Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมานวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Vimānavatthu-aṭṭhakathā |
๘. อมฺพวิมานวณฺณนา
8. Ambavimānavaṇṇanā
ทิพฺพํ เต อมฺพวนํ รมฺมนฺติ อมฺพวิมานํฯ ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเนฯ เตน สมเยน สาวตฺถิยํ อญฺญตรา อุปาสิกา อาวาสทานสฺส มหปฺผลตํ มหานิสํสตญฺจ สุตฺวา ฉนฺทชาตา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอวมาห ‘‘อหํ, ภเนฺต, เอกํ อาวาสํ กาเรตุกามา, อิจฺฉามิ ตาทิสํ โอกาสํ, อาจิกฺขตู’’ติฯ ภควา ภิกฺขู อาณาเปสิ, ภิกฺขู ตสฺสา โอกาสํ ทเสฺสสุํฯ สา ตตฺถ รมณียํ อาวาสํ กาเรตฺวา ตสฺส สมนฺตโต อมฺพรุเกฺข โรเปสิฯ โส อาวาโส สมนฺตโต อมฺพปนฺตีหิ ปริกฺขิโตฺต ฉายูทกสมฺปโนฺน มุตฺตาชาลสทิสวาลุกากิณฺณปณฺฑรภูมิภาโค อติวิย มโนหโร อโหสิฯ สา ตํ วิหารํ นานาวเณฺณหิ วเตฺถหิ ปุปฺผทามคนฺธทามาทีหิ จ เทววิมานํ วิย อลงฺกริตฺวา เตลปทีปํ อาโรเปตฺวา อมฺพรุเกฺข จ อหเตหิ วเตฺถหิ เวเฐตฺวา สงฺฆสฺส นิยฺยาเทสิฯ
Dibbaṃte ambavanaṃ rammanti ambavimānaṃ. Tassa kā uppatti? Bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane. Tena samayena sāvatthiyaṃ aññatarā upāsikā āvāsadānassa mahapphalataṃ mahānisaṃsatañca sutvā chandajātā bhagavantaṃ abhivādetvā evamāha ‘‘ahaṃ, bhante, ekaṃ āvāsaṃ kāretukāmā, icchāmi tādisaṃ okāsaṃ, ācikkhatū’’ti. Bhagavā bhikkhū āṇāpesi, bhikkhū tassā okāsaṃ dassesuṃ. Sā tattha ramaṇīyaṃ āvāsaṃ kāretvā tassa samantato ambarukkhe ropesi. So āvāso samantato ambapantīhi parikkhitto chāyūdakasampanno muttājālasadisavālukākiṇṇapaṇḍarabhūmibhāgo ativiya manoharo ahosi. Sā taṃ vihāraṃ nānāvaṇṇehi vatthehi pupphadāmagandhadāmādīhi ca devavimānaṃ viya alaṅkaritvā telapadīpaṃ āropetvā ambarukkhe ca ahatehi vatthehi veṭhetvā saṅghassa niyyādesi.
สา อปรภาเค กาลํ กตฺวา ตาวติํสภวเน นิพฺพตฺติ, ตสฺสา มหนฺตํ วิมานํ ปาตุรโหสิ อมฺพวนปริกฺขิตฺตํฯ สา ตตฺถ อจฺฉราคณปริวาริตา ทิพฺพสมฺปตฺติํ อนุภวติฯ ตํ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน อุปคนฺตฺวา อิมาหิ คาถาหิ ปุจฺฉิ –
Sā aparabhāge kālaṃ katvā tāvatiṃsabhavane nibbatti, tassā mahantaṃ vimānaṃ pāturahosi ambavanaparikkhittaṃ. Sā tattha accharāgaṇaparivāritā dibbasampattiṃ anubhavati. Taṃ āyasmā mahāmoggallāno upagantvā imāhi gāthāhi pucchi –
๗๘๓.
783.
‘‘ทิพฺพํ เต อมฺพวนํ รมฺมํ, ปาสาเทตฺถ มหลฺลโก;
‘‘Dibbaṃ te ambavanaṃ rammaṃ, pāsādettha mahallako;
นานาตูริยสงฺฆุโฎฺฐ, อจฺฉราคณโฆสิโตฯ
Nānātūriyasaṅghuṭṭho, accharāgaṇaghosito.
๗๘๔.
784.
‘‘ปทีโป เจตฺถ ชลติ, นิจฺจํ โสวณฺณโย มหา;
‘‘Padīpo cettha jalati, niccaṃ sovaṇṇayo mahā;
ทุสฺสผเลหิ รุเกฺขหิ, สมนฺตา ปริวาริโตฯ
Dussaphalehi rukkhehi, samantā parivārito.
๗๘๕. ‘‘เกน เตตาทิโส วโณฺณ…เป.…วโณฺณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติฯ
785. ‘‘Kena tetādiso vaṇṇo…pe…vaṇṇo ca te sabbadisā pabhāsatī’’ti.
๗๘๗. ‘‘สา เทวตา อตฺตมนา…เป.… ยสฺส กมฺมสฺสิทํ ผลํ’’ฯ
787. ‘‘Sā devatā attamanā…pe… yassa kammassidaṃ phalaṃ’’.
๗๘๘.
788.
‘‘อหํ มนุเสฺสสุ มนุสฺสภูตา, ปุริมาย ชาติยา มนุสฺสโลเก;
‘‘Ahaṃ manussesu manussabhūtā, purimāya jātiyā manussaloke;
วิหารํ สงฺฆสฺส กาเรสิํ, อเมฺพหิ ปริวาริตํฯ
Vihāraṃ saṅghassa kāresiṃ, ambehi parivāritaṃ.
๗๘๙.
789.
‘‘ปริโยสิเต วิหาเร, กาเรเนฺต นิฎฺฐิเต มเห;
‘‘Pariyosite vihāre, kārente niṭṭhite mahe;
อเมฺพหิ ฉาทยิตฺวาน, กตฺวา ทุสฺสมเย ผเลฯ
Ambehi chādayitvāna, katvā dussamaye phale.
๗๙๐.
790.
‘‘ปทีปํ ตตฺถ ชาเลตฺวา, โภชยิตฺวา คณุตฺตมํ;
‘‘Padīpaṃ tattha jāletvā, bhojayitvā gaṇuttamaṃ;
นิยฺยาเทสิํ ตํ สงฺฆสฺส, ปสนฺนา เสหิ ปาณิภิฯ
Niyyādesiṃ taṃ saṅghassa, pasannā sehi pāṇibhi.
๗๙๑.
791.
‘‘เตน เม อมฺพวนํ รมฺมํ, ปาสาเทตฺถ มหลฺลโก;
‘‘Tena me ambavanaṃ rammaṃ, pāsādettha mahallako;
นานาตูริยสงฺฆุโฎฺฐ, อจฺฉราคณโฆสิโตฯ
Nānātūriyasaṅghuṭṭho, accharāgaṇaghosito.
๗๙๒.
792.
‘‘ปทีโป เจตฺถ ชลติ, นิจฺจํ โสวณฺณโย มหา;
‘‘Padīpo cettha jalati, niccaṃ sovaṇṇayo mahā;
ทุสฺสผเลหิ รุเกฺขหิ, สมนฺตา ปริวาริโตฯ
Dussaphalehi rukkhehi, samantā parivārito.
๗๙๓.
793.
‘‘เตน เมตาทิโส วโณฺณ…เป.…วโณฺณ จ เม สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติฯ –
‘‘Tena metādiso vaṇṇo…pe…vaṇṇo ca me sabbadisā pabhāsatī’’ti. –
สา เทวตา พฺยากาสิฯ
Sā devatā byākāsi.
๗๘๓. ตตฺถ มหลฺลโกติ มหโนฺต อายามวิตฺถาเรหิ อุเพฺพเธน จ วิปุโล, อุฬารตโมติ อโตฺถฯ อจฺฉราคณโฆสิโตติ ตํ ปโมทิตุํ สงฺคีติวเสน เจว ปิยสลฺลาปวเสน จ อจฺฉราสเงฺฆน สมุโคฺฆสิโตฯ
783. Tattha mahallakoti mahanto āyāmavitthārehi ubbedhena ca vipulo, uḷāratamoti attho. Accharāgaṇaghositoti taṃ pamodituṃ saṅgītivasena ceva piyasallāpavasena ca accharāsaṅghena samugghosito.
๗๘๔. ปทีโป เจตฺถ ชลตีติ สูริยรสฺมิสมุชฺชลกิรณวิตาโน รตนปฺปทีโป จ เอตฺถ เอตสฺมิํ ปาสาเท อภิชลติฯ ทุสฺสผเลหีติ ทุสฺสานิ ผลานิ เอเตสนฺติ ทุสฺสผลาฯ เตหิ สมุคฺคิริยมานทิพฺพวเตฺถหีติ อโตฺถฯ
784.Padīpo cettha jalatīti sūriyarasmisamujjalakiraṇavitāno ratanappadīpo ca ettha etasmiṃ pāsāde abhijalati. Dussaphalehīti dussāni phalāni etesanti dussaphalā. Tehi samuggiriyamānadibbavatthehīti attho.
๗๘๙. กาเรเนฺต นิฎฺฐิเต มเหติ กตปริโยสิตสฺส วิหารสฺส มเห ปูชาย กรียมานาย จฯ กตฺวา ทุสฺสมเย ผเลติ ทุเสฺสเยว เตสํ อมฺพานํ ผลํ กตฺวาฯ
789.Kārente niṭṭhite maheti katapariyositassa vihārassa mahe pūjāya karīyamānāya ca. Katvā dussamaye phaleti dusseyeva tesaṃ ambānaṃ phalaṃ katvā.
๗๙๐. คณุตฺตมนฺติ คณานํ อุตฺตมํ ภควโต สาวกสงฺฆํฯ นิยฺยาเทสินฺติ สมฺปฎิจฺฉาเปสิํ, อทาสินฺติ อโตฺถฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ
790.Gaṇuttamanti gaṇānaṃ uttamaṃ bhagavato sāvakasaṅghaṃ. Niyyādesinti sampaṭicchāpesiṃ, adāsinti attho. Sesaṃ vuttanayameva.
อมฺพวิมานวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Ambavimānavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / วิมานวตฺถุปาฬิ • Vimānavatthupāḷi / ๘. อมฺพวิมานวตฺถุ • 8. Ambavimānavatthu