Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๑๒๔] ๔. อมฺพชาตกวณฺณนา

    [124] 4. Ambajātakavaṇṇanā

    วายเมเถว ปุริโสติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต เอกํ วตฺตสมฺปนฺนํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิฯ โส กิร สาวตฺถิวาสี กุลปุโตฺต สาสเน อุรํ ทตฺวา ปพฺพชิโต วตฺตสมฺปโนฺน อโหสิ, อาจริยุปชฺฌายวตฺตานิ ปานียปริโภชนียอุโปสถาคารชนฺตาฆราทิวตฺตานิ จ สาธุกํ กโรติ, จุทฺทสสุ มหาวเตฺตสุ อสีติขนฺธกวเตฺตสุ จ ปริปูรการีเยว โหติ, วิหารํ สมฺมชฺชติ, ปริเวณํ วิตกฺกมาฬกํ วิหารมคฺคํ สมฺมชฺชติ, มนุสฺสานํ ปานียํ เทติฯ มนุสฺสา ตสฺส วตฺตสมฺปตฺติยํ ปสีทิตฺวา ปญฺจสตมตฺตานิ ธุวภตฺตานิ อทํสุ, มหาลาภสกฺกาโร อุปฺปชฺชิฯ ตํ นิสฺสาย พหูนํ ผาสุวิหาโร ชาโตฯ อเถกทิวสํ ธมฺมสภายํ ภิกฺขู กถํ สมุฎฺฐาเปสุํ ‘‘อาวุโส, อสุโก นาม ภิกฺขุ อตฺตโน วตฺตสมฺปตฺติยา มหนฺตํ ลาภสกฺการํ นิพฺพเตฺตสิ, เอตํ เอกํ นิสฺสาย พหูนํ ผาสุวิหาโร ชาโต’’ติฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว , เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุเพฺพปายํ ภิกฺขุ วตฺตสมฺปโนฺน, ปุเพฺพเปตํ เอกํ นิสฺสาย ปญฺจ อิสิสตานิ ผลาผลตฺถาย อรญฺญํ อคนฺตฺวา เอเตเนว อานีตผลาผเลหิ ยาเปสุ’’นฺติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ

    Vāyamethevapurisoti idaṃ satthā jetavane viharanto ekaṃ vattasampannaṃ bhikkhuṃ ārabbha kathesi. So kira sāvatthivāsī kulaputto sāsane uraṃ datvā pabbajito vattasampanno ahosi, ācariyupajjhāyavattāni pānīyaparibhojanīyauposathāgārajantāgharādivattāni ca sādhukaṃ karoti, cuddasasu mahāvattesu asītikhandhakavattesu ca paripūrakārīyeva hoti, vihāraṃ sammajjati, pariveṇaṃ vitakkamāḷakaṃ vihāramaggaṃ sammajjati, manussānaṃ pānīyaṃ deti. Manussā tassa vattasampattiyaṃ pasīditvā pañcasatamattāni dhuvabhattāni adaṃsu, mahālābhasakkāro uppajji. Taṃ nissāya bahūnaṃ phāsuvihāro jāto. Athekadivasaṃ dhammasabhāyaṃ bhikkhū kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ ‘‘āvuso, asuko nāma bhikkhu attano vattasampattiyā mahantaṃ lābhasakkāraṃ nibbattesi, etaṃ ekaṃ nissāya bahūnaṃ phāsuvihāro jāto’’ti. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave , etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘na, bhikkhave, idāneva, pubbepāyaṃ bhikkhu vattasampanno, pubbepetaṃ ekaṃ nissāya pañca isisatāni phalāphalatthāya araññaṃ agantvā eteneva ānītaphalāphalehi yāpesu’’nti vatvā atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต อุทิจฺจพฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ปญฺจสตอิสิปริวาโร ปพฺพตปาเท วิหาสิฯ ตทา หิมวเนฺต จโณฺฑ นิทาโฆ อโหสิ, ตตฺถ ตตฺถ ปานียานิ ฉิชฺชิํสุ, ติรจฺฉานา ปานียํ อลภมานา กิลมนฺติฯ อถ เตสุ ตาปเสสุ เอโก ตาปโส เตสํ ปิปาสทุกฺขํ ทิสฺวา เอกํ รุกฺขํ ฉินฺทิตฺวา โทณิํ กตฺวา ปานียํ อุสฺสิญฺจิตฺวา โทณิํ ปูเรตฺวา เตสํ ปานียํ อทาสิฯ พหูสุ สนฺนิปติตฺวา ปานียํ ปิวเนฺตสุ ตาปสสฺส ผลาผลตฺถาย คมโนกาโส นาโหสิฯ โส นิราหาโรปิ ปานียํ เทติเยวฯ มิคคณา จิเนฺตสุํ ‘‘อยํ อมฺหากํ ปานียํ เทโนฺต ผลาผลตฺถาย คนฺตุํ โอกาสํ น ลภติ, นิราหารตาย อติวิย กิลมติ, หนฺทมยํ กติกํ กโรมา’’ติฯ เต กติกํ อกํสุ ‘‘อิโต ปฎฺฐาย ปานียํ ปิวนตฺถาย อาคจฺฉเนฺตน อตฺตโน พลานุรูเปน ผลาผลํ คเหตฺวาว อาคนฺตพฺพ’’นฺติฯ เต ตโต ปฎฺฐาย เอเกโก ติรจฺฉาโน อตฺตโน อตฺตโน พลานุรูเปน มธุรมธุรานิ อมฺพชมฺพุปนสาทีนิคเหตฺวาว อาคจฺฉติฯ เอกสฺส อตฺถาย อาภตํ ผลาผลํ อฑฺฒเตยฺยสกฎภารปฺปมาณํ อโหสิฯ ปญฺจสตตาปสา ตเทว ปริภุญฺชนฺติฯ อติเรกํ ฉฑฺฑิยิตฺถฯ

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto udiccabrāhmaṇakule nibbattitvā vayappatto isipabbajjaṃ pabbajitvā pañcasataisiparivāro pabbatapāde vihāsi. Tadā himavante caṇḍo nidāgho ahosi, tattha tattha pānīyāni chijjiṃsu, tiracchānā pānīyaṃ alabhamānā kilamanti. Atha tesu tāpasesu eko tāpaso tesaṃ pipāsadukkhaṃ disvā ekaṃ rukkhaṃ chinditvā doṇiṃ katvā pānīyaṃ ussiñcitvā doṇiṃ pūretvā tesaṃ pānīyaṃ adāsi. Bahūsu sannipatitvā pānīyaṃ pivantesu tāpasassa phalāphalatthāya gamanokāso nāhosi. So nirāhāropi pānīyaṃ detiyeva. Migagaṇā cintesuṃ ‘‘ayaṃ amhākaṃ pānīyaṃ dento phalāphalatthāya gantuṃ okāsaṃ na labhati, nirāhāratāya ativiya kilamati, handamayaṃ katikaṃ karomā’’ti. Te katikaṃ akaṃsu ‘‘ito paṭṭhāya pānīyaṃ pivanatthāya āgacchantena attano balānurūpena phalāphalaṃ gahetvāva āgantabba’’nti. Te tato paṭṭhāya ekeko tiracchāno attano attano balānurūpena madhuramadhurāni ambajambupanasādīnigahetvāva āgacchati. Ekassa atthāya ābhataṃ phalāphalaṃ aḍḍhateyyasakaṭabhārappamāṇaṃ ahosi. Pañcasatatāpasā tadeva paribhuñjanti. Atirekaṃ chaḍḍiyittha.

    โพธิสโตฺต ตํ ทิสฺวา ‘‘เอกํ นาม วตฺตสมฺปนฺนํ นิสฺสาย เอตฺตกานํ ตาปสานํ ผลาผลตฺถาย อคนฺตฺวา ยาปนํ อุปฺปนฺนํ, วีริยํ นาม กาตพฺพเมวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

    Bodhisatto taṃ disvā ‘‘ekaṃ nāma vattasampannaṃ nissāya ettakānaṃ tāpasānaṃ phalāphalatthāya agantvā yāpanaṃ uppannaṃ, vīriyaṃ nāma kātabbamevā’’ti vatvā imaṃ gāthamāha –

    ๑๒๔.

    124.

    ‘‘วายเมเถว ปุริโส, น นิพฺพิเนฺทยฺย ปณฺฑิโต;

    ‘‘Vāyametheva puriso, na nibbindeyya paṇḍito;

    วายามสฺส ผลํ ปสฺส, ภุตฺตา อมฺพา อนีติห’’นฺติฯ

    Vāyāmassa phalaṃ passa, bhuttā ambā anītiha’’nti.

    ตตฺรายํ สเงฺขปโตฺถ – ปณฺฑิโต อตฺตโน วตฺตปูรณาทิเก กมฺมสฺมิํ วายเมเถว, น อุกฺกเณฺฐยฺยฯ กิํการณา? วายามสฺส นิปฺผลตาย อภาวโตฯ อิติ มหาสโตฺต ‘‘วายาโม นาเมส สผโลว โหตี’’ติ อิสิคณํ อาลปโนฺต ‘‘วายามสฺส ผลํ ปสฺสา’’ติ อาหฯ กีทิสํ? ภุตฺตา อมฺพา อนีติหํฯ ตตฺถ อมฺพาติ เทสนามตฺตํ, เตหิ ปน นานปฺปการานิ ผลาผลานิ อาภตานิฯ เตสุ สมฺปนฺนตรานํ อุสฺสนฺนตรานํ วา วเสน ‘‘อมฺพา’’ติ วุตฺตํฯ เย อิเมหิ ปญฺจหิ อิสิสเตหิ สยํ อรญฺญํ อคนฺตฺวา เอกสฺส อตฺถาย อานีตา อมฺพา ภุตฺตา, อิทํ วายามสฺส ผลํฯ ตญฺจ โข ปน อนีติหํ, ‘‘อิติ อาห อิติ อาหา’’ติ เอวํ อิติหีติเหน คเหตพฺพํ น โหติ, ปจฺจกฺขเมว ตํ ผลํ ปสฺสาติฯ เอวํ มหาสโตฺต อิสิคณสฺส โอวาทํ อทาสิฯ

    Tatrāyaṃ saṅkhepattho – paṇḍito attano vattapūraṇādike kammasmiṃ vāyametheva, na ukkaṇṭheyya. Kiṃkāraṇā? Vāyāmassa nipphalatāya abhāvato. Iti mahāsatto ‘‘vāyāmo nāmesa saphalova hotī’’ti isigaṇaṃ ālapanto ‘‘vāyāmassa phalaṃ passā’’ti āha. Kīdisaṃ? Bhuttā ambā anītihaṃ. Tattha ambāti desanāmattaṃ, tehi pana nānappakārāni phalāphalāni ābhatāni. Tesu sampannatarānaṃ ussannatarānaṃ vā vasena ‘‘ambā’’ti vuttaṃ. Ye imehi pañcahi isisatehi sayaṃ araññaṃ agantvā ekassa atthāya ānītā ambā bhuttā, idaṃ vāyāmassa phalaṃ. Tañca kho pana anītihaṃ, ‘‘iti āha iti āhā’’ti evaṃ itihītihena gahetabbaṃ na hoti, paccakkhameva taṃ phalaṃ passāti. Evaṃ mahāsatto isigaṇassa ovādaṃ adāsi.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา วตฺตสมฺปโนฺน ตาปโส อยํ ภิกฺขุ อโหสิ, คณสตฺถา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā vattasampanno tāpaso ayaṃ bhikkhu ahosi, gaṇasatthā pana ahameva ahosi’’nti.

    อมฺพชาตกวณฺณนา จตุตฺถาฯ

    Ambajātakavaṇṇanā catutthā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๑๒๔. อมฺพชาตกํ • 124. Ambajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact