Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / จูฬวคฺคปาฬิ • Cūḷavaggapāḷi |
๓. อมูฬฺหวินโย
3. Amūḷhavinayo
๑๙๖. เตน โข ปน สมเยน คโคฺค ภิกฺขุ อุมฺมตฺตโก โหติ, จิตฺตวิปริยาสกโตฯ เตน อุมฺมตฺตเกน จิตฺตวิปริยาสกเตน พหุํ อสฺสามณกํ อชฺฌาจิณฺณํ โหติ ภาสิตปริกฺกนฺตํฯ ภิกฺขู คคฺคํ ภิกฺขุํ อุมฺมตฺตเกน จิตฺตวิปริยาสกเตน อชฺฌาจิเณฺณน อาปตฺติยา โจเทนฺติ – ‘‘สรตายสฺมา เอวรูปิํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตา’’ติ? โส เอวํ วเทติ – ‘‘อหํ โข, อาวุโส , อุมฺมตฺตโก อโหสิํ จิตฺตวิปริยาสกโตฯ เตน เม อุมฺมตฺตเกน จิตฺตวิปริยาสกเตน พหุํ อสฺสามณกํ อชฺฌาจิณฺณํ ภาสิตปริกฺกนฺตํฯ นาหํ ตํ สรามิฯ มูเฬฺหน เม เอตํ กต’’นฺติฯ เอวมฺปิ นํ วุจฺจมานา โจเทเนฺตว – ‘‘สรตายสฺมา เอวรูปิํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตา’’ติ? เย เต ภิกฺขู อปฺปิจฺฉา..เป.… เต อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม ภิกฺขู คคฺคํ ภิกฺขุํ อุมฺมตฺตเกน จิตฺตวิปริยาสกเตน อชฺฌาจิเณฺณน อาปตฺติยา โจเทสฺสนฺติ – ‘‘สรตายสฺมา เอวรูปิํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตา’ติ! โส เอวํ วเทติ – ‘อหํ โข, อาวุโส, อุมฺมตฺตโก อโหสิํ จิตฺตวิปริยาสกโตฯ เตน เม อุมฺมตฺตเกน จิตฺตวิปริยาสกเตน พหุํ อสฺสามณกํ อชฺฌาจิณฺณํ ภาสิตปริกฺกนฺตํฯ นาหํ ตํ สรามิฯ มูเฬฺหน เม เอตํ กต’นฺติฯ เอวมฺปิ นํ วุจฺจมานา โจเทเนฺตว – ‘‘สรตายสฺมา เอวรูปิํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตา’’ติ? อถ โข เต ภิกฺขู ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ…เป.… ‘‘สจฺจํ กิร, ภิกฺขเว…เป.… สจฺจํ ภควา’’ติ…เป.… วิครหิตฺวา…เป.… ธมฺมิํ กถํ กตฺวา ภิกฺขู อามเนฺตสิ –
196. Tena kho pana samayena gaggo bhikkhu ummattako hoti, cittavipariyāsakato. Tena ummattakena cittavipariyāsakatena bahuṃ assāmaṇakaṃ ajjhāciṇṇaṃ hoti bhāsitaparikkantaṃ. Bhikkhū gaggaṃ bhikkhuṃ ummattakena cittavipariyāsakatena ajjhāciṇṇena āpattiyā codenti – ‘‘saratāyasmā evarūpiṃ āpattiṃ āpajjitā’’ti? So evaṃ vadeti – ‘‘ahaṃ kho, āvuso , ummattako ahosiṃ cittavipariyāsakato. Tena me ummattakena cittavipariyāsakatena bahuṃ assāmaṇakaṃ ajjhāciṇṇaṃ bhāsitaparikkantaṃ. Nāhaṃ taṃ sarāmi. Mūḷhena me etaṃ kata’’nti. Evampi naṃ vuccamānā codenteva – ‘‘saratāyasmā evarūpiṃ āpattiṃ āpajjitā’’ti? Ye te bhikkhū appicchā..pe… te ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma bhikkhū gaggaṃ bhikkhuṃ ummattakena cittavipariyāsakatena ajjhāciṇṇena āpattiyā codessanti – ‘‘saratāyasmā evarūpiṃ āpattiṃ āpajjitā’ti! So evaṃ vadeti – ‘ahaṃ kho, āvuso, ummattako ahosiṃ cittavipariyāsakato. Tena me ummattakena cittavipariyāsakatena bahuṃ assāmaṇakaṃ ajjhāciṇṇaṃ bhāsitaparikkantaṃ. Nāhaṃ taṃ sarāmi. Mūḷhena me etaṃ kata’nti. Evampi naṃ vuccamānā codenteva – ‘‘saratāyasmā evarūpiṃ āpattiṃ āpajjitā’’ti? Atha kho te bhikkhū bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ…pe… ‘‘saccaṃ kira, bhikkhave…pe… saccaṃ bhagavā’’ti…pe… vigarahitvā…pe… dhammiṃ kathaṃ katvā bhikkhū āmantesi –
‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, สโงฺฆ คคฺคสฺส ภิกฺขุโน อมูฬฺหสฺส อมูฬฺหวินยํ เทตุฯ เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, ทาตโพฺพ – ‘‘เตน, ภิกฺขเว, คเคฺคน ภิกฺขุนา สงฺฆํ อุปสงฺกมิตฺวา, เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา, วุฑฺฒานํ ภิกฺขูนํ ปาเท วนฺทิตฺวา, อุกฺกุฎิกํ นิสีทิตฺวา, อญฺชลิํ ปคฺคเหตฺวา, เอวมสฺส วจนีโย – ‘อหํ, ภเนฺต, อุมฺมตฺตโก อโหสิํ จิตฺตวิปริยาสกโตฯ เตน เม อุมฺมตฺตเกน จิตฺตวิปริยาสกเตน พหุํ อสฺสามณกํ อชฺฌาจิณฺณํ ภาสิตปริกฺกนฺตํฯ มํ ภิกฺขู อุมฺมตฺตเกน จิตฺตวิปริยาสกเตน อชฺฌาจิเณฺณน อาปตฺติยา โจเทนฺติ – ‘สรตายสฺมา เอวรูปิํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตา’ติ? ตฺยาหํ เอวํ วทามิ – ‘อหํ โข, อาวุโส, อุมฺมตฺตโก อโหสิํ จิตฺตวิปริยาสกโตฯ เตน เม อุมฺมตฺตเกน จิตฺตวิปริยาสกเตน พหุํ อสฺสามณกํ อชฺฌาจิณฺณํ ภาสิตปริกฺกนฺตํฯ นาหํ ตํ สรามิฯ มูเฬฺหน เม เอตํ กต’นฺติฯ เอวมฺปิ มํ วุจฺจมานา โจเทเนฺตว – ‘สรตายสฺมา เอวรูปิํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตา’ติ? โสหํ , ภเนฺต, อมูโฬฺห สงฺฆํ อมูฬฺหวินยํ ยาจามี’ติฯ ทุติยมฺปิ ยาจิตโพฺพฯ ตติยมฺปิ ยาจิตโพฺพ – ‘อหํ, ภเนฺต, อุมฺมตฺตโก อโหสิํ จิตฺตวิปริยาสกโตฯ เตน เม อุมฺมตฺตเกน จิตฺตวิปริยาสกเตน พหุํ อสฺสามณกํ อชฺฌาจิณฺณํ ภาสิตปริกฺกนฺตํฯ มํ ภิกฺขู อุมฺมตฺตเกน จิตฺตวิปริยาสกเตน อชฺฌาจิเณฺณน อาปตฺติยา โจเทนฺติ – ‘สรตายสฺมา เอวรูปิํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตา’ติ? ตฺยาหํ เอวํ วทามิ – ‘อหํ โข, อาวุโส, อุมฺมตฺตโก อโหสิํ จิตฺตวิปริยาสกโตฯ เตน เม อุมฺมตฺตเกน จิตฺตวิปริยาสกเตน พหุํ อสฺสามณกํ อชฺฌาจิณฺณํ ภาสิตปริกฺกนฺตํฯ นาหํ ตํ สรามิ มูเฬฺหน เม เอตํ กต’นฺติฯ เอวมฺปิ มํ วุจฺจมานา โจเทเนฺตว – ‘สรตายสฺมา เอวรูปิํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตา’ติ? โสหํ อมูโฬฺห 1 ตติยมฺปิ, ภเนฺต, สงฺฆํ อมูฬฺหวินยํ ยาจามี’ติฯ พฺยเตฺตน ภิกฺขุนา ปฎิพเลน สโงฺฆ ญาเปตโพฺพ –
‘‘Tena hi, bhikkhave, saṅgho gaggassa bhikkhuno amūḷhassa amūḷhavinayaṃ detu. Evañca pana, bhikkhave, dātabbo – ‘‘tena, bhikkhave, gaggena bhikkhunā saṅghaṃ upasaṅkamitvā, ekaṃsaṃ uttarāsaṅgaṃ karitvā, vuḍḍhānaṃ bhikkhūnaṃ pāde vanditvā, ukkuṭikaṃ nisīditvā, añjaliṃ paggahetvā, evamassa vacanīyo – ‘ahaṃ, bhante, ummattako ahosiṃ cittavipariyāsakato. Tena me ummattakena cittavipariyāsakatena bahuṃ assāmaṇakaṃ ajjhāciṇṇaṃ bhāsitaparikkantaṃ. Maṃ bhikkhū ummattakena cittavipariyāsakatena ajjhāciṇṇena āpattiyā codenti – ‘saratāyasmā evarūpiṃ āpattiṃ āpajjitā’ti? Tyāhaṃ evaṃ vadāmi – ‘ahaṃ kho, āvuso, ummattako ahosiṃ cittavipariyāsakato. Tena me ummattakena cittavipariyāsakatena bahuṃ assāmaṇakaṃ ajjhāciṇṇaṃ bhāsitaparikkantaṃ. Nāhaṃ taṃ sarāmi. Mūḷhena me etaṃ kata’nti. Evampi maṃ vuccamānā codenteva – ‘saratāyasmā evarūpiṃ āpattiṃ āpajjitā’ti? Sohaṃ , bhante, amūḷho saṅghaṃ amūḷhavinayaṃ yācāmī’ti. Dutiyampi yācitabbo. Tatiyampi yācitabbo – ‘ahaṃ, bhante, ummattako ahosiṃ cittavipariyāsakato. Tena me ummattakena cittavipariyāsakatena bahuṃ assāmaṇakaṃ ajjhāciṇṇaṃ bhāsitaparikkantaṃ. Maṃ bhikkhū ummattakena cittavipariyāsakatena ajjhāciṇṇena āpattiyā codenti – ‘saratāyasmā evarūpiṃ āpattiṃ āpajjitā’ti? Tyāhaṃ evaṃ vadāmi – ‘ahaṃ kho, āvuso, ummattako ahosiṃ cittavipariyāsakato. Tena me ummattakena cittavipariyāsakatena bahuṃ assāmaṇakaṃ ajjhāciṇṇaṃ bhāsitaparikkantaṃ. Nāhaṃ taṃ sarāmi mūḷhena me etaṃ kata’nti. Evampi maṃ vuccamānā codenteva – ‘saratāyasmā evarūpiṃ āpattiṃ āpajjitā’ti? Sohaṃ amūḷho 2 tatiyampi, bhante, saṅghaṃ amūḷhavinayaṃ yācāmī’ti. Byattena bhikkhunā paṭibalena saṅgho ñāpetabbo –
๑๙๗. ‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ อยํ คโคฺค ภิกฺขุ อุมฺมตฺตโก อโหสิ จิตฺตวิปริยาสกโตฯ เตน อุมฺมตฺตเกน จิตฺตวิปริยาสกเตน พหุํ อสฺสามณกํ อชฺฌาจิณฺณํ ภาสิตปริกฺกนฺตํฯ ภิกฺขู คคฺคํ ภิกฺขุํ อุมฺมตฺตเกน จิตฺตวิปริยาสกเตน อชฺฌาจิเณฺณน อาปตฺติยา โจเทนฺติ – ‘สรตายสฺมา เอวรูปิํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตา’ติ? โส เอวํ วเทติ – ‘อหํ โข, อาวุโส, อุมฺมตฺตโก อโหสิํ จิตฺตวิปริยาสกโตฯ เตน เม อุมฺมตฺตเกน จิตฺตวิปริยาสกเตน พหุํ อสฺสามณกํ อชฺฌาจิณฺณํ ภาสิตปริกฺกนฺตํฯ นาหํ ตํ สรามิ, มูเฬฺหน เม เอตํ กต’นฺติฯ เอวมฺปิ นํ วุจฺจมานา โจเทเนฺตว – ‘สรตายสฺมา เอวรูปิํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตา’ติ? โส อมูโฬฺห สงฺฆํ อมูฬฺหวินยํ ยาจติฯ ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สโงฺฆ คคฺคสฺส ภิกฺขุโน อมูฬฺหสฺส อมูฬฺหวินยํ ทเทยฺยฯ เอสา ญตฺติฯ
197. ‘‘Suṇātu me, bhante, saṅgho. Ayaṃ gaggo bhikkhu ummattako ahosi cittavipariyāsakato. Tena ummattakena cittavipariyāsakatena bahuṃ assāmaṇakaṃ ajjhāciṇṇaṃ bhāsitaparikkantaṃ. Bhikkhū gaggaṃ bhikkhuṃ ummattakena cittavipariyāsakatena ajjhāciṇṇena āpattiyā codenti – ‘saratāyasmā evarūpiṃ āpattiṃ āpajjitā’ti? So evaṃ vadeti – ‘ahaṃ kho, āvuso, ummattako ahosiṃ cittavipariyāsakato. Tena me ummattakena cittavipariyāsakatena bahuṃ assāmaṇakaṃ ajjhāciṇṇaṃ bhāsitaparikkantaṃ. Nāhaṃ taṃ sarāmi, mūḷhena me etaṃ kata’nti. Evampi naṃ vuccamānā codenteva – ‘saratāyasmā evarūpiṃ āpattiṃ āpajjitā’ti? So amūḷho saṅghaṃ amūḷhavinayaṃ yācati. Yadi saṅghassa pattakallaṃ, saṅgho gaggassa bhikkhuno amūḷhassa amūḷhavinayaṃ dadeyya. Esā ñatti.
‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ อยํ คโคฺค ภิกฺขุ อุมฺมตฺตโก อโหสิ จิตฺตวิปริยาสกโตฯ เตน อุมฺมตฺตเกน จิตฺตวิปริยาสกเตน พหุํ อสฺสามณกํ อชฺฌาจิณฺณํ ภาสิตปริกฺกนฺตํฯ ภิกฺขู คคฺคํ ภิกฺขุํ อุมฺมตฺตเกน จิตฺตวิปริยาสกเตน อชฺฌาจิเณฺณน อาปตฺติยา โจเทนฺติ – ‘สรตายสฺมา เอวรูปิํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตา’ติ? โส เอวํ วเทติ – ‘อหํ โข, อาวุโส, อุมฺมตฺตโก อโหสิํ จิตฺตวิปริยาสกโตฯ เตน เม อุมฺมตฺตเกน จิตฺตวิปริยาสกเตน พหุํ อสฺสามณกํ อชฺฌาจิณฺณํ ภาสิตปริกฺกนฺตํฯ นาหํ ตํ สรามิ มูเฬฺหน เม เอตํ กต’นฺติฯ เอวมฺปิ นํ วุจฺจมานา โจเทเนฺตว – ‘สรตายสฺมา เอวรูปิํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตา’ติ? โส อมูโฬฺห สงฺฆํ อมูฬฺหวินยํ ยาจติฯ สโงฺฆ คคฺคสฺส ภิกฺขุโน อมูฬฺหสฺส อมูฬฺหวินยํ เทติฯ ยสฺสายสฺมโต ขมติ คคฺคสฺส ภิกฺขุโน อมูฬฺหสฺส อมูฬฺหวินยสฺส ทานํ, โส ตุณฺหสฺส; ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺยฯ
‘‘Suṇātu me, bhante, saṅgho. Ayaṃ gaggo bhikkhu ummattako ahosi cittavipariyāsakato. Tena ummattakena cittavipariyāsakatena bahuṃ assāmaṇakaṃ ajjhāciṇṇaṃ bhāsitaparikkantaṃ. Bhikkhū gaggaṃ bhikkhuṃ ummattakena cittavipariyāsakatena ajjhāciṇṇena āpattiyā codenti – ‘saratāyasmā evarūpiṃ āpattiṃ āpajjitā’ti? So evaṃ vadeti – ‘ahaṃ kho, āvuso, ummattako ahosiṃ cittavipariyāsakato. Tena me ummattakena cittavipariyāsakatena bahuṃ assāmaṇakaṃ ajjhāciṇṇaṃ bhāsitaparikkantaṃ. Nāhaṃ taṃ sarāmi mūḷhena me etaṃ kata’nti. Evampi naṃ vuccamānā codenteva – ‘saratāyasmā evarūpiṃ āpattiṃ āpajjitā’ti? So amūḷho saṅghaṃ amūḷhavinayaṃ yācati. Saṅgho gaggassa bhikkhuno amūḷhassa amūḷhavinayaṃ deti. Yassāyasmato khamati gaggassa bhikkhuno amūḷhassa amūḷhavinayassa dānaṃ, so tuṇhassa; yassa nakkhamati, so bhāseyya.
‘‘ทุติยมฺปิ เอตมตฺถํ วทามิ…เป.… ตติยมฺปิ เอตมตฺถํ วทามิ…เป.…ฯ
‘‘Dutiyampi etamatthaṃ vadāmi…pe… tatiyampi etamatthaṃ vadāmi…pe….
‘‘ทิโนฺน สเงฺฆน คคฺคสฺส ภิกฺขุโน อมูฬฺหสฺส อมูฬฺหวินโยฯ ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี , เอวเมตํ ธารยามี’’ติฯ
‘‘Dinno saṅghena gaggassa bhikkhuno amūḷhassa amūḷhavinayo. Khamati saṅghassa, tasmā tuṇhī , evametaṃ dhārayāmī’’ti.
๑๙๘. ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, อธมฺมิกานิ อมูฬฺหวินยสฺส ทานานิ, ตีณิ ธมฺมิกานิฯ กมฺมานิ ตีณิ อธมฺมิกานิ อมูฬฺหวินยสฺส ทานานิ?
198. ‘‘Tīṇimāni, bhikkhave, adhammikāni amūḷhavinayassa dānāni, tīṇi dhammikāni. Kammāni tīṇi adhammikāni amūḷhavinayassa dānāni?
‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อาปตฺติํ อาปโนฺน โหติฯ ตเมนํ โจเทติ สโงฺฆ วา, สมฺพหุลา วา, เอกปุคฺคโล วา – ‘สรตายสฺมา เอวรูปิํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตา’ติ? โส สรมาโนว เอวํ วเทติ – ‘น โข อหํ, อาวุโส, สรามิ เอวรูปิํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตา’ติฯ ตสฺส สโงฺฆ อมูฬฺหวินยํ เทติฯ อธมฺมิกํ อมูฬฺหวินยสฺส ทานํฯ
‘‘Idha pana, bhikkhave, bhikkhu āpattiṃ āpanno hoti. Tamenaṃ codeti saṅgho vā, sambahulā vā, ekapuggalo vā – ‘saratāyasmā evarūpiṃ āpattiṃ āpajjitā’ti? So saramānova evaṃ vadeti – ‘na kho ahaṃ, āvuso, sarāmi evarūpiṃ āpattiṃ āpajjitā’ti. Tassa saṅgho amūḷhavinayaṃ deti. Adhammikaṃ amūḷhavinayassa dānaṃ.
‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อาปตฺติํ อาปโนฺน โหติฯ ตเมนํ โจเทติ สโงฺฆ วา, สมฺพหุลา วา, เอกปุคฺคโล วา – ‘สรตายสฺมา เอวรูปิํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตา’ติ? โส สรมาโนว เอวํ วเทติ – ‘สรามิ โข อหํ, อาวุโส, ยถาสุปินเนฺตนา’ติฯ ตสฺส สโงฺฆ อมูฬฺหวินยํ เทติฯ อธมฺมิกํ อมูฬฺหวินยสฺส ทานํฯ
‘‘Idha pana, bhikkhave, bhikkhu āpattiṃ āpanno hoti. Tamenaṃ codeti saṅgho vā, sambahulā vā, ekapuggalo vā – ‘saratāyasmā evarūpiṃ āpattiṃ āpajjitā’ti? So saramānova evaṃ vadeti – ‘sarāmi kho ahaṃ, āvuso, yathāsupinantenā’ti. Tassa saṅgho amūḷhavinayaṃ deti. Adhammikaṃ amūḷhavinayassa dānaṃ.
‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อาปตฺติํ อาปโนฺน โหติฯ ตเมนํ โจเทติ สโงฺฆ วา, สมฺพหุลา วา, เอกปุคฺคโล วา – ‘สรตายสฺมา เอวรูปิํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตา’ติ? โส อนุมฺมตฺตโก อุมฺมตฺตกาลยํ กโรติ – ‘อหมฺปิ โข เอวํ กโรมิฯ ตุเมฺหปิ เอวํ กโรถฯ มยฺหมฺปิ เอตํ กปฺปติฯ ตุมฺหากเมฺปตํ กปฺปตี’ติฯ ตสฺส สโงฺฆ อมูฬฺหวินยํ เทติฯ อธมฺมิกํ อมูฬฺหวินยสฺส ทานํฯ อิมานิ ตีณิ อธมฺมิกานิ อมูฬฺหวินยสฺส ทานานิฯ
‘‘Idha pana, bhikkhave, bhikkhu āpattiṃ āpanno hoti. Tamenaṃ codeti saṅgho vā, sambahulā vā, ekapuggalo vā – ‘saratāyasmā evarūpiṃ āpattiṃ āpajjitā’ti? So anummattako ummattakālayaṃ karoti – ‘ahampi kho evaṃ karomi. Tumhepi evaṃ karotha. Mayhampi etaṃ kappati. Tumhākampetaṃ kappatī’ti. Tassa saṅgho amūḷhavinayaṃ deti. Adhammikaṃ amūḷhavinayassa dānaṃ. Imāni tīṇi adhammikāni amūḷhavinayassa dānāni.
๑๙๙. ‘‘กตมานิ ตีณิ ธมฺมิกานิ อมูฬฺหวินยสฺส ทานานิ?
199. ‘‘Katamāni tīṇi dhammikāni amūḷhavinayassa dānāni?
‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อุมฺมตฺตโก โหติ จิตฺตวิปริยาสกโตฯ เตน อุมฺมตฺตเกน จิตฺตวิปริยาสกเตน พหุํ อสฺสามณกํ อชฺฌาจิณฺณํ โหติ ภาสิตปริกฺกนฺตํฯ ตเมนํ โจเทติ สโงฺฆ วา, สมฺพหุลา วา, เอกปุคฺคโล วา – ‘สรตายสฺมา เอวรูปิํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตา’ติ? โส อสฺสรมาโนว เอวํ วเทติ – ‘น โข อหํ, อาวุโส, สรามิ เอวรูปิํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตา’ติฯ ตสฺส สโงฺฆ อมูฬฺหวินยํ เทติฯ ธมฺมิกํ อมูฬฺหวินยสฺส ทานํฯ
‘‘Idha pana, bhikkhave, bhikkhu ummattako hoti cittavipariyāsakato. Tena ummattakena cittavipariyāsakatena bahuṃ assāmaṇakaṃ ajjhāciṇṇaṃ hoti bhāsitaparikkantaṃ. Tamenaṃ codeti saṅgho vā, sambahulā vā, ekapuggalo vā – ‘saratāyasmā evarūpiṃ āpattiṃ āpajjitā’ti? So assaramānova evaṃ vadeti – ‘na kho ahaṃ, āvuso, sarāmi evarūpiṃ āpattiṃ āpajjitā’ti. Tassa saṅgho amūḷhavinayaṃ deti. Dhammikaṃ amūḷhavinayassa dānaṃ.
‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อุมฺมตฺตโก โหติ จิตฺตวิปริยาสกโตฯ เตน อุมฺมตฺตเกน จิตฺตวิปริยาสกเตน พหุํ อสฺสามณกํ อชฺฌาจิณฺณํ โหติ ภาสิตปริกฺกนฺตํฯ ตเมนํ โจเทติ สโงฺฆ วา, สมฺพหุลา วา, เอกปุคฺคโล วา – ‘สรตายสฺมา เอวรูปิํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตา’ติ ? โส อสฺสรมาโนว เอวํ วเทติ – ‘สรามิ โข อหํ, อาวุโส, ยถา สุปินเนฺตนา’ติฯ ตสฺส สโงฺฆ อมูฬฺหวินยํ เทติฯ ธมฺมิกํ อมูฬฺหวินยสฺส ทานํฯ
‘‘Idha pana, bhikkhave, bhikkhu ummattako hoti cittavipariyāsakato. Tena ummattakena cittavipariyāsakatena bahuṃ assāmaṇakaṃ ajjhāciṇṇaṃ hoti bhāsitaparikkantaṃ. Tamenaṃ codeti saṅgho vā, sambahulā vā, ekapuggalo vā – ‘saratāyasmā evarūpiṃ āpattiṃ āpajjitā’ti ? So assaramānova evaṃ vadeti – ‘sarāmi kho ahaṃ, āvuso, yathā supinantenā’ti. Tassa saṅgho amūḷhavinayaṃ deti. Dhammikaṃ amūḷhavinayassa dānaṃ.
‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อุมฺมตฺตโก โหติ จิตฺตวิปริยาสกโตฯ เตน อุมฺมตฺตเกน จิตฺตวิปริยาสกเตน พหุํ อสฺสามณกํ อชฺฌาจิณฺณํ โหติ ภาสิตปริกฺกนฺตํฯ ตเมนํ โจเทติ สโงฺฆ วา, สมฺพหุลา วา, เอกปุคฺคโล วา – ‘สรตายสฺมา เอวรูปิํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตา’ติ? โส อุมฺมตฺตโก อุมฺมตฺตกาลยํ กโรติ – ‘อหมฺปิ เอวํ กโรมิฯ ตุเมฺหปิ เอวํ กโรถฯ มยฺหมฺปิ เอตํ กปฺปติฯ ตุมฺหากเมฺปตํ กปฺปตี’ติฯ ตสฺส สโงฺฆ อมูฬฺหวินยํ เทติฯ ธมฺมิกํ อมูฬฺหวินยสฺส ทานํฯ ‘‘อิมานิ ตีณิ ธมฺมิกานิ อมูฬฺหวินยสฺส ทานานี’’ติฯ
‘‘Idha pana, bhikkhave, bhikkhu ummattako hoti cittavipariyāsakato. Tena ummattakena cittavipariyāsakatena bahuṃ assāmaṇakaṃ ajjhāciṇṇaṃ hoti bhāsitaparikkantaṃ. Tamenaṃ codeti saṅgho vā, sambahulā vā, ekapuggalo vā – ‘saratāyasmā evarūpiṃ āpattiṃ āpajjitā’ti? So ummattako ummattakālayaṃ karoti – ‘ahampi evaṃ karomi. Tumhepi evaṃ karotha. Mayhampi etaṃ kappati. Tumhākampetaṃ kappatī’ti. Tassa saṅgho amūḷhavinayaṃ deti. Dhammikaṃ amūḷhavinayassa dānaṃ. ‘‘Imāni tīṇi dhammikāni amūḷhavinayassa dānānī’’ti.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / จูฬวคฺค-อฎฺฐกถา • Cūḷavagga-aṭṭhakathā / อมูฬฺหวินยกถา • Amūḷhavinayakathā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / สติวินยาทิกถาวณฺณนา • Sativinayādikathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / อมูฬฺหวินยกถาวณฺณนา • Amūḷhavinayakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / สติวินยกถาทิวณฺณนา • Sativinayakathādivaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๓. อมูฬฺหวินยกถา • 3. Amūḷhavinayakathā