Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā

    อานาปานสฺสติสมาธิกถาวณฺณนา

    Ānāpānassatisamādhikathāvaṇṇanā

    ๑๖๕. อยมฺปิ โข, ภิกฺขเวติ อิมินา กิํ ทเสฺสติ? เยสํ เอวมสฺส ‘‘ภควตา อาจิกฺขิตกมฺมฎฺฐานานุโยคปจฺจยา เตสํ ภิกฺขูนํ ชีวิตกฺขโย อาสี’’ติ, เตสํ ตํ มิจฺฉาคาหํ นิเสเธติฯ เกวลํ เตสํ ภิกฺขูนํ ปุเพฺพ กตกมฺมปจฺจยาว ชีวิตกฺขโย อาสิ, อิทํ ปน กมฺมฎฺฐานํ เตสํ เกสญฺจิ อรหตฺตปฺปตฺติยา, เกสญฺจิ อนาคามิสกทาคามิโสตาปตฺติผลปฺปตฺติยา , เกสญฺจิ ปฐมชฺฌานาธิคมาย, เกสญฺจิ วิกฺขมฺภนตทงฺคปฺปหาเนน อตฺตสิเนหปอยาทานาย อุปนิสฺสโย หุตฺวา, เกสญฺจิ สุคติยํ อุปฺปตฺติยา อุปนิสฺสโย อโหสีติ สาตฺถิกาว เม อสุภกถา, กินฺตุ ‘‘สาธุ, ภเนฺต ภควา, อญฺญํ ปริยายํ อาจิกฺขตู’’ติ อานเนฺทน ยาจิตตฺตา อญฺญํ ปริยายํ อาจิกฺขามิ, ยถา โว ปุเพฺพ อาจิกฺขิตอสุภกมฺมฎฺฐานานุโยคา, เอวํ อยมฺปิ โข ภิกฺขเวติ โยชนา เวทิตพฺพาฯ ‘‘อสฺสาสวเสน อุปฎฺฐานํ สตี’’ติ วุตฺตํฯ สา หิ ตํ อสฺสาสํ, ปสฺสาสํ วา อารมฺมณํ กตฺวา ปุพฺพภาเค, อปรภาเค ปน อสฺสาสปสฺสาสปภวนิมิตฺตํ อารมฺมณํ กตฺวา อุปฎฺฐาตีติ จ ตถา วุตฺตาฯ

    165.Ayampi kho, bhikkhaveti iminā kiṃ dasseti? Yesaṃ evamassa ‘‘bhagavatā ācikkhitakammaṭṭhānānuyogapaccayā tesaṃ bhikkhūnaṃ jīvitakkhayo āsī’’ti, tesaṃ taṃ micchāgāhaṃ nisedheti. Kevalaṃ tesaṃ bhikkhūnaṃ pubbe katakammapaccayāva jīvitakkhayo āsi, idaṃ pana kammaṭṭhānaṃ tesaṃ kesañci arahattappattiyā, kesañci anāgāmisakadāgāmisotāpattiphalappattiyā , kesañci paṭhamajjhānādhigamāya, kesañci vikkhambhanatadaṅgappahānena attasinehapaayādānāya upanissayo hutvā, kesañci sugatiyaṃ uppattiyā upanissayo ahosīti sātthikāva me asubhakathā, kintu ‘‘sādhu, bhante bhagavā, aññaṃ pariyāyaṃ ācikkhatū’’ti ānandena yācitattā aññaṃ pariyāyaṃ ācikkhāmi, yathā vo pubbe ācikkhitaasubhakammaṭṭhānānuyogā, evaṃ ayampi kho bhikkhaveti yojanā veditabbā. ‘‘Assāsavasena upaṭṭhānaṃ satī’’ti vuttaṃ. Sā hi taṃ assāsaṃ, passāsaṃ vā ārammaṇaṃ katvā pubbabhāge, aparabhāge pana assāsapassāsapabhavanimittaṃ ārammaṇaṃ katvā upaṭṭhātīti ca tathā vuttā.

    อสุเภ ปวตฺตํ อสุภนฺติ วา ปวตฺตํ ภาวนากมฺมํ อสุภกมฺมํ, ตเทว อญฺญสฺส ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชนกสฺส การณเฎฺฐน ฐานตฺตา อสุภกมฺมฎฺฐานํ, อารมฺมณํ วา อสุภกมฺมสฺส ปทฎฺฐานเฎฺฐน ฐานนฺติ อสุภกมฺมฎฺฐานนฺติ อิธ อสุภชฺฌานํ, เตเนว ‘‘โอฬาริการมฺมณตฺตา’’ติ วุตฺตํฯ ปฎิเวธวเสนาติ วิตกฺกาทิองฺคปฎิลาภวเสนฯ อารมฺมณสนฺตตายาติ อนุกฺกเมน สนฺตกาลํ อุปาทาย วุตฺตกายทรถปฺปฎิปสฺสทฺธิวเสน นิพฺพุโตฯ ปริกมฺมํ วาติ กสิณปริกมฺมํ กิร นิมิตฺตุปฺปาทปริโยสานํฯ ตทา หิ นิรสฺสาทตฺตา อสนฺตํ, อปฺปณิหิตญฺจฯ ยถา อุปจาเร นีวรณวิคเมน, องฺคปาตุภาเวน จ สนฺตตา โหติ, น ตถา อิธ, อิทํ ปน ‘‘อาทิสมนฺนาหารโต’’ติ วุตฺตํฯ ทุติยวิกเปฺป อเสจนโกติ อติตฺติกโร, เตน วุตฺตํ ‘‘โอชวโนฺต’’ติฯ เจตสิกสุขํ ฌานกฺขเณปิ อตฺถิ, เอวํ สเนฺตปิ ‘‘อุโภปิ ฌานา วุฎฺฐิตเสฺสว คเหตพฺพา’’ติ วุตฺตํฯ สมเถน สกสนฺตาเน อวิกฺขมฺภิเตฯ อิตรถา ปาปกานํ ฌาเนน สหุปฺปตฺติ สิยาฯ ขนฺธาทีนํ โลกุตฺตรปาทกตฺตา นิเพฺพธภาคิยํ, วิเสเสน ยสฺส นิเพฺพธภาคิยํ โหติ, ตํ สนฺธาย วาฯ ‘‘อนิจฺจานุปสฺสีติอาทิจตุกฺกวเสน อนุปุเพฺพน อริยมคฺควุฑฺฒิปฺปโตฺต สมุจฺฉินฺทติ, เสสานเมตํ นตฺถี’’ติ ลิขิตํฯ

    Asubhe pavattaṃ asubhanti vā pavattaṃ bhāvanākammaṃ asubhakammaṃ, tadeva aññassa punappunaṃ uppajjanakassa kāraṇaṭṭhena ṭhānattā asubhakammaṭṭhānaṃ, ārammaṇaṃ vā asubhakammassa padaṭṭhānaṭṭhena ṭhānanti asubhakammaṭṭhānanti idha asubhajjhānaṃ, teneva ‘‘oḷārikārammaṇattā’’ti vuttaṃ. Paṭivedhavasenāti vitakkādiaṅgapaṭilābhavasena. Ārammaṇasantatāyāti anukkamena santakālaṃ upādāya vuttakāyadarathappaṭipassaddhivasena nibbuto. Parikammaṃ vāti kasiṇaparikammaṃ kira nimittuppādapariyosānaṃ. Tadā hi nirassādattā asantaṃ, appaṇihitañca. Yathā upacāre nīvaraṇavigamena, aṅgapātubhāvena ca santatā hoti, na tathā idha, idaṃ pana ‘‘ādisamannāhārato’’ti vuttaṃ. Dutiyavikappe asecanakoti atittikaro, tena vuttaṃ ‘‘ojavanto’’ti. Cetasikasukhaṃ jhānakkhaṇepi atthi, evaṃ santepi ‘‘ubhopi jhānā vuṭṭhitasseva gahetabbā’’ti vuttaṃ. Samathena sakasantāne avikkhambhite. Itarathā pāpakānaṃ jhānena sahuppatti siyā. Khandhādīnaṃ lokuttarapādakattā nibbedhabhāgiyaṃ, visesena yassa nibbedhabhāgiyaṃ hoti, taṃ sandhāya vā. ‘‘Aniccānupassītiādicatukkavasena anupubbena ariyamaggavuḍḍhippatto samucchindati, sesānametaṃ natthī’’ti likhitaṃ.

    ตถาภาวปฎิเสธโน จาติ โสฬสวตฺถุกสฺส ติตฺถิยานํ นตฺถิตาย วุตฺตํฯ สพฺพปฐมานํ ปน จตุนฺนํ ปทานํ วเสน โลกิยชฺฌานเมว เตสํ อตฺถิ, ตสฺมิํ โลกุตฺตรปทฎฺฐานํ นตฺถิ เอวฯ ‘‘ผลมุตฺตมนฺติ ผเล อุตฺตม’’นฺติ วุตฺตํฯ อุตุตฺตยานุกูลนฺติ คิเมฺห อรเญฺญ, เหมเนฺต รุกฺขมูเล, วสนฺตกาเล สุญฺญาคาเร คโตฯ เสมฺหธาตุกสฺส อรญฺญํ, ปิตฺตธาตุกสฺส รุกฺขมูลํ, วาตธาตุกสฺส สุญฺญาคารํ อนุกูลํฯ โมหจริตสฺส อรญฺญํ อนุกูลํ มหาอรเญฺญ จิตฺตํ น สงฺกุฎติ, โทสจริตสฺส รุกฺขมูลํ, ราคจริตสฺส สุญฺญาคารํฯ ฐานจงฺกมานิ อุทฺธจฺจปกฺขิกานิ, สยนํ ลีนปกฺขิกํ, ปลฺลงฺกาภุชเนน นิสชฺชาย ทฬฺหภาวํ, อุชุกายํ ปณิธาเนน อสฺสาสปสฺสาสานํ ปวตฺตนสุขํ ‘‘ปริมุขํ สติ’’นฺติ อิมินา อารมฺมณปริคฺคหูปายํ ทเสฺสติฯ การีติ กรณสีโล ฯ เอตสฺส วิภเงฺค ‘‘อสฺสสติ ปสฺสสตี’’ติ อวตฺวา ‘‘สโต การี’’ติ วุตฺตํฯ ตสฺมา ‘‘อสฺสสติ ปสฺสสตี’’ติ วุเตฺต ‘‘ปฐมจตุกฺกํ เอว ลพฺภติ, น เสสานี’’ติ จ ‘‘ทีฆํอสฺสาสวเสนาติ อโลปสมาสํ กตฺวา’’อิติ จ ‘‘เอกตฺถตาย อวิเกฺขป’’นฺติ จ ‘‘อสโมฺภควเสน ปชานโต’’ติ จ ‘‘เตน ญาเณนา’’ติ จ ‘‘ปชานโตติ วุตฺตญาเณนา’’ติ จ ‘‘สโตการีติ สติสมฺปชญฺญาหิการี’’ติ จ ‘‘ปฎินิสฺสคฺคานุปสฺสิโน อสฺสาสาว ปฎินิสฺสคฺคานุปสฺสิอสฺสาสา’’ติ จ ลิขิตํฯ อุปฺปฎิปาฎิยา อาคตมฺปิ ยุชฺชเตว, เตน ฐาเนน ปฎิสิทฺธํฯ ตาลุํ อาหจฺจ นิพฺพายนโต กิร โปตโก สมฺปติชาโตว ขิปิตสทฺทํ กโรติ, ฉนฺทปาโมชฺชวเสน ฉ ปุริมา ตโยติ นวฯ เอเกนากาเรนาติ อสฺสาสวเสน วา ปสฺสาสวเสน วา เอวํ อานาปานสฺสติํ ภาวยโต กาเย กายานุปสฺสนาสติกมฺมฎฺฐานภาวนา สมฺปชฺชติฯ

    Tathābhāvapaṭisedhano cāti soḷasavatthukassa titthiyānaṃ natthitāya vuttaṃ. Sabbapaṭhamānaṃ pana catunnaṃ padānaṃ vasena lokiyajjhānameva tesaṃ atthi, tasmiṃ lokuttarapadaṭṭhānaṃ natthi eva. ‘‘Phalamuttamanti phale uttama’’nti vuttaṃ. Ututtayānukūlanti gimhe araññe, hemante rukkhamūle, vasantakāle suññāgāre gato. Semhadhātukassa araññaṃ, pittadhātukassa rukkhamūlaṃ, vātadhātukassa suññāgāraṃ anukūlaṃ. Mohacaritassa araññaṃ anukūlaṃ mahāaraññe cittaṃ na saṅkuṭati, dosacaritassa rukkhamūlaṃ, rāgacaritassa suññāgāraṃ. Ṭhānacaṅkamāni uddhaccapakkhikāni, sayanaṃ līnapakkhikaṃ, pallaṅkābhujanena nisajjāya daḷhabhāvaṃ, ujukāyaṃ paṇidhānena assāsapassāsānaṃ pavattanasukhaṃ ‘‘parimukhaṃ sati’’nti iminā ārammaṇapariggahūpāyaṃ dasseti. Kārīti karaṇasīlo . Etassa vibhaṅge ‘‘assasati passasatī’’ti avatvā ‘‘sato kārī’’ti vuttaṃ. Tasmā ‘‘assasati passasatī’’ti vutte ‘‘paṭhamacatukkaṃ eva labbhati, na sesānī’’ti ca ‘‘dīghaṃassāsavasenāti alopasamāsaṃ katvā’’iti ca ‘‘ekatthatāya avikkhepa’’nti ca ‘‘asambhogavasena pajānato’’ti ca ‘‘tena ñāṇenā’’ti ca ‘‘pajānatoti vuttañāṇenā’’ti ca ‘‘satokārīti satisampajaññāhikārī’’ti ca ‘‘paṭinissaggānupassino assāsāva paṭinissaggānupassiassāsā’’ti ca likhitaṃ. Uppaṭipāṭiyā āgatampi yujjateva, tena ṭhānena paṭisiddhaṃ. Tāluṃ āhacca nibbāyanato kira potako sampatijātova khipitasaddaṃ karoti, chandapāmojjavasena cha purimā tayoti nava. Ekenākārenāti assāsavasena vā passāsavasena vā evaṃ ānāpānassatiṃ bhāvayato kāye kāyānupassanāsatikammaṭṭhānabhāvanā sampajjati.

    กาโยติ อสฺสาสปสฺสาสาฯ อุปฎฺฐานํ สติฯ ทีฆนฺติ สีฆํ คตํ อสฺสาสปสฺสาสํฯ อทฺธานสงฺขาเตติ กาลสงฺขาเต วิย กาลโกฎฺฐาเสติ อโตฺถ, ทีฆกาเล วาติ อโตฺถฯ เอโก หิ อสฺสาสเมวูปลเกฺขติ, เอโก ปสฺสาสํ, เอโก อุภยํ, ตสฺมา ‘‘วิภาคํ อกตฺวา’’ติ วา วุตฺตํ, ฉโนฺทติ เอวํ อสฺสาสโต, ปสฺสาสโต จ อสฺสาโท อุปฺปชฺชติ, ตสฺส วเสน กตฺตุกมฺยตาฉโนฺท อุปฺปชฺชติฯ ตโต ปาโมชฺชนฺติฯ อสฺสาสปสฺสาสานํ ทุวิเญฺญยฺยวิสยตฺตา จิตฺตํ วิวตฺตติ, คณนํ ปหาย ผุฎฺฐฎฺฐานเมว มนสิ กโรนฺตสฺส เกวลํ อุเปกฺขาว สณฺฐาติฯ จตฺตาโร วณฺณาติ ‘‘ปตฺตสฺส ตโย วณฺณา’’ติอาทีสุ วิย จตฺตาโร สณฺฐานาติ อโตฺถฯ

    Kāyoti assāsapassāsā. Upaṭṭhānaṃ sati. Dīghanti sīghaṃ gataṃ assāsapassāsaṃ. Addhānasaṅkhāteti kālasaṅkhāte viya kālakoṭṭhāseti attho, dīghakāle vāti attho. Eko hi assāsamevūpalakkheti, eko passāsaṃ, eko ubhayaṃ, tasmā ‘‘vibhāgaṃ akatvā’’ti vā vuttaṃ, chandoti evaṃ assāsato, passāsato ca assādo uppajjati, tassa vasena kattukamyatāchando uppajjati. Tato pāmojjanti. Assāsapassāsānaṃ duviññeyyavisayattā cittaṃ vivattati, gaṇanaṃ pahāya phuṭṭhaṭṭhānameva manasi karontassa kevalaṃ upekkhāva saṇṭhāti. Cattāro vaṇṇāti ‘‘pattassa tayo vaṇṇā’’tiādīsu viya cattāro saṇṭhānāti attho.

    ตถาภูตสฺสาติ อานาปานสฺสติํ ภาวยโตฯ สํวโรติ สติสํวโรฯ อถ วา ปฐเมน ฌาเนน นีวรณานํ, ทุติเยน วิตกฺกวิจารานํ, ตติเยน ปีติยา, จตุเตฺถน สุขทุกฺขานํ, อากาสานญฺจายตนสมาปตฺติยา รูปสญฺญาย, ปฎิฆสญฺญาย, นานตฺตสญฺญาย วา ปหานํฯ ‘‘สีลนฺติ เวรมณิ สีลํ, เจตนา สีลํ, สํวโร สีลํ, อวีติกฺกโม สีล’’นฺติ (ปฎิ. ม. ๑.๓๙ โถกํ วิสทิสํ) วุตฺตวิธินาเปตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ ‘‘อตฺถโต ตถา ตถา ปวตฺตธมฺมา อุปธารณสมาธานสงฺขาเตน สีลนเฎฺฐน สีลนฺติ วุจฺจนฺตี’’ติ วุตฺตํฯ ตถา ‘‘อยํ อิมสฺมิํ อเตฺถ อธิเปฺปตา สิกฺขา’’ติ เอตฺถาปิ เจตนาสีลเมว, กตฺถจิ วิรติสีลมฺปีติ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ อญฺญถา ปณฺณตฺติวเชฺชสุปิ สิกฺขาปเทสุ วิรติปฺปสโงฺค อโหสิ , ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรตีติ กตฺวา ตสฺสาปิ วิรติปฺปสโงฺคฯ ตสฺมิํ อารมฺมเณติ อานาปานารมฺมเณฯ ตาย สติยาติ ตตฺถ อุปฺปนฺนสติยาฯ ‘‘เตน มนสิกาเรนาติ อาวชฺชเนนา’’ติ ลิขิตํฯ เอเตน นานาวชฺชนปฺปวตฺติทีปนโต นานาชวนวาเรหิปิ สิกฺขติ นามาติ ทีปิตํ โหติ, เยน ปน มนสิกาเรน วาฯ ญาณุปฺปาทนาทีสูติ เอตฺถ อาทิสเทฺทน ยาว ปริโยสานํ เวทิตพฺพํฯ ‘‘ตตฺราติ ตสฺมิํ อานาปานารมฺมเณฯ เอวนฺติ อิทานิ วตฺตพฺพนเยนา’’ติ ลิขิตํฯ ตตฺราติ เตสํ อสฺสาสปสฺสาสานํ วาฯ ตญฺหิ ‘‘ปุเพฺพ อปริคฺคหิตกาเล’’ติ อิมินา สุฎฺฐุ สเมติฯ ‘‘ปฐมวาโท ทีฆภาณกานํฯ เต หิ ‘ปฐมชฺฌานํ ลภิตฺวา นานาสเน นิสีทิตฺวา ทุติยตฺถาย วายามโต อุปจาเร วิตกฺกวิจารวเสน โอฬาริกจิตฺตปฺปวตฺติกาเล ปวตฺตอสฺสาสปสฺสาสวเสน โอฬาริกา’ติ วทนฺติฯ ‘มชฺฌิมภาณกา ฌานลาภิสฺส สมาปชฺชนกาเล, เอกาสนปฎิลาเภ จ อุปรูปริ จิตฺตปฺปวตฺติยา สนฺตภาวโต ปฐมโต ทุติยสฺสุปจาเร สุขุมตํ วทนฺตี’’’ติ ลิขิตํฯ

    Tathābhūtassāti ānāpānassatiṃ bhāvayato. Saṃvaroti satisaṃvaro. Atha vā paṭhamena jhānena nīvaraṇānaṃ, dutiyena vitakkavicārānaṃ, tatiyena pītiyā, catutthena sukhadukkhānaṃ, ākāsānañcāyatanasamāpattiyā rūpasaññāya, paṭighasaññāya, nānattasaññāya vā pahānaṃ. ‘‘Sīlanti veramaṇi sīlaṃ, cetanā sīlaṃ, saṃvaro sīlaṃ, avītikkamo sīla’’nti (paṭi. ma. 1.39 thokaṃ visadisaṃ) vuttavidhināpettha attho daṭṭhabbo. ‘‘Atthato tathā tathā pavattadhammā upadhāraṇasamādhānasaṅkhātena sīlanaṭṭhena sīlanti vuccantī’’ti vuttaṃ. Tathā ‘‘ayaṃ imasmiṃ atthe adhippetā sikkhā’’ti etthāpi cetanāsīlameva, katthaci viratisīlampīti attho daṭṭhabbo. Aññathā paṇṇattivajjesupi sikkhāpadesu viratippasaṅgo ahosi , pātimokkhasaṃvarasaṃvuto viharatīti katvā tassāpi viratippasaṅgo. Tasmiṃ ārammaṇeti ānāpānārammaṇe. Tāya satiyāti tattha uppannasatiyā. ‘‘Tena manasikārenāti āvajjanenā’’ti likhitaṃ. Etena nānāvajjanappavattidīpanato nānājavanavārehipi sikkhati nāmāti dīpitaṃ hoti, yena pana manasikārena vā. Ñāṇuppādanādīsūti ettha ādisaddena yāva pariyosānaṃ veditabbaṃ. ‘‘Tatrāti tasmiṃ ānāpānārammaṇe. Evanti idāni vattabbanayenā’’ti likhitaṃ. Tatrāti tesaṃ assāsapassāsānaṃ vā. Tañhi ‘‘pubbe apariggahitakāle’’ti iminā suṭṭhu sameti. ‘‘Paṭhamavādo dīghabhāṇakānaṃ. Te hi ‘paṭhamajjhānaṃ labhitvā nānāsane nisīditvā dutiyatthāya vāyāmato upacāre vitakkavicāravasena oḷārikacittappavattikāle pavattaassāsapassāsavasena oḷārikā’ti vadanti. ‘Majjhimabhāṇakā jhānalābhissa samāpajjanakāle, ekāsanapaṭilābhe ca uparūpari cittappavattiyā santabhāvato paṭhamato dutiyassupacāre sukhumataṃ vadantī’’’ti likhitaṃ.

    วิปสฺสนายํ ปนาติ จตุธาตุววตฺถานมุเขน อภินิวิฎฺฐสฺส อยํ กโม, อญฺญสฺส จาติ เวทิตพฺพํฯ เอตฺตกํ รูปํ, น อิโต อญฺญนฺติ ทสฺสนํ สนฺธาย ‘‘สกลรูปปริคฺคเห’’ติ วุตฺตํฯ รูปารูปปริคฺคเหติ เอตฺถ อนิจฺจตาทิลกฺขณารมฺมณิกภงฺคานุปสฺสนโต ปภุติ พลวตี วิปสฺสนาฯ ปุเพฺพ วุตฺตนเยนาติ สเพฺพสํเยว ปน มเตน อปริคฺคหิตกาเลติอาทินาฯ โสธนา นาม วิสฺสชฺชนํฯ อสฺสาติ ‘‘ปสฺสมฺภยํ กายสงฺขาร’’นฺติ ปทสฺสฯ

    Vipassanāyaṃ panāti catudhātuvavatthānamukhena abhiniviṭṭhassa ayaṃ kamo, aññassa cāti veditabbaṃ. Ettakaṃ rūpaṃ, na ito aññanti dassanaṃ sandhāya ‘‘sakalarūpapariggahe’’ti vuttaṃ. Rūpārūpapariggaheti ettha aniccatādilakkhaṇārammaṇikabhaṅgānupassanato pabhuti balavatī vipassanā. Pubbe vuttanayenāti sabbesaṃyeva pana matena apariggahitakāletiādinā. Sodhanā nāma vissajjanaṃ. Assāti ‘‘passambhayaṃ kāyasaṅkhāra’’nti padassa.

    ปุรโต นมนา อานมนาฯ ติริยํ นมนา วินมนาฯ สุฎฺฐุ นมนา สนฺนมนาฯ ปจฺฉา นมนา ปณมนาฯ ชาณุเก คเหตฺวา ฐานํ วิย อิญฺชนาติ อานมนาทีนํ อาวิภาวตฺถมุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ยถารูเปหิ อานมนาทิ วา กมฺปนาทิ วา โหติ, ตถารูเป ปสฺสมฺภยนฺติ สมฺพโนฺธฯ อิติ กิราติ อิติ เจฯ เอวํ สเนฺตติ สนฺตสุขุมมฺปิ เจ ปสฺสมฺภติฯ ปภาวนาติ อุปฺปาทนํฯ อสฺสาสปสฺสาสานํ วูปสนฺตตฺตา อานาปานสฺสติสมาธิสฺส ภาวนา น โหติฯ ยสฺมา ตํ นตฺถิ, ตสฺมา น สมาปชฺชติ, สมาปตฺติยา อภาเวน น วุฎฺฐหนฺติฯ อิติ กิราติ เอวเมตํ ตาว วจนนฺติ ตเทตํ ฯ สโทฺทว สทฺทนิมิตฺตํ, ‘‘สโต อสฺสสติ สโต ปสฺสสตี’’ติ ปทานิ ปติฎฺฐเปตฺวา ทฺวตฺติํสปทานิ จตฺตาริ จตุกฺกานิ เวทิตพฺพานิฯ

    Purato namanā ānamanā. Tiriyaṃ namanā vinamanā. Suṭṭhu namanā sannamanā. Pacchā namanā paṇamanā. Jāṇuke gahetvā ṭhānaṃ viya iñjanāti ānamanādīnaṃ āvibhāvatthamuttanti veditabbaṃ. Yathārūpehi ānamanādi vā kampanādi vā hoti, tathārūpe passambhayanti sambandho. Iti kirāti iti ce. Evaṃ santeti santasukhumampi ce passambhati. Pabhāvanāti uppādanaṃ. Assāsapassāsānaṃ vūpasantattā ānāpānassatisamādhissa bhāvanā na hoti. Yasmā taṃ natthi, tasmā na samāpajjati, samāpattiyā abhāvena na vuṭṭhahanti. Iti kirāti evametaṃ tāva vacananti tadetaṃ . Saddova saddanimittaṃ, ‘‘sato assasati sato passasatī’’ti padāni patiṭṭhapetvā dvattiṃsapadāni cattāri catukkāni veditabbāni.

    อปฺปฎิปีฬนนฺติ เตสํ กิเลสานํ อนุปฺปาทนํ กิญฺจาปิ เจติยงฺคณวตฺตาทีนิปิ อตฺถโต ปาติโมกฺขสํวรสีเล สงฺคหํ คจฺฉนฺติ ‘‘ยสฺส สิยา อาปตฺตี’’ติ (มหาว. ๑๓๔) วจนโตฯ ตถาปิ ‘‘น ตาว, สาริปุตฺต, สตฺถา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปญฺญเปติ อุทฺทิสติ ปาติโมกฺขํ, ยาว น อิเธกเจฺจ อาสวฎฺฐานียา ธมฺมา สเงฺฆ ปาตุภวนฺตี’’ติ เอตฺถ อนธิเปฺปตตฺตา ‘‘อาภิสมาจาริก’’นฺติ วุตฺตํฯ ‘‘ยํ ปเนตฺถ อาปตฺติฎฺฐานิยํ น โหติ, ตํ อมิสฺสเมวา’’ติ วุตฺตํฯ

    Appaṭipīḷananti tesaṃ kilesānaṃ anuppādanaṃ kiñcāpi cetiyaṅgaṇavattādīnipi atthato pātimokkhasaṃvarasīle saṅgahaṃ gacchanti ‘‘yassa siyā āpattī’’ti (mahāva. 134) vacanato. Tathāpi ‘‘na tāva, sāriputta, satthā sāvakānaṃ sikkhāpadaṃ paññapeti uddisati pātimokkhaṃ, yāva na idhekacce āsavaṭṭhānīyā dhammā saṅghe pātubhavantī’’ti ettha anadhippetattā ‘‘ābhisamācārika’’nti vuttaṃ. ‘‘Yaṃ panettha āpattiṭṭhāniyaṃ na hoti, taṃ amissamevā’’ti vuttaṃ.

    ยถาวุเตฺตนาติ โยคานุโยคกมฺมสฺส ปทฎฺฐานตฺตาฯ สลฺลหุกวุตฺติ อฎฺฐปริกฺขาริโกฯ ปญฺจสนฺธิกํ กมฺมฎฺฐานนฺติ เอตฺถ ฌานมฺปิ นิมิตฺตมฺปิ ตทตฺถโชติกาปิ ปริยตฺติ อิธ กมฺมฎฺฐานํ นามฯ คมนาคมนสมฺปนฺนตาทิ เสนาสนํฯ สํกิลิฎฺฐจีวรโธวนาทโย ขุทฺทกปลิโพธาฯ ‘‘อนฺตรา ปติตํ นุ โข’’ติ วิกมฺปติฯ

    Yathāvuttenāti yogānuyogakammassa padaṭṭhānattā. Sallahukavutti aṭṭhaparikkhāriko. Pañcasandhikaṃ kammaṭṭhānanti ettha jhānampi nimittampi tadatthajotikāpi pariyatti idha kammaṭṭhānaṃ nāma. Gamanāgamanasampannatādi senāsanaṃ. Saṃkiliṭṭhacīvaradhovanādayo khuddakapalibodhā. ‘‘Antarā patitaṃ nu kho’’ti vikampati.

    อชฺฌตฺตํ วิเกฺขปคเตนาติ นิยกชฺฌเตฺต วิเกฺขปคเตนฯ สารทฺธา อสมาหิตตฺตาฯ อุปนิพนฺธนถมฺภมูลํ นาม นาสิกคฺคํ, มุขนิมิตฺตํ วาฯ ตเตฺถวาติ นาสิกคฺคาทินิมิเตฺตฯ ‘‘โทลาผลกสฺส เอกปเสฺส เอว อุโภ โกฎิโย มชฺฌญฺจ ปสฺสตี’’ติ วทนฺติฯ

    Ajjhattaṃ vikkhepagatenāti niyakajjhatte vikkhepagatena. Sāraddhā asamāhitattā. Upanibandhanathambhamūlaṃ nāma nāsikaggaṃ, mukhanimittaṃ vā. Tatthevāti nāsikaggādinimitte. ‘‘Dolāphalakassa ekapasse eva ubho koṭiyo majjhañca passatī’’ti vadanti.

    อิธ ปนาติ กกจูปเมฯ เทสโตติ ผุสนกฎฺฐานโตฯ ‘‘นิมิตฺตํ ปฎฺฐเปตพฺพนฺติ นิมิเตฺต สติ ปฎฺฐเปตพฺพา’’ติ วุตฺตํฯ ครูหิ ภาเวตพฺพตฺตา ครุกภาวนํเอกเจฺจ อาหูติ เอกเจฺจ ฌายิโน อาหุฯ

    Idha panāti kakacūpame. Desatoti phusanakaṭṭhānato. ‘‘Nimittaṃ paṭṭhapetabbanti nimitte sati paṭṭhapetabbā’’ti vuttaṃ. Garūhi bhāvetabbattā garukabhāvanaṃ. Ekacce āhūti ekacce jhāyino āhu.

    ‘‘สญฺญานานตายา’’ติ วจนโต เอกเจฺจหิ วุตฺตมฺปิ ปมาณเมว, สงฺคีติโต ปฎฺฐาย อฎฺฐกถาย อนาคตตฺตา ตถา วุตฺตํฯ ‘‘มยฺหํ ตารกรูปํ นุ โข อุปฎฺฐาตี’’ติอาทิปริกเปฺป อสติปิ ธาตุนานเตฺตน เอตาสํ ธาตูนํ อุปฺปตฺติ วิย เกวลํ ภาวยโต ตถา ตถา อุปฎฺฐาติฯ ‘‘น นิมิตฺต’นฺติ วตฺตุํ น วฎฺฎติ สมฺปชานมุสาวาทตฺตา’’ติ วุตฺตํฯ กมฺมฎฺฐานนฺติ อิธ วุตฺตปฎิภาคนิมิตฺตเมวฯ

    ‘‘Saññānānatāyā’’ti vacanato ekaccehi vuttampi pamāṇameva, saṅgītito paṭṭhāya aṭṭhakathāya anāgatattā tathā vuttaṃ. ‘‘Mayhaṃ tārakarūpaṃ nu kho upaṭṭhātī’’tiādiparikappe asatipi dhātunānattena etāsaṃ dhātūnaṃ uppatti viya kevalaṃ bhāvayato tathā tathā upaṭṭhāti. ‘‘Na nimitta’nti vattuṃ na vaṭṭati sampajānamusāvādattā’’ti vuttaṃ. Kammaṭṭhānanti idha vuttapaṭibhāganimittameva.

    นิมิเตฺต ปฎิภาเคฯ นานาการนฺติ ‘‘จตฺตาโร วณฺณา วตฺตนฺตี’’ติ วุตฺตนานาวิธตํฯ วิภาวยนฺติ ชานํ ปกาสยํฯ อสฺสาสปสฺสาเสติ ตโต สมฺภูเต นิมิเตฺต, อสฺสาสปสฺสาเส วา นานาการํฯ นิมิเตฺต หิ จิตฺตํ ฐเปโนฺตว นานาการตญฺจ วิภาเวติ, อสฺสาสปสฺสาเส วา สกํ จิตฺตํ นิพนฺธตีติ วุจฺจติฯ ตารกรูปาทิวณฺณโตฯ กกฺขฬตฺตาทิลกฺขณโต

    Nimitte paṭibhāge. Nānākāranti ‘‘cattāro vaṇṇā vattantī’’ti vuttanānāvidhataṃ. Vibhāvayanti jānaṃ pakāsayaṃ. Assāsapassāseti tato sambhūte nimitte, assāsapassāse vā nānākāraṃ. Nimitte hi cittaṃ ṭhapentova nānākāratañca vibhāveti, assāsapassāse vā sakaṃ cittaṃ nibandhatīti vuccati. Tārakarūpādivaṇṇato. Kakkhaḷattādilakkhaṇato.

    อฎฺฐกถาสุ ปฎิกฺขิตฺตนฺติ อาสนฺนภวงฺคตฺตาติ การณํ วตฺวา สีหฬฎฺฐกถาสุ ปฎิกฺขิตฺตํฯ กสฺมา? ยสฺมา ฉเฎฺฐ, สตฺตเม วา อปฺปนาย สติ มคฺควีถิยํ ผลสฺส โอกาโส น โหติ, ตสฺมาฯ อิธ โหตูติ เจ? น, โลกิยปฺปนาปิ หิ อปฺปนาวีถิมฺหิ โลกุตฺตเรน สมานคติกาวาติ ปฎิลทฺธชฺฌาโนปิ ภิกฺขุ ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารตฺถาย ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา สตฺตาหํ นิสีทิตุกาโม จตุเตฺถ, ปญฺจเม วา อเปฺปตฺวา นิสีทติ, น ฉเฎฺฐ, สตฺตเม วาฯ ตตฺถ หิ อปฺปนาฯ ตโต ปรํ อปฺปนาย อาธารภาวํ น คจฺฉติฯ อาสนฺนภวงฺคตฺตา จตุตฺถํ, ปญฺจมํ วา คจฺฉติ ถเล ฐิตฆโฎ วิย ชวนานมนฺตเร ฐิตตฺตาติ กิร อาจริโยฯ

    Aṭṭhakathāsu paṭikkhittanti āsannabhavaṅgattāti kāraṇaṃ vatvā sīhaḷaṭṭhakathāsu paṭikkhittaṃ. Kasmā? Yasmā chaṭṭhe, sattame vā appanāya sati maggavīthiyaṃ phalassa okāso na hoti, tasmā. Idha hotūti ce? Na, lokiyappanāpi hi appanāvīthimhi lokuttarena samānagatikāvāti paṭiladdhajjhānopi bhikkhu diṭṭhadhammasukhavihāratthāya jhānaṃ samāpajjitvā sattāhaṃ nisīditukāmo catutthe, pañcame vā appetvā nisīdati, na chaṭṭhe, sattame vā. Tattha hi appanā. Tato paraṃ appanāya ādhārabhāvaṃ na gacchati. Āsannabhavaṅgattā catutthaṃ, pañcamaṃ vā gacchati thale ṭhitaghaṭo viya javanānamantare ṭhitattāti kira ācariyo.

    ปุถุตฺตารมฺมณานิ อนาวชฺชิตฺวา ฌานงฺคาเนว อาวชฺชนํ อาวชฺชนวสี นามฯ ตโต ปรํ จตุนฺนํ, ปญฺจนฺนํ วา ปจฺจเวกฺขณจิตฺตานํ อุปฺปชฺชนํ, ตํ ปจฺจเวกฺขณวสี นามฯ เตเนว ‘‘ปจฺจเวกฺขณวสี ปน อาวชฺชนวสิยา เอว วุตฺตา’’ติ วุตฺตํฯ สมาปชฺชนวสี นาม ยตฺตกํ กาลํ อิจฺฉติ ตตฺตกํ สมาปชฺชนํ, ตํ ปน อิจฺฉิตกาลปริเจฺฉทํ ปติฎฺฐาเปตุํ สมตฺถตาติฯ ‘‘อธิฎฺฐานวสิยา วุฎฺฐานวสิโน อยํ นานตฺตํ อธิฎฺฐานานุภาเวน ชวนํ ชวติ, วุฎฺฐานานุภาเวน ปน อธิเปฺปตโต อธิกํ ชวตี’’ติปิ วทนฺติฯ อปิจ ปถวีกสิณาทิอารมฺมณํ อาวชฺชิตฺวา ชวนญฺจ ชวิตฺวา ปุน อาวชฺชิตฺวา ตโต ปญฺจมํ ฌานํ จิตฺตํ โหติ, อยํ กิร อุกฺกฎฺฐปริเจฺฉโทฯ ภควโต ปน อาวชฺชนสมนนฺตรเมว ฌานํ โหตีติ สพฺพํ อนุคณฺฐิปเท วุตฺตํฯ

    Puthuttārammaṇāni anāvajjitvā jhānaṅgāneva āvajjanaṃ āvajjanavasī nāma. Tato paraṃ catunnaṃ, pañcannaṃ vā paccavekkhaṇacittānaṃ uppajjanaṃ, taṃ paccavekkhaṇavasī nāma. Teneva ‘‘paccavekkhaṇavasī pana āvajjanavasiyā eva vuttā’’ti vuttaṃ. Samāpajjanavasī nāma yattakaṃ kālaṃ icchati tattakaṃ samāpajjanaṃ, taṃ pana icchitakālaparicchedaṃ patiṭṭhāpetuṃ samatthatāti. ‘‘Adhiṭṭhānavasiyā vuṭṭhānavasino ayaṃ nānattaṃ adhiṭṭhānānubhāvena javanaṃ javati, vuṭṭhānānubhāvena pana adhippetato adhikaṃ javatī’’tipi vadanti. Apica pathavīkasiṇādiārammaṇaṃ āvajjitvā javanañca javitvā puna āvajjitvā tato pañcamaṃ jhānaṃ cittaṃ hoti, ayaṃ kira ukkaṭṭhaparicchedo. Bhagavato pana āvajjanasamanantarameva jhānaṃ hotīti sabbaṃ anugaṇṭhipade vuttaṃ.

    ‘‘วตฺถุนฺติ หทยวตฺถุํฯ ทฺวารนฺติ จกฺขาทิฯ อารมฺมณนฺติ รูปาที’’ติ ลิขิตํฯ ยถาปริคฺคหิตรูปารมฺมณํ วา วิญฺญาณํ ปสฺสติ, อญฺญถาปิ ปสฺสติฯ กถํ? ‘‘ยถาปริคฺคหิตรูปวตฺถุทฺวารารมฺมณํ วา’’ติ วุตฺตํฯ ยถาปริคฺคหิตรูเปสุ วตฺถุทฺวารารมฺมณานิ ยสฺส วิญฺญาณสฺส, ตํ วิญฺญาณํ ยถาปริคฺคหิตรูปวตฺถุทฺวารารมฺมณํ ตมฺปิ ปสฺสติ, เอกสฺส วา อารมฺมณสทฺทสฺส โลโป ทฎฺฐโพฺพติ จ มม ตโกฺก วิจาเรตฺวาว คเหตโพฺพฯ

    ‘‘Vatthunti hadayavatthuṃ. Dvāranti cakkhādi. Ārammaṇanti rūpādī’’ti likhitaṃ. Yathāpariggahitarūpārammaṇaṃ vā viññāṇaṃ passati, aññathāpi passati. Kathaṃ? ‘‘Yathāpariggahitarūpavatthudvārārammaṇaṃ vā’’ti vuttaṃ. Yathāpariggahitarūpesu vatthudvārārammaṇāni yassa viññāṇassa, taṃ viññāṇaṃ yathāpariggahitarūpavatthudvārārammaṇaṃ tampi passati, ekassa vā ārammaṇasaddassa lopo daṭṭhabboti ca mama takko vicāretvāva gahetabbo.

    ตโต ปรํ ตีสุ จตุเกฺกสุ เทฺว เทฺว ปทานิ เอกเมกํ กตฺวา คเณตพฺพํฯ สมเถน อารมฺมณโต วิปสฺสนาวเสน อสโมฺมหโต ปีติปฎิสํเวทนเมตฺถ เวทิตพฺพํฯ ‘‘ทุกฺขเมตํ ญาณ’’นฺติอาทีสุ ปน ‘‘อารมฺมณโต อสโมฺมหโต’’ติ ยํ วุตฺตํ, อิธ ตโต วุตฺตนยโต อุปฺปฎิปาฎิยา วุตฺตํฯ ตตฺถ หิ เยน โมเหน ตํ ทุกฺขํ ปฎิจฺฉนฺนํ, น อุปฎฺฐาติ, ตสฺส วิหตตฺตา วา เอวํ ปวเตฺต ญาเณ ยถารุจิ ปจฺจเวกฺขิตุํ อิจฺฉิติจฺฉิตกาเล สมตฺถภาวโต วา ทุกฺขาทีสุ ตีสุ อสโมฺมหโต ญาณํ วุตฺตํฯ นิโรเธ อารมฺมณโต ตํสมฺปยุตฺตา ปีติปฎิสํเวทนา อสโมฺมหโต น สมฺภวติ โมหปฺปหานาภาวา, ปฎิสมฺภิทาปาฬิวิโรธโต จฯ ตตฺถ ‘‘ทีฆํ อสฺสาสวเสนา’’ติอาทิ อารมฺมณโต ทเสฺสตุํ วุตฺตํฯ ตาย สติยา เตน ญาเณน สา ปีติ ปฎิสํวิทิตา โหติ ตทารมฺมณสฺส ปฎิสํวิทิตตฺตาติ เอตฺถ อธิปฺปาโยฯ ‘‘อาวชฺชโต’’ติอาทิ อสโมฺมหโต ปีติปฎิสํเวทนํ ทเสฺสตุํ วุตฺตํฯ อนิจฺจาทิวเสน ชานโต, ปสฺสโต, ปจฺจเวกฺขโต จฯ ตทธิมุตฺตตาวเสน อธิฎฺฐหโต, อธิมุจฺจโต, ตถา วีริยาทิํ สมาทหโต ขณิกสมาธินาฯ

    Tato paraṃ tīsu catukkesu dve dve padāni ekamekaṃ katvā gaṇetabbaṃ. Samathena ārammaṇato vipassanāvasena asammohato pītipaṭisaṃvedanamettha veditabbaṃ. ‘‘Dukkhametaṃ ñāṇa’’ntiādīsu pana ‘‘ārammaṇato asammohato’’ti yaṃ vuttaṃ, idha tato vuttanayato uppaṭipāṭiyā vuttaṃ. Tattha hi yena mohena taṃ dukkhaṃ paṭicchannaṃ, na upaṭṭhāti, tassa vihatattā vā evaṃ pavatte ñāṇe yathāruci paccavekkhituṃ icchiticchitakāle samatthabhāvato vā dukkhādīsu tīsu asammohato ñāṇaṃ vuttaṃ. Nirodhe ārammaṇato taṃsampayuttā pītipaṭisaṃvedanā asammohato na sambhavati mohappahānābhāvā, paṭisambhidāpāḷivirodhato ca. Tattha ‘‘dīghaṃ assāsavasenā’’tiādi ārammaṇato dassetuṃ vuttaṃ. Tāya satiyā tena ñāṇena sā pīti paṭisaṃviditā hoti tadārammaṇassa paṭisaṃviditattāti ettha adhippāyo. ‘‘Āvajjato’’tiādi asammohato pītipaṭisaṃvedanaṃ dassetuṃ vuttaṃ. Aniccādivasena jānato, passato, paccavekkhato ca. Tadadhimuttatāvasena adhiṭṭhahato, adhimuccato, tathā vīriyādiṃ samādahato khaṇikasamādhinā.

    อภิเญฺญยฺยนฺติ ญาตปริญฺญายฯ ปริเญฺญยฺยนฺติ ตีรณปริญฺญายฯ สพฺพญฺหิ ทุกฺขสจฺจํ อภิเญฺญยฺยํ, ปริเญฺญยฺยญฺจฯ ตตฺร จายํ ปีตีติ ลิขิตํฯ อภิเญฺญยฺยนฺติอาทิ มคฺคกฺขณํ สนฺธายาหาติ วุตฺตํฯ มเคฺคน อสโมฺมหสงฺขาตวิปสฺสนากิจฺจนิปฺผตฺติโต มโคฺคปิ อภิเญฺญยฺยาทิอารมฺมณํ กโรโนฺต วิย วุโตฺตฯ วิปสฺสนาภูมิทสฺสนตฺถนฺติ สมเถ กายิกสุขาภาวา วุตฺตํฯ ทฺวีสุ จิตฺตสงฺขารปเทสูติ จิตฺตสงฺขารปฎิสํเวที…เป.… สิกฺขติ ปสฺสมฺภยํ จิตฺตสงฺขารปฎิสํเวที…เป.… สิกฺขตีติ เอเตสุฯ โมทนาทิ สพฺพํ ปีติเววจนํฯ อนิจฺจานุปสฺสนาทิ กิเลเส, ตมฺมูลเก ขนฺธาภิสงฺขาเรฯ เอวํ ภาวิโตติ น จตุกฺกปญฺจกชฺฌานนิพฺพตฺตเนน ภาวิโตฯ เอวํ สพฺพาการปริปุณฺณํ กตฺวา ภาวิโตฯ วิปสฺสนามคฺคปจฺจเวกฺขณกาเลสุปิ ปวตฺตอสฺสาสมุเขเนว สพฺพํ ทสฺสิตํ อุปายกุสเลน ภควตาฯ

    Abhiññeyyanti ñātapariññāya. Pariññeyyanti tīraṇapariññāya. Sabbañhi dukkhasaccaṃ abhiññeyyaṃ, pariññeyyañca. Tatra cāyaṃ pītīti likhitaṃ. Abhiññeyyantiādi maggakkhaṇaṃ sandhāyāhāti vuttaṃ. Maggena asammohasaṅkhātavipassanākiccanipphattito maggopi abhiññeyyādiārammaṇaṃ karonto viya vutto. Vipassanābhūmidassanatthanti samathe kāyikasukhābhāvā vuttaṃ. Dvīsu cittasaṅkhārapadesūti cittasaṅkhārapaṭisaṃvedī…pe… sikkhati passambhayaṃ cittasaṅkhārapaṭisaṃvedī…pe… sikkhatīti etesu. Modanādi sabbaṃ pītivevacanaṃ. Aniccānupassanādi kilese, tammūlake khandhābhisaṅkhāre. Evaṃ bhāvitoti na catukkapañcakajjhānanibbattanena bhāvito. Evaṃ sabbākāraparipuṇṇaṃ katvā bhāvito. Vipassanāmaggapaccavekkhaṇakālesupi pavattaassāsamukheneva sabbaṃ dassitaṃ upāyakusalena bhagavatā.

    ๑๖๘. กสฺมา อิทํ วุจฺจติ อเมฺหหีติ อธิปฺปาโยฯ

    168.Kasmā idaṃ vuccati amhehīti adhippāyo.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๓. ตติยปาราชิกํ • 3. Tatiyapārājikaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๓. ตติยปาราชิกํ • 3. Tatiyapārājikaṃ

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā
    อานาปานสฺสติสมาธิกถาวณฺณนา • Ānāpānassatisamādhikathāvaṇṇanā
    อนุปญฺญตฺติกถาวณฺณนา • Anupaññattikathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / อานาปานสฺสติสมาธิกถาวณฺณนา • Ānāpānassatisamādhikathāvaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact