Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อปทาน-อฎฺฐกถา • Apadāna-aṭṭhakathā |
๓-๑๐. อานนฺทเตฺถรอปทานวณฺณนา
3-10. Ānandattheraapadānavaṇṇanā
อารามทฺวารา นิกฺขมฺมาติอาทิกํ อายสฺมโต อานนฺทเตฺถรสฺส อปทานํฯ อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฎฺฎูปนิสฺสยานิ ปุญฺญานิ อุปจินโนฺต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร สตฺถุ เวมาติกภาตา หุตฺวา นิพฺพตฺติฯ สุมโนติสฺส นามํ อโหสิฯ ปิตา ปนสฺส นนฺทราชา นามฯ โส อตฺตโน ปุตฺตสฺส สุมนกุมารสฺส วยปฺปตฺตสฺส หํสวตีนครโต วีสโยชนสเต ฐาเน โภคนครํ อทาสิฯ โส กทาจิ กทาจิ อาคนฺตฺวา สตฺถารญฺจ ปิตรญฺจ ปสฺสติฯ ตทา ราชา สตฺถารญฺจ สตสหสฺสปริมาณํ ภิกฺขุสงฺฆญฺจ สยเมว สกฺกจฺจํ อุปฎฺฐหิ, อเญฺญสํ อุปฎฺฐาตุํ น เทติฯ
Ārāmadvārā nikkhammātiādikaṃ āyasmato ānandattherassa apadānaṃ. Ayampi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave vivaṭṭūpanissayāni puññāni upacinanto padumuttarassa bhagavato kāle haṃsavatīnagare satthu vemātikabhātā hutvā nibbatti. Sumanotissa nāmaṃ ahosi. Pitā panassa nandarājā nāma. So attano puttassa sumanakumārassa vayappattassa haṃsavatīnagarato vīsayojanasate ṭhāne bhoganagaraṃ adāsi. So kadāci kadāci āgantvā satthārañca pitarañca passati. Tadā rājā satthārañca satasahassaparimāṇaṃ bhikkhusaṅghañca sayameva sakkaccaṃ upaṭṭhahi, aññesaṃ upaṭṭhātuṃ na deti.
เตน สมเยน ปจฺจโนฺต กุปิโต อโหสิฯ กุมาโร ตสฺส กุปิตภาวํ รโญฺญ อนาโรเจตฺวา สยเมว ตํ วูปสเมสิฯ ตํ สุตฺวา ราชา ตุฎฺฐมานโส ‘‘วรํ เต ตาว ทมฺมิ, คณฺหาหี’’ติ อาหฯ กุมาโร ‘‘สตฺถารํ ภิกฺขุสงฺฆญฺจ เตมาสํ อุปฎฺฐหโนฺต ชีวิตํ อวญฺฌํ กาตุํ อิจฺฉามี’’ติ อาหฯ ‘‘เอตํ น สกฺกา, อญฺญํ วเทหี’’ติฯ ‘‘เทว, ขตฺติยานํ เทฺว กถา นาม นตฺถิ, เอตํ เม เทหิ, น มยฺหํ อเญฺญนโตฺถ, สเจ สตฺถา อนุชานาติ, ทินฺนเมวา’’ติฯ โส ‘‘สตฺถุ จิตฺตํ ชานิสฺสามี’’ติ วิหารํ คโตฯ เตน จ สมเยน ภควา คนฺธกุฎิํ ปวิโฎฺฐ โหติฯ โส ภิกฺขู อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อหํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ ทสฺสนาย อาคโต, ทเสฺสถ ม’’นฺติฯ ภิกฺขู ‘‘สุมโน นาม เถโร สตฺถุ อุปฎฺฐาโก, ตสฺส สนฺติกํ คจฺฉาหี’’ติ อาหํสุฯ โส เถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘สตฺถารํ, ภเนฺต, ทเสฺสถา’’ติ อาหฯ อถ เถโร ตสฺส ปสฺสนฺตเสฺสว ปถวิยํ นิมุชฺชิตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ราชปุโตฺต, ภเนฺต, ตุมฺหากํ ทสฺสนาย อาคโต’’ติ อาหฯ ‘‘เตน หิ ภิกฺขุ พหิ อาสนํ ปญฺญเปหี’’ติฯ เถโร ปุนปิ พุทฺธาสนํ คเหตฺวา อโนฺตคนฺธกุฎิยํ นิมุชฺชิตฺวา ตสฺส ปสฺสนฺตสฺส พหิปริเวเณ ปาตุภวิตฺวา คนฺธกุฎิปริเวเณ อาสนํ ปญฺญาเปสิฯ กุมาโร ตํ ทิสฺวา ‘‘มหโนฺต วตายํ ภิกฺขู’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทสิฯ
Tena samayena paccanto kupito ahosi. Kumāro tassa kupitabhāvaṃ rañño anārocetvā sayameva taṃ vūpasamesi. Taṃ sutvā rājā tuṭṭhamānaso ‘‘varaṃ te tāva dammi, gaṇhāhī’’ti āha. Kumāro ‘‘satthāraṃ bhikkhusaṅghañca temāsaṃ upaṭṭhahanto jīvitaṃ avañjhaṃ kātuṃ icchāmī’’ti āha. ‘‘Etaṃ na sakkā, aññaṃ vadehī’’ti. ‘‘Deva, khattiyānaṃ dve kathā nāma natthi, etaṃ me dehi, na mayhaṃ aññenattho, sace satthā anujānāti, dinnamevā’’ti. So ‘‘satthu cittaṃ jānissāmī’’ti vihāraṃ gato. Tena ca samayena bhagavā gandhakuṭiṃ paviṭṭho hoti. So bhikkhū upasaṅkamitvā ‘‘ahaṃ, bhante, bhagavantaṃ dassanāya āgato, dassetha ma’’nti. Bhikkhū ‘‘sumano nāma thero satthu upaṭṭhāko, tassa santikaṃ gacchāhī’’ti āhaṃsu. So therassa santikaṃ gantvā ‘‘satthāraṃ, bhante, dassethā’’ti āha. Atha thero tassa passantasseva pathaviyaṃ nimujjitvā bhagavantaṃ upasaṅkamitvā ‘‘rājaputto, bhante, tumhākaṃ dassanāya āgato’’ti āha. ‘‘Tena hi bhikkhu bahi āsanaṃ paññapehī’’ti. Thero punapi buddhāsanaṃ gahetvā antogandhakuṭiyaṃ nimujjitvā tassa passantassa bahipariveṇe pātubhavitvā gandhakuṭipariveṇe āsanaṃ paññāpesi. Kumāro taṃ disvā ‘‘mahanto vatāyaṃ bhikkhū’’ti cittaṃ uppādesi.
ภควาปิ คนฺธกุฎิโต นิกฺขมิตฺวา ปญฺญตฺตาสเน นิสีทิฯ ราชปุโตฺต สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปฎิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘อยํ, ภเนฺต, เถโร ตุมฺหากํ สาสเน วลฺลโภ มเญฺญ’’ติ? ‘‘อาม, กุมาร, วลฺลโภ’’ติฯ ‘‘กิํ กตฺวา, ภเนฺต, เอส วลฺลโภ’’ติ? ‘‘ทานาทีนิ ปุญฺญานิ กตฺวา’’ติฯ ‘‘ภควา, อหมฺปิ อยํ เถโร วิย อนาคเต พุทฺธสาสเน วลฺลโภ โหตุกาโม’’ติ โส พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส สตฺตาหํ ขนฺธาวาเร ภตฺตํ ทตฺวา สตฺตเม ทิวเส, ‘‘ภเนฺต, มยา ปิตุ สนฺติกา ตุมฺหากํ เตมาสํ ปฎิชคฺคนวโร ลโทฺธ, เตมาสํ เม วสฺสาวาสํ อธิวาเสถา’’ติ วตฺวา สตฺถุ อธิวาสนํ วิทิตฺวา สปริวารํ ภควนฺตํ คเหตฺวา โยชเน โยชเน สตฺถุ ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ วสนานุจฺฉวิเก วิหาเร กาเรตฺวา ตตฺถ ตตฺถ วสาเปโนฺต อตฺตโน วสนฎฺฐานสมีเป สตสหเสฺสน กีเต โสภนนามเก อุยฺยาเน สตสหเสฺสน การิตํ วิหารํ ปเวสาเปตฺวา –
Bhagavāpi gandhakuṭito nikkhamitvā paññattāsane nisīdi. Rājaputto satthāraṃ vanditvā paṭisanthāraṃ katvā ‘‘ayaṃ, bhante, thero tumhākaṃ sāsane vallabho maññe’’ti? ‘‘Āma, kumāra, vallabho’’ti. ‘‘Kiṃ katvā, bhante, esa vallabho’’ti? ‘‘Dānādīni puññāni katvā’’ti. ‘‘Bhagavā, ahampi ayaṃ thero viya anāgate buddhasāsane vallabho hotukāmo’’ti so buddhappamukhassa saṅghassa sattāhaṃ khandhāvāre bhattaṃ datvā sattame divase, ‘‘bhante, mayā pitu santikā tumhākaṃ temāsaṃ paṭijagganavaro laddho, temāsaṃ me vassāvāsaṃ adhivāsethā’’ti vatvā satthu adhivāsanaṃ viditvā saparivāraṃ bhagavantaṃ gahetvā yojane yojane satthu bhikkhusaṅghassa ca vasanānucchavike vihāre kāretvā tattha tattha vasāpento attano vasanaṭṭhānasamīpe satasahassena kīte sobhananāmake uyyāne satasahassena kāritaṃ vihāraṃ pavesāpetvā –
‘‘สตสหเสฺสน เม กีตํ, สตสหเสฺสน การิตํ;
‘‘Satasahassena me kītaṃ, satasahassena kāritaṃ;
โสภนํ นาม อุยฺยานํ, ปฎิคฺคณฺห มหามุนี’’ติฯ –
Sobhanaṃ nāma uyyānaṃ, paṭiggaṇha mahāmunī’’ti. –
อุทกํ ปาเตสิฯ โส วสฺสูปนายิกทิวเส สตฺถุ มหาทานํ ปวเตฺตตฺวา ‘‘อิมินา นีหาเรน ทานํ ทเทยฺยาถา’’ติ ปุตฺตทาเร อมเจฺจ จ ทาเน กิจฺจกรเณ จ นิโยเชตฺวา สยํ สุมนเตฺถรสฺส วสนฎฺฐานสมีเปเยว วสโนฺต เอวํ อตฺตโน วสนฎฺฐาเน สตฺถารํ เตมาสํ อุปฎฺฐหิฯ อุปกฎฺฐาย ปน ปวารณาย คามํ ปวิสิตฺวา สตฺตาหํ มหาทานํ ปวเตฺตตฺวา สตฺตเม ทิวเส สตฺถุ ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ปาทมูเล ติจีวเร ฐเปตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘ภเนฺต, ยเทตํ มยา ขนฺธาวารโต ปฎฺฐาย ปุญฺญํ กตํ, น ตํ สกฺกสมฺปตฺติอาทีนํ อตฺถาย กตํ, อถ โข อหมฺปิ สุมนเตฺถโร วิย อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส อุปฎฺฐาโก วลฺลโภ ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ อกาสิฯ สตฺถา ตสฺส อนนฺตรายตํ ทิสฺวา พฺยากริตฺวา ปกฺกามิฯ
Udakaṃ pātesi. So vassūpanāyikadivase satthu mahādānaṃ pavattetvā ‘‘iminā nīhārena dānaṃ dadeyyāthā’’ti puttadāre amacce ca dāne kiccakaraṇe ca niyojetvā sayaṃ sumanattherassa vasanaṭṭhānasamīpeyeva vasanto evaṃ attano vasanaṭṭhāne satthāraṃ temāsaṃ upaṭṭhahi. Upakaṭṭhāya pana pavāraṇāya gāmaṃ pavisitvā sattāhaṃ mahādānaṃ pavattetvā sattame divase satthu bhikkhusaṅghassa ca pādamūle ticīvare ṭhapetvā vanditvā ‘‘bhante, yadetaṃ mayā khandhāvārato paṭṭhāya puññaṃ kataṃ, na taṃ sakkasampattiādīnaṃ atthāya kataṃ, atha kho ahampi sumanatthero viya anāgate ekassa buddhassa upaṭṭhāko vallabho bhaveyya’’nti patthanaṃ akāsi. Satthā tassa anantarāyataṃ disvā byākaritvā pakkāmi.
โส ตสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท วสฺสสตสหสฺสํ ปุญฺญานิ กตฺวา ตโต ปรมฺปิ ตตฺถ ตตฺถ ภเว อุฬารานิ ปุญฺญกมฺมานิ อุปจินิตฺวา เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต กสฺสปภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพโตฺต วิญฺญุตํ ปตฺวา เอกสฺส เถรสฺส ปิณฺฑาย จรโต ปตฺตคฺคหณตฺถํ อุตฺตรสาฎกํ กตฺวา ปูชํ อกาสิฯ ปุน สเคฺค นิพฺพตฺติตฺวา ตโต จุโต พาราณสิราชา หุตฺวา อฎฺฐ ปเจฺจกพุเทฺธ ทิสฺวา เต โภเชตฺวา อตฺตโน มงฺคลุยฺยาเน อฎฺฐ ปณฺณสาลาโย กาเรตฺวา เตสํ นิสีทนตฺถาย อฎฺฐ สพฺพรตนมยปีเฐ เจว มณิอาธารเก จ ปฎิยาเทตฺวา ทสวสฺสสหสฺสานิ อุปฎฺฐานํ อกาสิ, เอตานิ ปากฎานิฯ
So tasmiṃ buddhuppāde vassasatasahassaṃ puññāni katvā tato parampi tattha tattha bhave uḷārāni puññakammāni upacinitvā devamanussesu saṃsaranto kassapabhagavato kāle kulagehe nibbatto viññutaṃ patvā ekassa therassa piṇḍāya carato pattaggahaṇatthaṃ uttarasāṭakaṃ katvā pūjaṃ akāsi. Puna sagge nibbattitvā tato cuto bārāṇasirājā hutvā aṭṭha paccekabuddhe disvā te bhojetvā attano maṅgaluyyāne aṭṭha paṇṇasālāyo kāretvā tesaṃ nisīdanatthāya aṭṭha sabbaratanamayapīṭhe ceva maṇiādhārake ca paṭiyādetvā dasavassasahassāni upaṭṭhānaṃ akāsi, etāni pākaṭāni.
กปฺปสตสหสฺสํ ปน ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุญฺญานิ อุปจินโนฺต อมฺหากํ โพธิสเตฺตน สทฺธิํ ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติตฺวา ตโต จุโต อมิโตทนสกฺกสฺส เคเห นิพฺพตฺติตฺวา สเพฺพ ญาตเก อานนฺทิเต กโรโนฺต ชาโตติ อานโนฺทเตฺวว นามํ ลภิฯ โส อนุกฺกเมน วยปฺปโตฺต กตาภินิกฺขมเน สมฺมาสโมฺพธิํ ปตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจเกฺก ปฐมํ กปิลวตฺถุํ คนฺตฺวา ตโต นิกฺขมเนฺต ภควติ ตสฺส ปริวารตฺถํ ปพฺพชิตุํ นิกฺขมเนฺตหิ ภทฺทิยาทีหิ สทฺธิํ นิกฺขมิตฺวา ภควโต สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา อายสฺมโต ปุณฺณสฺส มนฺตาณิปุตฺตสฺส สนฺติเก ธมฺมกถํ สุตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิฯ
Kappasatasahassaṃ pana tattha tattha bhave puññāni upacinanto amhākaṃ bodhisattena saddhiṃ tusitapure nibbattitvā tato cuto amitodanasakkassa gehe nibbattitvā sabbe ñātake ānandite karonto jātoti ānandotveva nāmaṃ labhi. So anukkamena vayappatto katābhinikkhamane sammāsambodhiṃ patvā pavattitavaradhammacakke paṭhamaṃ kapilavatthuṃ gantvā tato nikkhamante bhagavati tassa parivāratthaṃ pabbajituṃ nikkhamantehi bhaddiyādīhi saddhiṃ nikkhamitvā bhagavato santike pabbajitvā āyasmato puṇṇassa mantāṇiputtassa santike dhammakathaṃ sutvā sotāpattiphale patiṭṭhahi.
เตน จ สมเยน ภควโต ปฐมโพธิยํ วีสติวสฺสานิ อนิพทฺธา อุปฎฺฐากา อเหสุํฯ เอกทา นาคสมาโล ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา วิจรติ, เอกทา นาคิโต, เอกทา อุปวาโน, เอกทา สุนกฺขโตฺต, เอกทา จุโนฺท สมณุเทฺทโส, เอกทา สาคโต, เอกทา เมฆิโย, เต เยภุเยฺยน สตฺถุ จิตฺตํ นาราธยิํสุฯ อเถกทิวสํ ภควา คนฺธกุฎิปริเวเณ ปญฺญตฺตวรพุทฺธาสเน ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต นิสิโนฺน ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘อหํ, ภิกฺขเว, อิทานิ มหลฺลโก เอกเจฺจ ภิกฺขู ‘อิมินา มเคฺคน คจฺฉามี’ติ วุเตฺต อเญฺญน มเคฺคน คจฺฉนฺติ, เอกเจฺจ มยฺหํ ปตฺตจีวรํ ภูมิยํ นิกฺขิปนฺติ, มยฺหํ นิพทฺธุปฎฺฐากํ เอกํ ภิกฺขุํ วิชานถา’’ติฯ ตํ สุตฺวา ภิกฺขูนํ ธมฺมสํเวโค อุทปาทิฯ อถายสฺมา สาริปุโตฺต อุฎฺฐาย ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ‘‘อหํ, ภเนฺต, ตุเมฺห อุปฎฺฐหิสฺสามี’’ติ อาหฯ ตํ ภควา ปฎิกฺขิปิฯ เอเตนุปาเยน มหาโมคฺคลฺลานํ อาทิํ กตฺวา สเพฺพ มหาสาวกา ‘‘อหํ อุปฎฺฐหิสฺสามิ , อหํ อุปฎฺฐหิสฺสามี’’ติ อุฎฺฐหิํสุ ฐเปตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํฯ เตปิ ภควา ปฎิกฺขิปิฯ
Tena ca samayena bhagavato paṭhamabodhiyaṃ vīsativassāni anibaddhā upaṭṭhākā ahesuṃ. Ekadā nāgasamālo pattacīvaraṃ gahetvā vicarati, ekadā nāgito, ekadā upavāno, ekadā sunakkhatto, ekadā cundo samaṇuddeso, ekadā sāgato, ekadā meghiyo, te yebhuyyena satthu cittaṃ nārādhayiṃsu. Athekadivasaṃ bhagavā gandhakuṭipariveṇe paññattavarabuddhāsane bhikkhusaṅghaparivuto nisinno bhikkhū āmantesi – ‘‘ahaṃ, bhikkhave, idāni mahallako ekacce bhikkhū ‘iminā maggena gacchāmī’ti vutte aññena maggena gacchanti, ekacce mayhaṃ pattacīvaraṃ bhūmiyaṃ nikkhipanti, mayhaṃ nibaddhupaṭṭhākaṃ ekaṃ bhikkhuṃ vijānathā’’ti. Taṃ sutvā bhikkhūnaṃ dhammasaṃvego udapādi. Athāyasmā sāriputto uṭṭhāya bhagavantaṃ vanditvā ‘‘ahaṃ, bhante, tumhe upaṭṭhahissāmī’’ti āha. Taṃ bhagavā paṭikkhipi. Etenupāyena mahāmoggallānaṃ ādiṃ katvā sabbe mahāsāvakā ‘‘ahaṃ upaṭṭhahissāmi , ahaṃ upaṭṭhahissāmī’’ti uṭṭhahiṃsu ṭhapetvā āyasmantaṃ ānandaṃ. Tepi bhagavā paṭikkhipi.
อานโนฺท ปน ตุณฺหีเยว นิสีทิฯ อถ นํ ภิกฺขู อาหํสุ – ‘‘อาวุโส, ตฺวมฺปิ สตฺถุ อุปฎฺฐากฎฺฐานํ ยาจาหี’’ติฯ ‘‘ยาจิตฺวา ลทฺธุปฎฺฐานํ นาม กีทิสํ โหติ? สเจ รุจฺจติ, สตฺถา สยเมว วกฺขตี’’ติฯ อถ ภควา – ‘‘น, ภิกฺขเว, อานโนฺท อเญฺญหิ อุสฺสาเหตโพฺพ, สยเมว ชานิตฺวา มํ อุปฎฺฐหิสฺสตี’’ติ อาหฯ ตโต ภิกฺขู ‘‘อุเฎฺฐหิ, อาวุโส อานนฺท, สตฺถารํ อุปฎฺฐากฎฺฐานํ ยาจาหี’’ติ อาหํสุฯ เถโร อุฎฺฐหิตฺวา ‘‘สเจ เม, ภเนฺต, ภควา อตฺตนา ลทฺธํ ปณีตํ จีวรํ น ทสฺสติ, ปณีตํ ปิณฺฑปาตํ น ทสฺสติ, เอกคนฺธกุฎิยํ วสิตุํ น ทสฺสติ, นิมนฺตนํ คเหตฺวา น คมิสฺสติ, เอวาหํ ภควนฺตํ อุปฎฺฐหิสฺสามี’’ติ อาหฯ ‘‘เอตฺตเก คุเณ ลภโต สตฺถุ อุปฎฺฐานํ โก ภาโร’’ติ อุปวาทโมจนตฺถํ อิเม จตฺตาโร ปฎิเกฺขปา, ‘‘สเจ, ภเนฺต, ภควา มยา คหิตํ นิมนฺตนํ คมิสฺสติ, สจาหํ เทสนฺตรโต อาคตาคเต ตาวเทว ทเสฺสตุํ ลภามิ, ยทา เม กงฺขา อุปฺปชฺชติ, ตาวเทว ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิตุํ ลภามิ, สเจ ภควา ปรมฺมุขา เทสิตํ ธมฺมํ ปุน มยฺหํ พฺยากริสฺสสิ, เอวาหํ ภควนฺตํ อุปฎฺฐหิสฺสามิ’’ฯ ‘‘เอตฺตกมฺปิ สตฺถุ สนฺติเก อนุคฺคหํ น ลภตี’’ติ อุปวาทโมจนตฺถเญฺจว ธมฺมภณฺฑาคาริกภาวปริปูรณตฺถญฺจ อิมา จตโสฺส ยาจนาติ อิเม อฎฺฐ วเร คเหตฺวา นิพทฺธุปฎฺฐาโก อโหสิฯ ตเสฺสว ฐานนฺตรสฺส อตฺถาย กปฺปสตสหสฺสํ ปูริตานํ ปารมีนํ ผลํ ปาปุณิฯ
Ānando pana tuṇhīyeva nisīdi. Atha naṃ bhikkhū āhaṃsu – ‘‘āvuso, tvampi satthu upaṭṭhākaṭṭhānaṃ yācāhī’’ti. ‘‘Yācitvā laddhupaṭṭhānaṃ nāma kīdisaṃ hoti? Sace ruccati, satthā sayameva vakkhatī’’ti. Atha bhagavā – ‘‘na, bhikkhave, ānando aññehi ussāhetabbo, sayameva jānitvā maṃ upaṭṭhahissatī’’ti āha. Tato bhikkhū ‘‘uṭṭhehi, āvuso ānanda, satthāraṃ upaṭṭhākaṭṭhānaṃ yācāhī’’ti āhaṃsu. Thero uṭṭhahitvā ‘‘sace me, bhante, bhagavā attanā laddhaṃ paṇītaṃ cīvaraṃ na dassati, paṇītaṃ piṇḍapātaṃ na dassati, ekagandhakuṭiyaṃ vasituṃ na dassati, nimantanaṃ gahetvā na gamissati, evāhaṃ bhagavantaṃ upaṭṭhahissāmī’’ti āha. ‘‘Ettake guṇe labhato satthu upaṭṭhānaṃ ko bhāro’’ti upavādamocanatthaṃ ime cattāro paṭikkhepā, ‘‘sace, bhante, bhagavā mayā gahitaṃ nimantanaṃ gamissati, sacāhaṃ desantarato āgatāgate tāvadeva dassetuṃ labhāmi, yadā me kaṅkhā uppajjati, tāvadeva bhagavantaṃ upasaṅkamitvā pucchituṃ labhāmi, sace bhagavā parammukhā desitaṃ dhammaṃ puna mayhaṃ byākarissasi, evāhaṃ bhagavantaṃ upaṭṭhahissāmi’’. ‘‘Ettakampi satthu santike anuggahaṃ na labhatī’’ti upavādamocanatthañceva dhammabhaṇḍāgārikabhāvaparipūraṇatthañca imā catasso yācanāti ime aṭṭha vare gahetvā nibaddhupaṭṭhāko ahosi. Tasseva ṭhānantarassa atthāya kappasatasahassaṃ pūritānaṃ pāramīnaṃ phalaṃ pāpuṇi.
โส อุปฎฺฐากฎฺฐานํ ลทฺธทิวสโต ปฎฺฐาย ทสพลํ ทุวิเธน อุทเกน ติวิเธน ทนฺตกเฎฺฐน หตฺถปาทปริกเมฺมน ปิฎฺฐิปริกเมฺมน คนฺธกุฎิปริเวณสมฺมชฺชเนนาติ เอวมาทีหิ กิเจฺจหิ อุปฎฺฐหโนฺต – ‘‘อิมาย นาม เวลาย สตฺถุ อิทํ นาม ลทฺธุํ วฎฺฎติ, อิทํ นาม กาตุํ วฎฺฎตี’’ติ ทิวสภาคํ สนฺติกาวจโร หุตฺวา รตฺติภาเค มหนฺตํ ทณฺฑทีปิกํ คเหตฺวา คนฺธกุฎิปริเวณํ นววาเร อนุปริยายติ สตฺถริ ปโกฺกสเนฺต ปฎิวจนทานาย, ถินมิทฺธวิโนทนตฺถํฯ อถ นํ สตฺถา เชตวเน อริยคณมเชฺฌ นิสิโนฺน อเนกปริยาเยน ปสํสิตฺวา พหุสฺสุตานํ สติมนฺตานํ คติมนฺตานํ ธิติมนฺตานํ อุปฎฺฐากานญฺจ ภิกฺขูนํ อคฺคฎฺฐาเน ฐเปสิฯ
So upaṭṭhākaṭṭhānaṃ laddhadivasato paṭṭhāya dasabalaṃ duvidhena udakena tividhena dantakaṭṭhena hatthapādaparikammena piṭṭhiparikammena gandhakuṭipariveṇasammajjanenāti evamādīhi kiccehi upaṭṭhahanto – ‘‘imāya nāma velāya satthu idaṃ nāma laddhuṃ vaṭṭati, idaṃ nāma kātuṃ vaṭṭatī’’ti divasabhāgaṃ santikāvacaro hutvā rattibhāge mahantaṃ daṇḍadīpikaṃ gahetvā gandhakuṭipariveṇaṃ navavāre anupariyāyati satthari pakkosante paṭivacanadānāya, thinamiddhavinodanatthaṃ. Atha naṃ satthā jetavane ariyagaṇamajjhe nisinno anekapariyāyena pasaṃsitvā bahussutānaṃ satimantānaṃ gatimantānaṃ dhitimantānaṃ upaṭṭhākānañca bhikkhūnaṃ aggaṭṭhāne ṭhapesi.
เอวํ สตฺถารา ปญฺจสุ ฐาเนสุ เอตทเคฺค ฐปิโต จตูหิ อจฺฉริยพฺภูตธเมฺมหิ สมนฺนาคโต สตฺถุ ธมฺมโกสารโกฺข อยํ มหาเถโร เสโขว สมาโน สตฺถริ ปรินิพฺพุเต เหฎฺฐา วุตฺตนเยน ภิกฺขูหิ สมุเตฺตชิโต เทวตาย จ สํเวชิโต ‘‘เสฺวเยว จ ทานิ ธมฺมสงฺคีติ กาตพฺพา, น โข ปน เมตํ ปติรูปํ, ยฺวายํ เสโข สกรณีโย อเสเขหิ เถเรหิ สทฺธิํ ธมฺมํ คายิตุํ สนฺนิปาตํ คนฺตุ’’นฺติ สญฺชาตุสฺสาโห วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา พหุเทว รตฺติํ วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรโนฺต จงฺกเม วีริยสมตํ อลภิตฺวา ตโต วิหารํ ปวิสิตฺวา สยเน นิสีทิตฺวา สยิตุกาโม กายํ อาวเฎฺฎสิฯ อปตฺตญฺจ สีสํ พิโมฺพหนํ, ปาทา จ ภูมิโต มุตฺตมตฺตา, เอกสฺมิํ อนฺตเร อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจิ, ฉฬภิโญฺญ อโหสิฯ
Evaṃ satthārā pañcasu ṭhānesu etadagge ṭhapito catūhi acchariyabbhūtadhammehi samannāgato satthu dhammakosārakkho ayaṃ mahāthero sekhova samāno satthari parinibbute heṭṭhā vuttanayena bhikkhūhi samuttejito devatāya ca saṃvejito ‘‘sveyeva ca dāni dhammasaṅgīti kātabbā, na kho pana metaṃ patirūpaṃ, yvāyaṃ sekho sakaraṇīyo asekhehi therehi saddhiṃ dhammaṃ gāyituṃ sannipātaṃ gantu’’nti sañjātussāho vipassanaṃ paṭṭhapetvā bahudeva rattiṃ vipassanāya kammaṃ karonto caṅkame vīriyasamataṃ alabhitvā tato vihāraṃ pavisitvā sayane nisīditvā sayitukāmo kāyaṃ āvaṭṭesi. Apattañca sīsaṃ bimbohanaṃ, pādā ca bhūmito muttamattā, ekasmiṃ antare anupādāya āsavehi cittaṃ vimucci, chaḷabhiñño ahosi.
๖๔๔. เอวํ ฉฬภิญฺญาทิคุณปฎิมณฺฑิโต อุปฎฺฐากาทิคุเณหิ เอตทคฺคฎฺฐานํ ปโตฺต อตฺตโน ปุพฺพกมฺมํ สริตฺวา โสมนสฺสวเสน ปุพฺพจริตาปทานํ ทเสฺสโนฺต อารามทฺวารา นิกฺขมฺมาติอาทิมาหฯ ตตฺถ อารามทฺวาราติ สพฺพสตฺตานํ ธมฺมเทสนตฺถาย วิหารทฺวารโต นิกฺขมิตฺวา พหิทฺวารสมีเป กตมณฺฑปมเชฺฌ สุปญฺญตฺตวรพุทฺธาสเน นิสิโนฺน ปทุมุตฺตโร นาม มหามุนิ สมฺมาสมฺพุโทฺธฯ วสฺสโนฺต อมตํ วุฎฺฐินฺติ ธมฺมเทสนามหาอมตธาราหิ ธมฺมวสฺสํ วสฺสโนฺตฯ นิพฺพาเปสิ มหาชนนฺติ มหาชนสฺส จิตฺตสนฺตานคตกิเลสคฺคิํ นิพฺพาเปสิ วูปสเมสิ, มหาชนํ นิพฺพานามตปาเนน สนฺติํ สีติภาวํ ปาเปสีติ อโตฺถฯ
644. Evaṃ chaḷabhiññādiguṇapaṭimaṇḍito upaṭṭhākādiguṇehi etadaggaṭṭhānaṃ patto attano pubbakammaṃ saritvā somanassavasena pubbacaritāpadānaṃ dassento ārāmadvārā nikkhammātiādimāha. Tattha ārāmadvārāti sabbasattānaṃ dhammadesanatthāya vihāradvārato nikkhamitvā bahidvārasamīpe katamaṇḍapamajjhe supaññattavarabuddhāsane nisinno padumuttaro nāma mahāmuni sammāsambuddho. Vassanto amataṃ vuṭṭhinti dhammadesanāmahāamatadhārāhi dhammavassaṃ vassanto. Nibbāpesi mahājananti mahājanassa cittasantānagatakilesaggiṃ nibbāpesi vūpasamesi, mahājanaṃ nibbānāmatapānena santiṃ sītibhāvaṃ pāpesīti attho.
๖๔๕. สตสหสฺสํ เต ธีราติ ปริวารสมฺปตฺติํ ทเสฺสโนฺต อาหฯ ฉหิ อภิญฺญาหิ อิทฺธิวิธาทิญาณโกฎฺฐาเสหิ สมนฺนาคตา อเนกสตสหสฺสจกฺกวาเฬสุ ขเณน คนฺตุํ สมตฺถาหิ อิทฺธีหิ สมนฺนาคตตฺตา มหิทฺธิกาเต ธีรา สตสหสฺสขีณาสวา ฉายาว อนปายินีติ กตฺถจิ อนปคตา ฉายา อิว ตํ สมฺพุทฺธํ ปทุมุตฺตรํ ภควนฺตํ ปริวาเรนฺติ ปริวาเรตฺวา ธมฺมํ สุณนฺตีติ อโตฺถฯ
645.Satasahassaṃ te dhīrāti parivārasampattiṃ dassento āha. Chahi abhiññāhi iddhividhādiñāṇakoṭṭhāsehi samannāgatā anekasatasahassacakkavāḷesu khaṇena gantuṃ samatthāhi iddhīhi samannāgatattā mahiddhikāte dhīrā satasahassakhīṇāsavā chāyāva anapāyinīti katthaci anapagatā chāyā iva taṃ sambuddhaṃ padumuttaraṃ bhagavantaṃ parivārenti parivāretvā dhammaṃ suṇantīti attho.
๖๔๖. หตฺถิกฺขนฺธคโต อาสินฺติ ตทา ภควโต ธมฺมเทสนาสมเย อหํ หตฺถิปิเฎฺฐ นิสิโนฺน อาสิํ อโหสินฺติ อโตฺถฯ เสตจฺฉตฺตํ วรุตฺตมนฺติ ปเตฺถตพฺพํ อุตฺตมํ เสตจฺฉตฺตํ มม มตฺถเก ธารยโนฺต หตฺถิปิเฎฺฐ นิสิโนฺนติ สมฺพโนฺธฯ สุจารุรูปํ ทิสฺวานาติ สุนฺทรํ จารุํ มโนหรรูปวนฺตํ ธมฺมํ เทสิยมานํ สมฺพุทฺธํ ทิสฺวา เม มยฺหํ วิตฺติ สนฺตุฎฺฐิ โสมนสฺสํ อุทปชฺชถ อุปฺปชฺชตีติ อโตฺถฯ
646.Hatthikkhandhagato āsinti tadā bhagavato dhammadesanāsamaye ahaṃ hatthipiṭṭhe nisinno āsiṃ ahosinti attho. Setacchattaṃvaruttamanti patthetabbaṃ uttamaṃ setacchattaṃ mama matthake dhārayanto hatthipiṭṭhe nisinnoti sambandho. Sucārurūpaṃ disvānāti sundaraṃ cāruṃ manohararūpavantaṃ dhammaṃ desiyamānaṃ sambuddhaṃ disvā me mayhaṃ vitti santuṭṭhi somanassaṃ udapajjatha uppajjatīti attho.
๖๔๗. โอรุยฺห หตฺถิกฺขนฺธมฺหาติ ตํ ภควนฺตํ นิสินฺนํ ทิสฺวา หตฺถิปิฎฺฐิโต โอรุยฺห โอโรหิตฺวา นราสภํ นรวสภํ อุปคจฺฉิํ สมีปํ คโตติ อโตฺถฯ รตนมยฉตฺตํ เมติ รตนภูสิตํ เม มยฺหํ ฉตฺตํ พุทฺธเสฎฺฐสฺส มตฺถเก ธารยินฺติ สมฺพโนฺธฯ
647.Oruyha hatthikkhandhamhāti taṃ bhagavantaṃ nisinnaṃ disvā hatthipiṭṭhito oruyha orohitvā narāsabhaṃ naravasabhaṃ upagacchiṃ samīpaṃ gatoti attho. Ratanamayachattaṃ meti ratanabhūsitaṃ me mayhaṃ chattaṃ buddhaseṭṭhassa matthake dhārayinti sambandho.
๖๔๘. มม สงฺกปฺปมญฺญายาติ มยฺหํ ปสาเทน อุปฺปนฺนํ สงฺกปฺปํ ญตฺวา อิสีนํ อนฺตเร มหนฺตภูโต โส ปทุมุตฺตโร ภควาฯ ตํ กถํ ฐปยิตฺวานาติ ตํ อตฺตนา เทสิยมานํ ธมฺมกถํ ฐเปตฺวา มม พฺยากรณตฺถาย อิมา คาถา อภาสถ กเถสีติ อโตฺถฯ
648.Mama saṅkappamaññāyāti mayhaṃ pasādena uppannaṃ saṅkappaṃ ñatvā isīnaṃ antare mahantabhūto so padumuttaro bhagavā. Taṃ kathaṃ ṭhapayitvānāti taṃ attanā desiyamānaṃ dhammakathaṃ ṭhapetvā mama byākaraṇatthāya imā gāthā abhāsatha kathesīti attho.
๖๔๙. กถนฺติ เจ? โย โสติอาทิมาหฯ โสณฺณาลงฺการภูสิตํ ฉตฺตํ โย โส ราชกุมาโร เม มตฺถเก ธาเรสีติ สมฺพโนฺธฯ ตมหํ กิตฺตยิสฺสามีติ ตํ ราชกุมารํ อหํ กิตฺตยิสฺสามิ ปากฎํ กริสฺสามิฯ สุโณถ มม ภาสโตติ ภาสนฺตสฺส มม วจนํ สุโณถ โอหิตโสตา มนสิ กโรถาติ อโตฺถฯ
649. Kathanti ce? Yo sotiādimāha. Soṇṇālaṅkārabhūsitaṃ chattaṃ yo so rājakumāro me matthake dhāresīti sambandho. Tamahaṃ kittayissāmīti taṃ rājakumāraṃ ahaṃ kittayissāmi pākaṭaṃ karissāmi. Suṇotha mama bhāsatoti bhāsantassa mama vacanaṃ suṇotha ohitasotā manasi karothāti attho.
๖๕๐. อิโต คนฺตฺวา อยํ โปโสติ อยํ ราชกุมาโร อิโต มนุสฺสโลกโต จุโต ตุสิตํ คนฺตฺวา อาวสิสฺสติ ตตฺถ วิหริสฺสติฯ ตตฺถ อจฺฉราหิ ปุรกฺขโต ปริวาริโต ตุสิตภวนสมฺปตฺติํ อนุโภสฺสตีติ สมฺพโนฺธฯ
650.Ito gantvā ayaṃ posoti ayaṃ rājakumāro ito manussalokato cuto tusitaṃ gantvā āvasissati tattha viharissati. Tattha accharāhi purakkhato parivārito tusitabhavanasampattiṃ anubhossatīti sambandho.
๖๕๑. จตุตฺติํสกฺขตฺตุนฺติ ตุสิตภวนโต จวิตฺวา ตาวติํสภวเน อุปฺปโนฺน จตุตฺติํสวาเร เทวิโนฺท เทวรชฺชํ กริสฺสตีติ สมฺพโนฺธฯ พลาธิโป อฎฺฐสตนฺติ ตาวติํสภวนโต จุโต มนุสฺสโลเก อุปฺปโนฺน พลาธิโป จตุรงฺคินิยา เสนาย อธิโป ปธาโน อฎฺฐสตชาตีสุ ปเทสราชา หุตฺวา วสุธํ อเนกรตนวรํ ปถวิํ อาวสิสฺสติ ปุถพฺยํ วิหริสฺสตีติ อโตฺถฯ
651.Catuttiṃsakkhattunti tusitabhavanato cavitvā tāvatiṃsabhavane uppanno catuttiṃsavāre devindo devarajjaṃ karissatīti sambandho. Balādhipo aṭṭhasatanti tāvatiṃsabhavanato cuto manussaloke uppanno balādhipo caturaṅginiyā senāya adhipo padhāno aṭṭhasatajātīsu padesarājā hutvā vasudhaṃ anekaratanavaraṃ pathaviṃ āvasissati puthabyaṃ viharissatīti attho.
๖๕๒. อฎฺฐปญฺญาสกฺขตฺตุนฺติ อฎฺฐปญฺญาสชาตีสุ จกฺกวตฺตี ราชา ภวิสฺสตีติ อโตฺถฯ มหิยา สกลชมฺพุทีปปถวิยา วิปุลํ อสเงฺขฺยยฺยํ ปเทสรชฺชํ การยิสฺสติฯ
652.Aṭṭhapaññāsakkhattunti aṭṭhapaññāsajātīsu cakkavattī rājā bhavissatīti attho. Mahiyā sakalajambudīpapathaviyā vipulaṃ asaṅkhyeyyaṃ padesarajjaṃ kārayissati.
๖๕๔. สกฺยานํ กุลเกตุสฺสาติ สกฺยราชูนํ กุลสฺส ธชภูตสฺส พุทฺธสฺส ญาตโก ภวิสฺสตีติ อโตฺถฯ
654.Sakyānaṃkulaketussāti sakyarājūnaṃ kulassa dhajabhūtassa buddhassa ñātako bhavissatīti attho.
๖๕๕. อาตาปีติ วีริยวาฯ นิปโกติ เนปกฺกสงฺขาตาย ปญฺญาย สมนฺนาคโตฯ พาหุสเจฺจสุ พหุสฺสุตภาเวสุ ปิฎกตฺตยธารเณสุ โกวิโท เฉโกฯ นิวาตวุตฺติ อนวญฺญตฺติโก อถโทฺธ กายปาคพฺพิยาทิถทฺธภาววิรหิโต สพฺพปาฐี สกลปิฎกตฺตยธารี ภวิสฺสตีติ สมฺพโนฺธฯ
655.Ātāpīti vīriyavā. Nipakoti nepakkasaṅkhātāya paññāya samannāgato. Bāhusaccesu bahussutabhāvesu piṭakattayadhāraṇesu kovido cheko. Nivātavutti anavaññattiko athaddho kāyapāgabbiyādithaddhabhāvavirahito sabbapāṭhī sakalapiṭakattayadhārī bhavissatīti sambandho.
๖๕๖. ปธานปหิตโตฺต โสติ โส อานนฺทเตฺถโร วีริยกรณาย เปสิตจิโตฺตฯ อุปสโนฺต นิรูปธีติ ราคูปธิโทสูปธิโมหูปธีหิ วิรหิโต, โสตาปตฺติมเคฺคน ปหาตพฺพกิเลสานํ ปหีนตฺตา อุปสโนฺต สนฺตกายจิโตฺตฯ
656.Padhānapahitatto soti so ānandatthero vīriyakaraṇāya pesitacitto. Upasanto nirūpadhīti rāgūpadhidosūpadhimohūpadhīhi virahito, sotāpattimaggena pahātabbakilesānaṃ pahīnattā upasanto santakāyacitto.
๖๕๗. สนฺติ อารญฺญกาติ อรเญฺญ ภวา มหาวเน ชาตาฯ สฎฺฐิหายนาติ สฎฺฐิวสฺสกาเล หายนพลา ฯ ติธา ปภินฺนาติ อกฺขิกณฺณโกสสงฺขาเตหิ ตีหิ ฐาเนหิ ภินฺนมทาฯ มาตงฺคาติ มาตงฺคหตฺถิกุเล ชาตาฯ อีสาทนฺตาติ รถีสาสทิสทนฺตาฯ อุรูฬฺหวา ราชวาหนาฯ กุญฺชรสงฺขาตา นาคา หตฺถิราชาโน สนฺติ สํวิชฺชนฺติ ยถา, ตถา สตสหสฺสสงฺขฺยา ขีณาสวสงฺขาตา ปณฺฑิตา มหิทฺธิกา อรหนฺตนาคา สนฺติ, สเพฺพ เต อรหนฺตนาคา พุทฺธนาคราชสฺสฯ น โหนฺติ ปณิธิมฺหิ เตติ เต ปณิธิมฺหิ ตาทิสา น โหนฺติ, กิํ สเพฺพ เต ภยภีตา สกภาเวน สณฺฐาตุํ อสมตฺถาติ อโตฺถฯ เสสํ วุตฺตนยตฺตา อุตฺตานตฺถเมวาติฯ
657.Santi āraññakāti araññe bhavā mahāvane jātā. Saṭṭhihāyanāti saṭṭhivassakāle hāyanabalā . Tidhā pabhinnāti akkhikaṇṇakosasaṅkhātehi tīhi ṭhānehi bhinnamadā. Mātaṅgāti mātaṅgahatthikule jātā. Īsādantāti rathīsāsadisadantā. Urūḷhavā rājavāhanā. Kuñjarasaṅkhātā nāgā hatthirājāno santi saṃvijjanti yathā, tathā satasahassasaṅkhyā khīṇāsavasaṅkhātā paṇḍitā mahiddhikā arahantanāgā santi, sabbe te arahantanāgā buddhanāgarājassa. Na honti paṇidhimhi teti te paṇidhimhi tādisā na honti, kiṃ sabbe te bhayabhītā sakabhāvena saṇṭhātuṃ asamatthāti attho. Sesaṃ vuttanayattā uttānatthamevāti.
อานนฺทเตฺถรอปทานวณฺณนา สมตฺตาฯ
Ānandattheraapadānavaṇṇanā samattā.
เอตฺตาวตา ปฐมา พุทฺธวคฺควณฺณนา สมตฺตาฯ
Ettāvatā paṭhamā buddhavaggavaṇṇanā samattā.
ปฐโม ภาโค นิฎฺฐิโตฯ
Paṭhamo bhāgo niṭṭhito.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อปทานปาฬิ • Apadānapāḷi / ๓-๑๐. อานนฺทเตฺถรอปทานํ • 3-10. Ānandattheraapadānaṃ