Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๒. อานนฺทสุตฺตํ
2. Ānandasuttaṃ
๓๒. อถ โข อายสฺมา อานโนฺท เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อายสฺมา อานโนฺท ภควนฺตํ เอตทโวจ –
32. Atha kho āyasmā ānando yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho āyasmā ānando bhagavantaṃ etadavoca –
‘‘สิยา นุ โข, ภเนฺต, ภิกฺขุโน ตถารูโป สมาธิปฎิลาโภ ยถา อิมสฺมิญฺจ สวิญฺญาณเก กาเย อหงฺการมมงฺการมานานุสยา นาสฺสุ, พหิทฺธา จ สพฺพนิมิเตฺตสุ อหงฺการมมงฺการมานานุสยา นาสฺสุ; ยญฺจ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ อุปสมฺปชฺช วิหรโต อหงฺการมมงฺการมานานุสยา น โหนฺติ ตญฺจ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยา’’ติ? ‘‘สิยา, อานนฺท, ภิกฺขุโน ตถารูโป สมาธิปฎิลาโภ ยถา อิมสฺมิญฺจ สวิญฺญาณเก กาเย อหงฺการมมงฺการมานานุสยา นาสฺสุ, พหิทฺธา จ สพฺพนิมิเตฺตสุ อหงฺการมมงฺการมานานุสยา นาสฺสุ; ยญฺจ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ อุปสมฺปชฺช วิหรโต อหงฺการมมงฺการมานานุสยา น โหนฺติ ตญฺจ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยา’’ติฯ
‘‘Siyā nu kho, bhante, bhikkhuno tathārūpo samādhipaṭilābho yathā imasmiñca saviññāṇake kāye ahaṅkāramamaṅkāramānānusayā nāssu, bahiddhā ca sabbanimittesu ahaṅkāramamaṅkāramānānusayā nāssu; yañca cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ upasampajja viharato ahaṅkāramamaṅkāramānānusayā na honti tañca cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ upasampajja vihareyyā’’ti? ‘‘Siyā, ānanda, bhikkhuno tathārūpo samādhipaṭilābho yathā imasmiñca saviññāṇake kāye ahaṅkāramamaṅkāramānānusayā nāssu, bahiddhā ca sabbanimittesu ahaṅkāramamaṅkāramānānusayā nāssu; yañca cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ upasampajja viharato ahaṅkāramamaṅkāramānānusayā na honti tañca cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ upasampajja vihareyyā’’ti.
‘‘ยถา กถํ ปน, ภเนฺต, สิยา ภิกฺขุโน ตถารูโป สมาธิปฎิลาโภ ยถา อิมสฺมิญฺจ สวิญฺญาณเก กาเย อหงฺการมมงฺการมานานุสยา นาสฺสุ, พหิทฺธา จ สพฺพนิมิเตฺตสุ อหงฺการมมงฺการมานานุสยา นาสฺสุ; ยญฺจ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ อุปสมฺปชฺช วิหรโต อหงฺการมมงฺการมานานุสยา น โหนฺติ ตญฺจ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยา’’ติ?
‘‘Yathā kathaṃ pana, bhante, siyā bhikkhuno tathārūpo samādhipaṭilābho yathā imasmiñca saviññāṇake kāye ahaṅkāramamaṅkāramānānusayā nāssu, bahiddhā ca sabbanimittesu ahaṅkāramamaṅkāramānānusayā nāssu; yañca cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ upasampajja viharato ahaṅkāramamaṅkāramānānusayā na honti tañca cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ upasampajja vihareyyā’’ti?
‘‘อิธานนฺท , ภิกฺขุโน เอวํ โหติ – ‘เอตํ สนฺตํ เอตํ ปณีตํ ยทิทํ สพฺพสงฺขารสมโถ สพฺพูปธิปฎินิสฺสโคฺค ตณฺหากฺขโย วิราโค นิโรโธ นิพฺพาน’นฺติฯ เอวํ โข, อานนฺท, สิยา ภิกฺขุโน ตถารูโป สมาธิปฎิลาโภ ยถา อิมสฺมิญฺจ สวิญฺญาณเก กาเย อหงฺการมมงฺการมานานุสยา นาสฺสุ, พหิทฺธา จ สพฺพนิมิเตฺตสุ อหงฺการมมงฺการมานานุสยา นาสฺสุ; ยญฺจ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ อุปสมฺปชฺช วิหรโต อหงฺการมมงฺการมานานุสยา น โหนฺติ ตญฺจ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยา’’ติฯ
‘‘Idhānanda , bhikkhuno evaṃ hoti – ‘etaṃ santaṃ etaṃ paṇītaṃ yadidaṃ sabbasaṅkhārasamatho sabbūpadhipaṭinissaggo taṇhākkhayo virāgo nirodho nibbāna’nti. Evaṃ kho, ānanda, siyā bhikkhuno tathārūpo samādhipaṭilābho yathā imasmiñca saviññāṇake kāye ahaṅkāramamaṅkāramānānusayā nāssu, bahiddhā ca sabbanimittesu ahaṅkāramamaṅkāramānānusayā nāssu; yañca cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ upasampajja viharato ahaṅkāramamaṅkāramānānusayā na honti tañca cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ upasampajja vihareyyā’’ti.
‘‘อิทญฺจ ปน เมตํ, อานนฺท, สนฺธาย ภาสิตํ ปารายเน ปุณฺณกปเญฺห –
‘‘Idañca pana metaṃ, ānanda, sandhāya bhāsitaṃ pārāyane puṇṇakapañhe –
ยสฺสิญฺชิตํ นตฺถิ กุหิญฺจิ โลเก;
Yassiñjitaṃ natthi kuhiñci loke;
อตาริ โส ชาติชรนฺติ พฺรูมี’’ติฯ ทุติยํ;
Atāri so jātijaranti brūmī’’ti. dutiyaṃ;
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๒. อานนฺทสุตฺตวณฺณนา • 2. Ānandasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๒. อานนฺทสุตฺตวณฺณนา • 2. Ānandasuttavaṇṇanā