Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๑๘๕] ๕. อนภิรติชาตกวณฺณนา
[185] 5. Anabhiratijātakavaṇṇanā
ยโถทเก อาวิเล อปฺปสเนฺนติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต อญฺญตรํ พฺราหฺมณกุมารํ อารพฺภ กเถสิฯ สาวตฺถิยํ กิร เอโก พฺราหฺมณกุมาโร ติณฺณํ เวทานํ ปารคู พหู ขตฺติยกุมาเร จ พฺราหฺมณกุมาเร จ มเนฺต วาเจสิฯ โส อปรภาเค ฆราวาสํ สณฺฐเปตฺวา วตฺถาลงฺการทาสทาสิเขตฺตวตฺถุโคมหิํสปุตฺตทาราทีนํ อตฺถาย จินฺตยมาโน ราคโทสโมหวสิโก หุตฺวา อาวิลจิโตฺต อโหสิ, มเนฺต ปฎิปาฎิยา ปริวเตฺตตุํ นาสกฺขิ, อิโต จิโต จ มนฺตา น ปฎิภํสุฯ โส เอกทิวสํ พหุํ คนฺธมาลาทิํ คเหตฺวา เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถารํ ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ ฯ สตฺถา เตน สทฺธิํ ปฎิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘กิํ, มาณว, มเนฺต วาเจสิ, ปคุณา เต มนฺตา’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘ปุเพฺพ เม, ภเนฺต, มนฺตา ปคุณา อเหสุํ, ฆราวาสสฺส ปน คหิตกาลโต ปฎฺฐาย จิตฺตํ เม อาวิลํ ชาตํ, เตน เม มนฺตา น ปคุณา’’ติฯ อถ นํ สตฺถา ‘‘น โข, มาณว, อิทาเนว, ปุเพฺพปิ เต จิตฺตสฺส อนาวิลกาเล ตว มนฺตา ปคุณา อเหสุํ, ราคาทีหิ ปน อาวิลกาเล ตว มนฺตา น ปฎิภํสู’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ
Yathodake āvile appasanneti idaṃ satthā jetavane viharanto aññataraṃ brāhmaṇakumāraṃ ārabbha kathesi. Sāvatthiyaṃ kira eko brāhmaṇakumāro tiṇṇaṃ vedānaṃ pāragū bahū khattiyakumāre ca brāhmaṇakumāre ca mante vācesi. So aparabhāge gharāvāsaṃ saṇṭhapetvā vatthālaṅkāradāsadāsikhettavatthugomahiṃsaputtadārādīnaṃ atthāya cintayamāno rāgadosamohavasiko hutvā āvilacitto ahosi, mante paṭipāṭiyā parivattetuṃ nāsakkhi, ito cito ca mantā na paṭibhaṃsu. So ekadivasaṃ bahuṃ gandhamālādiṃ gahetvā jetavanaṃ gantvā satthāraṃ pūjetvā vanditvā ekamantaṃ nisīdi . Satthā tena saddhiṃ paṭisanthāraṃ katvā ‘‘kiṃ, māṇava, mante vācesi, paguṇā te mantā’’ti pucchi. ‘‘Pubbe me, bhante, mantā paguṇā ahesuṃ, gharāvāsassa pana gahitakālato paṭṭhāya cittaṃ me āvilaṃ jātaṃ, tena me mantā na paguṇā’’ti. Atha naṃ satthā ‘‘na kho, māṇava, idāneva, pubbepi te cittassa anāvilakāle tava mantā paguṇā ahesuṃ, rāgādīhi pana āvilakāle tava mantā na paṭibhaṃsū’’ti vatvā tena yācito atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต ตกฺกสิลายํ มเนฺต อุคฺคณฺหิตฺวา ทิสาปาโมโกฺข อาจริโย หุตฺวา พาราณสิยํ พหู ขตฺติยกุมาเร จ พฺราหฺมณกุมาเร จ มเนฺต วาเจสิฯ ตสฺส สนฺติเก เอโก พฺราหฺมณมาณโว ตโย เวเท ปคุเณ อกาสิ, เอกปเทปิ นิกฺกโงฺข ปิฎฺฐิอาจริโย หุตฺวา มเนฺต วาเจสิฯ โส อปเรน สมเยน ฆราวาสํ คเหตฺวา ฆราวาสจินฺตาย อาวิลจิโตฺต มเนฺต ปริวเตฺตตุํ นาสกฺขิฯ อถ นํ อาจริโย อตฺตโน สนฺติกํ อาคตํ ‘‘กิํ, มาณว, ปคุณา เต มนฺตา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ฆราวาสคหิตกาลโต ปฎฺฐาย เม จิตฺตํ อาวิลํ ชาตํ, มเนฺต ปริวเตฺตตุํ น สโกฺกมี’’ติ วุเตฺต ‘‘ตาต, อาวิเล จิตฺตมฺหิ ปคุณาปิ มนฺตา น ปฎิภนฺติ, อนาวิเล ปน จิเตฺต อปฺปฎิภาณํ นาม นตฺถี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อาห –
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto brāhmaṇamahāsālakule nibbattitvā vayappatto takkasilāyaṃ mante uggaṇhitvā disāpāmokkho ācariyo hutvā bārāṇasiyaṃ bahū khattiyakumāre ca brāhmaṇakumāre ca mante vācesi. Tassa santike eko brāhmaṇamāṇavo tayo vede paguṇe akāsi, ekapadepi nikkaṅkho piṭṭhiācariyo hutvā mante vācesi. So aparena samayena gharāvāsaṃ gahetvā gharāvāsacintāya āvilacitto mante parivattetuṃ nāsakkhi. Atha naṃ ācariyo attano santikaṃ āgataṃ ‘‘kiṃ, māṇava, paguṇā te mantā’’ti pucchitvā ‘‘gharāvāsagahitakālato paṭṭhāya me cittaṃ āvilaṃ jātaṃ, mante parivattetuṃ na sakkomī’’ti vutte ‘‘tāta, āvile cittamhi paguṇāpi mantā na paṭibhanti, anāvile pana citte appaṭibhāṇaṃ nāma natthī’’ti vatvā imā gāthā āha –
๖๙.
69.
‘‘ยโถทเก อาวิเล อปฺปสเนฺน, น ปสฺสติ สิปฺปิกสมฺพุกญฺจ;
‘‘Yathodake āvile appasanne, na passati sippikasambukañca;
สกฺขรํ วาลุกํ มจฺฉคุมฺพํ, เอวํ อาวิลมฺหิ จิเตฺต;
Sakkharaṃ vālukaṃ macchagumbaṃ, evaṃ āvilamhi citte;
น โส ปสฺสติ อตฺตทตฺถํ ปรตฺถํฯ
Na so passati attadatthaṃ paratthaṃ.
๗๐.
70.
‘‘ยโถทเก อเจฺฉ วิปฺปสเนฺน, โส ปสฺสติ สิปฺปิกสมฺพุกญฺจ;
‘‘Yathodake acche vippasanne, so passati sippikasambukañca;
สกฺขรํ วาลุกํ มจฺฉคุมฺพํ, เอวํ อนาวิลมฺหิ จิเตฺต;
Sakkharaṃ vālukaṃ macchagumbaṃ, evaṃ anāvilamhi citte;
โส ปสฺสติ อตฺถทตฺถํ ปรตฺถ’’นฺติฯ
So passati atthadatthaṃ parattha’’nti.
ตตฺถ อาวิเลติ กทฺทมาลุฬิเตฯ อปฺปสเนฺนติ ตาเยว อาวิลตาย อวิปฺปสเนฺนฯ สิปฺปิกสมฺพุกญฺจาติ สิปฺปิกญฺจ สมฺพุกญฺจฯ มจฺฉคุมฺพนฺติ มจฺฉฆฎํฯ เอวํ อาวิลมฺหีติ เอวเมว ราคาทีหิ อาวิเล จิเตฺตฯ อตฺตทตฺถํ ปรตฺถนฺติ เนว อตฺตทตฺถํ น ปรตฺถํ ปสฺสตีติ อโตฺถฯ โส ปสฺสตีติ เอวเมว อนาวิเล จิเตฺต โส ปุริโส อตฺตทตฺถํ ปรตฺถญฺจ ปสฺสตีติฯ
Tattha āvileti kaddamāluḷite. Appasanneti tāyeva āvilatāya avippasanne. Sippikasambukañcāti sippikañca sambukañca. Macchagumbanti macchaghaṭaṃ. Evaṃ āvilamhīti evameva rāgādīhi āvile citte. Attadatthaṃ paratthanti neva attadatthaṃ na paratthaṃ passatīti attho. So passatīti evameva anāvile citte so puriso attadatthaṃ paratthañca passatīti.
สตฺถา อิมํ อตีตํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน พฺราหฺมณกุมาโร โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิฯ ‘‘ตทา มาณโว อยเมว มาณโว อโหสิ, อาจริโย ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ atītaṃ āharitvā saccāni pakāsetvā jātakaṃ samodhānesi, saccapariyosāne brāhmaṇakumāro sotāpattiphale patiṭṭhahi. ‘‘Tadā māṇavo ayameva māṇavo ahosi, ācariyo pana ahameva ahosi’’nti.
อนภิรติชาตกวณฺณนา ปญฺจมาฯ
Anabhiratijātakavaṇṇanā pañcamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๑๘๕. อนภิรติชาตกํ • 185. Anabhiratijātakaṃ