุโตฺต มหาปทุโม นาม ราชา ทิพฺพสุขสทิสํ รชฺชสุขมนุภวิตฺวา ปจฺฉา ปเจฺจกพุโทฺธ หุตฺวา นิพฺพานสุขมนุภวิ, ตํ นิทสฺสนภาเวน คเหตฺวา อาห ‘‘มหาปทุมาทีนํ วิย นิพฺพานสุขญฺจ อาวหตี’’ติฯ

    ‘‘Dasakusaladhammo’’ti iminā ekaccānaṃyeva dānādidhammānaṃ saṅgaho, na sabbesanti asaṅgahitasaṅgaṇhanatthaṃ ‘‘dānasīlabhāvanādhammo vā’’ti vuttaṃ. ‘‘Sukha’’nti tividhassapi sukhassa sādhāraṇaggahaṇametanti taṃ savisesaladdhaṃ puggalavasena dassento ‘‘soṇaseṭṭhi…pe… āvahatī’’ti āha. Yo so padumavatiyā deviyā putto mahāpadumo nāma rājā dibbasukhasadisaṃ rajjasukhamanubhavitvā pacchā paccekabuddho hutvā nibbānasukhamanubhavi, taṃ nidassanabhāvena gahetvā āha ‘‘mahāpadumādīnaṃ viya nibbānasukhañca āvahatī’’ti.

    อตฺถุทฺธารนเยน สจฺจสทฺทํ สํวเณฺณโนฺต ‘‘อเนเกสุ อเตฺถสุ ทิสฺสตี’’ติ อาหฯ วาจาสเจฺจ ทิสฺสติ สจฺจสโทฺท ‘‘ภเณ’’ติ วุตฺตตฺตาติ อธิปฺปาโยฯ วิรติสเจฺจ ทิสฺสติฯ เวรมณีสุ หิ ปติฎฺฐิตา สมณพฺราหฺมณา ‘‘สเจฺจ ฐิตา’’ติ วุจฺจนฺติฯ อตฺตาการมฺปิ วตฺถุํ อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญนฺติ ปวตฺติยาการํ อุปาทาย ทิฎฺฐิ เอว สจฺจนฺติ ทิฎฺฐิสจฺจํ, ตสฺมิํ ทิฎฺฐิสเจฺจ ทิสฺสตีติ โยชนาฯ พฺราหฺมณสจฺจานีติ ปรมตฺถพฺรหฺมานํ สจฺจานิ, ยานิ ‘‘สเพฺพ ปาณา อวชฺฌา, สเพฺพ กามา อนิจฺจา, สเพฺพ ภวา อนิจฺจา, นาหํ กฺวจนิ กสฺสจิ กิญฺจนตสฺมิ’’นฺติอาทินา (อ. นิ. ๔.๑๘๕) จตุกฺกนิปาเต อาคตานิฯ ปรมตฺถภูตํ สจฺจํ นิพฺพานํฯ อพฺภนฺตรํ กตฺวาติ อโนฺตคธเมว กตฺวา, เตหิ สทฺธินฺติ อโตฺถ ปรมตฺถสจฺจานมฺปิ สาทุตรตฺตาฯ ยสฺสานุภาเวนาติ ยสฺส วาจาสจฺจสฺส อานุภาเวนฯ

    Atthuddhāranayena saccasaddaṃ saṃvaṇṇento ‘‘anekesu atthesu dissatī’’ti āha. Vācāsacce dissati saccasaddo ‘‘bhaṇe’’ti vuttattāti adhippāyo. Viratisacce dissati. Veramaṇīsu hi patiṭṭhitā samaṇabrāhmaṇā ‘‘sacce ṭhitā’’ti vuccanti. Attākārampi vatthuṃ idameva saccaṃ moghamaññanti pavattiyākāraṃ upādāya diṭṭhi eva saccanti diṭṭhisaccaṃ, tasmiṃ diṭṭhisacce dissatīti yojanā. Brāhmaṇasaccānīti paramatthabrahmānaṃ saccāni, yāni ‘‘sabbe pāṇā avajjhā, sabbe kāmā aniccā, sabbe bhavā aniccā, nāhaṃ kvacani kassaci kiñcanatasmi’’ntiādinā (a. ni. 4.185) catukkanipāte āgatāni. Paramatthabhūtaṃ saccaṃ nibbānaṃ. Abbhantaraṃ katvāti antogadhameva katvā, tehi saddhinti attho paramatthasaccānampi sādutarattā. Yassānubhāvenāti yassa vācāsaccassa ānubhāvena.

    อุทกมฺหิ ธาวตีติ อุทกปิฎฺฐิยํ อภิชฺชมานายํ ปถวิยา วิย ธาวติ คจฺฉติ มหากปฺปินราชา วิยฯ วิสมฺปิ สเจฺจน หนนฺติ ปณฺฑิตาติ กณฺหทีปายนาทโย วิยฯ สเจฺจนาติ มจฺฉชาตเก โพธิสตฺตสฺส วิย สเจฺจน เทโว ถนยํ ปวสฺสติฯ สเจฺจ ฐิตาติ วิรติสเจฺจ วาจาสเจฺจ จ ฐิตา ตโยปิ โพธิสตฺตาฯ นิพฺพุตินฺติ นิพฺพานํ ปตฺถยนฺติฯ สาทุตรนฺติ สาตตรํ อิฎฺฐตรวิปากทานโตฯ

    Udakamhi dhāvatīti udakapiṭṭhiyaṃ abhijjamānāyaṃ pathaviyā viya dhāvati gacchati mahākappinarājā viya. Visampi saccena hananti paṇḍitāti kaṇhadīpāyanādayo viya. Saccenāti macchajātake bodhisattassa viya saccena devo thanayaṃ pavassati. Sacce ṭhitāti viratisacce vācāsacce ca ṭhitā tayopi bodhisattā. Nibbutinti nibbānaṃ patthayanti. Sādutaranti sātataraṃ iṭṭhataravipākadānato.

    รสานนฺติ นิทฺธารณเตฺถ สามิวจนํฯ นิทฺธารณญฺจ โกจิ กุโตจิ เกนจิ อิมนฺติ กสฺสจิ วจนํ น สาเธตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘เย อิเม’’ติอาทิมาหฯ เตน หิ นิพฺพานํ รสสมุทายโต สาทุตรตาวิเสเสน นิทฺธารียติฯ ตตฺถ เย อิเม วุจฺจนฺตีติ โยชนาฯ สายนียธมฺมาติ ชิวฺหาย สายิตพฺพา ธมฺมาฯ รสายตนํ รโสติ อาห ‘‘มูลรโส ขนฺธรโส’’ติอาทิฯ ผลรสนฺติ ผลสฺส รสํ, ผลํ ปีเฬตฺวา ตาเปตฺวา คเหตพฺพรสนฺติ อโตฺถฯ อรสรูโปติ อาจารรหิตสภาโวฯ รูปสฺส อสฺสาทนวเสน อุปฺปชฺชนกสุขธมฺมา รูปรสาฯ เอส นโย สทฺทรสาทีสุฯ สทฺทรโสติ พฺยญฺชนสมฺภูโต รโสฯ วิมุตฺติรโสติ วิมุตฺติสมฺปตฺติโก รโสฯ อตฺถรโสติ อตฺถสฺส ปฎิวิชฺฌนวเสน อุปฺปชฺชนกสุขํ อตฺถรโส, ตถา ธมฺมรโส เวทิตโพฺพฯ รูปาจาราติอาทีสุ รสคฺคหเณน ผลรสํ วทติฯ โส หิ ผลสฺส รูโป จ, รสิตพฺพโต อาสาเทตพฺพโต รโส จาติ ‘‘รูปรโส’’ติ วุจฺจติฯ อาจาโร ปน สามคฺคีรสเหตุตาย ‘‘รโส’’ติ วุโตฺตฯ สจฺจํ หเวติ เอตฺถ หเวติ เอกํสเตฺถ นิปาโต, เอกํสโตฺถ จ อวธารณเมวาติ อาห ‘‘สจฺจเมว สาทุตร’’นฺติอาทิฯ สรีรมุปพฺรูเหนฺติ, น จิตฺตํฯ นนุ จ สุขุปฺปตฺติปโยชนตฺตา จิตฺตมฺปิ อุปพฺรูเหนฺตีติ? น, สุขสฺส สรีรพฺรูหนํ ปฎิจฺจ อุปฺปนฺนตฺตาฯ วิรติสจฺจวาจาติ สจฺจวิเสเสน สมฺปชฺชนํ วทติฯ จิตฺตมุปพฺรูเหติ ปทาลิกาย วิรติวาจาย สจฺจรเส สติ สมถวิปสฺสนาทีหิ จิตฺตปริพฺรูหนสฺส สมฺภวโต มคฺคผลานิสํสํ คณฺหาติฯ อสํกิเลสิกญฺจ สุขมาวหติ วิวฎฺฎสนฺนิสฺสิตตฺตาฯ วิมุตฺติรโสติ ผลสุขํ วทติ นิพฺพานสุขมฺปิ วาฯ ปรมตฺถสจฺจรโส นาม นิพฺพานรโสฯ ตถา หิ ตํ ‘‘อจฺจุติรสํ อสฺสาสกรณรส’’นฺติปิ วุจฺจติฯ เตน ปริภาวิตตฺตาติ วิมุตฺติรสสฺส สาทุตรภาวทสฺสนตฺถํฯ เอวํ สเนฺตปิ ‘‘วิมุตฺติรสปริภาวิตตฺตา’’ติ เอเตน กามํ วิมุตฺติรโส วา ปรมตฺถสจฺจรโส วา สาทุตรรสาติ ทเสฺสติฯ ตทธิคมูปายภูตนฺติ ตสฺส ปรมตฺถสจฺจสฺส อธิคมูปายภูตํฯ อตฺถญฺจ ธมฺมญฺจาติ ผลญฺจ การณญฺจ นิสฺสาย ปวตฺติโต อตฺถรสา ธมฺมรสา จ สาทู, ตโตปิ ปรมตฺถสจฺจเมว สาทุรสนฺติ อธิปฺปาโยฯ

    Rasānanti niddhāraṇatthe sāmivacanaṃ. Niddhāraṇañca koci kutoci kenaci imanti kassaci vacanaṃ na sādhetīti dassento ‘‘ye ime’’tiādimāha. Tena hi nibbānaṃ rasasamudāyato sādutaratāvisesena niddhārīyati. Tattha ye ime vuccantīti yojanā. Sāyanīyadhammāti jivhāya sāyitabbā dhammā. Rasāyatanaṃ rasoti āha ‘‘mūlaraso khandharaso’’tiādi. Phalarasanti phalassa rasaṃ, phalaṃ pīḷetvā tāpetvā gahetabbarasanti attho. Arasarūpoti ācārarahitasabhāvo. Rūpassa assādanavasena uppajjanakasukhadhammā rūparasā. Esa nayo saddarasādīsu. Saddarasoti byañjanasambhūto raso. Vimuttirasoti vimuttisampattiko raso. Attharasoti atthassa paṭivijjhanavasena uppajjanakasukhaṃ attharaso, tathā dhammaraso veditabbo. Rūpācārātiādīsu rasaggahaṇena phalarasaṃ vadati. So hi phalassa rūpo ca, rasitabbato āsādetabbato raso cāti ‘‘rūparaso’’ti vuccati. Ācāro pana sāmaggīrasahetutāya ‘‘raso’’ti vutto. Saccaṃ haveti ettha haveti ekaṃsatthe nipāto, ekaṃsattho ca avadhāraṇamevāti āha ‘‘saccameva sādutara’’ntiādi. Sarīramupabrūhenti, na cittaṃ. Nanu ca sukhuppattipayojanattā cittampi upabrūhentīti? Na, sukhassa sarīrabrūhanaṃ paṭicca uppannattā. Viratisaccavācāti saccavisesena sampajjanaṃ vadati. Cittamupabrūheti padālikāya virativācāya saccarase sati samathavipassanādīhi cittaparibrūhanassa sambhavato maggaphalānisaṃsaṃ gaṇhāti. Asaṃkilesikañca sukhamāvahati vivaṭṭasannissitattā. Vimuttirasoti phalasukhaṃ vadati nibbānasukhampi vā. Paramatthasaccaraso nāma nibbānaraso. Tathā hi taṃ ‘‘accutirasaṃ assāsakaraṇarasa’’ntipi vuccati. Tena paribhāvitattāti vimuttirasassa sādutarabhāvadassanatthaṃ. Evaṃ santepi ‘‘vimuttirasaparibhāvitattā’’ti etena kāmaṃ vimuttiraso vā paramatthasaccaraso vā sādutararasāti dasseti. Tadadhigamūpāyabhūtanti tassa paramatthasaccassa adhigamūpāyabhūtaṃ. Atthañca dhammañcāti phalañca kāraṇañca nissāya pavattito attharasā dhammarasā ca sādū, tatopi paramatthasaccameva sādurasanti adhippāyo.

    โลกุตฺตรํ โลกิยญฺจ อตฺถํ อชานโนฺต อโนฺธ, โลกิยตฺถเมว ชานโนฺต เอกจกฺขุ, อุภยํ ชานโนฺต ทฺวิจกฺขุฯ ปรหิตํ อตฺตหิตญฺจ อชานโนฺต อโนฺธ, อตฺตหิตเมว ชานโนฺต เอกจกฺขุ, อุภยตฺถํ ชานโนฺต ทฺวิจกฺขุฯ โส ทฺวิจกฺขุปุคฺคโล ปญฺญาชีวีฯ ตํ ปน คหฎฺฐปพฺพชิตวเสน วิภชิตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘คหโฎฺฐ วา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ คหฎฺฐปฎิปทํ อาราเธตฺวา จาติ โยชนาฯ อาราเธตฺวาติ จ สาเธตฺวาติ อโตฺถฯ

    Lokuttaraṃ lokiyañca atthaṃ ajānanto andho, lokiyatthameva jānanto ekacakkhu, ubhayaṃ jānanto dvicakkhu. Parahitaṃ attahitañca ajānanto andho, attahitameva jānanto ekacakkhu, ubhayatthaṃ jānanto dvicakkhu. So dvicakkhupuggalo paññājīvī. Taṃ pana gahaṭṭhapabbajitavasena vibhajitvā dassetuṃ ‘‘gahaṭṭho vā’’tiādi vuttaṃ. Gahaṭṭhapaṭipadaṃ ārādhetvā cāti yojanā. Ārādhetvāti ca sādhetvāti attho.

    ปุริมนเยเนวาติ กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธวิสฺสชฺชิตนเยเนวฯ กิญฺจาปีติ อนุชานนสนฺทสฺสนเตฺถ นิปาโตฯ กิํ อนุชานาตีติ? คาถาย จตูหิ ปเทหิ วุเตฺตสุ อเตฺถสุ เอกสฺส อตฺถสฺส สิทฺธิยํ อิตเรสมฺปิ สิทฺธิํ อนุชานาติฯ เตนาห ‘‘โย จตุพฺพิธโมฆํ…เป.… ปริสุชฺฌตี’’ติฯ กิํ สนฺทเสฺสตีติ? เยสํ ปาปธมฺมานํ พลวภาเวน โอฆตรณาทิ น สิชฺฌติ, เตสํ ปฎิปกฺขานํ นิสฺสเนฺทหวเสน สนฺทสฺสนํฯ เตนาห ‘‘เอวํ สเนฺตปี’’ติอาทิฯ โอฆตรณนฺติ โอฆตรณปฎิปตฺติํฯ อสทฺทหโนฺตติ เอวํ ปฎิปชฺชโนฺต อิมาย ปฎิปตฺติยา โอฆํ ตรตีติ น สทฺทหโนฺตฯ น ปกฺขนฺทตีติ ปกฺขนฺทนลกฺขณาย สทฺธาย น อุคฺฆาฎียตีติ น โอตรติฯ จิตฺตโวสฺสเคฺคนาติ ยถากามาจารวเสน จิตฺตสฺส โวสฺสชฺชเนนฯ ปมโตฺต ปมาทํ อาปโนฺนฯ ตเตฺถวาติ กาเมสุ เอวฯ วิสตฺตตฺตา ลคฺคตฺตาฯ โวกิโณฺณติ วิเสวิโตฯ ตสฺมาติ วุตฺตสฺส จตุพฺพิธสฺสปิ อตฺถสฺส เหตุภาเวน ปจฺจามสนํฯ ตปฺปฎิปกฺขนฺติ อสฺสทฺธิยาทีนํ ปฎิปกฺขํ สทฺธาทีนํ โอกาสตฺตาฯ

    Purimanayenevāti kassapasammāsambuddhavissajjitanayeneva. Kiñcāpīti anujānanasandassanatthe nipāto. Kiṃ anujānātīti? Gāthāya catūhi padehi vuttesu atthesu ekassa atthassa siddhiyaṃ itaresampi siddhiṃ anujānāti. Tenāha ‘‘yo catubbidhamoghaṃ…pe… parisujjhatī’’ti. Kiṃ sandassetīti? Yesaṃ pāpadhammānaṃ balavabhāvena oghataraṇādi na sijjhati, tesaṃ paṭipakkhānaṃ nissandehavasena sandassanaṃ. Tenāha ‘‘evaṃ santepī’’tiādi. Oghataraṇanti oghataraṇapaṭipattiṃ. Asaddahantoti evaṃ paṭipajjanto imāya paṭipattiyā oghaṃ taratīti na saddahanto. Na pakkhandatīti pakkhandanalakkhaṇāya saddhāya na ugghāṭīyatīti na otarati. Cittavossaggenāti yathākāmācāravasena cittassa vossajjanena. Pamatto pamādaṃ āpanno. Tatthevāti kāmesu eva. Visattattā laggattā. Vokiṇṇoti visevito. Tasmāti vuttassa catubbidhassapi atthassa hetubhāvena paccāmasanaṃ. Tappaṭipakkhanti assaddhiyādīnaṃ paṭipakkhaṃ saddhādīnaṃ okāsattā.

    เอตายาติ คาถายํ อิมินา ปเทนาติ สมฺพโนฺธฯ สปฺปุริสสํเสโว สทฺธมฺมสฺสวนํ โยนิโสมนสิกาโร ธมฺมานุธมฺมปฎิปตฺตีติ อิเมสํ โสตาปตฺติมคฺคาธิคมสฺส องฺคานํ อาสนฺนการณํ สทฺธินฺทฺริยนฺติ อาห ‘‘โสตาปตฺติยงฺคปทฎฺฐานํ สทฺธินฺทฺริย’’นฺติฯ วุตฺตเญฺหตํ – ‘‘สทฺธาชาโต อุปสงฺกมติ , อุปสงฺกมโนฺต ปยิรุปาสติ, ปยิรุปาสโนฺต โสตํ โอทหติ, โอหิตโสโต ธมฺมํ สุณาตี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๒.๑๘๓, ๔๓๒)ฯ ทิโฎฺฐฆํ ตรติ เอเตนาติ ทิโฎฺฐฆตรณํ, ทิโฎฺฐฆสฺส ตรณํฯ กามเญฺจตฺถ ‘‘ตรติ โอฆ’’นฺติ วุตฺตํ, วตฺตมานสมีเปปิ ปน วตฺตมานํ วิย โวหรณํ ยุตฺตํ ทิโฎฺฐฆสฺส ติณฺณภาวสฺส เอกนฺติกตฺตาติ ‘‘โสตาปนฺนญฺจ ปกาเสตี’’ติ วุตฺตํฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ ทิฎฺฐิวิจิกิจฺฉาทิปฎิปตฺตนฺตรายกรานํ ปาปธมฺมานํ สมุจฺฉินฺนตฺตา โสตาปโนฺน…เป.… อปฺปมาเทน สมนฺนาคโตฯ ‘‘โสตาปตฺติ…เป.… ตรตี’’ติ เอตฺตเก วุเตฺต สกิเทว อิมสฺส โลกสฺส อาคมนมฺปิ คหิตํ สิยาติ ตนฺนิวตฺตนตฺถํ ‘‘อาราเธตฺวา…เป.… อวเสส’’นฺติ วุตฺตํฯ นนุ ‘‘อวเสส’’นฺติ วุตฺตตฺตา โสตาปตฺติมเคฺคน อติณฺณํ อนวเสสํ ภโวฆวตฺถุ คหิตเมว สิยาติ? น, อุปริ ทฺวีหิ มเคฺคหิ ตริตพฺพานํ เตสํ ปรโต ทฺวินฺนํ ปหานวเสน วุจฺจมานตฺตาฯ อปวาทวิสยมฺปิ ปริหรติ – ‘‘เอวํ เอสา โจทนา อตฺตโน วิสเย น ปติฎฺฐาตี’’ติฯ อนาทิกาลภาวตฺตา กามสญฺญาย กาโมฆตรณํ มหตา เอว วีริเยน สาเธตพฺพนฺติ อาห ‘‘วีริเยนา’’ติฯ ตติยํ มคฺคํ อาราเธตฺวาฯ กาโมฆสฺส วตฺถุ กาโมฆวตฺถุ, กามคุเณหิ สทฺธิํ สโพฺพ กามภโวฯ กาโมฆสญฺญิตนฺติ กาโมฆสงฺขาตํฯ กามนเฎฺฐน กาโม จ โส ทุโกฺข จาติ กามทุกฺขํฯ อสฺสาทนเฎฺฐน กาโม เอว สญฺญาติ กามสญฺญา, สพฺพโส สมุจฺฉินฺนตฺตา วิคตา กามสญฺญา เอติสฺสาติ วิคตกามสญฺญา ฯ สเพฺพสํ ราคาทิมลานํ มูลภูตตฺตา สตฺตสนฺตานสฺส วิเสสโต มลีนสภาวาปาทนโต ปรมํ อุกฺกํสคตํ มลนฺติ ปรมมลํ, อวิชฺชาฯ เตนาห ภควา – ‘‘อวิชฺชาปรมํ มล’’นฺติ (ธ. ป. ๒๔๓)ฯ

    Etāyāti gāthāyaṃ iminā padenāti sambandho. Sappurisasaṃsevo saddhammassavanaṃ yonisomanasikāro dhammānudhammapaṭipattīti imesaṃ sotāpattimaggādhigamassa aṅgānaṃ āsannakāraṇaṃ saddhindriyanti āha ‘‘sotāpattiyaṅgapadaṭṭhānaṃ saddhindriya’’nti. Vuttañhetaṃ – ‘‘saddhājāto upasaṅkamati , upasaṅkamanto payirupāsati, payirupāsanto sotaṃ odahati, ohitasoto dhammaṃ suṇātī’’tiādi (ma. ni. 2.183, 432). Diṭṭhoghaṃ tarati etenāti diṭṭhoghataraṇaṃ, diṭṭhoghassa taraṇaṃ. Kāmañcettha ‘‘tarati ogha’’nti vuttaṃ, vattamānasamīpepi pana vattamānaṃ viya voharaṇaṃ yuttaṃ diṭṭhoghassa tiṇṇabhāvassa ekantikattāti ‘‘sotāpannañca pakāsetī’’ti vuttaṃ. Esa nayo sesesupi. Diṭṭhivicikicchādipaṭipattantarāyakarānaṃ pāpadhammānaṃ samucchinnattā sotāpanno…pe… appamādena samannāgato. ‘‘Sotāpatti…pe… taratī’’ti ettake vutte sakideva imassa lokassa āgamanampi gahitaṃ siyāti tannivattanatthaṃ ‘‘ārādhetvā…pe… avasesa’’nti vuttaṃ. Nanu ‘‘avasesa’’nti vuttattā sotāpattimaggena atiṇṇaṃ anavasesaṃ bhavoghavatthu gahitameva siyāti? Na, upari dvīhi maggehi taritabbānaṃ tesaṃ parato dvinnaṃ pahānavasena vuccamānattā. Apavādavisayampi pariharati – ‘‘evaṃ esā codanā attano visaye na patiṭṭhātī’’ti. Anādikālabhāvattā kāmasaññāya kāmoghataraṇaṃ mahatā eva vīriyena sādhetabbanti āha ‘‘vīriyenā’’ti. Tatiyaṃ maggaṃ ārādhetvā. Kāmoghassa vatthu kāmoghavatthu, kāmaguṇehi saddhiṃ sabbo kāmabhavo. Kāmoghasaññitanti kāmoghasaṅkhātaṃ. Kāmanaṭṭhena kāmo ca so dukkho cāti kāmadukkhaṃ. Assādanaṭṭhena kāmo eva saññāti kāmasaññā, sabbaso samucchinnattā vigatā kāmasaññā etissāti vigatakāmasaññā. Sabbesaṃ rāgādimalānaṃ mūlabhūtattā sattasantānassa visesato malīnasabhāvāpādanato paramaṃ ukkaṃsagataṃ malanti paramamalaṃ, avijjā. Tenāha bhagavā – ‘‘avijjāparamaṃ mala’’nti (dha. pa. 243).

    ปญฺญาปทํ คเหตฺวาติ ยถาวุตฺตํ ปญฺญาปทํ หทเย ฐเปตฺวาฯ ตปฺปสเงฺคน อตฺตโน ปฎิภาเนน สเพฺพหิ วิย อุคฺคหิตนิยาเมนฯ สพฺพเตฺถวาติ ปญฺจสุปิ ฐาเนสุฯ อตฺถยุตฺติปุจฺฉาติ ปญฺญาทิอตฺถสมธิคมสฺส ยุตฺติยา การณสฺส ปุจฺฉาฯ เตนาห ‘‘อยํ หี’’ติอาทิฯ ปญฺญาทิอตฺถํ ญตฺวาติ ปญฺญาธน-กิตฺติ-มิตฺต-อภิสมฺปรายสงฺขาตํ อตฺถํ สรูปโต สจฺจปฎิเวธนิปฺผาทเนน ญาเณน ชานิตฺวาฯ นนุ เอส โลกุตฺตรํ โสตาปตฺติมคฺคผลปญฺญํ ตทธิคมูปายํ โลกิยปญฺญญฺจ อภิภวิตฺวา ฐิโต, โส กสฺมา ตตฺถ อตฺถยุตฺติํ ปุจฺฉตีติ? สจฺจเมตํ, อุปริ ปน สมาธิสฺส ยุตฺติํ ปุจฺฉิตุกาโม ปญฺญาย เสฎฺฐภาวโต, ตสฺส จ เอกเทเสเนว อธิคตตฺตา ตเมว อาทิํ กตฺวา ปุจฺฉติฯ ‘‘กาย ยุตฺติยา’’ติอาทิ อตฺถวณฺณนํ อติทิสฺสติ ‘‘เอส นโย ธนาทีสู’’ติฯ ตตฺถาปิ อตฺถยุตฺติปุจฺฉาภาโว ปน ‘‘สพฺพเตฺถวา’’ติ อิมินา วิภาวิโตติฯ

    Paññāpadaṃ gahetvāti yathāvuttaṃ paññāpadaṃ hadaye ṭhapetvā. Tappasaṅgena attano paṭibhānena sabbehi viya uggahitaniyāmena. Sabbatthevāti pañcasupi ṭhānesu. Atthayuttipucchāti paññādiatthasamadhigamassa yuttiyā kāraṇassa pucchā. Tenāha ‘‘ayaṃ hī’’tiādi. Paññādiatthaṃ ñatvāti paññādhana-kitti-mitta-abhisamparāyasaṅkhātaṃ atthaṃ sarūpato saccapaṭivedhanipphādanena ñāṇena jānitvā. Nanu esa lokuttaraṃ sotāpattimaggaphalapaññaṃ tadadhigamūpāyaṃ lokiyapaññañca abhibhavitvā ṭhito, so kasmā tattha atthayuttiṃ pucchatīti? Saccametaṃ, upari pana samādhissa yuttiṃ pucchitukāmo paññāya seṭṭhabhāvato, tassa ca ekadeseneva adhigatattā tameva ādiṃ katvā pucchati. ‘‘Kāya yuttiyā’’tiādi atthavaṇṇanaṃ atidissati ‘‘esa nayo dhanādīsū’’ti. Tatthāpi atthayuttipucchābhāvo pana ‘‘sabbatthevā’’ti iminā vibhāvitoti.

    สทฺธาสุสฺสูสาอปฺปมาทอุฎฺฐานสงฺขาเตหิ จตูหิ การเณหิฯ กายสุจริตาทิเภเทน อาชีวฎฺฐมกสีลภูเตนฯ สมถวิปสฺสนาภูเตน นิปฺปริยาเยน โพธิปกฺขิเย เอว คณฺหโนฺต ‘‘อปรภาเค’’ติ อาหฯ ปริยายโพธิปกฺขิยา ปน วิเสสโต วุฎฺฐานคามินิวิปสฺสนากาเลปิ ลพฺภนฺติฯ ปุพฺพภาเคติ วา ตรุณวิปสฺสนากาลํฯ ตโต ปุพฺพสาธนญฺจ สนฺธาย ‘‘อปรภาเค’’ติ ปุนาห, ตโต ปรนฺติ อโตฺถฯ ธมฺมนฺติ ปฎิปตฺติธมฺมํฯ น สทฺธามตฺตเกเนว ปญฺญํ ลภตีติ โยชนาฯ ยทิ เอวํ กสฺมา ‘‘สทฺทหาโน’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิฯ กิํ วุตฺตํ โหตีติอาทินา วุตฺตเมว อตฺถํ วิวรติฯ น เกวลํ สุสฺสูสามเตฺตน ปญฺญาปฎิลาโภ, อถ โข อปฺปมาเทน ปญฺญํ ลภตีติ ทเสฺสตุํ ปาฬิยํ ‘‘อปฺปมโตฺต วิจกฺขโณ’’ติ วุตฺตนฺติ ตทตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘เอว’’นฺติอาทิมาหฯ

    Saddhāsussūsāappamādauṭṭhānasaṅkhātehi catūhi kāraṇehi. Kāyasucaritādibhedena ājīvaṭṭhamakasīlabhūtena. Samathavipassanābhūtena nippariyāyena bodhipakkhiye eva gaṇhanto ‘‘aparabhāge’’ti āha. Pariyāyabodhipakkhiyā pana visesato vuṭṭhānagāminivipassanākālepi labbhanti. Pubbabhāgeti vā taruṇavipassanākālaṃ. Tato pubbasādhanañca sandhāya ‘‘aparabhāge’’ti punāha, tato paranti attho. Dhammanti paṭipattidhammaṃ. Na saddhāmattakeneva paññaṃ labhatīti yojanā. Yadi evaṃ kasmā ‘‘saddahāno’’ti vuttanti āha ‘‘yasmā panā’’tiādi. Kiṃ vuttaṃ hotītiādinā vuttameva atthaṃ vivarati. Na kevalaṃ sussūsāmattena paññāpaṭilābho, atha kho appamādena paññaṃ labhatīti dassetuṃ pāḷiyaṃ ‘‘appamatto vicakkhaṇo’’ti vuttanti tadatthaṃ dassento ‘‘eva’’ntiādimāha.

    อิทานิ สทฺธาทีนํ ปญฺญาปฎิลาภสฺส ตํตํวิเสสปจฺจยานิ นีหริตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘เอว’’นฺติ วุตฺตํฯ สุสฺสูสายาติ โสตุกามตายฯ สา อตฺถโต อุปสงฺกมนาทิฯ ปญฺญาธิคมูปายนฺติ ปริยตฺติธมฺมมาหฯ เตนาห ‘‘สุณาตี’’ติฯ คหิตํ น ปมุสฺสติ, สติอวิปฺปวาสลกฺขโณ หิ อปฺปมาโทติฯ น เกวลํ ยาถาวโต คหณโกสลฺลเมว วิจกฺขณตา, อถ โข ยาถาวโต ปญฺญาสมฺปเวธนญฺจาติ อาห ‘‘วิตฺถาริกํ กโรตี’’ติฯ อิทานิ ปญฺญาปฎิลาภเหตุํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘สุสฺสูสาย วา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อตฺถมุปปริกฺขตีติ สุตกตานํ ธมฺมานํ ปาฬิอตฺถูปปริกฺขาปุพฺพกํ รูปารูปวิภาคํ ปรมตฺถํ สลกฺขณโต สามญฺญลกฺขณโต จ อุปปริกฺขติ วีมํสติฯ อนุปุเพฺพนาติ เอวํ ญาตปริญฺญํ ปตฺวา ตีรณปริญฺญาย ตโต อนุกฺกเมน ตีรณปริญฺญํ ปหานปริญฺญญฺจ มตฺถกํ ปาเปโนฺต มคฺคปฺปฎิปาฎิยา ปรมตฺถสจฺจภูตํ นิพฺพานํ สจฺฉิกโรติฯ

    Idāni saddhādīnaṃ paññāpaṭilābhassa taṃtaṃvisesapaccayāni nīharitvā dassetuṃ ‘‘eva’’nti vuttaṃ. Sussūsāyāti sotukāmatāya. Sā atthato upasaṅkamanādi. Paññādhigamūpāyanti pariyattidhammamāha. Tenāha ‘‘suṇātī’’ti. Gahitaṃ na pamussati, satiavippavāsalakkhaṇo hi appamādoti. Na kevalaṃ yāthāvato gahaṇakosallameva vicakkhaṇatā, atha kho yāthāvato paññāsampavedhanañcāti āha ‘‘vitthārikaṃ karotī’’ti. Idāni paññāpaṭilābhahetuṃ matthakaṃ pāpetvā dassetuṃ ‘‘sussūsāya vā’’tiādi vuttaṃ. Atthamupaparikkhatīti sutakatānaṃ dhammānaṃ pāḷiatthūpaparikkhāpubbakaṃ rūpārūpavibhāgaṃ paramatthaṃ salakkhaṇato sāmaññalakkhaṇato ca upaparikkhati vīmaṃsati. Anupubbenāti evaṃ ñātapariññaṃ patvā tīraṇapariññāya tato anukkamena tīraṇapariññaṃ pahānapariññañca matthakaṃ pāpento maggappaṭipāṭiyā paramatthasaccabhūtaṃ nibbānaṃ sacchikaroti.

    อิมานิ สทฺธาทีนิ จตฺตาริ การณานิ มตฺถกํ ปาเปตฺวา ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘เทสกาลาทีนิ อหาเปตฺวา’’ติฯ ยสฺมิํ เทเส ยสฺมิํ กาเล เย จ สหายเก นิสฺสาย ยํ กิจฺจํ ติเรตพฺพํ, ตานิ เทสกาลาทีนิ อนติกฺกมิตฺวา อตฺตโน อภิวุฑฺฒิํ อิจฺฉเนฺตน ‘‘อยํ นาม เทโส, ยตฺถาหํ เอตรหิ วสามิ, อยํ กาโล, อิเม มิตฺตา, อิเม อมิตฺตา, อิเม อายวยา, อหญฺจ เอทิโส ชาติ-กุล-ปเทส-พลโภค-ปริวาราทีหิ, ตํ กิจฺจํ อิทานิ อารทฺธพฺพํ, อิทานิ นารทฺธพฺพ’’นฺติ สพฺพํ อุปปริกฺขิตฺวา ปฎิปชฺชิตพฺพํฯ เอวํ ปฎิปชฺชโนฺต หิ โลกิยสฺส ธนสฺส ปฎิรูปาธิคมูปายํ กโรติ นามฯ โลกุตฺตรสฺส ปน สีลวิโสธนาทิวเสน เวทิตพฺพํฯ วหิตพฺพภาเวน ธุโร วิยาติ ธุโร, ภาโรฯ อิธ ปน ธุรสมฺปคฺคโห อุตฺตรปทโลเปน ธุโร, วีริยํฯ โส สาติสโย เอตสฺส อตฺถีติ ธุรวาฯ ‘‘อุฎฺฐาตา’’ติ ปเทน กายิกวีริยสฺส วกฺขมานตฺตา ‘‘เจตสิกวีริยวเสนา’’ติ วิเสสิตํฯ อนิกฺขิตฺตธุโร โธรยฺหภาวโตฯ ติณา ภิโยฺย น มญฺญตีติ ติณํ วิย ปริภวโนฺต อติภุยฺย วตฺตตีติ อโตฺถฯ อาทินา นเยนาติ เอตฺถ อาทิ-สเทฺทน –

    Imāni saddhādīni cattāri kāraṇāni matthakaṃ pāpetvā dassento āha ‘‘desakālādīni ahāpetvā’’ti. Yasmiṃ dese yasmiṃ kāle ye ca sahāyake nissāya yaṃ kiccaṃ tiretabbaṃ, tāni desakālādīni anatikkamitvā attano abhivuḍḍhiṃ icchantena ‘‘ayaṃ nāma deso, yatthāhaṃ etarahi vasāmi, ayaṃ kālo, ime mittā, ime amittā, ime āyavayā, ahañca ediso jāti-kula-padesa-balabhoga-parivārādīhi, taṃ kiccaṃ idāni āraddhabbaṃ, idāni nāraddhabba’’nti sabbaṃ upaparikkhitvā paṭipajjitabbaṃ. Evaṃ paṭipajjanto hi lokiyassa dhanassa paṭirūpādhigamūpāyaṃ karoti nāma. Lokuttarassa pana sīlavisodhanādivasena veditabbaṃ. Vahitabbabhāvena dhuro viyāti dhuro, bhāro. Idha pana dhurasampaggaho uttarapadalopena dhuro, vīriyaṃ. So sātisayo etassa atthīti dhuravā. ‘‘Uṭṭhātā’’ti padena kāyikavīriyassa vakkhamānattā ‘‘cetasikavīriyavasenā’’ti visesitaṃ. Anikkhittadhuro dhorayhabhāvato. Tiṇā bhiyyo na maññatīti tiṇaṃ viya paribhavanto atibhuyya vattatīti attho. Ādinā nayenāti ettha ādi-saddena –

    ‘‘กรํ ปุริสกิจฺจานิ, โส สุขา น วิหายติ; (ที. นิ. ๓.๒๕๓);

    ‘‘Karaṃ purisakiccāni, so sukhā na vihāyati; (Dī. ni. 3.253);

    ‘‘น ทิวา โสปฺปสีเลน, รตฺติมุฎฺฐานเทสฺสินา;

    ‘‘Na divā soppasīlena, rattimuṭṭhānadessinā;

    นิจฺจํ มเตฺตน โสเณฺฑน, สกฺกา อาวสิตุํ ฆร’’นฺติ จฯ (ที. นิ. ๓.๒๕๓); –

    Niccaṃ mattena soṇḍena, sakkā āvasituṃ ghara’’nti ca. (dī. ni. 3.253); –

    เอวมาทีนํ สงฺคโหฯ อสิถิลปรกฺกโม อนลสภาวโตฯ เอกมูสิกายาติ เอกาย มตมูสิกายฯ นจิรเสฺสวาติ จตุมาสพฺภนฺตเรเยวฯ จตุสตสหสฺสสงฺขํ จูฬเนฺตวาสี วิยาติ กากณิกฑฺฒกหาปณ-โสฬส-กหาปณ-จตุวีสติ-กหาปณ-สตหรณกฺกเมน เทฺว สตสหสฺสานิ, จูฬกมหาเสฎฺฐิโน ธีตุลาภวเสน เทฺว สตสหสฺสานีติ เอวํ จตุสตสหสฺสสงฺขํ ธนํ เอกมูเลน ยถา จูฬเนฺตวาสี วินฺทิ, เอวํ อโญฺญปิ ปติรูปการี ธุรวา อุฎฺฐาตา วินฺทเต ธนํฯ อยญฺจ อโตฺถ จูฬกเสฎฺฐิชาตเกน ทีเปตโพฺพฯ วุตฺตเญฺหตํ –

    Evamādīnaṃ saṅgaho. Asithilaparakkamo analasabhāvato. Ekamūsikāyāti ekāya matamūsikāya. Nacirassevāti catumāsabbhantareyeva. Catusatasahassasaṅkhaṃ cūḷantevāsī viyāti kākaṇikaḍḍhakahāpaṇa-soḷasa-kahāpaṇa-catuvīsati-kahāpaṇa-sataharaṇakkamena dve satasahassāni, cūḷakamahāseṭṭhino dhītulābhavasena dve satasahassānīti evaṃ catusatasahassasaṅkhaṃ dhanaṃ ekamūlena yathā cūḷantevāsī vindi, evaṃ aññopi patirūpakārī dhuravā uṭṭhātā vindate dhanaṃ. Ayañca attho cūḷakaseṭṭhijātakena dīpetabbo. Vuttañhetaṃ –

    ‘‘อปฺปเกนปิ เมธาวี, ปาภเตน วิจกฺขโณ;

    ‘‘Appakenapi medhāvī, pābhatena vicakkhaṇo;

    สมุฎฺฐาเปติ อตฺตานํ, อณุํ อคฺคิํว สนฺธม’’นฺติฯ (ชา. ๑.๑.๔);

    Samuṭṭhāpeti attānaṃ, aṇuṃ aggiṃva sandhama’’nti. (jā. 1.1.4);

    วตฺตํ กตฺวาติ อธิฎฺฐานวตฺตํ กตฺวาฯ ‘‘สจฺจวาที ภูตวาที’’ติ กิตฺติํ ปโปฺปตีติ โยชนาฯ อิจฺฉิตปตฺถิตนฺติ เยหิ มิตฺตํ อิจฺฉติ, เตหิ อิตรํ ปตฺถิตํฯ มิตฺตานิ คนฺถตีติ มิตฺตภาวํ ฆเฎติฯ ทานสฺส ปิยภาวกรณโต ‘‘ททํ ปิโย โหตี’’ติ วุตฺตํฯ ยํ ทานํ เอกนฺตโต มิตฺตภาวาวหํ, ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ทุทฺททํ วา ททํ ตํ คนฺถตี’’ติ อาหฯ ททนฺติ จ ลกฺขณวจนเมตนฺติ อาห ‘‘ทานมุเขน วา’’ติอาทิฯ

    Vattaṃ katvāti adhiṭṭhānavattaṃ katvā. ‘‘Saccavādī bhūtavādī’’ti kittiṃ pappotīti yojanā. Icchitapatthitanti yehi mittaṃ icchati, tehi itaraṃ patthitaṃ. Mittāni ganthatīti mittabhāvaṃ ghaṭeti. Dānassa piyabhāvakaraṇato ‘‘dadaṃ piyo hotī’’ti vuttaṃ. Yaṃ dānaṃ ekantato mittabhāvāvahaṃ, taṃ dassento ‘‘duddadaṃ vā dadaṃ taṃ ganthatī’’ti āha. Dadanti ca lakkhaṇavacanametanti āha ‘‘dānamukhena vā’’tiādi.

    อาฬวกสฺส อชฺฌาสยานุรูปํ คหฎฺฐวเสน วิสฺสเชฺชโนฺตฯ สทฺธา เอตสฺส อตฺถีติ สโทฺธ, ตสฺส สทฺธสฺสฯ ฆรเมสิโนติ ฆราวาสสงฺขาตํ ฆรํ เอสนฺตสฺสฯ ฆราวาสสนฺนิสฺสิตตฺตา ‘‘ฆร’’นฺติ กามคุณา วุจฺจนฺตีติ อาห ‘‘ปญฺจ กามคุเณ’’ติฯ ‘‘เอเต จตุโร ธมฺมา’’ติอาทินา คหิตา อนนฺตรคาถาย วุตฺตธมฺมา เอวาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘วุตฺตปฺปการํ สจฺจ’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ ‘‘อิเม กุสลา, อิเม อกุสลา’’ติอาทินา เต อเตฺถ ยาถาวโต ธารณโต อุปธารณโต ธโมฺมฯ สญฺญา จิตฺตเจตสิกานํ ธารณํ, อวิเจฺฉทโต สนฺธารณโต กุสลสนฺตานํ ธาเรตีติ ธิติ, วีริยํฯ จชติ เอเตนาติ จาโค, ทานํฯ ปจฺจยเวกลฺลโต ผลุปฺปาทนสมตฺถตาวเสน สนฺติ

    Āḷavakassa ajjhāsayānurūpaṃ gahaṭṭhavasena vissajjento. Saddhā etassa atthīti saddho, tassa saddhassa. Gharamesinoti gharāvāsasaṅkhātaṃ gharaṃ esantassa. Gharāvāsasannissitattā ‘‘ghara’’nti kāmaguṇā vuccantīti āha ‘‘pañca kāmaguṇe’’ti. ‘‘Ete caturo dhammā’’tiādinā gahitā anantaragāthāya vuttadhammā evāti dassento ‘‘vuttappakāraṃ sacca’’ntiādimāha. Tattha ‘‘ime kusalā, ime akusalā’’tiādinā te atthe yāthāvato dhāraṇato upadhāraṇato dhammo. Saññā cittacetasikānaṃ dhāraṇaṃ, avicchedato sandhāraṇato kusalasantānaṃ dhāretīti dhiti, vīriyaṃ. Cajati etenāti cāgo, dānaṃ. Paccayavekallato phaluppādanasamatthatāvasena santi.

    อเญฺญปีติ อิโต ยถาวุตฺตธมฺมสมุทายโต อเญฺญปิ ธมฺมา ยทิ สนฺติ, เต ธเมฺม ปุจฺฉสฺสูติฯ กิเลเส, กายวาจาทิเก วา ทเมตีติ ทโม , ปญฺญาฯ อุฎฺฐหติ อุสฺสหติ เอเตนาติ อุฎฺฐานํ, วีริยํฯ เอตฺถาติ เอติสฺสา ปุจฺฉายฯ สทฺธินฺติ สเงฺขปโต ภาวตฺถปทานํ พนฺธเนน สหฯ เอกเมกํ ปทนฺติ ปญฺญาทิกเมเกกํ ปทํฯ ‘‘ปญฺญา อิมสฺมิํ ฐาเน ปญฺญาติ ธโมฺมติ จ อาคตา’’ติอาทินา ปญฺญาทิอตฺถสฺส อุทฺธรณํ อตฺถุทฺธาโรฯ ตสฺส ตสฺส อตฺถสฺส ‘‘ปญฺญา ปชานนา’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๖) เววจนปทานํ อุทฺธรณํ ปทุทฺธาโรฯ ปชานาตีติ ปญฺญา, ธาเรตีติ ธโมฺม, ทเมตีติ ทโมติ เอวํ ปทสฺส กถนํ ปทวณฺณนา

    Aññepīti ito yathāvuttadhammasamudāyato aññepi dhammā yadi santi, te dhamme pucchassūti. Kilese, kāyavācādike vā dametīti damo, paññā. Uṭṭhahati ussahati etenāti uṭṭhānaṃ, vīriyaṃ. Etthāti etissā pucchāya. Saddhinti saṅkhepato bhāvatthapadānaṃ bandhanena saha. Ekamekaṃ padanti paññādikamekekaṃ padaṃ. ‘‘Paññā imasmiṃ ṭhāne paññāti dhammoti ca āgatā’’tiādinā paññādiatthassa uddharaṇaṃ atthuddhāro. Tassa tassa atthassa ‘‘paññā pajānanā’’tiādinā (dha. sa. 16) vevacanapadānaṃ uddharaṇaṃ paduddhāro. Pajānātīti paññā, dhāretīti dhammo, dametīti damoti evaṃ padassa kathanaṃ padavaṇṇanā.

    อชฺชาติ วา เอตรหิฯ ยถาวุเตฺตน ปกาเรนาติ ‘‘สทฺทหาโน อรหต’’นฺติอาทินา วุตฺตปฺปกาเรนฯ สจฺจสมฺปฎิเวธาวคหณํ วา ยถาวุเตฺตน ปกาเรน ทิฎฺฐสจฺจตาย อิธโลกปรโลกตฺถํ ยาถาวโต ชานโนฺตฯ เอวญฺจ ยโกฺข สตฺถุ เทสนานุภาวสิทฺธํ ปญฺหํ ปุจฺฉเนน อตฺตโน ปฎิลาภสมฺปตฺติํ วิภาเวโนฺต ‘‘กถํสุ ลภเต ปญฺญ’’นฺติอาทิมาหาติ อาจริยาฯ สมฺปรายิโกติ เอตฺถ -สโทฺท ลุตฺตนิทฺทิโฎฺฐ, เตน ‘‘ทิฎฺฐธมฺมิโก จา’’ติ อยมโตฺถ วุโตฺต เอวาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘โย อโตฺถ…เป.… ทเสฺสตี’’ติ อาหฯ อรียติ ผลํ เอตสฺมาติ อโตฺถ, การณํฯ วิจกฺขเณ สปโยชนตายฯ

    Ajjāti vā etarahi. Yathāvuttena pakārenāti ‘‘saddahāno arahata’’ntiādinā vuttappakārena. Saccasampaṭivedhāvagahaṇaṃ vā yathāvuttena pakārena diṭṭhasaccatāya idhalokaparalokatthaṃ yāthāvato jānanto. Evañca yakkho satthu desanānubhāvasiddhaṃ pañhaṃ pucchanena attano paṭilābhasampattiṃ vibhāvento ‘‘kathaṃsu labhate pañña’’ntiādimāhāti ācariyā. Samparāyikoti ettha ca-saddo luttaniddiṭṭho, tena ‘‘diṭṭhadhammiko cā’’ti ayamattho vutto evāti dassento ‘‘yo attho…pe… dassetī’’ti āha. Arīyati phalaṃ etasmāti attho, kāraṇaṃ. Vicakkhaṇe sapayojanatāya.

    ตสฺส ญาณสฺสาติ ตสฺส อตฺถสฺส อาวิภาวนสฺส ญาณสฺสฯ คุณวิเสเสหิ จ สทิสสฺสปิ อญฺญสฺส อภาวโต อคฺคทกฺขิเณโยฺย พุโทฺธ ภควาฯ เตนาห –

    Tassa ñāṇassāti tassa atthassa āvibhāvanassa ñāṇassa. Guṇavisesehi ca sadisassapi aññassa abhāvato aggadakkhiṇeyyo buddho bhagavā. Tenāha –

    ‘‘นยิมสฺมิํ โลเก ปรสฺมิํ วา ปน,

    ‘‘Nayimasmiṃ loke parasmiṃ vā pana,

    พุเทฺธน เสโฎฺฐว สโมว วิชฺชติ;

    Buddhena seṭṭhova samova vijjati;

    อาหุเนยฺยานํ ปรมาหุติํ คโต,

    Āhuneyyānaṃ paramāhutiṃ gato,

    ปุญฺญตฺถิกานํ วิปุลผเลสิน’’นฺติฯ (วิ. ว. ๑๐๔๗);

    Puññatthikānaṃ vipulaphalesina’’nti. (vi. va. 1047);

    สหิตปฎิปตฺตินฺติ ปญฺญาสงฺคาหิกํ อตฺตโน ปฎิปตฺติํฯ สุนฺทรา โพธิ สุโพธิ, พุทฺธสฺส สุโพธิ พุทฺธสุโพธิ, สา เอว พุทฺธสุโพธิตาฯ ธมฺมสฺสวนตฺถํ สนฺนิปติตเทวตาหิ สงฺฆุฎฺฐสาธุการสทฺทุฎฺฐานญฺจ

    Sahitapaṭipattinti paññāsaṅgāhikaṃ attano paṭipattiṃ. Sundarā bodhi subodhi, buddhassa subodhi buddhasubodhi, sā eva buddhasubodhitā. Dhammassavanatthaṃ sannipatitadevatāhi saṅghuṭṭhasādhukārasadduṭṭhānañca.

    สตปุญฺญลกฺขณนฺติ สตสหสฺสกเปฺป ปุญฺญสมฺภารสฺส กตตฺตา เตสํ ปุญฺญานํ วเสน สตปุญฺญลกฺขณํ อเนกปุญฺญนิพฺพตฺตลกฺขณํฯ อภินนฺทิยตาย สเพฺพหิ อเงฺคหิ สมุเปตํ สมนฺนาคตํฯ กตปุญฺญภาวํ พฺยเญฺชนฺตีติ พฺยญฺชนานิ , องฺคปจฺจงฺคานิฯ เตสํ ปริปุณฺณตฺตา ปริปุณฺณพฺยญฺชนํฯ ตํ ยโกฺข…เป.… ปูเรสีติ คาถาปูรณตฺถเมว หิ ภควา ตถารูปานิ อกาสิฯ อพฺยาธิตาติ อโรคาฯ ‘‘อพฺยถิตา’’ติ เกจิ ปฐนฺติ, สยสนฺตาสรหิตาติ อโตฺถฯ

    Satapuññalakkhaṇanti satasahassakappe puññasambhārassa katattā tesaṃ puññānaṃ vasena satapuññalakkhaṇaṃ anekapuññanibbattalakkhaṇaṃ. Abhinandiyatāya sabbehi aṅgehi samupetaṃ samannāgataṃ. Katapuññabhāvaṃ byañjentīti byañjanāni , aṅgapaccaṅgāni. Tesaṃ paripuṇṇattā paripuṇṇabyañjanaṃ. Taṃ yakkho…pe… pūresīti gāthāpūraṇatthameva hi bhagavā tathārūpāni akāsi. Abyādhitāti arogā. ‘‘Abyathitā’’ti keci paṭhanti, sayasantāsarahitāti attho.

    ‘‘หตฺถโย’’ติ วตฺตเพฺพ ‘‘หตฺถโก’’ติ วุตฺตํฯ อาฬวินครนฺติ อาฬวินครวาสิโน วทติฯ ภวติ หิ ตตฺรฎฺฐตาย ตํ-สโทฺท ยถา ‘‘คาโม อาคโต, มญฺจา อุกฺกุฎฺฐิํ กโรนฺตี’’ติฯ เอกโกลาหเลน วตฺตมาเนนฯ

    ‘‘Hatthayo’’ti vattabbe ‘‘hatthako’’ti vuttaṃ. Āḷavinagaranti āḷavinagaravāsino vadati. Bhavati hi tatraṭṭhatāya taṃ-saddo yathā ‘‘gāmo āgato, mañcā ukkuṭṭhiṃ karontī’’ti. Ekakolāhalena vattamānena.

    สมฺปิณฺฑิตฺวาติ สนฺนิปติตฺวาฯ กามํ สมฺภาโร เตน กโตติ นตฺถิ, ยุทฺธตฺถํ ปน พหุโส อุสฺสาหสฺส กตตฺตา ‘‘ยุทฺธมาทิํ กตฺวา’’ติ วุตฺตํฯ ตเมว อาฬวกสุตฺตํ กเถสิ ตสฺสา เอว เทสนาย สนฺนิปติตปริสาย สปฺปายตฺตาฯ เตนาห ‘‘กถาปริ…เป.… อโหสี’’ติฯ จตูหิ วตฺถูหีติ จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิฯ ปริสนฺติ อตฺตโน ปริสํฯ ‘‘อิตรญฺจา’’ติปิ วทนฺติฯ

    Sampiṇḍitvāti sannipatitvā. Kāmaṃ sambhāro tena katoti natthi, yuddhatthaṃ pana bahuso ussāhassa katattā ‘‘yuddhamādiṃ katvā’’ti vuttaṃ. Tameva āḷavakasuttaṃ kathesi tassā eva desanāya sannipatitaparisāya sappāyattā. Tenāha ‘‘kathāpari…pe… ahosī’’ti. Catūhi vatthūhīti catūhi saṅgahavatthūhi. Parisanti attano parisaṃ. ‘‘Itarañcā’’tipi vadanti.

    อาฬวกสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Āḷavakasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.

    สารตฺถปฺปกาสินิยา สํยุตฺตนิกาย-อฎฺฐกถาย

    Sāratthappakāsiniyā saṃyuttanikāya-aṭṭhakathāya

    ยกฺขสํยุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ

    Yakkhasaṃyuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๑๒. อาฬวกสุตฺตํ • 12. Āḷavakasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๑๒. อาฬวกสุตฺตวณฺณนา • 12. Āḷavakasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact