Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / จริยาปิฎก-อฎฺฐกถา • Cariyāpiṭaka-aṭṭhakathā |
๙. อลีนสตฺตุจริยาวณฺณนา
9. Alīnasattucariyāvaṇṇanā
๗๔. นวเม ปญฺจาลรเฎฺฐติ เอวํนามเก ชนปเทฯ นครวเร, กปิลายนฺติ ‘‘กปิลา’’ติ เอวํลทฺธนาเม อุตฺตมนคเรฯ ‘‘นครวเร’’ติ วตฺวา ปุน ‘‘ปุรุตฺตเม’’ติ วจนํ ตสฺมิํ กาเล ชมฺพุทีเป สพฺพนครานํ ตสฺส นครสฺส อคฺคนครภาวทสฺสนตฺถํฯ ชยทฺทิโส นามาติ รญฺญา อตฺตโน ปจฺจตฺถิเก ชิเต ชาโต, อตฺตโน วา ปจฺจามิตฺตภูตํ ยกฺขินีสงฺขาตํ ชยทฺทิสํ ชิโตติ เอวํลทฺธนาโมฯ สีลคุณมุปาคโตติ อาจารสีลเญฺจว อุสฺสาหสมฺปตฺติยาทิราชคุณญฺจ อุปาคโต, เตน สมนฺนาคโตติ อโตฺถฯ
74. Navame pañcālaraṭṭheti evaṃnāmake janapade. Nagaravare, kapilāyanti ‘‘kapilā’’ti evaṃladdhanāme uttamanagare. ‘‘Nagaravare’’ti vatvā puna ‘‘puruttame’’ti vacanaṃ tasmiṃ kāle jambudīpe sabbanagarānaṃ tassa nagarassa agganagarabhāvadassanatthaṃ. Jayaddiso nāmāti raññā attano paccatthike jite jāto, attano vā paccāmittabhūtaṃ yakkhinīsaṅkhātaṃ jayaddisaṃ jitoti evaṃladdhanāmo. Sīlaguṇamupāgatoti ācārasīlañceva ussāhasampattiyādirājaguṇañca upāgato, tena samannāgatoti attho.
๗๕. ตสฺส รโญฺญติ ชยทฺทิสราชสฺส, อหํ ปุโตฺต อโหสินฺติ วจนเสโสฯ สุตธโมฺมติ ยาวตา ราชปุเตฺตน โสตพฺพธโมฺม นาม, ตสฺส สพฺพสฺส สุตตฺตา สุตธโมฺม, พหุสฺสุโตติ อโตฺถฯ อถ วา สุตธโมฺมติ วิสฺสุตธโมฺม, ธมฺมจริยาย สมจริยาย ปกาโส ปญฺญาโต, โลเก ปตฺถฎกิตฺติธโมฺมติ อโตฺถฯ อลีนสโตฺตติ เอวํนาโมฯ คุณวาติ อุฬาเรหิ มหาปุริสคุเณหิ สมนฺนาคโตฯ อนุรกฺขปริชโน สทาติ สทฺธาทิคุณวิเสสโยคโต จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ สมฺมเทว สงฺคหณโต จ สพฺพกาลํ สมฺภตฺตปริวารชโนฯ
75.Tassa raññoti jayaddisarājassa, ahaṃ putto ahosinti vacanaseso. Sutadhammoti yāvatā rājaputtena sotabbadhammo nāma, tassa sabbassa sutattā sutadhammo, bahussutoti attho. Atha vā sutadhammoti vissutadhammo, dhammacariyāya samacariyāya pakāso paññāto, loke patthaṭakittidhammoti attho. Alīnasattoti evaṃnāmo. Guṇavāti uḷārehi mahāpurisaguṇehi samannāgato. Anurakkhaparijano sadāti saddhādiguṇavisesayogato catūhi saṅgahavatthūhi sammadeva saṅgahaṇato ca sabbakālaṃ sambhattaparivārajano.
๗๖. ปิตา เม มิควํ คนฺตฺวา, โปริสาทํ อุปาคมีติ มยฺหํ ปิตา ชยทฺทิสราชา มิควํ จรโนฺต อรญฺญมชฺฌํ คนฺตฺวา โปริสาทํ มนุสฺสขาทกํ ยกฺขินิปุตฺตํ อุปคญฺฉิ, เตน สมาคมิฯ
76.Pitā me migavaṃ gantvā, porisādaṃ upāgamīti mayhaṃ pitā jayaddisarājā migavaṃ caranto araññamajjhaṃ gantvā porisādaṃ manussakhādakaṃ yakkhiniputtaṃ upagañchi, tena samāgami.
ชยทฺทิสราชา กิร เอกทิวสํ ‘‘มิควํ คมิสฺสามี’’ติ ตทนุรูเปน มหตา ปริวาเรน กปิลนครโต นิกฺขมิฯ ตํ นิกฺขนฺตมตฺตเมว ตกฺกสิลาวาสี นโนฺท นาม พฺราหฺมโณ จตโสฺส สตารหา คาถา นาม กเถตุํ อาทาย อุปสงฺกมิตฺวา อตฺตโน อาคมนการณํ รโญฺญ อาโรเจสิฯ ราชา ‘‘นิวตฺติตฺวา สุณิสฺสามี’’ติ ตสฺส วสนเคหํ ปริพฺพยญฺจ ทาเปตฺวา อรญฺญํ ปวิโฎฺฐ ‘‘ยสฺส ปเสฺสน มิโค ปลายติ, ตเสฺสว โส คีวา’’ติ วตฺวา มิเค ปริเยสโนฺต วิจรติฯ อเถโก ปสทมิโค มหาชนสฺส ปทสเทฺทน อาสยโต นิกฺขมิตฺวา รโญฺญ อภิมุโข คนฺตฺวา ปลายิฯ อมจฺจา ปริหาสํ กริํสุฯ ราชา ตํ อนุพนฺธิตฺวา ติโยชนมตฺถเก ตํ ปริกฺขีณชวํ ฐิตํ วิชฺฌิตฺวา ปาเตสิฯ ปติตํ ขเคฺคน ทฺวิธา กตฺวา อนตฺถิโกปิ ‘‘มํเสน มิคํ คเหตุํ นาสกฺขี’’ติ วจนโมจนตฺถํ กาเช กตฺวา อาคจฺฉโนฺต เอกสฺส นิโคฺรธสฺส มูเล ทพฺพติเณสุ นิสีทิตฺวา โถกํ วิสฺสมิตฺวา คนฺตุํ อารภิฯ
Jayaddisarājā kira ekadivasaṃ ‘‘migavaṃ gamissāmī’’ti tadanurūpena mahatā parivārena kapilanagarato nikkhami. Taṃ nikkhantamattameva takkasilāvāsī nando nāma brāhmaṇo catasso satārahā gāthā nāma kathetuṃ ādāya upasaṅkamitvā attano āgamanakāraṇaṃ rañño ārocesi. Rājā ‘‘nivattitvā suṇissāmī’’ti tassa vasanagehaṃ paribbayañca dāpetvā araññaṃ paviṭṭho ‘‘yassa passena migo palāyati, tasseva so gīvā’’ti vatvā mige pariyesanto vicarati. Atheko pasadamigo mahājanassa padasaddena āsayato nikkhamitvā rañño abhimukho gantvā palāyi. Amaccā parihāsaṃ kariṃsu. Rājā taṃ anubandhitvā tiyojanamatthake taṃ parikkhīṇajavaṃ ṭhitaṃ vijjhitvā pātesi. Patitaṃ khaggena dvidhā katvā anatthikopi ‘‘maṃsena migaṃ gahetuṃ nāsakkhī’’ti vacanamocanatthaṃ kāje katvā āgacchanto ekassa nigrodhassa mūle dabbatiṇesu nisīditvā thokaṃ vissamitvā gantuṃ ārabhi.
เตน จ สมเยน ตเสฺสว รโญฺญ เชฎฺฐภาตา ชาตทิวเส เอว เอกาย ยกฺขินิยา ขาทิตุํ คหิโต อารกฺขมนุเสฺสหิ อนุพทฺธาย ตาย นิทฺธมนมเคฺคน คจฺฉนฺติยา อุเร ฐปิโต มาตุสญฺญาย มุเขน ถนคฺคหเณน ปุตฺตสิเนหํ อุปฺปาเทตฺวา สํวฑฺฒิยมาโน ตทาหาโรปโยคิตาย มนุสฺสมํสํ ขาทโนฺต อนุกฺกเมน วุทฺธิปฺปโตฺต อตฺตานํ อนฺตรธาปนตฺถํ ยกฺขินิยา ทินฺนโอสธมูลานุภาเวน อนฺตรหิโต หุตฺวา มนุสฺสมํสํ ขาทิตฺวา ชีวโนฺต ตาย ยกฺขินิยา มตาย ตํ โอสธมูลํ อตฺตโน ปมาเทน นาเสตฺวา ทิสฺสมานรูโปว มนุสฺสมํสํ ขาทโนฺต นโคฺค อุพฺพิคฺควิรูปทสฺสโน ราชปุริเสหิ ปสฺสิตฺวา อนุพโทฺธ ปลายิตฺวา อรญฺญํ ปวิสิตฺวา ตสฺส นิโคฺรธสฺส มูเล วาสํ กเปฺปโนฺต ราชานํ ทิสฺวา ‘‘ภโกฺขสิ เม’’ติ หเตฺถ อคฺคเหสิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘โส เม ปิตุมคฺคเหสิ, ภโกฺขสิ มม มา จลี’’ติอาทิฯ
Tena ca samayena tasseva rañño jeṭṭhabhātā jātadivase eva ekāya yakkhiniyā khādituṃ gahito ārakkhamanussehi anubaddhāya tāya niddhamanamaggena gacchantiyā ure ṭhapito mātusaññāya mukhena thanaggahaṇena puttasinehaṃ uppādetvā saṃvaḍḍhiyamāno tadāhāropayogitāya manussamaṃsaṃ khādanto anukkamena vuddhippatto attānaṃ antaradhāpanatthaṃ yakkhiniyā dinnaosadhamūlānubhāvena antarahito hutvā manussamaṃsaṃ khāditvā jīvanto tāya yakkhiniyā matāya taṃ osadhamūlaṃ attano pamādena nāsetvā dissamānarūpova manussamaṃsaṃ khādanto naggo ubbiggavirūpadassano rājapurisehi passitvā anubaddho palāyitvā araññaṃ pavisitvā tassa nigrodhassa mūle vāsaṃ kappento rājānaṃ disvā ‘‘bhakkhosi me’’ti hatthe aggahesi. Tena vuttaṃ ‘‘so me pitumaggahesi, bhakkhosi mama mā calī’’tiādi.
ตตฺถ โส เม ปิตุมคฺคเหสีติ โส โปริสาโท มม ปิตรํ ชยทฺทิสราชานํ อตฺตโน นิสินฺนรุกฺขสมีปมาคตํ ‘‘มม ภโกฺข ตฺวํ อาคโตสิ, หตฺถปริปฺผนฺทนาทิวเสน มา จลิ, จลนฺตมฺปิ อหํ ตํ ขาทิสฺสามี’’ติ หเตฺถ อคฺคเหสิฯ
Tattha so me pitumaggahesīti so porisādo mama pitaraṃ jayaddisarājānaṃ attano nisinnarukkhasamīpamāgataṃ ‘‘mama bhakkho tvaṃ āgatosi, hatthaparipphandanādivasena mā cali, calantampi ahaṃ taṃ khādissāmī’’ti hatthe aggahesi.
๗๗. ตสฺสาติ ตสฺส ยกฺขินิปุตฺตสฺสฯ ตสิตเวธิโตติ จิตฺตุตฺราเสน ตสิโต สรีรปริกเมฺปน เวธิโตฯ อูรุกฺขโมฺภติ อุภินฺนํ อูรูนํ ถทฺธภาโว, เยน โส ตโต ปลายิตุํ นาสกฺขิฯ
77.Tassāti tassa yakkhiniputtassa. Tasitavedhitoti cittutrāsena tasito sarīraparikampena vedhito. Ūrukkhambhoti ubhinnaṃ ūrūnaṃ thaddhabhāvo, yena so tato palāyituṃ nāsakkhi.
มิควํ คเหตฺวา มุญฺจสฺสูติ เอตฺถ มิควนฺติ มิคววเสน ลทฺธตฺตา ตํ มิคมํสํ ‘‘มิคว’’นฺติ อาห, อิมํ มิคมํสํ คเหตฺวา มํ มุญฺจสฺสูติ อโตฺถฯ โส หิ ราชา นํ ยกฺขินิปุตฺตํ ทิสฺวา ภีโต อูรุกฺขมฺภํ ปตฺวา ขาณุโก วิย อฎฺฐาสิฯ โส เวเคน คนฺตฺวา ตํ หเตฺถ คเหตฺวา ‘‘ภโกฺขสิ เม อาคโตสี’’ติ อาหฯ อถ นํ ราชา สติํ ปจฺจุปฎฺฐเปตฺวา ‘‘สเจ อาหารตฺถิโก, อิมํ เต มํสํ ททามิ, ตํ คเหตฺวา ขาท, มํ มุญฺจาหี’’ติ อาห ฯ ตํ สุตฺวา โปริสาโท ‘‘กิมิทํ มยฺหเมว สนฺตกํ ทตฺวา มยา โวหารํ กโรสิ, นนุ อิมํ มํสญฺจ ตฺวญฺจ มม หตฺถคตกาลโต ปฎฺฐาย มยฺหเมว สนฺตกํ, ตสฺมา ตํ ปฐมํ ขาทิตฺวา ปจฺฉา มํสํ ขาทิสฺสามี’’ติ อาหฯ
Migavaṃ gahetvā muñcassūti ettha migavanti migavavasena laddhattā taṃ migamaṃsaṃ ‘‘migava’’nti āha, imaṃ migamaṃsaṃ gahetvā maṃ muñcassūti attho. So hi rājā naṃ yakkhiniputtaṃ disvā bhīto ūrukkhambhaṃ patvā khāṇuko viya aṭṭhāsi. So vegena gantvā taṃ hatthe gahetvā ‘‘bhakkhosi me āgatosī’’ti āha. Atha naṃ rājā satiṃ paccupaṭṭhapetvā ‘‘sace āhāratthiko, imaṃ te maṃsaṃ dadāmi, taṃ gahetvā khāda, maṃ muñcāhī’’ti āha . Taṃ sutvā porisādo ‘‘kimidaṃ mayhameva santakaṃ datvā mayā vohāraṃ karosi, nanu imaṃ maṃsañca tvañca mama hatthagatakālato paṭṭhāya mayhameva santakaṃ, tasmā taṃ paṭhamaṃ khāditvā pacchā maṃsaṃ khādissāmī’’ti āha.
อถ ราชา ‘‘มํสนิกฺกเยนายํ น มํ มุญฺจติ, มยา จ มิควํ อาคจฺฉเนฺตน ตสฺส พฺราหฺมณสฺส ‘อาคนฺตฺวา เต ธนํ ทสฺสามี’ติ ปฎิญฺญา กตาฯ สจายํ ยโกฺข อนุชานิสฺสติ, สจฺจํ อนุรกฺขโนฺต เคหํ คนฺตฺวา ตํ ปฎิญฺญํ โมเจตฺวา ปุน อิมสฺส ยกฺขสฺส ภตฺตตฺถํ อาคเจฺฉยฺย’’นฺติ จิเนฺตตฺวา ตสฺส ตมตฺถํ อาโรเจสิฯ ตํ สุตฺวา โปริสาโท ‘‘สเจ ตฺวํ สจฺจํ อนุรกฺขโนฺต คนฺตุกาโมสิ, คนฺตฺวา ตสฺส พฺราหฺมณสฺส ทาตพฺพํ ธนํ ทตฺวา สจฺจํ อนุรกฺขโนฺต สีฆํ ปุน อาคเจฺฉยฺยาสี’’ติ วตฺวา ราชานํ วิสฺสเชฺชสิฯ โส เตน วิสฺสโฎฺฐ ‘‘ตฺวํ มา จินฺตยิ, อหํ ปาโตว อาคมิสฺสามี’’ติ วตฺวา มคฺคนิมิตฺตานิ สลฺลเกฺขโนฺต อตฺตโน พลกายํ อุปคนฺตฺวา เตน ปริวุโต นครํ ปวิสิตฺวา นนฺทพฺราหฺมณํ ปโกฺกสาเปตฺวา มหารเห อาสเน นิสีทาเปตฺวา ตา คาถา สุตฺวา จตฺตาริ สหสฺสานิ ทตฺวา ยานํ อาโรเปตฺวา ‘‘อิมํ ตกฺกสิลเมว เนถา’’ติ มนุเสฺส ทตฺวา พฺราหฺมณํ อุโยฺยเชตฺวา ทุติยทิวเส โปริสาทสฺส สนฺติกํ คนฺตุกาโม ปุตฺตํ รเชฺช ปติฎฺฐเปตุํ อนุสาสนิญฺจ เทโนฺต ตมตฺถํ อาโรเจสิฯ เตน วุตฺตํ –
Atha rājā ‘‘maṃsanikkayenāyaṃ na maṃ muñcati, mayā ca migavaṃ āgacchantena tassa brāhmaṇassa ‘āgantvā te dhanaṃ dassāmī’ti paṭiññā katā. Sacāyaṃ yakkho anujānissati, saccaṃ anurakkhanto gehaṃ gantvā taṃ paṭiññaṃ mocetvā puna imassa yakkhassa bhattatthaṃ āgaccheyya’’nti cintetvā tassa tamatthaṃ ārocesi. Taṃ sutvā porisādo ‘‘sace tvaṃ saccaṃ anurakkhanto gantukāmosi, gantvā tassa brāhmaṇassa dātabbaṃ dhanaṃ datvā saccaṃ anurakkhanto sīghaṃ puna āgaccheyyāsī’’ti vatvā rājānaṃ vissajjesi. So tena vissaṭṭho ‘‘tvaṃ mā cintayi, ahaṃ pātova āgamissāmī’’ti vatvā magganimittāni sallakkhento attano balakāyaṃ upagantvā tena parivuto nagaraṃ pavisitvā nandabrāhmaṇaṃ pakkosāpetvā mahārahe āsane nisīdāpetvā tā gāthā sutvā cattāri sahassāni datvā yānaṃ āropetvā ‘‘imaṃ takkasilameva nethā’’ti manusse datvā brāhmaṇaṃ uyyojetvā dutiyadivase porisādassa santikaṃ gantukāmo puttaṃ rajje patiṭṭhapetuṃ anusāsaniñca dento tamatthaṃ ārocesi. Tena vuttaṃ –
๗๘.
78.
‘‘มิควํ คเหตฺวา มุญฺจสฺสุ, กตฺวา อาคมนํ ปุน;
‘‘Migavaṃ gahetvā muñcassu, katvā āgamanaṃ puna;
พฺราหฺมณสฺส ธนํ ทตฺวา, ปิตา อามนฺตยี มมํฯ
Brāhmaṇassa dhanaṃ datvā, pitā āmantayī mamaṃ.
๗๙.
79.
‘‘รชฺชํ ปุตฺต ปฎิปชฺช, มา ปมชฺชิ ปุรํ อิทํ;
‘‘Rajjaṃ putta paṭipajja, mā pamajji puraṃ idaṃ;
กตํ เม โปริสาเทน, มม อาคมนํ ปุนา’’ติฯ
Kataṃ me porisādena, mama āgamanaṃ punā’’ti.
ตตฺถ อาคมนํ ปุนาติ ปุน อาคมนํ ปฎิญฺญาตสฺส โปริสาทสฺส สงฺครํ กตฺวาฯ พฺราหฺมณสฺส ธนํ ทตฺวาติ ตกฺกสิลโต อาคตสฺส นนฺทนามสฺส พฺราหฺมณสฺส ตา คาถา สุตฺวา จตุสหสฺสปริมาณํ ธนํ ทตฺวาฯ ปิตา อามนฺตยี มมนฺติ มม ปิตา ชยทฺทิสราชา มํ อามเนฺตสิฯ
Tattha āgamanaṃ punāti puna āgamanaṃ paṭiññātassa porisādassa saṅgaraṃ katvā. Brāhmaṇassa dhanaṃ datvāti takkasilato āgatassa nandanāmassa brāhmaṇassa tā gāthā sutvā catusahassaparimāṇaṃ dhanaṃ datvā. Pitā āmantayī mamanti mama pitā jayaddisarājā maṃ āmantesi.
กถํ อามเนฺตสีติ เจ? อาห ‘‘รชฺช’’นฺติอาทิฯ ตสฺสโตฺถ – ปุตฺต, ตฺวํ อิมํ กุลสนฺตกํ รชฺชํ ปฎิปชฺช, ยถาหํ ธเมฺมน สเมน รชฺชํ กาเรมิ, เอวํ ตฺวมฺปิ ฉตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา รชฺชํ กาเรหิฯ ตฺวํ อิทํ ปุรํ รกฺขโนฺต รชฺชญฺจ กาเรโนฺต มา ปมาทมาปชฺชิ, อสุกสฺมิํ ฐาเน นิโคฺรธรุกฺขมูเล โปริสาเทน ยเกฺขน กตเมตํ มยา สงฺครํ มม ปุน ตสฺส สนฺติกํ อาคมนํ อุทฺทิสฺส, เกวลํ ตสฺส พฺราหฺมณสฺส ธนทานตฺถํ อิธาคโต สจฺจํ อนุรกฺขโนฺต, ตสฺมา ตตฺถาหํ คมิสฺสามีติฯ
Kathaṃ āmantesīti ce? Āha ‘‘rajja’’ntiādi. Tassattho – putta, tvaṃ imaṃ kulasantakaṃ rajjaṃ paṭipajja, yathāhaṃ dhammena samena rajjaṃ kāremi, evaṃ tvampi chattaṃ ussāpetvā rajjaṃ kārehi. Tvaṃ idaṃ puraṃ rakkhanto rajjañca kārento mā pamādamāpajji, asukasmiṃ ṭhāne nigrodharukkhamūle porisādena yakkhena katametaṃ mayā saṅgaraṃ mama puna tassa santikaṃ āgamanaṃ uddissa, kevalaṃ tassa brāhmaṇassa dhanadānatthaṃ idhāgato saccaṃ anurakkhanto, tasmā tatthāhaṃ gamissāmīti.
ตํ สุตฺวา มหาสโตฺต ‘‘มา โข ตฺวํ, มหาราช, ตตฺถ อคมาสิ, อหํ ตตฺถ คมิสฺสามิฯ สเจ ปน ตฺวํ, ตาต, คมิสฺสสิเยว, อหมฺปิ ตยา สทฺธิํ คมิสฺสามิเยวา’’ติฯ ‘‘เอวํ สเนฺต มยํ อุโภปิ น ภวิสฺสาม, ตสฺมา อหเมว ตตฺถ คมิสฺสามี’’ติ นานปฺปกาเรน วาเรนฺตํ ราชานํ สญฺญาเปตฺวา มาตาปิตโร วนฺทิตฺวา ปิตุ อตฺถาย อตฺตานํ ปริจฺจชิตฺวา โสตฺถิภาวาย ปิตริ สาสิตวาทํ ปยุญฺชมาเน มาตุภคินิภริยาสุ จ สจฺจกิริยํ กโรนฺตีสุ อาวุธํ คเหตฺวา นครโต นิกฺขมิตฺวา อสฺสุปุณฺณมุขํ มหาชนํ อนุพนฺธนฺตํ อาปุจฺฉิตฺวา ปิตรา อกฺขาตนเยน ยกฺขวาสมคฺคํ ปฎิปชฺชิฯ ยกฺขินิปุโตฺตปิ ‘‘ขตฺติยา นาม พหุมายา, โก ชานาติ กิํ ภวิสฺสตี’’ติ รุกฺขํ อภิรุหิตฺวา รโญฺญ อาคมนํ โอโลเกโนฺต นิสิโนฺน กุมารํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘ปิตรํ นิวเตฺตตฺวา ปุโตฺต อาคโต ภวิสฺสติ, นตฺถิ เม ภย’’นฺติ โอตริตฺวา ตสฺส ปิฎฺฐิํ ทเสฺสตฺวาว นิสีทิฯ มหาสโตฺต อาคนฺตฺวา ตสฺส ปุรโต อฎฺฐาสิฯ เตน วุตฺตํ –
Taṃ sutvā mahāsatto ‘‘mā kho tvaṃ, mahārāja, tattha agamāsi, ahaṃ tattha gamissāmi. Sace pana tvaṃ, tāta, gamissasiyeva, ahampi tayā saddhiṃ gamissāmiyevā’’ti. ‘‘Evaṃ sante mayaṃ ubhopi na bhavissāma, tasmā ahameva tattha gamissāmī’’ti nānappakārena vārentaṃ rājānaṃ saññāpetvā mātāpitaro vanditvā pitu atthāya attānaṃ pariccajitvā sotthibhāvāya pitari sāsitavādaṃ payuñjamāne mātubhaginibhariyāsu ca saccakiriyaṃ karontīsu āvudhaṃ gahetvā nagarato nikkhamitvā assupuṇṇamukhaṃ mahājanaṃ anubandhantaṃ āpucchitvā pitarā akkhātanayena yakkhavāsamaggaṃ paṭipajji. Yakkhiniputtopi ‘‘khattiyā nāma bahumāyā, ko jānāti kiṃ bhavissatī’’ti rukkhaṃ abhiruhitvā rañño āgamanaṃ olokento nisinno kumāraṃ āgacchantaṃ disvā ‘‘pitaraṃ nivattetvā putto āgato bhavissati, natthi me bhaya’’nti otaritvā tassa piṭṭhiṃ dassetvāva nisīdi. Mahāsatto āgantvā tassa purato aṭṭhāsi. Tena vuttaṃ –
๘๐.
80.
‘‘มาตาปิตู จ วนฺทิตฺวา, นิมฺมินิตฺวาน อตฺตนา;
‘‘Mātāpitū ca vanditvā, nimminitvāna attanā;
นิกฺขิปิตฺวา ธนุํ ขคฺคํ, โปริสาทํ อุปาคมิ’’นฺติฯ
Nikkhipitvā dhanuṃ khaggaṃ, porisādaṃ upāgami’’nti.
๘๑. สสตฺถหตฺถูปคตนฺติ สสตฺถหตฺถํ อุปคตํ อาวุธปาณิํ มํ อตฺตโน สนฺติกํ อุปคตํ ทิสฺวาฯ กทาจิ โส ตสิสฺสตีติ โส ยโกฺข อปิ ตเสยฺยฯ เตน ภิชฺชิสฺสติ สีลนฺติ เตน ตสฺส ตาสุปฺปาทเนน มยฺหํ สีลํ วินสฺสติ สํกิลิสฺสติฯ ปริตาสํ กเต มยีติ มยิ ตสฺส ปริตาสํ กเต สติฯ
81.Sasatthahatthūpagatanti sasatthahatthaṃ upagataṃ āvudhapāṇiṃ maṃ attano santikaṃ upagataṃ disvā. Kadāci so tasissatīti so yakkho api taseyya. Tena bhijjissati sīlanti tena tassa tāsuppādanena mayhaṃ sīlaṃ vinassati saṃkilissati. Paritāsaṃ kate mayīti mayi tassa paritāsaṃ kate sati.
๘๒. สีลขณฺฑภยา มยฺหํ, ตสฺส เทสฺสํ น พฺยาหรินฺติ ยถา จ สีลเภทภเยน นิหิตสโตฺถ ตสฺส สนฺติกํ อคมาสิ, เอวํ มยฺหํ สีลขณฺฑภยา เอว ตสฺส โปริสาทสฺส เทสฺสํ อนิฎฺฐมฺปิ น พฺยาหริํ, เกวลํ ปน เมตฺตจิเตฺตน หิตวาที อิทํ อิทานิ วกฺขมานํ วจนํ อภาสิํฯ
82.Sīlakhaṇḍabhayā mayhaṃ, tassa dessaṃ na byāharinti yathā ca sīlabhedabhayena nihitasattho tassa santikaṃ agamāsi, evaṃ mayhaṃ sīlakhaṇḍabhayā eva tassa porisādassa dessaṃ aniṭṭhampi na byāhariṃ, kevalaṃ pana mettacittena hitavādī idaṃ idāni vakkhamānaṃ vacanaṃ abhāsiṃ.
มหาสโตฺต จ คนฺตฺวา ปุรโต ฐิโตฯ ยกฺขินิปุโตฺต ตํ วีมํสิตุกาโม ‘‘โกสิ ตฺวํ, กุโต อาคโต, กิํ มํ น ชานาสิ ‘ลุโทฺท มนุสฺสมํสขาทโก’ติ, กสฺมา จ อิธาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิฯ กุมาโร ‘‘อหํ ชยทฺทิสรโญฺญ ปุโตฺต, ตฺวํ โปริสาทโกติ ชานามิ, ปิตุ ชีวิตํ รกฺขิตุํ อิธาคโต, ตสฺมา ตํ มุญฺจ, มํ ขาทา’’ติ อาหฯ ปุน ยกฺขินิปุโตฺต มุขากาเรเนว ‘‘ตํ ตสฺส ปุโตฺตติ อหํ ชานามิ, ทุกฺกรํ ปน ตยา กตํ เอวํ อาคจฺฉเนฺตนา’’ติ อาหฯ กุมาโร ‘‘น อิทํ ทุกฺกรํ, ยํ ปิตุ อเตฺถ ชีวิตปริจฺจชนํ, มาตาปิตุเหตุ หิ เอวรูปํ ปุญฺญํ กตฺวา เอกเนฺตเนว สเคฺค ปโมทติ, อหญฺจ ‘อมรณธโมฺม นาม โกจิ สโตฺต นตฺถี’ติ ชานามิ, อตฺตนา จ กิญฺจิ กตํ ปาปํ นาม น สรามิ, ตสฺมา มรณโตปิ เม ภยํ นตฺถิ, อิทํ สรีรํ มยา เต นิสฺสฎฺฐํ, อคฺคิํ ชาเลตฺวา ขาทา’’ติ อาหฯ เตน วุตฺตํ –
Mahāsatto ca gantvā purato ṭhito. Yakkhiniputto taṃ vīmaṃsitukāmo ‘‘kosi tvaṃ, kuto āgato, kiṃ maṃ na jānāsi ‘luddo manussamaṃsakhādako’ti, kasmā ca idhāgatosī’’ti pucchi. Kumāro ‘‘ahaṃ jayaddisarañño putto, tvaṃ porisādakoti jānāmi, pitu jīvitaṃ rakkhituṃ idhāgato, tasmā taṃ muñca, maṃ khādā’’ti āha. Puna yakkhiniputto mukhākāreneva ‘‘taṃ tassa puttoti ahaṃ jānāmi, dukkaraṃ pana tayā kataṃ evaṃ āgacchantenā’’ti āha. Kumāro ‘‘na idaṃ dukkaraṃ, yaṃ pitu atthe jīvitapariccajanaṃ, mātāpituhetu hi evarūpaṃ puññaṃ katvā ekanteneva sagge pamodati, ahañca ‘amaraṇadhammo nāma koci satto natthī’ti jānāmi, attanā ca kiñci kataṃ pāpaṃ nāma na sarāmi, tasmā maraṇatopi me bhayaṃ natthi, idaṃ sarīraṃ mayā te nissaṭṭhaṃ, aggiṃ jāletvā khādā’’ti āha. Tena vuttaṃ –
๘๓.
83.
‘‘อุชฺชาเลหิ มหาอคฺคิํ, ปปติสฺสามิ รุกฺขโต;
‘‘Ujjālehi mahāaggiṃ, papatissāmi rukkhato;
ตฺวํ ปกฺกกาลมญฺญาย, ภกฺขย มํ ปิตามหา’’ติฯ
Tvaṃ pakkakālamaññāya, bhakkhaya maṃ pitāmahā’’ti.
ตํ สุตฺวา ยกฺขินิปุโตฺต ‘‘น สกฺกา อิมสฺส มํสํ ขาทิตุํ, อุปาเยน อิมํ ปลาเปสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา ‘‘เตน หิ อรญฺญํ ปวิสิตฺวา สารทารูนิ อาหริตฺวา นิทฺธูเม องฺคาเร กโรหิ, ตตฺถ เต มํสํ ปจิตฺวา ขาทิสฺสามี’’ติ อาหฯ มหาสโตฺต ตถา กตฺวา ตสฺส อาโรเจสิฯ โส ตํ โอโลเกโนฺต ‘‘อยํ ปุริสสีโห มรณโตปิ ภยํ นตฺถิ, เอวํ นิพฺภโย นาม น มยา ทิฎฺฐปุโพฺพ’’ติ โลมหํสชาโต กุมารํ โอโลเกสิฯ กุมาโร กิสฺส มํ โอโลเกสิ, น ยถาวุตฺตํ กโรสีติฯ ยกฺขินิปุโตฺต มหาสตฺตํ ‘‘สตฺตธา ตสฺส มุทฺธา ผเลยฺย, โย ตํ ขาเทยฺยา’’ติ อาหฯ ‘‘สเจ มํ น ขาทิตุกาโมสิ, อถ กสฺมา อคฺคิํ กาเรสี’’ติ? ‘‘ตว ปริคฺคณฺหนตฺถ’’นฺติฯ ‘‘ตฺวํ อิทานิ มํ กถํ ปริคฺคณฺหิสฺสสิ, สฺวาหํ ติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพโตฺตปิ สกฺกสฺส เทวรโญฺญ อตฺตานํ ปริคฺคณฺหิตุํ น อทาสิ’’นฺติ อิมมตฺถํ ทเสฺสโนฺต –
Taṃ sutvā yakkhiniputto ‘‘na sakkā imassa maṃsaṃ khādituṃ, upāyena imaṃ palāpessāmī’’ti cintetvā ‘‘tena hi araññaṃ pavisitvā sāradārūni āharitvā niddhūme aṅgāre karohi, tattha te maṃsaṃ pacitvā khādissāmī’’ti āha. Mahāsatto tathā katvā tassa ārocesi. So taṃ olokento ‘‘ayaṃ purisasīho maraṇatopi bhayaṃ natthi, evaṃ nibbhayo nāma na mayā diṭṭhapubbo’’ti lomahaṃsajāto kumāraṃ olokesi. Kumāro kissa maṃ olokesi, na yathāvuttaṃ karosīti. Yakkhiniputto mahāsattaṃ ‘‘sattadhā tassa muddhā phaleyya, yo taṃ khādeyyā’’ti āha. ‘‘Sace maṃ na khāditukāmosi, atha kasmā aggiṃ kāresī’’ti? ‘‘Tava pariggaṇhanattha’’nti. ‘‘Tvaṃ idāni maṃ kathaṃ pariggaṇhissasi, svāhaṃ tiracchānayoniyaṃ nibbattopi sakkassa devarañño attānaṃ pariggaṇhituṃ na adāsi’’nti imamatthaṃ dassento –
‘‘อิทญฺหิ โส พฺราหฺมณํ มญฺญมาโน, สโส อวาเสสิ สเก สรีเร;
‘‘Idañhi so brāhmaṇaṃ maññamāno, saso avāsesi sake sarīre;
เตเนว โส จนฺทิมา เทวปุโตฺต, สสตฺถุโต กามทุหชฺช ยกฺขา’’ติฯ(ชา. ๑.๑๖.๙๓) –
Teneva so candimā devaputto, sasatthuto kāmaduhajja yakkhā’’ti.(jā. 1.16.93) –
คาถมาหฯ
Gāthamāha.
ตตฺถ สโส อวาเสสิ สเก สรีเรติ อตฺตโน สรีรเหตุ อิมํ สรีรํ ขาทิตฺวา อิธ วสาติ เอวํ สเก สรีเร อตฺตโน สรีรํ เทโนฺต ตํ พฺราหฺมณรูปํ สกฺกํ ตตฺถ วาเสสิฯ สสตฺถุโตติ ‘‘สสี’’ติ เอวํ สสสเทฺทน ถุโตฯ กามทุโหติ กามวฑฺฒโนฯ ยกฺขาติ เทวฯ
Tattha saso avāsesi sake sarīreti attano sarīrahetu imaṃ sarīraṃ khāditvā idha vasāti evaṃ sake sarīre attano sarīraṃ dento taṃ brāhmaṇarūpaṃ sakkaṃ tattha vāsesi. Sasatthutoti ‘‘sasī’’ti evaṃ sasasaddena thuto. Kāmaduhoti kāmavaḍḍhano. Yakkhāti deva.
เอวํ มหาสโตฺต จเนฺท สสลกฺขณํ กปฺปฎฺฐิยํ ปาฎิหาริยํ สกฺขิํ กตฺวา อตฺตโน สเกฺกนปิ ปริคฺคณฺหิตุํ อสกฺกุเณยฺยตํ อภาสิฯ ตํ สุตฺวา โปริสาโท อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาโต –
Evaṃ mahāsatto cande sasalakkhaṇaṃ kappaṭṭhiyaṃ pāṭihāriyaṃ sakkhiṃ katvā attano sakkenapi pariggaṇhituṃ asakkuṇeyyataṃ abhāsi. Taṃ sutvā porisādo acchariyabbhutacittajāto –
‘‘จโนฺท ยถา ราหุมุขา ปมุโตฺต, วิโรจเต ปนฺนรเสว ภาณุมา;
‘‘Cando yathā rāhumukhā pamutto, virocate pannaraseva bhāṇumā;
เอวํ ตุวํ โปริสาทา ปมุโตฺต, วิโรจ กปิเล มหานุภาว;
Evaṃ tuvaṃ porisādā pamutto, viroca kapile mahānubhāva;
อาโมทยํ ปิตรํ มาตรญฺจ, สโพฺพ จ เต นนฺทตุ ญาติปโกฺข’’ติฯ (ชา. ๑.๑๖.๙๔) –
Āmodayaṃ pitaraṃ mātarañca, sabbo ca te nandatu ñātipakkho’’ti. (jā. 1.16.94) –
คาถํ วตฺวา ‘‘คจฺฉ มหาวีรา’’ติ กุมารํ วิสฺสเชฺชสิฯ โสปิ ตํ นิพฺพิเสวนํ กตฺวา ปญฺจ สีลานิ ทตฺวา ‘‘ยโกฺข นุ โข เอส, โน’’ติ วีมํสโนฺต ‘‘ยกฺขานํ อกฺขีนิ รตฺตานิ โหนฺติ อนิมิสานิ จ, ฉายา จ น ปญฺญายติ, อสมฺภีโต โหติ, น อิมสฺส ตถาฯ ตสฺมา นายํ ยโกฺข มนุโสฺส เอโส, มยฺหํ กิร ปิตุ ตโย ภาตโร ยกฺขินิยา คหิตา, เตสุ ตาย เทฺว ขาทิตา ภวิสฺสนฺติ, เอโก ปุตฺตสิเนเหน ปฎิชคฺคิโต ภวิสฺสติฯ อิมินา เตน ภวิตพฺพ’’นฺติ นยคฺคาเหน อนุมาเนน สพฺพญฺญุตญฺญาเณน วิย อวิปรีตโต นิฎฺฐํ คนฺตฺวา ‘‘มยฺหํ ปิตุ อาจิกฺขิตฺวา รเชฺช ปติฎฺฐาเปสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา ‘‘น ตฺวํ ยโกฺข, ปิตุ เม เชฎฺฐภาติโกสิ, เอหิ มยา สทฺธิํ คนฺตฺวา กุลสนฺตกํ รชฺชํ ปฎิปชฺชาหี’’ติ อาหฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ตฺวํ ปิตามหา’’ติ, ตฺวํ มม มหาปิตาติ อโตฺถฯ อิตเรน ‘‘นาหํ มนุโสฺส’’ติ วุเตฺต เตน สทฺธาตพฺพสฺส ทิพฺพจกฺขุกตาปสสฺส สนฺติกํ เนสิฯ ตาปเสน ‘‘กิํ กโรนฺตา ปิตา ปุตฺตา อรเญฺญ วิจรถา’’ติ ปิตุภาเว กถิเต โปริสาโท สทฺทหิตฺวา ‘‘คจฺฉ, ตาต, ตฺวํ, น เม รเชฺชน อโตฺถ, ปพฺพชิสฺสามห’’นฺติ ตาปสสฺส สนฺติเก อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิฯ เตน วุตฺตํ –
Gāthaṃ vatvā ‘‘gaccha mahāvīrā’’ti kumāraṃ vissajjesi. Sopi taṃ nibbisevanaṃ katvā pañca sīlāni datvā ‘‘yakkho nu kho esa, no’’ti vīmaṃsanto ‘‘yakkhānaṃ akkhīni rattāni honti animisāni ca, chāyā ca na paññāyati, asambhīto hoti, na imassa tathā. Tasmā nāyaṃ yakkho manusso eso, mayhaṃ kira pitu tayo bhātaro yakkhiniyā gahitā, tesu tāya dve khāditā bhavissanti, eko puttasinehena paṭijaggito bhavissati. Iminā tena bhavitabba’’nti nayaggāhena anumānena sabbaññutaññāṇena viya aviparītato niṭṭhaṃ gantvā ‘‘mayhaṃ pitu ācikkhitvā rajje patiṭṭhāpessāmī’’ti cintetvā ‘‘na tvaṃ yakkho, pitu me jeṭṭhabhātikosi, ehi mayā saddhiṃ gantvā kulasantakaṃ rajjaṃ paṭipajjāhī’’ti āha. Tena vuttaṃ ‘‘tvaṃ pitāmahā’’ti, tvaṃ mama mahāpitāti attho. Itarena ‘‘nāhaṃ manusso’’ti vutte tena saddhātabbassa dibbacakkhukatāpasassa santikaṃ nesi. Tāpasena ‘‘kiṃ karontā pitā puttā araññe vicarathā’’ti pitubhāve kathite porisādo saddahitvā ‘‘gaccha, tāta, tvaṃ, na me rajjena attho, pabbajissāmaha’’nti tāpasassa santike isipabbajjaṃ pabbaji. Tena vuttaṃ –
๘๔.
84.
‘‘อิติ สีลวตํ เหตุ, นารกฺขิํ มม ชีวิตํ;
‘‘Iti sīlavataṃ hetu, nārakkhiṃ mama jīvitaṃ;
ปพฺพาเชสิํ จหํ ตสฺส, สทา ปาณาติปาติก’’นฺติฯ
Pabbājesiṃ cahaṃ tassa, sadā pāṇātipātika’’nti.
ตตฺถ สีลวตํ เหตูติ สีลวนฺตานํ มม ปิตูนํ เหตุฯ อถ วา สีลวตํ เหตูติ สีลวตเหตุ, มยฺหํ สีลวตสมาทานนิมิตฺตํ ตสฺส อภิชฺชนตฺถํฯ ตสฺสาติ ตํ โปริสาทํฯ
Tattha sīlavataṃ hetūti sīlavantānaṃ mama pitūnaṃ hetu. Atha vā sīlavataṃ hetūti sīlavatahetu, mayhaṃ sīlavatasamādānanimittaṃ tassa abhijjanatthaṃ. Tassāti taṃ porisādaṃ.
อถ มหาสโตฺต อตฺตโน มหาปิตรํ ปพฺพชิตํ วนฺทิตฺวา นครสฺส สมีปํ คนฺตฺวา ‘‘กุมาโร กิร อาคโต’’ติ สุตฺวา หฎฺฐตุเฎฺฐน รญฺญา นาคเรหิ เนคมชานปเทหิ จ ปจฺจุคฺคโต ราชานํ วนฺทิตฺวา สพฺพํ ปวตฺติํ อาโรเจสิฯ ตํ สุตฺวา ราชา ตงฺขณเญฺญว เภริํ จราเปตฺวา มหเนฺตน ปริวาเรน ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘เอหิ, ภาติก, รชฺชํ ปฎิปชฺชาหี’’ติ อาหฯ ‘‘อลํ, มหาราชา’’ติฯ ‘‘เตน หิ มยฺหํ อุยฺยาเน วสา’’ติฯ ‘‘น อาคจฺฉามี’’ติฯ ราชา ตสฺส อสฺสมสฺส อวิทูเร คามํ นิเวเสตฺวา ภิกฺขํ ปฎฺฐเปสิฯ โส จูฬกมฺมาสทมฺมนิคโม นาม ชาโตฯ
Atha mahāsatto attano mahāpitaraṃ pabbajitaṃ vanditvā nagarassa samīpaṃ gantvā ‘‘kumāro kira āgato’’ti sutvā haṭṭhatuṭṭhena raññā nāgarehi negamajānapadehi ca paccuggato rājānaṃ vanditvā sabbaṃ pavattiṃ ārocesi. Taṃ sutvā rājā taṅkhaṇaññeva bheriṃ carāpetvā mahantena parivārena tassa santikaṃ gantvā ‘‘ehi, bhātika, rajjaṃ paṭipajjāhī’’ti āha. ‘‘Alaṃ, mahārājā’’ti. ‘‘Tena hi mayhaṃ uyyāne vasā’’ti. ‘‘Na āgacchāmī’’ti. Rājā tassa assamassa avidūre gāmaṃ nivesetvā bhikkhaṃ paṭṭhapesi. So cūḷakammāsadammanigamo nāma jāto.
ตทา มาตาปิตโร มหาราชกุลานิ อเหสุํ, ตาปโส สาริปุโตฺต, โปริสาโท องฺคุลิมาโล, กนิฎฺฐา อุปฺปลวณฺณา, อคฺคมเหสี ราหุลมาตา, อลีนสตฺตุกุมาโร โลกนาโถฯ
Tadā mātāpitaro mahārājakulāni ahesuṃ, tāpaso sāriputto, porisādo aṅgulimālo, kaniṭṭhā uppalavaṇṇā, aggamahesī rāhulamātā, alīnasattukumāro lokanātho.
ตสฺส อิธาปิ เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว ยถารหํ เสสปารมิโย นิทฺธาเรตพฺพาฯ ตถา ปิตรา นิวาริยมาโน อตฺตโน ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา ปิตุ ชีวิตรกฺขณตฺถํ ‘‘โปริสาทสฺส สนฺติกํ คมิสฺสามี’’ติ นิจฺฉโย, ตสฺส จ สนฺตาสปริหรณตฺถํ นิหิตสตฺถสฺส คมนํ, ‘‘อตฺตโน สีลขณฺฑนํ มา โหตู’’ติ เตน ปิยวาจาย สมุทาจาโร, เตน จ นานานเยหิ ปริคฺคณฺหิยมานสฺส มรณสนฺตาสาภาโว, ปิตุ อเตฺถ มยฺหํ สรีรํ สผลํ กริสฺสามีติ หฎฺฐตุฎฺฐภาโว, สเกฺกนาปิ ปริคฺคณฺหิตุํ อสกฺกุเณยฺยสฺส สสชาติยมฺปิ ปริจฺจาคตฺถํ อตฺตโน ชีวิตนิรเปกฺขภาวสฺส ชานนํ, เตน สมาคเมปิ โอสฺสเฎฺฐปิ จิตฺตสฺส วิการาภาโว, ตสฺส จ มนุสฺสภาวมหาปิตุภาวานํ อวิปรีตโต ชานนํ, ญาตมเตฺต จ ตํ กุลสนฺตเก รเชฺช ปติฎฺฐาเปตุกามตา, ธมฺมเทสนาย สํเวเชตฺวา สีเลสุ ปติฎฺฐาปนนฺติฯ เอวมาทโย อิธ โพธิสตฺตสฺส คุณานุภาวา วิภาเวตพฺพาติฯ
Tassa idhāpi heṭṭhā vuttanayeneva yathārahaṃ sesapāramiyo niddhāretabbā. Tathā pitarā nivāriyamāno attano jīvitaṃ pariccajitvā pitu jīvitarakkhaṇatthaṃ ‘‘porisādassa santikaṃ gamissāmī’’ti nicchayo, tassa ca santāsapariharaṇatthaṃ nihitasatthassa gamanaṃ, ‘‘attano sīlakhaṇḍanaṃ mā hotū’’ti tena piyavācāya samudācāro, tena ca nānānayehi pariggaṇhiyamānassa maraṇasantāsābhāvo, pitu atthe mayhaṃ sarīraṃ saphalaṃ karissāmīti haṭṭhatuṭṭhabhāvo, sakkenāpi pariggaṇhituṃ asakkuṇeyyassa sasajātiyampi pariccāgatthaṃ attano jīvitanirapekkhabhāvassa jānanaṃ, tena samāgamepi ossaṭṭhepi cittassa vikārābhāvo, tassa ca manussabhāvamahāpitubhāvānaṃ aviparītato jānanaṃ, ñātamatte ca taṃ kulasantake rajje patiṭṭhāpetukāmatā, dhammadesanāya saṃvejetvā sīlesu patiṭṭhāpananti. Evamādayo idha bodhisattassa guṇānubhāvā vibhāvetabbāti.
อลีนสตฺตุจริยาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Alīnasattucariyāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / จริยาปิฎกปาฬิ • Cariyāpiṭakapāḷi / ๙. อลีนสตฺตุจริยา • 9. Alīnasattucariyā