Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มิลินฺทปญฺหปาฬิ • Milindapañhapāḷi |
๘. อมราเทวีปโญฺห
8. Amarādevīpañho
๘. ‘‘ภเนฺต นาคเสน, ภาสิตเมฺปตํ ภควตา –
8. ‘‘Bhante nāgasena, bhāsitampetaṃ bhagavatā –
‘‘‘สเจ ลเภถ ขณํ วา รโห วา, นิมนฺตกํ 1 วาปิ ลเภถ ตาทิสํ;
‘‘‘Sace labhetha khaṇaṃ vā raho vā, nimantakaṃ 2 vāpi labhetha tādisaṃ;
‘‘ปุน จ กถียติ ‘มโหสธสฺส ภริยา อมรา นาม อิตฺถี คามเก ฐปิตา ปวุตฺถปติกา รโห นิสินฺนา วิวิตฺตา ราชปฺปฎิสมํ สามิกํ กริตฺวา สหเสฺสน นิมนฺตียมานา ปาปํ นากาสี’ติฯ ยทิ, ภเนฺต นาคเสน, ภควตา ภณิตํ ‘สเจ…เป.… สทฺธิ’นฺติ เตน หิ ‘มโหสธสฺส ภริยา…เป.… นากาสี’ติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉาฯ ยทิ มโหสธสฺส ภริยา…เป.… นากาสิ, เตน หิ ‘สเจ…เป.… สทฺธิ’นฺติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉาฯ อยมฺปิ อุภโต โกฎิโก ปโญฺห ตวานุปฺปโตฺต, โส ตยา นิพฺพาหิตโพฺพ’’ติฯ
‘‘Puna ca kathīyati ‘mahosadhassa bhariyā amarā nāma itthī gāmake ṭhapitā pavutthapatikā raho nisinnā vivittā rājappaṭisamaṃ sāmikaṃ karitvā sahassena nimantīyamānā pāpaṃ nākāsī’ti. Yadi, bhante nāgasena, bhagavatā bhaṇitaṃ ‘sace…pe… saddhi’nti tena hi ‘mahosadhassa bhariyā…pe… nākāsī’ti yaṃ vacanaṃ, taṃ micchā. Yadi mahosadhassa bhariyā…pe… nākāsi, tena hi ‘sace…pe… saddhi’nti tampi vacanaṃ micchā. Ayampi ubhato koṭiko pañho tavānuppatto, so tayā nibbāhitabbo’’ti.
‘‘ภาสิตเมฺปตํ, มหาราช, ภควตา ‘สเจ…เป.… สทฺธิ’นฺติฯ กถียติ จ ‘มโหสธสฺส ภริยา …เป.… นากาสี’ติฯ กเรยฺย สา, มหาราช, อิตฺถี สหสฺสํ ลภมานา ตาทิเสน ปุริเสน สทฺธิํ ปาปกมฺมํ, น สา กเรยฺย สเจ ขณํ วา รโห วา นิมนฺตกํ วาปิ ตาทิสํ ลเภยฺย, วิจินนฺตี สา, มหาราช, อมรา อิตฺถี น อทฺทส ขณํ วา รโห วา นิมนฺตกํ วาปิ ตาทิสํฯ
‘‘Bhāsitampetaṃ, mahārāja, bhagavatā ‘sace…pe… saddhi’nti. Kathīyati ca ‘mahosadhassa bhariyā …pe… nākāsī’ti. Kareyya sā, mahārāja, itthī sahassaṃ labhamānā tādisena purisena saddhiṃ pāpakammaṃ, na sā kareyya sace khaṇaṃ vā raho vā nimantakaṃ vāpi tādisaṃ labheyya, vicinantī sā, mahārāja, amarā itthī na addasa khaṇaṃ vā raho vā nimantakaṃ vāpi tādisaṃ.
‘‘อิธ โลเก ครหภยา ขณํ น ปสฺสิ, ปรโลเก นิรยภยา ขณํ น ปสฺสิ, กฎุกวิปากํ ปาปนฺติ ขณํ น ปสฺสิ, ปิยํ อมุญฺจิตุกามา ขณํ น ปสฺสิ, สามิกสฺส ครุกตาย ขณํ น ปสฺสิ, ธมฺมํ อปจายนฺตี ขณํ น ปสฺสิ, อนริยํ ครหนฺตี ขณํ น ปสฺสิ, กิริยํ อภินฺทิตุกามา ขณํ น ปสฺสิฯ เอวรูเปหิ พหูหิ การเณหิ ขณํ น ปสฺสิฯ
‘‘Idha loke garahabhayā khaṇaṃ na passi, paraloke nirayabhayā khaṇaṃ na passi, kaṭukavipākaṃ pāpanti khaṇaṃ na passi, piyaṃ amuñcitukāmā khaṇaṃ na passi, sāmikassa garukatāya khaṇaṃ na passi, dhammaṃ apacāyantī khaṇaṃ na passi, anariyaṃ garahantī khaṇaṃ na passi, kiriyaṃ abhinditukāmā khaṇaṃ na passi. Evarūpehi bahūhi kāraṇehi khaṇaṃ na passi.
‘‘รโหปิ สา โลเก วิจินิตฺวา อปสฺสนฺตี ปาปํ นากาสิฯ สเจ สา มนุเสฺสหิ รโห ลเภยฺย, อถ อมนุเสฺสหิ รโห น ลเภยฺยฯ สเจ อมนุเสฺสหิ รโห ลเภยฺย, อถ ปรจิตฺตวิทูหิ ปพฺพชิเตหิ รโห น ลเภยฺยฯ สเจ ปรจิตฺตวิทูหิ ปพฺพชิเตหิ รโห ลเภยฺย, อถ ปรจิตฺตวิทูนีหิ เทวตาหิ รโห น ลเภยฺยฯ สเจ ปรจิตฺตวิทูนีหิ เทวตาหิ รโห ลเภยฺย, อตฺตนาว ปาเปหิ รโห น ลเภยฺยฯ สเจ อตฺตนาว ปาเปหิ รโห ลเภยฺย, อถ อธเมฺมน รโห น ลเภยฺยฯ เอวรูเปหิ พหุวิเธหิ การเณหิ รโห อลภิตฺวา ปาปํ นากาสิฯ
‘‘Rahopi sā loke vicinitvā apassantī pāpaṃ nākāsi. Sace sā manussehi raho labheyya, atha amanussehi raho na labheyya. Sace amanussehi raho labheyya, atha paracittavidūhi pabbajitehi raho na labheyya. Sace paracittavidūhi pabbajitehi raho labheyya, atha paracittavidūnīhi devatāhi raho na labheyya. Sace paracittavidūnīhi devatāhi raho labheyya, attanāva pāpehi raho na labheyya. Sace attanāva pāpehi raho labheyya, atha adhammena raho na labheyya. Evarūpehi bahuvidhehi kāraṇehi raho alabhitvā pāpaṃ nākāsi.
‘‘นิมนฺตกมฺปิ สา โลเก วิจินิตฺวา ตาทิสํ อลภนฺตี ปาปํ นากาสิฯ มโหสโธ, มหาราช, ปณฺฑิโต อฎฺฐวีสติยา อเงฺคหิ สมนฺนาคโตฯ กตเมหิ อฎฺฐวีสติยา อเงฺคหิ สมนฺนาคโต? มโหสโธ, มหาราช, สูโร หิริมา โอตฺตปฺปี สปโกฺข มิตฺตสมฺปโนฺน ขโม สีลวา สจฺจวาที โสเจยฺยสมฺปโนฺน อโกฺกธโน อนติมานี อนุสูยโก วีริยวา อายูหโก สงฺคาหโก สํวิภาคี สขิโล นิวาตวุตฺติ สโณฺห อสโฐ อมายาวี อติพุทฺธิสมฺปโนฺน กิตฺติมา วิชฺชาสมฺปโนฺน หิเตสี อุปนิสฺสิตานํ ปตฺถิโต สพฺพชนสฺส ธนวา ยสวาฯ มโหสโธ, มหาราช, ปณฺฑิโต อิเมหิ อฎฺฐวีสติยา อเงฺคหิ สมนฺนาคโตฯ สา อญฺญํ ตาทิสํ นิมนฺตกํ อลภิตฺวา ปาปํ นากาสี’’ติฯ ‘‘สาธุ, ภเนฺต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฎิจฺฉามี’’ติฯ
‘‘Nimantakampi sā loke vicinitvā tādisaṃ alabhantī pāpaṃ nākāsi. Mahosadho, mahārāja, paṇḍito aṭṭhavīsatiyā aṅgehi samannāgato. Katamehi aṭṭhavīsatiyā aṅgehi samannāgato? Mahosadho, mahārāja, sūro hirimā ottappī sapakkho mittasampanno khamo sīlavā saccavādī soceyyasampanno akkodhano anatimānī anusūyako vīriyavā āyūhako saṅgāhako saṃvibhāgī sakhilo nivātavutti saṇho asaṭho amāyāvī atibuddhisampanno kittimā vijjāsampanno hitesī upanissitānaṃ patthito sabbajanassa dhanavā yasavā. Mahosadho, mahārāja, paṇḍito imehi aṭṭhavīsatiyā aṅgehi samannāgato. Sā aññaṃ tādisaṃ nimantakaṃ alabhitvā pāpaṃ nākāsī’’ti. ‘‘Sādhu, bhante nāgasena, evametaṃ tathā sampaṭicchāmī’’ti.
อมราเทวีปโญฺห อฎฺฐโมฯ
Amarādevīpañho aṭṭhamo.
Footnotes: