Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เปตวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Petavatthu-aṭṭhakathā

    ๔. มหาวโคฺค

    4. Mahāvaggo

    ๑. อมฺพสกฺกรเปตวตฺถุวณฺณนา

    1. Ambasakkarapetavatthuvaṇṇanā

    เวสาลี นาม นครตฺถิ วชฺชีนนฺติ อิทํ อมฺพสกฺกรเปตวตฺถุฯ ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควติ เชตวเน วิหรเนฺต อมฺพสกฺกโร นาม ลิจฺฉวิราชา มิจฺฉาทิฎฺฐิโก นตฺถิกวาโท เวสาลิยํ รชฺชํ กาเรสิฯ เตน จ สมเยน เวสาลินคเร อญฺญตรสฺส วาณิชสฺส อาปณสมีเป จิกฺขลฺลํ โหติ, ตตฺถ พหู ชนา อุปฺปติตฺวา อติกฺกมนฺตา กิลมนฺติ, เกจิ กทฺทเมน ลิมฺปนฺติฯ ตํ ทิสฺวา โส วาณิโช ‘‘มา อิเม มนุสฺสา กลลํ อกฺกมิํสู’’ติ อปคตทุคฺคนฺธํ สงฺขวณฺณปฎิภาคํ โคสีสฎฺฐิํ อาหราเปตฺวา นิกฺขิปาเปสิฯ ปกติยา จ สีลวา อโหสิ อโกฺกธโน สณฺหวาโจ, ปเรสญฺจ ยถาภูตํ คุณํ กิเตฺตติฯ

    Vesālīnāma nagaratthi vajjīnanti idaṃ ambasakkarapetavatthu. Tassa kā uppatti? Bhagavati jetavane viharante ambasakkaro nāma licchavirājā micchādiṭṭhiko natthikavādo vesāliyaṃ rajjaṃ kāresi. Tena ca samayena vesālinagare aññatarassa vāṇijassa āpaṇasamīpe cikkhallaṃ hoti, tattha bahū janā uppatitvā atikkamantā kilamanti, keci kaddamena limpanti. Taṃ disvā so vāṇijo ‘‘mā ime manussā kalalaṃ akkamiṃsū’’ti apagataduggandhaṃ saṅkhavaṇṇapaṭibhāgaṃ gosīsaṭṭhiṃ āharāpetvā nikkhipāpesi. Pakatiyā ca sīlavā ahosi akkodhano saṇhavāco, paresañca yathābhūtaṃ guṇaṃ kitteti.

    โส เอกสฺมิํ ทิวเส อตฺตโน สหายสฺส นฺหายนฺตสฺส ปมาเทน อโนโลเกนฺตสฺส นิวาสนวตฺถํ กีฬาธิปฺปาเยน อปนิธาย ตํ ทุกฺขาเปตฺวา อทาสิฯ ภาคิเนโยฺย ปนสฺส โจริกาย ปรเคหโต ภณฺฑํ อาหริตฺวา ตเสฺสว อาปเณ นิกฺขิปิฯ ภณฺฑสามิกา วีมํสนฺตา ภเณฺฑน สทฺธิํ ตสฺส ภาคิเนยฺยํ ตญฺจ รโญฺญ ทเสฺสสุํฯ ราชา ‘‘อิมสฺส สีสํ ฉินฺทถ, ภาคิเนยฺยํ ปนสฺส สูเล อาโรเปถา’’ติ อาณาเปสิฯ ราชปุริสา ตถา อกํสุฯ โส กาลํ กตฺวา ภุมฺมเทเวสุ อุปฺปชฺชิฯ โส โคสีเสน เสตุโน กตตฺตา เสตวณฺณํ ทิพฺพํ มโนชวํ อสฺสาชานียํ ปฎิลภิ, คุณวนฺตานํ วณฺณกถเนน ตสฺส คตฺตโต ทิพฺพคโนฺธ วายติ, สาฎกสฺส ปน อปนิหิตตฺตา นโคฺค อโหสิฯ โส อตฺตนา ปุเพฺพ กตกมฺมํ โอโลเกโนฺต ตทนุสาเรน อตฺตโน ภาคิเนยฺยํ สูเล อาโรปิตํ ทิสฺวา กรุณาย โจทิยมาโน มโนชวํ อสฺสํ อภิรุหิตฺวา อฑฺฒรตฺติสมเย ตสฺส สูลา โรปิตฎฺฐานํ คนฺตฺวา อวิทูเร ฐิโต ‘‘ชีว, โภ, ชีวิตเมว เสโยฺย’’ติ ทิวเส ทิวเส วทติฯ

    So ekasmiṃ divase attano sahāyassa nhāyantassa pamādena anolokentassa nivāsanavatthaṃ kīḷādhippāyena apanidhāya taṃ dukkhāpetvā adāsi. Bhāgineyyo panassa corikāya paragehato bhaṇḍaṃ āharitvā tasseva āpaṇe nikkhipi. Bhaṇḍasāmikā vīmaṃsantā bhaṇḍena saddhiṃ tassa bhāgineyyaṃ tañca rañño dassesuṃ. Rājā ‘‘imassa sīsaṃ chindatha, bhāgineyyaṃ panassa sūle āropethā’’ti āṇāpesi. Rājapurisā tathā akaṃsu. So kālaṃ katvā bhummadevesu uppajji. So gosīsena setuno katattā setavaṇṇaṃ dibbaṃ manojavaṃ assājānīyaṃ paṭilabhi, guṇavantānaṃ vaṇṇakathanena tassa gattato dibbagandho vāyati, sāṭakassa pana apanihitattā naggo ahosi. So attanā pubbe katakammaṃ olokento tadanusārena attano bhāgineyyaṃ sūle āropitaṃ disvā karuṇāya codiyamāno manojavaṃ assaṃ abhiruhitvā aḍḍharattisamaye tassa sūlā ropitaṭṭhānaṃ gantvā avidūre ṭhito ‘‘jīva, bho, jīvitameva seyyo’’ti divase divase vadati.

    เตน จ สมเยน อมฺพสกฺกโร ราชา หตฺถิกฺขนฺธวรคโต นครํ ปทกฺขิณํ กโรโนฺต อญฺญตรสฺมิํ เคเห วาตปานํ วิวริตฺวา ราชวิภูติํ ปสฺสนฺติํ เอกํ อิตฺถิํ ทิสฺวา ปฎิพทฺธจิโตฺต หุตฺวา ปจฺฉาสเน นิสินฺนสฺส ปุริสสฺส ‘‘อิมํ ฆรํ อิมญฺจ อิตฺถิํ อุปธาเรหี’’ติ สญฺญํ ทตฺวา อนุกฺกเมน อตฺตโน ราชเคหํ ปวิโฎฺฐ ตํ ปุริสํ เปเสสิ – ‘‘คจฺฉ, ภเณ, ตสฺสา อิตฺถิยา สสามิกภาวํ วา อสามิกภาวํ วา ชานาหี’’ติฯ โส คนฺตฺวา ตสฺสา สสามิกภาวํ ญตฺวา รโญฺญ อาโรเจสิฯ ราชา ตสฺสา อิตฺถิยา ปริคฺคหณูปายํ จิเนฺตโนฺต ตสฺสา สามิกํ ปโกฺกสาเปตฺวา ‘‘เอหิ, ภเณ, มํ อุปฎฺฐาหี’’ติ อาหฯ โส อนิจฺฉโนฺตปิ ‘‘ราชา อตฺตโน วจนํ อกโรเนฺต มยิ ราชทณฺฑํ กเรยฺยา’’ติ ภเยน ราชุปฎฺฐานํ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา ทิวเส ทิวเส ราชุปฎฺฐานํ คจฺฉติฯ ราชาปิ ตสฺส ภตฺตเวตนํ ทาเปตฺวา กติปยทิวสาติกฺกเมน ปาโตว อุปฎฺฐานํ อาคตํ เอวมาห – ‘‘คจฺฉ, ภเณ, อมุมฺหิ ฐาเน เอกา โปกฺขรณี อตฺถิ, ตโต อรุณวณฺณมตฺติกํ รตฺตุปฺปลานิ จ อาเนหิ, สเจ อเชฺชว นาคเจฺฉยฺยาสิ, ชีวิตํ เต นตฺถี’’ติฯ ตสฺมิญฺจ คเต ทฺวารปาลํ อาห – ‘‘อชฺช อนตฺถงฺคเต เอว สูริเย สพฺพทฺวารานิ ถเกตพฺพานี’’ติฯ

    Tena ca samayena ambasakkaro rājā hatthikkhandhavaragato nagaraṃ padakkhiṇaṃ karonto aññatarasmiṃ gehe vātapānaṃ vivaritvā rājavibhūtiṃ passantiṃ ekaṃ itthiṃ disvā paṭibaddhacitto hutvā pacchāsane nisinnassa purisassa ‘‘imaṃ gharaṃ imañca itthiṃ upadhārehī’’ti saññaṃ datvā anukkamena attano rājagehaṃ paviṭṭho taṃ purisaṃ pesesi – ‘‘gaccha, bhaṇe, tassā itthiyā sasāmikabhāvaṃ vā asāmikabhāvaṃ vā jānāhī’’ti. So gantvā tassā sasāmikabhāvaṃ ñatvā rañño ārocesi. Rājā tassā itthiyā pariggahaṇūpāyaṃ cintento tassā sāmikaṃ pakkosāpetvā ‘‘ehi, bhaṇe, maṃ upaṭṭhāhī’’ti āha. So anicchantopi ‘‘rājā attano vacanaṃ akaronte mayi rājadaṇḍaṃ kareyyā’’ti bhayena rājupaṭṭhānaṃ sampaṭicchitvā divase divase rājupaṭṭhānaṃ gacchati. Rājāpi tassa bhattavetanaṃ dāpetvā katipayadivasātikkamena pātova upaṭṭhānaṃ āgataṃ evamāha – ‘‘gaccha, bhaṇe, amumhi ṭhāne ekā pokkharaṇī atthi, tato aruṇavaṇṇamattikaṃ rattuppalāni ca ānehi, sace ajjeva nāgaccheyyāsi, jīvitaṃ te natthī’’ti. Tasmiñca gate dvārapālaṃ āha – ‘‘ajja anatthaṅgate eva sūriye sabbadvārāni thaketabbānī’’ti.

    สา จ โปกฺขรณี เวสาลิยา ติโยชนมตฺถเก โหติ, ตถาปิ โส ปุริโส มรณภยตชฺชิโต วาตเวเคน ปุพฺพเณฺหเยว ตํ โปกฺขรณิํ สมฺปาปุณิฯ ‘‘สา จ โปกฺขรณี อมนุสฺสปริคฺคหิตา’’ติ ปเคว สุตตฺตา ภเยน โส ‘‘อตฺถิ นุ โข เอตฺถ โกจิ ปริสฺสโย’’ติ สมนฺตโต อนุปริยายติฯ ตํ ทิสฺวา โปกฺขรณิปาลโก อมนุโสฺส กรุณายมานรูโป มนุสฺสรูเปน อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กิมตฺถํ, โภ ปุริส, อิธาคโตสี’’ติ อาหฯ โส ตสฺส ตํ ปวตฺติํ กเถสิฯ โส ‘‘ยทิ เอวํ ยาวทตฺถํ คณฺหาหี’’ติ อตฺตโน ทิพฺพรูปํ ทเสฺสตฺวา อนฺตรธายิฯ

    Sā ca pokkharaṇī vesāliyā tiyojanamatthake hoti, tathāpi so puriso maraṇabhayatajjito vātavegena pubbaṇheyeva taṃ pokkharaṇiṃ sampāpuṇi. ‘‘Sā ca pokkharaṇī amanussapariggahitā’’ti pageva sutattā bhayena so ‘‘atthi nu kho ettha koci parissayo’’ti samantato anupariyāyati. Taṃ disvā pokkharaṇipālako amanusso karuṇāyamānarūpo manussarūpena upasaṅkamitvā ‘‘kimatthaṃ, bho purisa, idhāgatosī’’ti āha. So tassa taṃ pavattiṃ kathesi. So ‘‘yadi evaṃ yāvadatthaṃ gaṇhāhī’’ti attano dibbarūpaṃ dassetvā antaradhāyi.

    โส ตตฺถ อรุณวณฺณมตฺติกํ รตฺตุปฺปลานิ จ คเหตฺวา อนตฺถงฺคเตเยว สูริเย นครทฺวารํ สมฺปาปุณิฯ ตํ ทิสฺวา ทฺวารปาโล ตสฺส วิรวนฺตเสฺสว ทฺวารํ ถเกสิฯ โส ถกิเต ทฺวาเร ปเวสนํ อลภโนฺต ทฺวารสมีเป สูเล อาโรปิตํ ปุริสํ ทิสฺวา ‘‘เอเต มยิ อนตฺถงฺคเต เอว สูริเย อาคเต วิรวเนฺต เอวํ ทฺวารํ ถเกสุํฯ ‘อหํ กาเลเยว อาคโต, มม ทาโส นตฺถี’ติ ตยาปิ ญาตํ โหตู’’ติ สกฺขิมกาสิฯ ตํ สุตฺวา โส อาห ‘‘อหํ สูเล อาวุโต วโชฺฌ มรณาภิมุโข, กถํ ตว สกฺขิ โหมิฯ เอโก ปเนตฺถ เปโต มหิทฺธิโก มม สมีปํ อาคมิสฺสติ, ตํ สกฺขิํ กโรหี’’ติฯ ‘‘กถํ ปน โส มยา ทฎฺฐโพฺพ’’ติ? อิเธว ตฺวํ ติฎฺฐ, ‘‘สยเมว ทกฺขิสฺสสี’’ติฯ โส ตตฺถ ฐิโต มชฺฌิมยาเม ตํ เปตํ อาคตํ ทิสฺวา สกฺขิํ อกาสิฯ วิภาตาย จ รตฺติยา รญฺญา ‘‘มม อาณา ตยา อติกฺกนฺตา, ตสฺมา ราชทณฺฑํ เต กริสฺสามี’’ติ วุเตฺต, เทว, มยา ตว อาณา นาติกฺกนฺตา, อนตฺถงฺคเต เอว สูริเย อหํ อิธาคโตติฯ ตตฺถ โก เต สกฺขีติ? โส ตสฺส สูลาวุตสฺส ปุริสสฺส สนฺติเก อาคจฺฉนฺตํ นคฺคเปตํ ‘‘สกฺขี’’ติ นิทฺทิสิตฺวา ‘‘กถเมตํ อเมฺหหิ สทฺธาตพฺพ’’นฺติ รญฺญา วุเตฺต ‘‘อชฺช รตฺติยํ ตุเมฺหหิ สทฺธาตพฺพํ ปุริสํ มยา สทฺธิํ เปเสถา’’ติ อาหฯ ตํ สุตฺวา ราชา สยเมว เตน สทฺธิํ ตตฺถ คนฺตฺวา ฐิโต เปเตน จ ตตฺถาคนฺตฺวา ‘‘ชีว, โภ, ชีวิตเมว เสโยฺย’’ติ วุเตฺต ตํ ‘‘เสยฺยา นิสชฺชา นยิมสฺส อตฺถี’’ติอาทินา ปญฺจหิ คาถาหิ ปฎิปุจฺฉิฯ อิทานิ อาทิโต ปน ‘‘เวสาลิ นาม นครตฺถิ วชฺชีน’’นฺติ คาถา ตาสํ สมฺพนฺธทสฺสนตฺถํ สงฺคีติกาเรหิ ฐปิตา –

    So tattha aruṇavaṇṇamattikaṃ rattuppalāni ca gahetvā anatthaṅgateyeva sūriye nagaradvāraṃ sampāpuṇi. Taṃ disvā dvārapālo tassa viravantasseva dvāraṃ thakesi. So thakite dvāre pavesanaṃ alabhanto dvārasamīpe sūle āropitaṃ purisaṃ disvā ‘‘ete mayi anatthaṅgate eva sūriye āgate viravante evaṃ dvāraṃ thakesuṃ. ‘Ahaṃ kāleyeva āgato, mama dāso natthī’ti tayāpi ñātaṃ hotū’’ti sakkhimakāsi. Taṃ sutvā so āha ‘‘ahaṃ sūle āvuto vajjho maraṇābhimukho, kathaṃ tava sakkhi homi. Eko panettha peto mahiddhiko mama samīpaṃ āgamissati, taṃ sakkhiṃ karohī’’ti. ‘‘Kathaṃ pana so mayā daṭṭhabbo’’ti? Idheva tvaṃ tiṭṭha, ‘‘sayameva dakkhissasī’’ti. So tattha ṭhito majjhimayāme taṃ petaṃ āgataṃ disvā sakkhiṃ akāsi. Vibhātāya ca rattiyā raññā ‘‘mama āṇā tayā atikkantā, tasmā rājadaṇḍaṃ te karissāmī’’ti vutte, deva, mayā tava āṇā nātikkantā, anatthaṅgate eva sūriye ahaṃ idhāgatoti. Tattha ko te sakkhīti? So tassa sūlāvutassa purisassa santike āgacchantaṃ naggapetaṃ ‘‘sakkhī’’ti niddisitvā ‘‘kathametaṃ amhehi saddhātabba’’nti raññā vutte ‘‘ajja rattiyaṃ tumhehi saddhātabbaṃ purisaṃ mayā saddhiṃ pesethā’’ti āha. Taṃ sutvā rājā sayameva tena saddhiṃ tattha gantvā ṭhito petena ca tatthāgantvā ‘‘jīva, bho, jīvitameva seyyo’’ti vutte taṃ ‘‘seyyā nisajjā nayimassa atthī’’tiādinā pañcahi gāthāhi paṭipucchi. Idāni ādito pana ‘‘vesāli nāma nagaratthi vajjīna’’nti gāthā tāsaṃ sambandhadassanatthaṃ saṅgītikārehi ṭhapitā –

    ๕๑๗.

    517.

    ‘‘เวสาลี นาม นครตฺถิ วชฺชีนํ, ตตฺถ อหุ ลิจฺฉวิ อมฺพสกฺกโร;

    ‘‘Vesālī nāma nagaratthi vajjīnaṃ, tattha ahu licchavi ambasakkaro;

    ทิสฺวาน เปตํ นครสฺส พาหิรํ, ตเตฺถว ปุจฺฉิตฺถ ตํ การณตฺถิโกฯ

    Disvāna petaṃ nagarassa bāhiraṃ, tattheva pucchittha taṃ kāraṇatthiko.

    ๕๑๘.

    518.

    ‘‘เสยฺยา นิสชฺชา นยิมสฺส อตฺถิ, อภิกฺกโม นตฺถิ ปฎิกฺกโม จ;

    ‘‘Seyyā nisajjā nayimassa atthi, abhikkamo natthi paṭikkamo ca;

    อสิตปีตขายิตวตฺถโภคา, ปริจารณา สาปิ อิมสฺส นตฺถิฯ

    Asitapītakhāyitavatthabhogā, paricāraṇā sāpi imassa natthi.

    ๕๑๙.

    519.

    ‘‘เย ญาตกา ทิฎฺฐสุตา สุหชฺชา, อนุกมฺปกา ยสฺส อเหสุํ ปุเพฺพ;

    ‘‘Ye ñātakā diṭṭhasutā suhajjā, anukampakā yassa ahesuṃ pubbe;

    ทฎฺฐุมฺปิ เต ทานิ น ตํ ลภนฺติ, วิราชิตโต หิ ชเนน เตนฯ

    Daṭṭhumpi te dāni na taṃ labhanti, virājitato hi janena tena.

    ๕๒๐.

    520.

    ‘‘น โอคฺคตตฺตสฺส ภวนฺติ มิตฺตา, ชหนฺติ มิตฺตา วิกลํ วิทิตฺวา;

    ‘‘Na oggatattassa bhavanti mittā, jahanti mittā vikalaṃ viditvā;

    อตฺถญฺจ ทิสฺวา ปริวารยนฺติ, พหู มิตฺตา อุคฺคตตฺตสฺส โหนฺติฯ

    Atthañca disvā parivārayanti, bahū mittā uggatattassa honti.

    ๕๒๑.

    521.

    ‘‘นิหีนโตฺต สพฺพโภเคหิ กิโจฺฉ, สมฺมกฺขิโต สมฺปริภินฺนคโตฺต;

    ‘‘Nihīnatto sabbabhogehi kiccho, sammakkhito samparibhinnagatto;

    อุสฺสาวพินฺทูว ปลิมฺปมานา, อชฺช สุเว ชีวิตสฺสูปโรโธฯ

    Ussāvabindūva palimpamānā, ajja suve jīvitassūparodho.

    ๕๒๒.

    522.

    ‘‘เอตาทิสํ อุตฺตมกิจฺฉปฺปตฺตํ,

    ‘‘Etādisaṃ uttamakicchappattaṃ,

    อุตฺตาสิตํ ปุจิมนฺทสฺส สูเล;

    Uttāsitaṃ pucimandassa sūle;

    อถ ตฺวํ เกน วเณฺณน วเทสิ ยกฺข,

    Atha tvaṃ kena vaṇṇena vadesi yakkha,

    ‘ชีว โภ ชีวิตเมว เสโยฺย’’’ติฯ

    ‘Jīva bho jīvitameva seyyo’’’ti.

    ๕๑๗. ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺสํ เวสาลิยํฯ นครสฺส พาหิรนฺติ นครสฺส พหิ ภวํ, เวสาลินครสฺส พหิ เอว ชาตํ ปวตฺตํ สมฺพนฺธํฯ ตเตฺถวาติ ยตฺถ ตํ ปสฺสิ, ตเตฺถว ฐาเนฯ นฺติ ตํ เปตํฯ การณตฺถิโกติ ‘‘ชีว, โภ, ชีวิตเมว เสโยฺย’’ติ วุตฺตอตฺถสฺส การเณน อตฺถิโก หุตฺวาฯ

    517. Tattha tatthāti tassaṃ vesāliyaṃ. Nagarassa bāhiranti nagarassa bahi bhavaṃ, vesālinagarassa bahi eva jātaṃ pavattaṃ sambandhaṃ. Tatthevāti yattha taṃ passi, tattheva ṭhāne. Tanti taṃ petaṃ. Kāraṇatthikoti ‘‘jīva, bho, jīvitameva seyyo’’ti vuttaatthassa kāraṇena atthiko hutvā.

    ๕๑๘. เสยฺยา นิสชฺชา นยิมสฺส อตฺถีติ ปิฎฺฐิปสารณลกฺขณา เสยฺยา, ปลฺลงฺกาภุชนลกฺขณา นิสชฺชา จ อิมสฺส สูเล อาโรปิตปุคฺคลสฺส นตฺถิฯ อภิกฺกโม นตฺถิ ปฎิกฺกโม จาติ อภิกฺกมาทิลกฺขณํ อปฺปมตฺตกมฺปิ คมนํ อิมสฺส นตฺถิฯ ปริจาริกา สาปีติ ยา อสิตปีตขายิตวตฺถปริโภคาทิลกฺขณา อินฺทฺริยานํ ปริจารณา, สาปิ อิมสฺส นตฺถิฯ ‘‘ปริหรณา สาปี’’ติ วา ปาโฐ, อสิตาทิปริโภควเสน อินฺทฺริยานํ ปริหรณา, สาปิ อิมสฺส นตฺถิ วิคตชีวิตตฺตาติ อโตฺถฯ ‘‘ปริจารณา สาปี’’ติ เกจิ ปฐนฺติฯ

    518.Seyyā nisajjā nayimassa atthīti piṭṭhipasāraṇalakkhaṇā seyyā, pallaṅkābhujanalakkhaṇā nisajjā ca imassa sūle āropitapuggalassa natthi. Abhikkamo natthi paṭikkamo cāti abhikkamādilakkhaṇaṃ appamattakampi gamanaṃ imassa natthi. Paricārikā sāpīti yā asitapītakhāyitavatthaparibhogādilakkhaṇā indriyānaṃ paricāraṇā, sāpi imassa natthi. ‘‘Pariharaṇā sāpī’’ti vā pāṭho, asitādiparibhogavasena indriyānaṃ pariharaṇā, sāpi imassa natthi vigatajīvitattāti attho. ‘‘Paricāraṇā sāpī’’ti keci paṭhanti.

    ๕๑๙. ทิฎฺฐสุตา สุหชฺชา, อนุกมฺปกา ยสฺส อเหสุํ ปุเพฺพติ สนฺทิฎฺฐสหายา เจว อทิฎฺฐสหายา จ ยสฺส มิตฺตา อนุทฺทยาวโนฺต เย อสฺส อิมสฺส ปุเพฺพ อเหสุํฯ ทฎฺฐุมฺปีติ ปสฺสิตุมฺปิ น ลภนฺติ, กุโต สห วสิตุนฺติ อโตฺถฯ วิราชิตโตฺตติ ปริจฺจตฺตสภาโวฯ ชเนน เตนาติ เตน ญาติอาทิชเนนฯ

    519.Diṭṭhasutā suhajjā, anukampakā yassa ahesuṃ pubbeti sandiṭṭhasahāyā ceva adiṭṭhasahāyā ca yassa mittā anuddayāvanto ye assa imassa pubbe ahesuṃ. Daṭṭhumpīti passitumpi na labhanti, kuto saha vasitunti attho. Virājitattoti pariccattasabhāvo. Janena tenāti tena ñātiādijanena.

    ๕๒๐. น โอคฺคตตฺตสฺส ภวนฺติ มิตฺตาติ อปคตวิญฺญาณสฺส มตสฺส มิตฺตา นาม น โหนฺติ ตสฺส มิเตฺตหิ กาตพฺพกิจฺจสฺส อติกฺกนฺตตฺตาฯ ชหนฺติ มิตฺตา วิกลํ วิทิตฺวาติ มโต ตาว ติฎฺฐตุ, ชีวนฺตมฺปิ โภควิกลํ ปุริสํ วิทิตฺวา ‘‘น อิโต กิญฺจิ คยฺหูปค’’นฺติ มิตฺตา ปชหนฺติฯ อตฺถญฺจ ทิสฺวา ปริวารยนฺตีติ ตสฺส ปน สนฺตกํ อตฺถํ ธนํ ทิสฺวา ปิยวาทิโน มุขุโลฺลกิกา หุตฺวา ตํ ปริวาเรนฺติฯ พหู มิตฺตา อุคฺคตตฺตสฺส โหนฺตีติ วิภวสมฺปตฺติยา อุคฺคตสภาวสฺส สมิทฺธสฺส พหู อเนกา มิตฺตา โหนฺติ, อยํ โลกิยสภาโวติ อโตฺถฯ

    520.Na oggatattassa bhavanti mittāti apagataviññāṇassa matassa mittā nāma na honti tassa mittehi kātabbakiccassa atikkantattā. Jahanti mittā vikalaṃ viditvāti mato tāva tiṭṭhatu, jīvantampi bhogavikalaṃ purisaṃ viditvā ‘‘na ito kiñci gayhūpaga’’nti mittā pajahanti. Atthañca disvā parivārayantīti tassa pana santakaṃ atthaṃ dhanaṃ disvā piyavādino mukhullokikā hutvā taṃ parivārenti. Bahū mittā uggatattassa hontīti vibhavasampattiyā uggatasabhāvassa samiddhassa bahū anekā mittā honti, ayaṃ lokiyasabhāvoti attho.

    ๕๒๑. นิหีนโตฺต สพฺพโภเคหีติ สเพฺพหิ อุปโภคปริโภควตฺถูหิ ปริหีนโตฺตฯ กิโจฺฉติ ทุกฺขิโตฯ สมฺมกฺขิโตติ รุหิเรหิ สมฺมกฺขิตสรีโรฯ สมฺปริภินฺนคโตฺตติ สูเลน อพฺภนฺตเร วิทาลิตคโตฺตฯ อุสฺสาวพินฺทูว ปลิมฺปมาโนติ ติณเคฺค ลิมฺปมานอุสฺสาวพินฺทุสทิโสฯ อชฺช สุเวติ อชฺช วา สุเว วา อิมสฺส นาม ปุริสสฺส ชีวิตสฺส อุปโรโธ นิโรโธ, ตโต อุทฺธํ นปฺปวตฺตตีติ อโตฺถฯ

    521.Nihīnatto sabbabhogehīti sabbehi upabhogaparibhogavatthūhi parihīnatto. Kicchoti dukkhito. Sammakkhitoti ruhirehi sammakkhitasarīro. Samparibhinnagattoti sūlena abbhantare vidālitagatto. Ussāvabindūva palimpamānoti tiṇagge limpamānaussāvabindusadiso. Ajja suveti ajja vā suve vā imassa nāma purisassa jīvitassa uparodho nirodho, tato uddhaṃ nappavattatīti attho.

    ๕๒๒. อุตฺตาสิตนฺติ อาวุตํ อาโรปิตํฯ ปุจิมนฺทสฺส สูเลติ นิมฺพรุกฺขสฺส ทเณฺฑน กตสูเล ฯ เกน วเณฺณนาติ เกน การเณนฯ ชีว, โภ, ชีวิตเมว เสโยฺยติ, โภ ปุริส, ชีวฯ กสฺมา? สูลํ อาโรปิตสฺสาปิ หิ เต อิธ ชีวิตเมว อิโต จุตสฺส ชีวิตโต สตภาเคน สหสฺสภาเคน เสโยฺย สุนฺทรตโรติฯ

    522.Uttāsitanti āvutaṃ āropitaṃ. Pucimandassa sūleti nimbarukkhassa daṇḍena katasūle . Kena vaṇṇenāti kena kāraṇena. Jīva, bho, jīvitameva seyyoti, bho purisa, jīva. Kasmā? Sūlaṃ āropitassāpi hi te idha jīvitameva ito cutassa jīvitato satabhāgena sahassabhāgena seyyo sundarataroti.

    เอวํ เตน รญฺญา ปุจฺฉิโต โส เปโต อตฺตโน อธิปฺปายํ ปกาเสโนฺต –

    Evaṃ tena raññā pucchito so peto attano adhippāyaṃ pakāsento –

    ๕๒๓.

    523.

    ‘‘สาโลหิโต เอส อโหสิ มยฺหํ, อหํ สรามิ ปุริมาย ชาติยา;

    ‘‘Sālohito esa ahosi mayhaṃ, ahaṃ sarāmi purimāya jātiyā;

    ทิสฺวา จ เม การุญฺญมโหสิ ราช, มา ปาปธโมฺม นิรยํ ปตายํฯ

    Disvā ca me kāruññamahosi rāja, mā pāpadhammo nirayaṃ patāyaṃ.

    ๕๒๔.

    524.

    ‘‘อิโต จุโต ลิจฺฉวิ เอส โปโส, สตฺถุสฺสทํ นิรยํ โฆรรูปํ;

    ‘‘Ito cuto licchavi esa poso, satthussadaṃ nirayaṃ ghorarūpaṃ;

    อุปปชฺชติ ทุกฺกฎกมฺมการี, มหาภิตาปํ กฎุกํ ภยานกํฯ

    Upapajjati dukkaṭakammakārī, mahābhitāpaṃ kaṭukaṃ bhayānakaṃ.

    ๕๒๕.

    525.

    ‘‘อเนกภาเคน คุเณน เสโยฺย, อยเมว สูโล นิรเยน เตน;

    ‘‘Anekabhāgena guṇena seyyo, ayameva sūlo nirayena tena;

    เอกนฺตทุกฺขํ กฎุกํ ภยานกํ, เอกนฺตติพฺพํ นิรยํ ปตายํฯ

    Ekantadukkhaṃ kaṭukaṃ bhayānakaṃ, ekantatibbaṃ nirayaṃ patāyaṃ.

    ๕๒๖.

    526.

    ‘‘อิทญฺจ สุตฺวา วจนํ มเมโส, ทุกฺขูปนีโต วิชเหยฺย ปาณํ;

    ‘‘Idañca sutvā vacanaṃ mameso, dukkhūpanīto vijaheyya pāṇaṃ;

    ตสฺมา อหํ สนฺติเก น ภณามิ, มา เมกโต ชีวิตสฺสูปโรโธ’’ติฯ –

    Tasmā ahaṃ santike na bhaṇāmi, mā mekato jīvitassūparodho’’ti. –

    จตโสฺส คาถา อภาสิฯ

    Catasso gāthā abhāsi.

    ๕๒๓. ตตฺถ สาโลหิโต สมานโลหิโต โยนิสมฺพเนฺธน สมฺพโนฺธ, ญาตโกติ อโตฺถฯ ปุริมาย ชาติยาติ ปุริมตฺตภาเวฯ มา ปาปธโมฺม นิรยํ ปตายนฺติ อยํ ปาปธโมฺม ปุริโส นิรยํ มา ปติ, มา นิรยํ อุปปชฺชีติ อิมํ ทิสฺวา เม การุญฺญํ อโหสีติ โยชนาฯ

    523. Tattha sālohito samānalohito yonisambandhena sambandho, ñātakoti attho. Purimāya jātiyāti purimattabhāve. Mā pāpadhammo nirayaṃ patāyanti ayaṃ pāpadhammo puriso nirayaṃ mā pati, mā nirayaṃ upapajjīti imaṃ disvā me kāruññaṃ ahosīti yojanā.

    ๕๒๔. สตฺตุสฺสทนฺติ ปาปการีหิ สเตฺตหิ อุสฺสนฺนํ, อถ วา ปญฺจวิธพนฺธนํ, มุเข ตตฺตโลหเสจนํ, องฺคารปพฺพตาโรปนํ, โลหกุมฺภิปเกฺขปนํ, อสิปตฺตวนปฺปเวสนํ, เวตฺตรณิยํ สโมตรณํ, มหานิรเย ปเกฺขโปติฯ อิเมหิ สตฺตหิ ปญฺจวิธพนฺธนาทีหิ ทารุณการเณหิ อุสฺสนฺนํ, อุปรูปริ นิจิตนฺติ อโตฺถฯ มหาภิตาปนฺติ มหาทุกฺขํ, มหาอคฺคิสนฺตาปํ วาฯ กฎุกนฺติ อนิฎฺฐํฯ ภยานกนฺติ ภยชนกํฯ

    524.Sattussadanti pāpakārīhi sattehi ussannaṃ, atha vā pañcavidhabandhanaṃ, mukhe tattalohasecanaṃ, aṅgārapabbatāropanaṃ, lohakumbhipakkhepanaṃ, asipattavanappavesanaṃ, vettaraṇiyaṃ samotaraṇaṃ, mahāniraye pakkhepoti. Imehi sattahi pañcavidhabandhanādīhi dāruṇakāraṇehi ussannaṃ, uparūpari nicitanti attho. Mahābhitāpanti mahādukkhaṃ, mahāaggisantāpaṃ vā. Kaṭukanti aniṭṭhaṃ. Bhayānakanti bhayajanakaṃ.

    ๕๒๕. อเนกภาเคน คุเณนาติ อเนกโกฎฺฐาเสน อานิสํเสนฯ อยเมว สูโล นิรเยน เตนาติ ตโต อิมสฺส อุปฺปตฺติฎฺฐานภูตโต นิรยโต อยเมว สูโล เสโยฺยติฯ นิสฺสเกฺก หิ อิทํ กรณวจนํฯ เอกนฺต ติพฺพนฺติ เอกเนฺตเนว ติขิณทุกฺขํ, นิยตมหาทุกฺขนฺติ อโตฺถฯ

    525.Anekabhāgenaguṇenāti anekakoṭṭhāsena ānisaṃsena. Ayameva sūlo nirayena tenāti tato imassa uppattiṭṭhānabhūtato nirayato ayameva sūlo seyyoti. Nissakke hi idaṃ karaṇavacanaṃ. Ekanta tibbanti ekanteneva tikhiṇadukkhaṃ, niyatamahādukkhanti attho.

    ๕๒๖. อิทญฺจ สุตฺวา วจนํ มเมโสติ ‘‘อิโต จุโต’’ติอาทินา วุตฺตํ มม วจนํ สุตฺวา เอโส ปุริโส ทุกฺขูปนีโต มม วจเนน นิรยทุกฺขํ อุปนีโต วิย หุตฺวาฯ วิชเหยฺย ปาณนฺติ อตฺตโน ชีวิตํ ปริจฺจเชยฺยฯ ตสฺมาติ เตน การเณนฯ มา เมกโตติ ‘‘มยา เอกโต อิมสฺส ปุริสสฺส ชีวิตสฺส อุปโรโธ มา โหตู’’ติ อิมสฺส สนฺติเก อิทํ วจนํ อหํ น ภณามิ, อถ โข ‘‘ชีว, โภ, ชีวิตเมว เสโยฺย’’ติ อิทเมว ภณามีติ อธิปฺปาโยฯ

    526.Idañca sutvā vacanaṃ mamesoti ‘‘ito cuto’’tiādinā vuttaṃ mama vacanaṃ sutvā eso puriso dukkhūpanīto mama vacanena nirayadukkhaṃ upanīto viya hutvā. Vijaheyya pāṇanti attano jīvitaṃ pariccajeyya. Tasmāti tena kāraṇena. Mā mekatoti ‘‘mayā ekato imassa purisassa jīvitassa uparodho mā hotū’’ti imassa santike idaṃ vacanaṃ ahaṃ na bhaṇāmi, atha kho ‘‘jīva, bho, jīvitameva seyyo’’ti idameva bhaṇāmīti adhippāyo.

    เอวํ เปเตน อตฺตโน อธิปฺปาเย ปกาสิเต ปุน ราชา เปตสฺส ปวตฺติํ ปุจฺฉิตุํ โอกาสํ กโรโนฺต อิมํ คาถมาห –

    Evaṃ petena attano adhippāye pakāsite puna rājā petassa pavattiṃ pucchituṃ okāsaṃ karonto imaṃ gāthamāha –

    ๕๒๗.

    527.

    ‘‘อญฺญาโต เอโส ปุริสสฺส อโตฺถ, อญฺญมฺปิ อิจฺฉามเส ปุจฺฉิตุํ ตุวํ;

    ‘‘Aññāto eso purisassa attho, aññampi icchāmase pucchituṃ tuvaṃ;

    โอกาสกมฺมํ สเจ โน กโรสิ, ปุจฺฉาม ตํ โน น จ กุชฺฌิตพฺพ’’นฺติฯ

    Okāsakammaṃ sace no karosi, pucchāma taṃ no na ca kujjhitabba’’nti.

    ๕๒๘.

    528.

    ‘‘อทฺธา ปฎิญฺญา เม ตทา อหุ, นาจิกฺขณา อปฺปสนฺนสฺส โหติ;

    ‘‘Addhā paṭiññā me tadā ahu, nācikkhaṇā appasannassa hoti;

    อกามา สเทฺธยฺยวโจติ กตฺวา, ปุจฺฉสฺสุ มํ กามํ ยถา วิสยฺห’’นฺติฯ –

    Akāmā saddheyyavacoti katvā, pucchassu maṃ kāmaṃ yathā visayha’’nti. –

    อิมา รโญฺญ เปตสฺส จ วจนปฎิวจนคาถาฯ

    Imā rañño petassa ca vacanapaṭivacanagāthā.

    ๕๒๗. ตตฺถ อญฺญาโตติ อวคโตฯ อิจฺฉามเสติ อิจฺฉามฯ โนติ อมฺหากํฯ น จ กุชฺฌิตพฺพนฺติ ‘‘อิเม มนุสฺสา ยํกิญฺจิ ปุจฺฉนฺตี’’ติ โกโธ น กาตโพฺพฯ

    527. Tattha aññātoti avagato. Icchāmaseti icchāma. Noti amhākaṃ. Na ca kujjhitabbanti ‘‘ime manussā yaṃkiñci pucchantī’’ti kodho na kātabbo.

    ๕๒๘. อทฺธาติ เอกํเสนฯ ปฎิญฺญา เมติ ญาณวเสน มยฺหํ ‘‘ปุจฺฉสฺสู’’ติ ปฎิญฺญา, โอกาสทานนฺติ อโตฺถฯ ตทา อหูติ ตสฺมิํ กาเล ปฐมทสฺสเน อโหสิฯ นาจิกฺขณา อปฺปสนฺนสฺส โหตีติ อกถนา อปฺปสนฺนสฺส โหติฯ ปสโนฺน เอว หิ ปสนฺนสฺส กิญฺจิ กเถติฯ ตฺวํ ปน ตทา มยิ อปฺปสโนฺน, อหญฺจ ตยิ, เตน ปฎิชานิตฺวา กเถตุกาโม นาโหสิฯ อิทานิ ปนาหํ ตุยฺหํ อกามา สเทฺธยฺยวโจ อกาโม เอว สทฺธาตพฺพวจโน อิติ กตฺวา อิมินา การเณน ฯ ปุจฺฉสฺสุ มํ กามํ ยถา วิสยฺหนฺติ ตฺวํ ยถา อิจฺฉสิ, ตมตฺถํ มํ ปุจฺฉสฺสุฯ อหํ ปน ยถา วิสยฺหํ ยถา มยฺหํ สหิตุํ สกฺกา, ตถา อตฺตโน ญาณพลานุรูปํ กเถสฺสามีติ อธิปฺปาโยฯ

    528.Addhāti ekaṃsena. Paṭiññā meti ñāṇavasena mayhaṃ ‘‘pucchassū’’ti paṭiññā, okāsadānanti attho. Tadā ahūti tasmiṃ kāle paṭhamadassane ahosi. Nācikkhaṇā appasannassa hotīti akathanā appasannassa hoti. Pasanno eva hi pasannassa kiñci katheti. Tvaṃ pana tadā mayi appasanno, ahañca tayi, tena paṭijānitvā kathetukāmo nāhosi. Idāni panāhaṃ tuyhaṃ akāmā saddheyyavaco akāmo eva saddhātabbavacano iti katvā iminā kāraṇena . Pucchassumaṃ kāmaṃ yathā visayhanti tvaṃ yathā icchasi, tamatthaṃ maṃ pucchassu. Ahaṃ pana yathā visayhaṃ yathā mayhaṃ sahituṃ sakkā, tathā attano ñāṇabalānurūpaṃ kathessāmīti adhippāyo.

    เอวํ เปเตน ปุจฺฉนาย โอกาเส กเต ราชา –

    Evaṃ petena pucchanāya okāse kate rājā –

    ๕๒๙.

    529.

    ‘‘ยํ กิญฺจหํ จกฺขุนา ปสฺสิสามิ,

    ‘‘Yaṃ kiñcahaṃ cakkhunā passisāmi,

    สพฺพมฺปิ ตาหํ อภิสทฺทเหยฺยํ;

    Sabbampi tāhaṃ abhisaddaheyyaṃ;

    ทิสฺวาว ตํ โนปิ เจ สทฺทเหยฺยํ,

    Disvāva taṃ nopi ce saddaheyyaṃ,

    กเรยฺยาสิ เม ยกฺข นิยสฺสกมฺม’’นฺติฯ –

    Kareyyāsi me yakkha niyassakamma’’nti. –

    คาถมาหฯ ตสฺสโตฺถ – อหํ ยํ กิญฺจิเทว จกฺขุนา ปสฺสิสฺสามิ, ตํ สพฺพมฺปิ ตเถว อหํ อภิสทฺทเหยฺยํ, ตํ ปน ทิสฺวาว ตํ วจนํ โนปิ เจ สทฺทเหยฺยํฯ ยกฺข, มยฺหํ นิยสฺสกมฺมํ นิคฺคหกมฺมํ กเรยฺยาสีติฯ อถ วา ยํ กิญฺจหํ จกฺขุนา ปสฺสิสฺสามีติ อหํ ยํ กิญฺจิเทว จกฺขุนา ปสฺสิสฺสามิ อจกฺขุโคจรสฺส อทสฺสนโตฯ สพฺพมฺปิ ตาหํ อภิสทฺทเหยฺยนฺติ สพฺพมฺปิ เต อหํ ทิฎฺฐํ สุตํ อญฺญํ วา อภิสทฺทเหยฺยํฯ ตาทิโส หิ มยฺหํ ตยิ อภิปฺปสาโทติ อธิปฺปาโยฯ ปจฺฉิมปทสฺส ปน ยถาวุโตฺตว อโตฺถฯ

    Gāthamāha. Tassattho – ahaṃ yaṃ kiñcideva cakkhunā passissāmi, taṃ sabbampi tatheva ahaṃ abhisaddaheyyaṃ, taṃ pana disvāva taṃ vacanaṃ nopi ce saddaheyyaṃ. Yakkha, mayhaṃ niyassakammaṃ niggahakammaṃ kareyyāsīti. Atha vā yaṃ kiñcahaṃ cakkhunā passissāmīti ahaṃ yaṃ kiñcideva cakkhunā passissāmi acakkhugocarassa adassanato. Sabbampi tāhaṃ abhisaddaheyyanti sabbampi te ahaṃ diṭṭhaṃ sutaṃ aññaṃ vā abhisaddaheyyaṃ. Tādiso hi mayhaṃ tayi abhippasādoti adhippāyo. Pacchimapadassa pana yathāvuttova attho.

    ตํ สุตฺวา เปโต –

    Taṃ sutvā peto –

    ๕๓๐.

    530.

    ‘‘สจฺจปฺปฎิญฺญา ตว เมสา โหตุ, สุตฺวาน ธมฺมํ ลภ สุปฺปสาทํ;

    ‘‘Saccappaṭiññā tava mesā hotu, sutvāna dhammaṃ labha suppasādaṃ;

    อญฺญตฺถิโก โน จ ปทุฎฺฐจิโตฺต, ยํ เต สุตํ อสุตญฺจาปิ ธมฺมํ;

    Aññatthiko no ca paduṭṭhacitto, yaṃ te sutaṃ asutañcāpi dhammaṃ;

    สพฺพมฺปิ อกฺขิสฺสํ ยถา ปชาน’’นฺติฯ – คาถมาห ; อิโต ปรํ –

    Sabbampi akkhissaṃ yathā pajāna’’nti. – gāthamāha ; Ito paraṃ –

    ๕๓๑.

    531.

    ‘‘เสเตน อเสฺสน อลงฺกเตน, อุปยาสิ สูลาวุตกสฺส สนฺติเก;

    ‘‘Setena assena alaṅkatena, upayāsi sūlāvutakassa santike;

    ยานํ อิทํ อพฺภุตํ ทสฺสเนยฺยํ, กิเสฺสตํ กมฺมสฺส อยํ วิปาโกติฯ

    Yānaṃ idaṃ abbhutaṃ dassaneyyaṃ, kissetaṃ kammassa ayaṃ vipākoti.

    ๕๓๒.

    532.

    ‘‘เวสาลิยา นครสฺส มเชฺฌ, จิกฺขลฺลมเคฺค นรกํ อโหสิ;

    ‘‘Vesāliyā nagarassa majjhe, cikkhallamagge narakaṃ ahosi;

    โคสีสเมกาหํ ปสนฺนจิโตฺต, เสตํ คเหตฺวา นรกสฺมิํ นิกฺขิปิํฯ

    Gosīsamekāhaṃ pasannacitto, setaṃ gahetvā narakasmiṃ nikkhipiṃ.

    ๕๓๓.

    533.

    ‘‘เอตสฺมิํ ปาทานิ ปติฎฺฐเปตฺวา, มยญฺจ อเญฺญ จ อติกฺกมิมฺหา;

    ‘‘Etasmiṃ pādāni patiṭṭhapetvā, mayañca aññe ca atikkamimhā;

    ยานํ อิทํ อพฺภุตํ ทสฺสเนยฺยํ, ตเสฺสว กมฺมสฺส อยํ วิปาโกติฯ

    Yānaṃ idaṃ abbhutaṃ dassaneyyaṃ, tasseva kammassa ayaṃ vipākoti.

    ๕๓๔.

    534.

    ‘‘วโณฺณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสติ, คโนฺธ จ เต สพฺพทิสา ปวายติ;

    ‘‘Vaṇṇo ca te sabbadisā pabhāsati, gandho ca te sabbadisā pavāyati;

    ยกฺขิทฺธิปโตฺตสิ มหานุภาโว, นโคฺค จาสิ กิสฺส อยํ วิปาโกติฯ

    Yakkhiddhipattosi mahānubhāvo, naggo cāsi kissa ayaṃ vipākoti.

    ๕๓๕.

    535.

    ‘‘อโกฺกธโน นิจฺจปสนฺนจิโตฺต, สณฺหาหิ วาจาหิ ชนํ อุเปมิ;

    ‘‘Akkodhano niccapasannacitto, saṇhāhi vācāhi janaṃ upemi;

    ตเสฺสว กมฺมสฺส อยํ วิปาโก, ทิโพฺพ เม วโณฺณ สตตํ ปภาสติฯ

    Tasseva kammassa ayaṃ vipāko, dibbo me vaṇṇo satataṃ pabhāsati.

    ๕๓๖.

    536.

    ‘‘ยสญฺจ กิตฺติญฺจ ธเมฺม ฐิตานํ, ทิสฺวาน มเนฺตมิ ปสนฺนจิโตฺต;

    ‘‘Yasañca kittiñca dhamme ṭhitānaṃ, disvāna mantemi pasannacitto;

    ตเสฺสว กมฺมสฺส อยํ วิปาโก, ทิโพฺพ เม คโนฺธ สตตํ ปวายติฯ

    Tasseva kammassa ayaṃ vipāko, dibbo me gandho satataṃ pavāyati.

    ๕๓๗.

    537.

    ‘‘สหายานํ ติตฺถสฺมิํ นฺหายนฺตานํ, ถเล คเหตฺวา นิทหิสฺส ทุสฺสํ;

    ‘‘Sahāyānaṃ titthasmiṃ nhāyantānaṃ, thale gahetvā nidahissa dussaṃ;

    ขิฑฺฑตฺถิโก โน จ ปทุฎฺฐจิโตฺต, เตนมฺหิ นโคฺค กสิรา จ วุตฺตีติฯ

    Khiḍḍatthiko no ca paduṭṭhacitto, tenamhi naggo kasirā ca vuttīti.

    ๕๓๘.

    538.

    ‘‘โย กีฬมาโน ปกโรติ ปาปํ, ตเสฺสทิสํ กมฺมวิปากมาหุ;

    ‘‘Yo kīḷamāno pakaroti pāpaṃ, tassedisaṃ kammavipākamāhu;

    อกีฬมาโน ปน โย กโรติ, กิํ ตสฺส กมฺมสฺส วิปากมาหูติฯ

    Akīḷamāno pana yo karoti, kiṃ tassa kammassa vipākamāhūti.

    ๕๓๙.

    539.

    ‘‘เย ทุฎฺฐสงฺกปฺปมนา มนุสฺสา, กาเยน วาจาย จ สํกิลิฎฺฐา;

    ‘‘Ye duṭṭhasaṅkappamanā manussā, kāyena vācāya ca saṃkiliṭṭhā;

    กายสฺส เภทา อภิสมฺปรายํ, อสํสยํ เต นิรยํ อุเปนฺติฯ

    Kāyassa bhedā abhisamparāyaṃ, asaṃsayaṃ te nirayaṃ upenti.

    ๕๔๐.

    540.

    ‘‘อปเร ปน สุคติมาสมานา, ทาเน รตา สงฺคหิตตฺตภาวา;

    ‘‘Apare pana sugatimāsamānā, dāne ratā saṅgahitattabhāvā;

    กายสฺส เภทา อภิสมฺปรายํ, อสํสยํ เต สุคติํ อุเปนฺตี’’ติฯ –

    Kāyassa bhedā abhisamparāyaṃ, asaṃsayaṃ te sugatiṃ upentī’’ti. –

    เตสํ อุภินฺนํ วจนปฎิวจนคาถา โหนฺติฯ

    Tesaṃ ubhinnaṃ vacanapaṭivacanagāthā honti.

    ๕๓๐. ตตฺถ สจฺจปฺปฎิญฺญา ตว เมสา โหตูติ ‘‘สพฺพมฺปิ ตาหํ อภิสทฺทเหยฺย’’นฺติ ตว เอสา ปฎิญฺญา มยฺหํ สจฺจํ โหตุฯ สุตฺวาน ธมฺมํ ลภ สุปฺปสาทนฺติ มยา วุจฺจมานํ ธมฺมํ สุตฺวา สุนฺทรํ ปสาทํ ลภสฺสุฯ อญฺญตฺถิโกติ อาชานนตฺถิโกฯ ยถา ปชานนฺติ ยถา อโญฺญปิ ปชานโนฺต, ‘‘ยถาปิ ญาต’’นฺติ วา มยา ยถา ญาตนฺติ อโตฺถฯ

    530. Tattha saccappaṭiññā tava mesā hotūti ‘‘sabbampi tāhaṃ abhisaddaheyya’’nti tava esā paṭiññā mayhaṃ saccaṃ hotu. Sutvāna dhammaṃ labha suppasādanti mayā vuccamānaṃ dhammaṃ sutvā sundaraṃ pasādaṃ labhassu. Aññatthikoti ājānanatthiko. Yathā pajānanti yathā aññopi pajānanto, ‘‘yathāpi ñāta’’nti vā mayā yathā ñātanti attho.

    ๕๓๑. กิเสฺสตํ กมฺมสฺส อยํ วิปาโกติ กิเสฺสตํ กิสฺส นาม เอตํ, กิสฺส กมฺมสฺส อยํ วิปาโกฯ เอตนฺติ วา นิปาตมตฺตํ, กิสฺส กมฺมสฺสาติ โยชนาฯ ‘‘กิสฺส เต’’ติ จ เกจิ ปฐนฺติฯ

    531.Kissetaṃ kammassa ayaṃ vipākoti kissetaṃ kissa nāma etaṃ, kissa kammassa ayaṃ vipāko. Etanti vā nipātamattaṃ, kissa kammassāti yojanā. ‘‘Kissa te’’ti ca keci paṭhanti.

    ๕๓๒-๓๓. จิกฺขลฺลมเคฺคติ จิกฺขลฺลวติ ปถมฺหิฯ นรกนฺติ อาวาฎํฯ เอกาหนฺติ เอกํ อหํฯ นรกสฺมิํ นิกฺขิปินฺติ ยถา กทฺทโม น อกฺกมียติ, เอวํ ตสฺมิํ จิกฺขลฺลาวาเฎ ฐเปสิํฯ ตสฺสาติ ตสฺส โคสีเสน เสตุกรณสฺสฯ

    532-33.Cikkhallamaggeti cikkhallavati pathamhi. Narakanti āvāṭaṃ. Ekāhanti ekaṃ ahaṃ. Narakasmiṃ nikkhipinti yathā kaddamo na akkamīyati, evaṃ tasmiṃ cikkhallāvāṭe ṭhapesiṃ. Tassāti tassa gosīsena setukaraṇassa.

    ๕๓๖-๗. ธเมฺม ฐิตานนฺติ ธมฺมจารีนํ สมจารีนํฯ มเนฺตมีติ กเถมิ กิตฺตยามิฯ ขิฑฺฑตฺถิโกติ หสาธิปฺปาโยฯ โน จ ปทุฎฺฐจิโตฺตติ ทุสฺสสามิเก น ทูสิตจิโตฺต, น อวหรณาธิปฺปาโย นาปิ วินาสาธิปฺปาโยติ อโตฺถฯ

    536-7.Dhamme ṭhitānanti dhammacārīnaṃ samacārīnaṃ. Mantemīti kathemi kittayāmi. Khiḍḍatthikoti hasādhippāyo. No ca paduṭṭhacittoti dussasāmike na dūsitacitto, na avaharaṇādhippāyo nāpi vināsādhippāyoti attho.

    ๕๓๘. อกีฬมาโนติ อขิฑฺฑาธิปฺปาโย, โลภาทีหิ ทูสิตจิโตฺตฯ กิํ ตสฺส กมฺมสฺส วิปากมาหูติ ตสฺส ตถา กตสฺส ปาปกมฺมสฺส กีว กฎุกํ ทุกฺขวิปากํ ปณฺฑิตา อาหุฯ

    538.Akīḷamānoti akhiḍḍādhippāyo, lobhādīhi dūsitacitto. Kiṃ tassa kammassa vipākamāhūti tassa tathā katassa pāpakammassa kīva kaṭukaṃ dukkhavipākaṃ paṇḍitā āhu.

    ๕๓๙-๔๐. ทุฎฺฐสงฺกปฺปมนาติ กามสงฺกปฺปาทิวเสน ทูสิตมโนวิตกฺกา, เอเตน มโนทุจฺจริตมาหฯ กาเยน วาจาย จ สํกิลิฎฺฐาติ ปาณาติปาตาทิวเสน กายวาจาหิ มลินาฯ อาสมานาติ อาสีสมานา ปตฺถยมานาฯ

    539-40.Duṭṭhasaṅkappamanāti kāmasaṅkappādivasena dūsitamanovitakkā, etena manoduccaritamāha. Kāyena vācāya ca saṃkiliṭṭhāti pāṇātipātādivasena kāyavācāhi malinā. Āsamānāti āsīsamānā patthayamānā.

    เอวํ เปเตน สเงฺขเปเนว กมฺมผเลสุ วิภชิตฺวา ทสฺสิเตสุ ตํ อสทฺทหโนฺต ราชา –

    Evaṃ petena saṅkhepeneva kammaphalesu vibhajitvā dassitesu taṃ asaddahanto rājā –

    ๕๔๑.

    541.

    ‘‘ตํ กินฺติ ชาเนยฺยมหํ อเวจฺจ, กลฺยาณปาปสฺส อยํ วิปาโก;

    ‘‘Taṃ kinti jāneyyamahaṃ avecca, kalyāṇapāpassa ayaṃ vipāko;

    กิํ วาหํ ทิสฺวา อภิสทฺทเหยฺยํ, โก วาปิ มํ สทฺทหาเปยฺย เอต’’นฺติฯ –

    Kiṃ vāhaṃ disvā abhisaddaheyyaṃ, ko vāpi maṃ saddahāpeyya eta’’nti. –

    คาถมาหฯ ตตฺถ ตํ กินฺติ ชาเนยฺยมหํ อเวจฺจาติ โยยํ ตยา ‘‘เย ทุฎฺฐสงฺกปฺปมนา มนุสฺสา, กาเยน วาจาย จ สํกิลิฎฺฐา’’ติอาทินาฯ ‘‘อปเร ปน สุคติมาสมานา’’ติอาทินา จ กลฺยาณสฺส ปาปสฺส จ กมฺมสฺส วิปาโก วิภชิตฺวา วุโตฺต, ตํ กินฺติ เกน การเณน อหํ อเวจฺจ อปรปจฺจยภาเวน สทฺทเหยฺยํฯ กิํ วาหํ ทิสฺวา อภิสทฺทเหยฺยนฺติ กีทิสํ วา ปนาหํ ปจฺจกฺขภูตํ นิทสฺสนํ ทิสฺวา ปฎิสทฺทเหยฺยํฯ โก วาปิ มํ สทฺทหาเปยฺย เอตนฺติ โก วา วิญฺญู ปุริโส ปณฺฑิโต เอตมตฺถํ มํ สทฺทหาเปยฺย, ตํ กเถหีติ อโตฺถฯ

    Gāthamāha. Tattha taṃ kinti jāneyyamahaṃ aveccāti yoyaṃ tayā ‘‘ye duṭṭhasaṅkappamanā manussā, kāyena vācāya ca saṃkiliṭṭhā’’tiādinā. ‘‘Apare pana sugatimāsamānā’’tiādinā ca kalyāṇassa pāpassa ca kammassa vipāko vibhajitvā vutto, taṃ kinti kena kāraṇena ahaṃ avecca aparapaccayabhāvena saddaheyyaṃ. Kiṃ vāhaṃ disvā abhisaddaheyyanti kīdisaṃ vā panāhaṃ paccakkhabhūtaṃ nidassanaṃ disvā paṭisaddaheyyaṃ. Ko vāpi maṃ saddahāpeyya etanti ko vā viññū puriso paṇḍito etamatthaṃ maṃ saddahāpeyya, taṃ kathehīti attho.

    ตํ สุตฺวา เปโต การเณน ตมตฺถํ ตสฺส ปกาเสโนฺต –

    Taṃ sutvā peto kāraṇena tamatthaṃ tassa pakāsento –

    ๕๔๒.

    542.

    ‘‘ทิสฺวา จ สุตฺวา อภิสทฺทหสฺสุ, กลฺยาณปาปสฺส อยํ วิปาโก;

    ‘‘Disvā ca sutvā abhisaddahassu, kalyāṇapāpassa ayaṃ vipāko;

    กลฺยาณปาเป อุภเย อสเนฺต, สิยา นุ สตฺตา สุคตา ทุคฺคตา วาฯ

    Kalyāṇapāpe ubhaye asante, siyā nu sattā sugatā duggatā vā.

    ๕๔๓.

    543.

    ‘‘โน เจตฺถ กมฺมานิ กเรยฺยุํ มจฺจา, กลฺยาณปาปานิ มนุสฺสโลเก;

    ‘‘No cettha kammāni kareyyuṃ maccā, kalyāṇapāpāni manussaloke;

    นาเหสุํ สตฺตา สุคตา ทุคฺคตา วา, หีนา ปณีตา จ มนุสฺสโลเกฯ

    Nāhesuṃ sattā sugatā duggatā vā, hīnā paṇītā ca manussaloke.

    ๕๔๔.

    544.

    ‘‘ยสฺมา จ กมฺมานิ กโรนฺติ มจฺจา, กลฺยาณปาปานิ มนุสฺสโลเก;

    ‘‘Yasmā ca kammāni karonti maccā, kalyāṇapāpāni manussaloke;

    ตสฺมา หิ สตฺตา สุคตา ทุคฺคตา วา, หีนา ปณีตา จ มนุสฺสโลเกฯ

    Tasmā hi sattā sugatā duggatā vā, hīnā paṇītā ca manussaloke.

    ๕๔๕.

    545.

    ‘‘ทฺวยชฺช กมฺมานํ วิปากมาหุ, สุขสฺส ทุกฺขสฺส จ เวทนียํ;

    ‘‘Dvayajja kammānaṃ vipākamāhu, sukhassa dukkhassa ca vedanīyaṃ;

    ตา เทวตาโย ปริจารยนฺติ, ปเจฺจนฺติ พาลา ทฺวยตํ อปสฺสิโน’’ติฯ –

    Tā devatāyo paricārayanti, paccenti bālā dvayataṃ apassino’’ti. –

    คาถา อภาสิฯ

    Gāthā abhāsi.

    ๕๔๒. ตตฺถ ทิสฺวา จาติ ปจฺจกฺขโต ทิสฺวาปิฯ สุตฺวาติ ธมฺมํ สุตฺวา ตทนุสาเรน นยํ เนโนฺต อนุมินโนฺตฯ กลฺยาณปาปสฺสาติ กุสลสฺส อกุสลสฺส จ กมฺมสฺส อยํ สุโข อยํ ทุโกฺข จ วิปาโกติ อภิสทฺทหสฺสุฯ อุภเย อสเนฺตติ กลฺยาเณ ปาเป จาติ ทุวิเธ กเมฺม อวิชฺชมาเนฯ สิยา นุ สตฺตา สุคตา ทุคฺคตา วาติ ‘‘อิเม สตฺตา สุคติํ คตา ทุคฺคติํ คตา วา, สุคติยํ วา อฑฺฒา ทุคฺคติยํ ทลิทฺทา วา’’ติ อยมโตฺถ กิํ นุ สิยา กถํ สมฺภเวยฺยาติ อโตฺถฯ

    542. Tattha disvā cāti paccakkhato disvāpi. Sutvāti dhammaṃ sutvā tadanusārena nayaṃ nento anuminanto. Kalyāṇapāpassāti kusalassa akusalassa ca kammassa ayaṃ sukho ayaṃ dukkho ca vipākoti abhisaddahassu. Ubhaye asanteti kalyāṇe pāpe cāti duvidhe kamme avijjamāne. Siyā nu sattā sugatā duggatā vāti ‘‘ime sattā sugatiṃ gatā duggatiṃ gatā vā, sugatiyaṃ vā aḍḍhā duggatiyaṃ daliddā vā’’ti ayamattho kiṃ nu siyā kathaṃ sambhaveyyāti attho.

    ๕๔๓-๔. อิทานิ ยถาวุตฺตมตฺถํ ‘‘โน เจตฺถ กมฺมานี’’ติ จ ‘‘ยสฺมา จ กมฺมานี’’ติ จ คาถาทฺวเยน พฺยติเรกโต อนฺวยโต จ วิภาเวติฯ ตตฺถ หีนา ปณีตาติ กุลรูปาโรคฺยปริวาราทีหิ หีนา อุฬารา จฯ

    543-4. Idāni yathāvuttamatthaṃ ‘‘nocettha kammānī’’ti ca ‘‘yasmā ca kammānī’’ti ca gāthādvayena byatirekato anvayato ca vibhāveti. Tattha hīnā paṇītāti kularūpārogyaparivārādīhi hīnā uḷārā ca.

    ๕๔๕. ทฺวยชฺช กมฺมานํ วิปากมาหูติ ทฺวยํ ทุวิธํ อชฺช อิทานิ กมฺมานํ สุจริตทุจฺจริตานํ วิปากํ วทนฺติ กเถนฺติฯ กิํ ตนฺติ อาห ‘‘สุขสฺส ทุกฺขสฺส จ เวทนีย’’นฺติ, อิฎฺฐสฺส จ อนิฎฺฐสฺส จ อนุภวนโยคฺคํฯ ตา เทวตาโย ปริจารยนฺตีติ เย อุกฺกํสวเสน สุขเวทนียํ วิปากํ ปฎิลภนฺติ, เต เทวโลเก ตา เทวตา หุตฺวา ทิพฺพสุขสมปฺปิตา อินฺทฺริยานิ ปริจาเรนฺติฯ ปเจฺจนฺติ พาลา ทฺวยตํ อปสฺสิโนติ เย พาลา กมฺมญฺจ กมฺมผลญฺจาติ ทฺวยํ อปสฺสนฺตา อสทฺทหนฺตา, เต ปาปปฺปสุตา ทุกฺขเวทนียํ วิปากํ อนุภวนฺตา นิรยาทีสุ กมฺมุนา ปเจฺจนฺติ ทุกฺขํ ปาปุณนฺติฯ

    545.Dvayajja kammānaṃ vipākamāhūti dvayaṃ duvidhaṃ ajja idāni kammānaṃ sucaritaduccaritānaṃ vipākaṃ vadanti kathenti. Kiṃ tanti āha ‘‘sukhassa dukkhassa ca vedanīya’’nti, iṭṭhassa ca aniṭṭhassa ca anubhavanayoggaṃ. Tā devatāyo paricārayantīti ye ukkaṃsavasena sukhavedanīyaṃ vipākaṃ paṭilabhanti, te devaloke tā devatā hutvā dibbasukhasamappitā indriyāni paricārenti. Paccenti bālā dvayataṃ apassinoti ye bālā kammañca kammaphalañcāti dvayaṃ apassantā asaddahantā, te pāpappasutā dukkhavedanīyaṃ vipākaṃ anubhavantā nirayādīsu kammunā paccenti dukkhaṃ pāpuṇanti.

    เอวํ กมฺมผลํ สทฺทหโนฺต ปน ตฺวํ กสฺมา เอวรูปํ ทุกฺขํ ปจฺจนุภวสีติ อนุโยคํ สนฺธาย –

    Evaṃ kammaphalaṃ saddahanto pana tvaṃ kasmā evarūpaṃ dukkhaṃ paccanubhavasīti anuyogaṃ sandhāya –

    ๕๔๖.

    546.

    ‘‘น มตฺถิ กมฺมานิ สยํกตานิ, ทตฺวาปิ เม นตฺถิ โย อาทิเสยฺย;

    ‘‘Na matthi kammāni sayaṃkatāni, datvāpi me natthi yo ādiseyya;

    อจฺฉาทนํ สยนมถนฺนปานํ, เตนมฺหิ นโคฺค กสิรา จ วุตฺตี’’ติฯ –

    Acchādanaṃ sayanamathannapānaṃ, tenamhi naggo kasirā ca vuttī’’ti. –

    คาถมาหฯ ตตฺถ น มตฺถิ กมฺมานิ สยํกตานีติ ยสฺมา สยํ อตฺตนา ปุเพฺพ กตานิ ปุญฺญกมฺมานิ มม นตฺถิ น วิชฺชนฺติ, เยหิ อิทานิ อจฺฉาทนาทีนิ ลเภยฺยํฯ ทตฺวาปิ เม นตฺถิ โย อาทิเสยฺยาติ โย สมณพฺราหฺมณานํ ทานํ ทตฺวา ‘‘อสุกสฺส เปตสฺส โหตู’’ติ เม อาทิเสยฺย อุทฺทิเสยฺย, โส นตฺถิฯ เตนมฺหิ นโคฺค กสิรา จ วุตฺตีติ เตน ทุวิเธนาปิ การเณน อิทานิ นโคฺค นิโจฺจโฬ อมฺหิ, กสิรา ทุกฺขา จ วุตฺติ ชีวิกา โหตีติฯ

    Gāthamāha. Tattha na matthi kammāni sayaṃkatānīti yasmā sayaṃ attanā pubbe katāni puññakammāni mama natthi na vijjanti, yehi idāni acchādanādīni labheyyaṃ. Datvāpi me natthi yo ādiseyyāti yo samaṇabrāhmaṇānaṃ dānaṃ datvā ‘‘asukassa petassa hotū’’ti me ādiseyya uddiseyya, so natthi. Tenamhi naggo kasirā ca vuttīti tena duvidhenāpi kāraṇena idāni naggo niccoḷo amhi, kasirā dukkhā ca vutti jīvikā hotīti.

    ตํ สุตฺวา ราชา ตสฺส อจฺฉาทนาทิลาภํ อากงฺขโนฺต –

    Taṃ sutvā rājā tassa acchādanādilābhaṃ ākaṅkhanto –

    ๕๔๗.

    547.

    ‘‘สิยา นุ โข การณํ กิญฺจิ ยกฺข, อจฺฉาทนํ เยน ตุวํ ลเภถ;

    ‘‘Siyā nu kho kāraṇaṃ kiñci yakkha, acchādanaṃ yena tuvaṃ labhetha;

    อาจิกฺข เม ตฺวํ ยทตฺถิ เหตุ, สทฺธายิกํ เหตุวโจ สุโณมา’’ติฯ –

    Ācikkha me tvaṃ yadatthi hetu, saddhāyikaṃ hetuvaco suṇomā’’ti. –

    คาถมาหฯ ตตฺถ เยนาติ เยน การเณน ตฺวํ อจฺฉาทนํ ลเภถ ลเภยฺยาสิ, กิญฺจิ ตํ การณํ สิยา นุ โข ภเวยฺย นุ โขติ อโตฺถฯ ยทตฺถีติ ยทิ อตฺถิฯ

    Gāthamāha. Tattha yenāti yena kāraṇena tvaṃ acchādanaṃ labhetha labheyyāsi, kiñci taṃ kāraṇaṃ siyā nu kho bhaveyya nu khoti attho. Yadatthīti yadi atthi.

    อถสฺส เปโต ตํ การณํ อาจิกฺขโนฺต –

    Athassa peto taṃ kāraṇaṃ ācikkhanto –

    ๕๔๘.

    548.

    ‘‘กปฺปิตโก นาม อิธตฺถิ ภิกฺขุ, ฌายี สุสีโล อรหา วิมุโตฺต;

    ‘‘Kappitako nāma idhatthi bhikkhu, jhāyī susīlo arahā vimutto;

    คุตฺตินฺทฺริโย สํวุตปาติโมโกฺข, สีติภูโต อุตฺตมทิฎฺฐิปโตฺตฯ

    Guttindriyo saṃvutapātimokkho, sītibhūto uttamadiṭṭhipatto.

    ๕๔๙.

    549.

    ‘‘สขิโล วทญฺญู สุวโจ สุมุโข, สฺวาคโม สุปฺปฎิมุตฺตโก จ;

    ‘‘Sakhilo vadaññū suvaco sumukho, svāgamo suppaṭimuttako ca;

    ปุญฺญสฺส เขตฺตํ อรณวิหารี, เทวมนุสฺสานญฺจ ทกฺขิเณโยฺยฯ

    Puññassa khettaṃ araṇavihārī, devamanussānañca dakkhiṇeyyo.

    ๕๕๐.

    550.

    ‘‘สโนฺต วิธูโม อนีโฆ นิราโส, มุโตฺต วิสโลฺล อมโม อวโงฺก;

    ‘‘Santo vidhūmo anīgho nirāso, mutto visallo amamo avaṅko;

    นิรูปธี สพฺพปปญฺจขีโณ, ติโสฺส วิชฺชา อนุปฺปโตฺต ชุติมาฯ

    Nirūpadhī sabbapapañcakhīṇo, tisso vijjā anuppatto jutimā.

    ๕๕๑.

    551.

    ‘‘อปฺปญฺญาโต ทิสฺวาปิ น จ สุชาโน, มุนีติ นํ วชฺชิสุ โวหรนฺติ;

    ‘‘Appaññāto disvāpi na ca sujāno, munīti naṃ vajjisu voharanti;

    ชานนฺติ ตํ ยกฺขภูตา อเนชํ, กลฺยาณธมฺมํ วิจรนฺตํ โลเกฯ

    Jānanti taṃ yakkhabhūtā anejaṃ, kalyāṇadhammaṃ vicarantaṃ loke.

    ๕๕๒.

    552.

    ‘‘ตสฺส ตุวํ เอกยุคํ ทุเว วา, มมุทฺทิสิตฺวาน สเจ ทเทถ;

    ‘‘Tassa tuvaṃ ekayugaṃ duve vā, mamuddisitvāna sace dadetha;

    ปฎิคฺคหีตานิ จ ตานิ อสฺสุ, มมญฺจ ปเสฺสถ สนฺนทฺธทุสฺส’’นฺติฯ –

    Paṭiggahītāni ca tāni assu, mamañca passetha sannaddhadussa’’nti. –

    คาถา อภาสิฯ

    Gāthā abhāsi.

    ๕๔๘. ตตฺถ กปฺปิตโต นามาติ ชฎิลสหสฺสสฺส อพฺภนฺตเร อายสฺมโต อุปาลิเตฺถรสฺส อุปชฺฌายํ สนฺธาย วทติฯ อิธาติ อิมิสฺสา เวสาลิยา สมีเปฯ ฌายีติ อคฺคผลฌาเนน ฌายีฯ สีติภูโตติ สพฺพกิเลสทรถปริฬาหวูปสเมน สีติภาวปฺปโตฺตฯ อุตฺตมทิฎฺฐิปโตฺตติ อุตฺตมํ อคฺคผลํ สมฺมาทิฎฺฐิํ ปโตฺตฯ

    548. Tattha kappitato nāmāti jaṭilasahassassa abbhantare āyasmato upālittherassa upajjhāyaṃ sandhāya vadati. Idhāti imissā vesāliyā samīpe. Jhāyīti aggaphalajhānena jhāyī. Sītibhūtoti sabbakilesadarathapariḷāhavūpasamena sītibhāvappatto. Uttamadiṭṭhipattoti uttamaṃ aggaphalaṃ sammādiṭṭhiṃ patto.

    ๕๔๙. สขิโลติ มุทุฯ สุวโจติ สุพฺพโจฯ สฺวาคโมติ สุฎฺฐุ อาคตาคโมฯ สุปฺปฎิมุตฺตโกติ สุฎฺฐุ ปฎิมุตฺตกวาโจ, มุตฺตภาณีติ อโตฺถฯ อรณวิหารีติ เมตฺตาวิหารีฯ

    549.Sakhiloti mudu. Suvacoti subbaco. Svāgamoti suṭṭhu āgatāgamo. Suppaṭimuttakoti suṭṭhu paṭimuttakavāco, muttabhāṇīti attho. Araṇavihārīti mettāvihārī.

    ๕๕๐. สโนฺตติ อุปสนฺตกิเลโสฯ วิธูโมติ วิคตมิจฺฉาวิตกฺกธูโมฯ อนีโฆติ นิทฺทุโกฺขฯ นิราโสติ นิตฺตโณฺหฯ มุโตฺตติ สพฺพภเวหิ วิมุโตฺตฯ วิสโลฺลติ วีตราคาทิสโลฺลฯ อมโมติ มมํการวิรหิโตฯ อวโงฺกติ กายวงฺกาทิวงฺกวิรหิโตฯ นิรูปธีติ กิเลสาภิสงฺขาราทิอุปธิปฺปหายีฯ สพฺพปปญฺจขีโณติ ปริกฺขีณตณฺหาทิปปโญฺจฯ ชุติมาติ อนุตฺตราย ญาณชุติยา ชุติมาฯ อปฺปญฺญาโตติ ปรมปฺปิจฺฉตาย ปฎิจฺฉนฺนคุณตาย จ น ปากโฎฯ

    550.Santoti upasantakileso. Vidhūmoti vigatamicchāvitakkadhūmo. Anīghoti niddukkho. Nirāsoti nittaṇho. Muttoti sabbabhavehi vimutto. Visalloti vītarāgādisallo. Amamoti mamaṃkāravirahito. Avaṅkoti kāyavaṅkādivaṅkavirahito. Nirūpadhīti kilesābhisaṅkhārādiupadhippahāyī. Sabbapapañcakhīṇoti parikkhīṇataṇhādipapañco. Jutimāti anuttarāya ñāṇajutiyā jutimā. Appaññātoti paramappicchatāya paṭicchannaguṇatāya ca na pākaṭo.

    ๕๕๑. ทิสฺวาปิ น จ สุชาโนติ คมฺภีรภาเวน ทิสฺวาปิ ‘‘เอวํสีโล, เอวํธโมฺม, เอวํปโญฺญ’’ติ น สุวิเญฺญโยฺยฯ ชานนฺติ ตํ ยกฺขภูตา อเนชนฺติ ยกฺขภูตา จ อเนชํ นิตฺตณฺหํ ‘‘อรหา’’ติ ตํ ชานนฺติฯ กลฺยาณธมฺมนฺติ สุนฺทรสีลาทิคุณํฯ

    551.Disvāpi na ca sujānoti gambhīrabhāvena disvāpi ‘‘evaṃsīlo, evaṃdhammo, evaṃpañño’’ti na suviññeyyo. Jānanti taṃ yakkhabhūtā anejanti yakkhabhūtā ca anejaṃ nittaṇhaṃ ‘‘arahā’’ti taṃ jānanti. Kalyāṇadhammanti sundarasīlādiguṇaṃ.

    ๕๕๒. ตสฺสาติ ตสฺส กปฺปิตกมหาเถรสฺสฯ เอกยุคนฺติ เอกํ วตฺถยุคํฯ ทุเว วาติ เทฺว วา วตฺถยุคานิฯ มมุทฺทิสิตฺวานาติ มมํ อุทฺทิสิตฺวาฯ ปฎิคฺคหีตานิ ตานิ อสฺสูติ ตานิ วตฺถยุคานิ เตน ปฎิคฺคหิตานิ จ อสฺสุ ภเวยฺยุํฯ สนฺนทฺธทุสฺสนฺติ ทุเสฺสน กตสนฺนาหํ, ลทฺธวตฺถํ นิวตฺถปารุตทุสฺสนฺติ อโตฺถฯ

    552.Tassāti tassa kappitakamahātherassa. Ekayuganti ekaṃ vatthayugaṃ. Duve vāti dve vā vatthayugāni. Mamuddisitvānāti mamaṃ uddisitvā. Paṭiggahītānicatāni assūti tāni vatthayugāni tena paṭiggahitāni ca assu bhaveyyuṃ. Sannaddhadussanti dussena katasannāhaṃ, laddhavatthaṃ nivatthapārutadussanti attho.

    ตโต ราชา –

    Tato rājā –

    ๕๕๓.

    553.

    ‘‘กสฺมิํ ปเทเส สมณํ วสนฺตํ, คนฺตฺวาน ปเสฺสมุ มยํ อิทานิ;

    ‘‘Kasmiṃ padese samaṇaṃ vasantaṃ, gantvāna passemu mayaṃ idāni;

    โย มชฺช กงฺขํ วิจิกิจฺฉิตญฺจ, ทิฎฺฐีวิสูกานิ วิโนทเยยฺยา’’ติฯ –

    Yo majja kaṅkhaṃ vicikicchitañca, diṭṭhīvisūkāni vinodayeyyā’’ti. –

    เถรสฺส วสนฎฺฐานํ ปุจฺฉิฯ ตตฺถ กสฺมิํ ปเทเสติ กตรสฺมิํ ปเทเสฯ โย มชฺชาติ โย อชฺช, ม-กาโร ปทสนฺธิกโรฯ

    Therassa vasanaṭṭhānaṃ pucchi. Tattha kasmiṃ padeseti katarasmiṃ padese. Yo majjāti yo ajja, ma-kāro padasandhikaro.

    ตโต เปโต –

    Tato peto –

    ๕๕๔.

    554.

    ‘‘เอโส นิสิโนฺน กปินจฺจนายํ, ปริวาริโต เทวตาหิ พหูหิ;

    ‘‘Eso nisinno kapinaccanāyaṃ, parivārito devatāhi bahūhi;

    ธมฺมิํ กถํ ภาสติ สจฺจนาโม, สกสฺมิมาเจรเก อปฺปมโตฺต’’ติฯ –

    Dhammiṃ kathaṃ bhāsati saccanāmo, sakasmimācerake appamatto’’ti. –

    คาถมาหฯ ตตฺถ กปินจฺจนายนฺติ กปีนํ วานรานํ นจฺจเนน ‘‘กปินจฺจนา’’ติ ลทฺธโวหาเร ปเทเสฯ สจฺจนาโมติ ฌายี สุสีโล อรหา วิมุโตฺตติอาทีหิ คุณนาเมหิ ยาถาวนาโม อวิปรีตนาโม ฯ

    Gāthamāha. Tattha kapinaccanāyanti kapīnaṃ vānarānaṃ naccanena ‘‘kapinaccanā’’ti laddhavohāre padese. Saccanāmoti jhāyī susīlo arahā vimuttotiādīhi guṇanāmehi yāthāvanāmo aviparītanāmo .

    เอวํ เปเตน วุเตฺต ราชา ตาวเทว เถรสฺส สนฺติกํ คนฺตุกาโม –

    Evaṃ petena vutte rājā tāvadeva therassa santikaṃ gantukāmo –

    ๕๕๕.

    555.

    ‘‘ตถาหํ กสฺสามิ คนฺตฺวา อิทานิ, อจฺฉาทยิสฺสํ สมณํ ยุเคน;

    ‘‘Tathāhaṃ kassāmi gantvā idāni, acchādayissaṃ samaṇaṃ yugena;

    ปฎิคฺคหีตานิ จ ตานิ อสฺสุ, ตุวญฺจ ปเสฺสมุ สนฺนทฺธทุสฺส’’นฺติฯ –

    Paṭiggahītāni ca tāni assu, tuvañca passemu sannaddhadussa’’nti. –

    คาถมาหฯ ตตฺถ กสฺสามีติ กริสฺสามิฯ

    Gāthamāha. Tattha kassāmīti karissāmi.

    อถ เปโต ‘‘เทวตานํ เถโร ธมฺมํ เทเสติ, ตสฺมา นายํ อุปสงฺกมนกาโล’’ติ ทเสฺสโนฺต –

    Atha peto ‘‘devatānaṃ thero dhammaṃ deseti, tasmā nāyaṃ upasaṅkamanakālo’’ti dassento –

    ๕๕๖.

    556.

    ‘‘มา อกฺขเณ ปพฺพชิตํ อุปาคมิ, สาธุ โว ลิจฺฉวิ เนส ธโมฺม;

    ‘‘Mā akkhaṇe pabbajitaṃ upāgami, sādhu vo licchavi nesa dhammo;

    ตโต จ กาเล อุปสงฺกมิตฺวา, ตเตฺถว ปสฺสาหิ รโห นิสินฺน’’นฺติฯ –

    Tato ca kāle upasaṅkamitvā, tattheva passāhi raho nisinna’’nti. –

    คาถมาหฯ ตตฺถ สาธูติ อายาจเน นิปาโตฯ โว ลิจฺฉวิ เนส ธโมฺมติ, ลิจฺฉวิราช, ตุมฺหากํ ราชูนํ เอส ธโมฺม น โหติ, ยํ อกาเล อุปสงฺกมนํฯ ตเตฺถวาติ ตสฺมิํเยว ฐาเนฯ

    Gāthamāha. Tattha sādhūti āyācane nipāto. Vo licchavi nesa dhammoti, licchavirāja, tumhākaṃ rājūnaṃ esa dhammo na hoti, yaṃ akāle upasaṅkamanaṃ. Tatthevāti tasmiṃyeva ṭhāne.

    เอวํ เปเตน วุเตฺต ราชา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา อตฺตโน นิเวสนเมว คนฺตฺวา ปุน ยุตฺตปตฺตกาเล อฎฺฐ วตฺถุยุคานิ คาหาเปตฺวา เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา เอกมนฺตํ นิสิโนฺน ปฎิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘อิมานิ, ภเนฺต, อฎฺฐ วตฺถยุคานิ ปฎิคฺคณฺหา’’ติ อาหฯ ตํ สุตฺวา เถโร กถาสมุฎฺฐาปนตฺถํ ‘‘มหาราช, ปุเพฺพ ตฺวํ อทานสีโล สมณพฺราหฺมณานํ วิเหฐนชาติโกว กถํ ปณีตานิ วตฺถานิ ทาตุกาโม ชาโต’’ติ อาหฯ ตํ สุตฺวา ราชา ตสฺส การณํ อาจิกฺขโนฺต เปเตน สมาคมํ, เตน จ อตฺตนา จ กถิตํ สพฺพํ เถรสฺส อาโรเจตฺวา วตฺถานิ ทตฺวา เปตสฺส อุทฺทิสิฯ เตน เปโต ทิพฺพวตฺถธโร อลงฺกตปฎิยโตฺต อสฺสารุโฬฺห เถรสฺส จ รโญฺญ จ ปุรโต ปาตุภวิฯ ตํ ทิสฺวา ราชา อตฺตมโน ปมุทิโต ปีติโสมนสฺสชาโต ‘‘ปจฺจกฺขโต วต มยา กมฺมผลํ ทิฎฺฐํ, น ทานาหํ ปาปํ กริสฺสามิ, ปุญฺญเมว กริสฺสามี’’ติ วตฺวา เตน เปเตน สกฺขิํ อกาสิฯ โส จ เปโต ‘‘สเจ, ตฺวํ ลิจฺฉวิราช, อิโต ปฎฺฐาย อธมฺมํ ปหาย ธมฺมํ จรสิ, เอวาหํ ตว สกฺขิํ กริสฺสามิ, สนฺติกญฺจ เต อาคมิสฺสามิ, สูลาวุตญฺจ ปุริสํ สีฆํ สูลโต โมเจหิ, เอวํ โส ชีวิตํ ลภิตฺวา ธมฺมํ จรโนฺต ทุกฺขโต มุจฺจิสฺสติ, เถรญฺจ กาเลน กาลํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุณโนฺต ปุญฺญานิ กโรหี’’ติ วตฺวา คโตฯ

    Evaṃ petena vutte rājā ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchitvā attano nivesanameva gantvā puna yuttapattakāle aṭṭha vatthuyugāni gāhāpetvā theraṃ upasaṅkamitvā ekamantaṃ nisinno paṭisanthāraṃ katvā ‘‘imāni, bhante, aṭṭha vatthayugāni paṭiggaṇhā’’ti āha. Taṃ sutvā thero kathāsamuṭṭhāpanatthaṃ ‘‘mahārāja, pubbe tvaṃ adānasīlo samaṇabrāhmaṇānaṃ viheṭhanajātikova kathaṃ paṇītāni vatthāni dātukāmo jāto’’ti āha. Taṃ sutvā rājā tassa kāraṇaṃ ācikkhanto petena samāgamaṃ, tena ca attanā ca kathitaṃ sabbaṃ therassa ārocetvā vatthāni datvā petassa uddisi. Tena peto dibbavatthadharo alaṅkatapaṭiyatto assāruḷho therassa ca rañño ca purato pātubhavi. Taṃ disvā rājā attamano pamudito pītisomanassajāto ‘‘paccakkhato vata mayā kammaphalaṃ diṭṭhaṃ, na dānāhaṃ pāpaṃ karissāmi, puññameva karissāmī’’ti vatvā tena petena sakkhiṃ akāsi. So ca peto ‘‘sace, tvaṃ licchavirāja, ito paṭṭhāya adhammaṃ pahāya dhammaṃ carasi, evāhaṃ tava sakkhiṃ karissāmi, santikañca te āgamissāmi, sūlāvutañca purisaṃ sīghaṃ sūlato mocehi, evaṃ so jīvitaṃ labhitvā dhammaṃ caranto dukkhato muccissati, therañca kālena kālaṃ upasaṅkamitvā dhammaṃ suṇanto puññāni karohī’’ti vatvā gato.

    อถ ราชา เถรํ วนฺทิตฺวา นครํ ปวิสิตฺวา สีฆํ สีฆํ ลิจฺฉวิปริสํ สนฺนิปาเตตฺวา เต อนุชานาเปตฺวา ตํ ปุริสํ สูลโต โมเจตฺวา ‘‘อิมํ อโรคํ กโรถา’’ติ ติกิจฺฉเก อาณาเปสิฯ เถรญฺจ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘สิยา นุ โข, ภเนฺต, นิรยคามิกมฺมํ กตฺวา ฐิตสฺส นิรยโต มุตฺตี’’ติฯ สิยา, มหาราช, สเจ อุฬารํ ปุญฺญํ กโรติ, มุจฺจตีติ วตฺวา เถโร ราชานํ สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฎฺฐาเปสิฯ โส ตตฺถ ปติฎฺฐิโต เถรสฺส โอวาเท ฐตฺวา โสตาปโนฺน อโหสิ, สูลาวุโต ปน ปุริโส อโรโค หุตฺวา สํเวคชาโต ภิกฺขูสุ ปพฺพชิตฺวา นจิรเสฺสว อรหตฺตํ ปาปุณิฯ ตมตฺถํ ทเสฺสนฺตา สงฺคีติการา –

    Atha rājā theraṃ vanditvā nagaraṃ pavisitvā sīghaṃ sīghaṃ licchaviparisaṃ sannipātetvā te anujānāpetvā taṃ purisaṃ sūlato mocetvā ‘‘imaṃ arogaṃ karothā’’ti tikicchake āṇāpesi. Therañca upasaṅkamitvā pucchi – ‘‘siyā nu kho, bhante, nirayagāmikammaṃ katvā ṭhitassa nirayato muttī’’ti. Siyā, mahārāja, sace uḷāraṃ puññaṃ karoti, muccatīti vatvā thero rājānaṃ saraṇesu ca sīlesu ca patiṭṭhāpesi. So tattha patiṭṭhito therassa ovāde ṭhatvā sotāpanno ahosi, sūlāvuto pana puriso arogo hutvā saṃvegajāto bhikkhūsu pabbajitvā nacirasseva arahattaṃ pāpuṇi. Tamatthaṃ dassentā saṅgītikārā –

    ๕๕๗.

    557.

    ‘‘ตถาติ วตฺวา อคมาสิ ตตฺถ, ปริวาริโต ทาสคเณน ลิจฺฉวิ;

    ‘‘Tathāti vatvā agamāsi tattha, parivārito dāsagaṇena licchavi;

    โส ตํ นครํ อุปสงฺกมิตฺวา, วาสูปคจฺฉิตฺถ สเก นิเวสเนฯ

    So taṃ nagaraṃ upasaṅkamitvā, vāsūpagacchittha sake nivesane.

    ๕๕๘.

    558.

    ‘‘ตโต จ กาเล คิหิกิจฺจานิ กตฺวา,

    ‘‘Tato ca kāle gihikiccāni katvā,

    นฺหตฺวา ปิวิตฺวา จ ขณํ ลภิตฺวา;

    Nhatvā pivitvā ca khaṇaṃ labhitvā;

    วิเจยฺย เปฬาโต จ ยุคานิ อฎฺฐ,

    Viceyya peḷāto ca yugāni aṭṭha,

    คาหาปยี ทาสคเณน ลิจฺฉวิฯ

    Gāhāpayī dāsagaṇena licchavi.

    ๕๕๙.

    559.

    ‘‘โส ตํ ปเทสํ อุปสงฺกมิตฺวา, ตํ อทฺทส สมณํ สนฺตจิตฺตํ;

    ‘‘So taṃ padesaṃ upasaṅkamitvā, taṃ addasa samaṇaṃ santacittaṃ;

    ปฎิกฺกนฺตํ โคจรโต นิวตฺตํ, สีติภูตํ รุกฺขมูเล นิสินฺนํฯ

    Paṭikkantaṃ gocarato nivattaṃ, sītibhūtaṃ rukkhamūle nisinnaṃ.

    ๕๖๐.

    560.

    ‘‘ตเมนมโวจ อุปสงฺกมิตฺวา, อปฺปาพาธํ ผาสุวิหารญฺจ ปุจฺฉิ;

    ‘‘Tamenamavoca upasaṅkamitvā, appābādhaṃ phāsuvihārañca pucchi;

    เวสาลิยํ ลิจฺฉวิหํ ภทเนฺต, ชานนฺติ มํ ลิจฺฉวิ อมฺพสกฺกโรฯ

    Vesāliyaṃ licchavihaṃ bhadante, jānanti maṃ licchavi ambasakkaro.

    ๕๖๑.

    561.

    ‘‘อิมานิ เม อฎฺฐ ยุคา สุภานิ, ปฎิคฺคณฺห ภเนฺต ปททามิ ตุยฺหํ;

    ‘‘Imāni me aṭṭha yugā subhāni, paṭiggaṇha bhante padadāmi tuyhaṃ;

    เตเนว อเตฺถน อิธาคโตสฺมิ, ยถา อหํ อตฺตมโน ภเวยฺยนฺติฯ

    Teneva atthena idhāgatosmi, yathā ahaṃ attamano bhaveyyanti.

    ๕๖๒.

    562.

    ‘‘ทูรโตว สมณา พฺราหฺมณา จ, นิเวสนํ เต ปริวชฺชยนฺติ;

    ‘‘Dūratova samaṇā brāhmaṇā ca, nivesanaṃ te parivajjayanti;

    ปตฺตานิ ภิชฺชนฺติ จ เต นิเวสเน, สงฺฆาฎิโย จาปิ วิทาลยนฺติฯ

    Pattāni bhijjanti ca te nivesane, saṅghāṭiyo cāpi vidālayanti.

    ๕๖๓.

    563.

    ‘‘อถาปเร ปาทกุฐาริกาหิ, อวํสิรา สมณา ปาตยนฺติ;

    ‘‘Athāpare pādakuṭhārikāhi, avaṃsirā samaṇā pātayanti;

    เอตาทิสํ ปพฺพชิตา วิเหสํ, ตยา กตํ สมณา ปาปุณนฺติฯ

    Etādisaṃ pabbajitā vihesaṃ, tayā kataṃ samaṇā pāpuṇanti.

    ๕๖๔.

    564.

    ‘‘ติเณน เตลมฺปิ น ตฺวํ อทาสิ, มูฬฺหสฺส มคฺคมฺปิ น ปาวทาสิ;

    ‘‘Tiṇena telampi na tvaṃ adāsi, mūḷhassa maggampi na pāvadāsi;

    อนฺธสฺส ทณฺฑํ สยมาทิยาสิ, เอตาทิโส กทริโย อสํวุโต ตุวํ;

    Andhassa daṇḍaṃ sayamādiyāsi, etādiso kadariyo asaṃvuto tuvaṃ;

    อถ ตฺวํ เกน วเณฺณน กิเมว ทิสฺวา, อเมฺหหิ สห สํวิภาคํ กโรสีติฯ

    Atha tvaṃ kena vaṇṇena kimeva disvā, amhehi saha saṃvibhāgaṃ karosīti.

    ๕๖๕.

    565.

    ‘‘ปเจฺจมิ ภเนฺต ยํ ตฺวํ วเทสิ, วิเหสยิํ สมเณ พฺราหฺมเณ จ;

    ‘‘Paccemi bhante yaṃ tvaṃ vadesi, vihesayiṃ samaṇe brāhmaṇe ca;

    ขิฑฺฑตฺถิโก โน จ ปทุฎฺฐจิโตฺต, เอตมฺปิ เม ทุกฺกฎเมว ภเนฺตฯ

    Khiḍḍatthiko no ca paduṭṭhacitto, etampi me dukkaṭameva bhante.

    ๕๖๖.

    566.

    ขิฑฺฑาย ยโกฺข ปสวิตฺวา ปาปํ, เวเทติ ทุกฺขํ อสมตฺตโภคี;

    Khiḍḍāya yakkho pasavitvā pāpaṃ, vedeti dukkhaṃ asamattabhogī;

    ทหโร ยุวา นคฺคนิยสฺส ภาคี, กิํ สุ ตโต ทุกฺขตรสฺส โหติฯ

    Daharo yuvā nagganiyassa bhāgī, kiṃ su tato dukkhatarassa hoti.

    ๕๖๗.

    567.

    ‘‘ตํ ทิสฺวา สํเวคมลตฺถํ ภเนฺต, ตปฺปจฺจยา วาปิ ททามิ ทานํ;

    ‘‘Taṃ disvā saṃvegamalatthaṃ bhante, tappaccayā vāpi dadāmi dānaṃ;

    ปฎิคฺคณฺห ภเนฺต วตฺถยุคานิ อฎฺฐ, ยกฺขสฺสิมา คจฺฉนฺตุ ทกฺขิณาโยติฯ

    Paṭiggaṇha bhante vatthayugāni aṭṭha, yakkhassimā gacchantu dakkhiṇāyoti.

    ๕๖๘.

    568.

    ‘‘อทฺธา หิ ทานํ พหุธา ปสตฺถํ, ททโต จ เต อกฺขยธมฺมมตฺถุ;

    ‘‘Addhā hi dānaṃ bahudhā pasatthaṃ, dadato ca te akkhayadhammamatthu;

    ปฎิคณฺหามิ เต วตฺถยุคานิ อฎฺฐ, ยกฺขสฺสิมา คจฺฉนฺตุ ทกฺขิณาโยติฯ

    Paṭigaṇhāmi te vatthayugāni aṭṭha, yakkhassimā gacchantu dakkhiṇāyoti.

    ๕๖๙.

    569.

    ‘‘ตโต หิ โส อาจมยิตฺวา ลิจฺฉวิ, เถรสฺส ทตฺวาน ยุคานิ อฎฺฐ;

    ‘‘Tato hi so ācamayitvā licchavi, therassa datvāna yugāni aṭṭha;

    ปฎิคฺคหีตานิ จ ตานิ อสฺสุ, ยกฺขญฺจ ปเสฺสถ สนฺนทฺธทุสฺสํฯ

    Paṭiggahītāni ca tāni assu, yakkhañca passetha sannaddhadussaṃ.

    ๕๗๐.

    570.

    ‘‘ตมทฺทสา จนฺทนสารลิตฺตํ, อาชญฺญมารูฬฺหมุฬารวณฺณํ;

    ‘‘Tamaddasā candanasāralittaṃ, ājaññamārūḷhamuḷāravaṇṇaṃ;

    อลงฺกตํ สาธุนิวตฺถทุสฺสํ, ปริวาริตํ ยกฺขมหิทฺธิปตฺตํฯ

    Alaṅkataṃ sādhunivatthadussaṃ, parivāritaṃ yakkhamahiddhipattaṃ.

    ๕๗๑.

    571.

    ‘‘โส ตํ ทิสฺวา อตฺตมโน อุทโคฺค, ปหฎฺฐจิโตฺต จ สุภคฺครูโป;

    ‘‘So taṃ disvā attamano udaggo, pahaṭṭhacitto ca subhaggarūpo;

    กมฺมญฺจ ทิสฺวาน มหาวิปากํ, สนฺทิฎฺฐิกํ จกฺขุนา สจฺฉิกตฺวาฯ

    Kammañca disvāna mahāvipākaṃ, sandiṭṭhikaṃ cakkhunā sacchikatvā.

    ๕๗๒.

    572.

    ‘‘ตเมนมโวจ อุปสงฺกมิตฺวา, ทสฺสามิ ทานํ สมณพฺราหฺมณานํ;

    ‘‘Tamenamavoca upasaṅkamitvā, dassāmi dānaṃ samaṇabrāhmaṇānaṃ;

    น จาปิ เม กิญฺจิ อเทยฺยมตฺถิ, ตุวญฺจ เม ยกฺข พหูปกาโรติฯ

    Na cāpi me kiñci adeyyamatthi, tuvañca me yakkha bahūpakāroti.

    ๕๗๓.

    573.

    ‘‘ตุวญฺจ เม ลิจฺฉวิ เอกเทสํ, อทาสิ ทานานิ อโมฆเมตํ;

    ‘‘Tuvañca me licchavi ekadesaṃ, adāsi dānāni amoghametaṃ;

    สฺวาหํ กริสฺสามิ ตยาว สกฺขิํ, อมานุโส มานุสเกน สทฺธินฺติฯ

    Svāhaṃ karissāmi tayāva sakkhiṃ, amānuso mānusakena saddhinti.

    ๕๗๔.

    574.

    ‘‘คตี จ พนฺธู จ ปรายณญฺจ, มิโตฺต มมาสิ อถ เทวตา เม;

    ‘‘Gatī ca bandhū ca parāyaṇañca, mitto mamāsi atha devatā me;

    ยาจามิ ตํ ปญฺชลิโก ภวิตฺวา, อิจฺฉามิ ตํ ยกฺข ปุนปิ ทฎฺฐุนฺติฯ

    Yācāmi taṃ pañjaliko bhavitvā, icchāmi taṃ yakkha punapi daṭṭhunti.

    ๕๗๕.

    575.

    ‘‘สเจ ตุวํ อสฺสโทฺธ ภวิสฺสสิ, กทริยรูโป วิปฺปฎิปนฺนจิโตฺต;

    ‘‘Sace tuvaṃ assaddho bhavissasi, kadariyarūpo vippaṭipannacitto;

    ตฺวํ เนว มํ ลจฺฉสิ ทสฺสนาย, ทิสฺวา จ ตํ โนปิ จ อาลปิสฺสํฯ

    Tvaṃ neva maṃ lacchasi dassanāya, disvā ca taṃ nopi ca ālapissaṃ.

    ๕๗๖.

    576.

    ‘‘สเจ ปน ตฺวํ ภวิสฺสสิ ธมฺมคารโว, ทาเน รโต สงฺคหิตตฺตภาโว;

    ‘‘Sace pana tvaṃ bhavissasi dhammagāravo, dāne rato saṅgahitattabhāvo;

    โอปานภูโต สมณพฺราหฺมณานํ, เอวํ มมํ ลจฺฉสิ ทสฺสนายฯ

    Opānabhūto samaṇabrāhmaṇānaṃ, evaṃ mamaṃ lacchasi dassanāya.

    ๕๗๗.

    577.

    ‘‘ทิสฺวา จ ตํ อาลปิสฺสํ ภทเนฺต, อิมญฺจ สูลโต ลหุํ ปมุญฺจ;

    ‘‘Disvā ca taṃ ālapissaṃ bhadante, imañca sūlato lahuṃ pamuñca;

    ยโตนิทานํ อกริมฺห สกฺขิํ, มญฺญามิ สูลาวุตกสฺส การณาฯ

    Yatonidānaṃ akarimha sakkhiṃ, maññāmi sūlāvutakassa kāraṇā.

    ๕๗๘.

    578.

    ‘‘เต อญฺญมญฺญํ อกริมฺห สกฺขิํ, อยญฺจ สูลโต ลหุํ ปมุโตฺต;

    ‘‘Te aññamaññaṃ akarimha sakkhiṃ, ayañca sūlato lahuṃ pamutto;

    สกฺกจฺจ ธมฺมานิ สมาจรโนฺต, มุเจฺจยฺย โส นิรยา จ ตมฺหา;

    Sakkacca dhammāni samācaranto, mucceyya so nirayā ca tamhā;

    กมฺมํ สิยา อญฺญตฺร เวทนียํฯ

    Kammaṃ siyā aññatra vedanīyaṃ.

    ๕๗๙.

    579.

    ‘‘กปฺปิตกญฺจ อุปสงฺกมิตฺวา, เตเนว สห สํวิภชิตฺวา กาเล;

    ‘‘Kappitakañca upasaṅkamitvā, teneva saha saṃvibhajitvā kāle;

    สยํ มุเขนูปนิสชฺช ปุจฺฉ, โส เต อกฺขิสฺสติ เอตมตฺถํฯ

    Sayaṃ mukhenūpanisajja puccha, so te akkhissati etamatthaṃ.

    ๕๘๐.

    580.

    ‘‘ตเมว ภิกฺขุํ อุปสงฺกมิตฺวา, ปุจฺฉสฺสุ อญฺญตฺถิโก โน จ ปทุฎฺฐจิโตฺต;

    ‘‘Tameva bhikkhuṃ upasaṅkamitvā, pucchassu aññatthiko no ca paduṭṭhacitto;

    โส เต สุตํ อสุตญฺจาปิ ธมฺมํ, สพฺพมฺปิ อกฺขิสฺสติ ยถา ปชานนฺติฯ

    So te sutaṃ asutañcāpi dhammaṃ, sabbampi akkhissati yathā pajānanti.

    ๕๘๑.

    581.

    ‘‘โส ตตฺถ รหสฺสํ สมุลฺลปิตฺวา, สกฺขิํ กริตฺวาน อมานุเสน;

    ‘‘So tattha rahassaṃ samullapitvā, sakkhiṃ karitvāna amānusena;

    ปกฺกามิ โส ลิจฺฉวินํ สกาสํ, อถ พฺรวิ ปริสํ สนฺนิสินฺนํฯ

    Pakkāmi so licchavinaṃ sakāsaṃ, atha bravi parisaṃ sannisinnaṃ.

    ๕๘๒.

    582.

    ‘‘‘สุณนฺตุ โภโนฺต มม เอกวากฺยํ, วรํ วริสฺสํ ลภิสฺสามิ อตฺถํ;

    ‘‘‘Suṇantu bhonto mama ekavākyaṃ, varaṃ varissaṃ labhissāmi atthaṃ;

    สูลาวุโต ปุริโส ลุทฺทกโมฺม, ปณิหิตทโณฺฑ อนุสตฺตรูโปฯ

    Sūlāvuto puriso luddakammo, paṇihitadaṇḍo anusattarūpo.

    ๕๘๓.

    583.

    ‘‘‘เอตฺตาวตา วีสติรตฺติมตฺตา, ยโต อาวุโต เนว ชีวติ น มโต;

    ‘‘‘Ettāvatā vīsatirattimattā, yato āvuto neva jīvati na mato;

    ตาหํ โมจยิสฺสามิ ทานิ, ยถามติํ อนุชานาตุ สโงฺฆ’ติฯ

    Tāhaṃ mocayissāmi dāni, yathāmatiṃ anujānātu saṅgho’ti.

    ๕๘๔.

    584.

    ‘‘‘เอตญฺจ อญฺญญฺจ ลหุํ ปมุญฺจ, โก ตํ วเทถ ตถา กโรนฺตํ;

    ‘‘‘Etañca aññañca lahuṃ pamuñca, ko taṃ vadetha tathā karontaṃ;

    ยถา ปชานาสิ ตถา กโรหิ, ยถามติํ อนุชานาติ สโงฺฆ’ติฯ

    Yathā pajānāsi tathā karohi, yathāmatiṃ anujānāti saṅgho’ti.

    ๕๘๕.

    585.

    ‘‘โส ตํ ปเทสํ อุปสงฺกมิตฺวา, สูลาวุตํ โมจยิ ขิปฺปเมว;

    ‘‘So taṃ padesaṃ upasaṅkamitvā, sūlāvutaṃ mocayi khippameva;

    มา ภายิ สมฺมาติ จ ตํ อโวจ, ติกิจฺฉกานญฺจ อุปฎฺฐเปสิฯ

    Mā bhāyi sammāti ca taṃ avoca, tikicchakānañca upaṭṭhapesi.

    ๕๘๖.

    586.

    ‘‘กปฺปิตกญฺจ อุปสงฺกมิตฺวา, เตเนว สห สํวิภชิตฺวา กาเล;

    ‘‘Kappitakañca upasaṅkamitvā, teneva saha saṃvibhajitvā kāle;

    สยํ มุเขนูปนิสชฺช ลิจฺฉวิ, ตเถว ปุจฺฉิตฺถ นํ การณตฺถิโกฯ

    Sayaṃ mukhenūpanisajja licchavi, tatheva pucchittha naṃ kāraṇatthiko.

    ๕๘๗.

    587.

    ‘‘สูลาวุโต ปุริโส ลุทฺทกโมฺม, ปณีตทโณฺฑ อนุสตฺตรูโป;

    ‘‘Sūlāvuto puriso luddakammo, paṇītadaṇḍo anusattarūpo;

    เอตฺตาวตา วีสติรตฺติมตฺตา, ยโต อาวุโต เนว ชีวติ น มโตฯ

    Ettāvatā vīsatirattimattā, yato āvuto neva jīvati na mato.

    ๕๘๘.

    588.

    ‘‘โส โมจิโต คนฺตฺวา มยา อิทานิ, เอตสฺส ยกฺขสฺส วโจ หิ ภเนฺต;

    ‘‘So mocito gantvā mayā idāni, etassa yakkhassa vaco hi bhante;

    สิยา นุ โข การณํ กิญฺจิเทว, เยน โส นิรยํ โน วเชยฺยฯ

    Siyā nu kho kāraṇaṃ kiñcideva, yena so nirayaṃ no vajeyya.

    ๕๘๙.

    589.

    ‘‘อาจิกฺข ภเนฺต ยทิ อตฺถิ เหตุ, สทฺธายิกํ เหตุวโจ สุโณม;

    ‘‘Ācikkha bhante yadi atthi hetu, saddhāyikaṃ hetuvaco suṇoma;

    น เตสํ กมฺมานํ วินาสมตฺถิ, อเวทยิตฺวา อิธ พฺยนฺติภาโวติฯ

    Na tesaṃ kammānaṃ vināsamatthi, avedayitvā idha byantibhāvoti.

    ๕๙๐.

    590.

    ‘‘สเจ ส ธมฺมานิ สมาจเรยฺย, สกฺกจฺจ รตฺตินฺทิวมปฺปมโตฺต;

    ‘‘Sace sa dhammāni samācareyya, sakkacca rattindivamappamatto;

    มุเจฺจยฺย โส นิรยา จ ตมฺหา, กมฺมํ สิยา อญฺญตฺร เวทนียนฺติฯ

    Mucceyya so nirayā ca tamhā, kammaṃ siyā aññatra vedanīyanti.

    ๕๙๑.

    591.

    ‘‘อญฺญาโต เอโส ปุริสสฺส อโตฺถ, มมมฺปิ ทานิ อนุกมฺป ภเนฺต;

    ‘‘Aññāto eso purisassa attho, mamampi dāni anukampa bhante;

    อนุสาส มํ โอวท ภูริปญฺญ, ยถา อหํ โน นิรยํ วเชยฺยนฺติฯ

    Anusāsa maṃ ovada bhūripañña, yathā ahaṃ no nirayaṃ vajeyyanti.

    ๕๙๒.

    592.

    ‘‘อเชฺชว พุทฺธํ สรณํ อุเปหิ, ธมฺมญฺจ สงฺฆญฺจ ปสนฺนจิโตฺต;

    ‘‘Ajjeva buddhaṃ saraṇaṃ upehi, dhammañca saṅghañca pasannacitto;

    ตเถว สิกฺขาย ปทานิ ปญฺจ, อขณฺฑผุลฺลานิ สมาทิยสฺสุฯ

    Tatheva sikkhāya padāni pañca, akhaṇḍaphullāni samādiyassu.

    ๕๙๓.

    593.

    ‘‘ปาณาติปาตา วิรมสฺสุ ขิปฺปํ, โลเก อทินฺนํ ปริวชฺชยสฺสุ;

    ‘‘Pāṇātipātā viramassu khippaṃ, loke adinnaṃ parivajjayassu;

    อมชฺชโป มา จ มุสา อภาณี, สเกน ทาเรน จ โหติ ตุโฎฺฐ;

    Amajjapo mā ca musā abhāṇī, sakena dārena ca hoti tuṭṭho;

    อิมญฺจ อริยํ อฎฺฐงฺควเรนุเปตํ, สมาทิยาหิ กุสลํ สุขุทฺรยํฯ

    Imañca ariyaṃ aṭṭhaṅgavarenupetaṃ, samādiyāhi kusalaṃ sukhudrayaṃ.

    ๕๙๔.

    594.

    ‘‘จีวรํ ปิณฺฑปาตญฺจ, ปจฺจยํ สยนาสนํ;

    ‘‘Cīvaraṃ piṇḍapātañca, paccayaṃ sayanāsanaṃ;

    อนฺนํ ปานํ ขาทนียํ, วตฺถเสนาสนานิ จ;

    Annaṃ pānaṃ khādanīyaṃ, vatthasenāsanāni ca;

    ททาหิ อุชุภูเตสุ, วิปฺปสเนฺนน เจตสาฯ

    Dadāhi ujubhūtesu, vippasannena cetasā.

    ๕๙๕.

    595.

    ‘‘ภิกฺขูปิ สีลสมฺปเนฺน, วีตราเค พหุสฺสุเต;

    ‘‘Bhikkhūpi sīlasampanne, vītarāge bahussute;

    ตเปฺปหิ อนฺนปาเนน, สทา ปุญฺญํ ปวฑฺฒติฯ

    Tappehi annapānena, sadā puññaṃ pavaḍḍhati.

    ๕๙๖.

    596.

    ‘‘เอวญฺจ ธมฺมานิ สมาจรโนฺต, สกฺกจฺจ รตฺตินฺทิวมปฺปมโตฺต;

    ‘‘Evañca dhammāni samācaranto, sakkacca rattindivamappamatto;

    มุญฺจ ตุวํ นิรยา จ ตมฺหา, กมฺมํ สิยา อญฺญตฺร เวทนียนฺติฯ

    Muñca tuvaṃ nirayā ca tamhā, kammaṃ siyā aññatra vedanīyanti.

    ๕๙๗.

    597.

    ‘‘อเชฺชว พุทฺธํ สรณํ อุเปมิ, ธมฺมญฺจ สงฺฆญฺจ ปสนฺนจิโตฺต;

    ‘‘Ajjeva buddhaṃ saraṇaṃ upemi, dhammañca saṅghañca pasannacitto;

    ตเถว สิกฺขาย ปทานิ ปญฺจ, อขณฺฑผุลฺลานิ สมาทิยามิฯ

    Tatheva sikkhāya padāni pañca, akhaṇḍaphullāni samādiyāmi.

    ๕๙๘.

    598.

    ‘‘ปาณาติปาตา วิรมามิ ขิปฺปํ, โลเก อทินฺนํ ปริวชฺชยามิ;

    ‘‘Pāṇātipātā viramāmi khippaṃ, loke adinnaṃ parivajjayāmi;

    อมชฺชโป โน จ มุสา ภณามิ, สเกน ทาเรน จ โหมิ ตุโฎฺฐ;

    Amajjapo no ca musā bhaṇāmi, sakena dārena ca homi tuṭṭho;

    อิมญฺจ อริยํ อฎฺฐงฺควเรนุเปตํ, สมาทิยามิ กุสลํ สุขุทฺรยํฯ

    Imañca ariyaṃ aṭṭhaṅgavarenupetaṃ, samādiyāmi kusalaṃ sukhudrayaṃ.

    ๕๙๙.

    599.

    ‘‘จีวรํ ปิณฺฑปาตญฺจ, ปจฺจยํ สยนาสนํ;

    ‘‘Cīvaraṃ piṇḍapātañca, paccayaṃ sayanāsanaṃ;

    อนฺนํ ปานํ ขาทนียํ, วตฺถเสนาสนานิ จฯ

    Annaṃ pānaṃ khādanīyaṃ, vatthasenāsanāni ca.

    ๖๐๐.

    600.

    ‘‘ภิกฺขู จ สีลสมฺปเนฺน, วีตราเค พหุสฺสุเต;

    ‘‘Bhikkhū ca sīlasampanne, vītarāge bahussute;

    ททามิ น วิกมฺปามิ, พุทฺธานํ สาสเน รโตติฯ

    Dadāmi na vikampāmi, buddhānaṃ sāsane ratoti.

    ๖๐๑.

    601.

    ‘‘เอตาทิโส ลิจฺฉวิ อมฺพสกฺกโร, เวสาลิยํ อญฺญตโร อุปาสโก;

    ‘‘Etādiso licchavi ambasakkaro, vesāliyaṃ aññataro upāsako;

    สโทฺธ มุทู การกโร จ ภิกฺขุ, สงฺฆญฺจ สกฺกจฺจ ตทา อุปฎฺฐหิฯ

    Saddho mudū kārakaro ca bhikkhu, saṅghañca sakkacca tadā upaṭṭhahi.

    ๖๐๒.

    602.

    ‘‘สูลาวุโต จ อโรโค หุตฺวา, เสรี สุขี ปพฺพชฺชํ อุปาคมิ;

    ‘‘Sūlāvuto ca arogo hutvā, serī sukhī pabbajjaṃ upāgami;

    ภิกฺขุญฺจ อาคมฺม กปฺปิตกุตฺตมํ, อุโภปิ สามญฺญผลานิ อชฺฌคุํฯ

    Bhikkhuñca āgamma kappitakuttamaṃ, ubhopi sāmaññaphalāni ajjhaguṃ.

    ๖๐๓.

    603.

    ‘‘เอตาทิสา สปฺปุริสาน เสวนา, มหปฺผลา โหติ สตํ วิชานตํ;

    ‘‘Etādisā sappurisāna sevanā, mahapphalā hoti sataṃ vijānataṃ;

    สูลาวุโต อคฺคผลํ อผสฺสยิ, ผลํ กนิฎฺฐํ ปน อมฺพสกฺกโร’’ติฯ –

    Sūlāvuto aggaphalaṃ aphassayi, phalaṃ kaniṭṭhaṃ pana ambasakkaro’’ti. –

    คาถาโย อโวจุํฯ

    Gāthāyo avocuṃ.

    ๕๕๗-๕๖๐. ตตฺถ วาสูปคจฺฉิตฺถาติ วาสํ อุปคจฺฉิฯ คิหิกิจฺจานีติ เคหํ อาวสเนฺตน กาตพฺพกุฎุมฺพกิจฺจานิฯ วิเจยฺยาติ สุนฺทรวตฺถคหณตฺถํ วิจินิตฺวาฯ ปฎิกฺกนฺตนฺติ ปิณฺฑปาตโต ปฎิกฺกนฺตํฯ เตนาห ‘‘โคจรโต นิวตฺต’’นฺติฯ อโวจาติ ‘‘เวสาลิยํ ลิจฺฉวิหํ, ภทเนฺต’’ติอาทิกํ อโวจฯ

    557-560. Tattha vāsūpagacchitthāti vāsaṃ upagacchi. Gihikiccānīti gehaṃ āvasantena kātabbakuṭumbakiccāni. Viceyyāti sundaravatthagahaṇatthaṃ vicinitvā. Paṭikkantanti piṇḍapātato paṭikkantaṃ. Tenāha ‘‘gocarato nivatta’’nti. Avocāti ‘‘vesāliyaṃ licchavihaṃ, bhadante’’tiādikaṃ avoca.

    ๕๖๒-๓. วิทาลยนฺตีติ วิผาลยนฺติฯ ปาทกุฐาริกาหีติ ปาทสงฺขาตาหิ กุฐารีหิฯ ปาตยนฺตีติ ปริปาตยนฺติฯ

    562-3.Vidālayantīti viphālayanti. Pādakuṭhārikāhīti pādasaṅkhātāhi kuṭhārīhi. Pātayantīti paripātayanti.

    ๕๖๔. ติเณนาติ ติณเคฺคนาปิฯ มูฬฺหสฺส มคฺคมฺปิ น ปาวทาสีติ มคฺคมูฬฺหสฺส มคฺคมฺปิ ตฺวํ น กถยสิ ‘‘เอวายํ ปุริสา อิโต จิโต จ ปริพฺภมตู’’ติฯ เกฬีสีโล หิ อยํ ราชาฯ สยมาทิยาสีติ อนฺธสฺส หตฺถโต ยฎฺฐิํ สยเมว อจฺฉินฺทิตฺวา คณฺหสิฯ สํวิภาคํ กโรสีติ อตฺตนา ปริภุญฺชิตพฺพวตฺถุโต เอกจฺจานิ ทตฺวา สํวิภชสิฯ

    564.Tiṇenāti tiṇaggenāpi. Mūḷhassa maggampi na pāvadāsīti maggamūḷhassa maggampi tvaṃ na kathayasi ‘‘evāyaṃ purisā ito cito ca paribbhamatū’’ti. Keḷīsīlo hi ayaṃ rājā. Sayamādiyāsīti andhassa hatthato yaṭṭhiṃ sayameva acchinditvā gaṇhasi. Saṃvibhāgaṃ karosīti attanā paribhuñjitabbavatthuto ekaccāni datvā saṃvibhajasi.

    ๕๖๕. ปเจฺจมิ, ภเนฺต, ยํ ตฺวํ วเทสีติ ‘‘ภเนฺต, ตฺวํ ปตฺตานิ ภิชฺชนฺตี’’ติอาทินา ยํ วเทสิ, ตํ ปฎิชานามิ, สพฺพเมเวตํ มยา กตํ การาปิตญฺจาติ ทเสฺสติฯ เอตมฺปีติ เอตํ ขิฑฺฑาธิปฺปาเยน กตมฺปิฯ

    565.Paccemi, bhante, yaṃ tvaṃ vadesīti ‘‘bhante, tvaṃ pattāni bhijjantī’’tiādinā yaṃ vadesi, taṃ paṭijānāmi, sabbamevetaṃ mayā kataṃ kārāpitañcāti dasseti. Etampīti etaṃ khiḍḍādhippāyena katampi.

    ๕๖๖-๗. ขิฑฺฑาติ ขิฑฺฑายฯ ปสวิตฺวาติ อุปจินิตฺวาฯ เวเทตีติ อนุภวติฯ อสมตฺตโภคีติ อปริปุณฺณโภโคฯ ตเมว อปริปุณฺณโภคตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ทหโร ยุวา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ นคฺคนิยสฺสาติ นคฺคภาวสฺสฯ กิํ สุ ตโต ทุกฺขตรสฺส โหตีติ กิํ สุ นาม ตโต นคฺคภาวโต ทุกฺขตรํ อสฺส เปตสฺส โหติฯ ยกฺขสฺสิมา คจฺฉนฺตุ ทกฺขิณาโยติ อิมา มยา ทิยฺยมานวตฺถทกฺขิณาโย เปตสฺส อุปกปฺปนฺตุฯ

    566-7.Khiḍḍāti khiḍḍāya. Pasavitvāti upacinitvā. Vedetīti anubhavati. Asamattabhogīti aparipuṇṇabhogo. Tameva aparipuṇṇabhogataṃ dassetuṃ ‘‘daharo yuvā’’tiādi vuttaṃ. Nagganiyassāti naggabhāvassa. Kiṃ su tato dukkhatarassa hotīti kiṃ su nāma tato naggabhāvato dukkhataraṃ assa petassa hoti. Yakkhassimā gacchantu dakkhiṇāyoti imā mayā diyyamānavatthadakkhiṇāyo petassa upakappantu.

    ๕๖๘-๗๒. พหุธา ปสตฺถนฺติ พหูหิ ปกาเรหิ พุทฺธาทีหิ วณฺณิตํฯ อกฺขยธมฺมมตฺถูติ อปริกฺขยธมฺมํ โหตุฯ อาจมยิตฺวาติ หตฺถปาทโธวนปุพฺพกํ มุขํ วิกฺขาเลตฺวาฯ จนฺทนสารลิตฺตนฺติ สารภูตจนฺทนลิตฺตํฯ อุฬารวณฺณนฺติ เสฎฺฐรูปํฯ ปริวาริตนฺติ อนุกุลวุตฺตินา ปริชเนน ปริวาริตํฯ ยกฺขมหิทฺธิปตฺตนฺติ มหติํ ยกฺขิทฺธิํ, เทวิทฺธิํ ปตฺวา ฐิตํฯ ตเมนมโวจาติ ตเมนํ อโวจฯ

    568-72.Bahudhāpasatthanti bahūhi pakārehi buddhādīhi vaṇṇitaṃ. Akkhayadhammamatthūti aparikkhayadhammaṃ hotu. Ācamayitvāti hatthapādadhovanapubbakaṃ mukhaṃ vikkhāletvā. Candanasāralittanti sārabhūtacandanalittaṃ. Uḷāravaṇṇanti seṭṭharūpaṃ. Parivāritanti anukulavuttinā parijanena parivāritaṃ. Yakkhamahiddhipattanti mahatiṃ yakkhiddhiṃ, deviddhiṃ patvā ṭhitaṃ. Tamenamavocāti tamenaṃ avoca.

    ๕๗๓. เอกเทสํ อทาสีติ จตูสุ ปจฺจเยสุ เอกเทสภูตํ วตฺถทานํ สนฺธาย วทติฯ สกฺขินฺติ สกฺขิภาวํฯ

    573.Ekadesaṃ adāsīti catūsu paccayesu ekadesabhūtaṃ vatthadānaṃ sandhāya vadati. Sakkhinti sakkhibhāvaṃ.

    ๕๗๔. มมาสีติ เม อาสิฯ เทวตา เมติ มยฺหํ เทวตา อาสีติ โยชนาฯ

    574.Mamāsīti me āsi. Devatā meti mayhaṃ devatā āsīti yojanā.

    ๕๗๕-๗. วิปฺปฎิปนฺนจิโตฺตติ มิจฺฉาทิฎฺฐิํ ปฎิปนฺนมานโส, ธมฺมิยํ ปฎิปทํ ปหาย อธมฺมิยํ ปฎิปทํ ปฎิปโนฺนติ อโตฺถฯ ยโตนิทานนฺติ ยนฺนิมิตฺตํ ยสฺส สนฺติกํ อาคมนเหตุฯ

    575-7.Vippaṭipannacittoti micchādiṭṭhiṃ paṭipannamānaso, dhammiyaṃ paṭipadaṃ pahāya adhammiyaṃ paṭipadaṃ paṭipannoti attho. Yatonidānanti yannimittaṃ yassa santikaṃ āgamanahetu.

    ๕๗๙. สํวิภชิตฺวาติ ทานสํวิภาคํ กตฺวาฯ สยํ มุเขนูปนิสชฺช ปุจฺฉาติ อเญฺญ ปุริเส อเปเสตฺวา อุปินิสีทิตฺวา สมฺมุเขเนว ปุจฺฉฯ

    579.Saṃvibhajitvāti dānasaṃvibhāgaṃ katvā. Sayaṃ mukhenūpanisajja pucchāti aññe purise apesetvā upinisīditvā sammukheneva puccha.

    ๕๘๑-๓. สนฺนิสินฺนนฺติ สนฺนิปติตวเสน นิสินฺนํฯ ลภิสฺสามิ อตฺถนฺติ มยา อิจฺฉิตมฺปิ อตฺถํ ลภิสฺสามิฯ ปณิหิตทโณฺฑติ ฐปิตสรีรทโณฺฑฯ อนุสตฺตรูโปติ ราชินิ อนุสตฺตสภาโวฯ วีสติรตฺติมตฺตาติ วีสติมตฺตา รตฺติโย อติวตฺตาติ อโตฺถฯ ตาหนฺติ ตํ อหํฯ ยถามตินฺติ มยฺหํ ยถารุจิฯ

    581-3.Sannisinnanti sannipatitavasena nisinnaṃ. Labhissāmi atthanti mayā icchitampi atthaṃ labhissāmi. Paṇihitadaṇḍoti ṭhapitasarīradaṇḍo. Anusattarūpoti rājini anusattasabhāvo. Vīsatirattimattāti vīsatimattā rattiyo ativattāti attho. Tāhanti taṃ ahaṃ. Yathāmatinti mayhaṃ yathāruci.

    ๕๘๔. เอตญฺจ อญฺญญฺจาติ เอตํ สูเล อาวุตํ ปุริสํ อญฺญญฺจ ยสฺส ราชาณา ปณิหิตา, ตญฺจฯ ลหุํ ปมุญฺจาติ สีฆํ โมเจหิฯ โก ตํ วเทถ ตถา กโรนฺตนฺติ ตถา ธมฺมิยกมฺมํ กโรนฺตํ ตํ อิมสฺมิํ วชฺชิรเฎฺฐ โก นาม ‘‘น ปโมเจหี’’ติ วเทยฺย, เอวํ วตฺตุํ โกจิปิ น ลภตีติ อโตฺถฯ

    584.Etañcaaññañcāti etaṃ sūle āvutaṃ purisaṃ aññañca yassa rājāṇā paṇihitā, tañca. Lahuṃ pamuñcāti sīghaṃ mocehi. Ko taṃ vadetha tathā karontanti tathā dhammiyakammaṃ karontaṃ taṃ imasmiṃ vajjiraṭṭhe ko nāma ‘‘na pamocehī’’ti vadeyya, evaṃ vattuṃ kocipi na labhatīti attho.

    ๕๘๕. ติกิจฺฉกานญฺจาติ ติกิจฺฉเก จฯ

    585.Tikicchakānañcāti tikicchake ca.

    ๕๘๘. ยกฺขสฺส วโจติ เปตสฺส วจนํ, ตสฺส, ภเนฺต, เปตสฺส วจเนน เอวมกาสินฺติ ทเสฺสติฯ

    588.Yakkhassa vacoti petassa vacanaṃ, tassa, bhante, petassa vacanena evamakāsinti dasseti.

    ๕๙๐. ธมฺมานีติ ปุเพฺพ กตํ ปาปกมฺมํ อภิภวิตุํ สมเตฺถ ปุญฺญธเมฺมฯ กมฺมํ สิยา อญฺญตฺร เวทนียนฺติ ยํ ตสฺมิํ ปาปกเมฺม อุปปชฺชเวทนียํ, ตํ อโหสิกมฺมํ นาม โหติฯ ยํ ปน อปรปริยายเวทนียํ, ตํ อญฺญตฺร อปรปริยาเย เวทยิตพฺพผลํ โหติ สติ สํสารปฺปวตฺติยนฺติ อโตฺถฯ

    590.Dhammānīti pubbe kataṃ pāpakammaṃ abhibhavituṃ samatthe puññadhamme. Kammaṃ siyā aññatra vedanīyanti yaṃ tasmiṃ pāpakamme upapajjavedanīyaṃ, taṃ ahosikammaṃ nāma hoti. Yaṃ pana aparapariyāyavedanīyaṃ, taṃ aññatra aparapariyāye vedayitabbaphalaṃ hoti sati saṃsārappavattiyanti attho.

    ๕๙๓. อิมญฺจาติ อตฺตนา วุจฺจมานํ ตาย อาสนฺนํ ปจฺจกฺขํ วาติ กตฺวา วุตฺตํฯ อริยํ อฎฺฐงฺควเรนุเปตนฺติ ปริสุทฺธเฎฺฐน อริยํ, ปาณาติปาตาเวรมณิอาทีหิ อฎฺฐหิ อเงฺคหิ อุเปตํ ยุตฺตํ อุตฺตมํ อุโปสถสีลํฯ กุสลนฺติ อนวชฺชํฯ สุขุทฺรยนฺติ สุขวิปากํฯ

    593.Imañcāti attanā vuccamānaṃ tāya āsannaṃ paccakkhaṃ vāti katvā vuttaṃ. Ariyaṃ aṭṭhaṅgavarenupetanti parisuddhaṭṭhena ariyaṃ, pāṇātipātāveramaṇiādīhi aṭṭhahi aṅgehi upetaṃ yuttaṃ uttamaṃ uposathasīlaṃ. Kusalanti anavajjaṃ. Sukhudrayanti sukhavipākaṃ.

    ๕๙๕. สทา ปุญฺญํ ปวฑฺฒตีติ สกิเทว ปุญฺญํ กตฺวา ‘‘อลเมตฺตาวตา’’ติ อปริตุโฎฺฐ หุตฺวา อปราปรํ สุจริตํ ปูเรนฺตสฺส สพฺพกาลํ ปุญฺญํ อภิวฑฺฒติ, อปราปรํ วา สุจริตํ ปูเรนฺตสฺส ปุญฺญสงฺขาตํ ปุญฺญผลํ อุปรูปริ วฑฺฒติ ปริปูเรตีติ อโตฺถฯ

    595.Sadā puññaṃ pavaḍḍhatīti sakideva puññaṃ katvā ‘‘alamettāvatā’’ti aparituṭṭho hutvā aparāparaṃ sucaritaṃ pūrentassa sabbakālaṃ puññaṃ abhivaḍḍhati, aparāparaṃ vā sucaritaṃ pūrentassa puññasaṅkhātaṃ puññaphalaṃ uparūpari vaḍḍhati paripūretīti attho.

    ๕๙๗. เอวํ เถเรน วุเตฺต ราชา อปายทุกฺขโต อุตฺรสฺตจิโตฺต รตนตฺตเย ปุญฺญธเมฺม จ อภิวฑฺฒมานปสาโท ตโต ปฎฺฐาย สรณานิ สีลานิ จ สมาทิยโนฺต ‘‘อเชฺชว พุทฺธํ สรณํ อุเปมี’’ติอาทิมาหฯ

    597. Evaṃ therena vutte rājā apāyadukkhato utrastacitto ratanattaye puññadhamme ca abhivaḍḍhamānapasādo tato paṭṭhāya saraṇāni sīlāni ca samādiyanto ‘‘ajjeva buddhaṃ saraṇaṃ upemī’’tiādimāha.

    ๖๐๑. ตตฺถ เอตาทิโสติ เอทิโส ยถาวุตฺตรูโปฯ เวสาลิยํ อญฺญตโร อุปาสโกติ เวสาลิยํ อเนกสหเสฺสสุ อุปาสเกสุ อญฺญตโร อุปาสโก หุตฺวาฯ สโทฺธติอาทิ กลฺยาณมิตฺตสนฺนิสฺสเยน ตสฺส ปุริมภาวโต อญฺญาทิสตํ ทเสฺสตุํ วุตฺตํฯ ปุเพฺพ หิ โส อสฺสโทฺธ กกฺขโฬ ภิกฺขูนํ อโกฺกสการโก สงฺฆสฺส จ อนุปฎฺฐาโก อโหสิฯ อิทานิ ปน สโทฺธ มุทุโก หุตฺวา ภิกฺขุสงฺฆญฺจ สกฺกจฺจํ ตทา อุปฎฺฐหีติฯ ตตฺต การกโรติ อุปการการีฯ

    601. Tattha etādisoti ediso yathāvuttarūpo. Vesāliyaṃ aññataro upāsakoti vesāliyaṃ anekasahassesu upāsakesu aññataro upāsako hutvā. Saddhotiādi kalyāṇamittasannissayena tassa purimabhāvato aññādisataṃ dassetuṃ vuttaṃ. Pubbe hi so assaddho kakkhaḷo bhikkhūnaṃ akkosakārako saṅghassa ca anupaṭṭhāko ahosi. Idāni pana saddho muduko hutvā bhikkhusaṅghañca sakkaccaṃ tadā upaṭṭhahīti. Tatta kārakaroti upakārakārī.

    ๖๐๒. อุโภปีติ เทฺวปิ สูลาวุโต ราชา จฯ สามญฺญผลานิ อชฺฌคุนฺติ ยถารหํ สามญฺญผลานิ อธิคจฺฉิํสุฯ ตยิทํ ยถารหํ ทเสฺสตุํ ‘‘สูลาวุโต อคฺคผลํ อผสฺสยิ, ผลํ กนิฎฺฐํ ปน อมฺพสกฺกโร’’ติ วุตฺตํฯ ตตฺถ ผลํ กนิฎฺฐนฺติ โสตาปตฺติผลํ สนฺธายาหฯ ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต อวิภตฺตํ, ตํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ

    602.Ubhopīti dvepi sūlāvuto rājā ca. Sāmaññaphalāni ajjhagunti yathārahaṃ sāmaññaphalāni adhigacchiṃsu. Tayidaṃ yathārahaṃ dassetuṃ ‘‘sūlāvuto aggaphalaṃ aphassayi, phalaṃ kaniṭṭhaṃ pana ambasakkaro’’ti vuttaṃ. Tattha phalaṃ kaniṭṭhanti sotāpattiphalaṃ sandhāyāha. Yaṃ panettha atthato avibhattaṃ, taṃ suviññeyyameva.

    เอวํ รญฺญา เปเตน อตฺตนา จ วุตฺตมตฺถํ อายสฺมา กปฺปิตโก สตฺถารํ วนฺทิตุํ สาวตฺถิํ คโต ภควโต อาโรเจสิ ฯ สตฺถา ตมตฺถํ อฎฺฐุปฺปตฺติํ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสสิฯ สา เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสีติฯ

    Evaṃ raññā petena attanā ca vuttamatthaṃ āyasmā kappitako satthāraṃ vandituṃ sāvatthiṃ gato bhagavato ārocesi . Satthā tamatthaṃ aṭṭhuppattiṃ katvā sampattaparisāya dhammaṃ desesi. Sā desanā mahājanassa sātthikā ahosīti.

    อมฺพสกฺกรเปตวตฺถุวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Ambasakkarapetavatthuvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เปตวตฺถุปาฬิ • Petavatthupāḷi / ๑. อมฺพสกฺกรเปตวตฺถุ • 1. Ambasakkarapetavatthu


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact