Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๓๒๘] ๘. อนนุโสจิยชาตกวณฺณนา

    [328] 8. Ananusociyajātakavaṇṇanā

    พหูนํ วิชฺชตี โภตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต เอกํ มตภริยํ กุฎุมฺพิกํ อารพฺภ กเถสิฯ โส กิร ภริยาย มตาย น นฺหายิ น ปิวิ น ลิมฺปิ น ภุญฺชิ, น กมฺมเนฺต ปโยเชสิ, อญฺญทตฺถุ โสกาภิภูโต อาฬาหนํ คนฺตฺวา ปริเทวมาโน วิจริฯ อพฺภนฺตเร ปนสฺส กุเฎ ปทีโป วิย โสตาปตฺติมคฺคสฺส อุปนิสฺสโย ชลติฯ สตฺถา ปจฺจูสสมเย โลกํ โอโลเกโนฺต ตํ ทิสฺวา ‘‘อิมสฺส มํ ฐเปตฺวา อโญฺญ โกจิ โสกํ นีหริตฺวา โสตาปตฺติมคฺคสฺส ทายโก นตฺถิ, ภวิสฺสามิสฺส อวสฺสโย’’ติ ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฎิกฺกโนฺต ปจฺฉาสมณํ อาทาย ตสฺส เคหทฺวารํ คนฺตฺวา กุฎุมฺพิเกน สุตาคมโน กตปจฺจุคฺคมนาทิสกฺกาโร ปญฺญตฺตาสเน นิสิโนฺน กุฎุมฺพิกํ อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺนํ ‘‘กิํ, อุปาสก, จิเนฺตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, ภเนฺต, ภริยา เม กาลกตา, ตมหํ อนุโสจโนฺต จิเนฺตมี’’ติ วุเตฺต ‘‘อุปาสก, ภิชฺชนธมฺมํ นาม ภิชฺชติ, ตสฺมิํ ภิเนฺน น ยุตฺตํ จิเนฺตตุํ, โปราณกปณฺฑิตาปิ ภริยาย มตาย ‘ภิชฺชนธมฺมํ ภิชฺชตี’ติ น จินฺตยิํสู’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ อตีตวตฺถุ ทสกนิปาเต จูฬโพธิชาตเก (ชา. ๑.๑๐.๔๙ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ, อยํ ปเนตฺถ สเงฺขโปฯ

    Bahūnaṃ vijjatī bhotīti idaṃ satthā jetavane viharanto ekaṃ matabhariyaṃ kuṭumbikaṃ ārabbha kathesi. So kira bhariyāya matāya na nhāyi na pivi na limpi na bhuñji, na kammante payojesi, aññadatthu sokābhibhūto āḷāhanaṃ gantvā paridevamāno vicari. Abbhantare panassa kuṭe padīpo viya sotāpattimaggassa upanissayo jalati. Satthā paccūsasamaye lokaṃ olokento taṃ disvā ‘‘imassa maṃ ṭhapetvā añño koci sokaṃ nīharitvā sotāpattimaggassa dāyako natthi, bhavissāmissa avassayo’’ti pacchābhattaṃ piṇḍapātapaṭikkanto pacchāsamaṇaṃ ādāya tassa gehadvāraṃ gantvā kuṭumbikena sutāgamano katapaccuggamanādisakkāro paññattāsane nisinno kuṭumbikaṃ āgantvā vanditvā ekamantaṃ nisinnaṃ ‘‘kiṃ, upāsaka, cintesī’’ti pucchitvā ‘‘āma, bhante, bhariyā me kālakatā, tamahaṃ anusocanto cintemī’’ti vutte ‘‘upāsaka, bhijjanadhammaṃ nāma bhijjati, tasmiṃ bhinne na yuttaṃ cintetuṃ, porāṇakapaṇḍitāpi bhariyāya matāya ‘bhijjanadhammaṃ bhijjatī’ti na cintayiṃsū’’ti vatvā tena yācito atītaṃ āhari. Atītavatthu dasakanipāte cūḷabodhijātake (jā. 1.10.49 ādayo) āvi bhavissati, ayaṃ panettha saṅkhepo.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา มาตาปิตูนํ สนฺติกํ อคมาสิฯ อิมสฺมิํ ชาตเก โพธิสโตฺต โกมารพฺรหฺมจารี อโหสิฯ อถสฺส มาตาปิตโร ‘‘ตว ทาริกปริเยสนํ กโรมา’’ติ อาโรจยิํสุฯ โพธิสโตฺต ‘‘น มยฺหํ ฆราวาเสนโตฺถ, อหํ ตุมฺหากํ อจฺจเยน ปพฺพชิสฺสามี’’ติ วตฺวา เตหิ ปุนปฺปุนํ ยาจิโต เอกํ กญฺจนรูปกํ กาเรตฺวา ‘‘เอวรูปํ กุมาริกํ ลภมาโน คณฺหิสฺสามี’’ติ อาหฯ ตสฺส มาตาปิตโร ตํ กญฺจนรูปกํ ปฎิจฺฉนฺนยาเน อาโรเปตฺวา ‘‘คจฺฉถ ชมฺพุทีปตลํ วิจรนฺตา ยตฺถ เอวรูปํ พฺราหฺมณกุมาริกํ ปสฺสถ, ตตฺถ อิมํ กญฺจนรูปกํ ทตฺวา ตํ อาเนถา’’ติ มหเนฺตน ปริวาเรน มนุเสฺส เปเสสุํฯ

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto brāhmaṇakule nibbattitvā vayappatto takkasilāyaṃ sabbasippāni uggaṇhitvā mātāpitūnaṃ santikaṃ agamāsi. Imasmiṃ jātake bodhisatto komārabrahmacārī ahosi. Athassa mātāpitaro ‘‘tava dārikapariyesanaṃ karomā’’ti ārocayiṃsu. Bodhisatto ‘‘na mayhaṃ gharāvāsenattho, ahaṃ tumhākaṃ accayena pabbajissāmī’’ti vatvā tehi punappunaṃ yācito ekaṃ kañcanarūpakaṃ kāretvā ‘‘evarūpaṃ kumārikaṃ labhamāno gaṇhissāmī’’ti āha. Tassa mātāpitaro taṃ kañcanarūpakaṃ paṭicchannayāne āropetvā ‘‘gacchatha jambudīpatalaṃ vicarantā yattha evarūpaṃ brāhmaṇakumārikaṃ passatha, tattha imaṃ kañcanarūpakaṃ datvā taṃ ānethā’’ti mahantena parivārena manusse pesesuṃ.

    ตสฺมิํ ปน กาเล เอโก ปุญฺญวา สโตฺต พฺรหฺมโลกโต จวิตฺวา กาสิรเฎฺฐเยว นิคมคาเม อสีติโกฎิวิภวสฺส พฺราหฺมณสฺส เคเห กุมาริกา หุตฺวา นิพฺพตฺติ, ‘‘สมฺมิลฺลหาสินี’’ติสฺสา นามํ อกํสุฯ สา โสฬสวสฺสกาเล อภิรูปา อโหสิ ปาสาทิกา เทวจฺฉรปฺปฎิภาคา สพฺพงฺคสมฺปนฺนาฯ ตสฺสาปิ กิเลสวเสน จิตฺตํ นาม น อุปฺปนฺนปุพฺพํ, อจฺจนฺตพฺรหฺมจารินี อโหสิฯ กญฺจนรูปกํ อาทาย วิจรนฺตา มนุสฺสา ตํ คามํ ปาปุณิํสุฯ ตตฺถ มนุสฺสา ตํ ทิสฺวา ‘‘อสุกพฺราหฺมณสฺส ธีตา สมฺมิลฺลหาสินี กิํการณา อิธ ฐิตา’’ติ อาหํสุฯ มนุสฺสา ตํ สุตฺวา พฺราหฺมณกุลํ คนฺตฺวา สมฺมิลฺลหาสินิํ วาเรสุํฯ สา ‘‘อหํ ตุมฺหากํ อจฺจเยน ปพฺพชิสฺสามิ, น เม ฆราวาเสนโตฺถ’’ติ มาตาปิตูนํ สาสนํ เปเสสิฯ เต ‘‘กิํ กโรสิ กุมาริเก’’ติ วตฺวา กญฺจนรูปกํ คเหตฺวา ตํ มหเนฺตน ปริวาเรน เปสยิํสุฯ โพธิสตฺตสฺส จ สมฺมิลฺลหาสินิยา จ อุภินฺนมฺปิ อนิจฺฉนฺตานเญฺญว มงฺคลํ กริํสุฯ เต เอกคเพฺภ วสมานา เอกสฺมิํ สยเน สยนฺตาปิ น อญฺญมญฺญํ กิเลสวเสน โอโลกยิํสุ, เทฺว ภิกฺขู เทฺว พฺราหฺมาโน วิย จ เอกสฺมิํ ฐาเน วสิํสุฯ

    Tasmiṃ pana kāle eko puññavā satto brahmalokato cavitvā kāsiraṭṭheyeva nigamagāme asītikoṭivibhavassa brāhmaṇassa gehe kumārikā hutvā nibbatti, ‘‘sammillahāsinī’’tissā nāmaṃ akaṃsu. Sā soḷasavassakāle abhirūpā ahosi pāsādikā devaccharappaṭibhāgā sabbaṅgasampannā. Tassāpi kilesavasena cittaṃ nāma na uppannapubbaṃ, accantabrahmacārinī ahosi. Kañcanarūpakaṃ ādāya vicarantā manussā taṃ gāmaṃ pāpuṇiṃsu. Tattha manussā taṃ disvā ‘‘asukabrāhmaṇassa dhītā sammillahāsinī kiṃkāraṇā idha ṭhitā’’ti āhaṃsu. Manussā taṃ sutvā brāhmaṇakulaṃ gantvā sammillahāsiniṃ vāresuṃ. Sā ‘‘ahaṃ tumhākaṃ accayena pabbajissāmi, na me gharāvāsenattho’’ti mātāpitūnaṃ sāsanaṃ pesesi. Te ‘‘kiṃ karosi kumārike’’ti vatvā kañcanarūpakaṃ gahetvā taṃ mahantena parivārena pesayiṃsu. Bodhisattassa ca sammillahāsiniyā ca ubhinnampi anicchantānaññeva maṅgalaṃ kariṃsu. Te ekagabbhe vasamānā ekasmiṃ sayane sayantāpi na aññamaññaṃ kilesavasena olokayiṃsu, dve bhikkhū dve brāhmāno viya ca ekasmiṃ ṭhāne vasiṃsu.

    อปรภาเค โพธิสตฺตสฺส มาตาปิตโร กาลมกํสุฯ โส เตสํ สรีรกิจฺจํ กตฺวา สมฺมิลฺลหาสินิํ ปโกฺกสาเปตฺวา ‘‘ภเทฺท, มม กุลสนฺตกา อสีติโกฎิโย, ตว กุลสนฺตกา อสีติโกฎิโยติ อิมํ เอตฺตกํ ธนํ คเหตฺวา อิมํ กุฎุมฺพํ ปฎิปชฺชาหิ, อหํ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อาหฯ ‘‘อยฺยปุตฺต, ตยิ ปพฺพชเนฺต อหมฺปิ ปพฺพชิสฺสามิ, น สโกฺกมิ ตํ ชหิตุ’’นฺติ ฯ ‘‘เตน หิ เอหี’’ติ สพฺพํ ธนํ ทานมุเข วิสฺสเชฺชตฺวา เขฬปิณฺฑํ วิย สมฺปตฺติํ ปหาย หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อุโภปิ ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา วนมูลผลาหารา ตตฺถ จิรํ วสิตฺวา โลณมฺพิลเสวนตฺถาย หิมวนฺตา โอตริตฺวา อนุปุเพฺพน พาราณสิํ ปตฺวา ราชุยฺยาเน วสิํสุฯ

    Aparabhāge bodhisattassa mātāpitaro kālamakaṃsu. So tesaṃ sarīrakiccaṃ katvā sammillahāsiniṃ pakkosāpetvā ‘‘bhadde, mama kulasantakā asītikoṭiyo, tava kulasantakā asītikoṭiyoti imaṃ ettakaṃ dhanaṃ gahetvā imaṃ kuṭumbaṃ paṭipajjāhi, ahaṃ pabbajissāmī’’ti āha. ‘‘Ayyaputta, tayi pabbajante ahampi pabbajissāmi, na sakkomi taṃ jahitu’’nti . ‘‘Tena hi ehī’’ti sabbaṃ dhanaṃ dānamukhe vissajjetvā kheḷapiṇḍaṃ viya sampattiṃ pahāya himavantaṃ pavisitvā ubhopi tāpasapabbajjaṃ pabbajitvā vanamūlaphalāhārā tattha ciraṃ vasitvā loṇambilasevanatthāya himavantā otaritvā anupubbena bārāṇasiṃ patvā rājuyyāne vasiṃsu.

    เตสํ ตตฺถ วสนฺตานํ สุขุมาลาย ปริพฺพาชิกาย นิโรชํ มิสฺสกภตฺตํ ปริภุญฺชนฺติยา โลหิตปกฺขนฺทิกาพาโธ อุปฺปชฺชิฯ สา สปฺปายเภสชฺชํ อลภมานา ทุพฺพลา อโหสิฯ โพธิสโตฺต ภิกฺขาจารเวลาย ตํ ปริคฺคเหตฺวา นครทฺวารํ เนตฺวา เอกิสฺสา สาลาย ผลเก นิปชฺชาเปตฺวา สยํ ภิกฺขาย ปาวิสิฯ สา ตสฺมิํ อนิกฺขเนฺตเยว กาลมกาสิฯ มหาชโน ปริพฺพาชิกาย รูปสมฺปตฺติํ ทิสฺวา ปริวาเรตฺวา โรทติ ปริเทวติฯ โพธิสโตฺต ภิกฺขํ จริตฺวา อาคโต ตสฺสา มตภาวํ ญตฺวา ‘‘ภิชฺชนธมฺมํ ภิชฺชติ, สเพฺพ สงฺขารา อนิจฺจา เอวํคติกาเยวา’’ติ วตฺวา ตาย นิปนฺนผลเกเยว นิสีทิตฺวา มิสฺสกโภชนํ ภุญฺชิตฺวา มุขํ วิกฺขาเลสิฯ ปริวาเรตฺวา ฐิตมหาชโน ‘‘อยํ เต, ภเนฺต, ปริพฺพาชิกา กิํ โหตี’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘คิหิกาเล เม ปาทปริจาริกา อโหสี’’ติฯ ‘‘ภเนฺต, มยํ ตาว น สณฺฐาม โรทาม ปริเทวาม, ตุเมฺห กสฺมา น โรทถา’’ติ? โพธิสโตฺต ‘‘ชีวมานา ตาว เอสา มม กิญฺจิ โหติ, อิทานิ ปรโลกสมงฺคิตาย น กิญฺจิ โหติ, มรณวสํ คตา, อหํ กิสฺส โรทามี’’ติ มหาชนสฺส ธมฺมํ เทเสโนฺต อิมา คาถา อภาสิ –

    Tesaṃ tattha vasantānaṃ sukhumālāya paribbājikāya nirojaṃ missakabhattaṃ paribhuñjantiyā lohitapakkhandikābādho uppajji. Sā sappāyabhesajjaṃ alabhamānā dubbalā ahosi. Bodhisatto bhikkhācāravelāya taṃ pariggahetvā nagaradvāraṃ netvā ekissā sālāya phalake nipajjāpetvā sayaṃ bhikkhāya pāvisi. Sā tasmiṃ anikkhanteyeva kālamakāsi. Mahājano paribbājikāya rūpasampattiṃ disvā parivāretvā rodati paridevati. Bodhisatto bhikkhaṃ caritvā āgato tassā matabhāvaṃ ñatvā ‘‘bhijjanadhammaṃ bhijjati, sabbe saṅkhārā aniccā evaṃgatikāyevā’’ti vatvā tāya nipannaphalakeyeva nisīditvā missakabhojanaṃ bhuñjitvā mukhaṃ vikkhālesi. Parivāretvā ṭhitamahājano ‘‘ayaṃ te, bhante, paribbājikā kiṃ hotī’’ti pucchi. ‘‘Gihikāle me pādaparicārikā ahosī’’ti. ‘‘Bhante, mayaṃ tāva na saṇṭhāma rodāma paridevāma, tumhe kasmā na rodathā’’ti? Bodhisatto ‘‘jīvamānā tāva esā mama kiñci hoti, idāni paralokasamaṅgitāya na kiñci hoti, maraṇavasaṃ gatā, ahaṃ kissa rodāmī’’ti mahājanassa dhammaṃ desento imā gāthā abhāsi –

    ๑๐๙.

    109.

    ‘‘พหูนํ วิชฺชตี โภตี, เตหิ เม กิํ ภวิสฺสติ;

    ‘‘Bahūnaṃ vijjatī bhotī, tehi me kiṃ bhavissati;

    ตสฺมา เอตํ น โสจามิ, ปิยํ สมฺมิลฺลหาสินิํฯ

    Tasmā etaṃ na socāmi, piyaṃ sammillahāsiniṃ.

    ๑๑๐.

    110.

    ‘‘ตํ ตํ เจ อนุโสเจยฺย, ยํ ยํ ตสฺส น วิชฺชติ;

    ‘‘Taṃ taṃ ce anusoceyya, yaṃ yaṃ tassa na vijjati;

    อตฺตานมนุโสเจยฺย, สทา มจฺจุวสํ ปตํฯ

    Attānamanusoceyya, sadā maccuvasaṃ pataṃ.

    ๑๑๑.

    111.

    ‘‘น เหว ฐิตํ นาสีนํ, น สยานํ น ปทฺธคุํ;

    ‘‘Na heva ṭhitaṃ nāsīnaṃ, na sayānaṃ na paddhaguṃ;

    ยาว พฺยาติ นิมิสติ, ตตฺราปิ รสตี วโยฯ

    Yāva byāti nimisati, tatrāpi rasatī vayo.

    ๑๑๒.

    112.

    ‘‘ตตฺถตฺตนิ วตปฺปเทฺธ, วินาภาเว อสํสเย;

    ‘‘Tatthattani vatappaddhe, vinābhāve asaṃsaye;

    ภูตํ เสสํ ทยิตพฺพํ, วีตํ อนนุโสจิย’’นฺติฯ

    Bhūtaṃ sesaṃ dayitabbaṃ, vītaṃ ananusociya’’nti.

    ตตฺถ พหูนํ วิชฺชตี โภตีติ อยํ โภตี อเมฺห ฉเฑฺฑตฺวา อิทานิ อเญฺญสํ พหูนํ มตกสตฺตานํ อนฺตเร วิชฺชติ อตฺถิ อุปลพฺภติฯ เตหิ เม กิํ ภวิสฺสตีติ เตหิ มตกสเตฺตหิ สทฺธิํ วตฺตมานา อิทาเนเวสา มยฺหํ กิํ ภวิสฺสติ , เตหิ วา มตกสเตฺตหิ อติเรกสมฺพนฺธวเสเนสา มยฺหํ กิํ ภวิสฺสติ, กา นาม ภวิสฺสติ, กิํ ภริยา, อุทาหุ ภคินีติ? ‘‘เตหิ เมก’’นฺติปิ ปาโฐ, เตหิ มตเกหิ สทฺธิํ อิทมฺปิ เม กเฬวรํ เอกํ ภวิสฺสตีติ อโตฺถฯ ตสฺมาติ ยสฺมา เอสา มตเกสุ สงฺขํ คตา, มยฺหํ สา น กิญฺจิ โหติ, ตสฺมา เอตํ น โสจามิฯ

    Tattha bahūnaṃ vijjatī bhotīti ayaṃ bhotī amhe chaḍḍetvā idāni aññesaṃ bahūnaṃ matakasattānaṃ antare vijjati atthi upalabbhati. Tehi me kiṃ bhavissatīti tehi matakasattehi saddhiṃ vattamānā idānevesā mayhaṃ kiṃ bhavissati , tehi vā matakasattehi atirekasambandhavasenesā mayhaṃ kiṃ bhavissati, kā nāma bhavissati, kiṃ bhariyā, udāhu bhaginīti? ‘‘Tehi meka’’ntipi pāṭho, tehi matakehi saddhiṃ idampi me kaḷevaraṃ ekaṃ bhavissatīti attho. Tasmāti yasmā esā matakesu saṅkhaṃ gatā, mayhaṃ sā na kiñci hoti, tasmā etaṃ na socāmi.

    ยํ ยํ ตสฺสาติ ยํ ยํ ตสฺส อนุโสจนกสฺส สตฺตสฺส น วิชฺชติ นตฺถิ, มตํ นิรุทฺธํ, ตํ ตํ สเจ อนุโสเจยฺยาติ อโตฺถฯ ‘‘ยสฺสา’’ติปิ ปาโฐ, ยํ ยํ ยสฺส น วิชฺชติ, ตํ ตํ โส อนุโสเจยฺยาติ อโตฺถฯ มจฺจุวสํ ปตนฺติ เอวํ สเนฺต นิจฺจํ มจฺจุวสํ ปตนฺตํ คจฺฉนฺตํ อตฺตานเมว อนุโสเจยฺย, เตนสฺส อโสจนกาโลเยว น ภเวยฺยาติ อโตฺถฯ

    Yaṃ yaṃ tassāti yaṃ yaṃ tassa anusocanakassa sattassa na vijjati natthi, mataṃ niruddhaṃ, taṃ taṃ sace anusoceyyāti attho. ‘‘Yassā’’tipi pāṭho, yaṃ yaṃ yassa na vijjati, taṃ taṃ so anusoceyyāti attho. Maccuvasaṃ patanti evaṃ sante niccaṃ maccuvasaṃ patantaṃ gacchantaṃ attānameva anusoceyya, tenassa asocanakāloyeva na bhaveyyāti attho.

    ตติยคาถาย น เหว ฐิตํ นาสีนํ, น สยานํ น ปทฺธคุนฺติ กญฺจิ สตฺตํ อายุสงฺขาโร อนุคจฺฉตีติ ปาฐเสโสฯ ตตฺถ ปทฺธคุนฺติ ปริวเตฺตตฺวา จรมานํฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – อิเม สตฺตา จตูสุปิ อิริยาปเถสุ ปมตฺตา วิหรนฺติ, อายุสงฺขารา ปน รตฺติญฺจ ทิวา จ สพฺพิริยาปเถสุ อปฺปมตฺตา อตฺตโน ขยคมนกมฺมเมว กโรนฺตีติฯ ยาว พฺยาตีติ ยาว อุมฺมิสติฯ อยญฺหิ ตสฺมิํ กาเล โวหาโรฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยาว อุมฺมิสติ จ นิมิสติ จ, ตตฺราปิ เอวํ อปฺปมตฺตเก กาเล อิเมสํ สตฺตานํ รสตี วโย, ตีสุ วเยสุ โส โส วโย หายเตว น วฑฺฒตีติฯ

    Tatiyagāthāya na heva ṭhitaṃ nāsīnaṃ, na sayānaṃ na paddhagunti kañci sattaṃ āyusaṅkhāro anugacchatīti pāṭhaseso. Tattha paddhagunti parivattetvā caramānaṃ. Idaṃ vuttaṃ hoti – ime sattā catūsupi iriyāpathesu pamattā viharanti, āyusaṅkhārā pana rattiñca divā ca sabbiriyāpathesu appamattā attano khayagamanakammameva karontīti. Yāva byātīti yāva ummisati. Ayañhi tasmiṃ kāle vohāro. Idaṃ vuttaṃ hoti – yāva ummisati ca nimisati ca, tatrāpi evaṃ appamattake kāle imesaṃ sattānaṃ rasatī vayo, tīsu vayesu so so vayo hāyateva na vaḍḍhatīti.

    ตตฺถตฺตนิ วตปฺปเทฺธติ ตตฺถ วต อตฺตนิ ปเทฺธฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ ตสฺมิํ วต เอวํ รสมาเน วเย อยํ ‘‘อตฺตา’’ติ สงฺขฺยํ คโต อตฺตภาโว ปโทฺธ โหติ, วเยน อโฑฺฒ อุปโฑฺฒ อปริปุโณฺณว โหติ ฯ เอวํ ตตฺถ อิมสฺมิํ อตฺตนิ ปเทฺธ โย เจส ตตฺถ ตตฺถ นิพฺพตฺตานํ สตฺตานํ วินาภาโว อสํสโย, ตสฺมิํ วินาภาเวปิ อสํสเย นิสฺสํสเย ยํ ภูตํ เสสํ อมตํ ชีวมานํ, ตํ ชีวมานเมว ทยิตพฺพํ ปิยายิตพฺพํ เมตฺตายิตพฺพํ, ‘‘อยํ สโตฺต อโรโค โหตุ อพฺยาปโชฺช’’ติ เอวํ ตสฺมิํ เมตฺตาภาวนา กาตพฺพาฯ ยํ ปเนตํ วีตํ วิคตํ มตํ, ตํ อนนุโสจิยํ น อนุโสจิตพฺพนฺติฯ

    Tatthattani vatappaddheti tattha vata attani paddhe. Idaṃ vuttaṃ hoti tasmiṃ vata evaṃ rasamāne vaye ayaṃ ‘‘attā’’ti saṅkhyaṃ gato attabhāvo paddho hoti, vayena aḍḍho upaḍḍho aparipuṇṇova hoti . Evaṃ tattha imasmiṃ attani paddhe yo cesa tattha tattha nibbattānaṃ sattānaṃ vinābhāvo asaṃsayo, tasmiṃ vinābhāvepi asaṃsaye nissaṃsaye yaṃ bhūtaṃ sesaṃ amataṃ jīvamānaṃ, taṃ jīvamānameva dayitabbaṃ piyāyitabbaṃ mettāyitabbaṃ, ‘‘ayaṃ satto arogo hotu abyāpajjo’’ti evaṃ tasmiṃ mettābhāvanā kātabbā. Yaṃ panetaṃ vītaṃ vigataṃ mataṃ, taṃ ananusociyaṃ na anusocitabbanti.

    เอวํ มหาสโตฺต จตูหิ คาถาหิ อนิจฺจาการํ ทีเปโนฺต ธมฺมํ เทเสสิฯ มหาชโน ปริพฺพาชิกาย สรีรกิจฺจํ อกาสิฯ โพธิสโตฺต หิมวนฺตเมว ปวิสิตฺวา ฌานาภิญฺญาสมาปตฺติโย นิพฺพเตฺตตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิฯ

    Evaṃ mahāsatto catūhi gāthāhi aniccākāraṃ dīpento dhammaṃ desesi. Mahājano paribbājikāya sarīrakiccaṃ akāsi. Bodhisatto himavantameva pavisitvā jhānābhiññāsamāpattiyo nibbattetvā brahmalokaparāyaṇo ahosi.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน กุฎุมฺพิโก โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิฯ ตทา สมฺมิลฺลหาสินี ราหุลมาตา อโหสิ, ตาปโส ปน อหเมว อโหสินฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā saccāni pakāsetvā jātakaṃ samodhānesi, saccapariyosāne kuṭumbiko sotāpattiphale patiṭṭhahi. Tadā sammillahāsinī rāhulamātā ahosi, tāpaso pana ahameva ahosinti.

    อนนุโสจิยชาตกวณฺณนา อฎฺฐมาฯ

    Ananusociyajātakavaṇṇanā aṭṭhamā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๓๒๘. อนนุโสจิยชาตกํ • 328. Ananusociyajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact