Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya |
๓. อมฺพฎฺฐสุตฺตํ
3. Ambaṭṭhasuttaṃ
๒๕๔. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา โกสเลสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ ปญฺจมเตฺตหิ ภิกฺขุสเตหิ เยน อิจฺฉานงฺคลํ นาม โกสลานํ พฺราหฺมณคาโม ตทวสริฯ ตตฺร สุทํ ภควา อิจฺฉานงฺคเล วิหรติ อิจฺฉานงฺคลวนสเณฺฑฯ
254. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā kosalesu cārikaṃ caramāno mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ pañcamattehi bhikkhusatehi yena icchānaṅgalaṃ nāma kosalānaṃ brāhmaṇagāmo tadavasari. Tatra sudaṃ bhagavā icchānaṅgale viharati icchānaṅgalavanasaṇḍe.
โปกฺขรสาติวตฺถุ
Pokkharasātivatthu
๒๕๕. เตน โข ปน สมเยน พฺราหฺมโณ โปกฺขรสาติ อุกฺกฎฺฐํ 1 อชฺฌาวสติ สตฺตุสฺสทํ สติณกโฎฺฐทกํ สธญฺญํ ราชโภคฺคํ รญฺญา ปเสนทินา โกสเลน ทินฺนํ ราชทายํ พฺรหฺมเทยฺยํฯ อโสฺสสิ โข พฺราหฺมโณ โปกฺขรสาติ – ‘‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม สกฺยปุโตฺต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต โกสเลสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ ปญฺจมเตฺตหิ ภิกฺขุสเตหิ อิจฺฉานงฺคลํ อนุปฺปโตฺต อิจฺฉานงฺคเล วิหรติ อิจฺฉานงฺคลวนสเณฺฑฯ ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสโทฺท อพฺภุคฺคโต – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ วิชฺชาจรณสมฺปโนฺน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุโทฺธ ภควา’ 2ฯ โส อิมํ โลกํ สเทวกํ สมารกํ สพฺรหฺมกํ สสฺสมณพฺราหฺมณิํ ปชํ สเทวมนุสฺสํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทติฯ โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มเชฺฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ, สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ, เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติฯ สาธุ โข ปน ตถารูปานํ อรหตํ ทสฺสนํ โหตี’’ติฯ
255. Tena kho pana samayena brāhmaṇo pokkharasāti ukkaṭṭhaṃ 3 ajjhāvasati sattussadaṃ satiṇakaṭṭhodakaṃ sadhaññaṃ rājabhoggaṃ raññā pasenadinā kosalena dinnaṃ rājadāyaṃ brahmadeyyaṃ. Assosi kho brāhmaṇo pokkharasāti – ‘‘samaṇo khalu, bho, gotamo sakyaputto sakyakulā pabbajito kosalesu cārikaṃ caramāno mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ pañcamattehi bhikkhusatehi icchānaṅgalaṃ anuppatto icchānaṅgale viharati icchānaṅgalavanasaṇḍe. Taṃ kho pana bhavantaṃ gotamaṃ evaṃ kalyāṇo kittisaddo abbhuggato – ‘itipi so bhagavā arahaṃ sammāsambuddho vijjācaraṇasampanno sugato lokavidū anuttaro purisadammasārathi satthā devamanussānaṃ buddho bhagavā’ 4. So imaṃ lokaṃ sadevakaṃ samārakaṃ sabrahmakaṃ sassamaṇabrāhmaṇiṃ pajaṃ sadevamanussaṃ sayaṃ abhiññā sacchikatvā pavedeti. So dhammaṃ deseti ādikalyāṇaṃ majjhekalyāṇaṃ pariyosānakalyāṇaṃ, sātthaṃ sabyañjanaṃ, kevalaparipuṇṇaṃ parisuddhaṃ brahmacariyaṃ pakāseti. Sādhu kho pana tathārūpānaṃ arahataṃ dassanaṃ hotī’’ti.
อมฺพฎฺฐมาณโว
Ambaṭṭhamāṇavo
๒๕๖. เตน โข ปน สมเยน พฺราหฺมณสฺส โปกฺขรสาติสฺส อมฺพโฎฺฐ นาม มาณโว อเนฺตวาสี โหติ อชฺฌายโก มนฺตธโร ติณฺณํ เวทานํ 5 ปารคู สนิฆณฺฑุเกฎุภานํ สากฺขรปฺปเภทานํ อิติหาสปญฺจมานํ ปทโก เวยฺยากรโณ โลกายตมหาปุริสลกฺขเณสุ อนวโย อนุญฺญาตปฎิญฺญาโต สเก อาจริยเก เตวิชฺชเก ปาวจเน – ‘‘ยมหํ ชานามิ, ตํ ตฺวํ ชานาสิ; ยํ ตฺวํ ชานาสิ ตมหํ ชานามี’’ติฯ
256. Tena kho pana samayena brāhmaṇassa pokkharasātissa ambaṭṭho nāma māṇavo antevāsī hoti ajjhāyako mantadharo tiṇṇaṃ vedānaṃ 6 pāragū sanighaṇḍukeṭubhānaṃ sākkharappabhedānaṃ itihāsapañcamānaṃ padako veyyākaraṇo lokāyatamahāpurisalakkhaṇesu anavayo anuññātapaṭiññāto sake ācariyake tevijjake pāvacane – ‘‘yamahaṃ jānāmi, taṃ tvaṃ jānāsi; yaṃ tvaṃ jānāsi tamahaṃ jānāmī’’ti.
๒๕๗. อถ โข พฺราหฺมโณ โปกฺขรสาติ อมฺพฎฺฐํ มาณวํ อามเนฺตสิ – ‘‘อยํ, ตาต อมฺพฎฺฐ, สมโณ โคตโม สกฺยปุโตฺต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต โกสเลสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ ปญฺจมเตฺตหิ ภิกฺขุสเตหิ อิจฺฉานงฺคลํ อนุปฺปโตฺต อิจฺฉานงฺคเล วิหรติ อิจฺฉานงฺคลวนสเณฺฑฯ ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสโทฺท อพฺภุคฺคโต – ‘อิติปิ โส ภควา, อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ วิชฺชาจรณสมฺปโนฺน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุโทฺธ ภควา’ฯ โส อิมํ โลกํ สเทวกํ สมารกํ สพฺรหฺมกํ สสฺสมณพฺราหฺมณิํ ปชํ สเทวมนุสฺสํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทติฯ โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มเชฺฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ, สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติฯ สาธุ โข ปน ตถารูปานํ อรหตํ ทสฺสนํ โหตีติฯ เอหิ ตฺวํ ตาต อมฺพฎฺฐ, เยน สมโณ โคตโม เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา สมณํ โคตมํ ชานาหิ, ยทิ วา ตํ ภวนฺตํ โคตมํ ตถาสนฺตํเยว สโทฺท อพฺภุคฺคโต, ยทิ วา โน ตถาฯ ยทิ วา โส ภวํ โคตโม ตาทิโส, ยทิ วา น ตาทิโส, ตถา มยํ ตํ ภวนฺตํ โคตมํ เวทิสฺสามา’’ติฯ
257. Atha kho brāhmaṇo pokkharasāti ambaṭṭhaṃ māṇavaṃ āmantesi – ‘‘ayaṃ, tāta ambaṭṭha, samaṇo gotamo sakyaputto sakyakulā pabbajito kosalesu cārikaṃ caramāno mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ pañcamattehi bhikkhusatehi icchānaṅgalaṃ anuppatto icchānaṅgale viharati icchānaṅgalavanasaṇḍe. Taṃ kho pana bhavantaṃ gotamaṃ evaṃ kalyāṇo kittisaddo abbhuggato – ‘itipi so bhagavā, arahaṃ sammāsambuddho vijjācaraṇasampanno sugato lokavidū anuttaro purisadammasārathi satthā devamanussānaṃ buddho bhagavā’. So imaṃ lokaṃ sadevakaṃ samārakaṃ sabrahmakaṃ sassamaṇabrāhmaṇiṃ pajaṃ sadevamanussaṃ sayaṃ abhiññā sacchikatvā pavedeti. So dhammaṃ deseti ādikalyāṇaṃ majjhekalyāṇaṃ pariyosānakalyāṇaṃ, sātthaṃ sabyañjanaṃ kevalaparipuṇṇaṃ parisuddhaṃ brahmacariyaṃ pakāseti. Sādhu kho pana tathārūpānaṃ arahataṃ dassanaṃ hotīti. Ehi tvaṃ tāta ambaṭṭha, yena samaṇo gotamo tenupasaṅkama; upasaṅkamitvā samaṇaṃ gotamaṃ jānāhi, yadi vā taṃ bhavantaṃ gotamaṃ tathāsantaṃyeva saddo abbhuggato, yadi vā no tathā. Yadi vā so bhavaṃ gotamo tādiso, yadi vā na tādiso, tathā mayaṃ taṃ bhavantaṃ gotamaṃ vedissāmā’’ti.
๒๕๘. ‘‘ยถา กถํ ปนาหํ, โภ, ตํ ภวนฺตํ โคตมํ ชานิสฺสามิ – ‘ยทิ วา ตํ ภวนฺตํ โคตมํ ตถาสนฺตํเยว สโทฺท อพฺภุคฺคโต, ยทิ วา โน ตถาฯ ยทิ วา โส ภวํ โคตโม ตาทิโส, ยทิ วา น ตาทิโส’’’ติ?
258. ‘‘Yathā kathaṃ panāhaṃ, bho, taṃ bhavantaṃ gotamaṃ jānissāmi – ‘yadi vā taṃ bhavantaṃ gotamaṃ tathāsantaṃyeva saddo abbhuggato, yadi vā no tathā. Yadi vā so bhavaṃ gotamo tādiso, yadi vā na tādiso’’’ti?
‘‘อาคตานิ โข, ตาต อมฺพฎฺฐ, อมฺหากํ มเนฺตสุ ทฺวตฺติํส มหาปุริสลกฺขณานิ, เยหิ สมนฺนาคตสฺส มหาปุริสสฺส เทฺวเยว คติโย ภวนฺติ อนญฺญาฯ สเจ อคารํ อชฺฌาวสติ, ราชา โหติ จกฺกวตฺตี ธมฺมิโก ธมฺมราชา จาตุรโนฺต วิชิตาวี ชนปทตฺถาวริยปฺปโตฺต สตฺตรตนสมนฺนาคโต ฯ ตสฺสิมานิ สตฺต รตนานิ ภวนฺติฯ เสยฺยถิทํ – จกฺกรตนํ, หตฺถิรตนํ, อสฺสรตนํ, มณิรตนํ, อิตฺถิรตนํ, คหปติรตนํ, ปริณายกรตนเมว สตฺตมํฯ ปโรสหสฺสํ โข ปนสฺส ปุตฺตา ภวนฺติ สูรา วีรงฺครูปา ปรเสนปฺปมทฺทนาฯ โส อิมํ ปถวิํ สาครปริยนฺตํ อทเณฺฑน อสเตฺถน ธเมฺมน อภิวิชิย อชฺฌาวสติฯ สเจ โข ปน อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติ , อรหํ โหติ สมฺมาสมฺพุโทฺธ โลเก วิวฎฺฎจฺฉโทฯ อหํ โข ปน, ตาต อมฺพฎฺฐ, มนฺตานํ ทาตา; ตฺวํ มนฺตานํ ปฎิคฺคเหตา’’ติฯ
‘‘Āgatāni kho, tāta ambaṭṭha, amhākaṃ mantesu dvattiṃsa mahāpurisalakkhaṇāni, yehi samannāgatassa mahāpurisassa dveyeva gatiyo bhavanti anaññā. Sace agāraṃ ajjhāvasati, rājā hoti cakkavattī dhammiko dhammarājā cāturanto vijitāvī janapadatthāvariyappatto sattaratanasamannāgato . Tassimāni satta ratanāni bhavanti. Seyyathidaṃ – cakkaratanaṃ, hatthiratanaṃ, assaratanaṃ, maṇiratanaṃ, itthiratanaṃ, gahapatiratanaṃ, pariṇāyakaratanameva sattamaṃ. Parosahassaṃ kho panassa puttā bhavanti sūrā vīraṅgarūpā parasenappamaddanā. So imaṃ pathaviṃ sāgarapariyantaṃ adaṇḍena asatthena dhammena abhivijiya ajjhāvasati. Sace kho pana agārasmā anagāriyaṃ pabbajati , arahaṃ hoti sammāsambuddho loke vivaṭṭacchado. Ahaṃ kho pana, tāta ambaṭṭha, mantānaṃ dātā; tvaṃ mantānaṃ paṭiggahetā’’ti.
๒๕๙. ‘‘เอวํ, โภ’’ติ โข อมฺพโฎฺฐ มาณโว พฺราหฺมณสฺส โปกฺขรสาติสฺส ปฎิสฺสุตฺวา อุฎฺฐายาสนา พฺราหฺมณํ โปกฺขรสาติํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา วฬวารถมารุยฺห สมฺพหุเลหิ มาณวเกหิ สทฺธิํ เยน อิจฺฉานงฺคลวนสโณฺฑ เตน ปายาสิฯ ยาวติกา ยานสฺส ภูมิ ยาเนน คนฺตฺวา ยานา ปโจฺจโรหิตฺวา ปตฺติโกว อารามํ ปาวิสิฯ เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา ภิกฺขู อโพฺภกาเส จงฺกมนฺติฯ อถ โข อมฺพโฎฺฐ มาณโว เยน เต ภิกฺขู เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เต ภิกฺขู เอตทโวจ – ‘‘กหํ นุ โข, โภ, เอตรหิ โส ภวํ โคตโม วิหรติ? ตญฺหิ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ ทสฺสนาย อิธูปสงฺกนฺตา’’ติฯ
259. ‘‘Evaṃ, bho’’ti kho ambaṭṭho māṇavo brāhmaṇassa pokkharasātissa paṭissutvā uṭṭhāyāsanā brāhmaṇaṃ pokkharasātiṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā vaḷavārathamāruyha sambahulehi māṇavakehi saddhiṃ yena icchānaṅgalavanasaṇḍo tena pāyāsi. Yāvatikā yānassa bhūmi yānena gantvā yānā paccorohitvā pattikova ārāmaṃ pāvisi. Tena kho pana samayena sambahulā bhikkhū abbhokāse caṅkamanti. Atha kho ambaṭṭho māṇavo yena te bhikkhū tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā te bhikkhū etadavoca – ‘‘kahaṃ nu kho, bho, etarahi so bhavaṃ gotamo viharati? Tañhi mayaṃ bhavantaṃ gotamaṃ dassanāya idhūpasaṅkantā’’ti.
๒๖๐. อถ โข เตสํ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ‘‘อยํ โข อมฺพโฎฺฐ มาณโว อภิญฺญาตโกลโญฺญ เจว อภิญฺญาตสฺส จ พฺราหฺมณสฺส โปกฺขรสาติสฺส อเนฺตวาสีฯ อครุ โข ปน ภควโต เอวรูเปหิ กุลปุเตฺตหิ สทฺธิํ กถาสลฺลาโป โหตี’’ติฯ เต อมฺพฎฺฐํ มาณวํ เอตทโวจุํ – ‘‘เอโส อมฺพฎฺฐ วิหาโร สํวุตทฺวาโร, เตน อปฺปสโทฺท อุปสงฺกมิตฺวา อตรมาโน อาฬินฺทํ ปวิสิตฺวา อุกฺกาสิตฺวา อคฺคฬํ อาโกเฎหิ, วิวริสฺสติ เต ภควา ทฺวาร’’นฺติฯ
260. Atha kho tesaṃ bhikkhūnaṃ etadahosi – ‘‘ayaṃ kho ambaṭṭho māṇavo abhiññātakolañño ceva abhiññātassa ca brāhmaṇassa pokkharasātissa antevāsī. Agaru kho pana bhagavato evarūpehi kulaputtehi saddhiṃ kathāsallāpo hotī’’ti. Te ambaṭṭhaṃ māṇavaṃ etadavocuṃ – ‘‘eso ambaṭṭha vihāro saṃvutadvāro, tena appasaddo upasaṅkamitvā ataramāno āḷindaṃ pavisitvā ukkāsitvā aggaḷaṃ ākoṭehi, vivarissati te bhagavā dvāra’’nti.
๒๖๑. อถ โข อมฺพโฎฺฐ มาณโว เยน โส วิหาโร สํวุตทฺวาโร, เตน อปฺปสโทฺท อุปสงฺกมิตฺวา อตรมาโน อาฬินฺทํ ปวิสิตฺวา อุกฺกาสิตฺวา อคฺคฬํ อาโกเฎสิฯ วิวริ ภควา ทฺวารํฯ ปาวิสิ อมฺพโฎฺฐ มาณโวฯ มาณวกาปิ ปวิสิตฺวา ภควตา สทฺธิํ สโมฺมทิํสุ, สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ อมฺพโฎฺฐ ปน มาณโว จงฺกมโนฺตปิ นิสิเนฺนน ภควตา กญฺจิ กญฺจิ 7 กถํ สารณียํ วีติสาเรติ, ฐิโตปิ นิสิเนฺนน ภควตา กิญฺจิ กิญฺจิ กถํ สารณียํ วีติสาเรติฯ
261. Atha kho ambaṭṭho māṇavo yena so vihāro saṃvutadvāro, tena appasaddo upasaṅkamitvā ataramāno āḷindaṃ pavisitvā ukkāsitvā aggaḷaṃ ākoṭesi. Vivari bhagavā dvāraṃ. Pāvisi ambaṭṭho māṇavo. Māṇavakāpi pavisitvā bhagavatā saddhiṃ sammodiṃsu, sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Ambaṭṭho pana māṇavo caṅkamantopi nisinnena bhagavatā kañci kañci 8 kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāreti, ṭhitopi nisinnena bhagavatā kiñci kiñci kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāreti.
๒๖๒. อถ โข ภควา อมฺพฎฺฐํ มาณวํ เอตทโวจ – ‘‘เอวํ นุ เต, อมฺพฎฺฐ, พฺราหฺมเณหิ วุเทฺธหิ มหลฺลเกหิ อาจริยปาจริเยหิ สทฺธิํ กถาสลฺลาโป โหติ, ยถยิทํ จรํ ติฎฺฐํ นิสิเนฺนน มยา กิญฺจิ กิญฺจิ กถํ สารณียํ วีติสาเรตี’’ติ?
262. Atha kho bhagavā ambaṭṭhaṃ māṇavaṃ etadavoca – ‘‘evaṃ nu te, ambaṭṭha, brāhmaṇehi vuddhehi mahallakehi ācariyapācariyehi saddhiṃ kathāsallāpo hoti, yathayidaṃ caraṃ tiṭṭhaṃ nisinnena mayā kiñci kiñci kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretī’’ti?
ปฐมอิพฺภวาโท
Paṭhamaibbhavādo
๒๖๓. ‘‘โน หิทํ, โภ โคตมฯ คจฺฉโนฺต วา หิ, โภ โคตม, คจฺฉเนฺตน พฺราหฺมโณ พฺราหฺมเณน สทฺธิํ สลฺลปิตุมรหติ, ฐิโต วา หิ, โภ โคตม, ฐิเตน พฺราหฺมโณ พฺราหฺมเณน สทฺธิํ สลฺลปิตุมรหติ, นิสิโนฺน วา หิ, โภ โคตม, นิสิเนฺนน พฺราหฺมโณ พฺราหฺมเณน สทฺธิํ สลฺลปิตุมรหติ, สยาโน วา หิ, โภ โคตม, สยาเนน พฺราหฺมโณ พฺราหฺมเณน สทฺธิํ สลฺลปิตุมรหติฯ เย จ โข เต, โภ โคตม, มุณฺฑกา สมณกา อิพฺภา กณฺหา 9 พนฺธุปาทาปจฺจา, เตหิปิ เม สทฺธิํ เอวํ กถาสลฺลาโป โหติ, ยถริว โภตา โคตเมนา’’ติฯ ‘‘อตฺถิกวโต โข ปน เต, อมฺพฎฺฐ, อิธาคมนํ อโหสิ, ยาเยว โข ปนตฺถาย อาคเจฺฉยฺยาถ 10, ตเมว อตฺถํ สาธุกํ มนสิ กเรยฺยาถ 11ฯ อวุสิตวาเยว โข ปน โภ อยํ อมฺพโฎฺฐ มาณโว วุสิตมานี กิมญฺญตฺร อวุสิตตฺตา’’ติฯ
263. ‘‘No hidaṃ, bho gotama. Gacchanto vā hi, bho gotama, gacchantena brāhmaṇo brāhmaṇena saddhiṃ sallapitumarahati, ṭhito vā hi, bho gotama, ṭhitena brāhmaṇo brāhmaṇena saddhiṃ sallapitumarahati, nisinno vā hi, bho gotama, nisinnena brāhmaṇo brāhmaṇena saddhiṃ sallapitumarahati, sayāno vā hi, bho gotama, sayānena brāhmaṇo brāhmaṇena saddhiṃ sallapitumarahati. Ye ca kho te, bho gotama, muṇḍakā samaṇakā ibbhā kaṇhā 12 bandhupādāpaccā, tehipi me saddhiṃ evaṃ kathāsallāpo hoti, yathariva bhotā gotamenā’’ti. ‘‘Atthikavato kho pana te, ambaṭṭha, idhāgamanaṃ ahosi, yāyeva kho panatthāya āgaccheyyātha 13, tameva atthaṃ sādhukaṃ manasi kareyyātha 14. Avusitavāyeva kho pana bho ayaṃ ambaṭṭho māṇavo vusitamānī kimaññatra avusitattā’’ti.
๒๖๔. อถ โข อมฺพโฎฺฐ มาณโว ภควตา อวุสิตวาเทน วุจฺจมาโน กุปิโต อนตฺตมโน ภควนฺตํเยว ขุํเสโนฺต ภควนฺตํเยว วเมฺภโนฺต ภควนฺตํเยว อุปวทมาโน – ‘‘สมโณ จ เม, โภ, โคตโม ปาปิโต ภวิสฺสตี’’ติ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘จณฺฑา, โภ โคตม, สกฺยชาติ; ผรุสา, โภ โคตม, สกฺยชาติ; ลหุสา, โภ โคตม, สกฺยชาติ; ภสฺสา, โภ โคตม, สกฺยชาติ; อิพฺภา สนฺตา อิพฺภา สมานา น พฺราหฺมเณ สกฺกโรนฺติ, น พฺราหฺมเณ ครุํ กโรนฺติ 15, น พฺราหฺมเณ มาเนนฺติ, น พฺราหฺมเณ ปูเชนฺติ, น พฺราหฺมเณ อปจายนฺติฯ ตยิทํ, โภ โคตม, นจฺฉนฺนํ, ตยิทํ นปฺปติรูปํ, ยทิเม สกฺยา อิพฺภา สนฺตา อิพฺภา สมานา น พฺราหฺมเณ สกฺกโรนฺติ, น พฺราหฺมเณ ครุํ กโรนฺติ, น พฺราหฺมเณ มาเนนฺติ, น พฺราหฺมเณ ปูเชนฺติ, น พฺราหฺมเณ อปจายนฺตี’’ติฯ อิติห อมฺพโฎฺฐ มาณโว อิทํ ปฐมํ สเกฺยสุ อิพฺภวาทํ นิปาเตสิฯ
264. Atha kho ambaṭṭho māṇavo bhagavatā avusitavādena vuccamāno kupito anattamano bhagavantaṃyeva khuṃsento bhagavantaṃyeva vambhento bhagavantaṃyeva upavadamāno – ‘‘samaṇo ca me, bho, gotamo pāpito bhavissatī’’ti bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘caṇḍā, bho gotama, sakyajāti; pharusā, bho gotama, sakyajāti; lahusā, bho gotama, sakyajāti; bhassā, bho gotama, sakyajāti; ibbhā santā ibbhā samānā na brāhmaṇe sakkaronti, na brāhmaṇe garuṃ karonti 16, na brāhmaṇe mānenti, na brāhmaṇe pūjenti, na brāhmaṇe apacāyanti. Tayidaṃ, bho gotama, nacchannaṃ, tayidaṃ nappatirūpaṃ, yadime sakyā ibbhā santā ibbhā samānā na brāhmaṇe sakkaronti, na brāhmaṇe garuṃ karonti, na brāhmaṇe mānenti, na brāhmaṇe pūjenti, na brāhmaṇe apacāyantī’’ti. Itiha ambaṭṭho māṇavo idaṃ paṭhamaṃ sakyesu ibbhavādaṃ nipātesi.
ทุติยอิพฺภวาโท
Dutiyaibbhavādo
๒๖๕. ‘‘กิํ ปน เต, อมฺพฎฺฐ, สกฺยา อปรทฺธุ’’นฺติ? ‘‘เอกมิทาหํ, โภ โคตม, สมยํ อาจริยสฺส พฺราหฺมณสฺส โปกฺขรสาติสฺส เกนจิเทว กรณีเยน กปิลวตฺถุํ อคมาสิํฯ เยน สกฺยานํ สนฺธาคารํ เตนุปสงฺกมิํฯ เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา สกฺยา เจว สกฺยกุมารา จ สนฺธาคาเร 17 อุเจฺจสุ อาสเนสุ นิสินฺนา โหนฺติ อญฺญมญฺญํ องฺคุลิปโตทเกหิ 18 สญฺชคฺฆนฺตา สํกีฬนฺตา, อญฺญทตฺถุ มมเญฺญว มเญฺญ อนุชคฺฆนฺตา, น มํ โกจิ อาสเนนปิ นิมเนฺตสิฯ ตยิทํ, โภ โคตม, นจฺฉนฺนํ, ตยิทํ นปฺปติรูปํ, ยทิเม สกฺยา อิพฺภา สนฺตา อิพฺภา สมานา น พฺราหฺมเณ สกฺกโรนฺติ, น พฺราหฺมเณ ครุํ กโรนฺติ, น พฺราหฺมเณ มาเนนฺติ, น พฺราหฺมเณ ปูเชนฺติ, น พฺราหฺมเณ อปจายนฺตี’’ติฯ อิติห อมฺพโฎฺฐ มาณโว อิทํ ทุติยํ สเกฺยสุ อิพฺภวาทํ นิปาเตสิฯ
265. ‘‘Kiṃ pana te, ambaṭṭha, sakyā aparaddhu’’nti? ‘‘Ekamidāhaṃ, bho gotama, samayaṃ ācariyassa brāhmaṇassa pokkharasātissa kenacideva karaṇīyena kapilavatthuṃ agamāsiṃ. Yena sakyānaṃ sandhāgāraṃ tenupasaṅkamiṃ. Tena kho pana samayena sambahulā sakyā ceva sakyakumārā ca sandhāgāre 19 uccesu āsanesu nisinnā honti aññamaññaṃ aṅgulipatodakehi 20 sañjagghantā saṃkīḷantā, aññadatthu mamaññeva maññe anujagghantā, na maṃ koci āsanenapi nimantesi. Tayidaṃ, bho gotama, nacchannaṃ, tayidaṃ nappatirūpaṃ, yadime sakyā ibbhā santā ibbhā samānā na brāhmaṇe sakkaronti, na brāhmaṇe garuṃ karonti, na brāhmaṇe mānenti, na brāhmaṇe pūjenti, na brāhmaṇe apacāyantī’’ti. Itiha ambaṭṭho māṇavo idaṃ dutiyaṃ sakyesu ibbhavādaṃ nipātesi.
ตติยอิพฺภวาโท
Tatiyaibbhavādo
๒๖๖. ‘‘ลฎุกิกาปิ โข, อมฺพฎฺฐ, สกุณิกา สเก กุลาวเก กามลาปินี โหติฯ สกํ โข ปเนตํ, อมฺพฎฺฐ, สกฺยานํ ยทิทํ กปิลวตฺถุํ, นารหตายสฺมา อมฺพโฎฺฐ อิมาย อปฺปมตฺตาย อภิสชฺชิตุ’’นฺติฯ ‘‘จตฺตาโรเม, โภ โคตม, วณฺณา – ขตฺติยา พฺราหฺมณา เวสฺสา สุทฺทาฯ อิเมสญฺหิ, โภ โคตม, จตุนฺนํ วณฺณานํ ตโย วณฺณา – ขตฺติยา จ เวสฺสา จ สุทฺทา จ – อญฺญทตฺถุ พฺราหฺมณเสฺสว ปริจารกา สมฺปชฺชนฺติฯ ตยิทํ, โภ โคตม , นจฺฉนฺนํ, ตยิทํ นปฺปติรูปํ, ยทิเม สกฺยา อิพฺภา สนฺตา อิพฺภา สมานา น พฺราหฺมเณ สกฺกโรนฺติ, น พฺราหฺมเณ ครุํ กโรนฺติ, น พฺราหฺมเณ มาเนนฺติ, น พฺราหฺมเณ ปูเชนฺติ, น พฺราหฺมเณ อปจายนฺตี’’ติฯ อิติห อมฺพโฎฺฐ มาณโว อิทํ ตติยํ สเกฺยสุ อิพฺภวาทํ นิปาเตสิฯ
266. ‘‘Laṭukikāpi kho, ambaṭṭha, sakuṇikā sake kulāvake kāmalāpinī hoti. Sakaṃ kho panetaṃ, ambaṭṭha, sakyānaṃ yadidaṃ kapilavatthuṃ, nārahatāyasmā ambaṭṭho imāya appamattāya abhisajjitu’’nti. ‘‘Cattārome, bho gotama, vaṇṇā – khattiyā brāhmaṇā vessā suddā. Imesañhi, bho gotama, catunnaṃ vaṇṇānaṃ tayo vaṇṇā – khattiyā ca vessā ca suddā ca – aññadatthu brāhmaṇasseva paricārakā sampajjanti. Tayidaṃ, bho gotama , nacchannaṃ, tayidaṃ nappatirūpaṃ, yadime sakyā ibbhā santā ibbhā samānā na brāhmaṇe sakkaronti, na brāhmaṇe garuṃ karonti, na brāhmaṇe mānenti, na brāhmaṇe pūjenti, na brāhmaṇe apacāyantī’’ti. Itiha ambaṭṭho māṇavo idaṃ tatiyaṃ sakyesu ibbhavādaṃ nipātesi.
ทาสิปุตฺตวาโท
Dāsiputtavādo
๒๖๗. อถ โข ภควโต เอตทโหสิ – ‘‘อติพาฬฺหํ โข อยํ อมฺพโฎฺฐ มาณโว สเกฺยสุ อิพฺภวาเทน นิมฺมาเทติ, ยํนูนาหํ โคตฺตํ ปุเจฺฉยฺย’’นฺติฯ อถ โข ภควา อมฺพฎฺฐํ มาณวํ เอตทโวจ – ‘‘กถํ โคโตฺตสิ, อมฺพฎฺฐา’’ติ? ‘‘กณฺหายโนหมสฺมิ, โภ โคตมา’’ติฯ โปราณํ โข ปน เต อมฺพฎฺฐ มาตาเปตฺติกํ นามโคตฺตํ อนุสฺสรโต อยฺยปุตฺตา สกฺยา ภวนฺติ; ทาสิปุโตฺต ตฺวมสิ สกฺยานํฯ สกฺยา โข ปน, อมฺพฎฺฐ, ราชานํ โอกฺกากํ ปิตามหํ ทหนฺติฯ
267. Atha kho bhagavato etadahosi – ‘‘atibāḷhaṃ kho ayaṃ ambaṭṭho māṇavo sakyesu ibbhavādena nimmādeti, yaṃnūnāhaṃ gottaṃ puccheyya’’nti. Atha kho bhagavā ambaṭṭhaṃ māṇavaṃ etadavoca – ‘‘kathaṃ gottosi, ambaṭṭhā’’ti? ‘‘Kaṇhāyanohamasmi, bho gotamā’’ti. Porāṇaṃ kho pana te ambaṭṭha mātāpettikaṃ nāmagottaṃ anussarato ayyaputtā sakyā bhavanti; dāsiputto tvamasi sakyānaṃ. Sakyā kho pana, ambaṭṭha, rājānaṃ okkākaṃ pitāmahaṃ dahanti.
‘‘ภูตปุพฺพํ, อมฺพฎฺฐ, ราชา โอกฺกาโก ยา สา มเหสี ปิยา มนาปา, ตสฺสา ปุตฺตสฺส รชฺชํ ปริณาเมตุกาโม เชฎฺฐกุมาเร รฎฺฐสฺมา ปพฺพาเชสิ – โอกฺกามุขํ กรกณฺฑํ 21 หตฺถินิกํ สินิสูรํ 22ฯ เต รฎฺฐสฺมา ปพฺพาชิตา หิมวนฺตปเสฺส โปกฺขรณิยา ตีเร มหาสากสโณฺฑ, ตตฺถ วาสํ กเปฺปสุํฯ เต ชาติสเมฺภทภยา สกาหิ ภคินีหิ สทฺธิํ สํวาสํ กเปฺปสุํฯ
‘‘Bhūtapubbaṃ, ambaṭṭha, rājā okkāko yā sā mahesī piyā manāpā, tassā puttassa rajjaṃ pariṇāmetukāmo jeṭṭhakumāre raṭṭhasmā pabbājesi – okkāmukhaṃ karakaṇḍaṃ 23 hatthinikaṃ sinisūraṃ 24. Te raṭṭhasmā pabbājitā himavantapasse pokkharaṇiyā tīre mahāsākasaṇḍo, tattha vāsaṃ kappesuṃ. Te jātisambhedabhayā sakāhi bhaginīhi saddhiṃ saṃvāsaṃ kappesuṃ.
‘‘อถ โข, อมฺพฎฺฐ, ราชา โอกฺกาโก อมเจฺจ ปาริสเชฺช อามเนฺตสิ – ‘กหํ นุ โข, โภ, เอตรหิ กุมารา สมฺมนฺตี’ติ? ‘อตฺถิ, เทว, หิมวนฺตปเสฺส โปกฺขรณิยา ตีเร มหาสากสโณฺฑ , ตเตฺถตรหิ กุมารา สมฺมนฺติฯ เต ชาติสเมฺภทภยา สกาหิ ภคินีหิ สทฺธิํ สํวาสํ กเปฺปนฺตี’ติฯ อถ โข, อมฺพฎฺฐ, ราชา โอกฺกาโก อุทานํ อุทาเนสิ – ‘สกฺยา วต, โภ, กุมารา, ปรมสกฺยา วต, โภ, กุมารา’ติฯ ตทเคฺค โข ปน อมฺพฎฺฐ สกฺยา ปญฺญายนฺติ; โส จ เนสํ ปุพฺพปุริโสฯ
‘‘Atha kho, ambaṭṭha, rājā okkāko amacce pārisajje āmantesi – ‘kahaṃ nu kho, bho, etarahi kumārā sammantī’ti? ‘Atthi, deva, himavantapasse pokkharaṇiyā tīre mahāsākasaṇḍo , tatthetarahi kumārā sammanti. Te jātisambhedabhayā sakāhi bhaginīhi saddhiṃ saṃvāsaṃ kappentī’ti. Atha kho, ambaṭṭha, rājā okkāko udānaṃ udānesi – ‘sakyā vata, bho, kumārā, paramasakyā vata, bho, kumārā’ti. Tadagge kho pana ambaṭṭha sakyā paññāyanti; so ca nesaṃ pubbapuriso.
‘‘รโญฺญ โข ปน, อมฺพฎฺฐ, โอกฺกากสฺส ทิสา นาม ทาสี อโหสิฯ สา กณฺหํ นาม 25 ชเนสิฯ ชาโต กโณฺห ปพฺยาหาสิ – ‘โธวถ มํ, อมฺม, นหาเปถ มํ อมฺม, อิมสฺมา มํ อสุจิสฺมา ปริโมเจถ, อตฺถาย โว ภวิสฺสามี’ติฯ ยถา โข ปน อมฺพฎฺฐ เอตรหิ มนุสฺสา ปิสาเจ ทิสฺวา ‘ปิสาจา’ติ สญฺชานนฺติ; เอวเมว โข, อมฺพฎฺฐ, เตน โข ปน สมเยน มนุสฺสา ปิสาเจ ‘กณฺหา’ติ สญฺชานนฺติฯ เต เอวมาหํสุ – ‘อยํ ชาโต ปพฺยาหาสิ, กโณฺห ชาโต, ปิสาโจ ชาโต’ติฯ ตทเคฺค โข ปน, อมฺพฎฺฐ กณฺหายนา ปญฺญายนฺติ, โส จ กณฺหายนานํ ปุพฺพปุริโสฯ อิติ โข เต , อมฺพฎฺฐ, โปราณํ มาตาเปตฺติกํ นามโคตฺตํ อนุสฺสรโต อยฺยปุตฺตา สกฺยา ภวนฺติ, ทาสิปุโตฺต ตฺวมสิ สกฺยาน’’นฺติฯ
‘‘Rañño kho pana, ambaṭṭha, okkākassa disā nāma dāsī ahosi. Sā kaṇhaṃ nāma 26 janesi. Jāto kaṇho pabyāhāsi – ‘dhovatha maṃ, amma, nahāpetha maṃ amma, imasmā maṃ asucismā parimocetha, atthāya vo bhavissāmī’ti. Yathā kho pana ambaṭṭha etarahi manussā pisāce disvā ‘pisācā’ti sañjānanti; evameva kho, ambaṭṭha, tena kho pana samayena manussā pisāce ‘kaṇhā’ti sañjānanti. Te evamāhaṃsu – ‘ayaṃ jāto pabyāhāsi, kaṇho jāto, pisāco jāto’ti. Tadagge kho pana, ambaṭṭha kaṇhāyanā paññāyanti, so ca kaṇhāyanānaṃ pubbapuriso. Iti kho te , ambaṭṭha, porāṇaṃ mātāpettikaṃ nāmagottaṃ anussarato ayyaputtā sakyā bhavanti, dāsiputto tvamasi sakyāna’’nti.
๒๖๘. เอวํ วุเตฺต, เต มาณวกา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘มา ภวํ โคตโม อมฺพฎฺฐํ อติพาฬฺหํ ทาสิปุตฺตวาเทน นิมฺมาเทสิฯ สุชาโต จ, โภ โคตม อมฺพโฎฺฐ มาณโว, กุลปุโตฺต จ อมฺพโฎฺฐ มาณโว, พหุสฺสุโต จ อมฺพโฎฺฐ มาณโว, กลฺยาณวากฺกรโณ จ อมฺพโฎฺฐ มาณโว, ปณฺฑิโต จ อมฺพโฎฺฐ มาณโว, ปโหติ จ อมฺพโฎฺฐ มาณโว โภตา โคตเมน สทฺธิํ อสฺมิํ วจเน ปฎิมเนฺตตุ’’นฺติฯ
268. Evaṃ vutte, te māṇavakā bhagavantaṃ etadavocuṃ – ‘‘mā bhavaṃ gotamo ambaṭṭhaṃ atibāḷhaṃ dāsiputtavādena nimmādesi. Sujāto ca, bho gotama ambaṭṭho māṇavo, kulaputto ca ambaṭṭho māṇavo, bahussuto ca ambaṭṭho māṇavo, kalyāṇavākkaraṇo ca ambaṭṭho māṇavo, paṇḍito ca ambaṭṭho māṇavo, pahoti ca ambaṭṭho māṇavo bhotā gotamena saddhiṃ asmiṃ vacane paṭimantetu’’nti.
๒๖๙. อถ โข ภควา เต มาณวเก เอตทโวจ – ‘‘สเจ โข ตุมฺหากํ มาณวกานํ เอวํ โหติ – ‘ทุชฺชาโต จ อมฺพโฎฺฐ มาณโว, อกุลปุโตฺต จ อมฺพโฎฺฐ มาณโว, อปฺปสฺสุโต จ อมฺพโฎฺฐ มาณโว, อกลฺยาณวากฺกรโณ จ อมฺพโฎฺฐ มาณโว, ทุปฺปโญฺญ จ อมฺพโฎฺฐ มาณโว, น จ ปโหติ อมฺพโฎฺฐ มาณโว สมเณน โคตเมน สทฺธิํ อสฺมิํ วจเน ปฎิมเนฺตตุ’นฺติ, ติฎฺฐตุ อมฺพโฎฺฐ มาณโว, ตุเมฺห มยา สทฺธิํ มนฺตโวฺห อสฺมิํ วจเนฯ สเจ ปน ตุมฺหากํ มาณวกานํ เอวํ โหติ – ‘สุชาโต จ อมฺพโฎฺฐ มาณโว, กุลปุโตฺต จ อมฺพโฎฺฐ มาณโว, พหุสฺสุโต จ อมฺพโฎฺฐ มาณโว, กลฺยาณวากฺกรโณ จ อมฺพโฎฺฐ มาณโว, ปณฺฑิโต จ อมฺพโฎฺฐ มาณโว, ปโหติ จ อมฺพโฎฺฐ มาณโว สมเณน โคตเมน สทฺธิํ อสฺมิํ วจเน ปฎิมเนฺตตุ’นฺติ, ติฎฺฐถ ตุเมฺห; อมฺพโฎฺฐ มาณโว มยา สทฺธิํ ปฎิมเนฺตตู’’ติฯ
269. Atha kho bhagavā te māṇavake etadavoca – ‘‘sace kho tumhākaṃ māṇavakānaṃ evaṃ hoti – ‘dujjāto ca ambaṭṭho māṇavo, akulaputto ca ambaṭṭho māṇavo, appassuto ca ambaṭṭho māṇavo, akalyāṇavākkaraṇo ca ambaṭṭho māṇavo, duppañño ca ambaṭṭho māṇavo, na ca pahoti ambaṭṭho māṇavo samaṇena gotamena saddhiṃ asmiṃ vacane paṭimantetu’nti, tiṭṭhatu ambaṭṭho māṇavo, tumhe mayā saddhiṃ mantavho asmiṃ vacane. Sace pana tumhākaṃ māṇavakānaṃ evaṃ hoti – ‘sujāto ca ambaṭṭho māṇavo, kulaputto ca ambaṭṭho māṇavo, bahussuto ca ambaṭṭho māṇavo, kalyāṇavākkaraṇo ca ambaṭṭho māṇavo, paṇḍito ca ambaṭṭho māṇavo, pahoti ca ambaṭṭho māṇavo samaṇena gotamena saddhiṃ asmiṃ vacane paṭimantetu’nti, tiṭṭhatha tumhe; ambaṭṭho māṇavo mayā saddhiṃ paṭimantetū’’ti.
‘‘สุชาโต จ, โภ โคตม, อมฺพโฎฺฐ มาณโว, กุลปุโตฺต จ อมฺพโฎฺฐ มาณโว, พหุสฺสุโต จ อมฺพโฎฺฐ มาณโว, กลฺยาณวากฺกรโณ จ อมฺพโฎฺฐ มาณโว, ปณฺฑิโต จ อมฺพโฎฺฐ มาณโว, ปโหติ จ อมฺพโฎฺฐ มาณโว โภตา โคตเมน สทฺธิํ อสฺมิํ วจเน ปฎิมเนฺตตุํ, ตุณฺหี มยํ ภวิสฺสาม, อมฺพโฎฺฐ มาณโว โภตา โคตเมน สทฺธิํ อสฺมิํ วจเน ปฎิมเนฺตตู’’ติฯ
‘‘Sujāto ca, bho gotama, ambaṭṭho māṇavo, kulaputto ca ambaṭṭho māṇavo, bahussuto ca ambaṭṭho māṇavo, kalyāṇavākkaraṇo ca ambaṭṭho māṇavo, paṇḍito ca ambaṭṭho māṇavo, pahoti ca ambaṭṭho māṇavo bhotā gotamena saddhiṃ asmiṃ vacane paṭimantetuṃ, tuṇhī mayaṃ bhavissāma, ambaṭṭho māṇavo bhotā gotamena saddhiṃ asmiṃ vacane paṭimantetū’’ti.
๒๗๐. อถ โข ภควา อมฺพฎฺฐํ มาณวํ เอตทโวจ – ‘‘อยํ โข ปน เต, อมฺพฎฺฐ, สหธมฺมิโก ปโญฺห อาคจฺฉติ, อกามา พฺยากาตโพฺพฯ สเจ ตฺวํ น พฺยากริสฺสสิ, อเญฺญน วา อญฺญํ ปฎิจริสฺสสิ, ตุณฺหี วา ภวิสฺสสิ, ปกฺกมิสฺสสิ วา เอเตฺถว เต สตฺตธา มุทฺธา ผลิสฺสติฯ ตํ กิํ มญฺญสิ, อมฺพฎฺฐ, กินฺติ เต สุตํ พฺราหฺมณานํ วุทฺธานํ มหลฺลกานํ อาจริยปาจริยานํ ภาสมานานํ กุโตปภุติกา กณฺหายนา, โก จ กณฺหายนานํ ปุพฺพปุริโส’’ติ?
270. Atha kho bhagavā ambaṭṭhaṃ māṇavaṃ etadavoca – ‘‘ayaṃ kho pana te, ambaṭṭha, sahadhammiko pañho āgacchati, akāmā byākātabbo. Sace tvaṃ na byākarissasi, aññena vā aññaṃ paṭicarissasi, tuṇhī vā bhavissasi, pakkamissasi vā ettheva te sattadhā muddhā phalissati. Taṃ kiṃ maññasi, ambaṭṭha, kinti te sutaṃ brāhmaṇānaṃ vuddhānaṃ mahallakānaṃ ācariyapācariyānaṃ bhāsamānānaṃ kutopabhutikā kaṇhāyanā, ko ca kaṇhāyanānaṃ pubbapuriso’’ti?
เอวํ วุเตฺต, อมฺพโฎฺฐ มาณโว ตุณฺหี อโหสิฯ ทุติยมฺปิ โข ภควา อมฺพฎฺฐํ มาณวํ เอตทโวจ – ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, อมฺพฎฺฐ, กินฺติ เต สุตํ พฺราหฺมณานํ วุทฺธานํ มหลฺลกานํ อาจริยปาจริยานํ ภาสมานานํ กุโตปภุติกา กณฺหายนา, โก จ กณฺหายนานํ ปุพฺพปุริโส’’ติ? ทุติยมฺปิ โข อมฺพโฎฺฐ มาณโว ตุณฺหี อโหสิฯ อถ โข ภควา อมฺพฎฺฐํ มาณวํ เอตทโวจ – ‘‘พฺยากโรหิ ทานิ อมฺพฎฺฐ, น ทานิ, เต ตุณฺหีภาวสฺส กาโลฯ โย โข, อมฺพฎฺฐ, ตถาคเตน ยาวตติยกํ สหธมฺมิกํ ปญฺหํ ปุโฎฺฐ น พฺยากโรติ, เอเตฺถวสฺส สตฺตธา มุทฺธา ผลิสฺสตี’’ติฯ
Evaṃ vutte, ambaṭṭho māṇavo tuṇhī ahosi. Dutiyampi kho bhagavā ambaṭṭhaṃ māṇavaṃ etadavoca – ‘‘taṃ kiṃ maññasi, ambaṭṭha, kinti te sutaṃ brāhmaṇānaṃ vuddhānaṃ mahallakānaṃ ācariyapācariyānaṃ bhāsamānānaṃ kutopabhutikā kaṇhāyanā, ko ca kaṇhāyanānaṃ pubbapuriso’’ti? Dutiyampi kho ambaṭṭho māṇavo tuṇhī ahosi. Atha kho bhagavā ambaṭṭhaṃ māṇavaṃ etadavoca – ‘‘byākarohi dāni ambaṭṭha, na dāni, te tuṇhībhāvassa kālo. Yo kho, ambaṭṭha, tathāgatena yāvatatiyakaṃ sahadhammikaṃ pañhaṃ puṭṭho na byākaroti, etthevassa sattadhā muddhā phalissatī’’ti.
๒๗๑. เตน โข ปน สมเยน วชิรปาณี ยโกฺข มหนฺตํ อโยกูฎํ อาทาย อาทิตฺตํ สมฺปชฺชลิตํ สโชติภูตํ 27 อมฺพฎฺฐสฺส มาณวสฺส อุปริ เวหาสํ ฐิโต โหติ – ‘‘สจายํ อมฺพโฎฺฐ มาณโว ภควตา ยาวตติยกํ สหธมฺมิกํ ปญฺหํ ปุโฎฺฐ น พฺยากริสฺสติ, เอเตฺถวสฺส สตฺตธา มุทฺธํ ผาเลสฺสามี’’ติฯ ตํ โข ปน วชิรปาณิํ ยกฺขํ ภควา เจว ปสฺสติ อมฺพโฎฺฐ จ มาณโวฯ
271. Tena kho pana samayena vajirapāṇī yakkho mahantaṃ ayokūṭaṃ ādāya ādittaṃ sampajjalitaṃ sajotibhūtaṃ 28 ambaṭṭhassa māṇavassa upari vehāsaṃ ṭhito hoti – ‘‘sacāyaṃ ambaṭṭho māṇavo bhagavatā yāvatatiyakaṃ sahadhammikaṃ pañhaṃ puṭṭho na byākarissati, etthevassa sattadhā muddhaṃ phālessāmī’’ti. Taṃ kho pana vajirapāṇiṃ yakkhaṃ bhagavā ceva passati ambaṭṭho ca māṇavo.
‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, อมฺพฎฺฐ, กินฺติ เต สุตํ พฺราหฺมณานํ วุทฺธานํ มหลฺลกานํ อาจริยปาจริยานํ ภาสมานานํ กุโตปภุติกา กณฺหายนา, โก จ กณฺหายนานํ ปุพฺพปุริโส’’ติ? ‘‘เอวเมว เม, โภ โคตม, สุตํ ยเถว ภวํ โคตโม อาหฯ ตโตปภุติกา กณฺหายนา; โส จ กณฺหายนานํ ปุพฺพปุริโส’’ติฯ
‘‘Taṃ kiṃ maññasi, ambaṭṭha, kinti te sutaṃ brāhmaṇānaṃ vuddhānaṃ mahallakānaṃ ācariyapācariyānaṃ bhāsamānānaṃ kutopabhutikā kaṇhāyanā, ko ca kaṇhāyanānaṃ pubbapuriso’’ti? ‘‘Evameva me, bho gotama, sutaṃ yatheva bhavaṃ gotamo āha. Tatopabhutikā kaṇhāyanā; so ca kaṇhāyanānaṃ pubbapuriso’’ti.
อมฺพฎฺฐวํสกถา
Ambaṭṭhavaṃsakathā
๒๗๓. เอวํ วุเตฺต, เต มาณวกา อุนฺนาทิโน อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทา อเหสุํ – ‘‘ทุชฺชาโต กิร, โภ, อมฺพโฎฺฐ มาณโว; อกุลปุโตฺต กิร, โภ, อมฺพโฎฺฐ มาณโว; ทาสิปุโตฺต กิร, โภ, อมฺพโฎฺฐ มาณโว สกฺยานํฯ อยฺยปุตฺตา กิร, โภ, อมฺพฎฺฐสฺส มาณวสฺส สกฺยา ภวนฺติฯ ธมฺมวาทิํเยว กิร มยํ สมณํ โคตมํ อปสาเทตพฺพํ อมญฺญิมฺหา’’ติฯ
273. Evaṃ vutte, te māṇavakā unnādino uccāsaddamahāsaddā ahesuṃ – ‘‘dujjāto kira, bho, ambaṭṭho māṇavo; akulaputto kira, bho, ambaṭṭho māṇavo; dāsiputto kira, bho, ambaṭṭho māṇavo sakyānaṃ. Ayyaputtā kira, bho, ambaṭṭhassa māṇavassa sakyā bhavanti. Dhammavādiṃyeva kira mayaṃ samaṇaṃ gotamaṃ apasādetabbaṃ amaññimhā’’ti.
๒๗๔. อถ โข ภควโต เอตทโหสิ – ‘‘อติพาฬฺหํ โข อิเม มาณวกา อมฺพฎฺฐํ มาณวํ ทาสิปุตฺตวาเทน นิมฺมาเทนฺติ, ยํนูนาหํ ปริโมเจยฺย’’นฺติฯ อถ โข ภควา เต มาณวเก เอตทโวจ – ‘‘มา โข ตุเมฺห, มาณวกา, อมฺพฎฺฐํ มาณวํ อติพาฬฺหํ ทาสิปุตฺตวาเทน นิมฺมาเทถฯ อุฬาโร โส กโณฺห อิสิ อโหสิฯ โส ทกฺขิณชนปทํ คนฺตฺวา พฺรหฺมมเนฺต อธียิตฺวา ราชานํ โอกฺกากํ อุปสงฺกมิตฺวา มทฺทรูปิํ ธีตรํ ยาจิฯ ตสฺส ราชา โอกฺกาโก – ‘โก เนวํ เร อยํ มยฺหํ ทาสิปุโตฺต สมาโน มทฺทรูปิํ ธีตรํ ยาจตี’’’ ติ, กุปิโต อนตฺตมโน ขุรปฺปํ สนฺนยฺหิ 33ฯ โส ตํ ขุรปฺปํ เนว อสกฺขิ มุญฺจิตุํ, โน ปฎิสํหริตุํฯ
274. Atha kho bhagavato etadahosi – ‘‘atibāḷhaṃ kho ime māṇavakā ambaṭṭhaṃ māṇavaṃ dāsiputtavādena nimmādenti, yaṃnūnāhaṃ parimoceyya’’nti. Atha kho bhagavā te māṇavake etadavoca – ‘‘mā kho tumhe, māṇavakā, ambaṭṭhaṃ māṇavaṃ atibāḷhaṃ dāsiputtavādena nimmādetha. Uḷāro so kaṇho isi ahosi. So dakkhiṇajanapadaṃ gantvā brahmamante adhīyitvā rājānaṃ okkākaṃ upasaṅkamitvā maddarūpiṃ dhītaraṃ yāci. Tassa rājā okkāko – ‘ko nevaṃ re ayaṃ mayhaṃ dāsiputto samāno maddarūpiṃ dhītaraṃ yācatī’’’ ti, kupito anattamano khurappaṃ sannayhi 34. So taṃ khurappaṃ neva asakkhi muñcituṃ, no paṭisaṃharituṃ.
‘‘อถ โข, มาณวกา, อมจฺจา ปาริสชฺชา กณฺหํ อิสิํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจุํ – ‘โสตฺถิ, ภทฺทเนฺต 35, โหตุ รโญฺญ; โสตฺถิ, ภทฺทเนฺต, โหตุ รโญฺญ’ติฯ ‘โสตฺถิ ภวิสฺสติ รโญฺญ, อปิ จ ราชา ยทิ อโธ ขุรปฺปํ มุญฺจิสฺสติ, ยาวตา รโญฺญ วิชิตํ, เอตฺตาวตา ปถวี อุนฺทฺริยิสฺสตี’ติฯ ‘โสตฺถิ, ภทฺทเนฺต, โหตุ รโญฺญ, โสตฺถิ ชนปทสฺสา’ติฯ ‘โสตฺถิ ภวิสฺสติ รโญฺญ, โสตฺถิ ชนปทสฺส, อปิ จ ราชา ยทิ อุทฺธํ ขุรปฺปํ มุญฺจิสฺสติ, ยาวตา รโญฺญ วิชิตํ, เอตฺตาวตา สตฺต วสฺสานิ เทโว น วสฺสิสฺสตี’ติฯ ‘โสตฺถิ, ภทฺทเนฺต, โหตุ รโญฺญ โสตฺถิ ชนปทสฺส เทโว จ วสฺสตู’ติฯ ‘โสตฺถิ ภวิสฺสติ รโญฺญ โสตฺถิ ชนปทสฺส เทโว จ วสฺสิสฺสติ, อปิ จ ราชา เชฎฺฐกุมาเร ขุรปฺปํ ปติฎฺฐาเปตุ, โสตฺถิ กุมาโร ปโลฺลโม ภวิสฺสตี’ติฯ อถ โข, มาณวกา, อมจฺจา โอกฺกากสฺส อาโรเจสุํ – ‘โอกฺกาโก เชฎฺฐกุมาเร ขุรปฺปํ ปติฎฺฐาเปตุฯ โสตฺถิ กุมาโร ปโลฺลโม ภวิสฺสตี’ติฯ อถ โข ราชา โอกฺกาโก เชฎฺฐกุมาเร ขุรปฺปํ ปติฎฺฐเปสิ, โสตฺถิ กุมาโร ปโลฺลโม สมภวิฯ อถ โข ตสฺส ราชา โอกฺกาโก ภีโต สํวิโคฺค โลมหฎฺฐชาโต พฺรหฺมทเณฺฑน ตชฺชิโต มทฺทรูปิํ ธีตรํ อทาสิฯ มา โข ตุเมฺห, มาณวกา, อมฺพฎฺฐํ มาณวํ อติพาฬฺหํ ทาสิปุตฺตวาเทน นิมฺมาเทถ, อุฬาโร โส กโณฺห อิสิ อโหสี’’ติฯ
‘‘Atha kho, māṇavakā, amaccā pārisajjā kaṇhaṃ isiṃ upasaṅkamitvā etadavocuṃ – ‘sotthi, bhaddante 36, hotu rañño; sotthi, bhaddante, hotu rañño’ti. ‘Sotthi bhavissati rañño, api ca rājā yadi adho khurappaṃ muñcissati, yāvatā rañño vijitaṃ, ettāvatā pathavī undriyissatī’ti. ‘Sotthi, bhaddante, hotu rañño, sotthi janapadassā’ti. ‘Sotthi bhavissati rañño, sotthi janapadassa, api ca rājā yadi uddhaṃ khurappaṃ muñcissati, yāvatā rañño vijitaṃ, ettāvatā satta vassāni devo na vassissatī’ti. ‘Sotthi, bhaddante, hotu rañño sotthi janapadassa devo ca vassatū’ti. ‘Sotthi bhavissati rañño sotthi janapadassa devo ca vassissati, api ca rājā jeṭṭhakumāre khurappaṃ patiṭṭhāpetu, sotthi kumāro pallomo bhavissatī’ti. Atha kho, māṇavakā, amaccā okkākassa ārocesuṃ – ‘okkāko jeṭṭhakumāre khurappaṃ patiṭṭhāpetu. Sotthi kumāro pallomo bhavissatī’ti. Atha kho rājā okkāko jeṭṭhakumāre khurappaṃ patiṭṭhapesi, sotthi kumāro pallomo samabhavi. Atha kho tassa rājā okkāko bhīto saṃviggo lomahaṭṭhajāto brahmadaṇḍena tajjito maddarūpiṃ dhītaraṃ adāsi. Mā kho tumhe, māṇavakā, ambaṭṭhaṃ māṇavaṃ atibāḷhaṃ dāsiputtavādena nimmādetha, uḷāro so kaṇho isi ahosī’’ti.
ขตฺติยเสฎฺฐภาโว
Khattiyaseṭṭhabhāvo
๒๗๕. อถ โข ภควา อมฺพฎฺฐํ มาณวํ อามเนฺตสิ – ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, อมฺพฎฺฐ, อิธ ขตฺติยกุมาโร พฺราหฺมณกญฺญาย สทฺธิํ สํวาสํ กเปฺปยฺย, เตสํ สํวาสมนฺวาย ปุโตฺต ชาเยถฯ โย โส ขตฺติยกุมาเรน พฺราหฺมณกญฺญาย ปุโตฺต อุปฺปโนฺน, อปิ นุ โส ลเภถ พฺราหฺมเณสุ อาสนํ วา อุทกํ วา’’ติ? ‘‘ลเภถ, โภ โคตม’’ฯ ‘‘อปินุ นํ พฺราหฺมณา โภเชยฺยุํ สเทฺธ วา ถาลิปาเก วา ยเญฺญ วา ปาหุเน วา’’ติ? ‘‘โภเชยฺยุํ, โภ โคตม’’ฯ ‘‘อปินุ นํ พฺราหฺมณา มเนฺต วาเจยฺยุํ วา โน วา’’ติ? ‘‘วาเจยฺยุํ, โภ โคตม’’ฯ ‘‘อปินุสฺส อิตฺถีสุ อาวฎํ วา อสฺส อนาวฎํ วา’’ติ? ‘‘อนาวฎํ หิสฺส, โภ โคตม’’ฯ ‘‘อปินุ นํ ขตฺติยา ขตฺติยาภิเสเกน อภิสิเญฺจยฺยุ’’นฺติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’ฯ ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’? ‘‘มาติโต หิ, โภ โคตม, อนุปปโนฺน’’ติฯ
275. Atha kho bhagavā ambaṭṭhaṃ māṇavaṃ āmantesi – ‘‘taṃ kiṃ maññasi, ambaṭṭha, idha khattiyakumāro brāhmaṇakaññāya saddhiṃ saṃvāsaṃ kappeyya, tesaṃ saṃvāsamanvāya putto jāyetha. Yo so khattiyakumārena brāhmaṇakaññāya putto uppanno, api nu so labhetha brāhmaṇesu āsanaṃ vā udakaṃ vā’’ti? ‘‘Labhetha, bho gotama’’. ‘‘Apinu naṃ brāhmaṇā bhojeyyuṃ saddhe vā thālipāke vā yaññe vā pāhune vā’’ti? ‘‘Bhojeyyuṃ, bho gotama’’. ‘‘Apinu naṃ brāhmaṇā mante vāceyyuṃ vā no vā’’ti? ‘‘Vāceyyuṃ, bho gotama’’. ‘‘Apinussa itthīsu āvaṭaṃ vā assa anāvaṭaṃ vā’’ti? ‘‘Anāvaṭaṃ hissa, bho gotama’’. ‘‘Apinu naṃ khattiyā khattiyābhisekena abhisiñceyyu’’nti? ‘‘No hidaṃ, bho gotama’’. ‘‘Taṃ kissa hetu’’? ‘‘Mātito hi, bho gotama, anupapanno’’ti.
‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, อมฺพฎฺฐ, อิธ พฺราหฺมณกุมาโร ขตฺติยกญฺญาย สทฺธิํ สํวาสํ กเปฺปยฺย, เตสํ สํวาสมนฺวาย ปุโตฺต ชาเยถฯ โย โส พฺราหฺมณกุมาเรน ขตฺติยกญฺญาย ปุโตฺต อุปฺปโนฺน, อปินุ โส ลเภถ พฺราหฺมเณสุ อาสนํ วา อุทกํ วา’’ติ? ‘‘ลเภถ, โภ โคตม’’ฯ ‘‘อปินุ นํ พฺราหฺมณา โภเชยฺยุํ สเทฺธ วา ถาลิปาเก วา ยเญฺญ วา ปาหุเน วา’’ติ? ‘‘โภเชยฺยุํ, โภ โคตม’’ฯ ‘‘อปินุ นํ พฺราหฺมณา มเนฺต วาเจยฺยุํ วา โน วา’’ติ? ‘‘วาเจยฺยุํ, โภ โคตม’’ฯ ‘‘อปินุสฺส อิตฺถีสุ อาวฎํ วา อสฺส อนาวฎํ วา’’ติ? ‘‘อนาวฎํ หิสฺส, โภ โคตม’’ฯ ‘‘อปินุ นํ ขตฺติยา ขตฺติยาภิเสเกน อภิสิเญฺจยฺยุ’’นฺติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’ฯ ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’? ‘‘ปิติโต หิ, โภ โคตม, อนุปปโนฺน’’ติฯ
‘‘Taṃ kiṃ maññasi, ambaṭṭha, idha brāhmaṇakumāro khattiyakaññāya saddhiṃ saṃvāsaṃ kappeyya, tesaṃ saṃvāsamanvāya putto jāyetha. Yo so brāhmaṇakumārena khattiyakaññāya putto uppanno, apinu so labhetha brāhmaṇesu āsanaṃ vā udakaṃ vā’’ti? ‘‘Labhetha, bho gotama’’. ‘‘Apinu naṃ brāhmaṇā bhojeyyuṃ saddhe vā thālipāke vā yaññe vā pāhune vā’’ti? ‘‘Bhojeyyuṃ, bho gotama’’. ‘‘Apinu naṃ brāhmaṇā mante vāceyyuṃ vā no vā’’ti? ‘‘Vāceyyuṃ, bho gotama’’. ‘‘Apinussa itthīsu āvaṭaṃ vā assa anāvaṭaṃ vā’’ti? ‘‘Anāvaṭaṃ hissa, bho gotama’’. ‘‘Apinu naṃ khattiyā khattiyābhisekena abhisiñceyyu’’nti? ‘‘No hidaṃ, bho gotama’’. ‘‘Taṃ kissa hetu’’? ‘‘Pitito hi, bho gotama, anupapanno’’ti.
๒๗๖. ‘‘อิติ โข, อมฺพฎฺฐ, อิตฺถิยา วา อิตฺถิํ กริตฺวา ปุริเสน วา ปุริสํ กริตฺวา ขตฺติยาว เสฎฺฐา, หีนา พฺราหฺมณาฯ ตํ กิํ มญฺญสิ, อมฺพฎฺฐ, อิธ พฺราหฺมณา พฺราหฺมณํ กิสฺมิญฺจิเทว ปกรเณ ขุรมุณฺฑํ กริตฺวา ภสฺสปุเฎน วธิตฺวา รฎฺฐา วา นครา วา ปพฺพาเชยฺยุํฯ อปินุ โส ลเภถ พฺราหฺมเณสุ อาสนํ วา อุทกํ วา’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’ ฯ ‘‘อปินุ นํ พฺราหฺมณา โภเชยฺยุํ สเทฺธ วา ถาลิปาเก วา ยเญฺญ วา ปาหุเน วา’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’ฯ ‘‘อปินุ นํ พฺราหฺมณา มเนฺต วาเจยฺยุํ วา โน วา’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’ฯ ‘‘อปินุสฺส อิตฺถีสุ อาวฎํ วา อสฺส อนาวฎํ วา’’ติ? ‘‘อาวฎํ หิสฺส, โภ โคตม’’ฯ
276. ‘‘Iti kho, ambaṭṭha, itthiyā vā itthiṃ karitvā purisena vā purisaṃ karitvā khattiyāva seṭṭhā, hīnā brāhmaṇā. Taṃ kiṃ maññasi, ambaṭṭha, idha brāhmaṇā brāhmaṇaṃ kismiñcideva pakaraṇe khuramuṇḍaṃ karitvā bhassapuṭena vadhitvā raṭṭhā vā nagarā vā pabbājeyyuṃ. Apinu so labhetha brāhmaṇesu āsanaṃ vā udakaṃ vā’’ti? ‘‘No hidaṃ, bho gotama’’ . ‘‘Apinu naṃ brāhmaṇā bhojeyyuṃ saddhe vā thālipāke vā yaññe vā pāhune vā’’ti? ‘‘No hidaṃ, bho gotama’’. ‘‘Apinu naṃ brāhmaṇā mante vāceyyuṃ vā no vā’’ti? ‘‘No hidaṃ, bho gotama’’. ‘‘Apinussa itthīsu āvaṭaṃ vā assa anāvaṭaṃ vā’’ti? ‘‘Āvaṭaṃ hissa, bho gotama’’.
‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, อมฺพฎฺฐ, อิธ ขตฺติยา ขตฺติยํ กิสฺมิญฺจิเทว ปกรเณ ขุรมุณฺฑํ กริตฺวา ภสฺสปุเฎน วธิตฺวา รฎฺฐา วา นครา วา ปพฺพาเชยฺยุํฯ อปินุ โส ลเภถ พฺราหฺมเณสุ อาสนํ วา อุทกํ วา’’ติ? ‘‘ลเภถ, โภ โคตม’’ฯ ‘‘อปินุ นํ พฺราหฺมณา โภเชยฺยุํ สเทฺธ วา ถาลิปาเก วา ยเญฺญ วา ปาหุเน วา’’ติ? ‘‘โภเชยฺยุํ, โภ โคตม’’ฯ ‘‘อปินุ นํ พฺราหฺมณา มเนฺต วาเจยฺยุํ วา โน วา’’ติ? ‘‘วาเจยฺยุํ, โภ โคตม’’ฯ ‘‘อปินุสฺส อิตฺถีสุ อาวฎํ วา อสฺส อนาวฎํ วา’’ติ? ‘‘อนาวฎํ หิสฺส, โภ โคตม’’ฯ
‘‘Taṃ kiṃ maññasi, ambaṭṭha, idha khattiyā khattiyaṃ kismiñcideva pakaraṇe khuramuṇḍaṃ karitvā bhassapuṭena vadhitvā raṭṭhā vā nagarā vā pabbājeyyuṃ. Apinu so labhetha brāhmaṇesu āsanaṃ vā udakaṃ vā’’ti? ‘‘Labhetha, bho gotama’’. ‘‘Apinu naṃ brāhmaṇā bhojeyyuṃ saddhe vā thālipāke vā yaññe vā pāhune vā’’ti? ‘‘Bhojeyyuṃ, bho gotama’’. ‘‘Apinu naṃ brāhmaṇā mante vāceyyuṃ vā no vā’’ti? ‘‘Vāceyyuṃ, bho gotama’’. ‘‘Apinussa itthīsu āvaṭaṃ vā assa anāvaṭaṃ vā’’ti? ‘‘Anāvaṭaṃ hissa, bho gotama’’.
๒๗๗. ‘‘เอตฺตาวตา โข, อมฺพฎฺฐ, ขตฺติโย ปรมนิหีนตํ ปโตฺต โหติ, ยเทว นํ ขตฺติยา ขุรมุณฺฑํ กริตฺวา ภสฺสปุเฎน วธิตฺวา รฎฺฐา วา นครา วา ปพฺพาเชนฺติฯ อิติ โข, อมฺพฎฺฐ, ยทา ขตฺติโย ปรมนิหีนตํ ปโตฺต โหติ, ตทาปิ ขตฺติยาว เสฎฺฐา, หีนา พฺราหฺมณาฯ พฺรหฺมุนา เปสา, อมฺพฎฺฐ 37, สนงฺกุมาเรน คาถา ภาสิตา –
277. ‘‘Ettāvatā kho, ambaṭṭha, khattiyo paramanihīnataṃ patto hoti, yadeva naṃ khattiyā khuramuṇḍaṃ karitvā bhassapuṭena vadhitvā raṭṭhā vā nagarā vā pabbājenti. Iti kho, ambaṭṭha, yadā khattiyo paramanihīnataṃ patto hoti, tadāpi khattiyāva seṭṭhā, hīnā brāhmaṇā. Brahmunā pesā, ambaṭṭha 38, sanaṅkumārena gāthā bhāsitā –
‘ขตฺติโย เสโฎฺฐ ชเนตสฺมิํ,
‘Khattiyo seṭṭho janetasmiṃ,
เย โคตฺตปฎิสาริโน;
Ye gottapaṭisārino;
วิชฺชาจรณสมฺปโนฺน,
Vijjācaraṇasampanno,
โส เสโฎฺฐ เทวมานุเส’ติฯ
So seṭṭho devamānuse’ti.
‘‘สา โข ปเนสา, อมฺพฎฺฐ, พฺรหฺมุนา สนงฺกุมาเรน คาถา สุคีตา โน ทุคฺคีตา, สุภาสิตา โน ทุพฺภาสิตา, อตฺถสํหิตา โน อนตฺถสํหิตา, อนุมตา มยาฯ อหมฺปิ หิ, อมฺพฎฺฐ, เอวํ วทามิ –
‘‘Sā kho panesā, ambaṭṭha, brahmunā sanaṅkumārena gāthā sugītā no duggītā, subhāsitā no dubbhāsitā, atthasaṃhitā no anatthasaṃhitā, anumatā mayā. Ahampi hi, ambaṭṭha, evaṃ vadāmi –
‘ขตฺติโย เสโฎฺฐ ชเนตสฺมิํ,
‘Khattiyo seṭṭho janetasmiṃ,
เย โคตฺตปฎิสาริโน;
Ye gottapaṭisārino;
วิชฺชาจรณสมฺปโนฺน,
Vijjācaraṇasampanno,
โส เสโฎฺฐ เทวมานุเส’ติฯ
So seṭṭho devamānuse’ti.
ภาณวาโร ปฐโมฯ
Bhāṇavāro paṭhamo.
วิชฺชาจรณกถา
Vijjācaraṇakathā
๒๗๘. ‘‘กตมํ ปน ตํ, โภ โคตม, จรณํ, กตมา จ ปน สา วิชฺชา’’ติ? ‘‘น โข, อมฺพฎฺฐ, อนุตฺตราย วิชฺชาจรณสมฺปทาย ชาติวาโท วา วุจฺจติ, โคตฺตวาโท วา วุจฺจติ, มานวาโท วา วุจฺจติ – ‘อรหสิ วา มํ ตฺวํ, น วา มํ ตฺวํ อรหสี’ติฯ ยตฺถ โข, อมฺพฎฺฐ, อาวาโห วา โหติ, วิวาโห วา โหติ, อาวาหวิวาโห วา โหติ, เอเตฺถตํ วุจฺจติ ชาติวาโท วา อิติปิ โคตฺตวาโท วา อิติปิ มานวาโท วา อิติปิ – ‘อรหสิ วา มํ ตฺวํ, น วา มํ ตฺวํ อรหสี’ติฯ เย หิ เกจิ อมฺพฎฺฐ ชาติวาทวินิพทฺธา วา โคตฺตวาทวินิพทฺธา วา มานวาทวินิพทฺธา วา อาวาหวิวาหวินิพทฺธา วา, อารกา เต อนุตฺตราย วิชฺชาจรณสมฺปทายฯ ปหาย โข, อมฺพฎฺฐ, ชาติวาทวินิพทฺธญฺจ โคตฺตวาทวินิพทฺธญฺจ มานวาทวินิพทฺธญฺจ อาวาหวิวาหวินิพทฺธญฺจ อนุตฺตราย วิชฺชาจรณสมฺปทาย สจฺฉิกิริยา โหตี’’ติฯ
278. ‘‘Katamaṃ pana taṃ, bho gotama, caraṇaṃ, katamā ca pana sā vijjā’’ti? ‘‘Na kho, ambaṭṭha, anuttarāya vijjācaraṇasampadāya jātivādo vā vuccati, gottavādo vā vuccati, mānavādo vā vuccati – ‘arahasi vā maṃ tvaṃ, na vā maṃ tvaṃ arahasī’ti. Yattha kho, ambaṭṭha, āvāho vā hoti, vivāho vā hoti, āvāhavivāho vā hoti, etthetaṃ vuccati jātivādo vā itipi gottavādo vā itipi mānavādo vā itipi – ‘arahasi vā maṃ tvaṃ, na vā maṃ tvaṃ arahasī’ti. Ye hi keci ambaṭṭha jātivādavinibaddhā vā gottavādavinibaddhā vā mānavādavinibaddhā vā āvāhavivāhavinibaddhā vā, ārakā te anuttarāya vijjācaraṇasampadāya. Pahāya kho, ambaṭṭha, jātivādavinibaddhañca gottavādavinibaddhañca mānavādavinibaddhañca āvāhavivāhavinibaddhañca anuttarāya vijjācaraṇasampadāya sacchikiriyā hotī’’ti.
๒๗๙. ‘‘กตมํ ปน ตํ, โภ โคตม, จรณํ, กตมา จ สา วิชฺชา’’ติ? ‘‘อิธ, อมฺพฎฺฐ, ตถาคโต โลเก อุปฺปชฺชติ อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ วิชฺชาจรณสมฺปโนฺน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุโทฺธ ภควาฯ โส อิมํ โลกํ สเทวกํ สมารกํ สพฺรหฺมกํ สสฺสมณพฺราหฺมณิํ ปชํ สเทวมนุสฺสํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทติฯ โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มเชฺฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติฯ ตํ ธมฺมํ สุณาติ คหปติ วา คหปติปุโตฺต วา อญฺญตรสฺมิํ วา กุเล ปจฺจาชาโตฯ โส ตํ ธมฺมํ สุตฺวา ตถาคเต สทฺธํ ปฎิลภติฯ โส เตน สทฺธาปฎิลาเภน สมนฺนาคโต อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ…เป.… (ยถา ๑๙๑ อาทโย อนุเจฺฉทา, เอวํ วิตฺถาเรตพฺพํ)ฯ…
279. ‘‘Katamaṃ pana taṃ, bho gotama, caraṇaṃ, katamā ca sā vijjā’’ti? ‘‘Idha, ambaṭṭha, tathāgato loke uppajjati arahaṃ sammāsambuddho vijjācaraṇasampanno sugato lokavidū anuttaro purisadammasārathi satthā devamanussānaṃ buddho bhagavā. So imaṃ lokaṃ sadevakaṃ samārakaṃ sabrahmakaṃ sassamaṇabrāhmaṇiṃ pajaṃ sadevamanussaṃ sayaṃ abhiññā sacchikatvā pavedeti. So dhammaṃ deseti ādikalyāṇaṃ majjhekalyāṇaṃ pariyosānakalyāṇaṃ sātthaṃ sabyañjanaṃ kevalaparipuṇṇaṃ parisuddhaṃ brahmacariyaṃ pakāseti. Taṃ dhammaṃ suṇāti gahapati vā gahapatiputto vā aññatarasmiṃ vā kule paccājāto. So taṃ dhammaṃ sutvā tathāgate saddhaṃ paṭilabhati. So tena saddhāpaṭilābhena samannāgato iti paṭisañcikkhati…pe… (yathā 191 ādayo anucchedā, evaṃ vitthāretabbaṃ).…
‘‘โส วิวิเจฺจว กาเมหิ, วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธเมฺมหิ, สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ…เป.… อิทมฺปิสฺส โหติ จรณสฺมิํฯ
‘‘So vivicceva kāmehi, vivicca akusalehi dhammehi, savitakkaṃ savicāraṃ vivekajaṃ pītisukhaṃ paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja viharati…pe… idampissa hoti caraṇasmiṃ.
‘‘ปุน จปรํ, อมฺพฎฺฐ, ภิกฺขุ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ…เป.… อิทมฺปิสฺส โหติ จรณสฺมิํฯ
‘‘Puna caparaṃ, ambaṭṭha, bhikkhu vitakkavicārānaṃ vūpasamā ajjhattaṃ sampasādanaṃ cetaso ekodibhāvaṃ avitakkaṃ avicāraṃ samādhijaṃ pītisukhaṃ dutiyaṃ jhānaṃ upasampajja viharati…pe… idampissa hoti caraṇasmiṃ.
‘‘ปุน จปรํ, อมฺพฎฺฐ, ภิกฺขุ ปีติยา จ วิราคา อุเปกฺขโก จ วิหรติ สโต จ สมฺปชาโน, สุขญฺจ กาเยน ปฎิสํเวเทติ, ยํ ตํ อริยา อาจิกฺขนฺติ – ‘‘อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารี’ติ, ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ…เป.… อิทมฺปิสฺส โหติ จรณสฺมิํฯ
‘‘Puna caparaṃ, ambaṭṭha, bhikkhu pītiyā ca virāgā upekkhako ca viharati sato ca sampajāno, sukhañca kāyena paṭisaṃvedeti, yaṃ taṃ ariyā ācikkhanti – ‘‘upekkhako satimā sukhavihārī’ti, tatiyaṃ jhānaṃ upasampajja viharati…pe… idampissa hoti caraṇasmiṃ.
‘‘ปุน จปรํ, อมฺพฎฺฐ, ภิกฺขุ สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา, ปุเพฺพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิํ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ…เป.… อิทมฺปิสฺส โหติ จรณสฺมิํฯ อิทํ โข ตํ, อมฺพฎฺฐ, จรณํฯ
‘‘Puna caparaṃ, ambaṭṭha, bhikkhu sukhassa ca pahānā dukkhassa ca pahānā, pubbeva somanassadomanassānaṃ atthaṅgamā adukkhamasukhaṃ upekkhāsatipārisuddhiṃ catutthaṃ jhānaṃ upasampajja viharati…pe… idampissa hoti caraṇasmiṃ. Idaṃ kho taṃ, ambaṭṭha, caraṇaṃ.
‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิเตฺต ปริสุเทฺธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ฐิเต อาเนญฺชปฺปเตฺต ญาณทสฺสนาย จิตฺตํ อภินีหรติ อภินินฺนาเมติ…เป.… อิทมฺปิสฺส โหติ วิชฺชาย…เป.… นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานาติ, อิทมฺปิสฺส โหติ วิชฺชายฯ อยํ โข สา, อมฺพฎฺฐ, วิชฺชาฯ
‘‘So evaṃ samāhite citte parisuddhe pariyodāte anaṅgaṇe vigatūpakkilese mudubhūte kammaniye ṭhite āneñjappatte ñāṇadassanāya cittaṃ abhinīharati abhininnāmeti…pe… idampissa hoti vijjāya…pe… nāparaṃ itthattāyāti pajānāti, idampissa hoti vijjāya. Ayaṃ kho sā, ambaṭṭha, vijjā.
‘‘อยํ วุจฺจติ, อมฺพฎฺฐ, ภิกฺขุ ‘วิชฺชาสมฺปโนฺน’ อิติปิ, ‘จรณสมฺปโนฺน’ อิติปิ, ‘วิชฺชาจรณสมฺปโนฺน’ อิติปิฯ อิมาย จ อมฺพฎฺฐ วิชฺชาสมฺปทาย จรณสมฺปทาย จ อญฺญา วิชฺชาสมฺปทา จ จรณสมฺปทา จ อุตฺตริตรา วา ปณีตตรา วา นตฺถิฯ
‘‘Ayaṃ vuccati, ambaṭṭha, bhikkhu ‘vijjāsampanno’ itipi, ‘caraṇasampanno’ itipi, ‘vijjācaraṇasampanno’ itipi. Imāya ca ambaṭṭha vijjāsampadāya caraṇasampadāya ca aññā vijjāsampadā ca caraṇasampadā ca uttaritarā vā paṇītatarā vā natthi.
จตุอปายมุขํ
Catuapāyamukhaṃ
๒๘๐. ‘‘อิมาย โข, อมฺพฎฺฐ, อนุตฺตราย วิชฺชาจรณสมฺปทาย จตฺตาริ อปายมุขานิ ภวนฺติฯ กตมานิ จตฺตาริ? อิธ, อมฺพฎฺฐ, เอกโจฺจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อิมเญฺญว อนุตฺตรํ วิชฺชาจรณสมฺปทํ อนภิสมฺภุณมาโน ขาริวิธมาทาย 39 อรญฺญายตนํ อโชฺฌคาหติ – ‘ปวตฺตผลโภชโน ภวิสฺสามี’ติฯ โส อญฺญทตฺถุ วิชฺชาจรณสมฺปนฺนเสฺสว ปริจารโก สมฺปชฺชติฯ อิมาย โข, อมฺพฎฺฐ, อนุตฺตราย วิชฺชาจรณสมฺปทาย อิทํ ปฐมํ อปายมุขํ ภวติฯ
280. ‘‘Imāya kho, ambaṭṭha, anuttarāya vijjācaraṇasampadāya cattāri apāyamukhāni bhavanti. Katamāni cattāri? Idha, ambaṭṭha, ekacco samaṇo vā brāhmaṇo vā imaññeva anuttaraṃ vijjācaraṇasampadaṃ anabhisambhuṇamāno khārividhamādāya 40 araññāyatanaṃ ajjhogāhati – ‘pavattaphalabhojano bhavissāmī’ti. So aññadatthu vijjācaraṇasampannasseva paricārako sampajjati. Imāya kho, ambaṭṭha, anuttarāya vijjācaraṇasampadāya idaṃ paṭhamaṃ apāyamukhaṃ bhavati.
‘‘ปุน จปรํ, อมฺพฎฺฐ, อิเธกโจฺจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อิมเญฺจว อนุตฺตรํ วิชฺชาจรณสมฺปทํ อนภิสมฺภุณมาโน ปวตฺตผลโภชนตญฺจ อนภิสมฺภุณมาโน กุทาลปิฎกํ 41 อาทาย อรญฺญวนํ อโชฺฌคาหติ – ‘กนฺทมูลผลโภชโน ภวิสฺสามี’ติฯ โส อญฺญทตฺถุ วิชฺชาจรณสมฺปนฺนเสฺสว ปริจารโก สมฺปชฺชติฯ อิมาย โข, อมฺพฎฺฐ, อนุตฺตราย วิชฺชาจรณสมฺปทาย อิทํ ทุติยํ อปายมุขํ ภวติฯ
‘‘Puna caparaṃ, ambaṭṭha, idhekacco samaṇo vā brāhmaṇo vā imañceva anuttaraṃ vijjācaraṇasampadaṃ anabhisambhuṇamāno pavattaphalabhojanatañca anabhisambhuṇamāno kudālapiṭakaṃ 42 ādāya araññavanaṃ ajjhogāhati – ‘kandamūlaphalabhojano bhavissāmī’ti. So aññadatthu vijjācaraṇasampannasseva paricārako sampajjati. Imāya kho, ambaṭṭha, anuttarāya vijjācaraṇasampadāya idaṃ dutiyaṃ apāyamukhaṃ bhavati.
‘‘ปุน จปรํ, อมฺพฎฺฐ, อิเธกโจฺจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อิมเญฺจว อนุตฺตรํ วิชฺชาจรณสมฺปทํ อนภิสมฺภุณมาโน ปวตฺตผลโภชนตญฺจ อนภิสมฺภุณมาโน กนฺทมูลผลโภชนตญฺจ อนภิสมฺภุณมาโน คามสามนฺตํ วา นิคมสามนฺตํ วา อคฺยาคารํ กริตฺวา อคฺคิํ ปริจรโนฺต อจฺฉติฯ โส อญฺญทตฺถุ วิชฺชาจรณสมฺปนฺนเสฺสว ปริจารโก สมฺปชฺชติฯ อิมาย โข, อมฺพฎฺฐ, อนุตฺตราย วิชฺชาจรณสมฺปทาย อิทํ ตติยํ อปายมุขํ ภวติฯ
‘‘Puna caparaṃ, ambaṭṭha, idhekacco samaṇo vā brāhmaṇo vā imañceva anuttaraṃ vijjācaraṇasampadaṃ anabhisambhuṇamāno pavattaphalabhojanatañca anabhisambhuṇamāno kandamūlaphalabhojanatañca anabhisambhuṇamāno gāmasāmantaṃ vā nigamasāmantaṃ vā agyāgāraṃ karitvā aggiṃ paricaranto acchati. So aññadatthu vijjācaraṇasampannasseva paricārako sampajjati. Imāya kho, ambaṭṭha, anuttarāya vijjācaraṇasampadāya idaṃ tatiyaṃ apāyamukhaṃ bhavati.
‘‘ปุน จปรํ, อมฺพฎฺฐ, อิเธกโจฺจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อิมํ เจว อนุตฺตรํ วิชฺชาจรณสมฺปทํ อนภิสมฺภุณมาโน ปวตฺตผลโภชนตญฺจ อนภิสมฺภุณมาโน กนฺทมูลผลโภชนตญฺจ อนภิสมฺภุณมาโน อคฺคิปาริจริยญฺจ อนภิสมฺภุณมาโน จาตุมหาปเถ จตุทฺวารํ อคารํ กริตฺวา อจฺฉติ – ‘โย อิมาหิ จตูหิ ทิสาหิ อาคมิสฺสติ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา, ตมหํ ยถาสตฺติ ยถาพลํ ปฎิปูเชสฺสามี’ติฯ โส อญฺญทตฺถุ วิชฺชาจรณสมฺปนฺนเสฺสว ปริจารโก สมฺปชฺชติฯ อิมาย โข, อมฺพฎฺฐ, อนุตฺตราย วิชฺชาจรณสมฺปทาย อิทํ จตุตฺถํ อปายมุขํ ภวติฯ อิมาย โข, อมฺพฎฺฐ, อนุตฺตราย วิชฺชาจรณสมฺปทาย อิมานิ จตฺตาริ อปายมุขานิ ภวนฺติฯ
‘‘Puna caparaṃ, ambaṭṭha, idhekacco samaṇo vā brāhmaṇo vā imaṃ ceva anuttaraṃ vijjācaraṇasampadaṃ anabhisambhuṇamāno pavattaphalabhojanatañca anabhisambhuṇamāno kandamūlaphalabhojanatañca anabhisambhuṇamāno aggipāricariyañca anabhisambhuṇamāno cātumahāpathe catudvāraṃ agāraṃ karitvā acchati – ‘yo imāhi catūhi disāhi āgamissati samaṇo vā brāhmaṇo vā, tamahaṃ yathāsatti yathābalaṃ paṭipūjessāmī’ti. So aññadatthu vijjācaraṇasampannasseva paricārako sampajjati. Imāya kho, ambaṭṭha, anuttarāya vijjācaraṇasampadāya idaṃ catutthaṃ apāyamukhaṃ bhavati. Imāya kho, ambaṭṭha, anuttarāya vijjācaraṇasampadāya imāni cattāri apāyamukhāni bhavanti.
๒๘๑. ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, อมฺพฎฺฐ, อปินุ ตฺวํ อิมาย อนุตฺตราย วิชฺชาจรณสมฺปทาย สนฺทิสฺสสิ สาจริยโก’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’ฯ ‘โกจาหํ, โภ โคตม, สาจริยโก, กา จ อนุตฺตรา วิชฺชาจรณสมฺปทา? อารกาหํ, โภ โคตม, อนุตฺตราย วิชฺชาจรณสมฺปทาย สาจริยโก’’ติฯ
281. ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, ambaṭṭha, apinu tvaṃ imāya anuttarāya vijjācaraṇasampadāya sandissasi sācariyako’’ti? ‘‘No hidaṃ, bho gotama’’. ‘Kocāhaṃ, bho gotama, sācariyako, kā ca anuttarā vijjācaraṇasampadā? Ārakāhaṃ, bho gotama, anuttarāya vijjācaraṇasampadāya sācariyako’’ti.
‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, อมฺพฎฺฐ, อปินุ ตฺวํ อิมเญฺจว อนุตฺตรํ วิชฺชาจรณสมฺปทํ อนภิสมฺภุณมาโน ขาริวิธมาทาย อรญฺญวนมโชฺฌคาหสิ สาจริยโก – ‘ปวตฺตผลโภชโน ภวิสฺสามี’’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’ฯ
‘‘Taṃ kiṃ maññasi, ambaṭṭha, apinu tvaṃ imañceva anuttaraṃ vijjācaraṇasampadaṃ anabhisambhuṇamāno khārividhamādāya araññavanamajjhogāhasi sācariyako – ‘pavattaphalabhojano bhavissāmī’’’ti? ‘‘No hidaṃ, bho gotama’’.
‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, อมฺพฎฺฐ, อปินุ ตฺวํ อิมเญฺจว อนุตฺตรํ วิชฺชาจรณสมฺปทํ อนภิสมฺภุณมาโน ปวตฺตผลโภชนตญฺจ อนภิสมฺภุณมาโน กุทาลปิฎกํ อาทาย อรญฺญวนมโชฺฌคาหสิ สาจริยโก – ‘กนฺทมูลผลโภชโน ภวิสฺสามี’’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’ฯ
‘‘Taṃ kiṃ maññasi, ambaṭṭha, apinu tvaṃ imañceva anuttaraṃ vijjācaraṇasampadaṃ anabhisambhuṇamāno pavattaphalabhojanatañca anabhisambhuṇamāno kudālapiṭakaṃ ādāya araññavanamajjhogāhasi sācariyako – ‘kandamūlaphalabhojano bhavissāmī’’’ti? ‘‘No hidaṃ, bho gotama’’.
‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, อมฺพฎฺฐ, อปินุ ตฺวํ อิมเญฺจว อนุตฺตรํ วิชฺชาจรณสมฺปทํ อนภิสมฺภุณมาโน ปวตฺตผลโภชนตญฺจ อนภิสมฺภุณมาโน กนฺทมูลผลโภชนตญฺจ อนภิสมฺภุณมาโน คามสามนฺตํ วา นิคมสามนฺตํ วา อคฺยาคารํ กริตฺวา อคฺคิํ ปริจรโนฺต อจฺฉสิ สาจริยโก’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’ฯ
‘‘Taṃ kiṃ maññasi, ambaṭṭha, apinu tvaṃ imañceva anuttaraṃ vijjācaraṇasampadaṃ anabhisambhuṇamāno pavattaphalabhojanatañca anabhisambhuṇamāno kandamūlaphalabhojanatañca anabhisambhuṇamāno gāmasāmantaṃ vā nigamasāmantaṃ vā agyāgāraṃ karitvā aggiṃ paricaranto acchasi sācariyako’’ti? ‘‘No hidaṃ, bho gotama’’.
‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, อมฺพฎฺฐ, อปินุ ตฺวํ อิมเญฺจว อนุตฺตรํ วิชฺชาจรณสมฺปทํ อนภิสมฺภุณมาโน ปวตฺตผลโภชนตญฺจ อนภิสมฺภุณมาโน กนฺทมูลผลโภชนตญฺจ อนภิสมฺภุณมาโน อคฺคิปาริจริยญฺจ อนภิสมฺภุณมาโน จาตุมหาปเถ จตุทฺวารํ อคารํ กริตฺวา อจฺฉสิ สาจริยโก – ‘โย อิมาหิ จตูหิ ทิสาหิ อาคมิสฺสติ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา, ตํ มยํ ยถาสตฺติ ยถาพลํ ปฎิปูเชสฺสามา’’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’ฯ
‘‘Taṃ kiṃ maññasi, ambaṭṭha, apinu tvaṃ imañceva anuttaraṃ vijjācaraṇasampadaṃ anabhisambhuṇamāno pavattaphalabhojanatañca anabhisambhuṇamāno kandamūlaphalabhojanatañca anabhisambhuṇamāno aggipāricariyañca anabhisambhuṇamāno cātumahāpathe catudvāraṃ agāraṃ karitvā acchasi sācariyako – ‘yo imāhi catūhi disāhi āgamissati samaṇo vā brāhmaṇo vā, taṃ mayaṃ yathāsatti yathābalaṃ paṭipūjessāmā’’’ti? ‘‘No hidaṃ, bho gotama’’.
๒๘๒. ‘‘อิติ โข, อมฺพฎฺฐ, อิมาย เจว ตฺวํ อนุตฺตราย วิชฺชาจรณสมฺปทาย ปริหีโน สาจริยโกฯ เย จิเม อนุตฺตราย วิชฺชาจรณสมฺปทาย จตฺตาริ อปายมุขานิ ภวนฺติ , ตโต จ ตฺวํ ปริหีโน สาจริยโกฯ ภาสิตา โข ปน เต เอสา, อมฺพฎฺฐ, อาจริเยน พฺราหฺมเณน โปกฺขรสาตินา วาจา – ‘เก จ มุณฺฑกา สมณกา อิพฺภา กณฺหา พนฺธุปาทาปจฺจา, กา จ เตวิชฺชานํ พฺราหฺมณานํ สากจฺฉา’ติ อตฺตนา อาปายิโกปิ อปริปูรมาโนฯ ปสฺส, อมฺพฎฺฐ, ยาว อปรทฺธญฺจ เต อิทํ อาจริยสฺส พฺราหฺมณสฺส โปกฺขรสาติสฺสฯ
282. ‘‘Iti kho, ambaṭṭha, imāya ceva tvaṃ anuttarāya vijjācaraṇasampadāya parihīno sācariyako. Ye cime anuttarāya vijjācaraṇasampadāya cattāri apāyamukhāni bhavanti , tato ca tvaṃ parihīno sācariyako. Bhāsitā kho pana te esā, ambaṭṭha, ācariyena brāhmaṇena pokkharasātinā vācā – ‘ke ca muṇḍakā samaṇakā ibbhā kaṇhā bandhupādāpaccā, kā ca tevijjānaṃ brāhmaṇānaṃ sākacchā’ti attanā āpāyikopi aparipūramāno. Passa, ambaṭṭha, yāva aparaddhañca te idaṃ ācariyassa brāhmaṇassa pokkharasātissa.
ปุพฺพกอิสิภาวานุโยโค
Pubbakaisibhāvānuyogo
๒๘๓. ‘‘พฺราหฺมโณ โข ปน, อมฺพฎฺฐ, โปกฺขรสาติ รโญฺญ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส ทตฺติกํ ภุญฺชติฯ ตสฺส ราชา ปเสนทิ โกสโล สมฺมุขีภาวมฺปิ น ททาติฯ ยทาปิ เตน มเนฺตติ, ติโรทุสฺสเนฺตน มเนฺตติฯ ยสฺส โข ปน, อมฺพฎฺฐ, ธมฺมิกํ ปยาตํ ภิกฺขํ ปฎิคฺคเณฺหยฺย, กถํ ตสฺส ราชา ปเสนทิ โกสโล สมฺมุขีภาวมฺปิ น ทเทยฺยฯ ปสฺส, อมฺพฎฺฐ, ยาว อปรทฺธญฺจ เต อิทํ อาจริยสฺส พฺราหฺมณสฺส โปกฺขรสาติสฺสฯ
283. ‘‘Brāhmaṇo kho pana, ambaṭṭha, pokkharasāti rañño pasenadissa kosalassa dattikaṃ bhuñjati. Tassa rājā pasenadi kosalo sammukhībhāvampi na dadāti. Yadāpi tena manteti, tirodussantena manteti. Yassa kho pana, ambaṭṭha, dhammikaṃ payātaṃ bhikkhaṃ paṭiggaṇheyya, kathaṃ tassa rājā pasenadi kosalo sammukhībhāvampi na dadeyya. Passa, ambaṭṭha, yāva aparaddhañca te idaṃ ācariyassa brāhmaṇassa pokkharasātissa.
๒๘๔. ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, อมฺพฎฺฐ, อิธ ราชา ปเสนทิ โกสโล หตฺถิคีวาย วา นิสิโนฺน อสฺสปิเฎฺฐ วา นิสิโนฺน รถูปตฺถเร วา ฐิโต อุเคฺคหิ วา ราชเญฺญหิ วา กิญฺจิเทว มนฺตนํ มเนฺตยฺยฯ โส ตมฺหา ปเทสา อปกฺกมฺม เอกมนฺตํ ติเฎฺฐยฺยฯ อถ อาคเจฺฉยฺย สุโทฺท วา สุทฺททาโส วา, ตสฺมิํ ปเทเส ฐิโต ตเทว มนฺตนํ มเนฺตยฺย – ‘เอวมฺปิ ราชา ปเสนทิ โกสโล อาห, เอวมฺปิ ราชา ปเสนทิ โกสโล อาหา’ติฯ อปินุ โส ราชภณิตํ วา ภณติ ราชมนฺตนํ วา มเนฺตติ? เอตฺตาวตา โส อสฺส ราชา วา ราชมโตฺต วา’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’ฯ
284. ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, ambaṭṭha, idha rājā pasenadi kosalo hatthigīvāya vā nisinno assapiṭṭhe vā nisinno rathūpatthare vā ṭhito uggehi vā rājaññehi vā kiñcideva mantanaṃ manteyya. So tamhā padesā apakkamma ekamantaṃ tiṭṭheyya. Atha āgaccheyya suddo vā suddadāso vā, tasmiṃ padese ṭhito tadeva mantanaṃ manteyya – ‘evampi rājā pasenadi kosalo āha, evampi rājā pasenadi kosalo āhā’ti. Apinu so rājabhaṇitaṃ vā bhaṇati rājamantanaṃ vā manteti? Ettāvatā so assa rājā vā rājamatto vā’’ti? ‘‘No hidaṃ, bho gotama’’.
๒๘๕. ‘‘เอวเมว โข ตฺวํ, อมฺพฎฺฐ, เย เต อเหสุํ พฺราหฺมณานํ ปุพฺพกา อิสโย มนฺตานํ กตฺตาโร มนฺตานํ ปวตฺตาโร, เยสมิทํ เอตรหิ พฺราหฺมณา โปราณํ มนฺตปทํ คีตํ ปวุตฺตํ สมิหิตํ, ตทนุคายนฺติ ตทนุภาสนฺติ ภาสิตมนุภาสนฺติ วาจิตมนุวาเจนฺติ, เสยฺยถิทํ – อฎฺฐโก วามโก วามเทโว เวสฺสามิโตฺต ยมตคฺคิ 43 องฺคีรโส ภารทฺวาโช วาเสโฎฺฐ กสฺสโป ภคุ – ‘ตฺยาหํ มเนฺต อธิยามิ สาจริยโก’ติ, ตาวตา ตฺวํ ภวิสฺสสิ อิสิ วา อิสิตฺถาย วา ปฎิปโนฺนติ เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ
285. ‘‘Evameva kho tvaṃ, ambaṭṭha, ye te ahesuṃ brāhmaṇānaṃ pubbakā isayo mantānaṃ kattāro mantānaṃ pavattāro, yesamidaṃ etarahi brāhmaṇā porāṇaṃ mantapadaṃ gītaṃ pavuttaṃ samihitaṃ, tadanugāyanti tadanubhāsanti bhāsitamanubhāsanti vācitamanuvācenti, seyyathidaṃ – aṭṭhako vāmako vāmadevo vessāmitto yamataggi 44 aṅgīraso bhāradvājo vāseṭṭho kassapo bhagu – ‘tyāhaṃ mante adhiyāmi sācariyako’ti, tāvatā tvaṃ bhavissasi isi vā isitthāya vā paṭipannoti netaṃ ṭhānaṃ vijjati.
๒๘๖. ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, อมฺพฎฺฐ, กินฺติ เต สุตํ พฺราหฺมณานํ วุทฺธานํ มหลฺลกานํ อาจริยปาจริยานํ ภาสมานานํ – เย เต อเหสุํ พฺราหฺมณานํ ปุพฺพกา อิสโย มนฺตานํ กตฺตาโร มนฺตานํ ปวตฺตาโร, เยสมิทํ เอตรหิ พฺราหฺมณา โปราณํ มนฺตปทํ คีตํ ปวุตฺตํ สมิหิตํ, ตทนุคายนฺติ ตทนุภาสนฺติ ภาสิตมนุภาสนฺติ วาจิตมนุวาเจนฺติ, เสยฺยถิทํ – อฎฺฐโก วามโก วามเทโว เวสฺสามิโตฺต ยมตคฺคิ องฺคีรโส ภารทฺวาโช วาเสโฎฺฐ กสฺสโป ภคุ, เอวํ สุ เต สุนฺหาตา สุวิลิตฺตา กปฺปิตเกสมสฺสู อามุกฺกมณิกุณฺฑลาภรณา 45 โอทาตวตฺถวสนา ปญฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิตา สมงฺคีภูตา ปริจาเรนฺติ, เสยฺยถาปิ ตฺวํ เอตรหิ สาจริยโก’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’ฯ
286. ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, ambaṭṭha, kinti te sutaṃ brāhmaṇānaṃ vuddhānaṃ mahallakānaṃ ācariyapācariyānaṃ bhāsamānānaṃ – ye te ahesuṃ brāhmaṇānaṃ pubbakā isayo mantānaṃ kattāro mantānaṃ pavattāro, yesamidaṃ etarahi brāhmaṇā porāṇaṃ mantapadaṃ gītaṃ pavuttaṃ samihitaṃ, tadanugāyanti tadanubhāsanti bhāsitamanubhāsanti vācitamanuvācenti, seyyathidaṃ – aṭṭhako vāmako vāmadevo vessāmitto yamataggi aṅgīraso bhāradvājo vāseṭṭho kassapo bhagu, evaṃ su te sunhātā suvilittā kappitakesamassū āmukkamaṇikuṇḍalābharaṇā 46 odātavatthavasanā pañcahi kāmaguṇehi samappitā samaṅgībhūtā paricārenti, seyyathāpi tvaṃ etarahi sācariyako’’ti? ‘‘No hidaṃ, bho gotama’’.
‘‘…เป.… เอวํ สุ เต สาลีนํ โอทนํ สุจิมํสูปเสจนํ วิจิตกาฬกํ อเนกสูปํ อเนกพฺยญฺชนํ ปริภุญฺชนฺติ, เสยฺยถาปิ ตฺวํ เอตรหิ สาจริยโก’’ติ ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’ฯ
‘‘…Pe… evaṃ su te sālīnaṃ odanaṃ sucimaṃsūpasecanaṃ vicitakāḷakaṃ anekasūpaṃ anekabyañjanaṃ paribhuñjanti, seyyathāpi tvaṃ etarahi sācariyako’’ti ? ‘‘No hidaṃ, bho gotama’’.
‘‘…เป.… เอวํ สุ เต เวฐกนตปสฺสาหิ นารีหิ ปริจาเรนฺติ, เสยฺยถาปิ ตฺวํ เอตรหิ สาจริยโก’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’ฯ
‘‘…Pe… evaṃ su te veṭhakanatapassāhi nārīhi paricārenti, seyyathāpi tvaṃ etarahi sācariyako’’ti? ‘‘No hidaṃ, bho gotama’’.
‘‘…เป.… เอวํ สุ เต กุตฺตวาเลหิ วฬวารเถหิ ทีฆาหิ ปโตทลฎฺฐีหิ วาหเน วิตุเทนฺตา วิปริยายนฺติ, เสยฺยถาปิ ตฺวํ เอตรหิ สาจริยโก’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’ฯ
‘‘…Pe… evaṃ su te kuttavālehi vaḷavārathehi dīghāhi patodalaṭṭhīhi vāhane vitudentā vipariyāyanti, seyyathāpi tvaṃ etarahi sācariyako’’ti? ‘‘No hidaṃ, bho gotama’’.
‘‘…เป.… เอวํ สุ เต อุกฺกิณฺณปริขาสุ โอกฺขิตฺตปลิฆาสุ นครูปการิกาสุ ทีฆาสิวุเธหิ 47 ปุริเสหิ รกฺขาเปนฺติ, เสยฺยถาปิ ตฺวํ เอตรหิ สาจริยโก’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’ฯ
‘‘…Pe… evaṃ su te ukkiṇṇaparikhāsu okkhittapalighāsu nagarūpakārikāsu dīghāsivudhehi 48 purisehi rakkhāpenti, seyyathāpi tvaṃ etarahi sācariyako’’ti? ‘‘No hidaṃ, bho gotama’’.
‘‘อิติ โข, อมฺพฎฺฐ, เนว ตฺวํ อิสิ น อิสิตฺถาย ปฎิปโนฺน สาจริยโกฯ ยสฺส โข ปน, อมฺพฎฺฐ, มยิ กงฺขา วา วิมติ วา โส มํ ปเญฺหน, อหํ เวยฺยากรเณน โสธิสฺสามี’’ติฯ
‘‘Iti kho, ambaṭṭha, neva tvaṃ isi na isitthāya paṭipanno sācariyako. Yassa kho pana, ambaṭṭha, mayi kaṅkhā vā vimati vā so maṃ pañhena, ahaṃ veyyākaraṇena sodhissāmī’’ti.
เทฺวลกฺขณาทสฺสนํ
Dvelakkhaṇādassanaṃ
๒๘๗. อถ โข ภควา วิหารา นิกฺขมฺม จงฺกมํ อพฺภุฎฺฐาสิฯ อมฺพโฎฺฐปิ มาณโว วิหารา นิกฺขมฺม จงฺกมํ อพฺภุฎฺฐาสิฯ อถ โข อมฺพโฎฺฐ มาณโว ภควนฺตํ จงฺกมนฺตํ อนุจงฺกมมาโน ภควโต กาเย ทฺวตฺติํสมหาปุริสลกฺขณานิ สมเนฺนสิฯ อทฺทสา โข อมฺพโฎฺฐ มาณโว ภควโต กาเย ทฺวตฺติํสมหาปุริสลกฺขณานิ เยภุเยฺยน ฐเปตฺวา เทฺว ฯ ทฺวีสุ มหาปุริสลกฺขเณสุ กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ นาธิมุจฺจติ น สมฺปสีทติ – โกโสหิเต จ วตฺถคุเยฺห ปหูตชิวฺหตาย จฯ
287. Atha kho bhagavā vihārā nikkhamma caṅkamaṃ abbhuṭṭhāsi. Ambaṭṭhopi māṇavo vihārā nikkhamma caṅkamaṃ abbhuṭṭhāsi. Atha kho ambaṭṭho māṇavo bhagavantaṃ caṅkamantaṃ anucaṅkamamāno bhagavato kāye dvattiṃsamahāpurisalakkhaṇāni samannesi. Addasā kho ambaṭṭho māṇavo bhagavato kāye dvattiṃsamahāpurisalakkhaṇāni yebhuyyena ṭhapetvā dve . Dvīsu mahāpurisalakkhaṇesu kaṅkhati vicikicchati nādhimuccati na sampasīdati – kosohite ca vatthaguyhe pahūtajivhatāya ca.
๒๘๘. อถ โข ภควโต เอตทโหสิ – ‘‘ปสฺสติ โข เม อยํ อมฺพโฎฺฐ มาณโว ทฺวตฺติํสมหาปุริสลกฺขณานิ เยภุเยฺยน ฐเปตฺวา เทฺวฯ ทฺวีสุ มหาปุริสลกฺขเณสุ กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ นาธิมุจฺจติ น สมฺปสีทติ – โกโสหิเต จ วตฺถคุเยฺห ปหูตชิวฺหตาย จา’’ติฯ อถ โข ภควา ตถารูปํ อิทฺธาภิสงฺขารํ อภิสงฺขาสิ ยถา อทฺทส อมฺพโฎฺฐ มาณโว ภควโต โกโสหิตํ วตฺถคุยฺหํฯ อถ โข ภควา ชิวฺหํ นินฺนาเมตฺวา อุโภปิ กณฺณโสตานิ อนุมสิ ปฎิมสิ, อุโภปิ นาสิกโสตานิ อนุมสิ ปฎิมสิ, เกวลมฺปิ นลาฎมณฺฑลํ ชิวฺหาย ฉาเทสิฯ อถ โข อมฺพฎฺฐสฺส มาณวสฺส เอตทโหสิ – ‘‘สมนฺนาคโต โข สมโณ โคตโม ทฺวตฺติํสมหาปุริสลกฺขเณหิ ปริปุเณฺณหิ, โน อปริปุเณฺณหี’’ติฯ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘หนฺท จ ทานิ มยํ, โภ โคตม, คจฺฉาม, พหุกิจฺจา มยํ พหุกรณียา’’ติ ฯ ‘‘ยสฺสทานิ ตฺวํ, อมฺพฎฺฐ, กาลํ มญฺญสี’’ติฯ อถ โข อมฺพโฎฺฐ มาณโว วฬวารถมารุยฺห ปกฺกามิฯ
288. Atha kho bhagavato etadahosi – ‘‘passati kho me ayaṃ ambaṭṭho māṇavo dvattiṃsamahāpurisalakkhaṇāni yebhuyyena ṭhapetvā dve. Dvīsu mahāpurisalakkhaṇesu kaṅkhati vicikicchati nādhimuccati na sampasīdati – kosohite ca vatthaguyhe pahūtajivhatāya cā’’ti. Atha kho bhagavā tathārūpaṃ iddhābhisaṅkhāraṃ abhisaṅkhāsi yathā addasa ambaṭṭho māṇavo bhagavato kosohitaṃ vatthaguyhaṃ. Atha kho bhagavā jivhaṃ ninnāmetvā ubhopi kaṇṇasotāni anumasi paṭimasi, ubhopi nāsikasotāni anumasi paṭimasi, kevalampi nalāṭamaṇḍalaṃ jivhāya chādesi. Atha kho ambaṭṭhassa māṇavassa etadahosi – ‘‘samannāgato kho samaṇo gotamo dvattiṃsamahāpurisalakkhaṇehi paripuṇṇehi, no aparipuṇṇehī’’ti. Bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘handa ca dāni mayaṃ, bho gotama, gacchāma, bahukiccā mayaṃ bahukaraṇīyā’’ti . ‘‘Yassadāni tvaṃ, ambaṭṭha, kālaṃ maññasī’’ti. Atha kho ambaṭṭho māṇavo vaḷavārathamāruyha pakkāmi.
๒๘๙. เตน โข ปน สมเยน พฺราหฺมโณ โปกฺขรสาติ อุกฺกฎฺฐาย นิกฺขมิตฺวา มหตา พฺราหฺมณคเณน สทฺธิํ สเก อาราเม นิสิโนฺน โหติ อมฺพฎฺฐํเยว มาณวํ ปฎิมาเนโนฺตฯ อถ โข อมฺพโฎฺฐ มาณโว เยน สโก อาราโม เตน ปายาสิฯ ยาวติกา ยานสฺส ภูมิ, ยาเนน คนฺตฺวา ยานา ปโจฺจโรหิตฺวา ปตฺติโกว เยน พฺราหฺมโณ โปกฺขรสาติ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา พฺราหฺมณํ โปกฺขรสาติํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ
289. Tena kho pana samayena brāhmaṇo pokkharasāti ukkaṭṭhāya nikkhamitvā mahatā brāhmaṇagaṇena saddhiṃ sake ārāme nisinno hoti ambaṭṭhaṃyeva māṇavaṃ paṭimānento. Atha kho ambaṭṭho māṇavo yena sako ārāmo tena pāyāsi. Yāvatikā yānassa bhūmi, yānena gantvā yānā paccorohitvā pattikova yena brāhmaṇo pokkharasāti tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā brāhmaṇaṃ pokkharasātiṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi.
๒๙๐. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อมฺพฎฺฐํ มาณวํ พฺราหฺมโณ โปกฺขรสาติ เอตทโวจ – ‘‘กจฺจิ, ตาต อมฺพฎฺฐ, อทฺทส ตํ ภวนฺตํ โคตม’’นฺติ? ‘‘อทฺทสาม โข มยํ, โภ, ตํ ภวนฺตํ โคตม’’นฺติฯ ‘‘กจฺจิ, ตาต อมฺพฎฺฐ, ตํ ภวนฺตํ โคตมํ ตถา สนฺตํเยว สโทฺท อพฺภุคฺคโต โน อญฺญถา; กจฺจิ ปน โส ภวํ โคตโม ตาทิโส โน อญฺญาทิโส’’ติ ? ‘‘ตถา สนฺตํเยว, โภ, ตํ ภวนฺตํ โคตมํ สโทฺท อพฺภุคฺคโต โน อญฺญถา, ตาทิโสว โส ภวํ โคตโม โน อญฺญาทิโสฯ สมนฺนาคโต จ โส ภวํ โคตโม ทฺวตฺติํสมหาปุริสลกฺขเณหิ ปริปุเณฺณหิ โน อปริปุเณฺณหี’’ติฯ ‘‘อหุ ปน เต, ตาต อมฺพฎฺฐ, สมเณน โคตเมน สทฺธิํ โกจิเทว กถาสลฺลาโป’’ติ? ‘‘อหุ โข เม, โภ, สมเณน โคตเมน สทฺธิํ โกจิเทว กถาสลฺลาโป’’ติฯ ‘‘ยถา กถํ ปน เต, ตาต อมฺพฎฺฐ, อหุ สมเณน โคตเมน สทฺธิํ โกจิเทว กถาสลฺลาโป’’ติ? อถ โข อมฺพโฎฺฐ มาณโว ยาวตโก 49 อโหสิ ภควตา สทฺธิํ กถาสลฺลาโป, ตํ สพฺพํ พฺราหฺมณสฺส โปกฺขรสาติสฺส อาโรเจสิฯ
290. Ekamantaṃ nisinnaṃ kho ambaṭṭhaṃ māṇavaṃ brāhmaṇo pokkharasāti etadavoca – ‘‘kacci, tāta ambaṭṭha, addasa taṃ bhavantaṃ gotama’’nti? ‘‘Addasāma kho mayaṃ, bho, taṃ bhavantaṃ gotama’’nti. ‘‘Kacci, tāta ambaṭṭha, taṃ bhavantaṃ gotamaṃ tathā santaṃyeva saddo abbhuggato no aññathā; kacci pana so bhavaṃ gotamo tādiso no aññādiso’’ti ? ‘‘Tathā santaṃyeva, bho, taṃ bhavantaṃ gotamaṃ saddo abbhuggato no aññathā, tādisova so bhavaṃ gotamo no aññādiso. Samannāgato ca so bhavaṃ gotamo dvattiṃsamahāpurisalakkhaṇehi paripuṇṇehi no aparipuṇṇehī’’ti. ‘‘Ahu pana te, tāta ambaṭṭha, samaṇena gotamena saddhiṃ kocideva kathāsallāpo’’ti? ‘‘Ahu kho me, bho, samaṇena gotamena saddhiṃ kocideva kathāsallāpo’’ti. ‘‘Yathā kathaṃ pana te, tāta ambaṭṭha, ahu samaṇena gotamena saddhiṃ kocideva kathāsallāpo’’ti? Atha kho ambaṭṭho māṇavo yāvatako 50 ahosi bhagavatā saddhiṃ kathāsallāpo, taṃ sabbaṃ brāhmaṇassa pokkharasātissa ārocesi.
๒๙๑. เอวํ วุเตฺต, พฺราหฺมโณ โปกฺขรสาติ อมฺพฎฺฐํ มาณวํ เอตทโวจ – ‘‘อโห วต เร อมฺหากํ ปณฺฑิตก 51, อโห วต เร อมฺหากํ พหุสฺสุตก 52, อโห วต เร อมฺหากํ เตวิชฺชก 53, เอวรูเปน กิร, โภ, ปุริโส อตฺถจรเกน กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปเชฺชยฺยฯ ยเทว โข ตฺวํ, อมฺพฎฺฐ, ตํ ภวนฺตํ โคตมํ เอวํ อาสชฺช อาสชฺช อวจาสิ, อถ โข โส ภวํ โคตโม อเมฺหปิ เอวํ อุปเนยฺย อุปเนยฺย อวจฯ อโห วต เร อมฺหากํ ปณฺฑิตก, อโห วต เร อมฺหากํ พหุสฺสุตก, อโห วต เร อมฺหากํ เตวิชฺชก, เอวรูเปน กิร, โภ, ปุริโส อตฺถจรเกน กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปเชฺชยฺยา’’ติ, กุปิโต 54 อนตฺตมโน อมฺพฎฺฐํ มาณวํ ปทสาเยว ปวเตฺตสิฯ อิจฺฉติ จ ตาวเทว ภควนฺตํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํฯ
291. Evaṃ vutte, brāhmaṇo pokkharasāti ambaṭṭhaṃ māṇavaṃ etadavoca – ‘‘aho vata re amhākaṃ paṇḍitaka 55, aho vata re amhākaṃ bahussutaka 56, aho vata re amhākaṃ tevijjaka 57, evarūpena kira, bho, puriso atthacarakena kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjeyya. Yadeva kho tvaṃ, ambaṭṭha, taṃ bhavantaṃ gotamaṃ evaṃ āsajja āsajja avacāsi, atha kho so bhavaṃ gotamo amhepi evaṃ upaneyya upaneyya avaca. Aho vata re amhākaṃ paṇḍitaka, aho vata re amhākaṃ bahussutaka, aho vata re amhākaṃ tevijjaka, evarūpena kira, bho, puriso atthacarakena kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjeyyā’’ti, kupito 58 anattamano ambaṭṭhaṃ māṇavaṃ padasāyeva pavattesi. Icchati ca tāvadeva bhagavantaṃ dassanāya upasaṅkamituṃ.
โปกฺขรสาติพุทฺธุปสงฺกมนํ
Pokkharasātibuddhupasaṅkamanaṃ
๒๙๒. อถ โข เต พฺราหฺมณา พฺราหฺมณํ โปกฺขรสาติํ เอตทโวจุํ – ‘‘อติวิกาโล โข, โภ, อชฺช สมณํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํฯ เสฺวทานิ 59 ภวํ โปกฺขรสาติ สมณํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสตี’’ติฯ อถ โข พฺราหฺมโณ โปกฺขรสาติ สเก นิเวสเน ปณีตํ ขาทนียํ โภชนียํ ปฎิยาทาเปตฺวา ยาเน อาโรเปตฺวา อุกฺกาสุ ธาริยมานาสุ อุกฺกฎฺฐาย นิยฺยาสิ, เยน อิจฺฉานงฺคลวนสโณฺฑ เตน ปายาสิฯ ยาวติกา ยานสฺส ภูมิ ยาเนน คนฺตฺวา, ยานา ปโจฺจโรหิตฺวา ปตฺติโกว เยน ภควา เตนุปสงฺกมิฯ อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธิํ สโมฺมทิ, สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ
292. Atha kho te brāhmaṇā brāhmaṇaṃ pokkharasātiṃ etadavocuṃ – ‘‘ativikālo kho, bho, ajja samaṇaṃ gotamaṃ dassanāya upasaṅkamituṃ. Svedāni 60 bhavaṃ pokkharasāti samaṇaṃ gotamaṃ dassanāya upasaṅkamissatī’’ti. Atha kho brāhmaṇo pokkharasāti sake nivesane paṇītaṃ khādanīyaṃ bhojanīyaṃ paṭiyādāpetvā yāne āropetvā ukkāsu dhāriyamānāsu ukkaṭṭhāya niyyāsi, yena icchānaṅgalavanasaṇḍo tena pāyāsi. Yāvatikā yānassa bhūmi yānena gantvā, yānā paccorohitvā pattikova yena bhagavā tenupasaṅkami. Upasaṅkamitvā bhagavatā saddhiṃ sammodi, sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdi.
๒๙๓. เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข พฺราหฺมโณ โปกฺขรสาติ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อาคมา นุ โข อิธ, โภ โคตม, อมฺหากํ อเนฺตวาสี อมฺพโฎฺฐ มาณโว’’ติ? ‘‘อาคมา โข เต 61, พฺราหฺมณ, อเนฺตวาสี อมฺพโฎฺฐ มาณโว’’ติฯ ‘‘อหุ ปน เต, โภ โคตม, อมฺพเฎฺฐน มาณเวน สทฺธิํ โกจิเทว กถาสลฺลาโป’’ติ? ‘‘อหุ โข เม, พฺราหฺมณ, อมฺพเฎฺฐน มาณเวน สทฺธิํ โกจิเทว กถาสลฺลาโป’’ติฯ ‘‘ยถากถํ ปน เต, โภ โคตม, อหุ อมฺพเฎฺฐน มาณเวน สทฺธิํ โกจิเทว กถาสลฺลาโป’’ติ? อถ โข ภควา ยาวตโก อโหสิ อมฺพเฎฺฐน มาณเวน สทฺธิํ กถาสลฺลาโป, ตํ สพฺพํ พฺราหฺมณสฺส โปกฺขรสาติสฺส อาโรเจสิฯ เอวํ วุเตฺต, พฺราหฺมโณ โปกฺขรสาติ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘พาโล, โภ โคตม, อมฺพโฎฺฐ มาณโว, ขมตุ ภวํ โคตโม อมฺพฎฺฐสฺส มาณวสฺสา’’ติฯ ‘‘สุขี โหตุ, พฺราหฺมณ, อมฺพโฎฺฐ มาณโว’’ติฯ
293. Ekamantaṃ nisinno kho brāhmaṇo pokkharasāti bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘āgamā nu kho idha, bho gotama, amhākaṃ antevāsī ambaṭṭho māṇavo’’ti? ‘‘Āgamā kho te 62, brāhmaṇa, antevāsī ambaṭṭho māṇavo’’ti. ‘‘Ahu pana te, bho gotama, ambaṭṭhena māṇavena saddhiṃ kocideva kathāsallāpo’’ti? ‘‘Ahu kho me, brāhmaṇa, ambaṭṭhena māṇavena saddhiṃ kocideva kathāsallāpo’’ti. ‘‘Yathākathaṃ pana te, bho gotama, ahu ambaṭṭhena māṇavena saddhiṃ kocideva kathāsallāpo’’ti? Atha kho bhagavā yāvatako ahosi ambaṭṭhena māṇavena saddhiṃ kathāsallāpo, taṃ sabbaṃ brāhmaṇassa pokkharasātissa ārocesi. Evaṃ vutte, brāhmaṇo pokkharasāti bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘bālo, bho gotama, ambaṭṭho māṇavo, khamatu bhavaṃ gotamo ambaṭṭhassa māṇavassā’’ti. ‘‘Sukhī hotu, brāhmaṇa, ambaṭṭho māṇavo’’ti.
๒๙๔. อถ โข พฺราหฺมโณ โปกฺขรสาติ ภควโต กาเย ทฺวตฺติํสมหาปุริสลกฺขณานิ สมเนฺนสิฯ อทฺทสา โข พฺราหฺมโณ โปกฺขรสาติ ภควโต กาเย ทฺวตฺติํสมหาปุริสลกฺขณานิ เยภุเยฺยน ฐเปตฺวา เทฺวฯ ทฺวีสุ มหาปุริสลกฺขเณสุ กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ นาธิมุจฺจติ น สมฺปสีทติ – โกโสหิเต จ วตฺถคุเยฺห ปหูตชิวฺหตาย จฯ
294. Atha kho brāhmaṇo pokkharasāti bhagavato kāye dvattiṃsamahāpurisalakkhaṇāni samannesi. Addasā kho brāhmaṇo pokkharasāti bhagavato kāye dvattiṃsamahāpurisalakkhaṇāni yebhuyyena ṭhapetvā dve. Dvīsu mahāpurisalakkhaṇesu kaṅkhati vicikicchati nādhimuccati na sampasīdati – kosohite ca vatthaguyhe pahūtajivhatāya ca.
๒๙๕. อถ โข ภควโต เอตทโหสิ – ‘‘ปสฺสติ โข เม อยํ พฺราหฺมโณ โปกฺขรสาติ ทฺวตฺติํสมหาปุริสลกฺขณานิ เยภุเยฺยน ฐเปตฺวา เทฺวฯ ทฺวีสุ มหาปุริสลกฺขเณสุ กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ นาธิมุจฺจติ น สมฺปสีทติ – โกโสหิเต จ วตฺถคุเยฺห, ปหูตชิวฺหตาย จา’’ติฯ อถ โข ภควา ตถารูปํ อิทฺธาภิสงฺขารํ อภิสงฺขาสิ ยถา อทฺทส พฺราหฺมโณ โปกฺขรสาติ ภควโต โกโสหิตํ วตฺถคุยฺหํฯ อถ โข ภควา ชิวฺหํ นินฺนาเมตฺวา อุโภปิ กณฺณโสตานิ อนุมสิ ปฎิมสิ, อุโภปิ นาสิกโสตานิ อนุมสิ ปฎิมสิ, เกวลมฺปิ นลาฎมณฺฑลํ ชิวฺหาย ฉาเทสิฯ
295. Atha kho bhagavato etadahosi – ‘‘passati kho me ayaṃ brāhmaṇo pokkharasāti dvattiṃsamahāpurisalakkhaṇāni yebhuyyena ṭhapetvā dve. Dvīsu mahāpurisalakkhaṇesu kaṅkhati vicikicchati nādhimuccati na sampasīdati – kosohite ca vatthaguyhe, pahūtajivhatāya cā’’ti. Atha kho bhagavā tathārūpaṃ iddhābhisaṅkhāraṃ abhisaṅkhāsi yathā addasa brāhmaṇo pokkharasāti bhagavato kosohitaṃ vatthaguyhaṃ. Atha kho bhagavā jivhaṃ ninnāmetvā ubhopi kaṇṇasotāni anumasi paṭimasi, ubhopi nāsikasotāni anumasi paṭimasi, kevalampi nalāṭamaṇḍalaṃ jivhāya chādesi.
๒๙๖. อถ โข พฺราหฺมณสฺส โปกฺขรสาติสฺส เอตทโหสิ – ‘‘สมนฺนาคโต โข สมโณ โคตโม ทฺวตฺติํสมหาปุริสลกฺขเณหิ ปริปุเณฺณหิ โน อปริปุเณฺณหี’’ติฯ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อธิวาเสตุ เม ภวํ โคตโม อชฺชตนาย ภตฺตํ สทฺธิํ ภิกฺขุสเงฺฆนา’’ติฯ อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวนฯ
296. Atha kho brāhmaṇassa pokkharasātissa etadahosi – ‘‘samannāgato kho samaṇo gotamo dvattiṃsamahāpurisalakkhaṇehi paripuṇṇehi no aparipuṇṇehī’’ti. Bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘adhivāsetu me bhavaṃ gotamo ajjatanāya bhattaṃ saddhiṃ bhikkhusaṅghenā’’ti. Adhivāsesi bhagavā tuṇhībhāvena.
๒๙๗. อถ โข พฺราหฺมโณ โปกฺขรสาติ ภควโต อธิวาสนํ วิทิตฺวา ภควโต กาลํ อาโรเจสิ – ‘‘กาโล, โภ โคตม, นิฎฺฐิตํ ภตฺต’’นฺติฯ อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สทฺธิํ ภิกฺขุสเงฺฆน เยน พฺราหฺมณสฺส โปกฺขรสาติสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทิฯ อถ โข พฺราหฺมโณ โปกฺขรสาติ ภควนฺตํ ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตเปฺปสิ สมฺปวาเรสิ, มาณวกาปิ ภิกฺขุสงฺฆํฯ อถ โข พฺราหฺมโณ โปกฺขรสาติ ภควนฺตํ ภุตฺตาวิํ โอนีตปตฺตปาณิํ อญฺญตรํ นีจํ อาสนํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ
297. Atha kho brāhmaṇo pokkharasāti bhagavato adhivāsanaṃ viditvā bhagavato kālaṃ ārocesi – ‘‘kālo, bho gotama, niṭṭhitaṃ bhatta’’nti. Atha kho bhagavā pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya saddhiṃ bhikkhusaṅghena yena brāhmaṇassa pokkharasātissa nivesanaṃ tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā paññatte āsane nisīdi. Atha kho brāhmaṇo pokkharasāti bhagavantaṃ paṇītena khādanīyena bhojanīyena sahatthā santappesi sampavāresi, māṇavakāpi bhikkhusaṅghaṃ. Atha kho brāhmaṇo pokkharasāti bhagavantaṃ bhuttāviṃ onītapattapāṇiṃ aññataraṃ nīcaṃ āsanaṃ gahetvā ekamantaṃ nisīdi.
๒๙๘. เอกมนฺตํ นิสินฺนสฺส โข พฺราหฺมณสฺส โปกฺขรสาติสฺส ภควา อนุปุพฺพิํ กถํ กเถสิ, เสยฺยถิทํ – ทานกถํ สีลกถํ สคฺคกถํ; กามานํ อาทีนวํ โอการํ สํกิเลสํ, เนกฺขเมฺม อานิสํสํ ปกาเสสิฯ ยทา ภควา อญฺญาสิ พฺราหฺมณํ โปกฺขรสาติํ กลฺลจิตฺตํ มุทุจิตฺตํ วินีวรณจิตฺตํ อุทคฺคจิตฺตํ ปสนฺนจิตฺตํ, อถ ยา พุทฺธานํ สามุกฺกํสิกา ธมฺมเทสนา, ตํ ปกาเสสิ – ทุกฺขํ สมุทยํ นิโรธํ มคฺคํฯ เสยฺยถาปิ นาม สุทฺธํ วตฺถํ อปคตกาฬกํ สมฺมเทว รชนํ ปฎิคฺคเณฺหยฺย; เอวเมว พฺราหฺมณสฺส โปกฺขรสาติสฺส ตสฺมิเญฺญว อาสเน วิรชํ วีตมลํ ธมฺมจกฺขุํ อุทปาทิ – ‘‘ยํ กิญฺจิ สมุทยธมฺมํ, สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺม’’นฺติฯ
298. Ekamantaṃ nisinnassa kho brāhmaṇassa pokkharasātissa bhagavā anupubbiṃ kathaṃ kathesi, seyyathidaṃ – dānakathaṃ sīlakathaṃ saggakathaṃ; kāmānaṃ ādīnavaṃ okāraṃ saṃkilesaṃ, nekkhamme ānisaṃsaṃ pakāsesi. Yadā bhagavā aññāsi brāhmaṇaṃ pokkharasātiṃ kallacittaṃ muducittaṃ vinīvaraṇacittaṃ udaggacittaṃ pasannacittaṃ, atha yā buddhānaṃ sāmukkaṃsikā dhammadesanā, taṃ pakāsesi – dukkhaṃ samudayaṃ nirodhaṃ maggaṃ. Seyyathāpi nāma suddhaṃ vatthaṃ apagatakāḷakaṃ sammadeva rajanaṃ paṭiggaṇheyya; evameva brāhmaṇassa pokkharasātissa tasmiññeva āsane virajaṃ vītamalaṃ dhammacakkhuṃ udapādi – ‘‘yaṃ kiñci samudayadhammaṃ, sabbaṃ taṃ nirodhadhamma’’nti.
โปกฺขรสาติอุปาสกตฺตปฎิเวทนา
Pokkharasātiupāsakattapaṭivedanā
๒๙๙. อถ โข พฺราหฺมโณ โปกฺขรสาติ ทิฎฺฐธโมฺม ปตฺตธโมฺม วิทิตธโมฺม ปริโยคาฬฺหธโมฺม ติณฺณวิจิกิโจฺฉ วิคตกถํกโถ เวสารชฺชปฺปโตฺต อปรปฺปจฺจโย สตฺถุสาสเน ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตมฯ เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุเชฺชยฺย, ปฎิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิเกฺขยฺย , อนฺธกาเร วา เตลปโชฺชตํ ธาเรยฺย, ‘จกฺขุมโนฺต รูปานิ ทกฺขนฺตี’ติ; เอวเมวํ โภตา โคตเมน อเนกปริยาเยน ธโมฺม ปกาสิโตฯ เอสาหํ, โภ โคตม, สปุโตฺต สภริโย สปริโส สามโจฺจ ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมญฺจ ภิกฺขุสงฺฆญฺจฯ อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตเคฺค ปาณุเปตํ สรณํ คตํฯ ยถา จ ภวํ โคตโม อุกฺกฎฺฐาย อญฺญานิ อุปาสกกุลานิ อุปสงฺกมติ, เอวเมว ภวํ โคตโม โปกฺขรสาติกุลํ อุปสงฺกมตุฯ ตตฺถ เย เต มาณวกา วา มาณวิกา วา ภวนฺตํ โคตมํ อภิวาเทสฺสนฺติ วา ปจฺจุฎฺฐิสฺสนฺติ 63 วา อาสนํ วา อุทกํ วา ทสฺสนฺติ จิตฺตํ วา ปสาเทสฺสนฺติ, เตสํ ตํ ภวิสฺสติ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติฯ ‘‘กลฺยาณํ วุจฺจติ, พฺราหฺมณา’’ติฯ
299. Atha kho brāhmaṇo pokkharasāti diṭṭhadhammo pattadhammo viditadhammo pariyogāḷhadhammo tiṇṇavicikiccho vigatakathaṃkatho vesārajjappatto aparappaccayo satthusāsane bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘abhikkantaṃ, bho gotama, abhikkantaṃ, bho gotama. Seyyathāpi, bho gotama, nikkujjitaṃ vā ukkujjeyya, paṭicchannaṃ vā vivareyya, mūḷhassa vā maggaṃ ācikkheyya , andhakāre vā telapajjotaṃ dhāreyya, ‘cakkhumanto rūpāni dakkhantī’ti; evamevaṃ bhotā gotamena anekapariyāyena dhammo pakāsito. Esāhaṃ, bho gotama, saputto sabhariyo sapariso sāmacco bhavantaṃ gotamaṃ saraṇaṃ gacchāmi dhammañca bhikkhusaṅghañca. Upāsakaṃ maṃ bhavaṃ gotamo dhāretu ajjatagge pāṇupetaṃ saraṇaṃ gataṃ. Yathā ca bhavaṃ gotamo ukkaṭṭhāya aññāni upāsakakulāni upasaṅkamati, evameva bhavaṃ gotamo pokkharasātikulaṃ upasaṅkamatu. Tattha ye te māṇavakā vā māṇavikā vā bhavantaṃ gotamaṃ abhivādessanti vā paccuṭṭhissanti 64 vā āsanaṃ vā udakaṃ vā dassanti cittaṃ vā pasādessanti, tesaṃ taṃ bhavissati dīgharattaṃ hitāya sukhāyā’’ti. ‘‘Kalyāṇaṃ vuccati, brāhmaṇā’’ti.
อมฺพฎฺฐสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ ตติยํฯ
Ambaṭṭhasuttaṃ niṭṭhitaṃ tatiyaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā) / ๓. อมฺพฎฺฐสุตฺตวณฺณนา • 3. Ambaṭṭhasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā) / ๓. อมฺพฎฺฐสุตฺตวณฺณนา • 3. Ambaṭṭhasuttavaṇṇanā