Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๓๔๔] ๔. อมฺพชาตกวณฺณนา
[344] 4. Ambajātakavaṇṇanā
โย นีลิยํ มณฺฑยตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต เอกํ อมฺพโคปกเตฺถรํ อารพฺภ กเถสิฯ โส กิร มหลฺลกกาเล ปพฺพชิตฺวา เชตวนปจฺจเนฺต อมฺพวเน ปณฺณสาลํ กาเรตฺวา อเมฺพ รกฺขโนฺต ปติตานิ อมฺพปกฺกานิ ขาทโนฺต วิจรติ, อตฺตโน สมฺพนฺธมนุสฺสานมฺปิ เทติฯ ตสฺมิํ ภิกฺขาจารํ ปวิเฎฺฐ อมฺพโจรกา อมฺพานิ ปาเตตฺวา ขาทิตฺวา จ คเหตฺวา จ คจฺฉนฺติฯ ตสฺมิํ ขเณ จตโสฺส เสฎฺฐิธีตโร อจิรวติยํ นฺหายิตฺวา วิจรนฺติโย ตํ อมฺพวนํ ปวิสิํสุฯ มหลฺลโก อาคนฺตฺวา ตา ทิสฺวา ‘‘ตุเมฺหหิ เม อมฺพานิ ขาทิตานี’’ติ อาหฯ ‘‘ภเนฺต, มยํ อิทาเนว อาคตา, น ตุมฺหากํ อมฺพานิ ขาทามา’’ติฯ ‘‘เตน หิ สปถํ กโรถา’’ติ? ‘‘กโรม, ภเนฺต’’ติ สปถํ กริํสุฯ มหลฺลโก ตา สปถํ กาเรตฺวา ลชฺชาเปตฺวา วิสฺสเชฺชสิฯ ตสฺส ตํ กิริยํ สุตฺวา ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฎฺฐาเปสุํ ‘‘อาวุโส, อสุโก กิร มหลฺลโก อตฺตโน วสนกํ อมฺพวนํ ปวิฎฺฐา เสฎฺฐิธีตโร สปถํ กาเรตฺวา ลชฺชาเปตฺวา วิสฺสเชฺชสี’’ติฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุเพฺพเปส อมฺพโคปโก หุตฺวา จตโสฺส เสฎฺฐิธีตโร สปถํ กาเรตฺวา ลชฺชาเปตฺวา วิสฺสเชฺชสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Yonīliyaṃ maṇḍayatīti idaṃ satthā jetavane viharanto ekaṃ ambagopakattheraṃ ārabbha kathesi. So kira mahallakakāle pabbajitvā jetavanapaccante ambavane paṇṇasālaṃ kāretvā ambe rakkhanto patitāni ambapakkāni khādanto vicarati, attano sambandhamanussānampi deti. Tasmiṃ bhikkhācāraṃ paviṭṭhe ambacorakā ambāni pātetvā khāditvā ca gahetvā ca gacchanti. Tasmiṃ khaṇe catasso seṭṭhidhītaro aciravatiyaṃ nhāyitvā vicarantiyo taṃ ambavanaṃ pavisiṃsu. Mahallako āgantvā tā disvā ‘‘tumhehi me ambāni khāditānī’’ti āha. ‘‘Bhante, mayaṃ idāneva āgatā, na tumhākaṃ ambāni khādāmā’’ti. ‘‘Tena hi sapathaṃ karothā’’ti? ‘‘Karoma, bhante’’ti sapathaṃ kariṃsu. Mahallako tā sapathaṃ kāretvā lajjāpetvā vissajjesi. Tassa taṃ kiriyaṃ sutvā bhikkhū dhammasabhāyaṃ kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ ‘‘āvuso, asuko kira mahallako attano vasanakaṃ ambavanaṃ paviṭṭhā seṭṭhidhītaro sapathaṃ kāretvā lajjāpetvā vissajjesī’’ti. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘na, bhikkhave, idāneva, pubbepesa ambagopako hutvā catasso seṭṭhidhītaro sapathaṃ kāretvā lajjāpetvā vissajjesī’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต สกฺกตฺตํ กาเรสิฯ ตทา เอโก กูฎชฎิโล พาราณสิํ อุปนิสฺสาย นทีตีเร อมฺพวเน ปณฺณสาลํ มาเปตฺวา อเมฺพ รกฺขโนฺต ปติตานิ อมฺพปกฺกานิ ขาทโนฺต สมฺพนฺธมนุสฺสานมฺปิ เทโนฺต นานปฺปกาเรน มิจฺฉาชีเวน ชีวิกํ กเปฺปโนฺต วิจรติฯ ตทา สโกฺก เทวราชา ‘‘เก นุ โข โลเก มาตาปิตโร อุปฎฺฐหนฺติ, กุเล เชฎฺฐาปจยนกมฺมํ กโรนฺติ, ทานํ เทนฺติ, สีลํ รกฺขนฺติ, อุโปสถกมฺมํ กโรนฺติ, เก ปพฺพชิตา สมณธเมฺม ยุตฺตปยุตฺตา วิหรนฺติ, เก อนาจารํ จรนฺตี’’ติ โลกํ โวโลเกโนฺต อิมํ อมฺพโคปกํ อนาจารํ กูฎชฎิลํ ทิสฺวา ‘‘อยํ กูฎชฎิโล กสิณปริกมฺมาทิํ อตฺตโน สมณธมฺมํ ปหาย อมฺพวนํ รกฺขโนฺต วิจรติ, สํเวเชสฺสามิ น’’นฺติ ตสฺส คามํ ภิกฺขาย ปวิฎฺฐกาเล อตฺตโน อานุภาเวน อเมฺพ ปาเตตฺวา โจเรหิ วิลุมฺพิเต วิย อกาสิฯ
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto sakkattaṃ kāresi. Tadā eko kūṭajaṭilo bārāṇasiṃ upanissāya nadītīre ambavane paṇṇasālaṃ māpetvā ambe rakkhanto patitāni ambapakkāni khādanto sambandhamanussānampi dento nānappakārena micchājīvena jīvikaṃ kappento vicarati. Tadā sakko devarājā ‘‘ke nu kho loke mātāpitaro upaṭṭhahanti, kule jeṭṭhāpacayanakammaṃ karonti, dānaṃ denti, sīlaṃ rakkhanti, uposathakammaṃ karonti, ke pabbajitā samaṇadhamme yuttapayuttā viharanti, ke anācāraṃ carantī’’ti lokaṃ volokento imaṃ ambagopakaṃ anācāraṃ kūṭajaṭilaṃ disvā ‘‘ayaṃ kūṭajaṭilo kasiṇaparikammādiṃ attano samaṇadhammaṃ pahāya ambavanaṃ rakkhanto vicarati, saṃvejessāmi na’’nti tassa gāmaṃ bhikkhāya paviṭṭhakāle attano ānubhāvena ambe pātetvā corehi vilumbite viya akāsi.
ตทา พาราณสิโต จตโสฺส เสฎฺฐิธีตโร ตํ อมฺพวนํ ปวิสิํสุฯ กูฎชฎิโล ตา ทิสฺวา ‘‘ตุเมฺหหิ เม อมฺพานิ ขาทิตานี’’ติ ปลิพุทฺธิฯ ‘‘ภเนฺต, มยํ อิทาเนว อาคตา, น เต อมฺพานิ ขาทามา’’ติฯ ‘‘เตน หิ สปถํ กโรถา’’ติ? ‘‘กตฺวา จ ปน คนฺตุํ ลภิสฺสามา’’ติ? ‘‘อาม, ลภิสฺสถา’’ติฯ ‘‘สาธุ, ภเนฺต’’ติ ตาสุ เชฎฺฐิกา สปถํ กโรนฺตี ปฐมํ คาถมาห –
Tadā bārāṇasito catasso seṭṭhidhītaro taṃ ambavanaṃ pavisiṃsu. Kūṭajaṭilo tā disvā ‘‘tumhehi me ambāni khāditānī’’ti palibuddhi. ‘‘Bhante, mayaṃ idāneva āgatā, na te ambāni khādāmā’’ti. ‘‘Tena hi sapathaṃ karothā’’ti? ‘‘Katvā ca pana gantuṃ labhissāmā’’ti? ‘‘Āma, labhissathā’’ti. ‘‘Sādhu, bhante’’ti tāsu jeṭṭhikā sapathaṃ karontī paṭhamaṃ gāthamāha –
๑๖๙.
169.
‘‘โย นีลิยํ มณฺฑยติ, สณฺฑาเสน วิหญฺญติ;
‘‘Yo nīliyaṃ maṇḍayati, saṇḍāsena vihaññati;
ตสฺส สา วสมเนฺวตุ, ยา เต อเมฺพ อวาหรี’’ติฯ
Tassa sā vasamanvetu, yā te ambe avāharī’’ti.
ตสฺสโตฺถ – โย ปุริโส ปลิตานํ กาฬวณฺณกรณตฺถาย นีลผลาทีนิ โยเชตฺวา กตํ นีลิยํ มณฺฑยติ, นีลเกสนฺตเร จ อุฎฺฐิตํ ปลิตํ อุทฺธรโนฺต สณฺฑาเสน วิหญฺญติ กิลมติ, ตสฺส เอวรูปสฺส มหลฺลกสฺส สา วสํ อเนฺวตุ, ตถารูปํ ปติํ ลภตุ, ยา เต อเมฺพ อวาหรีติฯ
Tassattho – yo puriso palitānaṃ kāḷavaṇṇakaraṇatthāya nīlaphalādīni yojetvā kataṃ nīliyaṃ maṇḍayati, nīlakesantare ca uṭṭhitaṃ palitaṃ uddharanto saṇḍāsena vihaññati kilamati, tassa evarūpassa mahallakassa sā vasaṃ anvetu, tathārūpaṃ patiṃ labhatu, yā te ambe avāharīti.
ตาปโส ‘‘ตฺวํ เอกมนฺตํ ติฎฺฐาหี’’ติ วตฺวา ทุติยํ เสฎฺฐิธีตรํ สปถํ กาเรสิฯ สา สปถํ กโรนฺตี ทุติยํ คาถมาห –
Tāpaso ‘‘tvaṃ ekamantaṃ tiṭṭhāhī’’ti vatvā dutiyaṃ seṭṭhidhītaraṃ sapathaṃ kāresi. Sā sapathaṃ karontī dutiyaṃ gāthamāha –
๑๗๐.
170.
‘‘วีสํ วา ปญฺจวีสํ วา, อูนติํสํว ชาติยา;
‘‘Vīsaṃ vā pañcavīsaṃ vā, ūnatiṃsaṃva jātiyā;
ตาทิสา ปติ มา ลทฺธา, ยา เต อเมฺพ อวาหรี’’ติฯ
Tādisā pati mā laddhā, yā te ambe avāharī’’ti.
ตสฺสโตฺถ – นาริโย นาม ปนฺนรสโสฬสวสฺสิกกาเล ปุริสานํ ปิยา โหนฺติฯ ยา ปน ตว อมฺพานิ อวาหริ, สา เอวรูเป โยพฺพเน ปติํ อลภิตฺวา ชาติยา วีสํ วา ปญฺจวีสํ วา เอเกน ทฺวีหิ อูนตาย อูนติํสํ วา วสฺสานิ ปตฺวา ตาทิสา ปริปกฺกวยา หุตฺวาปิ ปติํ มา ลทฺธาติฯ
Tassattho – nāriyo nāma pannarasasoḷasavassikakāle purisānaṃ piyā honti. Yā pana tava ambāni avāhari, sā evarūpe yobbane patiṃ alabhitvā jātiyā vīsaṃ vā pañcavīsaṃ vā ekena dvīhi ūnatāya ūnatiṃsaṃ vā vassāni patvā tādisā paripakkavayā hutvāpi patiṃ mā laddhāti.
ตายปิ สปถํ กตฺวา เอกมนฺตํ ฐิตาย ตติยา ตติยํ คาถมาห –
Tāyapi sapathaṃ katvā ekamantaṃ ṭhitāya tatiyā tatiyaṃ gāthamāha –
๑๗๑.
171.
‘‘ทีฆํ คจฺฉตุ อทฺธานํ, เอกิกา อภิสาริกา;
‘‘Dīghaṃ gacchatu addhānaṃ, ekikā abhisārikā;
สเงฺกเต ปติ มา อทฺท, ยา เต อเมฺพ อวาหรี’’ติฯ
Saṅkete pati mā adda, yā te ambe avāharī’’ti.
ตสฺสโตฺถ – ยา เต อเมฺพ อวาหริ, สา ปติํ ปตฺถยมานา ตสฺส สนฺติกํ อภิสรณตาย อภิสาริกา นาม หุตฺวา เอกิกา อทุติยา คาวุตทฺวิคาวุตมตฺตํ ทีฆํ อทฺธานํ คจฺฉตุ, คนฺตฺวาปิ จ ตสฺมิํ อสุกฎฺฐานํ นาม อาคเจฺฉยฺยาสีติ กเต สเงฺกเต ตํ ปติํ มา อทฺทสาติฯ
Tassattho – yā te ambe avāhari, sā patiṃ patthayamānā tassa santikaṃ abhisaraṇatāya abhisārikā nāma hutvā ekikā adutiyā gāvutadvigāvutamattaṃ dīghaṃ addhānaṃ gacchatu, gantvāpi ca tasmiṃ asukaṭṭhānaṃ nāma āgaccheyyāsīti kate saṅkete taṃ patiṃ mā addasāti.
ตายปิ สปถํ กตฺวา เอกมนฺตํ ฐิตาย จตุตฺถา จตุตฺถํ คาถมาห –
Tāyapi sapathaṃ katvā ekamantaṃ ṭhitāya catutthā catutthaṃ gāthamāha –
๑๗๒.
172.
‘‘อลงฺกตา สุวสนา, มาลินี จนฺทนุสฺสทา;
‘‘Alaṅkatā suvasanā, mālinī candanussadā;
เอกิกา สยเน เสตุ, ยา เต อเมฺพ อวาหรี’’ติฯ – สา อุตฺตานตฺถาเยว;
Ekikā sayane setu, yā te ambe avāharī’’ti. – sā uttānatthāyeva;
ตาปโส ‘‘ตุเมฺหหิ อติภาริยา สปถา กตา, อเญฺญหิ อมฺพานิ ขาทิตานิ ภวิสฺสนฺติ, คจฺฉถ ทานิ ตุเมฺห’’ติ ตา อุโยฺยเชสิฯ สโกฺก เภรวรูปารมฺมณํ ทเสฺสตฺวา กูฎตาปสํ ตโต ปลาเปสิฯ
Tāpaso ‘‘tumhehi atibhāriyā sapathā katā, aññehi ambāni khāditāni bhavissanti, gacchatha dāni tumhe’’ti tā uyyojesi. Sakko bheravarūpārammaṇaṃ dassetvā kūṭatāpasaṃ tato palāpesi.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กูฎชฎิโล อยํ อมฺพโคปโก มหลฺลโก อโหสิ, จตโสฺส เสฎฺฐิธีตโร เอตาเยว, สโกฺก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā kūṭajaṭilo ayaṃ ambagopako mahallako ahosi, catasso seṭṭhidhītaro etāyeva, sakko pana ahameva ahosi’’nti.
อมฺพชาตกวณฺณนา จตุตฺถาฯ
Ambajātakavaṇṇanā catutthā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๓๔๔. อมฺพชาตกํ • 344. Ambajātakaṃ