Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā)

    ๓. สติปฎฺฐานสํยุตฺตํ

    3. Satipaṭṭhānasaṃyuttaṃ

    ๑. อมฺพปาลิวโคฺค

    1. Ambapālivaggo

    ๑. อมฺพปาลิสุตฺตวณฺณนา

    1. Ambapālisuttavaṇṇanā

    ๓๖๗. เอกายนฺวายนฺติ สนฺธิวเสน วุตฺตํ โอ-การสฺส ว-การํ อ-การสฺส ทีฆํ กตฺวาฯ อยํ กิร สํยุตฺตาภิลาโป, ตตฺถ อยน-สโทฺท มคฺคปริยาโยฯ น เกวลํ อยเมว, อถ โข อเญฺญปิ มคฺคปริยายาติ ปทุทฺธารํ กโรโนฺต ‘‘มคฺคสฺส หี’’ติอาทิํ วตฺวา ยทิ มคฺคปริยาโย อายน-สโทฺท, กสฺมา ปุน มโคฺคติ วุตฺตนฺติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิฯ ตตฺถ เอกมโคฺคติ เอโกว มโคฺคฯ น หิ นิพฺพานคามิมโคฺค อโญฺญ อตฺถีติฯ นนุ สติปฎฺฐานํ อิธ มโคฺคติ อธิเปฺปตํ, ตทเญฺญปิ พหู มคฺคธมฺมา อตฺถีติ? สจฺจํ อตฺถิ, เต ปน สติปฎฺฐานคฺคหเณเนว คหิตา ตทวินาภาวโตฯ ตถา หิ ญาณวีริยาทโย นิเทฺทเส คหิตา, อุเทฺทเส สติยา เอว คหณํ เวเนยฺยชฺฌาสยวเสนาติ ทฎฺฐพฺพํ, สติยา มคฺคภาวทสฺสนตฺถญฺจฯ น เทฺวธาปถภูโตติ อิมินา อิมสฺส ทฺวยภาวาภาวํ วิย อนิพฺพานคามิภาวาภาวญฺจ ทเสฺสติฯ นิพฺพานคมนเฎฺฐนาติ นิพฺพานํ คจฺฉติ เอเตนาติ นิพฺพานคมนํ, โส เอว อวิปรีตภาวนาย อโตฺถ, เตน นิพฺพานคมนเฎฺฐน, นิพฺพานาธิคมูปายตายาติ อโตฺถฯ มคฺคนียเฎฺฐนาติ คเวสิตพฺพตายฯ

    367.Ekāyanvāyanti sandhivasena vuttaṃ o-kārassa va-kāraṃ a-kārassa dīghaṃ katvā. Ayaṃ kira saṃyuttābhilāpo, tattha ayana-saddo maggapariyāyo. Na kevalaṃ ayameva, atha kho aññepi maggapariyāyāti paduddhāraṃ karonto ‘‘maggassa hī’’tiādiṃ vatvā yadi maggapariyāyo āyana-saddo, kasmā puna maggoti vuttanti codanaṃ sandhāyāha ‘‘tasmā’’tiādi. Tattha ekamaggoti ekova maggo. Na hi nibbānagāmimaggo añño atthīti. Nanu satipaṭṭhānaṃ idha maggoti adhippetaṃ, tadaññepi bahū maggadhammā atthīti? Saccaṃ atthi, te pana satipaṭṭhānaggahaṇeneva gahitā tadavinābhāvato. Tathā hi ñāṇavīriyādayo niddese gahitā, uddese satiyā eva gahaṇaṃ veneyyajjhāsayavasenāti daṭṭhabbaṃ, satiyā maggabhāvadassanatthañca. Na dvedhāpathabhūtoti iminā imassa dvayabhāvābhāvaṃ viya anibbānagāmibhāvābhāvañca dasseti. Nibbānagamanaṭṭhenāti nibbānaṃ gacchati etenāti nibbānagamanaṃ, so eva aviparītabhāvanāya attho, tena nibbānagamanaṭṭhena, nibbānādhigamūpāyatāyāti attho. Magganīyaṭṭhenāti gavesitabbatāya.

    ราคาทีหีติ ‘‘ราโค มลํ, โทโส มลํ, โมโห มล’’นฺติ (วิภ. ๙๒๔) เอวํ วุเตฺตหิ ราคาทีหิ มเลหิฯ สา ปนายํ สํกิลิฎฺฐจิตฺตานํ วิสุทฺธิ สิชฺฌมานา ยสฺมา โสกาทีนํ อนุปฺปาทาย สํวตฺตติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘โสกปริเทวานํ สมติกฺกมายา’’ติอาทิฯ ตตฺถ โสจนํ ญาติพฺยสนาทินิมิตฺตํ เจตโส สนฺตาโป อโนฺตนิชฺฌานํ โสโกฯ ญาติพฺยสนาทินิมิตฺตเมว โสกาธิกตาชนิโต ‘‘กหํ เอกปุตฺตกา’’ติอาทินา ปริเทวนวเสน วาจาวิปฺปลาโป ปริเทวนํ ปริเทโวฯ ตสฺส อายติํ อนุปฺปชฺชนํ อิธ สมติกฺกโมติ อาห ‘‘ปหานายา’’ติฯ ทุกฺขโทมนสฺสานนฺติ เอตฺถ เจตสิกทุกฺขตาย โทมนสฺสสฺสปิ ทุกฺขสเทฺทเนว คหเณ สิเทฺธ สเทฺทน อนิวตฺตนโต สามญฺญโชตนาย วิเสสวจนํ เสฎฺฐนฺติ ‘‘โทมนสฺสาน’’เนฺตว วุตฺตํฯ เจตสิกโทมนสฺสสฺสาติ ภูตกถนํ ทฎฺฐพฺพํฯ ญายติ เอเตน ยาถาวโต ปฎิวิชฺฌียติ จตุสจฺจนฺติ ญาโย วุจฺจติ อริยมโคฺคฯ นนุ อยมฺปิ มโคฺค, กิํ มโคฺค เอว มคฺคสฺส อธิคมาย โหตีติ โจทนํ สนฺธายาห – ‘‘อยํ หี’’ติอาทิฯ ตณฺหาว กมฺมกิเลสวิปากานํ วินนเฎฺฐน สํสิพฺพนเฎฺฐน วานํฯ เตน ตณฺหาวาเนน วิรหิตตฺตา ตสฺส อภาวาติ อโตฺถฯ อตฺตปจฺจกฺขายาติ อตฺตปจฺจกฺขตฺถายฯ

    Rāgādīhīti ‘‘rāgo malaṃ, doso malaṃ, moho mala’’nti (vibha. 924) evaṃ vuttehi rāgādīhi malehi. Sā panāyaṃ saṃkiliṭṭhacittānaṃ visuddhi sijjhamānā yasmā sokādīnaṃ anuppādāya saṃvattati, tasmā vuttaṃ ‘‘sokaparidevānaṃ samatikkamāyā’’tiādi. Tattha socanaṃ ñātibyasanādinimittaṃ cetaso santāpo antonijjhānaṃ soko. Ñātibyasanādinimittameva sokādhikatājanito ‘‘kahaṃ ekaputtakā’’tiādinā paridevanavasena vācāvippalāpo paridevanaṃ paridevo. Tassa āyatiṃ anuppajjanaṃ idha samatikkamoti āha ‘‘pahānāyā’’ti. Dukkhadomanassānanti ettha cetasikadukkhatāya domanassassapi dukkhasaddeneva gahaṇe siddhe saddena anivattanato sāmaññajotanāya visesavacanaṃ seṭṭhanti ‘‘domanassāna’’nteva vuttaṃ. Cetasikadomanassassāti bhūtakathanaṃ daṭṭhabbaṃ. Ñāyati etena yāthāvato paṭivijjhīyati catusaccanti ñāyo vuccati ariyamaggo. Nanu ayampi maggo, kiṃ maggo eva maggassa adhigamāya hotīti codanaṃ sandhāyāha – ‘‘ayaṃ hī’’tiādi. Taṇhāva kammakilesavipākānaṃ vinanaṭṭhena saṃsibbanaṭṭhena vānaṃ. Tena taṇhāvānena virahitattā tassa abhāvāti attho. Attapaccakkhāyāti attapaccakkhatthāya.

    วณฺณภาสนนฺติ ปสํสาวจนํฯ วิสุทฺธินฺติ วิสุชฺฌนํ กิเลสปฺปหานํฯ อุคฺคเหตพฺพนฺติ เอตฺถ วาจุคฺคตกรณํ อุคฺคโหฯ ปริจยกรณํ ปริปุจฺฉามูลกตฺตา ตคฺคหเณเนว คหิตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ

    Vaṇṇabhāsananti pasaṃsāvacanaṃ. Visuddhinti visujjhanaṃ kilesappahānaṃ. Uggahetabbanti ettha vācuggatakaraṇaṃ uggaho. Paricayakaraṇaṃ paripucchāmūlakattā taggahaṇeneva gahitanti daṭṭhabbaṃ.

    น ตโต เหฎฺฐาติ อิธ อธิเปฺปตกายาทีนํ เวทนาทิสภาวตฺตาภาวา กายเวทนาจิตฺตวิมุตฺตสฺส เตภูมกธมฺมสฺส วิสุํ วิปลฺลาสวตฺถนฺตรภาเวน คหิตตฺตา จ เหฎฺฐา คหเณสุ วิปลฺลาสวตฺถูนํ อนิฎฺฐานํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ปญฺจมสฺส ปน วิปลฺลาสวตฺถุโน อภาเวน ‘‘น อุทฺธ’’นฺติ อาหฯ อารมฺมณวิภาเคน เหตฺถ สติปฎฺฐานวิภาโคติฯ ตโย สติปฎฺฐานาติ สติปฎฺฐานสทฺทสฺส อตฺถุทฺธารทสฺสนํ, น อิธ ปาฬิยํ วุตฺตสฺส สติปฎฺฐานสทฺทสฺส อตฺถทสฺสนํฯ อาทีสุ หีติ เอตฺถ อาทิ-สเทฺทน ‘‘ผสฺสสมุทยา เวทนานํ สมุทโย, นามรูปสมุทยา จิตฺตสฺส สมุทโย, มนสิการสมุทยา ธมฺมานํ สมุทโย’’ติ (สํ. นิ. ๕.๔๐๘) สติปฎฺฐานาติ วุตฺตานํ สติโคจรานํ ปกาสเก สุตฺตปเทเส สงฺคณฺหาติฯ เอวํ ปฎิสมฺภิทามคฺคปาฬิยมฺปิ อวเสสปาฬิปเทสทสฺสนโตฺถ อาทิ-สโทฺท ทฎฺฐโพฺพฯ สติยา ปฎฺฐานนฺติ สติยา ปติฎฺฐาตพฺพฎฺฐานํฯ

    Na tato heṭṭhāti idha adhippetakāyādīnaṃ vedanādisabhāvattābhāvā kāyavedanācittavimuttassa tebhūmakadhammassa visuṃ vipallāsavatthantarabhāvena gahitattā ca heṭṭhā gahaṇesu vipallāsavatthūnaṃ aniṭṭhānaṃ sandhāya vuttaṃ. Pañcamassa pana vipallāsavatthuno abhāvena ‘‘na uddha’’nti āha. Ārammaṇavibhāgena hettha satipaṭṭhānavibhāgoti. Tayo satipaṭṭhānāti satipaṭṭhānasaddassa atthuddhāradassanaṃ, na idha pāḷiyaṃ vuttassa satipaṭṭhānasaddassa atthadassanaṃ. Ādīsu hīti ettha ādi-saddena ‘‘phassasamudayā vedanānaṃ samudayo, nāmarūpasamudayā cittassa samudayo, manasikārasamudayā dhammānaṃ samudayo’’ti (saṃ. ni. 5.408) satipaṭṭhānāti vuttānaṃ satigocarānaṃ pakāsake suttapadese saṅgaṇhāti. Evaṃ paṭisambhidāmaggapāḷiyampi avasesapāḷipadesadassanattho ādi-saddo daṭṭhabbo. Satiyā paṭṭhānanti satiyā patiṭṭhātabbaṭṭhānaṃ.

    อริโยติ อารกตฺตาทินา อริยํ สมฺมาสมฺพุทฺธมาหฯ เอตฺถาติ เอตสฺมิํ สฬายตนวิภงฺคสุเตฺต (ม. นิ. ๓.๓๑๑)ฯ ตตฺถ หิ –

    Ariyoti ārakattādinā ariyaṃ sammāsambuddhamāha. Etthāti etasmiṃ saḷāyatanavibhaṅgasutte (ma. ni. 3.311). Tattha hi –

    ‘‘ตโย สติปฎฺฐานา ยทริโย…เป.… มรหตีติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ อิธ, ภิกฺขเว, สตฺถา สาวกานํ ธมฺมํ เทเสติ อนุกมฺปโก หิเตสี อนุกมฺปํ อุปาทาย – ‘อิทํ โว หิตาย อิทํ โว สุขายา’ติฯ ตสฺส สาวกา น สุสฺสูสนฺติ, น โสตํ โอทหนฺติ, น อญฺญา จิตฺตํ อุปฎฺฐเปนฺติ, โวกฺกมฺม จ สตฺถุสาสนา วตฺตนฺติฯ ตตฺร, ภิกฺขเว, ตถาคโต น เจว อนตฺตมโน โหติ, น จ อนตฺตมนตํ ปฎิสํเวเทติ, อนวสฺสุโต จ วิหรติ สโต สมฺปชาโนฯ อิทํ, ภิกฺขเว, ปฐมํ สติปฎฺฐานํฯ ยทริโย เสวติ…เป... มรหติฯ ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, สตฺถา …เป.… อิทํ โว สุขายาติฯ ตสฺส เอกเจฺจ สาวกา น สุสฺสูสนฺติ…เป.… เอกเจฺจ สาวกา สุสฺสูสนฺติ…เป.… น จ โวกฺกมฺม สตฺถุสาสนา วตฺตนฺติฯ ตตฺร, ภิกฺขเว, ตถาคโต น เจว อนตฺตมโน โหติ, น จ อนตฺตมนตํ ปฎิสํเวเทติ, น เจว อตฺตมโน โหติ, น จ อตฺตมนตํ ปฎิสํเวเทติฯ อนตฺตมนตญฺจ อตฺตมนตญฺจ ตทุภยํ อภินิวเชฺชตฺวา อุเปกฺขโก วิหรติ สโต สมฺปชาโนฯ อิทํ, ภิกฺขเว, ทุติยํ สติปฎฺฐานํ…เป.… มรหติฯ ปุน จปรํ, ภิกฺขเว,…เป.… สุขายาติ, ตสฺส สาวกา สุสฺสูสนฺติ…เป.… วตฺตนฺติฯ ตตฺร, ภิกฺขเว, ตถาคโต อตฺตมโน เจว โหติ, อตฺตมนตญฺจ ปฎิสํเวเทติ, อนวสฺสุโต จ วิหรติ สโต สมฺปชาโนฯ อิทํ, ภิกฺขเว, ตติยํ สติปฎฺฐาน’’นฺติ –

    ‘‘Tayo satipaṭṭhānā yadariyo…pe… marahatīti iti kho panetaṃ vuttaṃ, kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ. Idha, bhikkhave, satthā sāvakānaṃ dhammaṃ deseti anukampako hitesī anukampaṃ upādāya – ‘idaṃ vo hitāya idaṃ vo sukhāyā’ti. Tassa sāvakā na sussūsanti, na sotaṃ odahanti, na aññā cittaṃ upaṭṭhapenti, vokkamma ca satthusāsanā vattanti. Tatra, bhikkhave, tathāgato na ceva anattamano hoti, na ca anattamanataṃ paṭisaṃvedeti, anavassuto ca viharati sato sampajāno. Idaṃ, bhikkhave, paṭhamaṃ satipaṭṭhānaṃ. Yadariyo sevati…pe... marahati. Puna caparaṃ, bhikkhave, satthā …pe… idaṃ vo sukhāyāti. Tassa ekacce sāvakā na sussūsanti…pe… ekacce sāvakā sussūsanti…pe… na ca vokkamma satthusāsanā vattanti. Tatra, bhikkhave, tathāgato na ceva anattamano hoti, na ca anattamanataṃ paṭisaṃvedeti, na ceva attamano hoti, na ca attamanataṃ paṭisaṃvedeti. Anattamanatañca attamanatañca tadubhayaṃ abhinivajjetvā upekkhako viharati sato sampajāno. Idaṃ, bhikkhave, dutiyaṃ satipaṭṭhānaṃ…pe… marahati. Puna caparaṃ, bhikkhave,…pe… sukhāyāti, tassa sāvakā sussūsanti…pe… vattanti. Tatra, bhikkhave, tathāgato attamano ceva hoti, attamanatañca paṭisaṃvedeti, anavassuto ca viharati sato sampajāno. Idaṃ, bhikkhave, tatiyaṃ satipaṭṭhāna’’nti –

    เอวํ ปฎิฆานุนเยหิ อนวสฺสุตตา นิจฺจํ อุปฎฺฐิตสฺสติตาย ตทุภยวีติวตฺตตา ‘‘สติปฎฺฐาน’’นฺติ วุตฺตาฯ พุทฺธานํเยว หิ นิจฺจํ อุปฎฺฐิตสฺสติตา โหติ อาเวณิกธมฺมภาวโต, น ปเจฺจกพุทฺธาทีนํฯ ป-สโทฺท อารมฺภํ โชเตติ, อารโมฺภ จ ปวตฺตีติ กตฺวา อาห ‘‘ปวตฺตยิตพฺพโตติ อโตฺถ’’ติฯ สติยา กรณภูตาย ปฎฺฐานํ ปฎฺฐเปตพฺพํ สติปฎฺฐานํฯ อน-สโทฺท หิ พหุลวจเนน กมฺมโตฺถปิ โหตีติฯ

    Evaṃ paṭighānunayehi anavassutatā niccaṃ upaṭṭhitassatitāya tadubhayavītivattatā ‘‘satipaṭṭhāna’’nti vuttā. Buddhānaṃyeva hi niccaṃ upaṭṭhitassatitā hoti āveṇikadhammabhāvato, na paccekabuddhādīnaṃ. Pa-saddo ārambhaṃ joteti, ārambho ca pavattīti katvā āha ‘‘pavattayitabbatoti attho’’ti. Satiyā karaṇabhūtāya paṭṭhānaṃ paṭṭhapetabbaṃ satipaṭṭhānaṃ. Ana-saddo hi bahulavacanena kammatthopi hotīti.

    ตถาสฺส กตฺตุอโตฺถปิ ลพฺภตีติ ‘‘ปติฎฺฐาตีติ ปฎฺฐาน’’นฺติ วุตฺตํฯ อุปฎฺฐาตีติ เอตฺถ อุป-สโทฺท ภุสตฺถวิสิฎฺฐํ ปกฺขนฺทนํ ทีเปตีติ ‘‘โอกฺกนฺทิตฺวา ปกฺขนฺทิตฺวา ปวตฺตตีติ อโตฺถ’’ติ วุตฺตํฯ ปุน ภาวตฺถํ สติสทฺทํ ปฎฺฐานสทฺทญฺจ วเณฺณโนฺต ‘‘อถ วา’’ติอาทิมาหฯ เตน ปุริมวิกเปฺป สติ-สโทฺท ปฎฺฐาน-สโทฺท จ กตฺตุอโตฺถติ วิญฺญายติฯ สรณเฎฺฐนาติ จิรกตสฺส จิรภาสิตสฺส จ อนุสฺสรณเฎฺฐนฯ อิทนฺติ ยํ ‘‘สติเยว สติปฎฺฐาน’’นฺติ วุตฺตํ, อิทํ อิธ อิมสฺมิํ สุตฺตปเทเส อธิเปฺปตํ

    Tathāssa kattuatthopi labbhatīti ‘‘patiṭṭhātīti paṭṭhāna’’nti vuttaṃ. Upaṭṭhātīti ettha upa-saddo bhusatthavisiṭṭhaṃ pakkhandanaṃ dīpetīti ‘‘okkanditvā pakkhanditvā pavattatīti attho’’ti vuttaṃ. Puna bhāvatthaṃ satisaddaṃ paṭṭhānasaddañca vaṇṇento ‘‘atha vā’’tiādimāha. Tena purimavikappe sati-saddo paṭṭhāna-saddo ca kattuatthoti viññāyati. Saraṇaṭṭhenāti cirakatassa cirabhāsitassa ca anussaraṇaṭṭhena. Idanti yaṃ ‘‘satiyeva satipaṭṭhāna’’nti vuttaṃ, idaṃ idha imasmiṃ suttapadese adhippetaṃ.

    ยทิ เอวนฺติ ยทิ สติ เอว สติปฎฺฐานํ, สติ นาม เอโก ธโมฺม, เอวํ สเนฺต กสฺมา สติปฎฺฐานาติ พหุวจนนฺติ อาห ‘‘สตีนํ พหุตฺตา’’ติอาทิฯ ยทิ พหุกา ตา สติโย, อถ กสฺมา มโคฺคติ เอกวจนนฺติ โยชนาฯ มคฺคนเฎฺฐนาติ นิยฺยานเฎฺฐนฯ นิยฺยานิโก หิ มคฺคธโมฺม, เตเนว นิยฺยานิกภาเวน เอกตฺตุปคโต เอกนฺตโต นิพฺพานํ คจฺฉติ, อตฺถิเกหิ จ ตทตฺถํ มคฺคียตีติ อาห ‘‘วุตฺตเญฺหต’’นฺติอาทิฯ ตตฺถ จตโสฺสปิ เจตาติ กายานุปสฺสนาทิวเสน จตุพฺพิธาปิ จ เอตา สติโยฯ อปรภาเคติ อริยมคฺคกฺขเณฯ กิจฺจํ สาธยมานาติ ปุพฺพภาเค กายาทีสุ อารมฺมเณสุ สุภสญฺญาทิวิธมนวเสน วิสุํ วิสุํ ปวตฺติตฺวา มคฺคกฺขเณ สกิํเยว ตตฺถ จตุพฺพิธสฺสปิ วิปลฺลาสสฺส สมุเจฺฉทวเสน ปหานกิจฺจํ สาธยมานา อารมฺมณกรณวเสน นิพฺพานํ คจฺฉนฺติ, ตเมวสฺส จตุกิจฺจสาธนตํ อุปาทาย พหุวจนนิเทฺทโส, ตถาปิ อตฺถโต เภทาภาวโต มโคฺคติ เอกวจเนน วุจฺจติฯ เตนาห – ‘‘ตสฺมา จตโสฺสปิ เอโก มโคฺคติ วุตฺตา’’ติฯ

    Yadievanti yadi sati eva satipaṭṭhānaṃ, sati nāma eko dhammo, evaṃ sante kasmā satipaṭṭhānāti bahuvacananti āha ‘‘satīnaṃ bahuttā’’tiādi. Yadi bahukā tā satiyo, atha kasmā maggoti ekavacananti yojanā. Magganaṭṭhenāti niyyānaṭṭhena. Niyyāniko hi maggadhammo, teneva niyyānikabhāvena ekattupagato ekantato nibbānaṃ gacchati, atthikehi ca tadatthaṃ maggīyatīti āha ‘‘vuttañheta’’ntiādi. Tattha catassopi cetāti kāyānupassanādivasena catubbidhāpi ca etā satiyo. Aparabhāgeti ariyamaggakkhaṇe. Kiccaṃ sādhayamānāti pubbabhāge kāyādīsu ārammaṇesu subhasaññādividhamanavasena visuṃ visuṃ pavattitvā maggakkhaṇe sakiṃyeva tattha catubbidhassapi vipallāsassa samucchedavasena pahānakiccaṃ sādhayamānā ārammaṇakaraṇavasena nibbānaṃ gacchanti, tamevassa catukiccasādhanataṃ upādāya bahuvacananiddeso, tathāpi atthato bhedābhāvato maggoti ekavacanena vuccati. Tenāha – ‘‘tasmā catassopi eko maggoti vuttā’’ti.

    กเถตุกมฺยตาปุจฺฉา อิตราสํ ปุจฺฉานํ อิธ อสมฺภวโต นิเทฺทสาทิวเสน เทเสตุกามตาย จ ตถา วุตฺตตฺตาฯ ‘‘อยเญฺจว กาโย พหิทฺธา จ นามรูป’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๗๑, ๒๘๗, ๒๙๗; ปารา. ๑๑) ขนฺธปญฺจกํ, ‘‘สุขญฺจ กาเยน ปฎิสํเวเทตี’’ติอาทีสุ เวทนาทโย ตโย อรูปกฺขนฺธา, ‘‘ยา ตสฺมิํ สมเย กายสฺส ปสฺสทฺธิ ปฎิปฺปสฺสทฺธี’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๔๐) เวทนาทโย ตโย เจตสิกา ขนฺธา ‘‘กาโย’’ติ วุจฺจนฺติ, ตโต วิเสสนตฺถํ ‘‘กาเยติ รูปกาเย’’ติ อาหฯ กายานุปสฺสีติ เอตฺถ ตสฺสีลตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘กายํ อนุปสฺสนสีโล’’ติ อาหฯ อนิจฺจโต อนุปสฺสตีติ จตุสมุฎฺฐานิกกายํ ‘‘อนิจฺจ’’นฺติ อนุปสฺสติ, เอวํ ปสฺสโนฺต เอว จสฺส อนิจฺจาการมฺปิ อนุปสฺสตีติ วุจฺจติ, ตถาภูตสฺส จสฺส นิจฺจคาหสฺส วิเสโสปิ น โหตีติ วุตฺตํ ‘‘โน นิจฺจโต’’ติฯ ตถา เหส ‘‘นิจฺจสญฺญํ ปชหตี’’ติ (ปฎิ. ม. ๑.๒๘) วุโตฺตฯ เอตฺถ จ อนิจฺจโต เอว อนุปสฺสตีติ เอวกาโร ลุตฺตนิทฺทิโฎฺฐติ เตน นิวตฺติตมตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘โน นิจฺจโต’’ติ วุตฺตํฯ น เจตฺถ ทุกฺขานุปสฺสนาทินิวตฺตนมาสงฺกิตพฺพํ ปฎิโยคินิวตฺตนปรตฺตา เอว-การสฺส, อุปริ เทสนาอารุฬฺหตฺตา จ ตาสํฯ ทุกฺขโต อนุปสฺสตีติอาทีสุปิ เอเสว นโยฯ อยํ ปน วิเสโส – อนิจฺจสฺส ทุกฺขตฺตา ตเมว กายํ ทุกฺขโต อนุปสฺสติ, ทุกฺขสฺส อนตฺตตฺตา อนตฺตโต อนุปสฺสตีติฯ

    Kathetukamyatāpucchā itarāsaṃ pucchānaṃ idha asambhavato niddesādivasena desetukāmatāya ca tathā vuttattā. ‘‘Ayañceva kāyo bahiddhā ca nāmarūpa’’ntiādīsu (ma. ni. 1.271, 287, 297; pārā. 11) khandhapañcakaṃ, ‘‘sukhañca kāyena paṭisaṃvedetī’’tiādīsu vedanādayo tayo arūpakkhandhā, ‘‘yā tasmiṃ samaye kāyassa passaddhi paṭippassaddhī’’tiādīsu (dha. sa. 40) vedanādayo tayo cetasikā khandhā ‘‘kāyo’’ti vuccanti, tato visesanatthaṃ ‘‘kāyeti rūpakāye’’ti āha. Kāyānupassīti ettha tassīlatthaṃ dassento ‘‘kāyaṃ anupassanasīlo’’ti āha. Aniccato anupassatīti catusamuṭṭhānikakāyaṃ ‘‘anicca’’nti anupassati, evaṃ passanto eva cassa aniccākārampi anupassatīti vuccati, tathābhūtassa cassa niccagāhassa visesopi na hotīti vuttaṃ ‘‘no niccato’’ti. Tathā hesa ‘‘niccasaññaṃ pajahatī’’ti (paṭi. ma. 1.28) vutto. Ettha ca aniccato eva anupassatīti evakāro luttaniddiṭṭhoti tena nivattitamatthaṃ dassetuṃ ‘‘no niccato’’ti vuttaṃ. Na cettha dukkhānupassanādinivattanamāsaṅkitabbaṃ paṭiyoginivattanaparattā eva-kārassa, upari desanāāruḷhattā ca tāsaṃ. Dukkhato anupassatītiādīsupi eseva nayo. Ayaṃ pana viseso – aniccassa dukkhattā tameva kāyaṃ dukkhato anupassati, dukkhassa anattattā anattato anupassatīti.

    ยสฺมา ปน ยํ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา, น ตํ อภินนฺทิตพฺพํ, ยญฺจ น อภินนฺทิตพฺพํ, น ตตฺถ รชฺชิตพฺพํ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อนิจฺจโต อนุปสฺสติ, โน นิจฺจโต, ทุกฺขโต อนุปสฺสติ, โน สุขโต, อนตฺตโต อนุปสฺสติ, โน อตฺตโต, นิพฺพินฺทติ, โน นนฺทติ, วิรชฺชติ, โน รชฺชตี’’ติฯ โส เอวํ อรชฺชโนฺต ราคํ นิโรเธติ, โน สมุเทติ, สมุทยํ น กโรตีติ อโตฺถฯ เอวํ ปฎิปโนฺน จ ปฎินิสฺสชฺชติ, โน อาทิยติฯ อยญฺหิ อนิจฺจาทิอนุปสฺสนา ตทงฺควเสน สทฺธิํ กายตนฺนิสฺสยขนฺธาภิสงฺขาเรหิ กิเลสานํ ปริจฺจชนโต สงฺขตโทสทสฺสเนน ตพฺพิปรีเต นิพฺพาเน ตนฺนินฺนตาย ปกฺขนฺทนโต ‘‘ปริจฺจาคปฎินิสฺสโคฺค เจว ปกฺขนฺทนปฎินิสฺสโคฺค จา’’ติ วุจฺจติฯ ตสฺมา ตาย สมนฺนาคโต ภิกฺขุ วุตฺตนเยน กิเลเส จ ปริจฺจชติ, นิพฺพาเน จ ปกฺขนฺทติ, ตถาภูโต จ ปริจฺจชนวเสน กิเลเส น อาทิยติ, นาปิ อโทสทสฺสิตาวเสน สงฺขตารมฺมณํฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ปฎินิสฺสชฺชติ, โน อาทิยตี’’ติฯ อิทานิ นิสฺสิตาหิ อนุปสฺสนาหิ เยสํ ธมฺมานํ ปหานํ โหติ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘อนิจฺจโต อนุปสฺสโนฺต นิจฺจสญฺญํ ปชหตี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ นิจฺจสญฺญนฺติ สงฺขารา นิจฺจาติ เอวํ ปวตฺตํ วิปรีตสญฺญํฯ ทิฎฺฐิจิตฺตวิปลฺลาสปหานมุเขเนว สญฺญาวิปลฺลาสปฺปหานนฺติ สญฺญาคหณํ, สญฺญาสีเสน วา เตสมฺปิ คหณํ ทฎฺฐพฺพํฯ นนฺทินฺติ สปฺปีติกตณฺหํฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ

    Yasmā pana yaṃ aniccaṃ dukkhaṃ anattā, na taṃ abhinanditabbaṃ, yañca na abhinanditabbaṃ, na tattha rajjitabbaṃ, tasmā vuttaṃ ‘‘aniccato anupassati, no niccato, dukkhato anupassati, no sukhato, anattato anupassati, no attato, nibbindati, no nandati, virajjati, no rajjatī’’ti. So evaṃ arajjanto rāgaṃ nirodheti, no samudeti, samudayaṃ na karotīti attho. Evaṃ paṭipanno ca paṭinissajjati, no ādiyati. Ayañhi aniccādianupassanā tadaṅgavasena saddhiṃ kāyatannissayakhandhābhisaṅkhārehi kilesānaṃ pariccajanato saṅkhatadosadassanena tabbiparīte nibbāne tanninnatāya pakkhandanato ‘‘pariccāgapaṭinissaggo ceva pakkhandanapaṭinissaggo cā’’ti vuccati. Tasmā tāya samannāgato bhikkhu vuttanayena kilese ca pariccajati, nibbāne ca pakkhandati, tathābhūto ca pariccajanavasena kilese na ādiyati, nāpi adosadassitāvasena saṅkhatārammaṇaṃ. Tena vuttaṃ ‘‘paṭinissajjati, no ādiyatī’’ti. Idāni nissitāhi anupassanāhi yesaṃ dhammānaṃ pahānaṃ hoti, taṃ dassetuṃ ‘‘aniccato anupassanto niccasaññaṃ pajahatī’’tiādi vuttaṃ. Tattha niccasaññanti saṅkhārā niccāti evaṃ pavattaṃ viparītasaññaṃ. Diṭṭhicittavipallāsapahānamukheneva saññāvipallāsappahānanti saññāgahaṇaṃ, saññāsīsena vā tesampi gahaṇaṃ daṭṭhabbaṃ. Nandinti sappītikataṇhaṃ. Sesaṃ vuttanayameva.

    วิหรตีติ อิมินา กายานุปสฺสนาสมงฺคิโน อิริยาปถวิหาโร วุโตฺตติ อาห – ‘‘อิริยตี’’ติ, อิริยาปถํ ปวเตฺตตีติ อโตฺถฯ อารมฺมณกรณวเสน อภิพฺยาปนโต ‘‘ตีสุ ภเวสู’’ติ วุตฺตํ, อุปฺปชฺชนวเสน ปน กิเลสา ปริตฺตภูมกา เอวาติฯ ยทิปิ กิเลสานํ ปหานํ อาตาปนนฺติ ตํ สมฺมาทิฎฺฐิอาทีนมฺปิ อเตฺถว, อาตปฺป-สโทฺทวิย ปน อาตาป-สโทฺทปิ วีริเย เอว นิรุโฬฺหติ วุตฺตํ ‘‘วีริยเสฺสตํ นาม’’นฺติฯ อถ วา ปฎิปกฺขปฺปหาเน สมฺปยุตฺตธมฺมานํ อพฺภุสฺสหนวเสน ปวตฺตมานสฺส วีริยสฺส สาติสยํ ตทาตาปนนฺติ วีริยเมว ตถา วุจฺจติ, น อเญฺญ ธมฺมาฯ

    Viharatīti iminā kāyānupassanāsamaṅgino iriyāpathavihāro vuttoti āha – ‘‘iriyatī’’ti, iriyāpathaṃ pavattetīti attho. Ārammaṇakaraṇavasena abhibyāpanato ‘‘tīsu bhavesū’’ti vuttaṃ, uppajjanavasena pana kilesā parittabhūmakā evāti. Yadipi kilesānaṃ pahānaṃ ātāpananti taṃ sammādiṭṭhiādīnampi attheva, ātappa-saddoviya pana ātāpa-saddopi vīriye eva niruḷhoti vuttaṃ ‘‘vīriyassetaṃ nāma’’nti. Atha vā paṭipakkhappahāne sampayuttadhammānaṃ abbhussahanavasena pavattamānassa vīriyassa sātisayaṃ tadātāpananti vīriyameva tathā vuccati, na aññe dhammā.

    อาตาปีติ จายมีกาโร ปสํสาย, อติสยสฺส วา ทีปโกติ อาตาปีคหเณน สมฺมปฺปธานสมงฺคิตํ ทเสฺสติฯ สมฺมา สมนฺตโต สามญฺจ ปชานโนฺต สมฺปชาโน, อสมฺมิสฺสโต ววตฺถาเน อญฺญธมฺมานุปสฺสิตาภาเวน สมฺมา อวิปรีตํ, สพฺพาการปชานเนน สมนฺตโต, อุปรูปริ วิเสสาวหภาเวน ปวตฺติยา สามํ ปชานโนฺตติ อโตฺถฯ ยทิ ปญฺญาย อนุปสฺสติ, กถํ สติปฎฺฐานตาติ อาห ‘‘น หี’’ติอาทิฯ ตสฺมา สติยา ลทฺธุปการาย เอว ปญฺญาย เอตฺถ ยถาวุเตฺต กาเย กมฺมฎฺฐานิโก ภิกฺขุ อนุปสฺสโก, ตสฺมา ‘‘กายานุปสฺสี’’ติ วุจฺจติฯ อโนฺตสเงฺขโป อโนฺตลีนตา, โกสชฺชนฺติ อโตฺถฯ อุปายปริคฺคโหติ เอตฺถ สีลวิโสธนาทิ คณนาทิ อุคฺคหโกสลฺลาทิ จ อุปาโย, ตพฺพิปริยายโต อนุปาโย เวทิตโพฺพฯ ยสฺมา จ อุปฎฺฐิตสฺสตี ยถาวุตฺตํ อุปายํ น ปริจฺจชติ, อนุปายญฺจ น อุปาทิยติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘มุฎฺฐสฺสติ…เป.… อสมโตฺถ โหตี’’ติฯ เตนาติ อุปายานุปายานํ ปริคฺคหปริวชฺชเนสุ อปริจฺจาคาปริคฺคเหสุ จ อสมตฺถภาเวนฯ อสฺส โยคิโนฯ

    Ātāpīti cāyamīkāro pasaṃsāya, atisayassa vā dīpakoti ātāpīgahaṇena sammappadhānasamaṅgitaṃ dasseti. Sammā samantato sāmañca pajānanto sampajāno, asammissato vavatthāne aññadhammānupassitābhāvena sammā aviparītaṃ, sabbākārapajānanena samantato, uparūpari visesāvahabhāvena pavattiyā sāmaṃ pajānantoti attho. Yadi paññāya anupassati, kathaṃ satipaṭṭhānatāti āha ‘‘na hī’’tiādi. Tasmā satiyā laddhupakārāya eva paññāya ettha yathāvutte kāye kammaṭṭhāniko bhikkhu anupassako, tasmā ‘‘kāyānupassī’’ti vuccati. Antosaṅkhepo antolīnatā, kosajjanti attho. Upāyapariggahoti ettha sīlavisodhanādi gaṇanādi uggahakosallādi ca upāyo, tabbipariyāyato anupāyo veditabbo. Yasmā ca upaṭṭhitassatī yathāvuttaṃ upāyaṃ na pariccajati, anupāyañca na upādiyati, tasmā vuttaṃ ‘‘muṭṭhassati…pe… asamattho hotī’’ti. Tenāti upāyānupāyānaṃ pariggahaparivajjanesu apariccāgāpariggahesu ca asamatthabhāvena. Assa yogino.

    ยสฺมา สติเยเวตฺถ สติปฎฺฐานํ วุตฺตา, ตสฺมาสฺส สมฺปยุตฺตธมฺมา วีริยาทโย องฺคนฺติ อาห – ‘‘สมฺปโยคงฺคญฺจสฺส ทเสฺสตฺวา’’ติฯ องฺค-สโทฺท เจตฺถ การณปริยาโย ทฎฺฐโพฺพฯ สติคฺคหเณเนเวตฺถ สมฺมาสมาธิสฺสปิ คหณํ ทฎฺฐพฺพํ ตสฺสา สมาธิกฺขเนฺธ สงฺคหิตตฺตาฯ ยสฺมา วา สติสีเสนายํ เทสนาฯ น หิ เกวลาย สติยา กิเลสปฺปหานํ สมฺภวติ, นิพฺพานาธิคโม วา, นาปิ เกวลา สติ ปวตฺตติ, ตสฺมาสฺส ฌานเทสนายํ สวิตกฺกาทิวจนสฺส วิย สมฺปโยคงฺคทสฺสนตาติ องฺค-สทฺทสฺส อวยวปริยายตา ทฎฺฐพฺพาฯ ปหานงฺคนฺติ ‘‘วิวิเจฺจว กาเมหี’’ติอาทีสุ วิย ปหาตพฺพงฺคํ ทเสฺสตุํฯ ยสฺมา เอตฺถ ปุพฺพภาคมโคฺค อธิเปฺปโต, น โลกุตฺตรมโคฺค, ตสฺมา ปุพฺพภาคิยเมว วินยํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ตทงฺควินเยน วา วิกฺขมฺภนวินเยน วา’’ติ อาหฯ อสฺสาติ โยคิโนฯ เตสํ ธมฺมานนฺติ เวทนาทิธมฺมานํฯ เตสญฺหิ ตตฺถ อนธิเปฺปตตฺตา ‘‘อตฺถุทฺธารนเยเนตํ วุตฺต’’นฺติ อาหฯ ยํ ปนาติ วิภเงฺค, วิภงฺคปกรเณติ อธิปฺปาโยฯ เอตฺถาติ ‘‘โลเก’’ติ เอตสฺมิํ ปเท, ตา จ โลกิยา เอว อนุปสฺสนา นาม สมฺมสนนฺติ กตฺวาฯ

    Yasmā satiyevettha satipaṭṭhānaṃ vuttā, tasmāssa sampayuttadhammā vīriyādayo aṅganti āha – ‘‘sampayogaṅgañcassa dassetvā’’ti. Aṅga-saddo cettha kāraṇapariyāyo daṭṭhabbo. Satiggahaṇenevettha sammāsamādhissapi gahaṇaṃ daṭṭhabbaṃ tassā samādhikkhandhe saṅgahitattā. Yasmā vā satisīsenāyaṃ desanā. Na hi kevalāya satiyā kilesappahānaṃ sambhavati, nibbānādhigamo vā, nāpi kevalā sati pavattati, tasmāssa jhānadesanāyaṃ savitakkādivacanassa viya sampayogaṅgadassanatāti aṅga-saddassa avayavapariyāyatā daṭṭhabbā. Pahānaṅganti ‘‘vivicceva kāmehī’’tiādīsu viya pahātabbaṅgaṃ dassetuṃ. Yasmā ettha pubbabhāgamaggo adhippeto, na lokuttaramaggo, tasmā pubbabhāgiyameva vinayaṃ dassento ‘‘tadaṅgavinayena vā vikkhambhanavinayena vā’’ti āha. Assāti yogino. Tesaṃ dhammānanti vedanādidhammānaṃ. Tesañhi tattha anadhippetattā ‘‘atthuddhāranayenetaṃ vutta’’nti āha. Yaṃ panāti vibhaṅge, vibhaṅgapakaraṇeti adhippāyo. Etthāti ‘‘loke’’ti etasmiṃ pade, tā ca lokiyā eva anupassanā nāma sammasananti katvā.

    ทุกฺขโตติ วิปริณามสงฺขารทุกฺขตาหิ ทุกฺขสภาวโต, ทุกฺขาติ อนุปสฺสิตพฺพาติ อโตฺถฯ เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโยฯ โย สุขํ ทุกฺขโต อทฺทาติ โย ภิกฺขุ สุขํ เวทนํ วิปริณามทุกฺขตาย ทุกฺขนฺติ ปญฺญาจกฺขุนา อทฺทกฺขิฯ ทุกฺขมทฺทกฺขิ สลฺลโตติ ทุกฺขเวทนํ ปีฬาชนนโต อโนฺตตุทนโต ทุนฺนีหรณโต จ สลฺลนฺติ อทฺทกฺขิ ปสฺสิฯ อทุกฺขมสุขนฺติ อุเปกฺขาเวทนํฯ สนฺตนฺติ สุขทุกฺขานํ วิย อโนฬาริกตาย ปจฺจยวเสน วูปสนฺตสภาวตฺตา จ สนฺตํฯ อนิจฺจโตติ หุตฺวา อภาวโต อุทยพฺพยวนฺตโต ตาวกาลิกโต นิจฺจปฎิเกฺขปโต จ อนิจฺจนฺติ โย อทฺทกฺขิฯ ส เว สมฺมทฺทโส ภิกฺขูติ โส ภิกฺขุ เอกํเสน, ปริพฺยตฺตํ วา เวทนาย สมฺมา ปสฺสนโกติ อโตฺถฯ

    Dukkhatoti vipariṇāmasaṅkhāradukkhatāhi dukkhasabhāvato, dukkhāti anupassitabbāti attho. Sesapadadvayepi eseva nayo. Yo sukhaṃdukkhato addāti yo bhikkhu sukhaṃ vedanaṃ vipariṇāmadukkhatāya dukkhanti paññācakkhunā addakkhi. Dukkhamaddakkhi sallatoti dukkhavedanaṃ pīḷājananato antotudanato dunnīharaṇato ca sallanti addakkhi passi. Adukkhamasukhanti upekkhāvedanaṃ. Santanti sukhadukkhānaṃ viya anoḷārikatāya paccayavasena vūpasantasabhāvattā ca santaṃ. Aniccatoti hutvā abhāvato udayabbayavantato tāvakālikato niccapaṭikkhepato ca aniccanti yo addakkhi. Sa ve sammaddaso bhikkhūti so bhikkhu ekaṃsena, paribyattaṃ vā vedanāya sammā passanakoti attho.

    ทุกฺขาติปีติ สงฺขารทุกฺขตาย ทุกฺขา อิติปิฯ สพฺพํ ตํ เวทยิตํ ทุกฺขสฺมิํ อโนฺตคธํ ปริยาปนฺนนฺติ วทามิ สงฺขารทุกฺขนฺติ วตฺตพฺพโตฯ สุขทุกฺขโตปิ จาติ สุขาทีนํ ฐิติวิปริณามญาณสุขตาย จ วิปริณามฎฺฐิติอญฺญาณทุกฺขตาย จ วุตฺตตฺตา ติโสฺสปิ สุขโต ติโสฺสปิ จ ทุกฺขโต อนุปสฺสิตพฺพาติ อโตฺถฯ สตฺต อนุปสฺสนา เหฎฺฐา ปกาสิตา เอวฯ

    Dukkhātipīti saṅkhāradukkhatāya dukkhā itipi. Sabbaṃ taṃ vedayitaṃ dukkhasmiṃ antogadhaṃ pariyāpannanti vadāmi saṅkhāradukkhanti vattabbato. Sukhadukkhatopi cāti sukhādīnaṃ ṭhitivipariṇāmañāṇasukhatāya ca vipariṇāmaṭṭhitiaññāṇadukkhatāya ca vuttattā tissopi sukhato tissopi ca dukkhato anupassitabbāti attho. Satta anupassanā heṭṭhā pakāsitā eva.

    อารมฺมณา…เป.… เภทานนฺติ รูปาทิอารมฺมณนานตฺตสฺส นีลาทิตเพฺภทสฺส, ฉนฺทาทิอธิปตินานตฺตสฺส หีนาทิตเพฺภทสฺส, ญาณฌานาทิสหชาตนานตฺตสฺส สสงฺขาริกาสงฺขาริก-สวิตกฺก-สวิจาราทิตเพฺภทสฺส, กามาวจราทิภูมินานตฺตสฺส, อุกฺกฎฺฐมชฺฌิมาทิตเพฺภทสฺส, กุสลาทิกมฺมนานตฺตสฺส, เทวคติสํวตฺตนิยตาทิตเพฺภทสฺส, กณฺหสุกฺกวิปากนานตฺตสฺส, ทิฎฺฐธมฺมเวทนียตาทิตเพฺภทสฺส, ปริตฺตภูมกาทิกิริยานานตฺตสฺส, ติเหตุกาทิตเพฺภทสฺส วเสน อนุปสฺสิตพฺพนฺติ โยชนาฯ อาทิ-สเทฺทน สวตฺถุกาวตฺถุกาทินานตฺตสฺส ปุคฺคลตฺตยสาธารณาทิตเพฺภทสฺส จ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ สราคาทีนนฺติ มหาสติปฎฺฐานสุเตฺต (ที. นิ. ๒.๓๘๑; ม. นิ. ๑.๑๑๔) อาคตานํ สราควีตราคาทิเภทานํฯ สลกฺขณ-สามญฺญลกฺขณานนฺติ ผุสนาทิตํตํสลกฺขณานเญฺจว อนิจฺจตาทิสามญฺญลกฺขณานญฺจ วเสนาติ โยชนาฯ

    Ārammaṇā…pe… bhedānanti rūpādiārammaṇanānattassa nīlāditabbhedassa, chandādiadhipatinānattassa hīnāditabbhedassa, ñāṇajhānādisahajātanānattassa sasaṅkhārikāsaṅkhārika-savitakka-savicārāditabbhedassa, kāmāvacarādibhūminānattassa, ukkaṭṭhamajjhimāditabbhedassa, kusalādikammanānattassa, devagatisaṃvattaniyatāditabbhedassa, kaṇhasukkavipākanānattassa, diṭṭhadhammavedanīyatāditabbhedassa, parittabhūmakādikiriyānānattassa, tihetukāditabbhedassa vasena anupassitabbanti yojanā. Ādi-saddena savatthukāvatthukādinānattassa puggalattayasādhāraṇāditabbhedassa ca saṅgaho daṭṭhabbo. Sarāgādīnanti mahāsatipaṭṭhānasutte (dī. ni. 2.381; ma. ni. 1.114) āgatānaṃ sarāgavītarāgādibhedānaṃ. Salakkhaṇa-sāmaññalakkhaṇānanti phusanāditaṃtaṃsalakkhaṇānañceva aniccatādisāmaññalakkhaṇānañca vasenāti yojanā.

    สุญฺญตธมฺมสฺสาติ อนตฺตตาสงฺขาตสุญฺญตสภาวสฺสฯ ‘‘สลกฺขณ-สามญฺญลกฺขณาน’’นฺติ หิ อิมินา โย อิโต พาหิรเกหิ สามินิวาสีการกเวทกอธิฎฺฐายกภาเวน ปริกปฺปิโต อตฺตา, ตสฺส สงฺขาเรสุ นิจฺจตา สุขตา วิย กตฺถจิปิ อภาโว วิภาวิโตฯ นตฺถิ เอเตสํ อตฺตาติ อนตฺตา, ยสฺมา ปน สงฺขาเรสุ เอกธโมฺมปิ อตฺตา น โหติ, ตสฺมา เต น อตฺตาติปิ อนตฺตาติ อยํ เตสํ สุญฺญตธโมฺมฯ ตสฺส สุญฺญตธมฺมสฺส, ยํ วิภาเวตุํ อภิธเมฺม (ธ. ส. ๑๒๑) ‘‘ตสฺมิํ โข ปน สมเย ธมฺมา โหนฺตี’’ติอาทินา สุญฺญตวารเทสนา วุตฺตาฯ เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ

    Suññatadhammassāti anattatāsaṅkhātasuññatasabhāvassa. ‘‘Salakkhaṇa-sāmaññalakkhaṇāna’’nti hi iminā yo ito bāhirakehi sāminivāsīkārakavedakaadhiṭṭhāyakabhāvena parikappito attā, tassa saṅkhāresu niccatā sukhatā viya katthacipi abhāvo vibhāvito. Natthi etesaṃ attāti anattā, yasmā pana saṅkhāresu ekadhammopi attā na hoti, tasmā te na attātipi anattāti ayaṃ tesaṃ suññatadhammo. Tassa suññatadhammassa, yaṃ vibhāvetuṃ abhidhamme (dha. sa. 121) ‘‘tasmiṃ kho pana samaye dhammā hontī’’tiādinā suññatavāradesanā vuttā. Sesaṃ suviññeyyameva.

    อมฺพปาลิสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Ambapālisuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๑. อมฺพปาลิสุตฺตํ • 1. Ambapālisuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๑. อมฺพปาลิสุตฺตวณฺณนา • 1. Ambapālisuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact