Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā |
๔. อามิสสิกฺขาปทวณฺณนา
4. Āmisasikkhāpadavaṇṇanā
๑๖๔. ‘‘อุปสมฺปนฺนํ สเงฺฆน อสมฺมต’’นฺติ ปาฬิวจนโต, ‘‘สมฺมเตน วา สเงฺฆน วา ภารํ กตฺวา ฐปิโต’’ติ อฎฺฐกถาวจนโต จ อฎฺฐหเงฺคหิ สมนฺนาคโต สมฺมเตน วา วิปฺปวสิตุกาเมน ‘‘ยาวาหํ อาคมิสฺสามิ, ตาว เต ภาโร โหตู’’ติ ยาจิตฺวา ฐปิโต, ตสฺสาภาวโต สเงฺฆน วา ตเถว ภารํ กตฺวา ฐปิโต อฎฺฐหิ ครุธเมฺมหิ โอวทิตุํ ลภติ, ปเคว อเญฺญน ธเมฺมนาติ สิทฺธํฯ ‘‘โย ปน ภิกฺขุ อสมฺมโต ภิกฺขุนิโย โอวเทยฺย, ปาจิตฺติย’’นฺติ ปเคว ภารํ กตฺวา อฎฺฐปิตํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ อภยคิริวาสีนมฺปิ อิทเมว มตํ, อนุคณฺฐิปเท ปน อิมํ นยํ ปฎิกฺขิปิตฺวา ‘‘นตฺถิ โกจี’’ติอาทินา ‘‘เอตรหิ โอวาทโก อสมฺมโต ภิกฺขุโนวาทโก นามา’’ติ วตฺวา ‘‘ยํ ปน อนฺธกฎฺฐกถายํ วุตฺตํ ‘อุปสมฺปนฺนํ สเงฺฆน กมฺมวาจาย อสมฺมตํ, ภิกฺขุสเงฺฆน ปน ภิกฺขุนิสงฺฆสฺส อนุคฺคหํ กโรถ, ภิกฺขุนิโย โอวทถ, ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ กโรถ ผาสุวิหารนฺติ เอวํ ยาจิตฺวา ฐปิโต ภิกฺขุสงฺฆํ อาปุจฺฉิตฺวา, ตโต โส เถโร ภิกฺขุนิโย โอวทติ, เอวรูปํ ภิกฺขุสเงฺฆน อสมฺมตนฺติ, ตตฺร วุตฺตนเยเนว อโตฺถ คเหตโพฺพ’’ติ วุตฺตํฯ โปราณคณฺฐิปเท ปน ‘‘อสมฺมโต คามํ โอวาทตฺถาย อาคตานํ ภิกฺขุนีนํ วจนํ สุตฺวา ปฎิวจนํ เทโนฺต สงฺฆานุมติยา, น ญตฺติจตุเตฺถนา’’ติ วุตฺตํ, ตํ อนุคณฺฐิปทมเตน สเมติ, อนฺธกฎฺฐกถายํ วุตฺตวจนํ เตน สเมติ, ตญฺจ ปาฬิวจนํ, น หิ โอวาทปฎิคฺคาหโก, ปาติโมกฺขุเทฺทสโก วา ‘‘ปาสาทิเกน สมฺปาเทตู’’ติ วจนมเตฺตน ภิกฺขุโนวาทโก นาม โหติฯ โหตีติ เจ, อนุปสมฺปโนฺนปิ ตตฺตเกน วจเนน ‘‘ภิกฺขุโนวาทโก โหตู’’ติ วตฺตโพฺพฯ โหตีติ เจ, ยํ วุตฺตํ คณฺฐานุคณฺฐิปเทสุ ‘‘อสมฺมโต นาม อสมฺมตภาเวน ‘พหุสฺสุโต ตฺวํ โอวทาหี’ติ สเงฺฆน ภารํ กตฺวา ฐปิโต’’ติฯ เอตฺถ พาหุสเจฺจน กิํ ปโยชนํฯ อนุคณฺฐิปเทเยว ‘‘อภยคิริวาสี วทตีติ สุตฺวา สมฺมเตน วา อาณโตฺต โอวทิตุํ ลภตีติ ธมฺมสิริเตฺถโร ปจฺฉา อนุชานาตี’’ติ วุตฺตํฯ กิํ พหุกายฯ ‘‘ปาสาทิเกน สมฺปาเทตู’’ติ เอตฺตกมเตฺตน ภิกฺขุโนวาทโก โหติฯ อฎฺฐกถายํ ‘‘ภารํ กตฺวา’’ติ อิมินา กิํ ปโยชนํ, ตตฺตกมฺปิ วตฺตุํ อโญฺญ น ลภติ, เตน จ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ฐเปตฺวา พาลํ คิลานํ คมิกํ อวเสเสหิ โอวาทํ คเหตุ’’นฺติ (จูฬว. ๔๑๔) อยํ ปาฬิ วิรุเชฺฌยฺยฯ กถํ? ตสฺส หิ ‘‘น, ภิกฺขเว, โอวาโท น ปจฺจาหริตโพฺพ’’ติ (จูฬว. ๔๑๕) จนโต สมฺมตาสมฺมตภาเวน นตฺถิ โกจีติ ‘‘ปาสาทิเกน สมฺปาเทตู’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา, วทโนฺต จ อิธ ปฐเมน อาปตฺติยา กาเรตโพฺพ โหตีติฯ โหตุ อสมฺมตตฺตา, อกตภารตฺตา จฯ อิมสฺส จ ภิกฺขุโนวาทกเตฺต อิมสฺส ขียเนน ทุกฺกฎํ สิยา, สพฺพเมตํ อนิฎฺฐํ, ตสฺมา อฎฺฐกถายํ ‘‘อยเมตฺถ ภิกฺขุโนวาทโก นามา’’ติ อวุตฺตตฺตา ตถา ภารํ กตฺวา ฐปิโต โอวทิตุํ ลภติเยว, นาโญฺญติ อาจริโยฯ
164. ‘‘Upasampannaṃ saṅghena asammata’’nti pāḷivacanato, ‘‘sammatena vā saṅghena vā bhāraṃ katvā ṭhapito’’ti aṭṭhakathāvacanato ca aṭṭhahaṅgehi samannāgato sammatena vā vippavasitukāmena ‘‘yāvāhaṃ āgamissāmi, tāva te bhāro hotū’’ti yācitvā ṭhapito, tassābhāvato saṅghena vā tatheva bhāraṃ katvā ṭhapito aṭṭhahi garudhammehi ovadituṃ labhati, pageva aññena dhammenāti siddhaṃ. ‘‘Yo pana bhikkhu asammato bhikkhuniyo ovadeyya, pācittiya’’nti pageva bhāraṃ katvā aṭṭhapitaṃ sandhāya vuttanti veditabbaṃ. Abhayagirivāsīnampi idameva mataṃ, anugaṇṭhipade pana imaṃ nayaṃ paṭikkhipitvā ‘‘natthi kocī’’tiādinā ‘‘etarahi ovādako asammato bhikkhunovādako nāmā’’ti vatvā ‘‘yaṃ pana andhakaṭṭhakathāyaṃ vuttaṃ ‘upasampannaṃ saṅghena kammavācāya asammataṃ, bhikkhusaṅghena pana bhikkhunisaṅghassa anuggahaṃ karotha, bhikkhuniyo ovadatha, bhikkhusaṅghassa ca karotha phāsuvihāranti evaṃ yācitvā ṭhapito bhikkhusaṅghaṃ āpucchitvā, tato so thero bhikkhuniyo ovadati, evarūpaṃ bhikkhusaṅghena asammatanti, tatra vuttanayeneva attho gahetabbo’’ti vuttaṃ. Porāṇagaṇṭhipade pana ‘‘asammato gāmaṃ ovādatthāya āgatānaṃ bhikkhunīnaṃ vacanaṃ sutvā paṭivacanaṃ dento saṅghānumatiyā, na ñatticatutthenā’’ti vuttaṃ, taṃ anugaṇṭhipadamatena sameti, andhakaṭṭhakathāyaṃ vuttavacanaṃ tena sameti, tañca pāḷivacanaṃ, na hi ovādapaṭiggāhako, pātimokkhuddesako vā ‘‘pāsādikena sampādetū’’ti vacanamattena bhikkhunovādako nāma hoti. Hotīti ce, anupasampannopi tattakena vacanena ‘‘bhikkhunovādako hotū’’ti vattabbo. Hotīti ce, yaṃ vuttaṃ gaṇṭhānugaṇṭhipadesu ‘‘asammato nāma asammatabhāvena ‘bahussuto tvaṃ ovadāhī’ti saṅghena bhāraṃ katvā ṭhapito’’ti. Ettha bāhusaccena kiṃ payojanaṃ. Anugaṇṭhipadeyeva ‘‘abhayagirivāsī vadatīti sutvā sammatena vā āṇatto ovadituṃ labhatīti dhammasiritthero pacchā anujānātī’’ti vuttaṃ. Kiṃ bahukāya. ‘‘Pāsādikena sampādetū’’ti ettakamattena bhikkhunovādako hoti. Aṭṭhakathāyaṃ ‘‘bhāraṃ katvā’’ti iminā kiṃ payojanaṃ, tattakampi vattuṃ añño na labhati, tena ca ‘‘anujānāmi, bhikkhave, ṭhapetvā bālaṃ gilānaṃ gamikaṃ avasesehi ovādaṃ gahetu’’nti (cūḷava. 414) ayaṃ pāḷi virujjheyya. Kathaṃ? Tassa hi ‘‘na, bhikkhave, ovādo na paccāharitabbo’’ti (cūḷava. 415) canato sammatāsammatabhāvena natthi kocīti ‘‘pāsādikena sampādetū’’ti vattabbaṃ siyā, vadanto ca idha paṭhamena āpattiyā kāretabbo hotīti. Hotu asammatattā, akatabhārattā ca. Imassa ca bhikkhunovādakatte imassa khīyanena dukkaṭaṃ siyā, sabbametaṃ aniṭṭhaṃ, tasmā aṭṭhakathāyaṃ ‘‘ayamettha bhikkhunovādako nāmā’’ti avuttattā tathā bhāraṃ katvā ṭhapito ovadituṃ labhatiyeva, nāññoti ācariyo.
อามิสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Āmisasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๓. โอวาทวโคฺค • 3. Ovādavaggo
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๔. อามิสสิกฺขาปทวณฺณนา • 4. Āmisasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๔. อามิสสิกฺขาปทวณฺณนา • 4. Āmisasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๔. อามิสสิกฺขาปทวณฺณนา • 4. Āmisasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๔. อามิสสิกฺขาปทํ • 4. Āmisasikkhāpadaṃ