Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā)

    ๒. ภิกฺขุวโคฺค

    2. Bhikkhuvaggo

    ๑. อมฺพลฎฺฐิกราหุโลวาทสุตฺตวณฺณนา

    1. Ambalaṭṭhikarāhulovādasuttavaṇṇanā

    ๑๐๗. เอวํ เม สุตนฺติ อมฺพลฎฺฐิกราหุโลวาทสุตฺตํฯ ตตฺถ อมฺพลฎฺฐิกายํ วิหรตีติ เวฬุวนวิหารสฺส ปจฺจเนฺต ปธานฆรสเงฺขเป วิเวกกามานํ วสนตฺถาย กเต อมฺพลฎฺฐิกาติ เอวํนามเก ปาสาเท ปวิเวกํ พฺรูหยโนฺต วิหรติฯ กณฺฎโก นาม ชาตกาลโต ปฎฺฐาย ติขิโณว โหติ, เอวเมวํ อยมฺปิ อายสฺมา สตฺตวสฺสิกสามเณรกาเลเยว ปวิเวกํ พฺรูหยมาโน ตตฺถ วิหาสิฯ ปฎิสลฺลานา วุฎฺฐิโตติ ผลสมาปตฺติโต วุฎฺฐายฯ อาสนนฺติ ปกติปญฺญตฺตเมเวตฺถ อาสนํ อตฺถิ, ตํ ปโปฺผเฎตฺวา ฐเปสิฯ อุทกาธาเนติ อุทกภาชเนฯ ‘‘อุทกฎฺฐาเน’’ติปิ ปาโฐฯ

    107.Evaṃme sutanti ambalaṭṭhikarāhulovādasuttaṃ. Tattha ambalaṭṭhikāyaṃ viharatīti veḷuvanavihārassa paccante padhānagharasaṅkhepe vivekakāmānaṃ vasanatthāya kate ambalaṭṭhikāti evaṃnāmake pāsāde pavivekaṃ brūhayanto viharati. Kaṇṭako nāma jātakālato paṭṭhāya tikhiṇova hoti, evamevaṃ ayampi āyasmā sattavassikasāmaṇerakāleyeva pavivekaṃ brūhayamāno tattha vihāsi. Paṭisallānā vuṭṭhitoti phalasamāpattito vuṭṭhāya. Āsananti pakatipaññattamevettha āsanaṃ atthi, taṃ papphoṭetvā ṭhapesi. Udakādhāneti udakabhājane. ‘‘Udakaṭṭhāne’’tipi pāṭho.

    อายสฺมนฺตํ ราหุลํ อามเนฺตสีติ โอวาททานตฺถํ อามเนฺตสิฯ ภควตา หิ ราหุลเตฺถรสฺส สมฺพหุลา ธมฺมเทสนา กตาฯ สามเณรปญฺหํ เถรเสฺสว วุตฺตํฯ ตถา ราหุลสํยุตฺตํ มหาราหุโลวาทสุตฺตํ จูฬราหุโลวาทสุตฺตมิทํ อมฺพลฎฺฐิกราหุโลวาทสุตฺตนฺติฯ

    Āyasmantaṃ rāhulaṃ āmantesīti ovādadānatthaṃ āmantesi. Bhagavatā hi rāhulattherassa sambahulā dhammadesanā katā. Sāmaṇerapañhaṃ therasseva vuttaṃ. Tathā rāhulasaṃyuttaṃ mahārāhulovādasuttaṃ cūḷarāhulovādasuttamidaṃ ambalaṭṭhikarāhulovādasuttanti.

    อยญฺหิ อายสฺมา สตฺตวสฺสิกกาเล ภควนฺตํ จีวรกเณฺณ คเหตฺวา ‘‘ทายชฺชํ เม สมณ เทหี’’ติ ทายชฺชํ ยาจมาโน ภควตา ธมฺมเสนาปติสาริปุตฺตเตฺถรสฺส นิยฺยาเทตฺวา ปพฺพาชิโตฯ อถ ภควา ทหรกุมารา นาม ยุตฺตายุตฺตํ กถํ กเถนฺติ, โอวาทมสฺส เทมีติ ราหุลกุมารํ อามเนฺตตฺวา ‘‘สามเณเรน นาม, ราหุล, ติรจฺฉานกถํ กเถตุํ น วฎฺฎติ, ตฺวํ กถยมาโน เอวรูปํ กถํ กเถยฺยาสี’’ติ สพฺพพุเทฺธหิ อวิชหิตํ ทสปุจฺฉํ ปญฺจปณฺณาสวิสฺสชฺชนํ – ‘‘เอโก ปโญฺห เอโก อุเทฺทโส เอกํ เวยฺยากรณํ เทฺว ปญฺหา…เป.… ทส ปญฺหา ทส อุเทฺทสา ทส เวยฺยากรณาติฯ เอกํ นาม กิํ? สเพฺพ สตฺตา อาหารฎฺฐิติกา…เป.… ทส นาม กิํ? ทสหเงฺคหิ สมนฺนาคโต อรหาติ วุจฺจตี’’ติ (ขุ. ปา. ๔.๑๐) อิมํ สามเณรปญฺหํ กเถสิฯ ปุน จิเนฺตสิ ‘‘ทหรกุมารา นาม ปิยมุสาวาทา โหนฺติ, อทิฎฺฐเมว ทิฎฺฐํ อเมฺหหิ, ทิฎฺฐเมว น ทิฎฺฐํ อเมฺหหีติ วทนฺติ โอวาทมสฺส เทมี’’ติ อกฺขีหิ โอโลเกตฺวาปิ สุขสญฺชานนตฺถํ ปฐมเมว จตโสฺส อุทกาธานูปมาโย , ตโต เทฺว หตฺถิอุปมาโย เอกํ อาทาสูปมญฺจ ทเสฺสตฺวา อิมํ สุตฺตํ กเถสิฯ จตูสุ ปน ปจฺจเยสุ ตณฺหาวิวฎฺฎนํ ปญฺจสุ กามคุเณสุ ฉนฺทราคปฺปหานํ กลฺยาณมิตฺตุปนิสฺสยสฺส มหนฺตภาวญฺจ ทเสฺสตฺวา ราหุลสุตฺตํ (สุ. นิ. ราหุลสุตฺต) กเถสิฯ อาคตาคตฎฺฐาเน ภเวสุ ฉนฺทราโค น กตฺตโพฺพติ ทเสฺสตุํ ราหุลสํยุตฺตํ (สํ. นิ. ๒.๑๘๘ อาทโย) กเถสิฯ ‘‘อหํ โสภามิ, มม วณฺณายตนํ ปสนฺน’’นฺติ อตฺตภาวํ นิสฺสาย เคหสฺสิตฉนฺทราโค น กตฺตโพฺพติ มหาราหุโลวาทสุตฺตํ กเถสิฯ

    Ayañhi āyasmā sattavassikakāle bhagavantaṃ cīvarakaṇṇe gahetvā ‘‘dāyajjaṃ me samaṇa dehī’’ti dāyajjaṃ yācamāno bhagavatā dhammasenāpatisāriputtattherassa niyyādetvā pabbājito. Atha bhagavā daharakumārā nāma yuttāyuttaṃ kathaṃ kathenti, ovādamassa demīti rāhulakumāraṃ āmantetvā ‘‘sāmaṇerena nāma, rāhula, tiracchānakathaṃ kathetuṃ na vaṭṭati, tvaṃ kathayamāno evarūpaṃ kathaṃ katheyyāsī’’ti sabbabuddhehi avijahitaṃ dasapucchaṃ pañcapaṇṇāsavissajjanaṃ – ‘‘eko pañho eko uddeso ekaṃ veyyākaraṇaṃ dve pañhā…pe… dasa pañhā dasa uddesā dasa veyyākaraṇāti. Ekaṃ nāma kiṃ? Sabbe sattā āhāraṭṭhitikā…pe… dasa nāma kiṃ? Dasahaṅgehi samannāgato arahāti vuccatī’’ti (khu. pā. 4.10) imaṃ sāmaṇerapañhaṃ kathesi. Puna cintesi ‘‘daharakumārā nāma piyamusāvādā honti, adiṭṭhameva diṭṭhaṃ amhehi, diṭṭhameva na diṭṭhaṃ amhehīti vadanti ovādamassa demī’’ti akkhīhi oloketvāpi sukhasañjānanatthaṃ paṭhamameva catasso udakādhānūpamāyo , tato dve hatthiupamāyo ekaṃ ādāsūpamañca dassetvā imaṃ suttaṃ kathesi. Catūsu pana paccayesu taṇhāvivaṭṭanaṃ pañcasu kāmaguṇesu chandarāgappahānaṃ kalyāṇamittupanissayassa mahantabhāvañca dassetvā rāhulasuttaṃ (su. ni. rāhulasutta) kathesi. Āgatāgataṭṭhāne bhavesu chandarāgo na kattabboti dassetuṃ rāhulasaṃyuttaṃ (saṃ. ni. 2.188 ādayo) kathesi. ‘‘Ahaṃ sobhāmi, mama vaṇṇāyatanaṃ pasanna’’nti attabhāvaṃ nissāya gehassitachandarāgo na kattabboti mahārāhulovādasuttaṃ kathesi.

    ตตฺถ ราหุลสุตฺตํ อิมสฺมิํ นาม กาเล วุตฺตนฺติ น วตฺตพฺพํฯ ตญฺหิ อภิโณฺหวาทวเสน วุตฺตํฯ ราหุลสํยุตฺตํ สตฺตวสฺสิกกาลโต ปฎฺฐาย ยาว อวสฺสิกภิกฺขุกาลา วุตฺตํฯ มหาราหุโลวาทสุตฺตํ อฎฺฐารส วสฺสสามเณรกาเล วุตฺตํฯ จูฬราหุโลวาทสุตฺตํ อวสฺสิกภิกฺขุกาเล วุตฺตํฯ กุมารกปญฺหญฺจ อิทญฺจ อมฺพลฎฺฐิกราหุโลวาทสุตฺตํ สตฺตวสฺสิกสามเณรกาเล วุตฺตํฯ เตสุ ราหุลสุตฺตํ อภิโณฺหวาทตฺถํ, ราหุลสํยุตฺตํ, เถรสฺส วิปสฺสนาคพฺภคหณตฺถํ, มหาราหุโลวาทํ เคหสฺสิตฉนฺทราควิโนทนตฺถํ, จูฬราหุโลวาทํ เถรสฺส ปญฺจทส-วิมุตฺติปริปาจนีย-ธมฺมปริปากกาเล อรหตฺตคาหาปนตฺถํ วุตฺตํฯ อิทญฺจ ปน สนฺธาย ราหุลเตฺถโร ภิกฺขุสงฺฆมเชฺฌ ตถาคตสฺส คุณํ กเถโนฺต อิทมาห –

    Tattha rāhulasuttaṃ imasmiṃ nāma kāle vuttanti na vattabbaṃ. Tañhi abhiṇhovādavasena vuttaṃ. Rāhulasaṃyuttaṃ sattavassikakālato paṭṭhāya yāva avassikabhikkhukālā vuttaṃ. Mahārāhulovādasuttaṃ aṭṭhārasa vassasāmaṇerakāle vuttaṃ. Cūḷarāhulovādasuttaṃ avassikabhikkhukāle vuttaṃ. Kumārakapañhañca idañca ambalaṭṭhikarāhulovādasuttaṃ sattavassikasāmaṇerakāle vuttaṃ. Tesu rāhulasuttaṃ abhiṇhovādatthaṃ, rāhulasaṃyuttaṃ, therassa vipassanāgabbhagahaṇatthaṃ, mahārāhulovādaṃ gehassitachandarāgavinodanatthaṃ, cūḷarāhulovādaṃ therassa pañcadasa-vimuttiparipācanīya-dhammaparipākakāle arahattagāhāpanatthaṃ vuttaṃ. Idañca pana sandhāya rāhulatthero bhikkhusaṅghamajjhe tathāgatassa guṇaṃ kathento idamāha –

    ‘‘กิกีว พีชํ รเกฺขยฺย, จามรี วาลมุตฺตมํ;

    ‘‘Kikīva bījaṃ rakkheyya, cāmarī vālamuttamaṃ;

    นิปโก สีลสมฺปโนฺน, มมํ รกฺขิ ตถาคโต’’ติฯ (อป. ๑.๒.๘๓);

    Nipako sīlasampanno, mamaṃ rakkhi tathāgato’’ti. (apa. 1.2.83);

    สามเณรปญฺหํ อยุตฺตวจนปหานตฺถํ, อิทํ อมฺพลฎฺฐิกราหุโลวาทสุตฺตํ สมฺปชานมุสาวาทสฺส อกรณตฺถํ วุตฺตํฯ

    Sāmaṇerapañhaṃ ayuttavacanapahānatthaṃ, idaṃ ambalaṭṭhikarāhulovādasuttaṃ sampajānamusāvādassa akaraṇatthaṃ vuttaṃ.

    ตตฺถ ปสฺสสิ โนติ ปสฺสสิ นุฯ ปริตฺตนฺติ โถกํฯ สามญฺญนฺติ สมณธโมฺมฯ นิกฺกุชฺชิตฺวาติ อโธมุขํ กตฺวาฯ อุกฺกุชฺชิตฺวาติ อุตฺตานํ กตฺวาฯ

    Tattha passasi noti passasi nu. Parittanti thokaṃ. Sāmaññanti samaṇadhammo. Nikkujjitvāti adhomukhaṃ katvā. Ukkujjitvāti uttānaṃ katvā.

    ๑๐๘. เสยฺยถาปิ, ราหุล, รโญฺญ นาโคติ อยํ อุปมา สมฺปชานมุสาวาเท สํวรรหิตสฺส โอปมฺมทสฺสนตฺถํ วุตฺตาฯ ตตฺถ อีสาทโนฺตติ รถีสาสทิสทโนฺต ฯ อุรุฬฺหวาติ อภิวฑฺฒิโต อาโรหสมฺปโนฺนฯ อภิชาโตติ สุชาโต ชาติสมฺปโนฺนฯ สงฺคามาวจโรติ สงฺคามํ โอติณฺณปุโพฺพฯ กมฺมํ กโรตีติ อาคตาคเต ปวเฎฺฎโนฺต ฆาเตติฯ ปุรตฺถิมกายาทีสุ ปน ปุรตฺถิมกาเยน ตาว ปฎิเสนาย ผลกโกฎฺฐกมุณฺฑปาการาทโย ปาเตติ, ตถา ปจฺฉิมกาเยนฯ สีเสน กมฺมํ นาม นิยเมตฺวา เอตํ ปเทสํ มทฺทิสฺสามีติ นิวตฺติตฺวา โอโลเกติ, เอตฺตเกน สตมฺปิ สหสฺสมฺปิ เทฺวธา ภิชฺชติฯ กเณฺณหิ กมฺมํ นาม อาคตาคเต สเร กเณฺณหิ ปหริตฺวา ปาตนํฯ ทเนฺตหิ กมฺมํ นาม ปฎิหตฺถิอสฺสหตฺถาโรหอสฺสาโรหปทาทีนํ วิชฺฌนํฯ นงฺคุเฎฺฐน กมฺมํ นาม นงฺคุเฎฺฐ พนฺธาย ทีฆาสิลฎฺฐิยา วา อยมุสเลน วา เฉทนเภทนํฯ รกฺขเตว โสณฺฑนฺติ โสณฺฑํ ปน มุเข ปกฺขิปิตฺวา รกฺขติฯ

    108.Seyyathāpi, rāhula, rañño nāgoti ayaṃ upamā sampajānamusāvāde saṃvararahitassa opammadassanatthaṃ vuttā. Tattha īsādantoti rathīsāsadisadanto . Uruḷhavāti abhivaḍḍhito ārohasampanno. Abhijātoti sujāto jātisampanno. Saṅgāmāvacaroti saṅgāmaṃ otiṇṇapubbo. Kammaṃ karotīti āgatāgate pavaṭṭento ghāteti. Puratthimakāyādīsu pana puratthimakāyena tāva paṭisenāya phalakakoṭṭhakamuṇḍapākārādayo pāteti, tathā pacchimakāyena. Sīsena kammaṃ nāma niyametvā etaṃ padesaṃ maddissāmīti nivattitvā oloketi, ettakena satampi sahassampi dvedhā bhijjati. Kaṇṇehi kammaṃ nāma āgatāgate sare kaṇṇehi paharitvā pātanaṃ. Dantehi kammaṃ nāma paṭihatthiassahatthārohaassārohapadādīnaṃ vijjhanaṃ. Naṅguṭṭhena kammaṃ nāma naṅguṭṭhe bandhāya dīghāsilaṭṭhiyā vā ayamusalena vā chedanabhedanaṃ. Rakkhateva soṇḍanti soṇḍaṃ pana mukhe pakkhipitvā rakkhati.

    ตตฺถาติ ตสฺมิํ ตสฺส หตฺถิโน กรเณฯ อปริจฺจตฺตนฺติ อนิสฺสฎฺฐํ, ปเรสํ ชยํ อมฺหากญฺจ ปราชยํ ปสฺสีติ มญฺญติฯ โสณฺฑายปิ กมฺมํ กโรตีติ อยมุคฺครํ วา ขทิรมุสลํ วา คเหตฺวา สมนฺตา อฎฺฐารสหตฺถฎฺฐานํ มทฺทติฯ ปริจฺจตฺตนฺติ วิสฺสฎฺฐํ, อิทานิ หตฺถิโยธาทีสุ น กุโตจิ ภายติ, อมฺหากํ ชยํ ปเรสญฺจ ปราชยํ ปสฺสีติ มญฺญติฯ นาหํ ตสฺส กิญฺจิ ปาปนฺติ ตสฺส ทุกฺกฎาทิอาปตฺติวีติกฺกเม วา มาตุฆาตกาทิกเมฺมสุ วา กิญฺจิ ปาปํ อกตฺตพฺพํ นาม นตฺถิฯ ตสฺมา ติห เตติ ยสฺมา สมฺปชานมุสาวาทิโน อกตฺตพฺพํ ปาปํ นาม นตฺถิ, ตสฺมา ตยา หสายปิ ทวกมฺยตายปิ มุสา น ภณิสฺสามีติ สิกฺขิตพฺพํฯ ปจฺจเวกฺขณโตฺถติ โอโลกนโตฺถ, ยํ มุเข วชฺชํ โหติ, ตสฺส ทสฺสนโตฺถติ วุตฺตํ โหติฯ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปจฺจเวกฺขิตฺวาติ โอโลเกตฺวา โอโลเกตฺวาฯ

    Tatthāti tasmiṃ tassa hatthino karaṇe. Apariccattanti anissaṭṭhaṃ, paresaṃ jayaṃ amhākañca parājayaṃ passīti maññati. Soṇḍāyapi kammaṃ karotīti ayamuggaraṃ vā khadiramusalaṃ vā gahetvā samantā aṭṭhārasahatthaṭṭhānaṃ maddati. Pariccattanti vissaṭṭhaṃ, idāni hatthiyodhādīsu na kutoci bhāyati, amhākaṃ jayaṃ paresañca parājayaṃ passīti maññati. Nāhaṃ tassa kiñci pāpanti tassa dukkaṭādiāpattivītikkame vā mātughātakādikammesu vā kiñci pāpaṃ akattabbaṃ nāma natthi. Tasmā tiha teti yasmā sampajānamusāvādino akattabbaṃ pāpaṃ nāma natthi, tasmā tayā hasāyapi davakamyatāyapi musā na bhaṇissāmīti sikkhitabbaṃ. Paccavekkhaṇatthoti olokanattho, yaṃ mukhe vajjaṃ hoti, tassa dassanatthoti vuttaṃ hoti. Paccavekkhitvā paccavekkhitvāti oloketvā oloketvā.

    ๑๐๙. สสกฺกํ น กรณียนฺติ เอกํเสเนว น กาตพฺพํฯ ปฎิสํหเรยฺยาสีติ นิวเตฺตยฺยาสิ มา กเรยฺยาสิฯ อนุปทเชฺชยฺยาสีติ อนุปเทยฺยาสิ อุปตฺถเมฺภยฺยาสิ ปุนปฺปุนํ กเรยฺยาสิฯ อโหรตฺตานุสิกฺขีติ รตฺติญฺจ ทิวญฺจ สิกฺขมาโนฯ

    109.Sasakkaṃ na karaṇīyanti ekaṃseneva na kātabbaṃ. Paṭisaṃhareyyāsīti nivatteyyāsi mā kareyyāsi. Anupadajjeyyāsīti anupadeyyāsi upatthambheyyāsi punappunaṃ kareyyāsi. Ahorattānusikkhīti rattiñca divañca sikkhamāno.

    ๑๑๑. อฎฺฎียิตพฺพนฺติ อเฎฺฎน ปีฬิเตน ภวิตพฺพํฯ หรายิตพฺพนฺติ ลชฺชิตพฺพํฯ ชิคุจฺฉิตพฺพนฺติ คูถํ ทิสฺวา วิย ชิคุจฺฉา อุปฺปาเทตพฺพาฯ มโนกมฺมสฺส ปน อเทสนาวตฺถุกตฺตา อิธ เทเสตพฺพนฺติ น วุตฺตํฯ กิตฺตเก ปน ฐาเน กายกมฺมวจีกมฺมานิ โสเธตพฺพานิ, กิตฺตเก มโนกมฺมนฺติฯ กายกมฺมวจีกมฺมานิ ตาว เอกสฺมิํ ปุเรภเตฺตเยว โสเธตพฺพานิฯ ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา ทิวาฎฺฐาเน นิสิเนฺนน หิ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ ‘‘อรุณุคฺคมนโต ปฎฺฐาย ยาว อิมสฺมิํ ฐาเน นิสชฺชา อตฺถิ นุ โข เม อิมสฺมิํ อนฺตเร ปเรสํ อปฺปิยํ กายกมฺมํ วา วจีกมฺมํ วา’’ติฯ สเจ อตฺถีติ ชานาติ, เทสนายุตฺตํ เทเสตพฺพํ, อาวิกรณยุตฺตํ อาวิกาตพฺพํฯ สเจ นตฺถิ, เตเนว ปีติปาโมเชฺชน วิหาตพฺพํฯ มโนกมฺมํ ปน เอตสฺมิํ ปิณฺฑปาตปริเยสนฎฺฐาเน โสเธตพฺพํฯ กถํ? ‘‘อตฺถิ นุ โข เม อชฺช ปิณฺฑปาตปริเยสนฎฺฐาเน รูปาทีสุ ฉโนฺท วา ราโค วา ปฎิฆํ วา’’ติ? สเจ อตฺถิ, ‘‘ปุน น เอวํ กริสฺสามี’’ติ จิเตฺตเนว อธิฎฺฐาตพฺพํฯ สเจ นตฺถิ, เตเนว ปีติปาโมเชฺชน วิหาตพฺพํฯ

    111.Aṭṭīyitabbanti aṭṭena pīḷitena bhavitabbaṃ. Harāyitabbanti lajjitabbaṃ. Jigucchitabbanti gūthaṃ disvā viya jigucchā uppādetabbā. Manokammassa pana adesanāvatthukattā idha desetabbanti na vuttaṃ. Kittake pana ṭhāne kāyakammavacīkammāni sodhetabbāni, kittake manokammanti. Kāyakammavacīkammāni tāva ekasmiṃ purebhatteyeva sodhetabbāni. Bhattakiccaṃ katvā divāṭṭhāne nisinnena hi paccavekkhitabbaṃ ‘‘aruṇuggamanato paṭṭhāya yāva imasmiṃ ṭhāne nisajjā atthi nu kho me imasmiṃ antare paresaṃ appiyaṃ kāyakammaṃ vā vacīkammaṃ vā’’ti. Sace atthīti jānāti, desanāyuttaṃ desetabbaṃ, āvikaraṇayuttaṃ āvikātabbaṃ. Sace natthi, teneva pītipāmojjena vihātabbaṃ. Manokammaṃ pana etasmiṃ piṇḍapātapariyesanaṭṭhāne sodhetabbaṃ. Kathaṃ? ‘‘Atthi nu kho me ajja piṇḍapātapariyesanaṭṭhāne rūpādīsu chando vā rāgo vā paṭighaṃ vā’’ti? Sace atthi, ‘‘puna na evaṃ karissāmī’’ti citteneva adhiṭṭhātabbaṃ. Sace natthi, teneva pītipāmojjena vihātabbaṃ.

    ๑๑๒. สมณา วา พฺราหฺมณา วาติ พุทฺธา วา ปเจฺจกพุทฺธา วา ตถาคตสาวกา วาฯ ตสฺมาติหาติ ยสฺมา อตีเตปิ เอวํ ปริโสเธสุํ, อนาคเตปิ ปริโสเธสฺสนฺติ, เอตรหิปิ ปริโสเธนฺติ, ตสฺมา ตุเมฺหหิปิ เตสํ อนุสิกฺขเนฺตหิ เอวํ สิกฺขิตพฺพนฺติ อโตฺถฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวฯ อิมํ ปน เทสนํ ภควา ยาว ภวคฺคา อุสฺสิตสฺส รตนราสิโน โยชนิยมณิกฺขเนฺธน กูฎํ คณฺหโนฺต วิย เนยฺยปุคฺคลวเสน ปรินิฎฺฐาเปสีติฯ

    112.Samaṇā vā brāhmaṇā vāti buddhā vā paccekabuddhā vā tathāgatasāvakā vā. Tasmātihāti yasmā atītepi evaṃ parisodhesuṃ, anāgatepi parisodhessanti, etarahipi parisodhenti, tasmā tumhehipi tesaṃ anusikkhantehi evaṃ sikkhitabbanti attho. Sesaṃ sabbattha uttānameva. Imaṃ pana desanaṃ bhagavā yāva bhavaggā ussitassa ratanarāsino yojaniyamaṇikkhandhena kūṭaṃ gaṇhanto viya neyyapuggalavasena pariniṭṭhāpesīti.

    ปปญฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถาย

    Papañcasūdaniyā majjhimanikāyaṭṭhakathāya

    อมฺพลฎฺฐิกราหุโลวาทสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Ambalaṭṭhikarāhulovādasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๑. อมฺพลฎฺฐิกราหุโลวาทสุตฺตํ • 1. Ambalaṭṭhikarāhulovādasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๑. อมฺพลฎฺฐิกราหุโลวาทสุตฺตวณฺณนา • 1. Ambalaṭṭhikarāhulovādasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact