Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā |
๓. อานนฺทเตฺถรคาถาวณฺณนา
3. Ānandattheragāthāvaṇṇanā
ปิสุเณน จ โกธเนนาติอาทิกา อายสฺมโต อานนฺทเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร สตฺถุ เวมาติกภาตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ, สุมโนติสฺส นามํ อโหสิฯ ปิตา ปนสฺส อานนฺทราชา นามฯ โส อตฺตโน ปุตฺตสฺส สุมนกุมารสฺส วยปฺปตฺตสฺส หํสวติโต วีสโยชนสเต ฐาเน โภคนครํ อทาสิฯ โส กทาจิ กทาจิ อาคนฺตฺวา อตฺตานญฺจ ปิตรญฺจ ปสฺสติฯ ตทา ราชา สตฺถารญฺจ สตสหสฺสปริมาณํ ภิกฺขุสงฺฆญฺจ สยเมว สกฺกจฺจํ อุปฎฺฐหิ, อเญฺญสํ อุปฎฺฐาตุํ น เทติฯ
Pisuṇenaca kodhanenātiādikā āyasmato ānandattherassa gāthā. Kā uppatti? Ayampi purimabuddhesu katādhikāro padumuttarassa bhagavato kāle haṃsavatīnagare satthu vemātikabhātā hutvā nibbatti, sumanotissa nāmaṃ ahosi. Pitā panassa ānandarājā nāma. So attano puttassa sumanakumārassa vayappattassa haṃsavatito vīsayojanasate ṭhāne bhoganagaraṃ adāsi. So kadāci kadāci āgantvā attānañca pitarañca passati. Tadā rājā satthārañca satasahassaparimāṇaṃ bhikkhusaṅghañca sayameva sakkaccaṃ upaṭṭhahi, aññesaṃ upaṭṭhātuṃ na deti.
เตน สมเยน ปจฺจโนฺต กุปิโต อโหสิฯ กุมาโร ตสฺส กุปิตภาวํ รโญฺญ อนาโรเจตฺวา สยเมว ตํ วูปสเมติฯ ตํ สุตฺวา ราชา ตุฎฺฐมานโส ปุตฺตํ ปโกฺกสาเปตฺวา ‘‘วรํ เต, ตาต ทมฺมิ, วรํ คณฺหาหี’’ติ อาหฯ กุมาโร ‘‘สตฺถารํ ภิกฺขุสงฺฆญฺจ เตมาสํ อุปฎฺฐหโนฺต ชีวิตํ อวญฺฌํ กาตุํ อิจฺฉามี’’ติ อาหฯ ‘‘เอตํ น สกฺกา, อญฺญํ วเทหี’’ติฯ ‘‘เทว, ขตฺติยานํ เทฺวกถา นาม นตฺถิ, เอตเทว เม เทหิ, น มยฺหํ อเญฺญน อโตฺถ’’ติฯ ‘‘สเจ สตฺถา อนุชานาติ, ทินฺนเมวา’’ติฯ โส ‘‘สตฺถุ จิตฺตํ ชานิสฺสามี’’ติ วิหารํ คโตฯ
Tena samayena paccanto kupito ahosi. Kumāro tassa kupitabhāvaṃ rañño anārocetvā sayameva taṃ vūpasameti. Taṃ sutvā rājā tuṭṭhamānaso puttaṃ pakkosāpetvā ‘‘varaṃ te, tāta dammi, varaṃ gaṇhāhī’’ti āha. Kumāro ‘‘satthāraṃ bhikkhusaṅghañca temāsaṃ upaṭṭhahanto jīvitaṃ avañjhaṃ kātuṃ icchāmī’’ti āha. ‘‘Etaṃ na sakkā, aññaṃ vadehī’’ti. ‘‘Deva, khattiyānaṃ dvekathā nāma natthi, etadeva me dehi, na mayhaṃ aññena attho’’ti. ‘‘Sace satthā anujānāti, dinnamevā’’ti. So ‘‘satthu cittaṃ jānissāmī’’ti vihāraṃ gato.
เตน จ สมเยน ภควา ภตฺตกิจฺจํ นิฎฺฐาเปตฺวา คนฺธกุฎิํ ปวิโฎฺฐ โหติฯ โส ภิกฺขู อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อหํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ ทสฺสนาย อาคโต, ทเสฺสถ เม ภควนฺต’’นฺติ อาหฯ ภิกฺขู ‘‘สุมโน นาม เถโร สตฺถุ อุปฎฺฐาโก, ตสฺส สนฺติกํ คจฺฉาหี’’ติ อาหํสุฯ โส เถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘สตฺถารํ, ภเนฺต, เม ทเสฺสถา’’ติ อาหฯ อถ เถโร ตสฺส ปสฺสนฺตเสฺสว ปถวิยํ นิมุชฺชิตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ภเนฺต, ราชปุโตฺต ตุมฺหากํ ทสฺสนาย อาคโต’’ติ อาหฯ ‘‘เตน หิ, ภิกฺขุ, พหิ อาสนํ ปญฺญาเปหี’’ติฯ เถโร ปุนปิ ตสฺส ปสฺสนฺตเสฺสว พุทฺธาสนํ คเหตฺวา อโนฺตคนฺธกุฎิยํ นิมุชฺชิตฺวา พหิปริเวเณ ปาตุภวิตฺวา คนฺธกุฎิปริเวเณ อาสนํ ปญฺญาเปสิฯ กุมาโร ตํ ทิสฺวา ‘‘มหโนฺต วตายํ ภิกฺขู’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทสิฯ
Tena ca samayena bhagavā bhattakiccaṃ niṭṭhāpetvā gandhakuṭiṃ paviṭṭho hoti. So bhikkhū upasaṅkamitvā ‘‘ahaṃ, bhante, bhagavantaṃ dassanāya āgato, dassetha me bhagavanta’’nti āha. Bhikkhū ‘‘sumano nāma thero satthu upaṭṭhāko, tassa santikaṃ gacchāhī’’ti āhaṃsu. So therassa santikaṃ gantvā vanditvā ‘‘satthāraṃ, bhante, me dassethā’’ti āha. Atha thero tassa passantasseva pathaviyaṃ nimujjitvā satthāraṃ upasaṅkamitvā ‘‘bhante, rājaputto tumhākaṃ dassanāya āgato’’ti āha. ‘‘Tena hi, bhikkhu, bahi āsanaṃ paññāpehī’’ti. Thero punapi tassa passantasseva buddhāsanaṃ gahetvā antogandhakuṭiyaṃ nimujjitvā bahipariveṇe pātubhavitvā gandhakuṭipariveṇe āsanaṃ paññāpesi. Kumāro taṃ disvā ‘‘mahanto vatāyaṃ bhikkhū’’ti cittaṃ uppādesi.
ภควาปิ คนฺธกุฎิโต นิกฺขมิตฺวา ปญฺญตฺตาสเน นิสีทิฯ ราชปุโตฺต สตฺถารํ วนฺทิตฺวา, ปฎิสนฺถารํ กตฺวา, อยํ, ภเนฺต, เถโร ตุมฺหากํ สาสเน วลฺลโภ มเญฺญติฯ ‘‘อาม กุมาร, วลฺลโภ’’ติ? ‘‘กิํ กตฺวา, ภเนฺต, เอส วลฺลโภ โหตี’’ติ?‘‘ทานาทีนิ ปุญฺญานิ กตฺวา’’ติฯ ‘‘ภควา , อหมฺปิ อยํ เถโร วิย อนาคเต พุทฺธสาสเน วลฺลโภ โหตุกาโม’’ติ สตฺถาหํ ขนฺธาวารภตฺตํ นาม ทตฺวาปิ สตฺตเม ทิวเส, ภเนฺต, มยา ปิตุ สนฺติกา เตมาสํ ตุมฺหากํ ปฎิชคฺคนวโร ลโทฺธ, เตมาสํ เม วสฺสาวาสํ อธิวาเสถาติฯ ภควา, ‘‘อตฺถิ นุ โข ตตฺถ คเตน อโตฺถ’’ติ โอโลเกตฺวา ‘‘อตฺถี’’ติ ทิสฺวา ‘‘สุญฺญาคาเร โข, กุมาร, ตถาคตา อภิรมนฺตี’’ติ อาหฯ กุมาโร ‘‘อญฺญาตํ ภควา, อญฺญาตํ สุคตา’’ติ วตฺวา ‘‘อหํ, ภเนฺต, ปุริมตรํ คนฺตฺวา วิหารํ กาเรมิ, มยา เปสิเต ภิกฺขุสตสหเสฺสน สทฺธิํ อาคจฺฉถา’’ติ ปฎิญฺญํ คเหตฺวา ปิตุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ทินฺนา เม, เทว, ภควตา ปฎิญฺญา, มยา ปหิเต ภควนฺตํ เปเสยฺยาถา’’ติ ปิตรํ วนฺทิตฺวา, นิกฺขมิตฺวา โยชเน โยชเน วิหารํ กโรโนฺต วีสโยชนสตํ อทฺธานํ คโตฯ คนฺตฺวา จ อตฺตโน นคเร วิหารฎฺฐานํ วิจินโนฺต โสภนสฺส นาม กุฎุมฺพิกสฺส อุยฺยานํ ทิสฺวา สตสหเสฺสน กิณิตฺวา สตสหสฺสํ วิสฺสเชฺชตฺวา วิหารํ กาเรสิฯ ตตฺถ ภควโต คนฺธกุฎิํ เสสภิกฺขูนญฺจ รตฺติฎฺฐานทิวาฎฺฐานตฺถาย กุฎิเลณมณฺฑเป กาเรตฺวา ปาการปริเกฺขปํ ทฺวารโกฎฺฐกญฺจ นิฎฺฐาเปตฺวา ปิตุ สนฺติกํ เปเสสิ ‘‘นิฎฺฐิตํ มยฺหํ กิจฺจํ, สตฺถารํ ปหิณถา’’ติฯ
Bhagavāpi gandhakuṭito nikkhamitvā paññattāsane nisīdi. Rājaputto satthāraṃ vanditvā, paṭisanthāraṃ katvā, ayaṃ, bhante, thero tumhākaṃ sāsane vallabho maññeti. ‘‘Āma kumāra, vallabho’’ti? ‘‘Kiṃ katvā, bhante, esa vallabho hotī’’ti?‘‘Dānādīni puññāni katvā’’ti. ‘‘Bhagavā , ahampi ayaṃ thero viya anāgate buddhasāsane vallabho hotukāmo’’ti satthāhaṃ khandhāvārabhattaṃ nāma datvāpi sattame divase, bhante, mayā pitu santikā temāsaṃ tumhākaṃ paṭijagganavaro laddho, temāsaṃ me vassāvāsaṃ adhivāsethāti. Bhagavā, ‘‘atthi nu kho tattha gatena attho’’ti oloketvā ‘‘atthī’’ti disvā ‘‘suññāgāre kho, kumāra, tathāgatā abhiramantī’’ti āha. Kumāro ‘‘aññātaṃ bhagavā, aññātaṃ sugatā’’ti vatvā ‘‘ahaṃ, bhante, purimataraṃ gantvā vihāraṃ kāremi, mayā pesite bhikkhusatasahassena saddhiṃ āgacchathā’’ti paṭiññaṃ gahetvā pitu santikaṃ gantvā ‘‘dinnā me, deva, bhagavatā paṭiññā, mayā pahite bhagavantaṃ peseyyāthā’’ti pitaraṃ vanditvā, nikkhamitvā yojane yojane vihāraṃ karonto vīsayojanasataṃ addhānaṃ gato. Gantvā ca attano nagare vihāraṭṭhānaṃ vicinanto sobhanassa nāma kuṭumbikassa uyyānaṃ disvā satasahassena kiṇitvā satasahassaṃ vissajjetvā vihāraṃ kāresi. Tattha bhagavato gandhakuṭiṃ sesabhikkhūnañca rattiṭṭhānadivāṭṭhānatthāya kuṭileṇamaṇḍape kāretvā pākāraparikkhepaṃ dvārakoṭṭhakañca niṭṭhāpetvā pitu santikaṃ pesesi ‘‘niṭṭhitaṃ mayhaṃ kiccaṃ, satthāraṃ pahiṇathā’’ti.
ราชา ภควนฺตํ โภเชตฺวา ‘‘ภควา สุมนสฺส กิจฺจํ นิฎฺฐิตํ, ตุมฺหากํ คมนํ ปจฺจาสีสตี’’ติ อาหฯ ภควา สตสหสฺสภิกฺขุปริวุโต โยชเน โยชเน วิหาเรสุ วสมาโน อคมาสิฯ กุมาโร ‘‘สตฺถา อาคจฺฉตี’’ติ สุตฺวา โยชนํ ปจฺจุคฺคนฺตฺวา คนฺธมาลาทีหิ ปูชยมาโน สตสหเสฺสน กีเต โสภเน นาม อุยฺยาเน สตสหเสฺสน การิตํ วิหารํ ปเวเสตฺวา –
Rājā bhagavantaṃ bhojetvā ‘‘bhagavā sumanassa kiccaṃ niṭṭhitaṃ, tumhākaṃ gamanaṃ paccāsīsatī’’ti āha. Bhagavā satasahassabhikkhuparivuto yojane yojane vihāresu vasamāno agamāsi. Kumāro ‘‘satthā āgacchatī’’ti sutvā yojanaṃ paccuggantvā gandhamālādīhi pūjayamāno satasahassena kīte sobhane nāma uyyāne satasahassena kāritaṃ vihāraṃ pavesetvā –
‘‘สตสหเสฺสน เม กีตํ, สตสหเสฺสน มาปิตํ;
‘‘Satasahassena me kītaṃ, satasahassena māpitaṃ;
โสภนํ นาม อุยฺยานํ, ปฎิคฺคณฺห มหามุนี’’ติฯ –
Sobhanaṃ nāma uyyānaṃ, paṭiggaṇha mahāmunī’’ti. –
ตํ นิยฺยาเทสิฯ โส วสฺสูปนายิกทิวเส มหาทานํ ปวเตฺตตฺวา ‘‘อิมินาว นีหาเรน ทานํ ทเทยฺยาถา’’ติ ปุตฺตทาเร อมเจฺจ จ กิจฺจกรณีเยสุ จ นิโยเชตฺวา สยํ สุมนเตฺถรสฺส วสนฎฺฐานสมีเปเยว วสโนฺต เตมาสํ สตฺถารํ อุปฎฺฐหโนฺต อุปกฎฺฐาย ปวารณาย คามํ ปวิสิตฺวา สตฺตาหํ มหาทานํ ปวเตฺตตฺวา สตฺตเม ทิวเส สตฺถุ ภิกฺขุสตสหสฺสสฺส จ ปาทมูเล ติจีวรานิ ฐเปตฺวา วนฺทิตฺวา, ‘‘ภเนฺต, ยเทตํ มยา สตฺตาหํ ขนฺธาวารทานโต ปฎฺฐาย ปุญฺญํ กตํ, น ตํ สคฺคสมฺปตฺติอาทีนํ อตฺถาย, อถ โข อหํ อยํ สุมนเตฺถโร วิย อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส อุปฎฺฐาโก ภเวยฺย’’นฺติ ปณิธานํ อกาสิฯ สตฺถาปิสฺส อนนฺตรายตํ ทิสฺวา พฺยากริตฺวา ปกฺกามิฯ
Taṃ niyyādesi. So vassūpanāyikadivase mahādānaṃ pavattetvā ‘‘imināva nīhārena dānaṃ dadeyyāthā’’ti puttadāre amacce ca kiccakaraṇīyesu ca niyojetvā sayaṃ sumanattherassa vasanaṭṭhānasamīpeyeva vasanto temāsaṃ satthāraṃ upaṭṭhahanto upakaṭṭhāya pavāraṇāya gāmaṃ pavisitvā sattāhaṃ mahādānaṃ pavattetvā sattame divase satthu bhikkhusatasahassassa ca pādamūle ticīvarāni ṭhapetvā vanditvā, ‘‘bhante, yadetaṃ mayā sattāhaṃ khandhāvāradānato paṭṭhāya puññaṃ kataṃ, na taṃ saggasampattiādīnaṃ atthāya, atha kho ahaṃ ayaṃ sumanatthero viya anāgate ekassa buddhassa upaṭṭhāko bhaveyya’’nti paṇidhānaṃ akāsi. Satthāpissa anantarāyataṃ disvā byākaritvā pakkāmi.
โสปิ ตสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท วสฺสสตสหสฺสํ ปุญฺญานิ กตฺวา ตโต ปรมฺปิ ตตฺถ ตตฺถ ภเว อุฬารานิ ปุญฺญกมฺมานิ อุปจินิตฺวา เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต กสฺสปสฺส ภควโต กาเล ปิณฺฑาย จรโต เอกสฺส เถรสฺส ปตฺตคฺคหณตฺถํ อุตฺตรสาฎกํ ทตฺวา ปูชํ อกาสิฯ ปุน สเคฺค นิพฺพตฺติตฺวา ตโต จุโต พาราณสิราชา หุตฺวา อฎฺฐ ปเจฺจกพุเทฺธ ทิสฺวา เต โภเชตฺวา อตฺตโน มงฺคลุยฺยาเน อฎฺฐ ปณฺณสาลาโย กาเรตฺวา เตสํ นิสีทนตฺถาย อฎฺฐ สพฺพรตนมยปีเฐ เจว มณิอาธารเก จ ปฎิยาเทตฺวา ทสวสฺสสหสฺสานิ อุปฎฺฐานํ อกาสิฯ เอตานิ ปากฎฎฺฐานานิฯ
Sopi tasmiṃ buddhuppāde vassasatasahassaṃ puññāni katvā tato parampi tattha tattha bhave uḷārāni puññakammāni upacinitvā devamanussesu saṃsaranto kassapassa bhagavato kāle piṇḍāya carato ekassa therassa pattaggahaṇatthaṃ uttarasāṭakaṃ datvā pūjaṃ akāsi. Puna sagge nibbattitvā tato cuto bārāṇasirājā hutvā aṭṭha paccekabuddhe disvā te bhojetvā attano maṅgaluyyāne aṭṭha paṇṇasālāyo kāretvā tesaṃ nisīdanatthāya aṭṭha sabbaratanamayapīṭhe ceva maṇiādhārake ca paṭiyādetvā dasavassasahassāni upaṭṭhānaṃ akāsi. Etāni pākaṭaṭṭhānāni.
กปฺปสตสหสฺสํ ปน ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุญฺญานิ กโรโนฺตว อมฺหากํ โพธิสเตฺตน สทฺธิํ ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติตฺวา ตโต จุโต อมิโตทนสกฺกสฺส เคเห นิพฺพตฺติฯ ตสฺส สเพฺพ ญาตเก อานนฺทิเต กโรโนฺต ชาโตติ อานโนฺทเตฺวว นามํ อโหสิฯ โส อนุกฺกเมน วยปฺปโตฺต กตาภินิกฺขมเน สมฺมาสโมฺพธิํ ปตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจเกฺก ปฐมํ กปิลวตฺถุํ คนฺตฺวา ตโต นิกฺขเนฺต ภควติ ตสฺส ปริวารตฺถํ ปพฺพชิตุํ นิกฺขเนฺตหิ ภทฺทิยาทีหิ สทฺธิํ นิกฺขมิตฺวา ภควโต สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา นจิรเสฺสว อายสฺมโต ปุณฺณสฺส มนฺตาณิปุตฺตสฺส สนฺติเก ธมฺมกถํ สุตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิฯ
Kappasatasahassaṃ pana tattha tattha bhave puññāni karontova amhākaṃ bodhisattena saddhiṃ tusitapure nibbattitvā tato cuto amitodanasakkassa gehe nibbatti. Tassa sabbe ñātake ānandite karonto jātoti ānandotveva nāmaṃ ahosi. So anukkamena vayappatto katābhinikkhamane sammāsambodhiṃ patvā pavattitavaradhammacakke paṭhamaṃ kapilavatthuṃ gantvā tato nikkhante bhagavati tassa parivāratthaṃ pabbajituṃ nikkhantehi bhaddiyādīhi saddhiṃ nikkhamitvā bhagavato santike pabbajitvā nacirasseva āyasmato puṇṇassa mantāṇiputtassa santike dhammakathaṃ sutvā sotāpattiphale patiṭṭhahi.
เตน จ สมเยน ภควโต ปฐมโพธิยํ วีสติวสฺสานิ อนิพทฺธอุปฎฺฐากา อเหสุํฯ เอกทา นาคสมาโล ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา วิจริ, เอกทา นาคิโต, เอกทา อุปวาโน, เอกทา สุนกฺขโตฺต, เอกทา จุโนฺท สมณุเทฺทโส, เอกทา สาคโต, เอกทา เมฆิโย, เต เยภุเยฺยน สตฺถุ จิตฺตํ นาราธยิํสุฯ อเถกทิวสํ ภควา คนฺธกุฎิปริเวเณ ปญฺญตฺตวรพุทฺธาสเน ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต นิสิโนฺน ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘อหํ, ภิกฺขเว, อิทานิมฺหิ มหลฺลโก, เอกเจฺจ ภิกฺขู ‘อิมินา มเคฺคน คจฺฉามา’ติ วุเตฺต อเญฺญน คจฺฉนฺติ, เอกเจฺจ มยฺหํ ปตฺตจีวรํ ภูมิยํ นิกฺขิปนฺติ, มยฺหํ นิพทฺธุปฎฺฐากํ ภิกฺขุํ ชานาถา’’ติฯ ตํ สุตฺวา ภิกฺขูนํ ธมฺมสํเวโค อุทปาทิฯ อถายสฺมา สาริปุโตฺต อุฎฺฐาย ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา – ‘‘อหํ, ภเนฺต, ตุเมฺห อุปฎฺฐหิสฺสามี’’ติ อาหฯ ตํ ภควา ปฎิกฺขิปิฯ เอเตนุปาเยน มหาโมคฺคลฺลานํ อาทิํ กตฺวา สเพฺพ มหาสาวกา – ‘‘อหํ อุปฎฺฐหิสฺสามิ, อหํ อุปฎฺฐหิสฺสามี’’ติ อุฎฺฐหิํสุ ฐเปตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ, เตปิ ภควา ปฎิกฺขิปิ ฯ โส ปน ตุณฺหีเยว นิสีทิฯ อถ นํ ภิกฺขู อาหํสุ – ‘‘อาวุโส, ตฺวมฺปิ สตฺถุ อุปฎฺฐากฎฺฐานํ ยาจาหี’’ติฯ ยาจิตฺวา ลทฺธฎฺฐานํ นาม กีทิสํ โหติ, สเจ รุจฺจติ, สตฺถา สยเมว วกฺขตีติฯ อถ ภควา ‘‘น, ภิกฺขเว, อานโนฺท อเญฺญหิ อุสฺสาเหตโพฺพ, สยเมว ชานิตฺวา มํ อุปฎฺฐหิสฺสตี’’ติ อาหฯ ตโต ภิกฺขู ‘‘อุเฎฺฐหิ, อาวุโส อานนฺท, สตฺถารํ อุปฎฺฐากฎฺฐานํ ยาจาหี’’ติ อาหํสุฯ
Tena ca samayena bhagavato paṭhamabodhiyaṃ vīsativassāni anibaddhaupaṭṭhākā ahesuṃ. Ekadā nāgasamālo pattacīvaraṃ gahetvā vicari, ekadā nāgito, ekadā upavāno, ekadā sunakkhatto, ekadā cundo samaṇuddeso, ekadā sāgato, ekadā meghiyo, te yebhuyyena satthu cittaṃ nārādhayiṃsu. Athekadivasaṃ bhagavā gandhakuṭipariveṇe paññattavarabuddhāsane bhikkhusaṅghaparivuto nisinno bhikkhū āmantesi – ‘‘ahaṃ, bhikkhave, idānimhi mahallako, ekacce bhikkhū ‘iminā maggena gacchāmā’ti vutte aññena gacchanti, ekacce mayhaṃ pattacīvaraṃ bhūmiyaṃ nikkhipanti, mayhaṃ nibaddhupaṭṭhākaṃ bhikkhuṃ jānāthā’’ti. Taṃ sutvā bhikkhūnaṃ dhammasaṃvego udapādi. Athāyasmā sāriputto uṭṭhāya bhagavantaṃ vanditvā – ‘‘ahaṃ, bhante, tumhe upaṭṭhahissāmī’’ti āha. Taṃ bhagavā paṭikkhipi. Etenupāyena mahāmoggallānaṃ ādiṃ katvā sabbe mahāsāvakā – ‘‘ahaṃ upaṭṭhahissāmi, ahaṃ upaṭṭhahissāmī’’ti uṭṭhahiṃsu ṭhapetvā āyasmantaṃ ānandaṃ, tepi bhagavā paṭikkhipi . So pana tuṇhīyeva nisīdi. Atha naṃ bhikkhū āhaṃsu – ‘‘āvuso, tvampi satthu upaṭṭhākaṭṭhānaṃ yācāhī’’ti. Yācitvā laddhaṭṭhānaṃ nāma kīdisaṃ hoti, sace ruccati, satthā sayameva vakkhatīti. Atha bhagavā ‘‘na, bhikkhave, ānando aññehi ussāhetabbo, sayameva jānitvā maṃ upaṭṭhahissatī’’ti āha. Tato bhikkhū ‘‘uṭṭhehi, āvuso ānanda, satthāraṃ upaṭṭhākaṭṭhānaṃ yācāhī’’ti āhaṃsu.
เถโร อุฎฺฐหิตฺวา ‘‘สเจ เม, ภเนฺต, ภควา อตฺตนา ลทฺธํ ปณีตจีวรํ น ทสฺสติ, ปณีตปิณฺฑปาตํ น ทสฺสติ, เอกคนฺธกุฎิยํ วสิตุํ น ทสฺสติ, นิมนฺตนํ คเหตฺวา น คมิสฺสติ, เอวาหํ ภควนฺตํ อุปฎฺฐหิสฺสามี’’ติ อาหฯ ‘‘เอตฺตเก คุเณ ลภโต สตฺถุ อุปฎฺฐาเน โก ภาโร’’ติ อุปวาทโมจนตฺถํ อิเม จตฺตาโร ปฎิเกฺขปา จ – ‘‘สเจ, ภเนฺต, ภควา มยา คหิตนิมนฺตนํ คมิสฺสติ, สจาหํ เทสนฺตรโต อาคตาคเต ตาวเทว ทเสฺสตุํ ลจฺฉามิ; ยทา เม กงฺขา อุปฺปชฺชติ, ตาวเทว ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตุํ ลจฺฉามิ, สเจ ภควา ปรมฺมุขา เทสิตํ ธมฺมํ ปุน มยฺหํ กเถสฺสติ, เอวาหํ ภควนฺตํ อุปฎฺฐหิสฺสามี’’ติ ‘‘เอตฺตกมฺปิ สตฺถุ สนฺติเก อนุคฺคหํ น ลภตี’’ติ อุปวาทโมจนตฺถเญฺจว ธมฺมภณฺฑาคาริกภาวปารมีปูรณตฺถญฺจ อิมา จตโสฺส อายาจนา จาติ อฎฺฐ วเร คเหตฺวา นิพทฺธุปฎฺฐาโก อโหสิฯ ตเสฺสว ฐานนฺตรสฺส อตฺถาย กปฺปสตสหสฺสํ ปูริตานํ ปารมีนํ ผลํ ปาปุณิฯ โส อุปฎฺฐากฎฺฐานํ ลทฺธทิวสโต ปฎฺฐาย ทสพลํ ทุวิเธน อุทเกน, ติวิเธน ทนฺตกเฎฺฐน, หตฺถปาทปริกเมฺมน ปิฎฺฐิปริกเมฺมน, คนฺธกุฎิปริเวณสมฺมชฺชเนนาติ เอวมาทีหิ กิเจฺจหิ อุปฎฺฐหโนฺต ‘‘อิมาย นาม เวลาย สตฺถุ อิทํ นาม ลทฺธุํ วฎฺฎติ, อิทํ นาม กาตุํ วฎฺฎตี’’ติ ทิวสภาคํ สนฺติกาวจโร หุตฺวา, รตฺติภาเค มหนฺตํ ทณฺฑทีปิกํ คเหตฺวา คนฺธกุฎิปริเวณํ นว วาเร อนุปริยายติ, สตฺถริ ปโกฺกสเนฺต ปฎิวจนทานาย ถินมิทฺธวิโนทนตฺถํฯ
Thero uṭṭhahitvā ‘‘sace me, bhante, bhagavā attanā laddhaṃ paṇītacīvaraṃ na dassati, paṇītapiṇḍapātaṃ na dassati, ekagandhakuṭiyaṃ vasituṃ na dassati, nimantanaṃ gahetvā na gamissati, evāhaṃ bhagavantaṃ upaṭṭhahissāmī’’ti āha. ‘‘Ettake guṇe labhato satthu upaṭṭhāne ko bhāro’’ti upavādamocanatthaṃ ime cattāro paṭikkhepā ca – ‘‘sace, bhante, bhagavā mayā gahitanimantanaṃ gamissati, sacāhaṃ desantarato āgatāgate tāvadeva dassetuṃ lacchāmi; yadā me kaṅkhā uppajjati, tāvadeva bhagavantaṃ upasaṅkamituṃ lacchāmi, sace bhagavā parammukhā desitaṃ dhammaṃ puna mayhaṃ kathessati, evāhaṃ bhagavantaṃ upaṭṭhahissāmī’’ti ‘‘ettakampi satthu santike anuggahaṃ na labhatī’’ti upavādamocanatthañceva dhammabhaṇḍāgārikabhāvapāramīpūraṇatthañca imā catasso āyācanā cāti aṭṭha vare gahetvā nibaddhupaṭṭhāko ahosi. Tasseva ṭhānantarassa atthāya kappasatasahassaṃ pūritānaṃ pāramīnaṃ phalaṃ pāpuṇi. So upaṭṭhākaṭṭhānaṃ laddhadivasato paṭṭhāya dasabalaṃ duvidhena udakena, tividhena dantakaṭṭhena, hatthapādaparikammena piṭṭhiparikammena, gandhakuṭipariveṇasammajjanenāti evamādīhi kiccehi upaṭṭhahanto ‘‘imāya nāma velāya satthu idaṃ nāma laddhuṃ vaṭṭati, idaṃ nāma kātuṃ vaṭṭatī’’ti divasabhāgaṃ santikāvacaro hutvā, rattibhāge mahantaṃ daṇḍadīpikaṃ gahetvā gandhakuṭipariveṇaṃ nava vāre anupariyāyati, satthari pakkosante paṭivacanadānāya thinamiddhavinodanatthaṃ.
อถ นํ สตฺถา เชตวเน อริยคณมเชฺฌ นิสิโนฺน อเนกปริยาเยน ปสํสิตฺวา ‘‘พหุสฺสุตานํ สติมนฺตานํ คติมนฺตานํ ธิติมนฺตานํ อุปฎฺฐากานญฺจ ภิกฺขูนํ อคฺคฎฺฐาเน ฐเปสิฯ เอวํ สตฺถารา ปญฺจสุ ฐาเนสุ เอตทเคฺค ฐปิโต จตูหิ อจฺฉริยพฺภุตธเมฺมหิ สมนฺนาคโต สตฺถุ ธมฺมโกสารโกฺข อยํ มหาเถโร เสโขว สมาโน สตฺถริ ปรินิพฺพุเต เหฎฺฐา วุตฺตนเยน ภิกฺขูหิ สมุเตฺตชิโต เทวตาย จ สํเวชิโต ‘‘เสฺวเยว จ ทานิ ธมฺมสงฺคีติ กาตพฺพา, น โข ปน เมตํ ปติรูปํ, ยฺวายํ เสโข สกรณีโย หุตฺวา อเสเขหิ เถเรหิ สทฺธิํ ธมฺมํ สงฺคายิตุํ สนฺนิปาตํ คนฺตุ’’นฺติ สญฺชาตุสฺสาโห วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา พหุเทวรตฺติํ วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรโนฺต จงฺกเม วีริยสมตํ อลภิตฺวา วิหารํ ปวิสิตฺวา สยเน นิสีทิตฺวา สยิตุกาโม กายํ อาวเฎฺฎสิฯ อปฺปตฺตญฺจ สีสํ พิโมฺพหนํ ปาทา จ ภูมิโต มุตฺตมตฺตา, เอตสฺมิํ อนฺตเร อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจิ ฉฬภิโญฺญ อโหสิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑.๖๔๔-๖๖๓) –
Atha naṃ satthā jetavane ariyagaṇamajjhe nisinno anekapariyāyena pasaṃsitvā ‘‘bahussutānaṃ satimantānaṃ gatimantānaṃ dhitimantānaṃ upaṭṭhākānañca bhikkhūnaṃ aggaṭṭhāne ṭhapesi. Evaṃ satthārā pañcasu ṭhānesu etadagge ṭhapito catūhi acchariyabbhutadhammehi samannāgato satthu dhammakosārakkho ayaṃ mahāthero sekhova samāno satthari parinibbute heṭṭhā vuttanayena bhikkhūhi samuttejito devatāya ca saṃvejito ‘‘sveyeva ca dāni dhammasaṅgīti kātabbā, na kho pana metaṃ patirūpaṃ, yvāyaṃ sekho sakaraṇīyo hutvā asekhehi therehi saddhiṃ dhammaṃ saṅgāyituṃ sannipātaṃ gantu’’nti sañjātussāho vipassanaṃ paṭṭhapetvā bahudevarattiṃ vipassanāya kammaṃ karonto caṅkame vīriyasamataṃ alabhitvā vihāraṃ pavisitvā sayane nisīditvā sayitukāmo kāyaṃ āvaṭṭesi. Appattañca sīsaṃ bimbohanaṃ pādā ca bhūmito muttamattā, etasmiṃ antare anupādāya āsavehi cittaṃ vimucci chaḷabhiñño ahosi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 1.1.644-663) –
‘‘อารามทฺวารา นิกฺขมฺม, ปทุมุตฺตโร มหามุนิ;
‘‘Ārāmadvārā nikkhamma, padumuttaro mahāmuni;
วเสฺสโนฺต อมตํ วุฎฺฐิํ, นิพฺพาเปสิ มหาชนํฯ
Vassento amataṃ vuṭṭhiṃ, nibbāpesi mahājanaṃ.
‘‘สตสหสฺสํ เต ธีรา, ฉฬภิญฺญา มหิทฺธิกา;
‘‘Satasahassaṃ te dhīrā, chaḷabhiññā mahiddhikā;
ปริวาเรนฺติ สมฺพุทฺธํ, ฉายาว อนปายินีฯ
Parivārenti sambuddhaṃ, chāyāva anapāyinī.
‘‘หตฺถิกฺขนฺธคโต อาสิํ, เสตจฺฉตฺตํ วรุตฺตมํ;
‘‘Hatthikkhandhagato āsiṃ, setacchattaṃ varuttamaṃ;
สุจารุรูปํ ทิสฺวาน, วิตฺติ เม อุทปชฺชถฯ
Sucārurūpaṃ disvāna, vitti me udapajjatha.
‘‘โอรุยฺห หตฺถิขนฺธมฺหา, อุปคจฺฉิํ นราสภํ;
‘‘Oruyha hatthikhandhamhā, upagacchiṃ narāsabhaṃ;
รตนามยฉตฺตํ เม, พุทฺธเสฎฺฐสฺส ธารยิํฯ
Ratanāmayachattaṃ me, buddhaseṭṭhassa dhārayiṃ.
‘‘มม สงฺกปฺปมญฺญาย, ปทุมุตฺตโร มหาอิสิ;
‘‘Mama saṅkappamaññāya, padumuttaro mahāisi;
ตํ กถํ ฐปยิตฺวาน, อิมา คาถา อภาสถฯ
Taṃ kathaṃ ṭhapayitvāna, imā gāthā abhāsatha.
‘‘โย โส ฉตฺตมธาเรสิ, โสณฺณาลงฺการภูสิตํ;
‘‘Yo so chattamadhāresi, soṇṇālaṅkārabhūsitaṃ;
ตมหํ กิตฺตยิสฺสามิ, สุโณถ มม ภาสโตฯ
Tamahaṃ kittayissāmi, suṇotha mama bhāsato.
‘‘อิโต คนฺตฺวา อยํ โปโส, ตุสิตํ อาวสิสฺสติ;
‘‘Ito gantvā ayaṃ poso, tusitaṃ āvasissati;
อนุโภสฺสติ สมฺปตฺติํ, อจฺฉราหิ ปุรกฺขโตฯ
Anubhossati sampattiṃ, accharāhi purakkhato.
‘‘จตุติํสติกฺขตฺตุญฺจ, เทวรชฺชํ กริสฺสติ;
‘‘Catutiṃsatikkhattuñca, devarajjaṃ karissati;
พลาธิโป อฎฺฐสตํ, วสุธํ อาวสิสฺสติฯ
Balādhipo aṭṭhasataṃ, vasudhaṃ āvasissati.
‘‘อฎฺฐปญฺญาสกฺขตฺตุญฺจ, จกฺกวตฺตี ภวิสฺสติ;
‘‘Aṭṭhapaññāsakkhattuñca, cakkavattī bhavissati;
ปเทสรชฺชํ วิปุลํ, มหิยา การยิสฺสติฯ
Padesarajjaṃ vipulaṃ, mahiyā kārayissati.
‘‘กปฺปสตสหสฺสมฺหิ , โอกฺกากกุลสมฺภโว;
‘‘Kappasatasahassamhi , okkākakulasambhavo;
โคตโม นาม โคเตฺตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติฯ
Gotamo nāma gottena, satthā loke bhavissati.
‘‘สกฺยานํ กุลเกตุสฺส, ญาติพนฺธุ ภวิสฺสติ;
‘‘Sakyānaṃ kulaketussa, ñātibandhu bhavissati;
อานโนฺท นาม นาเมน, อุปฎฺฐาโก มเหสิโนฯ
Ānando nāma nāmena, upaṭṭhāko mahesino.
‘‘อาตาปี นิปโก จาปิ, พาหุสเจฺจสุ โกวิโท;
‘‘Ātāpī nipako cāpi, bāhusaccesu kovido;
นิวาตวุตฺติ อตฺถโทฺธ, สพฺพปาฐี ภวิสฺสติฯ
Nivātavutti atthaddho, sabbapāṭhī bhavissati.
‘‘ปธานปหิตโตฺต โส, อุปสโนฺต นิรูปธิ;
‘‘Padhānapahitatto so, upasanto nirūpadhi;
สพฺพาสเว ปริญฺญาย, นิพฺพายิสฺสตินาสโวฯ
Sabbāsave pariññāya, nibbāyissatināsavo.
‘‘สนฺติ อารญฺญกา นาคา, กุญฺชรา สฎฺฐิหายนา;
‘‘Santi āraññakā nāgā, kuñjarā saṭṭhihāyanā;
ติธาปภินฺนา มาตงฺคา, อีสาทนฺตา อุรูฬฺหวาฯ
Tidhāpabhinnā mātaṅgā, īsādantā urūḷhavā.
‘‘อเนกสตสหสฺสา, ปณฺฑิตาปิ มหิทฺธิกา;
‘‘Anekasatasahassā, paṇḍitāpi mahiddhikā;
สเพฺพ เต พุทฺธนาคสฺส, น โหนฺตุปณิธิมฺหิ เตฯ
Sabbe te buddhanāgassa, na hontupaṇidhimhi te.
‘‘อาทิยา เม นมสฺสามิ, มชฺฌิเม อถ ปจฺฉิเม;
‘‘Ādiyā me namassāmi, majjhime atha pacchime;
ปสนฺนจิโตฺต สุมโน, พุทฺธเสฎฺฐํ อุปฎฺฐหิํฯ
Pasannacitto sumano, buddhaseṭṭhaṃ upaṭṭhahiṃ.
‘‘อาตาปี นิปโก จาปิ, สมฺปชาโน ปฎิสฺสโต;
‘‘Ātāpī nipako cāpi, sampajāno paṭissato;
โสตาปตฺติผลํ ปโตฺต, เสขภูมีสุ โกวิโทฯ
Sotāpattiphalaṃ patto, sekhabhūmīsu kovido.
‘‘สตสหสฺสิโต กเปฺป, ยํ กมฺมมภินีหริํ;
‘‘Satasahassito kappe, yaṃ kammamabhinīhariṃ;
ตาหํ ภูมิมนุปฺปโตฺต, ฐิตา สทฺธมฺมมาจลาฯ
Tāhaṃ bhūmimanuppatto, ṭhitā saddhammamācalā.
‘‘สฺวาคตํ วต เม อาสิ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ
‘‘Svāgataṃ vata me āsi…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.
ฉฬภิโญฺญ ปน หุตฺวา สงฺคีติมณฺฑปํ ปวิสิตฺวา ธมฺมํ สงฺคายโนฺต ตตฺถ ตตฺถ ภิกฺขูนํ โอวาททานวเสน อตฺตโน ปฎิปตฺติทีปนาทิวเสน จ ภาสิตคาถา เอกชฺฌํ กตฺวา อนุกฺกเมว ขุทฺทกนิกายสงฺคายนกาเล เถรคาถาสุ สงฺคีติํ อาโรเปโนฺต –
Chaḷabhiñño pana hutvā saṅgītimaṇḍapaṃ pavisitvā dhammaṃ saṅgāyanto tattha tattha bhikkhūnaṃ ovādadānavasena attano paṭipattidīpanādivasena ca bhāsitagāthā ekajjhaṃ katvā anukkameva khuddakanikāyasaṅgāyanakāle theragāthāsu saṅgītiṃ āropento –
๑๐๑๗.
1017.
‘‘ปิสุเณน จ โกธเนน จ, มจฺฉรินา จ วิภูตนนฺทินา;
‘‘Pisuṇena ca kodhanena ca, maccharinā ca vibhūtanandinā;
สขิตํ น กเรยฺย ปณฺฑิโต, ปาโป กาปุริเสน สงฺคโมฯ
Sakhitaṃ na kareyya paṇḍito, pāpo kāpurisena saṅgamo.
๑๐๑๘.
1018.
‘‘สเทฺธน จ เปสเลน จ, ปญฺญวตา พหุสฺสุเตน จ;
‘‘Saddhena ca pesalena ca, paññavatā bahussutena ca;
สขิตํ กเรยฺย ปณฺฑิโต, ภโทฺท สปฺปุริเสน สงฺคโมฯ
Sakhitaṃ kareyya paṇḍito, bhaddo sappurisena saṅgamo.
๑๐๑๙.
1019.
‘‘ปสฺส จิตฺตกตํ พิมฺพํ, อรุกายํ สมุสฺสิตํ;
‘‘Passa cittakataṃ bimbaṃ, arukāyaṃ samussitaṃ;
อาตุรํ พหุสงฺกปฺปํ, ยสฺส นตฺถิ ธุวํ ฐิติฯ
Āturaṃ bahusaṅkappaṃ, yassa natthi dhuvaṃ ṭhiti.
๑๐๒๐.
1020.
‘‘ปสฺส จิตฺตกตํ รูปํ, มณินา กุณฺฑเลน จ;
‘‘Passa cittakataṃ rūpaṃ, maṇinā kuṇḍalena ca;
อฎฺฐิตเจน โอนทฺธํ, สห วเตฺถหิ โสภติฯ
Aṭṭhitacena onaddhaṃ, saha vatthehi sobhati.
๑๐๒๑.
1021.
‘‘อลตฺตกกตา ปาทา, มุขํ จุณฺณกมกฺขิตํ;
‘‘Alattakakatā pādā, mukhaṃ cuṇṇakamakkhitaṃ;
อลํ พาลสฺส โมหาย, โน จ ปารคเวสิโนฯ
Alaṃ bālassa mohāya, no ca pāragavesino.
๑๐๒๒.
1022.
‘‘อฎฺฐปทกตา เกสา, เนตฺตา อญฺชนมกฺขิตา;
‘‘Aṭṭhapadakatā kesā, nettā añjanamakkhitā;
อลํ พาลสฺส โมหาย, โน จ ปารคเวสิโนฯ
Alaṃ bālassa mohāya, no ca pāragavesino.
๑๐๒๓.
1023.
‘‘อญฺชนีว นวา จิตฺตา, ปูติกาโย อลงฺกโต;
‘‘Añjanīva navā cittā, pūtikāyo alaṅkato;
อลํ พาลสฺส โมหาย, โน จ ปารคเวสิโนฯ
Alaṃ bālassa mohāya, no ca pāragavesino.
‘‘โอทหิ มิคโว ปาสํ, นาสทา วาคุรํ มิโค;
‘‘Odahi migavo pāsaṃ, nāsadā vāguraṃ migo;
ภุตฺวา นิวาปํ คจฺฉาม, กนฺทเนฺต มิคพนฺธเกฯ
Bhutvā nivāpaṃ gacchāma, kandante migabandhake.
‘‘ฉิโนฺน ปาโส มิควสฺส, นาสทา วาคุรํ มิโค;
‘‘Chinno pāso migavassa, nāsadā vāguraṃ migo;
ภุตฺวา นิวาปํ คจฺฉาม, โสจเนฺต มิคลุทฺทเกฯ
Bhutvā nivāpaṃ gacchāma, socante migaluddake.
๑๐๒๔.
1024.
‘‘พหุสฺสุโต จิตฺตกถี, พุทฺธสฺส ปริจารโก;
‘‘Bahussuto cittakathī, buddhassa paricārako;
ปนฺนภาโร วิสญฺญุโตฺต, เสยฺยํ กเปฺปติ โคตโมฯ
Pannabhāro visaññutto, seyyaṃ kappeti gotamo.
๑๐๒๕.
1025.
‘‘ขีณาสโว วิสญฺญุโตฺต, สงฺคาตีโต สุนิพฺพุโต;
‘‘Khīṇāsavo visaññutto, saṅgātīto sunibbuto;
ธาเรติ อนฺติมํ เทหํ, ชาติมรณปารคูฯ
Dhāreti antimaṃ dehaṃ, jātimaraṇapāragū.
๑๐๒๖.
1026.
‘‘ยสฺมิํ ปติฎฺฐิตา ธมฺมา, พุทฺธสฺสาทิจฺจพนฺธุโน;
‘‘Yasmiṃ patiṭṭhitā dhammā, buddhassādiccabandhuno;
นิพฺพานคมเน มเคฺค, โสยํ ติฎฺฐติ โคตโมฯ
Nibbānagamane magge, soyaṃ tiṭṭhati gotamo.
๑๐๒๗.
1027.
‘‘ทฺวาสีติ พุทฺธโต คณฺหิํ, เทฺว สหสฺสานิ ภิกฺขุโต;
‘‘Dvāsīti buddhato gaṇhiṃ, dve sahassāni bhikkhuto;
จตุราสีติสหสฺสานิ, เย เม ธมฺมา ปวตฺติโนฯ
Caturāsītisahassāni, ye me dhammā pavattino.
๑๐๒๘.
1028.
‘‘อปฺปสฺสุตายํ ปุริโส, พลิพโทฺทว ชีรติ;
‘‘Appassutāyaṃ puriso, balibaddova jīrati;
มํสานิ ตสฺส วฑฺฒนฺติ, ปญฺญา ตสฺส น วฑฺฒติฯ
Maṃsāni tassa vaḍḍhanti, paññā tassa na vaḍḍhati.
๑๐๒๙.
1029.
‘‘พหุสฺสุโต อปฺปสฺสุตํ, โย สุเตนาติมญฺญติ;
‘‘Bahussuto appassutaṃ, yo sutenātimaññati;
อโนฺธ ปทีปธาโรว, ตเถว ปฎิภาติ มํฯ
Andho padīpadhārova, tatheva paṭibhāti maṃ.
๑๐๓๐.
1030.
‘‘พหุสฺสุตํ อุปาเสยฺย, สุตญฺจ น วินาสเย;
‘‘Bahussutaṃ upāseyya, sutañca na vināsaye;
ตํ มูลํ พฺรหฺมจริยสฺส, ตสฺมา ธมฺมธโร สิยาฯ
Taṃ mūlaṃ brahmacariyassa, tasmā dhammadharo siyā.
๑๐๓๑.
1031.
‘‘ปุพฺพาปรญฺญู อตฺถญฺญู, นิรุตฺติปทโกวิโท;
‘‘Pubbāparaññū atthaññū, niruttipadakovido;
สุคฺคหีตญฺจ คณฺหาติ, อตฺถโญฺจปปริกฺขติฯ
Suggahītañca gaṇhāti, atthañcopaparikkhati.
๑๐๓๒.
1032.
‘‘ขนฺตฺยา ฉนฺทิกโต โหติ, อุสฺสหิตฺวา ตุเลติ ตํ;
‘‘Khantyā chandikato hoti, ussahitvā tuleti taṃ;
สมเย โส ปทหติ, อชฺฌตฺตํ สุสมาหิโตฯ
Samaye so padahati, ajjhattaṃ susamāhito.
๑๐๓๓.
1033.
‘‘พหุสฺสุตํ ธมฺมธรํ, สปฺปญฺญํ พุทฺธสาวกํ;
‘‘Bahussutaṃ dhammadharaṃ, sappaññaṃ buddhasāvakaṃ;
ธมฺมวิญฺญาณมากงฺขํ, ตํ ภเชถ ตถาวิธํฯ
Dhammaviññāṇamākaṅkhaṃ, taṃ bhajetha tathāvidhaṃ.
๑๐๓๔.
1034.
‘‘พหุสฺสุโต ธมฺมธโร, โกสารโกฺข มเหสิโน;
‘‘Bahussuto dhammadharo, kosārakkho mahesino;
จกฺขุ สพฺพสฺส โลกสฺส, ปูชนีโย พหุสฺสุโตฯ
Cakkhu sabbassa lokassa, pūjanīyo bahussuto.
๑๐๓๕.
1035.
‘‘ธมฺมาราโม ธมฺมรโต, ธมฺมํ อนุวิจินฺตยํ;
‘‘Dhammārāmo dhammarato, dhammaṃ anuvicintayaṃ;
ธมฺมํ อนุสฺสรํ ภิกฺขุ, สทฺธมฺมา น ปริหายติฯ
Dhammaṃ anussaraṃ bhikkhu, saddhammā na parihāyati.
๑๐๓๖.
1036.
‘‘กายมเจฺฉรครุโน , หิยฺยมาเน อนุฎฺฐเห;
‘‘Kāyamaccheragaruno , hiyyamāne anuṭṭhahe;
สรีรสุขคิทฺธสฺส, กุโต สมณผาสุตาฯ
Sarīrasukhagiddhassa, kuto samaṇaphāsutā.
๑๐๓๗.
1037.
‘‘น ปกฺขนฺติ ทิสา สพฺพา, ธมฺมา น ปฎิภนฺติ มํ;
‘‘Na pakkhanti disā sabbā, dhammā na paṭibhanti maṃ;
คเต กลฺยาณมิตฺตมฺหิ, อนฺธการํว ขายติฯ
Gate kalyāṇamittamhi, andhakāraṃva khāyati.
๑๐๓๘.
1038.
‘‘อพฺภตีตสหายสฺส, อตีตคตสตฺถุโน;
‘‘Abbhatītasahāyassa, atītagatasatthuno;
นตฺถิ เอตาทิสํ มิตฺตํ, ยถา กายคตา สติฯ
Natthi etādisaṃ mittaṃ, yathā kāyagatā sati.
๑๐๓๙.
1039.
‘‘เย ปุราณา อตีตา เต, นเวหิ น สเมติ เม;
‘‘Ye purāṇā atītā te, navehi na sameti me;
สฺวชฺช เอโกว ฌายามิ, วสฺสุเปโตว ปกฺขิมาฯ
Svajja ekova jhāyāmi, vassupetova pakkhimā.
๑๐๔๐.
1040.
‘‘ทสฺสนาย อภิกฺกเนฺต, นานาเวรชฺชเก พหู;
‘‘Dassanāya abhikkante, nānāverajjake bahū;
มา วารยิตฺถ โสตาโร, ปสฺสนฺตุ สมโย มมํฯ
Mā vārayittha sotāro, passantu samayo mamaṃ.
๑๐๔๑.
1041.
‘‘ทสฺสนาย อภิกฺกเนฺต, นานาเวรชฺชเก ปุถุ;
‘‘Dassanāya abhikkante, nānāverajjake puthu;
กโรติ สตฺถา โอกาสํ, น นิวาเรติ จกฺขุมาฯ
Karoti satthā okāsaṃ, na nivāreti cakkhumā.
๑๐๔๒.
1042.
‘‘ปณฺณวีสติ วสฺสานิ, เสขภูตสฺส เม สโต;
‘‘Paṇṇavīsati vassāni, sekhabhūtassa me sato;
น กามสญฺญา อุปฺปชฺชิ, ปสฺส ธมฺมสุธมฺมตํฯ
Na kāmasaññā uppajji, passa dhammasudhammataṃ.
๑๐๔๓.
1043.
‘‘ปณฺณวีสติ วสฺสานิ, เสขภูตสฺส เม สโต;
‘‘Paṇṇavīsati vassāni, sekhabhūtassa me sato;
น โทสสญฺญา อุปฺปชฺชิ, ปสฺส ธมฺมสุธมฺมตํฯ
Na dosasaññā uppajji, passa dhammasudhammataṃ.
๑๐๔๔.
1044.
‘‘ปณฺณวีสติ วสฺสานิ, ภควนฺตํ อุปฎฺฐหิํ;
‘‘Paṇṇavīsati vassāni, bhagavantaṃ upaṭṭhahiṃ;
เมเตฺตน กายกเมฺมน, ฉายาว อนปายินีฯ
Mettena kāyakammena, chāyāva anapāyinī.
๑๐๔๕.
1045.
‘‘ปณฺณวีสติ วสฺสานิ, ภควนฺตํ อุปฎฺฐหิํ;
‘‘Paṇṇavīsati vassāni, bhagavantaṃ upaṭṭhahiṃ;
เมเตฺตน วจีกเมฺมน, ฉายาว อนปายินีฯ
Mettena vacīkammena, chāyāva anapāyinī.
๑๐๔๖.
1046.
‘‘ปณฺณวีสติ วสฺสานิ, ภควนฺตํ อุปฎฺฐหิํ;
‘‘Paṇṇavīsati vassāni, bhagavantaṃ upaṭṭhahiṃ;
เมเตฺตน มโนกเมฺมน, ฉายาว อนปายินีฯ
Mettena manokammena, chāyāva anapāyinī.
๑๐๔๗.
1047.
‘‘พุทฺธสฺส จงฺกมนฺตสฺส, ปิฎฺฐิโต อนุจงฺกมิํ;
‘‘Buddhassa caṅkamantassa, piṭṭhito anucaṅkamiṃ;
ธเมฺม เทสิยมานมฺหิ, ญาณํ เม อุทปชฺชถฯ
Dhamme desiyamānamhi, ñāṇaṃ me udapajjatha.
๑๐๔๘.
1048.
‘‘อหํ สกรณีโยมฺหิ, เสโข อปฺปตฺตมานโส;
‘‘Ahaṃ sakaraṇīyomhi, sekho appattamānaso;
สตฺถุ จ ปรินิพฺพานํ, โย อมฺหํ อนุกมฺปโกฯ
Satthu ca parinibbānaṃ, yo amhaṃ anukampako.
๑๐๔๙.
1049.
‘‘ตทาสิ ยํ ภิํสนกํ, ตทาสิ โลมหํสนํ;
‘‘Tadāsi yaṃ bhiṃsanakaṃ, tadāsi lomahaṃsanaṃ;
สพฺพการวรูเปเต, สมฺพุเทฺธ ปรินิพฺพุเตฯ
Sabbakāravarūpete, sambuddhe parinibbute.
๑๐๕๐.
1050.
‘‘พหุสฺสุโต ธมฺมธโร, โกสารโกฺข มเหสิโน;
‘‘Bahussuto dhammadharo, kosārakkho mahesino;
จกฺขุ สพฺพสฺส โลกสฺส, อานโนฺท ปรินิพฺพุโตฯ
Cakkhu sabbassa lokassa, ānando parinibbuto.
๑๐๕๑.
1051.
‘‘พหุสฺสุโต ธมฺมธโร, โกสารโกฺข มเหสิโน;
‘‘Bahussuto dhammadharo, kosārakkho mahesino;
จกฺขุ สพฺพสฺส โลกสฺส, อนฺธกาเร ตโมนุโทฯ
Cakkhu sabbassa lokassa, andhakāre tamonudo.
๑๐๕๒.
1052.
‘‘คติมโนฺต สติมโนฺต, ธิติมโนฺต จ โย อิสิ;
‘‘Gatimanto satimanto, dhitimanto ca yo isi;
สทฺธมฺมธารโก เถโร, อานโนฺท รตนากโรฯ
Saddhammadhārako thero, ānando ratanākaro.
๑๐๕๓.
1053.
‘‘ปริจิโณฺณ มยา สตฺถา, กตํ พุทฺธสฺส สาสนํ;
‘‘Pariciṇṇo mayā satthā, kataṃ buddhassa sāsanaṃ;
โอหิโต ครุโก ภาโร, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติฯ –
Ohito garuko bhāro, natthi dāni punabbhavo’’ti. –
อิมา คาถา อภาสิฯ
Imā gāthā abhāsi.
ตตฺถ ปิสุเณน จาติ อาทิโต เทฺว คาถา ฉพฺพคฺคิเย ภิกฺขู เทวทตฺตปกฺขิเยหิ ภิกฺขูหิ สทฺธิํ สํสคฺคํ กโรเนฺต ทิสฺวา เตสํ โอวาททานวเสน วุตฺตาฯ ตตฺถ ปิสุเณนาติ ปิสุณาย วาจายฯ ตาย หิ ยุโตฺต ปุคฺคโล ‘‘ปิสุโณ’’ติ วุโตฺต ยถา นีลคุณยุโตฺต ปโฎ นีโลติฯ โกธเนนาติ กุชฺฌนสีเลนฯ อตฺตสมฺปตฺตินิคูหณลกฺขณสฺส มเจฺฉรสฺส สมฺภวโต มจฺฉรินาฯ วิภูตนนฺทินาติ สตฺตานํ วิภูตํ วิภวนํ วินาสํ อิจฺฉเนฺตน, วิภูตํ วา วิสุํ ภาโว เภโท, ตํ นนฺทเนน, สพฺพเมตํ เทวทตฺตปกฺขิเยว สนฺธาย วุตฺตํฯ เต หิ ปญฺจวตฺถุทีปนาย พหู ชเน สมฺมาปฎิปเนฺน ภินฺทนฺตา สตฺถริ พหิทฺธตาย ถทฺธมจฺฉริยาทิมจฺฉริยปกตา มหาชนสฺส มหโต อนตฺถาย ปฎิปชฺชิํสุฯ สขิตนฺติ สหายภาวํ สํสคฺคํ น กเรยฺย, กิํการณา? ปาโป กาปุริเสน สงฺคโม กาปุริเสน ปาปปุคฺคเลน สมาคโม นิหีโน ลามโกฯ เย หิสฺส ทิฎฺฐานุคติํ อาปชฺชนฺติฯ เตสํ ทุจินฺติตาทิเภทํ พาลลกฺขณเมว อาวหติ, ปเคว วจนกรสฺสฯ เตนาห ภควา – ‘‘ยานิ กานิจิ, ภิกฺขเว, ภยานิ อุปฺปชฺชนฺติ, สพฺพานิ ตานิ พาลโต อุปฺปชฺชนฺติ, โน ปณฺฑิตโต’’ติอาทิ (อ. นิ. ๓.๑)ฯ
Tattha pisuṇena cāti ādito dve gāthā chabbaggiye bhikkhū devadattapakkhiyehi bhikkhūhi saddhiṃ saṃsaggaṃ karonte disvā tesaṃ ovādadānavasena vuttā. Tattha pisuṇenāti pisuṇāya vācāya. Tāya hi yutto puggalo ‘‘pisuṇo’’ti vutto yathā nīlaguṇayutto paṭo nīloti. Kodhanenāti kujjhanasīlena. Attasampattinigūhaṇalakkhaṇassa maccherassa sambhavato maccharinā. Vibhūtanandināti sattānaṃ vibhūtaṃ vibhavanaṃ vināsaṃ icchantena, vibhūtaṃ vā visuṃ bhāvo bhedo, taṃ nandanena, sabbametaṃ devadattapakkhiyeva sandhāya vuttaṃ. Te hi pañcavatthudīpanāya bahū jane sammāpaṭipanne bhindantā satthari bahiddhatāya thaddhamacchariyādimacchariyapakatā mahājanassa mahato anatthāya paṭipajjiṃsu. Sakhitanti sahāyabhāvaṃ saṃsaggaṃ na kareyya, kiṃkāraṇā? Pāpokāpurisena saṅgamo kāpurisena pāpapuggalena samāgamo nihīno lāmako. Ye hissa diṭṭhānugatiṃ āpajjanti. Tesaṃ ducintitādibhedaṃ bālalakkhaṇameva āvahati, pageva vacanakarassa. Tenāha bhagavā – ‘‘yāni kānici, bhikkhave, bhayāni uppajjanti, sabbāni tāni bālato uppajjanti, no paṇḍitato’’tiādi (a. ni. 3.1).
เยน ปน สํสโคฺค กาตโพฺพ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘สเทฺธน จา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ สเทฺธนาติ กมฺมกมฺมผลสทฺธาย เจว, รตนตฺตยสทฺธาย จ สมนฺนาคเตนฯ เปสเลนาติ ปิยสีเลน สีลสมฺปเนฺนนฯ ปญฺญวตาติ อุทยตฺถคามินิยา นิเพฺพธิกาย ปญฺญาย วเสน ปญฺญาสมฺปเนฺนนฯ พหุสฺสุเตนาติ ปริยตฺติปฎิเวธพาหุสจฺจานํ ปาริปูริยา พหุสฺสุเตนฯ ภโทฺทติ เตน ตาทิเสน สาธุนา สงฺคโม ภโทฺท สุนฺทโร กลฺยาโณ ทิฎฺฐธมฺมิกาทิเภทํ อตฺถํ อาวหตีติ อธิปฺปาโยฯ
Yena pana saṃsaggo kātabbo, taṃ dassetuṃ ‘‘saddhena cā’’tiādi vuttaṃ. Tattha saddhenāti kammakammaphalasaddhāya ceva, ratanattayasaddhāya ca samannāgatena. Pesalenāti piyasīlena sīlasampannena. Paññavatāti udayatthagāminiyā nibbedhikāya paññāya vasena paññāsampannena. Bahussutenāti pariyattipaṭivedhabāhusaccānaṃ pāripūriyā bahussutena. Bhaddoti tena tādisena sādhunā saṅgamo bhaddo sundaro kalyāṇo diṭṭhadhammikādibhedaṃ atthaṃ āvahatīti adhippāyo.
ปสฺส จิตฺตกตนฺติอาทิกา สตฺต คาถา อตฺตโน รูปสมฺปตฺติํ ทิสฺวา กามสญฺญํ อุปฺปาเทนฺติยา อุตฺตราย นาม อุปาสิกาย กายวิจฺฉนฺทชนนตฺถํ ภาสิตา ฯ ‘‘อมฺพปาลิํ คณิกํ ทิสฺวา วิกฺขิตฺตจิตฺตานํ โอวาททานตฺถ’’นฺติปิ วทนฺติฯ ตา เหฎฺฐา วุตฺตตฺถา เอวฯ
Passa cittakatantiādikā satta gāthā attano rūpasampattiṃ disvā kāmasaññaṃ uppādentiyā uttarāya nāma upāsikāya kāyavicchandajananatthaṃ bhāsitā . ‘‘Ambapāliṃ gaṇikaṃ disvā vikkhittacittānaṃ ovādadānattha’’ntipi vadanti. Tā heṭṭhā vuttatthā eva.
พหุสฺสุโต จิตฺตกถีติอาทิกา เทฺว คาถา เถเรน อรหตฺตํ ปตฺวา อุทานวเสน ภาสิตาฯ ตตฺถ ปริจารโกติ อุปฎฺฐาโกฯ เสยฺยํ กเปฺปตีติ อรหตฺตปฺปตฺติสมนนฺตรํ สยิตตฺตา วุตฺตํฯ เถโร หิ พหุเทว รตฺติํ จงฺกเมน วีตินาเมตฺวา สรีรํ อุตุํ คาหาเปตุํ โอวรกํ ปวิสิตฺวา สยิตุํ มญฺจเก นิสิโนฺน ปาทา จ ภูมิโต มุตฺตา, อปฺปตฺตญฺจ สีสํ พิโมฺพหนํ, เอตฺถนฺตเร อรหตฺตํ ปตฺวา สยิฯ
Bahussutocittakathītiādikā dve gāthā therena arahattaṃ patvā udānavasena bhāsitā. Tattha paricārakoti upaṭṭhāko. Seyyaṃ kappetīti arahattappattisamanantaraṃ sayitattā vuttaṃ. Thero hi bahudeva rattiṃ caṅkamena vītināmetvā sarīraṃ utuṃ gāhāpetuṃ ovarakaṃ pavisitvā sayituṃ mañcake nisinno pādā ca bhūmito muttā, appattañca sīsaṃ bimbohanaṃ, etthantare arahattaṃ patvā sayi.
ขีณาสโวติ ปริกฺขีณจตุราสโว, ตโต เอว จตูหิปิ โยเคหิ วิสํยุโตฺต, ราคสงฺคาทีนํ อติกฺกนฺตตฺตา สงฺคาตีโต, สพฺพโส กิเลสปริฬาหสฺส วูปสนฺตตฺตา สุนิพฺพุโต สีติภูโตติ อโตฺถฯ
Khīṇāsavoti parikkhīṇacaturāsavo, tato eva catūhipi yogehi visaṃyutto, rāgasaṅgādīnaṃ atikkantattā saṅgātīto, sabbaso kilesapariḷāhassa vūpasantattā sunibbuto sītibhūtoti attho.
ยสฺมิํ ปติฎฺฐิตา ธมฺมาติ เถรํ อุทฺทิสฺส ขีณาสวมหาพฺรหฺมุนา ภาสิตา คาถาฯ อุปฎฺฐิตาย หิ ธมฺมสงฺคีติยา เถรํ อุทฺทิสฺส เยหิ ภิกฺขูหิ ‘‘เอโก ภิกฺขุ วิสฺสคนฺธํ วายตี’’ติ วุตฺตํฯ อถ เถโร อธิคเต อรหเตฺต สตฺตปณฺณิคุหาทฺวารํ สงฺฆสฺส สามคฺคีทานตฺถํ อาคโต, ตสฺส ขีณาสวภาวปฺปกาสเนน สุทฺธาวาสมหาพฺรหฺมาฯ เต ภิกฺขู ลชฺชาเปโนฺต ‘‘ยสฺมิํ ปติฎฺฐิตา ธมฺมา’’ติ คาถมาหฯ ตสฺสโตฺถ – พุทฺธสฺส ภควโต ธมฺมา เตเนว อธิคตา ปเวทิตา จ ปฎิเวธปริยตฺติธมฺมาฯ ยสฺมิํ ปุริสวิเสเส ปติฎฺฐิตา, โสยํ โคตฺตโต โคตโม ธมฺมภณฺฑาคาริโก สอุปาทิเสสนิพฺพานสฺส อธิคตตฺตา อิทานิ อนุปาทิเสสนิพฺพานคมเน มเคฺค ปติฎฺฐหิ, ตสฺส เอกํสภาคีติฯ
Yasmiṃ patiṭṭhitā dhammāti theraṃ uddissa khīṇāsavamahābrahmunā bhāsitā gāthā. Upaṭṭhitāya hi dhammasaṅgītiyā theraṃ uddissa yehi bhikkhūhi ‘‘eko bhikkhu vissagandhaṃ vāyatī’’ti vuttaṃ. Atha thero adhigate arahatte sattapaṇṇiguhādvāraṃ saṅghassa sāmaggīdānatthaṃ āgato, tassa khīṇāsavabhāvappakāsanena suddhāvāsamahābrahmā. Te bhikkhū lajjāpento ‘‘yasmiṃ patiṭṭhitā dhammā’’ti gāthamāha. Tassattho – buddhassa bhagavato dhammā teneva adhigatā paveditā ca paṭivedhapariyattidhammā. Yasmiṃ purisavisese patiṭṭhitā, soyaṃ gottato gotamo dhammabhaṇḍāgāriko saupādisesanibbānassa adhigatattā idāni anupādisesanibbānagamane magge patiṭṭhahi, tassa ekaṃsabhāgīti.
อเถกทิวสํ โคปกโมคฺคลฺลาโน นาม พฺราหฺมโณ เถรํ ปุจฺฉิ – ‘‘ตฺวํ พหุสฺสุโตติ พุทฺธสฺส สาสเน ปากโฎ, กิตฺตกา ธมฺมา เต สตฺถารา ภาสิตา, ตยา ธาริตา’’ติ? ตสฺส เถโร ปฎิวจนํ เทโนฺต ‘‘ทฺวาสีตี’’ติ คาถมาหฯ ตตฺถ ทฺวาสีติ สหสฺสานีติ โยชนา, พุทฺธโต คณฺหินฺติ สมฺมาสมฺพุทฺธโต อุคฺคณฺหิํ ทฺวิสหสฺสาธิกานิ อสีติธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานิ สตฺถุ สนฺติกา อธิคณฺหินฺติ อโตฺถฯ เทฺว สหสฺสานิ ภิกฺขุโตติ เทฺว ธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานิ ภิกฺขุโต คณฺหิํ, ธมฺมเสนาปติอาทีนํ ภิกฺขูนํ สนฺติกา อธิคจฺฉิํฯ จตุราสีติสหสฺสานีติ ตทุภยํ สโมธาเนตฺวา จตุสหสฺสาธิกานิ อสีติสหสฺสานิฯ เย เม ธมฺมา ปวตฺติโนติ เย ยถาวุตฺตปริมาณา ธมฺมกฺขนฺธา มยฺหํ ปคุณา วาจุคฺคตา ชิวฺหเคฺค ปริวตฺตนฺตีติฯ
Athekadivasaṃ gopakamoggallāno nāma brāhmaṇo theraṃ pucchi – ‘‘tvaṃ bahussutoti buddhassa sāsane pākaṭo, kittakā dhammā te satthārā bhāsitā, tayā dhāritā’’ti? Tassa thero paṭivacanaṃ dento ‘‘dvāsītī’’ti gāthamāha. Tattha dvāsīti sahassānīti yojanā, buddhato gaṇhinti sammāsambuddhato uggaṇhiṃ dvisahassādhikāni asītidhammakkhandhasahassāni satthu santikā adhigaṇhinti attho. Dve sahassāni bhikkhutoti dve dhammakkhandhasahassāni bhikkhuto gaṇhiṃ, dhammasenāpatiādīnaṃ bhikkhūnaṃ santikā adhigacchiṃ. Caturāsītisahassānīti tadubhayaṃ samodhānetvā catusahassādhikāni asītisahassāni. Ye me dhammā pavattinoti ye yathāvuttaparimāṇā dhammakkhandhā mayhaṃ paguṇā vācuggatā jivhagge parivattantīti.
อเถกทา เถโร สาสเน ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาธุเรปิ คนฺถธุเรปิ อนนุยุตฺตํ เอกํ ปุคฺคลํ ทิสฺวา พาหุสจฺจาภาเว อาทีนวํ ปกาเสโนฺต ‘‘อปฺปสฺสุตาย’’นฺติ คาถมาหฯ ตตฺถ อปฺปสฺสุตายนฺติ เอกสฺส ทฺวินฺนํ วา ปณฺณาสานํ, อถ วา ปน วคฺคานํ อนฺตมโส เอกสฺส ทฺวินฺนํ วา สุตฺตนฺตานมฺปิ อุคฺคหิตานํ อภาเวน อปฺปสฺสุโต อยํ, กมฺมฎฺฐานํ ปน อุคฺคเหตฺวา อนุยุญฺชโนฺต พหุสฺสุโตวฯ พลิพโทฺทว ชีรตีติ ยถา พลิพโทฺท ชีรมาโน วฑฺฒมาโน เนว มาตุ น ปิตุ, น เสสญาตกานํ อตฺถาย วฑฺฒติ, อถ โข นิรตฺถกเมว ชีรติ; เอวเมวํ อยมฺปิ น อุปชฺฌายวตฺตํ กโรติ, น อาจริยวตฺตํ, น อาคนฺตุกวตฺตาทีนิ, น ภาวนํ อนุยุญฺชติ, นิรตฺถกเมว ชีรติฯ มํสานิ ตสฺส วฑฺฒนฺตีติ ยถา พลิพทฺทสฺส ‘‘กสนภารวหนาทีสุ อสมโตฺถ เอโส’’ติ อรเญฺญ วิสฺสฎฺฐสฺส ยถา ตถา วิจรนฺตสฺส ขาทนฺตสฺส ปิวนฺตสฺส มํสานิ ตสฺส วฑฺฒนฺติ; เอวเมวํ อิมสฺสาปิ อุปชฺฌายาทีหิ วิสฺสฎฺฐสฺส สงฺฆํ นิสฺสาย จตฺตาโร ปจฺจเย ลภิตฺวา อุทฺธํวิเรจนาทีนิ กตฺวา กายํ โปเสนฺตสฺส มํสานิ วฑฺฒนฺติ ถูลสรีโร หุตฺวา วิจรติฯ ปญฺญาติ โลกิยโลกุตฺตรา ปนสฺส ปญฺญา เอกงฺคุลิมตฺตาปิ น วฑฺฒติ, อรเญฺญ คจฺฉลตาทีนิ วิย อสฺส ฉทฺวารานิ นิสฺสาย ตณฺหา เจว นววิธมาโน จ วฑฺฒตีติ อธิปฺปาโยฯ
Athekadā thero sāsane pabbajitvā vipassanādhurepi ganthadhurepi ananuyuttaṃ ekaṃ puggalaṃ disvā bāhusaccābhāve ādīnavaṃ pakāsento ‘‘appassutāya’’nti gāthamāha. Tattha appassutāyanti ekassa dvinnaṃ vā paṇṇāsānaṃ, atha vā pana vaggānaṃ antamaso ekassa dvinnaṃ vā suttantānampi uggahitānaṃ abhāvena appassuto ayaṃ, kammaṭṭhānaṃ pana uggahetvā anuyuñjanto bahussutova. Balibaddova jīratīti yathā balibaddo jīramāno vaḍḍhamāno neva mātu na pitu, na sesañātakānaṃ atthāya vaḍḍhati, atha kho niratthakameva jīrati; evamevaṃ ayampi na upajjhāyavattaṃ karoti, na ācariyavattaṃ, na āgantukavattādīni, na bhāvanaṃ anuyuñjati, niratthakameva jīrati. Maṃsāni tassa vaḍḍhantīti yathā balibaddassa ‘‘kasanabhāravahanādīsu asamattho eso’’ti araññe vissaṭṭhassa yathā tathā vicarantassa khādantassa pivantassa maṃsāni tassa vaḍḍhanti; evamevaṃ imassāpi upajjhāyādīhi vissaṭṭhassa saṅghaṃ nissāya cattāro paccaye labhitvā uddhaṃvirecanādīni katvā kāyaṃ posentassa maṃsāni vaḍḍhanti thūlasarīro hutvā vicarati. Paññāti lokiyalokuttarā panassa paññā ekaṅgulimattāpi na vaḍḍhati, araññe gacchalatādīni viya assa chadvārāni nissāya taṇhā ceva navavidhamāno ca vaḍḍhatīti adhippāyo.
พหุสฺสุโตติ คาถา อตฺตโน พาหุสจฺจํ นิสฺสาย อญฺญํ อติมญฺญนฺตํ เอกํ ภิกฺขุํ อุทฺทิสฺส วุตฺตาฯ ตตฺถ สุเตนาติ สุตเหตุ อตฺตโน พาหุสจฺจนิมิตฺตํฯ อติมญฺญตีติ อติกฺกมิตฺวา มญฺญติ อตฺตานํ อุกฺกํเสโนฺต ปรํ ปริภวติฯ ตเถวาติ ยถา อโนฺธ อนฺธกาเร เตลปโชฺชตํ ธาเรโนฺต อาโลกทาเนน ปเรสํเยว อตฺถาวโห , น อตฺตโน, ตเถว ปริยตฺติพาหุสเจฺจน สุตวา ปุคฺคโล สุเตน อนุปปโนฺน อตฺตโน อตฺถํ อปริปูเรโนฺต อโนฺธ ญาณาโลกทาเนน ปเรสํเยว อตฺถาวโห, น อตฺตโน, ทีปธาโร อโนฺธ วิย มยฺหํ อุปฎฺฐาตีติฯ
Bahussutoti gāthā attano bāhusaccaṃ nissāya aññaṃ atimaññantaṃ ekaṃ bhikkhuṃ uddissa vuttā. Tattha sutenāti sutahetu attano bāhusaccanimittaṃ. Atimaññatīti atikkamitvā maññati attānaṃ ukkaṃsento paraṃ paribhavati. Tathevāti yathā andho andhakāre telapajjotaṃ dhārento ālokadānena paresaṃyeva atthāvaho , na attano, tatheva pariyattibāhusaccena sutavā puggalo sutena anupapanno attano atthaṃ aparipūrento andho ñāṇālokadānena paresaṃyeva atthāvaho, na attano, dīpadhāro andho viya mayhaṃ upaṭṭhātīti.
อิทานิ พาหุสเจฺจ อานิสํสํ ทเสฺสโนฺต ‘‘พหุสฺสุต’’นฺติ คาถมาหฯ ตตฺถ อุปาเสยฺยาติ ปยิรุปาเสยฺยฯ สุตญฺจ น วินาสเยติ พหุสฺสุตํ ปยิรุปาสิตฺวา ลทฺธํ สุตญฺจ น วินาเสยฺย, น สุเสฺสยฺย ธารณปริจยปริปุจฺฉามนสิกาเรหิ วเฑฺฒยฺยฯ ตํ มูลํ พฺรหฺมจริยสฺสาติ ยสฺมา พหุสฺสุตํ ปยิรุปาสิตฺวา ลทฺธํ ตํ สุตํ ปริยตฺติพาหุสจฺจํ มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส มูลํ ปธานการณํฯ ตสฺมา ธมฺมธโร สิยา วิมุตฺตายตนสีเส ฐตฺวา ยถาสุตสฺส ธมฺมสฺส ธารเณ ปฐมํ ปริยตฺติธมฺมธโร ภเวยฺยฯ
Idāni bāhusacce ānisaṃsaṃ dassento ‘‘bahussuta’’nti gāthamāha. Tattha upāseyyāti payirupāseyya. Sutañca na vināsayeti bahussutaṃ payirupāsitvā laddhaṃ sutañca na vināseyya, na susseyya dhāraṇaparicayaparipucchāmanasikārehi vaḍḍheyya. Taṃ mūlaṃ brahmacariyassāti yasmā bahussutaṃ payirupāsitvā laddhaṃ taṃ sutaṃ pariyattibāhusaccaṃ maggabrahmacariyassa mūlaṃ padhānakāraṇaṃ. Tasmā dhammadharo siyā vimuttāyatanasīse ṭhatvā yathāsutassa dhammassa dhāraṇe paṭhamaṃ pariyattidhammadharo bhaveyya.
อิทานิ ปริยตฺติพาหุสเจฺจน สาเธตพฺพมตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘ปุพฺพาปรญฺญู’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ปุพฺพญฺจ อปรญฺจ ชานาตีติ ปุพฺพาปรญฺญูฯ เอกิสฺสา หิ คาถาย ปุพฺพภาเค อปญฺญายมาเนปิ ปุพฺพภาเค วา ปญฺญายมาเน อปรภาเค อปญฺญายมาเนปิ ‘‘อิมสฺส อปรภาคสฺส อิมินา ปุพฺพภาเคน , อิมสฺส วา ปุพฺพภาคสฺส อิมินา อปรภาเคน ภวิตพฺพ’’นฺติ ชานโนฺต ปุพฺพาปรญฺญู นามฯ อตฺตตฺถาทิเภทํ ตสฺส ตสฺส ภาสิตสฺส อตฺถํ ชานาตีติ อตฺถญฺญูฯ นิรุตฺติปทโกวิโทติ นิรุตฺติยํ เสสปเทสุปิ จาติ จตูสุปิ ปฎิสมฺภิทาสุ เฉโกฯ สุคฺคหีตญฺจ คณฺหาตีติ เตเนว โกวิทภาเวน อตฺถโต พฺยญฺชนโต จ ธมฺมํ สุคหิตเมว กตฺวา คณฺหาติฯ อตฺถโญฺจปปริกฺขตีติ ยถาสุตสฺส ยถาปริยตฺตสฺส ธมฺมสฺส อตฺถํ อุปปริกฺขติ ‘‘อิติ สีลํ, อิติ สมาธิ, อิติ ปญฺญา, อิเม รูปารูปธมฺมา’’ติ มนสา อนุเปกฺขติฯ
Idāni pariyattibāhusaccena sādhetabbamatthaṃ dassetuṃ ‘‘pubbāparaññū’’tiādi vuttaṃ. Tattha pubbañca aparañca jānātīti pubbāparaññū. Ekissā hi gāthāya pubbabhāge apaññāyamānepi pubbabhāge vā paññāyamāne aparabhāge apaññāyamānepi ‘‘imassa aparabhāgassa iminā pubbabhāgena , imassa vā pubbabhāgassa iminā aparabhāgena bhavitabba’’nti jānanto pubbāparaññū nāma. Attatthādibhedaṃ tassa tassa bhāsitassa atthaṃ jānātīti atthaññū. Niruttipadakovidoti niruttiyaṃ sesapadesupi cāti catūsupi paṭisambhidāsu cheko. Suggahītañca gaṇhātīti teneva kovidabhāvena atthato byañjanato ca dhammaṃ sugahitameva katvā gaṇhāti. Atthañcopaparikkhatīti yathāsutassa yathāpariyattassa dhammassa atthaṃ upaparikkhati ‘‘iti sīlaṃ, iti samādhi, iti paññā, ime rūpārūpadhammā’’ti manasā anupekkhati.
ขนฺตฺยา ฉนฺทิกโต โหตีติ เตสุ มนสา อนุเปกฺขิเตสุ ธเมฺมสุ ทิฎฺฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา นิชฺฌานํ ขมาเปตฺวา รูปปริคฺคหาทิมุเขน วิปสฺสนาภินิเวเส ฉนฺทิกโต ฉนฺทชาโต โหติฯ ตถาภูโต จ วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรโนฺต อุสฺสหิตฺวา ตุเลติ ตํตํปจฺจยนามรูปทสฺสนวเสน อุสฺสาหํ กตฺวา ตโต ปรํ ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา ตุเลติ ‘‘อนิจฺจ’’นฺติปิ, ‘‘ทุกฺข’’นฺติปิ, ‘‘อนตฺตา’’ติปิ ตํ นามรูปํ ตีเรติ วิปสฺสติฯ สมเย โส ปทหติ, อชฺฌตฺตํ สุสมาหิโตติ โส เอวํ ปสฺสโนฺต ปคฺคเหตพฺพาทิสมเย จิตฺตสฺส ปคฺคณฺหนาทินา ปทหติ, ปทหโนฺต จ อชฺฌตฺตํ โคจรชฺฌเตฺต วิปสฺสนาสมาธินา มคฺคสมาธินา จ สุฎฺฐุ สมาหิโต ภเวยฺย, อสมาธานเหตุภูเต กิเลเส ปชเหยฺยฯ สฺวายํ คุโณ สโพฺพปิ ยสฺมา พหุสฺสุตํ ธมฺมธรํ สปฺปญฺญํ พุทฺธสาวกํ ปยิรุปาสนฺตสฺส โหติ, ตสฺมา อสงฺขตํ ธมฺมํ อารพฺภ ทุกฺขาทีสุ ปริญฺญาทิวิสิฎฺฐกิจฺจตาย ธมฺมวิญฺญาณสงฺขาตํ ธมฺมญาณํ อากงฺขโนฺต ตถาวิธํ วุตฺตปฺปการํ กลฺยาณมิตฺตํ ภเชถ, เสเวยฺย ปยิรุปาเสยฺยาติ อโตฺถฯ
Khantyā chandikato hotīti tesu manasā anupekkhitesu dhammesu diṭṭhinijjhānakkhantiyā nijjhānaṃ khamāpetvā rūpapariggahādimukhena vipassanābhinivese chandikato chandajāto hoti. Tathābhūto ca vipassanāya kammaṃ karonto ussahitvā tuleti taṃtaṃpaccayanāmarūpadassanavasena ussāhaṃ katvā tato paraṃ tilakkhaṇaṃ āropetvā tuleti ‘‘anicca’’ntipi, ‘‘dukkha’’ntipi, ‘‘anattā’’tipi taṃ nāmarūpaṃ tīreti vipassati. Samaye so padahati, ajjhattaṃ susamāhitoti so evaṃ passanto paggahetabbādisamaye cittassa paggaṇhanādinā padahati, padahanto ca ajjhattaṃ gocarajjhatte vipassanāsamādhinā maggasamādhinā ca suṭṭhu samāhito bhaveyya, asamādhānahetubhūte kilese pajaheyya. Svāyaṃ guṇo sabbopi yasmā bahussutaṃ dhammadharaṃ sappaññaṃ buddhasāvakaṃ payirupāsantassa hoti, tasmā asaṅkhataṃ dhammaṃ ārabbha dukkhādīsu pariññādivisiṭṭhakiccatāya dhammaviññāṇasaṅkhātaṃ dhammañāṇaṃ ākaṅkhanto tathāvidhaṃ vuttappakāraṃ kalyāṇamittaṃ bhajetha, seveyya payirupāseyyāti attho.
เอวํ พหุปการตาย ตสฺส ปูชนียกํ ทเสฺสโนฺต ‘‘พหุสฺสุโต’’ติ คาถมาหฯ ตสฺสโตฺถ – สุตฺตเคยฺยาทิ พหุ สุตํ เอตสฺสาติ พหุสฺสุโตฯ ตเมว เทสนาธมฺมํ สุวณฺณภาชเน ปกฺขิตฺตสีหวสา วิย อวินสฺสนฺตํ ธาเรตีติ ธมฺมธโรฯ ตโต เอว มเหสิโน ภควโต ธมฺมโกสํ ธมฺมรตนํ อารกฺขตีติ โกสารโกฺขฯ ยสฺมา สเทวกสฺส โลกสฺส สมทสฺสเนน จกฺขุภูโต, ตสฺมา จกฺขุ สพฺพสฺส โลกสฺส ปูชนีโย มานนีโยติ, พหุสฺสุตภาเวน พหุชนสฺส ปูชนียภาวทสฺสนตฺถํ นิคมนวเสน ปุนปิ ‘‘พหุสฺสุโต’’ติ วุตฺตํฯ
Evaṃ bahupakāratāya tassa pūjanīyakaṃ dassento ‘‘bahussuto’’ti gāthamāha. Tassattho – suttageyyādi bahu sutaṃ etassāti bahussuto. Tameva desanādhammaṃ suvaṇṇabhājane pakkhittasīhavasā viya avinassantaṃ dhāretīti dhammadharo. Tato eva mahesino bhagavato dhammakosaṃ dhammaratanaṃ ārakkhatīti kosārakkho. Yasmā sadevakassa lokassa samadassanena cakkhubhūto, tasmā cakkhu sabbassa lokassa pūjanīyo mānanīyoti, bahussutabhāvena bahujanassa pūjanīyabhāvadassanatthaṃ nigamanavasena punapi ‘‘bahussuto’’ti vuttaṃ.
เอวรูปํ กลฺยาณมิตฺตํ ลภิตฺวาปิ การกเสฺสว อปริหานิ, น อการกสฺสาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ธมฺมาราโม’’ติ คาถมาหฯ ตตฺถ นิวาสนเฎฺฐน สมถวิปสฺสนาธโมฺม อาราโม, ตสฺมิํ เอว ธเมฺม รโต อภิรโตติ ธมฺมรโต, ตเสฺสว ธมฺมสฺส ปุนปฺปุนํ วิจินฺตเนน ธมฺมํ อนุวิจินฺตยํ ธมฺมํ อาวเชฺชโนฺต มนสิ กโรตีติ อโตฺถฯ อนุสฺสรนฺติ ตเมว ธมฺมํ อนุสฺสรโนฺตฯ สทฺธมฺมาติ เอวรูโป ภิกฺขุ สตฺตติํสปเภทา โพธิปกฺขิยธมฺมา นววิธโลกุตฺตรธมฺมา จ น ปริหายติ, น กทาจิ ตสฺส ตโต ปริหานิ โหตีติ อโตฺถฯ
Evarūpaṃ kalyāṇamittaṃ labhitvāpi kārakasseva aparihāni, na akārakassāti dassento ‘‘dhammārāmo’’ti gāthamāha. Tattha nivāsanaṭṭhena samathavipassanādhammo ārāmo, tasmiṃ eva dhamme rato abhiratoti dhammarato, tasseva dhammassa punappunaṃ vicintanena dhammaṃ anuvicintayaṃ dhammaṃ āvajjento manasi karotīti attho. Anussaranti tameva dhammaṃ anussaranto. Saddhammāti evarūpo bhikkhu sattatiṃsapabhedā bodhipakkhiyadhammā navavidhalokuttaradhammā ca na parihāyati, na kadāci tassa tato parihāni hotīti attho.
อเถกทิวสํ กาเย อวีตราคํ กุสีตํ หีนวีริยํ โกสลฺลายา ติ นามํ ภิกฺขุํ สํเวเชโนฺต ‘‘กายมเจฺฉรครุโน’’ติ คาถมาหฯ ตตฺถ กายมเจฺฉรครุโนติ ‘‘กายทฬฺหีพหุลสฺส กาเย มมตฺตสฺส อาจริยุปชฺฌายานมฺปิ กาเยน กตฺตพฺพํ กิญฺจิ อกตฺวา วิจรนฺตสฺสฯ หิยฺยมาเนติ อตฺตโน กาเย ชีวิเต จ ขเณ ขเณ ปริหิยฺยมาเนฯ อนุฎฺฐเหติ สีลาทีนํ ปริปูรณวเสน อุฎฺฐานวีริยํ น กเรยฺยฯ สรีรสุขคิทฺธสฺสาติ อตฺตโน สรีรสฺส สุขาปเนเนว เคธํ อาปนฺนสฺสฯ กุโต สมณผาสุตาติ เอวรูปสฺส ปุคฺคลสฺส สามญฺญวเสน กุโต สุขวิหาโร, ผาสุวิหาโร น ตสฺส วิชฺชตีติ อโตฺถฯ
Athekadivasaṃ kāye avītarāgaṃ kusītaṃ hīnavīriyaṃ kosallāyā ti nāmaṃ bhikkhuṃ saṃvejento ‘‘kāyamaccheragaruno’’ti gāthamāha. Tattha kāyamaccheragarunoti ‘‘kāyadaḷhībahulassa kāye mamattassa ācariyupajjhāyānampi kāyena kattabbaṃ kiñci akatvā vicarantassa. Hiyyamāneti attano kāye jīvite ca khaṇe khaṇe parihiyyamāne. Anuṭṭhaheti sīlādīnaṃ paripūraṇavasena uṭṭhānavīriyaṃ na kareyya. Sarīrasukhagiddhassāti attano sarīrassa sukhāpaneneva gedhaṃ āpannassa. Kuto samaṇaphāsutāti evarūpassa puggalassa sāmaññavasena kuto sukhavihāro, phāsuvihāro na tassa vijjatīti attho.
น ปกฺขนฺตีติอาทิกา อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ธมฺมเสนาปติโน ปรินิพฺพุตภาวํ สุตฺวา เถเรน ภาสิตาฯ ตตฺถ น ปกฺขนฺติ ทิสา สพฺพาติ ปุรตฺถิมาทิเภทา สพฺพา ทิสา น ปกฺขยนฺติ, ทิสามูโฬฺหติ อโตฺถฯ ธมฺมา น ปฎิภนฺติ มนฺติ ปุเพฺพ สุฎฺฐุ ปคุณาปิ ปริยตฺติธมฺมา อิทานิ สกฺกจฺจํ สมนฺนาหริยมานาปิ มยฺหํ น อุปฎฺฐหนฺติฯ คเต กลฺยาณมิตฺตมฺหีติ สเทวกสฺส โลกสฺส กลฺยาณมิตฺตภูเต ธมฺมเสนาปติมฺหิ อนุปาทิเสสนิพฺพานํ คเตฯ อนฺธการํว ขายตีติ สโพฺพปายํ โลโก อนฺธกาโร วิย อุปฎฺฐาติฯ
Na pakkhantītiādikā āyasmato sāriputtassa dhammasenāpatino parinibbutabhāvaṃ sutvā therena bhāsitā. Tattha na pakkhanti disā sabbāti puratthimādibhedā sabbā disā na pakkhayanti, disāmūḷhoti attho. Dhammā na paṭibhanti manti pubbe suṭṭhu paguṇāpi pariyattidhammā idāni sakkaccaṃ samannāhariyamānāpi mayhaṃ na upaṭṭhahanti. Gate kalyāṇamittamhīti sadevakassa lokassa kalyāṇamittabhūte dhammasenāpatimhi anupādisesanibbānaṃ gate. Andhakāraṃva khāyatīti sabbopāyaṃ loko andhakāro viya upaṭṭhāti.
อพฺภตีตสหายสฺสาติ อปคตสหายสฺส, กลฺยาณมิตฺตรหิตสฺสาติ อโตฺถฯ อตีตคตสตฺถุโนติ อายสฺมโต อตีโต หุตฺวา นิพฺพานคตสตฺถุกสฺส, สตฺถริ ปรินิพฺพุเตติ อโตฺถฯ ยถา กายคตา สตีติ กายคตาสติภาวนา ตกฺกรสฺส ยถา เอกนฺตหิตาวหา, เอวํ เอตาทิสํ อนาถสฺส ปุคฺคลสฺส เอกนฺตหิตาวหํ อญฺญํ มิตฺตํ นาม นตฺถิ, สนาถสฺส อญฺญาปิ ภาวนา หิตาวหา เอวาติ อธิปฺปาโยฯ
Abbhatītasahāyassāti apagatasahāyassa, kalyāṇamittarahitassāti attho. Atītagatasatthunoti āyasmato atīto hutvā nibbānagatasatthukassa, satthari parinibbuteti attho. Yathā kāyagatā satīti kāyagatāsatibhāvanā takkarassa yathā ekantahitāvahā, evaṃ etādisaṃ anāthassa puggalassa ekantahitāvahaṃ aññaṃ mittaṃ nāma natthi, sanāthassa aññāpi bhāvanā hitāvahā evāti adhippāyo.
ปุราณาติ โปราณา, สาริปุตฺตาทิเก กลฺยาณมิเตฺต สนฺธาย วทติฯ นเวหีติ นวเกหิฯ น สเมติ เมติ มยฺหํ จิตฺตํ น สมาคจฺฉติ, น เต มม จิตฺตํ อาราเธนฺตีติ อโตฺถฯ สฺวชฺช เอโกว ฌายามีติ โสหํ อชฺช วุฑฺฒตเรหิ วิรหิโต เอโกว หุตฺวา ฌายามิ ฌานปสุโต โหมิฯ วสฺสุเปโตติ วสฺสกาเล กุลาวกํ อุเปโต ปกฺขี วิยฯ ‘‘วาสุเปโต’’ติปิ ปาฬิ, วาสํ อุปคโตติ อโตฺถฯ
Purāṇāti porāṇā, sāriputtādike kalyāṇamitte sandhāya vadati. Navehīti navakehi. Na sameti meti mayhaṃ cittaṃ na samāgacchati, na te mama cittaṃ ārādhentīti attho. Svajja ekova jhāyāmīti sohaṃ ajja vuḍḍhatarehi virahito ekova hutvā jhāyāmi jhānapasuto homi. Vassupetoti vassakāle kulāvakaṃ upeto pakkhī viya. ‘‘Vāsupeto’’tipi pāḷi, vāsaṃ upagatoti attho.
ทสฺสนาย อภิกฺกเนฺตติ คาถา สตฺถารา ภาสิตาฯ ตสฺสโตฺถ – มม ทสฺสนาย อภิกฺกเนฺต นานาวิธวิเทสปวาสิกพหุชเน, อานนฺท, มม อุปสงฺกมนํ มา วาเรสิฯ กสฺมา? เต โสตาโร ธมฺมสฺส, มมํ ปสฺสนฺตุ, อยเมว ทสฺสนาย สมโยติฯ
Dassanāyaabhikkanteti gāthā satthārā bhāsitā. Tassattho – mama dassanāya abhikkante nānāvidhavidesapavāsikabahujane, ānanda, mama upasaṅkamanaṃ mā vāresi. Kasmā? Te sotāro dhammassa, mamaṃ passantu, ayameva dassanāya samayoti.
ตํ สุตฺวา เถโร ‘‘ทสฺสนาย อภิกฺกเนฺต’’ติ อปรํ คาถมาหฯ อิมาย หิ คาถาย สมฺพนฺธตฺถํ ปุริมคาถา อิธ นิกฺขิตฺตาฯ เตเนว สจาหํ เทสนฺตรโต อาคตาคเต ตาวเทว ทเสฺสตุํ ลจฺฉามีติ เอตสฺส ปทสฺส อตฺถสิทฺธิํ ทเสฺสติฯ
Taṃ sutvā thero ‘‘dassanāya abhikkante’’ti aparaṃ gāthamāha. Imāya hi gāthāya sambandhatthaṃ purimagāthā idha nikkhittā. Teneva sacāhaṃ desantarato āgatāgate tāvadeva dassetuṃ lacchāmīti etassa padassa atthasiddhiṃ dasseti.
ปณฺณวีสติ วสฺสานีติ ปญฺจ คาถา อตฺตโน อคฺคุปฎฺฐากภาวํ ทีเปตุํ วุตฺตาฯ อารทฺธกมฺมฎฺฐานภาเวน หิ สตฺถุ อุปฎฺฐานปสุตภาเวน จ เถรสฺส มเคฺคน อสมุจฺฉินฺนาปิ กามสญฺญาทโย น อุปฺปชฺชิํสุ, กายวจีมโนกมฺมานิ จ สพฺพกาลํ สตฺถริ เมตฺตาปุพฺพงฺคมานิ เมตฺตานุปริวตฺตานิ อเหสุํฯ ตตฺถ ปณฺณวีสติ วสฺสานีติ ปญฺจวีสติ สํวจฺฉรานิฯ เสขภูตสฺส เม สโตติ เสขภูมิยํ โสตาปตฺติผเล ฐิตสฺส เม สโตฯ กามสญฺญาติ กามสหคตา สญฺญา น อุปฺปชฺชิ, เอตฺถ จ กามสญฺญาทิอนุปฺปตฺติวจเนน อตฺตโน อาสยสุทฺธิํ ทเสฺสติ, ‘‘เมเตฺตน กายกเมฺมนา’’ติอาทินา ปโยคสุทฺธิํฯ ตตฺถ คนฺธกุฎิยํ ปริภณฺฑกรณาทินา สตฺถุ วตฺตปฎิวตฺตกรเณน จ เมตฺตํ กายกมฺมํ เวทิตพฺพํ, ธมฺมเทสนากาลาโรจนาทินา เมตฺตํ วจีกมฺมํ, รโหคตสฺส สตฺถารํ อุทฺทิสฺส หิตูปสํหารมนสิกาเรน เมตฺตํ มโนกมฺมํฯ ญาณํ เม อุทปชฺชถาติ อตฺตโน เสกฺขภูมิปตฺติมาหฯ
Paṇṇavīsati vassānīti pañca gāthā attano aggupaṭṭhākabhāvaṃ dīpetuṃ vuttā. Āraddhakammaṭṭhānabhāvena hi satthu upaṭṭhānapasutabhāvena ca therassa maggena asamucchinnāpi kāmasaññādayo na uppajjiṃsu, kāyavacīmanokammāni ca sabbakālaṃ satthari mettāpubbaṅgamāni mettānuparivattāni ahesuṃ. Tattha paṇṇavīsati vassānīti pañcavīsati saṃvaccharāni. Sekhabhūtassa me satoti sekhabhūmiyaṃ sotāpattiphale ṭhitassa me sato. Kāmasaññāti kāmasahagatā saññā na uppajji, ettha ca kāmasaññādianuppattivacanena attano āsayasuddhiṃ dasseti, ‘‘mettena kāyakammenā’’tiādinā payogasuddhiṃ. Tattha gandhakuṭiyaṃ paribhaṇḍakaraṇādinā satthu vattapaṭivattakaraṇena ca mettaṃ kāyakammaṃ veditabbaṃ, dhammadesanākālārocanādinā mettaṃ vacīkammaṃ, rahogatassa satthāraṃ uddissa hitūpasaṃhāramanasikārena mettaṃ manokammaṃ. Ñāṇaṃ me udapajjathāti attano sekkhabhūmipattimāha.
อหํ สกรณีโยมฺหีติ สตฺถุ ปรินิพฺพาเน อุปฎฺฐิเต มณฺฑลมาฬํ ปวิสิตฺวา กปิสีสํ อาลมฺพิตฺวา โสกาภิภูเตน วุตฺตคาถา ฯ ตตฺถ สกรณีโยมฺหีติ ทุกฺขปริชานนาทินา กรณีเยน สกรณีโย อมฺหิฯ อปฺปตฺตมานโสติ อนธิคตารหโตฺตฯ สตฺถุ จ ปรินิพฺพานนฺติ มยฺหํ สตฺถุ ปรินิพฺพานญฺจ อุปฎฺฐิตํฯ โย อมฺหํ อนุกมฺปโกติ โย สตฺถา มยฺหํ อนุคฺคาหโกฯ
Ahaṃ sakaraṇīyomhīti satthu parinibbāne upaṭṭhite maṇḍalamāḷaṃ pavisitvā kapisīsaṃ ālambitvā sokābhibhūtena vuttagāthā . Tattha sakaraṇīyomhīti dukkhaparijānanādinā karaṇīyena sakaraṇīyo amhi. Appattamānasoti anadhigatārahatto. Satthu ca parinibbānanti mayhaṃ satthu parinibbānañca upaṭṭhitaṃ. Yo amhaṃ anukampakoti yo satthā mayhaṃ anuggāhako.
ตทาสิ ยํ ภิํสนกนฺติ คาถา สตฺถุ ปรินิพฺพานกาเล ปถวีกมฺปนเทวทุนฺทุภิผลนาทิเก ทิสฺวา สญฺชาตสํเวเคน วุตฺตคาถาฯ
Tadāsi yaṃ bhiṃsanakanti gāthā satthu parinibbānakāle pathavīkampanadevadundubhiphalanādike disvā sañjātasaṃvegena vuttagāthā.
พหุสฺสุโตติอาทิกา ติโสฺส คาถา เถรํ ปสํสเนฺตหิ สงฺคีติกาเรหิ ฐปิตาฯ ตตฺถ คติมโนฺตติ อสทิสาย ญาณคติยา สมนฺนาคโตฯ สติมโนฺตติ ปรเมน สติเนปเกฺกน สมนฺนาคโตฯ ธิติมโนฺตติ อสาธารณาย พฺยญฺชนตฺถาวธารณสมตฺถาย ธิติสมฺปตฺติยา สมนฺนาคโตฯ อยญฺหิ เถโร เอกปเทเยว ฐตฺวา สฎฺฐิปทสหสฺสานิ สตฺถารา กถิตนิยาเมเนว คณฺหาติ, คหิตญฺจ สุวณฺณภาชเน ปกฺขิตฺตสีหวสา วิย สพฺพกาลํ น วินสฺสติ, อวิปรีตพฺยญฺชนาวธารณสมตฺถาย สติปุพฺพงฺคมาย ปญฺญาย, อตฺถาวธารณสมตฺถาย ปญฺญาปุพฺพงฺคมาย สติยา จ สมนฺนาคโตฯ เตนาห ภควา – ‘‘เอตทคฺคํ , ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ พหุสฺสุตาน’’นฺติอาทิ (อ. นิ. ๑.๒๑๙)ฯ ตถา จาห ธมฺมเสนาปติ – ‘‘อายสฺมา อานโนฺท อตฺถกุสโล’’ติอาทิ (อ. นิ. ๕.๑๖๙)ฯ รตนากโรติ สทฺธมฺมรตนสฺส อากรภูโตฯ
Bahussutotiādikā tisso gāthā theraṃ pasaṃsantehi saṅgītikārehi ṭhapitā. Tattha gatimantoti asadisāya ñāṇagatiyā samannāgato. Satimantoti paramena satinepakkena samannāgato. Dhitimantoti asādhāraṇāya byañjanatthāvadhāraṇasamatthāya dhitisampattiyā samannāgato. Ayañhi thero ekapadeyeva ṭhatvā saṭṭhipadasahassāni satthārā kathitaniyāmeneva gaṇhāti, gahitañca suvaṇṇabhājane pakkhittasīhavasā viya sabbakālaṃ na vinassati, aviparītabyañjanāvadhāraṇasamatthāya satipubbaṅgamāya paññāya, atthāvadhāraṇasamatthāya paññāpubbaṅgamāya satiyā ca samannāgato. Tenāha bhagavā – ‘‘etadaggaṃ , bhikkhave, mama sāvakānaṃ bhikkhūnaṃ bahussutāna’’ntiādi (a. ni. 1.219). Tathā cāha dhammasenāpati – ‘‘āyasmā ānando atthakusalo’’tiādi (a. ni. 5.169). Ratanākaroti saddhammaratanassa ākarabhūto.
ปริจิโณฺณติ คาถา ปรินิพฺพานกาเล เถเรน ภาสิตา, สา วุตฺตตฺถา เอวฯ
Pariciṇṇoti gāthā parinibbānakāle therena bhāsitā, sā vuttatthā eva.
อานนฺทเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Ānandattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
ติํสนิปาตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Tiṃsanipātavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๓. อานนฺทเตฺถรคาถา • 3. Ānandattheragāthā