Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สุตฺตนิปาต-อฎฺฐกถา • Suttanipāta-aṭṭhakathā |
๒. อามคนฺธสุตฺตวณฺณนา
2. Āmagandhasuttavaṇṇanā
สามากจิงฺคูลกจีนกานิ จาติ อามคนฺธสุตฺตํฯ กา อุปฺปตฺติ? อนุปฺปเนฺน ภควติ อามคโนฺธ นาม พฺราหฺมโณ ปญฺจหิ มาณวกสเตหิ สทฺธิํ ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา ปพฺพตนฺตเร อสฺสมํ การาเปตฺวา วนมูลผลาหาโร หุตฺวา ตตฺถ ปฎิวสติ, น กทาจิ มจฺฉมํสํ ขาทติฯ อถ เตสํ ตาปสานํ โลณมฺพิลาทีนิ อปริภุญฺชนฺตานํ ปณฺฑุโรโค อุปฺปชฺชิฯ ตโต เต ‘‘โลณมฺพิลาทิเสวนตฺถาย มนุสฺสปถํ คจฺฉามา’’ติ ปจฺจนฺตคามํ สมฺปตฺตาฯ ตตฺถ มนุสฺสา เตสุ ปสีทิตฺวา นิมเนฺตตฺวา โภเชสุํ, กตภตฺตกิจฺจานํ เนสํ มญฺจปีฐปริโภคภาชนปาทมกฺขนาทีนิ อุปเนตฺวา ‘‘เอตฺถ, ภเนฺต, วสถ, มา อุกฺกณฺฐิตฺถา’’ติ วสนฎฺฐานํ ทเสฺสตฺวา ปกฺกมิํสุฯ ทุติยทิวเสปิ เนสํ ทานํ ทตฺวา ปุน ฆรปฎิปาฎิยา เอเกกทิวสํ ทานมทํสุฯ ตาปสา จตุมาสํ ตตฺถ วสิตฺวา โลณมฺพิลาทิเสวนาย ถิรภาวปฺปตฺตสรีรา หุตฺวา ‘‘มยํ, อาวุโส, คจฺฉามา’’ติ มนุสฺสานํ อาโรเจสุํฯ มนุสฺสา เตสํ เตลตณฺฑุลาทีนิ อทํสุฯ เต ตานิ อาทาย อตฺตโน อสฺสมเมว อคมํสุฯ ตญฺจ คามํ ตเถว สํวจฺฉเร สํวจฺฉเร อาคมิํสุฯ มนุสฺสาปิ เตสํ อาคมนกาลํ วิทิตฺวา ทานตฺถาย ตณฺฑุลาทีนิ สเชฺชตฺวาว อจฺฉนฺติ, อาคเต จ เน ตเถว สมฺมาเนนฺติฯ
Sāmākaciṅgūlakacīnakānicāti āmagandhasuttaṃ. Kā uppatti? Anuppanne bhagavati āmagandho nāma brāhmaṇo pañcahi māṇavakasatehi saddhiṃ tāpasapabbajjaṃ pabbajitvā himavantaṃ pavisitvā pabbatantare assamaṃ kārāpetvā vanamūlaphalāhāro hutvā tattha paṭivasati, na kadāci macchamaṃsaṃ khādati. Atha tesaṃ tāpasānaṃ loṇambilādīni aparibhuñjantānaṃ paṇḍurogo uppajji. Tato te ‘‘loṇambilādisevanatthāya manussapathaṃ gacchāmā’’ti paccantagāmaṃ sampattā. Tattha manussā tesu pasīditvā nimantetvā bhojesuṃ, katabhattakiccānaṃ nesaṃ mañcapīṭhaparibhogabhājanapādamakkhanādīni upanetvā ‘‘ettha, bhante, vasatha, mā ukkaṇṭhitthā’’ti vasanaṭṭhānaṃ dassetvā pakkamiṃsu. Dutiyadivasepi nesaṃ dānaṃ datvā puna gharapaṭipāṭiyā ekekadivasaṃ dānamadaṃsu. Tāpasā catumāsaṃ tattha vasitvā loṇambilādisevanāya thirabhāvappattasarīrā hutvā ‘‘mayaṃ, āvuso, gacchāmā’’ti manussānaṃ ārocesuṃ. Manussā tesaṃ telataṇḍulādīni adaṃsu. Te tāni ādāya attano assamameva agamaṃsu. Tañca gāmaṃ tatheva saṃvacchare saṃvacchare āgamiṃsu. Manussāpi tesaṃ āgamanakālaṃ viditvā dānatthāya taṇḍulādīni sajjetvāva acchanti, āgate ca ne tatheva sammānenti.
อถ ภควา โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจโกฺก อนุปุเพฺพน สาวตฺถิํ คนฺตฺวา ตตฺถ วิหรโนฺต เตสํ ตาปสานํ อุปนิสฺสยสมฺปตฺติํ ทิสฺวา ตโต นิกฺขมฺม ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต จาริกํ จรมาโน อนุปุเพฺพน ตํ คามํ อนุปฺปโตฺตฯ มนุสฺสา ภควนฺตํ ทิสฺวา มหาทานานิ อทํสุฯ ภควา เตสํ ธมฺมํ เทเสสิฯ เต ตาย ธมฺมเทสนาย อเปฺปกเจฺจ โสตาปนฺนา, เอกเจฺจ สกทาคามิโน, เอกเจฺจ อนาคามิโน อเหสุํ, เอกเจฺจ ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิํสุฯ ภควา ปุนเทว สาวตฺถิํ ปจฺจาคมาสิฯ อถ เต ตาปสา ตํ คามํ อาคมิํสุฯ มนุสฺสา ตาปเส ทิสฺวา น ปุพฺพสทิสํ โกตูหลมกํสุฯ ตาปสา ตํ ปุจฺฉิํสุ – ‘‘กิํ, อาวุโส, อิเม มนุสฺสา น ปุพฺพสทิสา, กิํ นุ โข อยํ คาโม ราชทเณฺฑน อุปทฺทุโต, อุทาหุ ทุพฺภิเกฺขน, อุทาหุ อเมฺหหิ สีลาทิคุเณหิ สมฺปนฺนตโร โกจิ ปพฺพชิโต อิมํ คามมนุปฺปโตฺต’’ติ? เต อาหํสุ – ‘‘น, ภเนฺต, ราชทเณฺฑน, น ทุพฺภิเกฺขนายํ คาโม อุปทฺทุโต, อปิจ พุโทฺธ โลเก อุปฺปโนฺน, โส ภควา พหุชนหิตาย ธมฺมํ เทเสโนฺต อิธาคโต’’ติฯ
Atha bhagavā loke uppajjitvā pavattitavaradhammacakko anupubbena sāvatthiṃ gantvā tattha viharanto tesaṃ tāpasānaṃ upanissayasampattiṃ disvā tato nikkhamma bhikkhusaṅghaparivuto cārikaṃ caramāno anupubbena taṃ gāmaṃ anuppatto. Manussā bhagavantaṃ disvā mahādānāni adaṃsu. Bhagavā tesaṃ dhammaṃ desesi. Te tāya dhammadesanāya appekacce sotāpannā, ekacce sakadāgāmino, ekacce anāgāmino ahesuṃ, ekacce pabbajitvā arahattaṃ pāpuṇiṃsu. Bhagavā punadeva sāvatthiṃ paccāgamāsi. Atha te tāpasā taṃ gāmaṃ āgamiṃsu. Manussā tāpase disvā na pubbasadisaṃ kotūhalamakaṃsu. Tāpasā taṃ pucchiṃsu – ‘‘kiṃ, āvuso, ime manussā na pubbasadisā, kiṃ nu kho ayaṃ gāmo rājadaṇḍena upadduto, udāhu dubbhikkhena, udāhu amhehi sīlādiguṇehi sampannataro koci pabbajito imaṃ gāmamanuppatto’’ti? Te āhaṃsu – ‘‘na, bhante, rājadaṇḍena, na dubbhikkhenāyaṃ gāmo upadduto, apica buddho loke uppanno, so bhagavā bahujanahitāya dhammaṃ desento idhāgato’’ti.
ตํ สุตฺวา อามคนฺธตาปโส ‘‘พุโทฺธติ, คหปตโย, วเทถา’’ติ? ‘‘พุโทฺธติ, ภเนฺต, วทามา’’ติ ติกฺขตฺตุํ วตฺวา ‘‘โฆโสปิ โข เอโส ทุลฺลโภ โลกสฺมิํ, ยทิทํ พุโทฺธ’’ติ อตฺตมโน อตฺตมนวาจํ นิจฺฉาเรตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘กิํ นุ โข โส พุโทฺธ อามคนฺธํ ภุญฺชติ, น ภุญฺชตี’’ติ? ‘‘โก, ภเนฺต, อามคโนฺธ’’ติ? ‘‘อามคโนฺธ นาม มจฺฉมํสํ, คหปตโย’’ติฯ ‘‘ภควา, ภเนฺต, มจฺฉมํสํ ปริภุญฺชตี’’ติฯ ตํ สุตฺวา ตาปโส วิปฺปฎิสารี อโหสิ – ‘‘มาเหว โข ปน พุโทฺธ สิยา’’ติ ฯ ปุน จิเนฺตสิ – ‘‘พุทฺธานํ ปาตุภาโว นาม ทุลฺลโภ, คนฺตฺวา พุทฺธํ ทิสฺวา ปุจฺฉิตฺวา ชานิสฺสามี’’ติฯ ตโต เยน ภควา คโต, ตํ มคฺคํ มนุเสฺส ปุจฺฉิตฺวา วจฺฉคิทฺธินี คาวี วิย ตุริตตุริโต สพฺพตฺถ เอกรตฺติวาเสน สาวตฺถิํ อนุปฺปตฺวา เชตวนเมว ปาวิสิ สทฺธิํ สกาย ปริสายฯ ภควาปิ ตสฺมิํ สมเย ธมฺมเทสนตฺถาย อาสเน นิสิโนฺน เอว โหติฯ ตาปสา ภควนฺตํ อุปสงฺกมฺม ตุณฺหีภูตา อนภิวาเทตฺวาว เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ ภควา ‘‘กจฺจิ โว อิสโย ขมนีย’’นฺติอาทินา นเยน เตหิ สทฺธิํ ปฎิสโมฺมทิฯ เตปิ ‘‘ขมนียํ, โภ โคตมา’’ติอาทิมาหํสุฯ ตโต อามคโนฺธ ภควนฺตํ ปุจฺฉิ – ‘‘อามคนฺธํ, โภ โคตม, ภุญฺชสิ, น ภุญฺชสี’’ติ? ‘‘โก โส, พฺราหฺมณ, อามคโนฺธ นามา’’ติ? ‘‘มจฺฉมํสํ, โภ โคตมา’’ติฯ ภควา ‘‘น, พฺราหฺมณ, มจฺฉมํสํ อามคโนฺธฯ อปิจ โข อามคโนฺธ นาม สเพฺพ กิเลสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา’’ติ วตฺวา ‘‘น, พฺราหฺมณ, อิทานิ ตฺวเมว อามคนฺธํ ปุจฺฉิ, อตีเตปิ ติโสฺส นาม พฺราหฺมโณ กสฺสปํ ภควนฺตํ ปุจฺฉิฯ เอวญฺจ โส ปุจฺฉิ, เอวญฺจสฺส ภควา พฺยากาสี’’ติ ติเสฺสน จ พฺราหฺมเณน กสฺสเปน จ ภควตา วุตฺตคาถาโย เอว อาเนตฺวา ตาหิ คาถาหิ พฺราหฺมณํ สญฺญาเปโนฺต อาห – ‘‘สามากจิงฺคูลกจีนกานิ จา’’ติฯ อยํ ตาว อิมสฺส สุตฺตสฺส อิธ อุปฺปตฺติฯ
Taṃ sutvā āmagandhatāpaso ‘‘buddhoti, gahapatayo, vadethā’’ti? ‘‘Buddhoti, bhante, vadāmā’’ti tikkhattuṃ vatvā ‘‘ghosopi kho eso dullabho lokasmiṃ, yadidaṃ buddho’’ti attamano attamanavācaṃ nicchāretvā pucchi – ‘‘kiṃ nu kho so buddho āmagandhaṃ bhuñjati, na bhuñjatī’’ti? ‘‘Ko, bhante, āmagandho’’ti? ‘‘Āmagandho nāma macchamaṃsaṃ, gahapatayo’’ti. ‘‘Bhagavā, bhante, macchamaṃsaṃ paribhuñjatī’’ti. Taṃ sutvā tāpaso vippaṭisārī ahosi – ‘‘māheva kho pana buddho siyā’’ti . Puna cintesi – ‘‘buddhānaṃ pātubhāvo nāma dullabho, gantvā buddhaṃ disvā pucchitvā jānissāmī’’ti. Tato yena bhagavā gato, taṃ maggaṃ manusse pucchitvā vacchagiddhinī gāvī viya turitaturito sabbattha ekarattivāsena sāvatthiṃ anuppatvā jetavanameva pāvisi saddhiṃ sakāya parisāya. Bhagavāpi tasmiṃ samaye dhammadesanatthāya āsane nisinno eva hoti. Tāpasā bhagavantaṃ upasaṅkamma tuṇhībhūtā anabhivādetvāva ekamantaṃ nisīdiṃsu. Bhagavā ‘‘kacci vo isayo khamanīya’’ntiādinā nayena tehi saddhiṃ paṭisammodi. Tepi ‘‘khamanīyaṃ, bho gotamā’’tiādimāhaṃsu. Tato āmagandho bhagavantaṃ pucchi – ‘‘āmagandhaṃ, bho gotama, bhuñjasi, na bhuñjasī’’ti? ‘‘Ko so, brāhmaṇa, āmagandho nāmā’’ti? ‘‘Macchamaṃsaṃ, bho gotamā’’ti. Bhagavā ‘‘na, brāhmaṇa, macchamaṃsaṃ āmagandho. Apica kho āmagandho nāma sabbe kilesā pāpakā akusalā dhammā’’ti vatvā ‘‘na, brāhmaṇa, idāni tvameva āmagandhaṃ pucchi, atītepi tisso nāma brāhmaṇo kassapaṃ bhagavantaṃ pucchi. Evañca so pucchi, evañcassa bhagavā byākāsī’’ti tissena ca brāhmaṇena kassapena ca bhagavatā vuttagāthāyo eva ānetvā tāhi gāthāhi brāhmaṇaṃ saññāpento āha – ‘‘sāmākaciṅgūlakacīnakāni cā’’ti. Ayaṃ tāva imassa suttassa idha uppatti.
อตีเต ปน กสฺสโป กิร โพธิสโตฺต อฎฺฐาสเงฺขฺยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสญฺจ ปารมิโย ปูเรตฺวา พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺตสฺส พฺราหฺมณสฺส ธนวตี นาม พฺราหฺมณี, ตสฺสา กุจฺฉิมฺหิ ปฎิสนฺธิํ อคฺคเหสิฯ อคฺคสาวโกปิ ตํ ทิวสํเยว เทวโลกา จวิตฺวา อนุปุโรหิตพฺราหฺมณสฺส ปชาปติยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติฯ เอวํ เตสํ เอกทิวสเมว ปฎิสนฺธิคฺคหณญฺจ คพฺภวุฎฺฐานญฺจ อโหสิ, เอกทิวสเมว เอเตสํ เอกสฺส กสฺสโป, เอกสฺส ติโสฺสติ นามมกํสุฯ เต สหปํสุกีฬนกา เทฺว สหายา อนุปุเพฺพน วุฑฺฒิํ อคมิํสุฯ ติสฺสสฺส ปิตา ปุตฺตํ อาณาเปสิ – ‘‘อยํ, ตาต, กสฺสโป นิกฺขมฺม ปพฺพชิตฺวา พุโทฺธ ภวิสฺสติ, ตฺวมฺปิสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ภวนิสฺสรณํ กเรยฺยาสี’’ติฯ โส ‘‘สาธู’’ติ ปฎิสฺสุณิตฺวา โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘อุโภปิ, สมฺม, ปพฺพชิสฺสามา’’ติ อาหฯ โพธิสโตฺต ‘‘สาธู’’ติ ปฎิสฺสุณิฯ ตโต วุฑฺฒิํ อนุปฺปตฺตกาเลปิ ติโสฺส โพธิสตฺตํ อาห – ‘‘เอหิ, สมฺม, ปพฺพชิสฺสามา’’ติ โพธิสโตฺต น นิกฺขมิฯ ติโสฺส ‘‘น ตาวสฺส ญาณํ ปริปากํ คต’’นฺติ สยํ นิกฺขมฺม อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อรเญฺญ ปพฺพตปาเท อสฺสมํ การาเปตฺวา วสติฯ โพธิสโตฺตปิ อปเรน สมเยน ฆเร ฐิโตเยว อานาปานสฺสติํ ปริคฺคเหตฺวา จตฺตาริ ฌานานิ อภิญฺญาโย จ อุปฺปาเทตฺวา ปาสาเทน โพธิมณฺฑสมีปํ คนฺตฺวา ‘‘ปุน ปาสาโท ยถาฐาเนเยว ปติฎฺฐาตู’’ติ อธิฎฺฐาสิ, โส สกฎฺฐาเนเยว ปติฎฺฐาสิฯ อปพฺพชิเตน กิร โพธิมณฺฑํ อุปคนฺตุํ น สกฺกาติฯ โส ปพฺพชิตฺวา โพธิมณฺฑํ ปตฺวา นิสีทิตฺวา สตฺต ทิวเส ปธานโยคํ กตฺวา สตฺตหิ ทิวเสหิ สมฺมาสโมฺพธิํ สจฺฉากาสิฯ
Atīte pana kassapo kira bodhisatto aṭṭhāsaṅkhyeyyāni kappasatasahassañca pāramiyo pūretvā bārāṇasiyaṃ brahmadattassa brāhmaṇassa dhanavatī nāma brāhmaṇī, tassā kucchimhi paṭisandhiṃ aggahesi. Aggasāvakopi taṃ divasaṃyeva devalokā cavitvā anupurohitabrāhmaṇassa pajāpatiyā kucchimhi nibbatti. Evaṃ tesaṃ ekadivasameva paṭisandhiggahaṇañca gabbhavuṭṭhānañca ahosi, ekadivasameva etesaṃ ekassa kassapo, ekassa tissoti nāmamakaṃsu. Te sahapaṃsukīḷanakā dve sahāyā anupubbena vuḍḍhiṃ agamiṃsu. Tissassa pitā puttaṃ āṇāpesi – ‘‘ayaṃ, tāta, kassapo nikkhamma pabbajitvā buddho bhavissati, tvampissa santike pabbajitvā bhavanissaraṇaṃ kareyyāsī’’ti. So ‘‘sādhū’’ti paṭissuṇitvā bodhisattassa santikaṃ gantvā ‘‘ubhopi, samma, pabbajissāmā’’ti āha. Bodhisatto ‘‘sādhū’’ti paṭissuṇi. Tato vuḍḍhiṃ anuppattakālepi tisso bodhisattaṃ āha – ‘‘ehi, samma, pabbajissāmā’’ti bodhisatto na nikkhami. Tisso ‘‘na tāvassa ñāṇaṃ paripākaṃ gata’’nti sayaṃ nikkhamma isipabbajjaṃ pabbajitvā araññe pabbatapāde assamaṃ kārāpetvā vasati. Bodhisattopi aparena samayena ghare ṭhitoyeva ānāpānassatiṃ pariggahetvā cattāri jhānāni abhiññāyo ca uppādetvā pāsādena bodhimaṇḍasamīpaṃ gantvā ‘‘puna pāsādo yathāṭhāneyeva patiṭṭhātū’’ti adhiṭṭhāsi, so sakaṭṭhāneyeva patiṭṭhāsi. Apabbajitena kira bodhimaṇḍaṃ upagantuṃ na sakkāti. So pabbajitvā bodhimaṇḍaṃ patvā nisīditvā satta divase padhānayogaṃ katvā sattahi divasehi sammāsambodhiṃ sacchākāsi.
ตทา อิสิปตเน วีสติสหสฺสา ปพฺพชิตา ปฎิวสนฺติฯ อถ กสฺสโป ภควา เต อามเนฺตตฺวา ธมฺมจกฺกํ ปวเตฺตสิฯ สุตฺตปริโยสาเน สเพฺพว อรหโนฺต อเหสุํฯ โส สุทํ ภควา วีสติภิกฺขุสหสฺสปริวุโต ตเตฺถว อิสิปตเน วสติฯ กิกี จ นํ กาสิราชา จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฎฺฐาติฯ อเถกทิวสํ พาราณสิวาสี เอโก ปุริโส ปพฺพเต จนฺทนสาราทีนิ คเวสโนฺต ติสฺสสฺส ตาปสสฺส อสฺสมํ ปตฺวา ตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ ตาปโส ตํ ทิสฺวา ‘‘กุโต อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘พาราณสิโต, ภเนฺต’’ติฯ ‘‘กา ตตฺถ ปวตฺตี’’ติ? ‘‘ตตฺถ, ภเนฺต, กสฺสโป นาม สมฺมาสมฺพุโทฺธ อุปฺปโนฺน’’ติฯ ตาปโส ทุลฺลภวจนํ สุตฺวา ปีติโสมนสฺสชาโต ปุจฺฉิ – ‘‘กิํ โส อามคนฺธํ ภุญฺชติ, น ภุญฺชตี’’ติ? ‘‘โก ภเนฺต, อามคโนฺธ’’ติ? ‘‘มจฺฉมํสํ อาวุโส’’ติฯ ‘‘ภควา, ภเนฺต, มจฺฉมํสํ ภุญฺชตี’’ติฯ ตํ สุตฺวา ตาปโส วิปฺปฎิสารี หุตฺวา ปุน จิเนฺตสิ – ‘‘คนฺตฺวา ตํ ปุจฺฉิสฺสามิ, สเจ ‘อามคนฺธํ ปริภุญฺชามี’ติ วกฺขติ, ตโต นํ ‘ตุมฺหากํ, ภเนฺต, ชาติยา จ กุลสฺส จ โคตฺตสฺส จ อนนุจฺฉวิกเมต’นฺติ นิวาเรตฺวา ตสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ภวนิสฺสรณํ กริสฺสามี’’ติ สลฺลหุกํ อุปกรณํ คเหตฺวา สพฺพตฺถ เอกรตฺติวาเสน สายนฺหสมเย พาราณสิํ ปตฺวา อิสิปตนเมว ปาวิสิฯ ภควาปิ ตสฺมิํ สมเย ธมฺมเทสนตฺถาย อาสเน นิสิโนฺนเยว โหติฯ ตาปโส ภควนฺตํ อุปสงฺกมฺม อนภิวาเทตฺวา ตุณฺหีภูโต เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ ภควา ตํ ทิสฺวา ปุเพฺพ วุตฺตนเยเนว ปฎิสโมฺมทิฯ โสปิ ‘‘ขมนียํ, โภ กสฺสปา’’ติอาทีนิ วตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา ภควนฺตํ ปุจฺฉิ – ‘‘อามคนฺธํ, โภ กสฺสป, ภุญฺชสิ, น ภุญฺชสี’’ติ? ‘‘นาหํ, พฺราหฺมณ, อามคนฺธํ ภุญฺชามี’’ติฯ ‘‘สาธุ, สาธุ, โภ กสฺสป, ปรกุณปํ อขาทโนฺต สุนฺทรมกาสิ, ยุตฺตเมตํ โภโต กสฺสปสฺส ชาติยา จ กุลสฺส จ โคตฺตสฺส จา’’ติฯ ตโต ภควา ‘‘อหํ กิเลเส สนฺธาย ‘อามคนฺธํ น ภุญฺชามี’ติ วทามิ, พฺราหฺมโณ มจฺฉมํสํ ปเจฺจติ, ยํนูนาหํ เสฺว คามํ ปิณฺฑาย อปวิสิตฺวา กิกีรโญฺญ เคหา อาภตํ ปิณฺฑปาตํ ปริภุเญฺชยฺยํ, เอวํ อามคนฺธํ อารพฺภ กถา ปวตฺติสฺสติฯ ตโต พฺราหฺมณํ ธมฺมเทสนาย สญฺญาเปสฺสามี’’ติ ทุติยทิวเส กาลเสฺสว สรีรปริกมฺมํ กตฺวา คนฺธกุฎิํ ปาวิสิฯ ภิกฺขู คนฺธกุฎิทฺวารํ ปิหิตํ ทิสฺวา ‘‘น ภควา อชฺช ภิกฺขูหิ สทฺธิํ ปวิสิตุกาโม’’ติ ญตฺวา คนฺธกุฎิํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ปิณฺฑาย ปวิสิํสุฯ
Tadā isipatane vīsatisahassā pabbajitā paṭivasanti. Atha kassapo bhagavā te āmantetvā dhammacakkaṃ pavattesi. Suttapariyosāne sabbeva arahanto ahesuṃ. So sudaṃ bhagavā vīsatibhikkhusahassaparivuto tattheva isipatane vasati. Kikī ca naṃ kāsirājā catūhi paccayehi upaṭṭhāti. Athekadivasaṃ bārāṇasivāsī eko puriso pabbate candanasārādīni gavesanto tissassa tāpasassa assamaṃ patvā taṃ abhivādetvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Tāpaso taṃ disvā ‘‘kuto āgatosī’’ti pucchi. ‘‘Bārāṇasito, bhante’’ti. ‘‘Kā tattha pavattī’’ti? ‘‘Tattha, bhante, kassapo nāma sammāsambuddho uppanno’’ti. Tāpaso dullabhavacanaṃ sutvā pītisomanassajāto pucchi – ‘‘kiṃ so āmagandhaṃ bhuñjati, na bhuñjatī’’ti? ‘‘Ko bhante, āmagandho’’ti? ‘‘Macchamaṃsaṃ āvuso’’ti. ‘‘Bhagavā, bhante, macchamaṃsaṃ bhuñjatī’’ti. Taṃ sutvā tāpaso vippaṭisārī hutvā puna cintesi – ‘‘gantvā taṃ pucchissāmi, sace ‘āmagandhaṃ paribhuñjāmī’ti vakkhati, tato naṃ ‘tumhākaṃ, bhante, jātiyā ca kulassa ca gottassa ca ananucchavikameta’nti nivāretvā tassa santike pabbajitvā bhavanissaraṇaṃ karissāmī’’ti sallahukaṃ upakaraṇaṃ gahetvā sabbattha ekarattivāsena sāyanhasamaye bārāṇasiṃ patvā isipatanameva pāvisi. Bhagavāpi tasmiṃ samaye dhammadesanatthāya āsane nisinnoyeva hoti. Tāpaso bhagavantaṃ upasaṅkamma anabhivādetvā tuṇhībhūto ekamantaṃ aṭṭhāsi. Bhagavā taṃ disvā pubbe vuttanayeneva paṭisammodi. Sopi ‘‘khamanīyaṃ, bho kassapā’’tiādīni vatvā ekamantaṃ nisīditvā bhagavantaṃ pucchi – ‘‘āmagandhaṃ, bho kassapa, bhuñjasi, na bhuñjasī’’ti? ‘‘Nāhaṃ, brāhmaṇa, āmagandhaṃ bhuñjāmī’’ti. ‘‘Sādhu, sādhu, bho kassapa, parakuṇapaṃ akhādanto sundaramakāsi, yuttametaṃ bhoto kassapassa jātiyā ca kulassa ca gottassa cā’’ti. Tato bhagavā ‘‘ahaṃ kilese sandhāya ‘āmagandhaṃ na bhuñjāmī’ti vadāmi, brāhmaṇo macchamaṃsaṃ pacceti, yaṃnūnāhaṃ sve gāmaṃ piṇḍāya apavisitvā kikīrañño gehā ābhataṃ piṇḍapātaṃ paribhuñjeyyaṃ, evaṃ āmagandhaṃ ārabbha kathā pavattissati. Tato brāhmaṇaṃ dhammadesanāya saññāpessāmī’’ti dutiyadivase kālasseva sarīraparikammaṃ katvā gandhakuṭiṃ pāvisi. Bhikkhū gandhakuṭidvāraṃ pihitaṃ disvā ‘‘na bhagavā ajja bhikkhūhi saddhiṃ pavisitukāmo’’ti ñatvā gandhakuṭiṃ padakkhiṇaṃ katvā piṇḍāya pavisiṃsu.
ภควาปิ คนฺธกุฎิโต นิกฺขมฺม ปญฺญตฺตาสเน นิสีทิฯ ตาปโสปิ โข ปตฺตสากํ ปจิตฺวา ขาทิตฺวา ภควโต สนฺติเก นิสีทิฯ กิกี กาสิราชา ภิกฺขู ปิณฺฑาย จรเนฺต ทิสฺวา ‘‘กุหิํ ภควา, ภเนฺต’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘วิหาเร, มหาราชา’’ติ จ สุตฺวา นานาพฺยญฺชนรสมเนกมํสวิกติสมฺปนฺนํ โภชนํ ภควโต ปาเหสิฯ อมจฺจา วิหารํ เนตฺวา ภควโต อาโรเจตฺวา ทกฺขิโณทกํ ทตฺวา ปริวิสนฺตา ปฐมํ นานามํสวิกติสมฺปนฺนํ ยาคุํ อทํสุ, ตาปโส ทิสฺวา ‘‘ขาทติ นุ โข โน’’ติ จิเนฺตโนฺต อฎฺฐาสิฯ ภควา ตสฺส ปสฺสโตเยว ยาคุํ ปิวโนฺต มํสขณฺฑํ มุเข ปกฺขิปิฯ ตาปโส ทิสฺวา กุโทฺธฯ ปุน ยาคุปีตสฺส นานารสพฺยญฺชนํ โภชนมทํสุ, ตมฺปิ คเหตฺวา ภุญฺชนฺตํ ทิสฺวา อติวิย กุโทฺธ ‘‘มจฺฉมํสํ ขาทโนฺตเยว ‘น ขาทามี’ติ ภณตี’’ติฯ อถ ภควนฺตํ กตภตฺตกิจฺจํ หตฺถปาเท โธวิตฺวา นิสินฺนํ อุปสงฺกมฺม ‘‘โภ กสฺสป, มุสา ตฺวํ ภณสิ, เนตํ ปณฺฑิตกิจฺจํฯ มุสาวาโท หิ ครหิโต พุทฺธานํ, เยปิ เต ปพฺพตปาเท วนมูลผลาทีหิ ยาเปนฺตา อิสโย วสนฺติ, เตปิ มุสา น ภณนฺตี’’ติ วตฺวา ปุน อิสีนํ คุเณ คาถาย วเณฺณโนฺต อาห ‘‘สามากจิงฺคูลกจีนกานิ จา’’ติฯ
Bhagavāpi gandhakuṭito nikkhamma paññattāsane nisīdi. Tāpasopi kho pattasākaṃ pacitvā khāditvā bhagavato santike nisīdi. Kikī kāsirājā bhikkhū piṇḍāya carante disvā ‘‘kuhiṃ bhagavā, bhante’’ti pucchitvā ‘‘vihāre, mahārājā’’ti ca sutvā nānābyañjanarasamanekamaṃsavikatisampannaṃ bhojanaṃ bhagavato pāhesi. Amaccā vihāraṃ netvā bhagavato ārocetvā dakkhiṇodakaṃ datvā parivisantā paṭhamaṃ nānāmaṃsavikatisampannaṃ yāguṃ adaṃsu, tāpaso disvā ‘‘khādati nu kho no’’ti cintento aṭṭhāsi. Bhagavā tassa passatoyeva yāguṃ pivanto maṃsakhaṇḍaṃ mukhe pakkhipi. Tāpaso disvā kuddho. Puna yāgupītassa nānārasabyañjanaṃ bhojanamadaṃsu, tampi gahetvā bhuñjantaṃ disvā ativiya kuddho ‘‘macchamaṃsaṃ khādantoyeva ‘na khādāmī’ti bhaṇatī’’ti. Atha bhagavantaṃ katabhattakiccaṃ hatthapāde dhovitvā nisinnaṃ upasaṅkamma ‘‘bho kassapa, musā tvaṃ bhaṇasi, netaṃ paṇḍitakiccaṃ. Musāvādo hi garahito buddhānaṃ, yepi te pabbatapāde vanamūlaphalādīhi yāpentā isayo vasanti, tepi musā na bhaṇantī’’ti vatvā puna isīnaṃ guṇe gāthāya vaṇṇento āha ‘‘sāmākaciṅgūlakacīnakāni cā’’ti.
๒๔๒. ตตฺถ สามากาติ ธุนิตฺวา วา สีสานิ อุจฺจินิตฺวา วา คยฺหูปคา ติณธญฺญชาติฯ ตถา จิงฺคูลกา กณวีรปุปฺผสณฺฐานสีสา โหนฺติฯ จีนกานีติ อฎวิปพฺพตปาเทสุ อโรปิตชาตา จีนมุคฺคาฯ ปตฺตปฺผลนฺติ ยํกิญฺจิ หริตปณฺณํฯ มูลผลนฺติ ยํกิญฺจิ กนฺทมูลํฯ ควิปฺผลนฺติ ยํกิญฺจิ รุกฺขวลฺลิผลํฯ มูลคฺคหเณน วา กนฺทมูลํ, ผลคฺคหเณน รุกฺขวลฺลิผลํ, ควิปฺผลคฺคหเณน อุทเก ชาตสิงฺฆาตกกเสรุกาทิผลํ เวทิตพฺพํฯ ธเมฺมน ลทฺธนฺติ ทูเตยฺยปหิณคมนาทิมิจฺฉาชีวํ ปหาย วเน อุญฺฉาจริยาย ลทฺธํฯ สตนฺติ สโนฺต อริยาฯ อสฺนมานาติ ภุญฺชมานาฯ น กามกามา อลิกํ ภณนฺตีติ เต เอวํ อมมา อปริคฺคหา เอตานิ สามากาทีนิ ภุญฺชมานา อิสโย ยถา ตฺวํ สาทุรสาทิเก กาเม ปตฺถยโนฺต อามคนฺธํ ภุญฺชโนฺตเยว ‘‘นาหํ, พฺราหฺมณ, อามคนฺธํ ภุญฺชามี’’ติ ภณโนฺต อลิกํ ภณสิ, ตถา น กามกามา อลิกํ ภณนฺติ, กาเม กามยนฺตา มุสา น ภณนฺตีติ อิสีนํ ปสํสาย ภควโต นินฺทํ ทีเปติฯ
242. Tattha sāmākāti dhunitvā vā sīsāni uccinitvā vā gayhūpagā tiṇadhaññajāti. Tathā ciṅgūlakā kaṇavīrapupphasaṇṭhānasīsā honti. Cīnakānīti aṭavipabbatapādesu aropitajātā cīnamuggā. Pattapphalanti yaṃkiñci haritapaṇṇaṃ. Mūlaphalanti yaṃkiñci kandamūlaṃ. Gavipphalanti yaṃkiñci rukkhavalliphalaṃ. Mūlaggahaṇena vā kandamūlaṃ, phalaggahaṇena rukkhavalliphalaṃ, gavipphalaggahaṇena udake jātasiṅghātakakaserukādiphalaṃ veditabbaṃ. Dhammena laddhanti dūteyyapahiṇagamanādimicchājīvaṃ pahāya vane uñchācariyāya laddhaṃ. Satanti santo ariyā. Asnamānāti bhuñjamānā. Na kāmakāmā alikaṃ bhaṇantīti te evaṃ amamā apariggahā etāni sāmākādīni bhuñjamānā isayo yathā tvaṃ sādurasādike kāme patthayanto āmagandhaṃ bhuñjantoyeva ‘‘nāhaṃ, brāhmaṇa, āmagandhaṃ bhuñjāmī’’ti bhaṇanto alikaṃ bhaṇasi, tathā na kāmakāmā alikaṃ bhaṇanti, kāme kāmayantā musā na bhaṇantīti isīnaṃ pasaṃsāya bhagavato nindaṃ dīpeti.
๒๔๓. เอวํ อิสีนํ ปสํสาปเทเสน ภควนฺตํ นินฺทิตฺวา อิทานิ อตฺตนา อธิเปฺปตํ นินฺทาวตฺถุํ ทเสฺสตฺวา นิปฺปริยาเยเนว ภควนฺตํ นินฺทโนฺต อาห ‘‘ยทสฺนมาโน’’ติ ตตฺถ ท-กาโร ปทสนฺธิกโรฯ อยํ ปนโตฺถ – ยํ กิญฺจิเทว สสมํสํ วา ติตฺติรมํสํ วา โธวนเจฺฉทนาทินา ปุพฺพปริกเมฺมน สุกตํ, ปจนวาสนาทินา ปจฺฉาปริกเมฺมน สุนิฎฺฐิตํ, น มาตรา น ปิตรา, อปิจ โข ปน ‘‘ทกฺขิเณโยฺย อย’’นฺติ มญฺญมาเนหิ ธมฺมกาเมหิ ปเรหิ ทินฺนํ, สกฺการกรเณน ปยตํ ปณีตมลงฺกตํ, อุตฺตมรสตาย โอชวนฺตตาย ถามพลภรณสมตฺถตาย จ ปณีตํ อสฺนมาโน อาหารยมาโน, น เกวลญฺจ ยํกิญฺจิ มํสเมว, อปิจ โข ปน อิทมฺปิ สาลีนมนฺนํ วิจิตกาฬกํ สาลิตณฺฑุโลทนํ ปริภุญฺชมาโน โส ภุญฺชสิ, กสฺสป, อามคนฺธํ, โส ตฺวํ ยํกิญฺจิ มํสํ ภุญฺชมาโน อิทญฺจ สาลีนมนฺนํ ปริภุญฺชมาโน ภุญฺชสิ, กสฺสป, อามคนฺธนฺติ ภควนฺตํ โคเตฺตน อาลปติฯ
243. Evaṃ isīnaṃ pasaṃsāpadesena bhagavantaṃ ninditvā idāni attanā adhippetaṃ nindāvatthuṃ dassetvā nippariyāyeneva bhagavantaṃ nindanto āha ‘‘yadasnamāno’’ti tattha da-kāro padasandhikaro. Ayaṃ panattho – yaṃ kiñcideva sasamaṃsaṃ vā tittiramaṃsaṃ vā dhovanacchedanādinā pubbaparikammena sukataṃ, pacanavāsanādinā pacchāparikammena suniṭṭhitaṃ, na mātarā na pitarā, apica kho pana ‘‘dakkhiṇeyyo aya’’nti maññamānehi dhammakāmehi parehi dinnaṃ, sakkārakaraṇena payataṃ paṇītamalaṅkataṃ, uttamarasatāya ojavantatāya thāmabalabharaṇasamatthatāya ca paṇītaṃ asnamāno āhārayamāno, na kevalañca yaṃkiñci maṃsameva, apica kho pana idampi sālīnamannaṃ vicitakāḷakaṃ sālitaṇḍulodanaṃ paribhuñjamāno so bhuñjasi, kassapa, āmagandhaṃ, so tvaṃ yaṃkiñci maṃsaṃ bhuñjamāno idañca sālīnamannaṃ paribhuñjamāno bhuñjasi, kassapa, āmagandhanti bhagavantaṃ gottena ālapati.
๒๔๔. เอวํ อาหารโต ภควนฺตํ นินฺทิตฺวา อิทานิ มุสาวาทํ อาโรเปตฺวา นินฺทโนฺต อาห ‘‘น อามคโนฺธ…เป.… สุสงฺขเตหี’’ติฯ ตสฺสโตฺถ – ปุเพฺพ มยา ปุจฺฉิโต สมาโน ‘‘น อามคโนฺธ มม กปฺปตี’’ติ อิเจฺจว ตฺวํ ภาสสิ, เอวํ เอกํเสเนว ตฺวํ ภาสสิ พฺรหฺมพนฺธุ พฺราหฺมณคุณวิรหิตชาติมตฺตพฺราหฺมณาติ ปริภาสโนฺต ภณติฯ สาลีนมนฺนนฺติ สาลิตณฺฑุโลทนํฯ ปริภุญฺชมาโนติ ภุญฺชมาโนฯ สกุนฺตมํเสหิ สุสงฺขเตหีติ ตทา ภควโต อภิหฎํ สกุณมํสํ นิทฺทิสโนฺต ภณติฯ
244. Evaṃ āhārato bhagavantaṃ ninditvā idāni musāvādaṃ āropetvā nindanto āha ‘‘na āmagandho…pe… susaṅkhatehī’’ti. Tassattho – pubbe mayā pucchito samāno ‘‘na āmagandho mama kappatī’’ti icceva tvaṃ bhāsasi, evaṃ ekaṃseneva tvaṃ bhāsasi brahmabandhu brāhmaṇaguṇavirahitajātimattabrāhmaṇāti paribhāsanto bhaṇati. Sālīnamannanti sālitaṇḍulodanaṃ. Paribhuñjamānoti bhuñjamāno. Sakuntamaṃsehi susaṅkhatehīti tadā bhagavato abhihaṭaṃ sakuṇamaṃsaṃ niddisanto bhaṇati.
เอวํ ภณโนฺต เอว จ ภควโต เหฎฺฐา ปาทตลา ปภุติ ยาว อุปริ เกสคฺคา สรีรมุโลฺลเกโนฺต ทฺวตฺติํสวรลกฺขณาสีติอนุพฺยญฺชนสมฺปทํ พฺยามปฺปภาปริเกฺขปญฺจ ทิสฺวา ‘‘เอวรูโป มหาปุริสลกฺขณาทิปฎิมณฺฑิตกาโย น มุสา ภณิตุํ อรหติฯ อยํ หิสฺส ภวนฺตเรปิ สจฺจวาจานิสฺสเนฺทเนว อุณฺณา ภมุกนฺตเร ชาตา โอทาตา มุทุ ตูลสนฺนิภา, เอเกกานิ จ โลมกูเปสุ โลมานิฯ สฺวายํ กถมิทานิ มุสา ภณิสฺสติฯ อทฺธา อโญฺญ อิมสฺส อามคโนฺธ ภวิสฺสติ, ยํ สนฺธาย เอตทโวจ – ‘นาหํ, พฺราหฺมณ, อามคนฺธํ ภุญฺชามี’ติ, ยํนูนาหํ เอตํ ปุเจฺฉยฺย’’นฺติ จิเนฺตตฺวา สญฺชาตพหุมาโน โคเตฺตเนว อาลปโนฺต อิมํ คาถาเสสํ อาห –
Evaṃ bhaṇanto eva ca bhagavato heṭṭhā pādatalā pabhuti yāva upari kesaggā sarīramullokento dvattiṃsavaralakkhaṇāsītianubyañjanasampadaṃ byāmappabhāparikkhepañca disvā ‘‘evarūpo mahāpurisalakkhaṇādipaṭimaṇḍitakāyo na musā bhaṇituṃ arahati. Ayaṃ hissa bhavantarepi saccavācānissandeneva uṇṇā bhamukantare jātā odātā mudu tūlasannibhā, ekekāni ca lomakūpesu lomāni. Svāyaṃ kathamidāni musā bhaṇissati. Addhā añño imassa āmagandho bhavissati, yaṃ sandhāya etadavoca – ‘nāhaṃ, brāhmaṇa, āmagandhaṃ bhuñjāmī’ti, yaṃnūnāhaṃ etaṃ puccheyya’’nti cintetvā sañjātabahumāno gotteneva ālapanto imaṃ gāthāsesaṃ āha –
‘‘ปุจฺฉามิ ตํ กสฺสป เอตมตฺถํ, กถํปกาโร ตว อามคโนฺธ’’ติฯ
‘‘Pucchāmi taṃ kassapa etamatthaṃ, kathaṃpakāro tava āmagandho’’ti.
๒๔๕. อถสฺส ภควา อามคนฺธํ วิสฺสเชฺชตุํ ‘‘ปาณาติปาโต’’ติ เอวมาทิมาหฯ ตตฺถ ปาณาติปาโตติ ปาณวโธฯ วธเฉทพนฺธนนฺติ เอตฺถ สตฺตานํ ทณฺฑาทีหิ อาโกฎนํ วโธ, หตฺถปาทาทีนํ เฉทนํ เฉโท, รชฺชุอาทีหิ พโนฺธ พนฺธนํฯ เถยฺยํ มุสาวาโทติ เถยฺยญฺจ มุสาวาโท จฯ นิกตีติ ‘‘ทสฺสามิ, กริสฺสามี’’ติอาทินา นเยน อาสํ อุปฺปาเทตฺวา นิราสากรณํฯ วญฺจนานีติ อสุวณฺณํ สุวณฺณนฺติ คาหาปนาทีนิฯ อเชฺฌนกุตฺตนฺติ นิรตฺถกมเนกคนฺถปริยาปุณนํฯ ปรทารเสวนาติ ปรปริคฺคหิตาสุ จาริตฺตาปชฺชนํฯ เอสามคโนฺธ น หิ มํสโภชนนฺติ เอส ปาณาติปาตาทิอกุสลธมฺมสมุทาจาโร อามคโนฺธ วิสฺสคโนฺธ กุณปคโนฺธฯ กิํ การณา? อมนุญฺญตฺตา กิเลสอสุจิมิสฺสกตฺตา สพฺภิ ชิคุจฺฉิตตฺตา ปรมทุคฺคนฺธภาวาวหตฺตา จฯ เย หิ อุสฺสนฺนกิเลสา สตฺตา, เต เตหิ อติทุคฺคนฺธา โหนฺติ, นิกฺกิเลสานํ มตสรีรมฺปิ ทุคฺคนฺธํ น โหติ, ตสฺมา เอสามคโนฺธฯ มํสโภชนํ ปน อทิฎฺฐมสุตมปริสงฺกิตญฺจ อนวชฺชํ, ตสฺมา น หิ มํสโภชนํ อามคโนฺธติฯ
245. Athassa bhagavā āmagandhaṃ vissajjetuṃ ‘‘pāṇātipāto’’ti evamādimāha. Tattha pāṇātipātoti pāṇavadho. Vadhachedabandhananti ettha sattānaṃ daṇḍādīhi ākoṭanaṃ vadho, hatthapādādīnaṃ chedanaṃ chedo, rajjuādīhi bandho bandhanaṃ. Theyyaṃ musāvādoti theyyañca musāvādo ca. Nikatīti ‘‘dassāmi, karissāmī’’tiādinā nayena āsaṃ uppādetvā nirāsākaraṇaṃ. Vañcanānīti asuvaṇṇaṃ suvaṇṇanti gāhāpanādīni. Ajjhenakuttanti niratthakamanekaganthapariyāpuṇanaṃ. Paradārasevanāti parapariggahitāsu cārittāpajjanaṃ. Esāmagandho na hi maṃsabhojananti esa pāṇātipātādiakusaladhammasamudācāro āmagandho vissagandho kuṇapagandho. Kiṃ kāraṇā? Amanuññattā kilesaasucimissakattā sabbhi jigucchitattā paramaduggandhabhāvāvahattā ca. Ye hi ussannakilesā sattā, te tehi atiduggandhā honti, nikkilesānaṃ matasarīrampi duggandhaṃ na hoti, tasmā esāmagandho. Maṃsabhojanaṃ pana adiṭṭhamasutamaparisaṅkitañca anavajjaṃ, tasmā na hi maṃsabhojanaṃ āmagandhoti.
๒๔๖. เอวํ ธมฺมาธิฎฺฐานาย เทสนาย เอเกน นเยน อามคนฺธํ วิสฺสเชฺชตฺวา อิทานิ ยสฺมา เต เต สตฺตา เตหิ เตหิ อามคเนฺธหิ สมนฺนาคตา, น เอโก เอว สเพฺพหิ, น จ สเพฺพ เอเกเนว, ตสฺมา เนสํ เต เต อามคเนฺธ ปกาเสตุํ ‘‘เย อิธ กาเมสุ อสญฺญตา ชนา’’ติอาทินา นเยน ปุคฺคลาธิฎฺฐานาย ตาว เทสนาย อามคเนฺธ วิสฺสเชฺชโนฺต เทฺว คาถาโย อภาสิฯ
246. Evaṃ dhammādhiṭṭhānāya desanāya ekena nayena āmagandhaṃ vissajjetvā idāni yasmā te te sattā tehi tehi āmagandhehi samannāgatā, na eko eva sabbehi, na ca sabbe ekeneva, tasmā nesaṃ te te āmagandhe pakāsetuṃ ‘‘ye idha kāmesu asaññatā janā’’tiādinā nayena puggalādhiṭṭhānāya tāva desanāya āmagandhe vissajjento dve gāthāyo abhāsi.
ตตฺถ เย อิธ กาเมสุ อสญฺญตา ชนาติ เย เกจิ อิธ โลเก กามปฎิเสวนสงฺขาเตสุ กาเมสุ มาติมาตุจฺฉาทีสุปิ มริยาทาวิรเหน ภินฺนสํวรตาย อสํยตา ปุถุชฺชนาฯ รเสสุ คิทฺธาติ ชิวฺหาวิเญฺญเยฺยสุ รเสสุ คิทฺธา คธิตา มุจฺฉิตา อโชฺฌสนฺนา อนาทีนวทสฺสาวิโน อนิสฺสรณปญฺญา รเส ปริภุญฺชนฺติฯ อสุจิภาวมสฺสิตาติ ตาย รสคิทฺธิยา รสปฎิลาภตฺถาย นานปฺปการมิจฺฉาชีวสงฺขาตอสุจิภาวมิสฺสิตาฯ นตฺถิกทิฎฺฐีติ ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทิทสวตฺถุกมิจฺฉาทิฎฺฐิสมนฺนาคตาฯ วิสมาติ วิสเมน กายกมฺมาทินา สมนฺนาคตาฯ ทุรนฺนยาติ ทุวิญฺญาปยา สนฺทิฎฺฐิปรามาสีอาธานคฺคาหีทุปฺปฎินิสฺสคฺคิตาสมนฺนาคตาฯ เอสามคโนฺธติ เอส เอตาย คาถาย ปุคฺคเล อธิฎฺฐาย นิทฺทิโฎฺฐ ‘‘กาเมสุ อสํยตตา รสคิทฺธตา อาชีววิปตฺตินตฺถิกทิฎฺฐิกายทุจฺจริตาทิวิสมตา ทุรนฺนยภาวตา’’ติ อปโรปิ ปุเพฺพ วุเตฺตเนวเตฺถน ฉพฺพิโธ อามคโนฺธ เวทิตโพฺพฯ น หิ มํสโภชนนฺติ มํสโภชนํ ปน ยถาวุเตฺตเนวเตฺถน น อามคโนฺธติฯ
Tattha ye idha kāmesu asaññatā janāti ye keci idha loke kāmapaṭisevanasaṅkhātesu kāmesu mātimātucchādīsupi mariyādāvirahena bhinnasaṃvaratāya asaṃyatā puthujjanā. Rasesu giddhāti jivhāviññeyyesu rasesu giddhā gadhitā mucchitā ajjhosannā anādīnavadassāvino anissaraṇapaññā rase paribhuñjanti. Asucibhāvamassitāti tāya rasagiddhiyā rasapaṭilābhatthāya nānappakāramicchājīvasaṅkhātaasucibhāvamissitā. Natthikadiṭṭhīti ‘‘natthi dinna’’ntiādidasavatthukamicchādiṭṭhisamannāgatā. Visamāti visamena kāyakammādinā samannāgatā. Durannayāti duviññāpayā sandiṭṭhiparāmāsīādhānaggāhīduppaṭinissaggitāsamannāgatā. Esāmagandhoti esa etāya gāthāya puggale adhiṭṭhāya niddiṭṭho ‘‘kāmesu asaṃyatatā rasagiddhatā ājīvavipattinatthikadiṭṭhikāyaduccaritādivisamatā durannayabhāvatā’’ti aparopi pubbe vuttenevatthena chabbidho āmagandho veditabbo. Na hi maṃsabhojananti maṃsabhojanaṃ pana yathāvuttenevatthena na āmagandhoti.
๒๔๗. ทุติยคาถายปิ เย ลูขสาติ เย ลูขา นิรสา, อตฺตกิลมถานุยุตฺตาติ อโตฺถฯ ทารุณาติ กกฺขฬา โทวจสฺสตายุตฺตาฯ ปิฎฺฐิมํสิกาติ ปุรโต มธุรํ ภณิตฺวา ปรมฺมุเข อวณฺณภาสิโน ฯ เอเต หิ อภิมุขํ โอโลเกตุมสโกฺกนฺตา ปรมฺมุขานํ ปิฎฺฐิมํสขาทกา วิย โหนฺติ, เตน ‘‘ปิฎฺฐิมํสิกา’’ติ วุจฺจนฺติฯ มิตฺตทฺทุโนติ มิตฺตทูหกา, ทารธนชีวิเตสุ วิสฺสาสมาปนฺนานํ มิตฺตานํ ตตฺถ มิจฺฉาปฎิปชฺชนกาติ วุตฺตํ โหติฯ นิกฺกรุณาติ กรุณาวิรหิตา สตฺตานํ อนตฺถกามาฯ อติมานิโนติ ‘‘อิเธกโจฺจ ชาติยา วา…เป.… อญฺญตรญฺญตเรน วตฺถุนา ปเร อติมญฺญติ, โย เอวรูโป มาโน เกตุกมฺยตา จิตฺตสฺสา’’ติ (วิภ. ๘๘๐) เอวํ วุเตฺตน อติมาเนน สมนฺนาคตาฯ อทานสีลาติ อทานปกติกา, อทานาธิมุตฺตา อสํวิภาครตาติ อโตฺถฯ น จ เทนฺติ กสฺสจีติ ตาย จ ปน อทานสีลตาย ยาจิตาปิ สนฺตา กสฺสจิ กิญฺจิ น เทนฺติ, อทินฺนปุพฺพกกุเล มนุสฺสสทิสา นิชฺฌามตณฺหิกเปตปรายณา โหนฺติฯ เกจิ ปน ‘‘อาทานสีลา’’ติปิ ปฐนฺติ, เกวลํ คหณสีลา, กสฺสจิ ปน กิญฺจิ น เทนฺตีติฯ เอสามคโนฺธ น หิ มํสโภชนนฺติ เอส เอตาย คาถาย ปุคฺคเล อธิฎฺฐาย นิทฺทิโฎฺฐ ‘‘ลูขตา, ทารุณตา , ปิฎฺฐิมํสิกตา, มิตฺตทูภิตา, นิกฺกรุณตา, อติมานิตา, อทานสีลตา, อทาน’’นฺติ อปโรปิ ปุเพฺพ วุเตฺตเนวเตฺถน อฎฺฐวิโธ อามคโนฺธ เวทิตโพฺพ, น หิ มํสโภชนนฺติฯ
247. Dutiyagāthāyapi ye lūkhasāti ye lūkhā nirasā, attakilamathānuyuttāti attho. Dāruṇāti kakkhaḷā dovacassatāyuttā. Piṭṭhimaṃsikāti purato madhuraṃ bhaṇitvā parammukhe avaṇṇabhāsino . Ete hi abhimukhaṃ oloketumasakkontā parammukhānaṃ piṭṭhimaṃsakhādakā viya honti, tena ‘‘piṭṭhimaṃsikā’’ti vuccanti. Mittaddunoti mittadūhakā, dāradhanajīvitesu vissāsamāpannānaṃ mittānaṃ tattha micchāpaṭipajjanakāti vuttaṃ hoti. Nikkaruṇāti karuṇāvirahitā sattānaṃ anatthakāmā. Atimāninoti ‘‘idhekacco jātiyā vā…pe… aññataraññatarena vatthunā pare atimaññati, yo evarūpo māno ketukamyatā cittassā’’ti (vibha. 880) evaṃ vuttena atimānena samannāgatā. Adānasīlāti adānapakatikā, adānādhimuttā asaṃvibhāgaratāti attho. Na ca denti kassacīti tāya ca pana adānasīlatāya yācitāpi santā kassaci kiñci na denti, adinnapubbakakule manussasadisā nijjhāmataṇhikapetaparāyaṇā honti. Keci pana ‘‘ādānasīlā’’tipi paṭhanti, kevalaṃ gahaṇasīlā, kassaci pana kiñci na dentīti. Esāmagandho na hi maṃsabhojananti esa etāya gāthāya puggale adhiṭṭhāya niddiṭṭho ‘‘lūkhatā, dāruṇatā , piṭṭhimaṃsikatā, mittadūbhitā, nikkaruṇatā, atimānitā, adānasīlatā, adāna’’nti aparopi pubbe vuttenevatthena aṭṭhavidho āmagandho veditabbo, na hi maṃsabhojananti.
๒๔๘. เอวํ ปุคฺคลาธิฎฺฐานาย เทสนาย เทฺว คาถาโย วตฺวา ปุน ตสฺส ตาปสสฺส อาสยานุปริวตฺตนํ วิทิตฺวา ธมฺมาธิฎฺฐานาเยว เทสนาย เอกํ คาถํ อภาสิฯ ตตฺถ โกโธ อุรคสุเตฺต วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ มโทติ ‘‘ชาติมโท, โคตฺตมโท, อาโรคฺยมโท’’ติอาทินา (วิภ. ๘๓๒) นเยน วิภเงฺค วุตฺตปฺปเภโท จิตฺตสฺส มชฺชนภาโวฯ ถโมฺภติ ถทฺธภาโวฯ ปจฺจุปฎฺฐาปนาติ ปจฺจนีกฎฺฐาปนา, ธเมฺมน นเยน วุตฺตสฺส ปฎิวิรุชฺฌิตฺวา ฐานํฯ มายาติ ‘‘อิเธกโจฺจ กาเยน ทุจฺจริตํ จริตฺวา’’ติอาทินา (วิภ. ๘๙๔) นเยน วิภเงฺค วิภตฺตา กตปาปปฎิจฺฉาทนตาฯ อุสูยาติ ปรลาภสกฺการาทีสุ อิสฺสาฯ ภสฺสสมุสฺสโยติ สมุสฺสิตํ ภสฺสํ, อตฺตุกฺกํสนตาติ วุตฺตํ โหติฯ มานาติมาโนติ ‘‘อิเธกโจฺจ ชาติยา วา…เป.… อญฺญตรญฺญตเรน วตฺถุนา ปุพฺพกาลํ ปเรหิ สทิสํ อตฺตานํ ทหติ, อปรกาลํ อตฺตานํ เสยฺยํ ทหติ, ปเร หีเน ทหติ, โย เอวรูโป มาโน…เป.… เกตุกมฺยตา จิตฺตสฺสา’’ติ (วิภ. ๘๘๐) วิภเงฺค วิภโตฺตฯ อสพฺภิ สนฺถโวติ อสปฺปุริเสหิ สนฺถโวฯ เอสามคโนฺธ น หิ มํสโภชนนฺติ เอส โกธาทิ นววิโธ อกุสลราสิ ปุเพฺพ วุเตฺตเนวเตฺถน อามคโนฺธติ เวทิตโพฺพ, น หิ มํสโภชนนฺติฯ
248. Evaṃ puggalādhiṭṭhānāya desanāya dve gāthāyo vatvā puna tassa tāpasassa āsayānuparivattanaṃ viditvā dhammādhiṭṭhānāyeva desanāya ekaṃ gāthaṃ abhāsi. Tattha kodho uragasutte vuttanayeneva veditabbo. Madoti ‘‘jātimado, gottamado, ārogyamado’’tiādinā (vibha. 832) nayena vibhaṅge vuttappabhedo cittassa majjanabhāvo. Thambhoti thaddhabhāvo. Paccupaṭṭhāpanāti paccanīkaṭṭhāpanā, dhammena nayena vuttassa paṭivirujjhitvā ṭhānaṃ. Māyāti ‘‘idhekacco kāyena duccaritaṃ caritvā’’tiādinā (vibha. 894) nayena vibhaṅge vibhattā katapāpapaṭicchādanatā. Usūyāti paralābhasakkārādīsu issā. Bhassasamussayoti samussitaṃ bhassaṃ, attukkaṃsanatāti vuttaṃ hoti. Mānātimānoti ‘‘idhekacco jātiyā vā…pe… aññataraññatarena vatthunā pubbakālaṃ parehi sadisaṃ attānaṃ dahati, aparakālaṃ attānaṃ seyyaṃ dahati, pare hīne dahati, yo evarūpo māno…pe… ketukamyatā cittassā’’ti (vibha. 880) vibhaṅge vibhatto. Asabbhi santhavoti asappurisehi santhavo. Esāmagandho na hi maṃsabhojananti esa kodhādi navavidho akusalarāsi pubbe vuttenevatthena āmagandhoti veditabbo, na hi maṃsabhojananti.
๒๔๙. เอวํ ธมฺมาธิฎฺฐานาย เทสนาย นววิธํ อามคนฺธํ ทเสฺสตฺวา ปุนปิ ปุเพฺพ วุตฺตนเยเนว ปุคฺคลาธิฎฺฐานาย เทสนาย อามคเนฺธ วิสฺสเชฺชโนฺต ติโสฺส คาถาโย อภาสิฯ ตตฺถ เย ปาปสีลาติ เย ปาปสมาจารตาย ‘‘ปาปสีลา’’ติ โลเก ปากฎาฯ อิณฆาตสูจกาติ วสลสุเตฺต วุตฺตนเยน อิณํ คเหตฺวา ตสฺส อปฺปทาเนน อิณฆาตา, เปสุเญฺญน สูจกา จฯ โวหารกูฎา อิธ ปาฎิรูปิกาติ ธมฺมฎฺฎฎฺฐาเน ฐิตา ลญฺชํ คเหตฺวา สามิเก ปราเชนฺตา กูเฎน โวหาเรน สมนฺนาคตตฺตา โวหารกูฎา, ธมฺมฎฺฐปฎิรูปกตฺตา ปาฎิรูปิกาฯ อถ วา อิธาติ สาสเนฯ ปาฎิรูปิกาติ ทุสฺสีลาฯ เต หิ ยสฺมา เนสํ อิริยาปถสมฺปทาทีหิ สีลวนฺตปฎิรูปํ อตฺถิ, ตสฺมา ปฎิรูปา, ปฎิรูปา เอว ปาฎิรูปิกาฯ นราธมา เยธ กโรนฺติ กิพฺพิสนฺติ เย อิธ โลเก นราธมา มาตาปิตูสุ พุทฺธปเจฺจกพุทฺธาทีสุ จ มิจฺฉาปฎิปตฺติสญฺญิตํ กิพฺพิสํ กโรนฺติฯ เอสามคโนฺธ น หิ มํสโภชนนฺติ เอส เอตาย คาถาย ปุคฺคเล อธิฎฺฐาย นิทฺทิโฎฺฐ ‘‘ปาปสีลตา, อิณฆาตตา, สูจกตา, โวหารกูฎตา, ปาฎิรูปิกตา, กิพฺพิสการิตา’’ติ อปโรปิ ปุเพฺพ วุเตฺตเนวเตฺถน ฉพฺพิโธ อามคโนฺธ เวทิตโพฺพ, น หิ มํสโภชนนฺติฯ
249. Evaṃ dhammādhiṭṭhānāya desanāya navavidhaṃ āmagandhaṃ dassetvā punapi pubbe vuttanayeneva puggalādhiṭṭhānāya desanāya āmagandhe vissajjento tisso gāthāyo abhāsi. Tattha yepāpasīlāti ye pāpasamācāratāya ‘‘pāpasīlā’’ti loke pākaṭā. Iṇaghātasūcakāti vasalasutte vuttanayena iṇaṃ gahetvā tassa appadānena iṇaghātā, pesuññena sūcakā ca. Vohārakūṭā idha pāṭirūpikāti dhammaṭṭaṭṭhāne ṭhitā lañjaṃ gahetvā sāmike parājentā kūṭena vohārena samannāgatattā vohārakūṭā, dhammaṭṭhapaṭirūpakattā pāṭirūpikā. Atha vā idhāti sāsane. Pāṭirūpikāti dussīlā. Te hi yasmā nesaṃ iriyāpathasampadādīhi sīlavantapaṭirūpaṃ atthi, tasmā paṭirūpā, paṭirūpā eva pāṭirūpikā. Narādhamā yedha karonti kibbisanti ye idha loke narādhamā mātāpitūsu buddhapaccekabuddhādīsu ca micchāpaṭipattisaññitaṃ kibbisaṃ karonti. Esāmagandho na hi maṃsabhojananti esa etāya gāthāya puggale adhiṭṭhāya niddiṭṭho ‘‘pāpasīlatā, iṇaghātatā, sūcakatā, vohārakūṭatā, pāṭirūpikatā, kibbisakāritā’’ti aparopi pubbe vuttenevatthena chabbidho āmagandho veditabbo, na hi maṃsabhojananti.
๒๕๐. เย อิธ ปาเณสุ อสญฺญตา ชนาติ เย ชนา อิธโลเก ปาเณสุ ยถากามจาริตาย สตมฺปิ สหสฺสมฺปิ มาเรตฺวา อนุทฺทยามตฺตสฺสาปิ อกรเณน อสํยตาฯ ปเรสมาทาย วิเหสมุยฺยุตาติ ปเรสํ สนฺตกํ อาทาย ธนํ วา ชีวิตํ วา ตโต ‘‘มา เอวํ กโรถา’’ติ ยาจนฺตานํ วา นิวาเรนฺตานํ วา ปาณิเลฑฺฑุทณฺฑาทีหิ วิเหสํ อุยฺยุตาฯ ปเร วา สเตฺต สมาทาย ‘‘อชฺช ทส, อชฺช วีส’’นฺติ เอวํ สมาทิยิตฺวา เตสํ วธพนฺธนาทีหิ วิเหสมุยฺยุตาฯ ทุสฺสีลลุทฺทาติ นิสฺสีลา จ ทุราจารตฺตา , ลุทฺทา จ กุรูรกมฺมนฺตา โลหิตปาณิตาย, มจฺฉฆาตกมิคพนฺธกสากุณิกาทโย อิธาธิเปฺปตาฯ ผรุสาติ ผรุสวาจาฯ อนาทราติ ‘‘อิทานิ น กริสฺสาม, วิรมิสฺสาม เอวรูปา’’ติ เอวํ อาทรวิรหิตา ฯ เอสามคโนฺธ น หิ มํสโภชนนฺติ เอส เอตาย คาถาย ปุคฺคเล อธิฎฺฐาย นิทฺทิโฎฺฐ ‘‘ปาณาติปาโต วธเฉทพนฺธน’’นฺติอาทินา นเยน ปุเพฺพ วุโตฺต จ อวุโตฺต จ ‘‘ปาเณสุ อสํยตตา ปเรสํ วิเหสตา ทุสฺสีลตา ลุทฺทตา ผรุสตา อนาทโร’’ติ ฉพฺพิโธ อามคโนฺธ เวทิตโพฺพ, น หิ มํสโภชนนฺติฯ ปุเพฺพ วุตฺตมฺปิ หิ โสตูนํ โสตุกามตาย อวธารณตาย ทฬฺหีกรณตายาติ เอวมาทีหิ การเณหิ ปุน วุจฺจติฯ เตเนว จ ปรโต วกฺขติ ‘‘อิเจฺจตมตฺถํ ภควา ปุนปฺปุนํ, อกฺขาสิ นํ เวทยิ มนฺตปารคู’’ติฯ
250.Ye idha pāṇesu asaññatā janāti ye janā idhaloke pāṇesu yathākāmacāritāya satampi sahassampi māretvā anuddayāmattassāpi akaraṇena asaṃyatā. Paresamādāya vihesamuyyutāti paresaṃ santakaṃ ādāya dhanaṃ vā jīvitaṃ vā tato ‘‘mā evaṃ karothā’’ti yācantānaṃ vā nivārentānaṃ vā pāṇileḍḍudaṇḍādīhi vihesaṃ uyyutā. Pare vā satte samādāya ‘‘ajja dasa, ajja vīsa’’nti evaṃ samādiyitvā tesaṃ vadhabandhanādīhi vihesamuyyutā. Dussīlaluddāti nissīlā ca durācārattā , luddā ca kurūrakammantā lohitapāṇitāya, macchaghātakamigabandhakasākuṇikādayo idhādhippetā. Pharusāti pharusavācā. Anādarāti ‘‘idāni na karissāma, viramissāma evarūpā’’ti evaṃ ādaravirahitā . Esāmagandho na hi maṃsabhojananti esa etāya gāthāya puggale adhiṭṭhāya niddiṭṭho ‘‘pāṇātipāto vadhachedabandhana’’ntiādinā nayena pubbe vutto ca avutto ca ‘‘pāṇesu asaṃyatatā paresaṃ vihesatā dussīlatā luddatā pharusatā anādaro’’ti chabbidho āmagandho veditabbo, na hi maṃsabhojananti. Pubbe vuttampi hi sotūnaṃ sotukāmatāya avadhāraṇatāya daḷhīkaraṇatāyāti evamādīhi kāraṇehi puna vuccati. Teneva ca parato vakkhati ‘‘iccetamatthaṃ bhagavā punappunaṃ, akkhāsi naṃ vedayi mantapāragū’’ti.
๒๕๑. เอเตสุ คิทฺธา วิรุทฺธาติปาติโนติ เอเตสุ ปาเณสุ เคเธน คิทฺธา, โทเสน วิรุทฺธา, โมเหน อาทีนวํ อปสฺสนฺตา ปุนปฺปุนํ อชฺฌาจารปฺปตฺติยา อติปาติโน, เอเตสุ วา ‘‘ปาณาติปาโต วธเฉทพนฺธน’’นฺติอาทินา นเยน วุเตฺตสุ ปาปกเมฺมสุ ยถาสมฺภวํ เย เคธวิโรธาติปาตสงฺขาตา ราคโทสโมหา, เตหิ คิทฺธา วิรุทฺธา อติปาติโน จฯ นิจฺจุยฺยุตาติ อกุสลกรเณ นิจฺจํ อุยฺยุตา, กทาจิ ปฎิสงฺขาย อปฺปฎิวิรตาฯ เปจฺจาติ อสฺมา โลกา ปรํ คนฺตฺวาฯ ตมํ วชนฺติ เย, ปตนฺติ สตฺตา นิรยํ อวํสิราติ เย โลกนฺตริกนฺธการสงฺขาตํ นีจกุลตาทิเภทํ วา ตมํ วชนฺติ, เย จ ปตนฺติ สตฺตา อวีจิอาทิเภทํ นิรยํ อวํสิรา อโธคตสีสาฯ เอสามคโนฺธติ เตสํ สตฺตานํ ตมวชนนิรยปตนเหตุ เอส เคธวิโรธาติปาตเภโท สพฺพามคนฺธมูลภูโต ยถาวุเตฺตนเตฺถน ติวิโธ อามคโนฺธฯ น หิ มํสโภชนนฺติ มํสโภชนํ ปน น อามคโนฺธติฯ
251.Etesu giddhā viruddhātipātinoti etesu pāṇesu gedhena giddhā, dosena viruddhā, mohena ādīnavaṃ apassantā punappunaṃ ajjhācārappattiyā atipātino, etesu vā ‘‘pāṇātipāto vadhachedabandhana’’ntiādinā nayena vuttesu pāpakammesu yathāsambhavaṃ ye gedhavirodhātipātasaṅkhātā rāgadosamohā, tehi giddhā viruddhā atipātino ca. Niccuyyutāti akusalakaraṇe niccaṃ uyyutā, kadāci paṭisaṅkhāya appaṭiviratā. Peccāti asmā lokā paraṃ gantvā. Tamaṃ vajanti ye, patanti sattā nirayaṃ avaṃsirāti ye lokantarikandhakārasaṅkhātaṃ nīcakulatādibhedaṃ vā tamaṃ vajanti, ye ca patanti sattā avīciādibhedaṃ nirayaṃ avaṃsirā adhogatasīsā. Esāmagandhoti tesaṃ sattānaṃ tamavajananirayapatanahetu esa gedhavirodhātipātabhedo sabbāmagandhamūlabhūto yathāvuttenatthena tividho āmagandho. Na hi maṃsabhojananti maṃsabhojanaṃ pana na āmagandhoti.
๒๕๒. เอวํ ภควา ปรมตฺถโต อามคนฺธํ วิสฺสเชฺชตฺวา ทุคฺคติมคฺคภาวญฺจสฺส ปกาเสตฺวา อิทานิ ยสฺมิํ มจฺฉมํสโภชเน ตาปโส อามคนฺธสญฺญี ทุคฺคติมคฺคสญฺญี จ หุตฺวา ตสฺส อโภชเนน สุทฺธิกาโม หุตฺวา ตํ น ภุญฺชติ, ตสฺส จ อญฺญสฺส จ ตถาวิธสฺส โสเธตุํ อสมตฺถภาวํ ทเสฺสโนฺต ‘‘น มจฺฉมํส’’นฺติ อิมํ ฉปฺปทํ คาถมาหฯ ตตฺถ สพฺพปทานิ อนฺติมปาเทน โยเชตพฺพานิ – น มจฺฉมํสํ โสเธติ มจฺจํ อวิติณฺณกงฺขํ, น อาหุติยญฺญมุตูปเสวนา โสเธติ มจฺจํ อวิติณฺณกงฺขนฺติ เอวํฯ เอตฺถ จ น มจฺฉมํสนฺติ อขาทิยมานํ มจฺฉมํสํ น โสเธติ, ตถา อนาสกตฺตนฺติ เอวํ โปราณา วเณฺณนฺติฯ เอวํ ปน สุนฺทรตรํ สิยา ‘‘น มจฺฉมํสานํ อนาสกตฺตํ น มจฺฉมํสานานาสกตฺตํ, มจฺฉมํสานํ อนาสกตฺตํ น โสเธติ, มจฺจ’’นฺติ อถาปิ สิยา, เอวํ สเนฺต อนาสกตฺตํ โอหียตีติ? ตญฺจ น, อมรตเปน สงฺคหิตตฺตาฯ ‘‘เย วาปิ โลเก อมรา พหู ตปา’’ติ เอตฺถ หิ สโพฺพปิ วุตฺตาวเสโส อตฺตกิลมโถ สงฺคหํ คจฺฉตีติฯ นคฺคิยนฺติ อเจลกตฺตํฯ มุณฺฑิยนฺติ มุณฺฑภาโวฯ ชฎาชลฺลนฺติ ชฎา จ รโชชลฺลญฺจฯ ขราชินานีติ ขรานิ อชินจมฺมานิฯ อคฺคิหุตฺตสฺสุปเสวนาติ อคฺคิปาริจาริยาฯ อมราติ อมรภาวปตฺถนตาย ปวตฺตกายกิเลสาฯ พหูติ อุกฺกุฎิกปฺปธานาทิเภทโต อเนเกฯ ตปาติ สรีรสนฺตาปาฯ มนฺตาติ เวทาฯ อาหุตีติ อคฺคิโหมกมฺมํฯ ยญฺญมุตูปเสวนาติ อสฺสเมธาทิยญฺญา จ อุตูปเสวนา จฯ อุตูปเสวนา นาม คิเมฺห อาตปฎฺฐานเสวนา, วเสฺส รุกฺขมูลเสวนา, เหมเนฺต ชลปฺปเวสเสวนาฯ น โสเธนฺติ มจฺจํ อวิติณฺณกงฺขนฺติ กิเลสสุทฺธิยา วา ภวสุทฺธิยา วา อวิติณฺณวิจิกิจฺฉํ มจฺจํ น โสเธนฺติฯ กงฺขามเล หิ สติ น วิสุโทฺธ โหติ, ตฺวญฺจ สกโงฺขเยวาติฯ เอตฺถ จ ‘‘อวิติณฺณกงฺข’’นฺติ เอตํ ‘‘น มจฺฉมํส’’นฺติอาทีนิ สุตฺวา ‘‘กิํ นุ โข มจฺฉมํสานํ อโภชนาทินา สิยา วิสุทฺธิมโคฺค’’ติ ตาปสสฺส กงฺขาย อุปฺปนฺนาย ภควตา วุตฺตํ สิยาติ โน อธิปฺปาโยฯ ยา จสฺส ‘‘โส มจฺฉมํสํ ภุญฺชตี’’ติ สุตฺวาว พุเทฺธ กงฺขา อุปฺปนฺนา, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ
252. Evaṃ bhagavā paramatthato āmagandhaṃ vissajjetvā duggatimaggabhāvañcassa pakāsetvā idāni yasmiṃ macchamaṃsabhojane tāpaso āmagandhasaññī duggatimaggasaññī ca hutvā tassa abhojanena suddhikāmo hutvā taṃ na bhuñjati, tassa ca aññassa ca tathāvidhassa sodhetuṃ asamatthabhāvaṃ dassento ‘‘na macchamaṃsa’’nti imaṃ chappadaṃ gāthamāha. Tattha sabbapadāni antimapādena yojetabbāni – na macchamaṃsaṃ sodheti maccaṃ avitiṇṇakaṅkhaṃ, na āhutiyaññamutūpasevanā sodheti maccaṃ avitiṇṇakaṅkhanti evaṃ. Ettha ca na macchamaṃsanti akhādiyamānaṃ macchamaṃsaṃ na sodheti, tathā anāsakattanti evaṃ porāṇā vaṇṇenti. Evaṃ pana sundarataraṃ siyā ‘‘na macchamaṃsānaṃ anāsakattaṃ na macchamaṃsānānāsakattaṃ, macchamaṃsānaṃ anāsakattaṃ na sodheti, macca’’nti athāpi siyā, evaṃ sante anāsakattaṃ ohīyatīti? Tañca na, amaratapena saṅgahitattā. ‘‘Ye vāpi loke amarā bahū tapā’’ti ettha hi sabbopi vuttāvaseso attakilamatho saṅgahaṃ gacchatīti. Naggiyanti acelakattaṃ. Muṇḍiyanti muṇḍabhāvo. Jaṭājallanti jaṭā ca rajojallañca. Kharājinānīti kharāni ajinacammāni. Aggihuttassupasevanāti aggipāricāriyā. Amarāti amarabhāvapatthanatāya pavattakāyakilesā. Bahūti ukkuṭikappadhānādibhedato aneke. Tapāti sarīrasantāpā. Mantāti vedā. Āhutīti aggihomakammaṃ. Yaññamutūpasevanāti assamedhādiyaññā ca utūpasevanā ca. Utūpasevanā nāma gimhe ātapaṭṭhānasevanā, vasse rukkhamūlasevanā, hemante jalappavesasevanā. Na sodhenti maccaṃ avitiṇṇakaṅkhanti kilesasuddhiyā vā bhavasuddhiyā vā avitiṇṇavicikicchaṃ maccaṃ na sodhenti. Kaṅkhāmale hi sati na visuddho hoti, tvañca sakaṅkhoyevāti. Ettha ca ‘‘avitiṇṇakaṅkha’’nti etaṃ ‘‘na macchamaṃsa’’ntiādīni sutvā ‘‘kiṃ nu kho macchamaṃsānaṃ abhojanādinā siyā visuddhimaggo’’ti tāpasassa kaṅkhāya uppannāya bhagavatā vuttaṃ siyāti no adhippāyo. Yā cassa ‘‘so macchamaṃsaṃ bhuñjatī’’ti sutvāva buddhe kaṅkhā uppannā, taṃ sandhāyetaṃ vuttanti veditabbaṃ.
๒๕๓. เอวํ มจฺฉมํสานาสกตฺตาทีนํ โสเธตุํ อสมตฺถภาวํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ โสเธตุํ สมเตฺถ ธเมฺม ทเสฺสโนฺต ‘‘โสเตสุ คุโตฺต’’ติ อิมํ คาถมาหฯ ตตฺถ โสเตสูติ ฉสุ อินฺทฺริเยสุฯ คุโตฺตติ อินฺทฺริยสํวรคุตฺติยา สมนฺนาคโตฯ เอตฺตาวตา อินฺทฺริยสํวรปริวารสีลํ ทเสฺสติฯ วิทิตินฺทฺริโย จเรติ ญาตปริญฺญาย ฉฬินฺทฺริยานิ วิทิตฺวา ปากฎานิ กตฺวา จเรยฺย, วิหเรยฺยาติ วุตฺตํ โหติฯ เอตฺตาวตา วิสุทฺธสีลสฺส นามรูปปริเจฺฉทํ ทเสฺสติฯ ธเมฺม ฐิโตติ อริยมเคฺคน อภิสเมตพฺพจตุสจฺจธเมฺม ฐิโตฯ เอเตน โสตาปตฺติภูมิํ ทเสฺสติฯ อชฺชวมทฺทเว รโตติ อุชุภาเว จ มุทุภาเว จ รโตฯ เอเตน สกทาคามิภูมิํ ทเสฺสติฯ สกทาคามี หิ กายวงฺกาทิกรานํ จิตฺตถทฺธภาวกรานญฺจ ราคโทสานํ ตนุภาวา อชฺชวมทฺทเว รโต โหติฯ สงฺคาติโคติ ราคโทสสงฺคาติโคฯ เอเตน อนาคามิภูมิํ ทเสฺสติฯ สพฺพทุกฺขปฺปหีโนติ สพฺพสฺส วฎฺฎทุกฺขสฺส เหตุปฺปหาเนน ปหีนสพฺพทุโกฺขฯ เอเตน อรหตฺตภูมิํ ทเสฺสติฯ น ลิปฺปติ ทิฎฺฐสุเตสุ ธีโรติ โส เอวํ อนุปุเพฺพน อรหตฺตํ ปโตฺต ธิติสมฺปทาย ธีโร ทิฎฺฐสุเตสุ ธเมฺมสุ เกนจิ กิเลเสน น ลิปฺปติฯ น เกวลญฺจ ทิฎฺฐสุเตสุ, มุตวิญฺญาเตสุ จ น ลิปฺปติ, อญฺญทตฺถุ ปรมวิสุทฺธิปฺปโตฺต โหตีติ อรหตฺตนิกูเฎน เทสนํ นิฎฺฐาเปสิฯ
253. Evaṃ macchamaṃsānāsakattādīnaṃ sodhetuṃ asamatthabhāvaṃ dassetvā idāni sodhetuṃ samatthe dhamme dassento ‘‘sotesu gutto’’ti imaṃ gāthamāha. Tattha sotesūti chasu indriyesu. Guttoti indriyasaṃvaraguttiyā samannāgato. Ettāvatā indriyasaṃvaraparivārasīlaṃ dasseti. Viditindriyo careti ñātapariññāya chaḷindriyāni viditvā pākaṭāni katvā careyya, vihareyyāti vuttaṃ hoti. Ettāvatā visuddhasīlassa nāmarūpaparicchedaṃ dasseti. Dhamme ṭhitoti ariyamaggena abhisametabbacatusaccadhamme ṭhito. Etena sotāpattibhūmiṃ dasseti. Ajjavamaddaveratoti ujubhāve ca mudubhāve ca rato. Etena sakadāgāmibhūmiṃ dasseti. Sakadāgāmī hi kāyavaṅkādikarānaṃ cittathaddhabhāvakarānañca rāgadosānaṃ tanubhāvā ajjavamaddave rato hoti. Saṅgātigoti rāgadosasaṅgātigo. Etena anāgāmibhūmiṃ dasseti. Sabbadukkhappahīnoti sabbassa vaṭṭadukkhassa hetuppahānena pahīnasabbadukkho. Etena arahattabhūmiṃ dasseti. Na lippati diṭṭhasutesu dhīroti so evaṃ anupubbena arahattaṃ patto dhitisampadāya dhīro diṭṭhasutesu dhammesu kenaci kilesena na lippati. Na kevalañca diṭṭhasutesu, mutaviññātesu ca na lippati, aññadatthu paramavisuddhippatto hotīti arahattanikūṭena desanaṃ niṭṭhāpesi.
๒๕๔-๕. อิโต ปรํ ‘‘อิเจฺจตมตฺถ’’นฺติ เทฺว คาถา สงฺคีติกาเรหิ วุตฺตาฯ ตาสมโตฺถ – อิติ ภควา กสฺสโป เอตมตฺถํ ปุนปฺปุนํ อเนกาหิ คาถาหิ ธมฺมาธิฎฺฐานาย ปุคฺคลาธิฎฺฐานาย จ เทสนาย ยาว ตาปโส อญฺญาสิ, ตาว โส อกฺขาสิ กเถสิ วิตฺถาเรสิฯ นํ เวทยิ มนฺตปารคูติ โสปิ ตญฺจ อตฺถํ มนฺตปารคู, เวทปารคู, ติโสฺส พฺราหฺมโณ เวทยิ อญฺญาสิฯ กิํ การณา? ยสฺมา อตฺถโต จ ปทโต จ เทสนานยโต จ จิตฺราหิ คาถาหิ มุนี ปกาสยิฯ กีทิโส? นิรามคโนฺธ อสิโต ทุรนฺนโย, อามคนฺธกิเลสาภาวา นิรามคโนฺธ, ตณฺหาทิฎฺฐินิสฺสยาภาวา อสิโต, พาหิรทิฎฺฐิวเสน ‘‘อิทํ เสโยฺย อิทํ วร’’นฺติ เกนจิ เนตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา ทุรนฺนโยฯ เอวํ ปกาสิตวโต จสฺส สุตฺวาน พุทฺธสฺส สุภาสิตํ ปทํ สุกถิตํ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา นิรามคนฺธํ นิกฺกิเลสโยคํ, สพฺพทุกฺขปฺปนูทนํ สพฺพวฎฺฎทุกฺขปฺปนูทนํ, นีจมโน นีจจิโตฺต หุตฺวา วนฺทิ ตถาคตสฺส, ติโสฺส พฺราหฺมโณ ตถาคตสฺส ปาเท ปญฺจปติฎฺฐิตํ กตฺวา วนฺทิฯ ตเตฺถว ปพฺพชฺชมโรจยิตฺถาติ ตเตฺถว จ นํ อาสเน นิสินฺนํ กสฺสปํ ภควนฺตํ ติโสฺส ตาปโส ปพฺพชฺชมโรจยิตฺถ, อยาจีติ วุตฺตํ โหติฯ ตํ ภควา ‘‘เอหิ ภิกฺขู’’ติ อาหฯ โส ตงฺขณํเยว อฎฺฐปริกฺขารยุโตฺต หุตฺวา อากาเสนาคนฺตฺวา วสฺสสติกเตฺถโร วิย ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา กติปาเหเนว สาวกปารมิญาณํ ปฎิวิชฺฌิตฺวา ติโสฺส นาม อคฺคสาวโก อโหสิ, ปุน ทุติโย ภารทฺวาโช นามฯ เอวํ ตสฺส ภควโต ติสฺสภารทฺวาชํ นาม สาวกยุคํ อโหสิฯ
254-5. Ito paraṃ ‘‘iccetamattha’’nti dve gāthā saṅgītikārehi vuttā. Tāsamattho – iti bhagavā kassapo etamatthaṃ punappunaṃ anekāhi gāthāhi dhammādhiṭṭhānāya puggalādhiṭṭhānāya ca desanāya yāva tāpaso aññāsi, tāva so akkhāsi kathesi vitthāresi. Naṃ vedayi mantapāragūti sopi tañca atthaṃ mantapāragū, vedapāragū, tisso brāhmaṇo vedayi aññāsi. Kiṃ kāraṇā? Yasmā atthato ca padato ca desanānayato ca citrāhi gāthāhi munī pakāsayi. Kīdiso? Nirāmagandho asito durannayo, āmagandhakilesābhāvā nirāmagandho, taṇhādiṭṭhinissayābhāvā asito, bāhiradiṭṭhivasena ‘‘idaṃ seyyo idaṃ vara’’nti kenaci netuṃ asakkuṇeyyattā durannayo. Evaṃ pakāsitavato cassa sutvāna buddhassa subhāsitaṃ padaṃ sukathitaṃ dhammadesanaṃ sutvā nirāmagandhaṃ nikkilesayogaṃ, sabbadukkhappanūdanaṃ sabbavaṭṭadukkhappanūdanaṃ, nīcamano nīcacitto hutvā vandi tathāgatassa, tisso brāhmaṇo tathāgatassa pāde pañcapatiṭṭhitaṃ katvā vandi. Tattheva pabbajjamarocayitthāti tattheva ca naṃ āsane nisinnaṃ kassapaṃ bhagavantaṃ tisso tāpaso pabbajjamarocayittha, ayācīti vuttaṃ hoti. Taṃ bhagavā ‘‘ehi bhikkhū’’ti āha. So taṅkhaṇaṃyeva aṭṭhaparikkhārayutto hutvā ākāsenāgantvā vassasatikatthero viya bhagavantaṃ vanditvā katipāheneva sāvakapāramiñāṇaṃ paṭivijjhitvā tisso nāma aggasāvako ahosi, puna dutiyo bhāradvājo nāma. Evaṃ tassa bhagavato tissabhāradvājaṃ nāma sāvakayugaṃ ahosi.
อมฺหากํ ปน ภควา ยา จ ติเสฺสน พฺราหฺมเณน อาทิโต ติโสฺส คาถา วุตฺตา, ยา จ กสฺสเปน ภควตา มเชฺฌ นว, ยา จ ตทา สงฺคีติกาเรหิ อเนฺต เทฺว, ตา สพฺพาปิ จุทฺทส คาถา อาเนตฺวา ปริปุณฺณํ กตฺวา อิมํ อามคนฺธสุตฺตํ อาจริยปฺปมุขานํ ปญฺจนฺนํ ตาปสสตานํ อามคนฺธํ พฺยากาสิฯ ตํ สุตฺวา โส พฺราหฺมโณ ตเถว นีจมโน หุตฺวา ภควโต ปาเท วนฺทิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ สทฺธิํ ปริสายฯ ‘‘เอถ ภิกฺขโว’’ติ ภควา อโวจฯ เต ตเถว เอหิภิกฺขุภาวํ ปตฺวา อากาเสนาคนฺตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา กติปาเหเนว สเพฺพว อคฺคผเล อรหเตฺต ปติฎฺฐหิํสูติฯ
Amhākaṃ pana bhagavā yā ca tissena brāhmaṇena ādito tisso gāthā vuttā, yā ca kassapena bhagavatā majjhe nava, yā ca tadā saṅgītikārehi ante dve, tā sabbāpi cuddasa gāthā ānetvā paripuṇṇaṃ katvā imaṃ āmagandhasuttaṃ ācariyappamukhānaṃ pañcannaṃ tāpasasatānaṃ āmagandhaṃ byākāsi. Taṃ sutvā so brāhmaṇo tatheva nīcamano hutvā bhagavato pāde vanditvā pabbajjaṃ yāci saddhiṃ parisāya. ‘‘Etha bhikkhavo’’ti bhagavā avoca. Te tatheva ehibhikkhubhāvaṃ patvā ākāsenāgantvā bhagavantaṃ vanditvā katipāheneva sabbeva aggaphale arahatte patiṭṭhahiṃsūti.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฎฺฐกถาย
Paramatthajotikāya khuddaka-aṭṭhakathāya
สุตฺตนิปาต-อฎฺฐกถาย อามคนฺธสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Suttanipāta-aṭṭhakathāya āmagandhasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / สุตฺตนิปาตปาฬิ • Suttanipātapāḷi / ๒. อามคนฺธสุตฺตํ • 2. Āmagandhasuttaṃ