Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) |
๓. สติปฎฺฐานสํยุตฺตํ
3. Satipaṭṭhānasaṃyuttaṃ
๑. อมฺพปาลิวโคฺค
1. Ambapālivaggo
๑. อมฺพปาลิสุตฺตวณฺณนา
1. Ambapālisuttavaṇṇanā
๓๖๗. สติปฎฺฐานสํยุตฺตสฺส ปฐเม อมฺพปาลิวเนติ อมฺพปาลิยา นาม รูปูปชีวินิยา โรปิเต อมฺพวเนฯ ตํ กิร ตสฺสา อุยฺยานํ อโหสิฯ สา สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปสนฺนจิตฺตา ตตฺถ วิหารํ กาเรตฺวา ตถาคตสฺส นิยฺยาเตสิฯ ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ เอกายนฺวายนฺติ เอกายโน อยํฯ ตตฺถ เอกายโนติ เอกมโคฺคฯ มคฺคสฺส หิ –
367. Satipaṭṭhānasaṃyuttassa paṭhame ambapālivaneti ambapāliyā nāma rūpūpajīviniyā ropite ambavane. Taṃ kira tassā uyyānaṃ ahosi. Sā satthu dhammadesanaṃ sutvā pasannacittā tattha vihāraṃ kāretvā tathāgatassa niyyātesi. Taṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ. Ekāyanvāyanti ekāyano ayaṃ. Tattha ekāyanoti ekamaggo. Maggassa hi –
‘‘มโคฺค ปโนฺถ ปโถ ปโชฺช, อญฺชสํ วฎุมายนํ;
‘‘Maggo pantho patho pajjo, añjasaṃ vaṭumāyanaṃ;
นาวา อุตฺตรเสตู จ, กุโลฺล จ ภิสิ สงฺกโม’’ติฯ (จูฬนิ. ปารายนตฺถุติคาถานิเทฺทโส ๑๐๑) –
Nāvā uttarasetū ca, kullo ca bhisi saṅkamo’’ti. (cūḷani. pārāyanatthutigāthāniddeso 101) –
พหูนิ นามานิฯ สฺวายํ อิธ อยนนาเมน วุโตฺตฯ ตสฺมา เอกายนฺวายํ, ภิกฺขเว, มโคฺคติ เอตฺถ เอกมโคฺคฯ อยํ, ภิกฺขเว, มโคฺค, น เทฺวธาปถภูโตติ เอวมโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ มโคฺคติ เกนเฎฺฐน มโคฺค? นิพฺพานคมนเฎฺฐน, นิพฺพานตฺถิเกหิ มคฺคนียเฎฺฐน จฯ
Bahūni nāmāni. Svāyaṃ idha ayananāmena vutto. Tasmā ekāyanvāyaṃ, bhikkhave, maggoti ettha ekamaggo. Ayaṃ, bhikkhave, maggo, na dvedhāpathabhūtoti evamattho daṭṭhabbo. Maggoti kenaṭṭhena maggo? Nibbānagamanaṭṭhena, nibbānatthikehi magganīyaṭṭhena ca.
สตฺตานํ วิสุทฺธิยาติ ราคาทีหิ มเลหิ อภิชฺฌาวิสมโลภาทีหิ จ อุปกฺกิเลเสหิ สํกิลิฎฺฐจิตฺตานํ สตฺตานํ วิสุทฺธตฺถายฯ โสกปริเทวานํ สมติกฺกมายาติ โสกสฺส จ ปริเทวสฺส จ สมติกฺกมาย, ปหานายาติ อโตฺถฯ ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมายาติ กายิกทุกฺขสฺส จ เจตสิกโทมนสฺสสฺส จาติ อิเมสํ ทฺวินฺนํ อตฺถงฺคมาย, นิโรธายาติ อโตฺถฯ ญายสฺส อธิคมายาติ ญาโย วุจฺจติ อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค, ตสฺส อธิคมาย ปตฺติยาติ วุตฺตํ โหติฯ อยญฺหิ ปุพฺพภาเค โลกิโย สติปฎฺฐานมโคฺค ภาวิโต โลกุตฺตรมคฺคสฺส อธิคมาย สํวตฺตติ ฯ เตนาห ‘‘ญายสฺส อธิคมายา’’ติฯ นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยายาติ ตณฺหาวานวิรหิตตฺตา นิพฺพานนฺติ ลทฺธนามสฺส อมตสฺส สจฺฉิกิริยาย, อตฺตปจฺจกฺขายาติ วุตฺตํ โหติฯ อยญฺหิ มโคฺค ภาวิโต อนุปุเพฺพน นิพฺพานสจฺฉิกิริยํ สาเธติฯ เตนาห ‘‘นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยายา’’ติฯ
Sattānaṃ visuddhiyāti rāgādīhi malehi abhijjhāvisamalobhādīhi ca upakkilesehi saṃkiliṭṭhacittānaṃ sattānaṃ visuddhatthāya. Sokaparidevānaṃ samatikkamāyāti sokassa ca paridevassa ca samatikkamāya, pahānāyāti attho. Dukkhadomanassānaṃ atthaṅgamāyāti kāyikadukkhassa ca cetasikadomanassassa cāti imesaṃ dvinnaṃ atthaṅgamāya, nirodhāyāti attho. Ñāyassa adhigamāyāti ñāyo vuccati ariyo aṭṭhaṅgiko maggo, tassa adhigamāya pattiyāti vuttaṃ hoti. Ayañhi pubbabhāge lokiyo satipaṭṭhānamaggo bhāvito lokuttaramaggassa adhigamāya saṃvattati . Tenāha ‘‘ñāyassa adhigamāyā’’ti. Nibbānassa sacchikiriyāyāti taṇhāvānavirahitattā nibbānanti laddhanāmassa amatassa sacchikiriyāya, attapaccakkhāyāti vuttaṃ hoti. Ayañhi maggo bhāvito anupubbena nibbānasacchikiriyaṃ sādheti. Tenāha ‘‘nibbānassa sacchikiriyāyā’’ti.
เอวํ ภควตา สตฺตหิ ปเทหิ เอกายนมคฺคสฺส วโณฺณ ภาสิโต, โส กสฺมาติ เจ? ภิกฺขูนํ อุสฺสาหชนนตฺถํฯ วณฺณภาสนญฺหิ สุตฺวา เต ภิกฺขู – ‘‘อยํ กิร มโคฺค หทยสนฺตาปภูตํ โสกํ, วาจาวิปฺปลาปภูตํ ปริเทวํ, กายิกอสาตภูตํ ทุกฺขํ, เจตสิกอสาตภูตํ โทมนสฺสนฺติ จตฺตาโร อุปทฺทเว หรติฯ วิสุทฺธิํ, ญายํ, นิพฺพานนฺติ ตโย วิเสเส อาวหตี’’ติ อุสฺสาหชาตา อิมํ เทสนํ อุคฺคเหตพฺพํ ปริยาปุณิตพฺพํ, ธาเรตพฺพํ, อิมญฺจ มคฺคํ ภาเวตพฺพํ มญฺญิสฺสนฺติฯ อิติ เตสํ ภิกฺขูนํ อุสฺสาหชนนตฺถํ วณฺณํ อภาสิ กมฺพลวาณิชาทโย กมฺพลาทีนํ วณฺณํ วิยฯ
Evaṃ bhagavatā sattahi padehi ekāyanamaggassa vaṇṇo bhāsito, so kasmāti ce? Bhikkhūnaṃ ussāhajananatthaṃ. Vaṇṇabhāsanañhi sutvā te bhikkhū – ‘‘ayaṃ kira maggo hadayasantāpabhūtaṃ sokaṃ, vācāvippalāpabhūtaṃ paridevaṃ, kāyikaasātabhūtaṃ dukkhaṃ, cetasikaasātabhūtaṃ domanassanti cattāro upaddave harati. Visuddhiṃ, ñāyaṃ, nibbānanti tayo visese āvahatī’’ti ussāhajātā imaṃ desanaṃ uggahetabbaṃ pariyāpuṇitabbaṃ, dhāretabbaṃ, imañca maggaṃ bhāvetabbaṃ maññissanti. Iti tesaṃ bhikkhūnaṃ ussāhajananatthaṃ vaṇṇaṃ abhāsi kambalavāṇijādayo kambalādīnaṃ vaṇṇaṃ viya.
ยทิทนฺติ นิปาโต, เย อิเมติ อยมสฺส อโตฺถฯ จตฺตาโรติ คณนปริเจฺฉโทฯ เตน ‘‘น ตโต เหฎฺฐา, น อุทฺธ’’นฺติ สติปฎฺฐานปริเจฺฉทํ ทีเปติฯ สติปฎฺฐานาติ ตโย สติปฎฺฐานา สติโคจโรปิ, ติธา ปฎิปเนฺนสุ สาวเกสุ สตฺถุโน ปฎิฆานุนยวีติวตฺตตาปิ, สติปิฯ ‘‘จตุนฺนํ, ภิกฺขเว, สติปฎฺฐานานํ สมุทยญฺจ อตฺถงฺคมญฺจ เทเสสฺสามิ ตํ สุณาถฯ โก จ, ภิกฺขเว, กายสฺส สมุทโย? อาหรสมุทยา กายสมุทโย’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๕.๔๐๘) หิ สติโคจโร สติปฎฺฐานนฺติ วุโตฺตฯ ตถา ‘‘กาโย อุปฎฺฐานํ, โน สติ, สติ อุปฎฺฐานเญฺจว สติ จา’’ติอาทีสุปิ (ปฎิ. ม. ๒.๓๕)ฯ ตสฺส อโตฺถ – ปติฎฺฐาติ อสฺมินฺติ ปฎฺฐานํฯ กา ปติฎฺฐาติ? สติฯ สติยา ปฎฺฐานํ สติปฎฺฐานํฯ ปธานํ ฐานนฺติ วา ปฎฺฐานํฯ สติยา ปฎฺฐานํ สติปฎฺฐานํ หตฺถิฎฺฐานอสฺสฎฺฐานาทีนิ วิยฯ
Yadidanti nipāto, ye imeti ayamassa attho. Cattāroti gaṇanaparicchedo. Tena ‘‘na tato heṭṭhā, na uddha’’nti satipaṭṭhānaparicchedaṃ dīpeti. Satipaṭṭhānāti tayo satipaṭṭhānā satigocaropi, tidhā paṭipannesu sāvakesu satthuno paṭighānunayavītivattatāpi, satipi. ‘‘Catunnaṃ, bhikkhave, satipaṭṭhānānaṃ samudayañca atthaṅgamañca desessāmi taṃ suṇātha. Ko ca, bhikkhave, kāyassa samudayo? Āharasamudayā kāyasamudayo’’tiādīsu (saṃ. ni. 5.408) hi satigocaro satipaṭṭhānanti vutto. Tathā ‘‘kāyo upaṭṭhānaṃ, no sati, sati upaṭṭhānañceva sati cā’’tiādīsupi (paṭi. ma. 2.35). Tassa attho – patiṭṭhāti asminti paṭṭhānaṃ. Kā patiṭṭhāti? Sati. Satiyā paṭṭhānaṃ satipaṭṭhānaṃ. Padhānaṃ ṭhānanti vā paṭṭhānaṃ. Satiyā paṭṭhānaṃ satipaṭṭhānaṃ hatthiṭṭhānaassaṭṭhānādīni viya.
‘‘ตโย สติปฎฺฐานา, ยทริโย เสวติ, ยทริโย เสวมาโน สตฺถา คณมนุสาสิตุมรหตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๑๑) เอตฺถ ติธา ปฎิปเนฺนสุ สาวเกสุ สตฺถุโน ปฎิฆานุนยวีติวตฺตตา สติปฎฺฐานนฺติ วุตฺตาฯ ตสฺสโตฺถ – ปฎฺฐเปตพฺพโต ปฎฺฐานํ, ปวตฺตยิตพฺพโตติ อโตฺถฯ เกน ปฎฺฐเปตโพฺพติ? สติยาฯ สติยา ปฎฺฐานํ สติปฎฺฐานนฺติฯ
‘‘Tayo satipaṭṭhānā, yadariyo sevati, yadariyo sevamāno satthā gaṇamanusāsitumarahatī’’ti (ma. ni. 3.311) ettha tidhā paṭipannesu sāvakesu satthuno paṭighānunayavītivattatā satipaṭṭhānanti vuttā. Tassattho – paṭṭhapetabbato paṭṭhānaṃ, pavattayitabbatoti attho. Kena paṭṭhapetabboti? Satiyā. Satiyā paṭṭhānaṃ satipaṭṭhānanti.
‘‘จตฺตาโร สติปฎฺฐานา ภาวิตา พหุลีกตา สตฺต โพชฺฌเงฺค ปริปูเรนฺตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๑๔๗; สํ. นิ. ๕.๙๘๙) ปน สติเยว สติปฎฺฐานนฺติ วุตฺตาฯ ตสฺสโตฺถ – ปติฎฺฐาตีติ ปฎฺฐานํ, อุปฎฺฐาติ โอกฺกนฺทิตฺวา ปกฺขนฺทิตฺวา ปวตฺตตีติ อโตฺถฯ สติเยว ปฎฺฐานํ สติปฎฺฐานํฯ อถ วา สรณเฎฺฐน สติ, อุปฎฺฐานเฎฺฐน ปฎฺฐานํ, อิติ สติ จ สา ปฎฺฐานญฺจาติปิ สติปฎฺฐานํฯ อิทมิธ อธิเปฺปตํฯ
‘‘Cattāro satipaṭṭhānā bhāvitā bahulīkatā satta bojjhaṅge paripūrentī’’tiādīsu (ma. ni. 3.147; saṃ. ni. 5.989) pana satiyeva satipaṭṭhānanti vuttā. Tassattho – patiṭṭhātīti paṭṭhānaṃ, upaṭṭhāti okkanditvā pakkhanditvā pavattatīti attho. Satiyeva paṭṭhānaṃ satipaṭṭhānaṃ. Atha vā saraṇaṭṭhena sati, upaṭṭhānaṭṭhena paṭṭhānaṃ, iti sati ca sā paṭṭhānañcātipi satipaṭṭhānaṃ. Idamidha adhippetaṃ.
ยทิ เอวํ กสฺมา ‘‘สติปฎฺฐานา’’ติ พหุวจนํ กตนฺติ? สตีนํ พหุตฺตาฯ อารมฺมณเภเทน หิ พหุกา สติโยฯ อถ ‘‘มโคฺค’’ติ กสฺมา เอกวจนนฺติ? มคฺคนเฎฺฐน เอกตฺตาฯ จตโสฺสปิ หิ เอตา สติโย มคฺคนเฎฺฐน เอกตฺตํ คจฺฉนฺติฯ วุตเญฺหตํ ‘‘มโคฺคติ เกนเฎฺฐน มโคฺค? นิพฺพานมคฺคนเฎฺฐน, นิพฺพานตฺถิเกหิ มคฺคนียเฎฺฐน จา’’ติฯ จตโสฺสปิ เจตา อปรภาเค กายาทีสุ อารมฺมเณสุ กิจฺจํ สาธยมานา นิพฺพานํ คจฺฉนฺติ, อาทิโต ปฎฺฐาย จ นิพฺพานตฺถิเกหิ มคฺคิยนฺตีติ ตสฺมา จตโสฺสปิ เอโก มโคฺคติ วุตฺตาฯ เอวญฺจ สติ วจนานุสนฺธินา สานุสนฺธิกาว เทสนา โหติฯ
Yadi evaṃ kasmā ‘‘satipaṭṭhānā’’ti bahuvacanaṃ katanti? Satīnaṃ bahuttā. Ārammaṇabhedena hi bahukā satiyo. Atha ‘‘maggo’’ti kasmā ekavacananti? Magganaṭṭhena ekattā. Catassopi hi etā satiyo magganaṭṭhena ekattaṃ gacchanti. Vutañhetaṃ ‘‘maggoti kenaṭṭhena maggo? Nibbānamagganaṭṭhena, nibbānatthikehi magganīyaṭṭhena cā’’ti. Catassopi cetā aparabhāge kāyādīsu ārammaṇesu kiccaṃ sādhayamānā nibbānaṃ gacchanti, ādito paṭṭhāya ca nibbānatthikehi maggiyantīti tasmā catassopi eko maggoti vuttā. Evañca sati vacanānusandhinā sānusandhikāva desanā hoti.
กตเม จตฺตาโรติ กเถตุกมฺยตาปุจฺฉาฯ กาเยติ รูปกาเยฯ กายานุปสฺสีติ กายํ อนุปสฺสนสีโล, กายํ วา อนุปสฺสมาโนฯ อยญฺหิ ภิกฺขุ อิมํ กายํ อนิจฺจานุปสฺสนาทีนํ สตฺตนฺนํ อนุปสฺสนานํ วเสน อนิจฺจโต อนุปสฺสติ, โน นิจฺจโต, ทุกฺขโต อนุปสฺสติ, โน สุขโต, อนตฺตโต อนุปสฺสติ, โน อตฺตโต, นิพฺพินฺทติ, โน นนฺทติ, วิรชฺชติ, โน รชฺชติ, นิโรเธติ, โน สมุเทติ, ปฎินิสฺสชฺชติ, โน อาทิยติฯ โส ตํ อนิจฺจโต อนุปสฺสโนฺต นิจฺจสญฺญํ ปชหติ, ทุกฺขโต อนุปสฺสโนฺต สุขสญฺญํ ปชหติ , อนตฺตโต อนุปสฺสโนฺต อตฺตสญฺญํ ปชหติ, นิพฺพินฺทโนฺต นนฺทิํ ปชหติ, วิรชฺชโนฺต ราคํ ปชหติ, นิโรเธโนฺต สมุทยํ ปชหติ, ปฎินิสฺสชฺชโนฺต อาทานํ ปชหตีติ เวทิตโพฺพฯ
Katame cattāroti kathetukamyatāpucchā. Kāyeti rūpakāye. Kāyānupassīti kāyaṃ anupassanasīlo, kāyaṃ vā anupassamāno. Ayañhi bhikkhu imaṃ kāyaṃ aniccānupassanādīnaṃ sattannaṃ anupassanānaṃ vasena aniccato anupassati, no niccato, dukkhato anupassati, no sukhato, anattato anupassati, no attato, nibbindati, no nandati, virajjati, no rajjati, nirodheti, no samudeti, paṭinissajjati, no ādiyati. So taṃ aniccato anupassanto niccasaññaṃ pajahati, dukkhato anupassanto sukhasaññaṃ pajahati , anattato anupassanto attasaññaṃ pajahati, nibbindanto nandiṃ pajahati, virajjanto rāgaṃ pajahati, nirodhento samudayaṃ pajahati, paṭinissajjanto ādānaṃ pajahatīti veditabbo.
วิหรตีติ อิรียติฯ อาตาปีติ ตีสุ ภเวสุ กิเลเส อาตปตีติ อาตาโป, วีริยเสฺสตํ นามํฯ อาตาโป อสฺส อตฺถีติ อาตาปีฯ สมฺปชาโนติ สมฺปชญฺญสงฺขาเตน ญาเณน สมนฺนาคโตฯ สติมาติ กายปริคฺคาหิกาย สติยา สมนฺนาคโตฯ อยํ ปน ยสฺมา สติยา อารมฺมณํ ปริคฺคเหตฺวา ปญฺญาย อนุปสฺสติฯ น หิ สติวิรหิตสฺส อนุปสฺสนา นาม อตฺถิ, เตเนวาห ‘‘สติญฺจ ขฺวาหํ, ภิกฺขเว, สพฺพตฺถิกํ วทามี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๔)ฯ ตสฺมา เอตฺถ ‘‘กาเย กายานุปสฺสี วิหรตี’’ติ เอตฺตาวตา กายานุปสฺสนาสติปฎฺฐานํ วุตฺตํ โหติฯ อถ วา ยสฺมา อนาตาปิโน อโนฺตสเงฺขโป อนฺตรายกโร โหติ, อสมฺปชาโน อุปายปริคฺคเห อนุปายปริวชฺชเน จ สมฺมุยฺหติ, มุฎฺฐสฺสติ อุปายาปริจฺจาเค อนุปายาปริคฺคเห จ อสมโตฺถ โหติ, เตนสฺส ตํ กมฺมฎฺฐานํ น สมฺปชฺชติฯ ตสฺมา เยสํ ธมฺมานํ อานุภาเวน ตํ สมฺปชฺชติ, เตสํ ทสฺสนตฺถํ ‘‘อาตาปี สมฺปชาโน สติมา’’ติ อิทํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ
Viharatīti irīyati. Ātāpīti tīsu bhavesu kilese ātapatīti ātāpo, vīriyassetaṃ nāmaṃ. Ātāpo assa atthīti ātāpī. Sampajānoti sampajaññasaṅkhātena ñāṇena samannāgato. Satimāti kāyapariggāhikāya satiyā samannāgato. Ayaṃ pana yasmā satiyā ārammaṇaṃ pariggahetvā paññāya anupassati. Na hi sativirahitassa anupassanā nāma atthi, tenevāha ‘‘satiñca khvāhaṃ, bhikkhave, sabbatthikaṃ vadāmī’’ti (saṃ. ni. 5.234). Tasmā ettha ‘‘kāye kāyānupassī viharatī’’ti ettāvatā kāyānupassanāsatipaṭṭhānaṃ vuttaṃ hoti. Atha vā yasmā anātāpino antosaṅkhepo antarāyakaro hoti, asampajāno upāyapariggahe anupāyaparivajjane ca sammuyhati, muṭṭhassati upāyāpariccāge anupāyāpariggahe ca asamattho hoti, tenassa taṃ kammaṭṭhānaṃ na sampajjati. Tasmā yesaṃ dhammānaṃ ānubhāvena taṃ sampajjati, tesaṃ dassanatthaṃ ‘‘ātāpī sampajāno satimā’’ti idaṃ vuttanti veditabbaṃ.
อิติ กายานุปสฺสนาสติปฎฺฐานํ สมฺปโยคงฺคญฺชสฺส ทเสฺสตฺวา อิทานิ ปหานงฺคํ ทเสฺสตุํ วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสนฺติ วุตฺตํฯ ตตฺถ วิเนยฺยาติ ตทงฺควินเยน วา วิกฺขมฺภนวินเยน วา วินยิตฺวาฯ โลเกติ ตสฺมิํเยว กาเยฯ กาโย หิ อิธ ลุชฺชนปลุชฺชนเฎฺฐน โลโกติ อธิเปฺปโตฯ ยสฺมา ปนสฺส น กายมเตฺตเยว อภิชฺฌาโทมนสฺสํ ปหียติ, เวทนาทีสุปิ ปหียติ เอวฯ ตสฺมา ‘‘ปญฺจปิ อุปาทานกฺขนฺธา โลโก’’ติ วิภเงฺค (วิภ. ๓๖๒) วุตฺตํฯ โลกสงฺขาตตฺตา วา เตสํ ธมฺมานํ อตฺถุทฺธารนเยเนตํ วุตฺตํฯ ยํ ปนาห ‘‘ตตฺถ กตโม โลโก, เสฺวว กาโย โลโก’’ติ, อยเมเวตฺถ อโตฺถฯ ตสฺมิํ โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ วิเนยฺยาติ เอวํ สมฺพโนฺธ ทฎฺฐโพฺพฯ
Iti kāyānupassanāsatipaṭṭhānaṃ sampayogaṅgañjassa dassetvā idāni pahānaṅgaṃ dassetuṃ vineyya loke abhijjhādomanassanti vuttaṃ. Tattha vineyyāti tadaṅgavinayena vā vikkhambhanavinayena vā vinayitvā. Loketi tasmiṃyeva kāye. Kāyo hi idha lujjanapalujjanaṭṭhena lokoti adhippeto. Yasmā panassa na kāyamatteyeva abhijjhādomanassaṃ pahīyati, vedanādīsupi pahīyati eva. Tasmā ‘‘pañcapi upādānakkhandhā loko’’ti vibhaṅge (vibha. 362) vuttaṃ. Lokasaṅkhātattā vā tesaṃ dhammānaṃ atthuddhāranayenetaṃ vuttaṃ. Yaṃ panāha ‘‘tattha katamo loko, sveva kāyo loko’’ti, ayamevettha attho. Tasmiṃ loke abhijjhādomanassaṃ vineyyāti evaṃ sambandho daṭṭhabbo.
เวทนาสูติ เอตฺถ ติโสฺส เวทนา, ตา จ โลกิยา เอว, จิตฺตมฺปิ โลกิยํ, ตถา ธมฺมาฯ ยถา ปน เวทนา อนุปสฺสิตพฺพา, ตถา อนุปสฺสโนฺต เอส เวทนานุปสฺสีติ เวทิตโพฺพฯ เอส นโย จิตฺตธเมฺมสุฯ กถญฺจ เวทนา อนุปสฺสิตพฺพาติ? สุขา ตาว เวทนา ทุกฺขโต, ทุกฺขา สลฺลโต, อทุกฺขมสุขา อนิจฺจโตฯ ยถาห –
Vedanāsūti ettha tisso vedanā, tā ca lokiyā eva, cittampi lokiyaṃ, tathā dhammā. Yathā pana vedanā anupassitabbā, tathā anupassanto esa vedanānupassīti veditabbo. Esa nayo cittadhammesu. Kathañca vedanā anupassitabbāti? Sukhā tāva vedanā dukkhato, dukkhā sallato, adukkhamasukhā aniccato. Yathāha –
‘‘โย สุขํ ทุกฺขโต อทฺท, ทุกฺขมทฺทกฺขิ สลฺลโต;
‘‘Yo sukhaṃ dukkhato adda, dukkhamaddakkhi sallato;
อทุกฺขมสุขํ สนฺตํ, อทฺทกฺขิ นํ อนิจฺจโต;
Adukkhamasukhaṃ santaṃ, addakkhi naṃ aniccato;
ส เว สมฺมทฺทโส ภิกฺขุ, อุปสโนฺต จริสฺสตี’’ติฯ
Sa ve sammaddaso bhikkhu, upasanto carissatī’’ti.
สพฺพา เอว เจตา ทุกฺขาติปิ อนุปสฺสิตพฺพาฯ วุตฺตเญฺหตํ ‘‘ยํกิญฺจิ เวทยิตํ, สพฺพํ ตํ ทุกฺขสฺมินฺติ วทามี’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๕๙)ฯ สุขทุกฺขโตปิ จ อนุปสฺสิตพฺพา, ยถาห – ‘‘สุขา โข, อาวุโส วิสาข, เวทนา ฐิติสุขา วิปริณามทุกฺขา’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๕) สพฺพํ วิตฺถาเรตพฺพํฯ อปิจ อนิจฺจาทิสตฺตอนุปสฺสนาวเสนปิ อนุปสฺสิตพฺพาฯ
Sabbā eva cetā dukkhātipi anupassitabbā. Vuttañhetaṃ ‘‘yaṃkiñci vedayitaṃ, sabbaṃ taṃ dukkhasminti vadāmī’’ti (saṃ. ni. 4.259). Sukhadukkhatopi ca anupassitabbā, yathāha – ‘‘sukhā kho, āvuso visākha, vedanā ṭhitisukhā vipariṇāmadukkhā’’ti (ma. ni. 1.465) sabbaṃ vitthāretabbaṃ. Apica aniccādisattaanupassanāvasenapi anupassitabbā.
จิตฺตธเมฺมสุปิ จิตฺตํ ตาว อารมฺมณาธิปติสหชาตภูมิกมฺมวิปากกิริยาทินานตฺตเภทานํ อนิจฺจาทิอนุปสฺสนานํ สราคาทีนญฺจ เภทานํ วเสน อนุปสฺสิตพฺพํฯ ธมฺมา สลกฺขณสามญฺญลกฺขณานํ สุญฺญตธมฺมสฺส อนิจฺจาทิสตฺตอนุปสฺสนานํ ‘‘สนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ กามจฺฉนฺท’’นฺติอาทีนญฺจ ปเภทานํ วเสน อนุปสฺสิตพฺพาฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ อยเมตฺถ สเงฺขโป, วิตฺถาโร ปน ทีฆมชฺฌิมฎฺฐกถาสุ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๒.๓๗๓ อาทโย; ม. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑๐๕ อาทโย) สติปฎฺฐานวณฺณนายํ วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ
Cittadhammesupi cittaṃ tāva ārammaṇādhipatisahajātabhūmikammavipākakiriyādinānattabhedānaṃ aniccādianupassanānaṃ sarāgādīnañca bhedānaṃ vasena anupassitabbaṃ. Dhammā salakkhaṇasāmaññalakkhaṇānaṃ suññatadhammassa aniccādisattaanupassanānaṃ ‘‘santaṃ vā ajjhattaṃ kāmacchanda’’ntiādīnañca pabhedānaṃ vasena anupassitabbā. Sesaṃ vuttanayameva. Ayamettha saṅkhepo, vitthāro pana dīghamajjhimaṭṭhakathāsu (dī. ni. aṭṭha. 2.373 ādayo; ma. ni. aṭṭha. 1.105 ādayo) satipaṭṭhānavaṇṇanāyaṃ vuttanayeneva veditabbo.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๑. อมฺพปาลิสุตฺตํ • 1. Ambapālisuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๑. อมฺพปาลิสุตฺตวณฺณนา • 1. Ambapālisuttavaṇṇanā