Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā |
อานาปานสฺสติสมาธิกถาวณฺณนา
Ānāpānassatisamādhikathāvaṇṇanā
๑๖๕. ทสานุสฺสตีสุ อโนฺตคธาปิ อานาปานสฺสติ ตทา ภิกฺขูนํ พหูนํ สปฺปายตํ ทเสฺสตุํ ปุน คหิตาฯ ตถา หิ ตํ ภควา เตสํ เทเสสิฯ อาหาเร ปฎิกฺกูลสญฺญา อสุภกมฺมฎฺฐานสทิสา, จตฺตาโร ปน อารุปฺปา อาทิกมฺมิกานํ อนนุรูปาติ เตสํ อิธ อคฺคหณํ ทฎฺฐพฺพํฯ อญฺญํ ปริยายนฺติ อรหตฺตาธิคมตฺถาย อญฺญํ การณํฯ อตฺถโยชนากฺกมนฺติ อตฺถญฺจ โยชนากฺกมญฺจฯ อสฺสาสวเสนาติ อสฺสาสํ อารมฺมณํ กตฺวาติ วุตฺตํ โหติฯ อุปฎฺฐานํ สตีติ อปฺปมุสฺสนตาย ตเมว อสฺสาสํ ปสฺสาสญฺจ อุปคนฺตฺวา ฐานํ, ตถา ติฎฺฐนกธโมฺม สติ นามาติ อโตฺถฯ อิทานิ สติวเสเนว ปุคฺคลํ นิทฺทิสิตุกาเมน โย อสฺสสตีติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ โย อสฺสสติ, ตสฺส สติ อสฺสาสํ อุปคนฺตฺวา ติฎฺฐตีติอาทินา อโตฺถ คเหตโพฺพฯ อโกสลฺลสมฺภูเตติ อวิชฺชาสมฺภูเต ฯ ขเณเนวาติ อตฺตโน ปวตฺติกฺขเณเนวฯ อริยมคฺคสฺส ปาทกภูโต อยํ สมาธิ อนุกฺกเมน วฑฺฒิตฺวา อริยมคฺคภาวํ อุปคโต วิย โหตีติ อาห ‘‘อริยมคฺควุฑฺฒิปฺปโตฺต’’ติฯ โอปมฺมนิทสฺสนนฺติ เอตฺถ อุปมาว โอปมฺมํ, ตสฺส นิทสฺสนํฯ
165. Dasānussatīsu antogadhāpi ānāpānassati tadā bhikkhūnaṃ bahūnaṃ sappāyataṃ dassetuṃ puna gahitā. Tathā hi taṃ bhagavā tesaṃ desesi. Āhāre paṭikkūlasaññā asubhakammaṭṭhānasadisā, cattāro pana āruppā ādikammikānaṃ ananurūpāti tesaṃ idha aggahaṇaṃ daṭṭhabbaṃ. Aññaṃ pariyāyanti arahattādhigamatthāya aññaṃ kāraṇaṃ. Atthayojanākkamanti atthañca yojanākkamañca. Assāsavasenāti assāsaṃ ārammaṇaṃ katvāti vuttaṃ hoti. Upaṭṭhānaṃ satīti appamussanatāya tameva assāsaṃ passāsañca upagantvā ṭhānaṃ, tathā tiṭṭhanakadhammo sati nāmāti attho. Idāni sativaseneva puggalaṃ niddisitukāmena yo assasatītiādi vuttaṃ. Tattha yo assasati, tassa sati assāsaṃ upagantvā tiṭṭhatītiādinā attho gahetabbo. Akosallasambhūteti avijjāsambhūte . Khaṇenevāti attano pavattikkhaṇeneva. Ariyamaggassa pādakabhūto ayaṃ samādhi anukkamena vaḍḍhitvā ariyamaggabhāvaṃ upagato viya hotīti āha ‘‘ariyamaggavuḍḍhippatto’’ti. Opammanidassananti ettha upamāva opammaṃ, tassa nidassanaṃ.
พาหิรกา อานาปานสฺสติํ ชานนฺตา อาทิโต จตุปฺปการเมว ชานนฺติ, น สพฺพํ โสฬสปฺปการนฺติ อาห สพฺพปฺปการอิจฺจาทิฯ เอวมเสฺสตํ เสนาสนนฺติ เอตฺถ เอวนฺติ ภาวนาสติยา ยถาวุตฺตนเยน อารมฺมเณ จิตฺตสฺส นิพนฺธเน สติเยว, นาสตีติ อโตฺถ, เตน มุฎฺฐสฺสติสฺส อรญฺญวาโส นิรตฺถโก อนนุรูโปติ ทเสฺสติฯ อวเสสสตฺตวิธเสนาสนนฺติ ‘‘ปพฺพตํ กนฺทรํ คิริคุหํ สุสานํ วนปตฺถํ อโพฺภกาสํ ปลาลปุญฺช’’นฺติ (วิภ. ๕๐๘) เอวํ วุตฺตํฯ อุตุตฺตยานุกูลํ ธาตุจริยานุกูลนฺติ คิมฺหานาทิอุตุตฺตยสฺส เสมฺหาทิธาตุตฺตยสฺส โมหาทิจริยตฺตยสฺส จ อนุกูลํฯ นิสชฺชาย ทฬฺหภาวํ ปลฺลงฺกาภุชเนน, อสฺสาสปสฺสาสานํ ปวตฺตนสุขตํ อุปริมกายสฺส อุชุกํ ฐปเนน, อารมฺมณปริคฺคหูปายํ ปริมุขํ สติยา ฐปเนน อุปทิสโนฺตฯ น ปณมนฺตีติ น โอณมนฺติฯ ปริคฺคหิตนิยฺยานํ สตินฺติ สพฺพถา คหิตํ สโมฺมสปฎิปกฺขโต นิคฺคมนสงฺขาตํ สติํ กตฺวา, ปรมํ สติเนปกฺกํ อุปฎฺฐเปตฺวาติ อโตฺถฯ
Bāhirakā ānāpānassatiṃ jānantā ādito catuppakārameva jānanti, na sabbaṃ soḷasappakāranti āha sabbappakāraiccādi. Evamassetaṃ senāsananti ettha evanti bhāvanāsatiyā yathāvuttanayena ārammaṇe cittassa nibandhane satiyeva, nāsatīti attho, tena muṭṭhassatissa araññavāso niratthako ananurūpoti dasseti. Avasesasattavidhasenāsananti ‘‘pabbataṃ kandaraṃ giriguhaṃ susānaṃ vanapatthaṃ abbhokāsaṃ palālapuñja’’nti (vibha. 508) evaṃ vuttaṃ. Ututtayānukūlaṃ dhātucariyānukūlanti gimhānādiututtayassa semhādidhātuttayassa mohādicariyattayassa ca anukūlaṃ. Nisajjāya daḷhabhāvaṃ pallaṅkābhujanena, assāsapassāsānaṃ pavattanasukhataṃ uparimakāyassa ujukaṃ ṭhapanena, ārammaṇapariggahūpāyaṃ parimukhaṃ satiyā ṭhapanena upadisanto. Na paṇamantīti na oṇamanti. Pariggahitaniyyānaṃ satinti sabbathā gahitaṃ sammosapaṭipakkhato niggamanasaṅkhātaṃ satiṃ katvā, paramaṃ satinepakkaṃ upaṭṭhapetvāti attho.
สโตวาติ สติยา สมนฺนาคโต เอวฯ พาตฺติํสาย อากาเรหีติ จตูสุ จตุเกฺกสุ อาคตานิ ทีฆรสฺสาทีนิ โสฬส ปทานิ อสฺสาสปสฺสาสวเสน ทฺวิธา วิภชิตฺวา วุเตฺตหิ ทฺวตฺติํสากาเรหิฯ ทีฆํอสฺสาสวเสนาติ ทีฆอสฺสาสวเสน, วิภตฺติอโลปํ กตฺวา นิเทฺทโส, ทีฆนฺติ วา ภควตา วุตฺตอสฺสาสวเสนฯ จิตฺตสฺส เอกคฺคตํ อวิเกฺขปนฺติ วิเกฺขปปฎิปกฺขภาวโต ‘‘อวิเกฺขโป’’ติ ลทฺธนามํ จิตฺตสฺส เอกคฺคภาวํ ปชานโตฯ ปฎินิสฺสคฺคานุปสฺสี อสฺสาสวเสนาติ ปฎินิสฺสคฺคานุปสฺสี หุตฺวา อสฺสาสวเสน, ‘‘ปฎินิสฺสคฺคานุปสฺสิอสฺสาสนวเสนา’’ติ วา ปาโฐ, ตสฺส ปฎินิสฺสคฺคานุปสฺสิโน อสฺสาสวเสนาติ อโตฺถฯ อา ปฐมํ พหิมุขํ สสนํ อสฺสาโส, ตโต อโนฺตมุขํ ปฎิสสนํ ปสฺสาโสติ อาห อสฺสาโสติ พหินิกฺขมนวาโตติอาทิ, สุตฺตนฺตฎฺฐกถาสุ ปน อากฑฺฒนวเสน อโนฺต สสนํ อสฺสาโส, พหิ ปฎิสสนํ ปสฺสาโสติ กตฺวา อุปฺปฎิปาฎิยา วุตฺตํฯ
Satovāti satiyā samannāgato eva. Bāttiṃsāya ākārehīti catūsu catukkesu āgatāni dīgharassādīni soḷasa padāni assāsapassāsavasena dvidhā vibhajitvā vuttehi dvattiṃsākārehi. Dīghaṃassāsavasenāti dīghaassāsavasena, vibhattialopaṃ katvā niddeso, dīghanti vā bhagavatā vuttaassāsavasena. Cittassa ekaggataṃ avikkhepanti vikkhepapaṭipakkhabhāvato ‘‘avikkhepo’’ti laddhanāmaṃ cittassa ekaggabhāvaṃ pajānato. Paṭinissaggānupassī assāsavasenāti paṭinissaggānupassī hutvā assāsavasena, ‘‘paṭinissaggānupassiassāsanavasenā’’ti vā pāṭho, tassa paṭinissaggānupassino assāsavasenāti attho. Ā paṭhamaṃ bahimukhaṃ sasanaṃ assāso, tato antomukhaṃ paṭisasanaṃ passāsoti āha assāsoti bahinikkhamanavātotiādi, suttantaṭṭhakathāsu pana ākaḍḍhanavasena anto sasanaṃ assāso, bahi paṭisasanaṃ passāsoti katvā uppaṭipāṭiyā vuttaṃ.
ตตฺถาติ พหินิกฺขมนอโนฺตปวิสนวาเตสุ, ตสฺส จ ปฐมํ อพฺภนฺตรวาโต นิกฺขมตีติ อิมินา สมฺพโนฺธฯ ‘‘สเพฺพสมฺปิ คพฺภเสยฺยกานนฺติอาทินา ทารกานํ ปวตฺติกฺกเมน อสฺสาโส พหินิกฺขมนวาโตติ คเหตพฺพนฺติ ทีเปตี’’ติ เกจิ วทนฺติฯ สุตฺตนโย เอว เจตฺถ ‘‘อสฺสาสาทิมชฺฌปริโยสานํ สติยา อนุคจฺฉโต อชฺฌตฺตํ วิเกฺขปคเตน จิเตฺตน กาโยปิ จิตฺตมฺปิ สารทฺธา จ โหนฺติ อิญฺชิตา จ ผนฺทิตา จ ปสฺสาสาทิมชฺฌปริโยสานํ สติยา อนุคจฺฉโต พหิทฺธา วิเกฺขปคเตน จิเตฺตน กาโยปิ จิตฺตมฺปิ สารทฺธา จ โหนฺติ อิญฺชิตา จ ผนฺทิตา จา’’ติ อิมาย ปาฬิยา สเมตีติ คเหตพฺพํฯ อทฺธานวเสนาติ กาลทฺธานวเสนฯ อยญฺหิ อทฺธาน-สโทฺท กาลสฺส เทสสฺส จ วาจโกฯ ตตฺถ ยถา หีติอาทินา เทสทฺธานํ อุปมาวเสน ทสฺสิตํฯ อิทานิ ตพฺพิสิฎฺฐกาลทฺธานวเสน อสฺสาสปสฺสาสานํ ทีฆรสฺสตํ อุปเมยฺยวเสน วิภาเวตุํ เอวนฺติอาทิ วุตฺตํฯ จุณฺณวิจุณฺณา อเนกกลาปภาเวนฯ เอตฺถ จ หตฺถิอาทิสรีเร สุนขาทิสรีเร จ อสฺสาสปสฺสาสานํ เทสทฺธานวิสิฎฺฐกาลทฺธานวเสเนว ทีฆรสฺสตา วุตฺตาติ เวทิตพฺพา อตฺตภาวสงฺขาตํ ทีฆํ อทฺธานํ สณิกํ ปูเรตฺวาติอาทิวจนโตฯ เตสนฺติ สตฺตานํฯ เตติ อสฺสาสปสฺสาสาฯ อิตฺตรมทฺธานนฺติ อปฺปกํ กาลํฯ นวหากาเรหีติ ภาวนมนุยุญฺชนฺตสฺส ปุเพฺพนาปรํ อลทฺธวิเสสสฺส เกวลํ อทฺธานวเสน อาทิโต วุตฺตา ตโย อาการา, เต จ กสฺสจิ อสฺสาโสว, กสฺสจิ ปสฺสาโสว, กสฺสจิ ตทุภยมฺปิ อุปฎฺฐาตีติ ติณฺณํ ปุคฺคลานํ วเสน วุตฺตา, ตถา ฉนฺทวเสน ตโย, ตถา ปาโมชฺชวเสนาติ อิเมหิ นวหิ อากาเรหิฯ เอเกนากาเรนาติ ทีฆํ อสฺสาสาทีสุ เอเกนากาเรนฯ
Tatthāti bahinikkhamanaantopavisanavātesu, tassa ca paṭhamaṃ abbhantaravāto nikkhamatīti iminā sambandho. ‘‘Sabbesampi gabbhaseyyakānantiādinā dārakānaṃ pavattikkamena assāso bahinikkhamanavātoti gahetabbanti dīpetī’’ti keci vadanti. Suttanayo eva cettha ‘‘assāsādimajjhapariyosānaṃ satiyā anugacchato ajjhattaṃ vikkhepagatena cittena kāyopi cittampi sāraddhā ca honti iñjitā ca phanditā ca passāsādimajjhapariyosānaṃ satiyā anugacchato bahiddhā vikkhepagatena cittena kāyopi cittampi sāraddhā ca honti iñjitā ca phanditā cā’’ti imāya pāḷiyā sametīti gahetabbaṃ. Addhānavasenāti kāladdhānavasena. Ayañhi addhāna-saddo kālassa desassa ca vācako. Tattha yathā hītiādinā desaddhānaṃ upamāvasena dassitaṃ. Idāni tabbisiṭṭhakāladdhānavasena assāsapassāsānaṃ dīgharassataṃ upameyyavasena vibhāvetuṃ evantiādi vuttaṃ. Cuṇṇavicuṇṇā anekakalāpabhāvena. Ettha ca hatthiādisarīre sunakhādisarīre ca assāsapassāsānaṃ desaddhānavisiṭṭhakāladdhānavaseneva dīgharassatā vuttāti veditabbā attabhāvasaṅkhātaṃ dīghaṃ addhānaṃ saṇikaṃ pūretvātiādivacanato. Tesanti sattānaṃ. Teti assāsapassāsā. Ittaramaddhānanti appakaṃ kālaṃ. Navahākārehīti bhāvanamanuyuñjantassa pubbenāparaṃ aladdhavisesassa kevalaṃ addhānavasena ādito vuttā tayo ākārā, te ca kassaci assāsova, kassaci passāsova, kassaci tadubhayampi upaṭṭhātīti tiṇṇaṃ puggalānaṃ vasena vuttā, tathā chandavasena tayo, tathā pāmojjavasenāti imehi navahi ākārehi. Ekenākārenāti dīghaṃ assāsādīsu ekenākārena.
อทฺธานสงฺขาเตติ ทีเฆ โอกาสทฺธานสงฺขาเต อตฺตภาเว กาลทฺธาเนปิ วา, เอวํ อุปริ อิตฺตรสงฺขาเตติ เอตฺถาปิฯ ฉโนฺท อุปฺปชฺชตีติ ภาวนาย ปุเพฺพนาปรํ วิเสสํ อาวหนฺติยา ลทฺธสฺสาทตฺตา ตตฺถ สาติสโย กตฺตุกามตาลกฺขโณ กุสลจฺฉโนฺท อุปฺปชฺชติฯ ฉนฺทวเสนาติ ตถาปวตฺตฉนฺทสฺส วเสนฯ ปาโมชฺชํ อุปฺปชฺชตีติ อสฺสาสปสฺสาสานํ สุขุมตรภาเว อารมฺมณสฺส สนฺตตรตาย, กมฺมฎฺฐานสฺส จ วีถิปฎิปนฺนตาย ภาวนาจิตฺตสหคโต ปโมโท ขุทฺทกาทิเภทา ตรุณา ปีติ อุปฺปชฺชติฯ จิตฺตํ วิวตฺตตีติ ปฎิภาคนิมิเตฺต อุปฺปเนฺน ปกติอสฺสาสปสฺสาสโต จิตฺตํ นิวตฺตติฯ อุเปกฺขา สณฺฐาตีติ ตสฺมิํ ปฎิภาคนิมิเตฺต อุปจารปฺปนาเภเท สมาธิมฺหิ อุปฺปเนฺน ปุน ฌานนิพฺพตฺตนตฺถํ พฺยาปาราภาวโต อชฺฌุเปกฺขนํ โหติ, สา ปนายํ อุเปกฺขา ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขาติ เวทิตพฺพาฯ อนุปสฺสนาญาณนฺติ สมถวเสน นิมิตฺตสฺส อนุปสฺสนา, วิปสฺสนาวเสน อสฺสาสปสฺสาสมุเขน ตนฺนิสฺสยนามรูปสฺส อนุปสฺสนา จ ญาณํฯ กาโย อุปฎฺฐานนฺติ อสฺสาสปสฺสาสสงฺขาโต กาโย อุปคนฺตฺวา ติฎฺฐติ เอตฺถ สตีติ อุปฎฺฐานํ, โน สติ, สติ ปน สรสโต อุปติฎฺฐนเฎฺฐน สรณเฎฺฐน จ อุปฎฺฐานเญฺจว สติ จฯ เตน วุจฺจตีติอาทีสุ ยา อยํ ยถาวุตฺตอสฺสาสปสฺสาสกาเย, ตนฺนิสฺสยภูเต กรชกาเย จ กายเสฺสว อนุปสฺสนา นิจฺจาทิภาวํ วา อิตฺถิปุริสสตฺตชีวาทิภาวํ วา อนนุปสฺสิตฺวา อสฺสาสปสฺสาสกายมตฺตเสฺสว อนิจฺจาทิภาวสฺส จ อนุปสฺสนา, ตาย กายานุปสฺสนาย สติสงฺขาตสฺส ปฎฺฐานสฺส ภาวนา วฑฺฒนา กาเย กายานุปสฺสนา สติปฎฺฐานภาวนาติ อยํ สเงฺขปโตฺถฯ
Addhānasaṅkhāteti dīghe okāsaddhānasaṅkhāte attabhāve kāladdhānepi vā, evaṃ upari ittarasaṅkhāteti etthāpi. Chando uppajjatīti bhāvanāya pubbenāparaṃ visesaṃ āvahantiyā laddhassādattā tattha sātisayo kattukāmatālakkhaṇo kusalacchando uppajjati. Chandavasenāti tathāpavattachandassa vasena. Pāmojjaṃ uppajjatīti assāsapassāsānaṃ sukhumatarabhāve ārammaṇassa santataratāya, kammaṭṭhānassa ca vīthipaṭipannatāya bhāvanācittasahagato pamodo khuddakādibhedā taruṇā pīti uppajjati. Cittaṃ vivattatīti paṭibhāganimitte uppanne pakatiassāsapassāsato cittaṃ nivattati. Upekkhā saṇṭhātīti tasmiṃ paṭibhāganimitte upacārappanābhede samādhimhi uppanne puna jhānanibbattanatthaṃ byāpārābhāvato ajjhupekkhanaṃ hoti, sā panāyaṃ upekkhā tatramajjhattupekkhāti veditabbā. Anupassanāñāṇanti samathavasena nimittassa anupassanā, vipassanāvasena assāsapassāsamukhena tannissayanāmarūpassa anupassanā ca ñāṇaṃ. Kāyo upaṭṭhānanti assāsapassāsasaṅkhāto kāyo upagantvā tiṭṭhati ettha satīti upaṭṭhānaṃ, no sati, sati pana sarasato upatiṭṭhanaṭṭhena saraṇaṭṭhena ca upaṭṭhānañceva sati ca. Tena vuccatītiādīsu yā ayaṃ yathāvuttaassāsapassāsakāye, tannissayabhūte karajakāye ca kāyasseva anupassanā niccādibhāvaṃ vā itthipurisasattajīvādibhāvaṃ vā ananupassitvā assāsapassāsakāyamattasseva aniccādibhāvassa ca anupassanā, tāya kāyānupassanāya satisaṅkhātassa paṭṭhānassa bhāvanā vaḍḍhanā kāye kāyānupassanā satipaṭṭhānabhāvanāti ayaṃ saṅkhepattho.
อิตฺตรวเสนาติ ปริตฺตกาลวเสนฯ ตาทิโสติ ทีโฆ รโสฺส จฯ วณฺณาติ ทีฆาทิอาการาฯ นาสิกเคฺคว ภิกฺขุโนติ นาสิกเคฺค วา, วา-สเทฺทน อุตฺตโรเฎฺฐ วาติ อโตฺถฯ ตสฺมาติ ยสฺมา ‘‘อาทิมชฺฌปริโยสานวเสน สพฺพํ อสฺสาสปสฺสาสกายํ วิทิตํ ปากฎํ กริสฺสามี’’ติ ปุเพฺพ ปวตฺตอาโภควเสน ปจฺฉา ตถา สมุปฺปเนฺนน ญาณสมฺปยุตฺตจิเตฺตน ตํ อสฺสาสปสฺสาสกายํ เอวํ วิทิตํ ปากฎํ กโรโนฺต อสฺสสติ เจว ปสฺสสติ จ, ตสฺมา เอวํภูโต สพฺพกายปฎิสํเวที อสฺสสิสฺสามิ ปสฺสสิสฺสามีติ สิกฺขติ นาม, น ปน ‘‘อนาคเต เอวํ กริสฺสามี’’ติ จินฺตนมเตฺตน โส เอวํ วุจฺจตีติ อธิปฺปาโยฯ ตถาภูตสฺสาติ อาทิมชฺฌปริโยสานํ วิทิตํ กโรนฺตสฺสฯ สํวโรติ สติ วีริยมฺปิ วาฯ น อญฺญํ กิญฺจีติ สพฺพกายํ วิทิตํ กริสฺสามีติอาทิกํ ปุพฺพาโภคํ สนฺธาย วทติฯ ญาณุปฺปาทนาทีสูติ อาทิ-สเทฺทน กายสงฺขารปสฺสมฺภนปีติปฎิสํเวทนาทิํ สงฺคณฺหาติฯ กายสงฺขารนฺติ อสฺสาสปสฺสาสํฯ โส หิ จิตฺตสมุฎฺฐาโนปิ สมาโน กรชกายปฎิพทฺธวุตฺติตาย เตน สงฺขรียตีติ กายสงฺขาโรติ วุจฺจติฯ อปริคฺคหิตกาเลติ กมฺมฎฺฐานสฺส อนารทฺธกาเล, ตทารมฺภตฺถาย กายจิตฺตานมฺปิ อปริคฺคหิตกาเลติ อโตฺถฯ นิสีทติ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธายาติ หิ อิมินา กายปริคฺคโห, ปริมุขํ สติํ อุปฎฺฐเปตฺวาติ อิมินา จิตฺตปริคฺคโห วุโตฺตฯ อธิมตฺตนฺติ พลวํ โอฬาริกํ, ลิงฺควิปลฺลาเสน วุตฺตํฯ กายสงฺขาโร หิ อธิเปฺปโตฯ อธิมตฺตํ หุตฺวา ปวตฺตตีติ กิริยาวิเสสนํ วา เอตํฯ สเพฺพสํเยวาติ อุภเยสมฺปิฯ
Ittaravasenāti parittakālavasena. Tādisoti dīgho rasso ca. Vaṇṇāti dīghādiākārā. Nāsikaggeva bhikkhunoti nāsikagge vā, vā-saddena uttaroṭṭhe vāti attho. Tasmāti yasmā ‘‘ādimajjhapariyosānavasena sabbaṃ assāsapassāsakāyaṃ viditaṃ pākaṭaṃ karissāmī’’ti pubbe pavattaābhogavasena pacchā tathā samuppannena ñāṇasampayuttacittena taṃ assāsapassāsakāyaṃ evaṃ viditaṃ pākaṭaṃ karonto assasati ceva passasati ca, tasmā evaṃbhūto sabbakāyapaṭisaṃvedī assasissāmi passasissāmīti sikkhati nāma, na pana ‘‘anāgate evaṃ karissāmī’’ti cintanamattena so evaṃ vuccatīti adhippāyo. Tathābhūtassāti ādimajjhapariyosānaṃ viditaṃ karontassa. Saṃvaroti sati vīriyampi vā. Na aññaṃ kiñcīti sabbakāyaṃ viditaṃ karissāmītiādikaṃ pubbābhogaṃ sandhāya vadati. Ñāṇuppādanādīsūti ādi-saddena kāyasaṅkhārapassambhanapītipaṭisaṃvedanādiṃ saṅgaṇhāti. Kāyasaṅkhāranti assāsapassāsaṃ. So hi cittasamuṭṭhānopi samāno karajakāyapaṭibaddhavuttitāya tena saṅkharīyatīti kāyasaṅkhāroti vuccati. Apariggahitakāleti kammaṭṭhānassa anāraddhakāle, tadārambhatthāya kāyacittānampi apariggahitakāleti attho. Nisīdati pallaṅkaṃ ābhujitvā ujuṃ kāyaṃ paṇidhāyāti hi iminā kāyapariggaho, parimukhaṃ satiṃ upaṭṭhapetvāti iminā cittapariggaho vutto. Adhimattanti balavaṃ oḷārikaṃ, liṅgavipallāsena vuttaṃ. Kāyasaṅkhāro hi adhippeto. Adhimattaṃ hutvā pavattatīti kiriyāvisesanaṃ vā etaṃ. Sabbesaṃyevāti ubhayesampi.
มหาภูตปริคฺคเห สุขุโมติ จตุธาตุมุเขน วิปสฺสนาภินิเวสํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ลกฺขณารมฺมณิกวิปสฺสนายาติ กลาปสมฺมสนมาหฯ นิพฺพิทานุปสฺสนโต ปฎฺฐาย พลววิปสฺสนา, ตโต โอรํ ทุพฺพลวิปสฺสนาฯ ปุเพฺพ วุตฺตนเยนาติ อปริคฺคหิตกาเลติอาทินา สมถนเย วุตฺตนเยนฯ
Mahābhūtapariggahe sukhumoti catudhātumukhena vipassanābhinivesaṃ sandhāya vuttaṃ. Lakkhaṇārammaṇikavipassanāyāti kalāpasammasanamāha. Nibbidānupassanato paṭṭhāya balavavipassanā, tato oraṃ dubbalavipassanā. Pubbe vuttanayenāti apariggahitakāletiādinā samathanaye vuttanayena.
โจทนาโสธนาหีติ อนุโยคปริหาเรหิฯ กถนฺติอาทิ ปฎิสมฺภิทาปาฬิ, ตตฺถ กถํ สิกฺขตีติ สมฺพโนฺธฯ อิติ กิราติอาทิ โจทกวจนํฯ อิติ กิราติ เอวเญฺจติ อโตฺถฯ อสฺสาสปสฺสาโส สพฺพถา อภาวํ อุปเนติ เจติ โจทกสฺส อธิปฺปาโยฯ วาตูปลทฺธิยาติ อสฺสาสปสฺสาสวาตสฺส อภาเวน ตพฺพิสยาย อุปลทฺธิยา ภาวนาจิตฺตสฺส อุปฺปาโท วฑฺฒิ จ น โหตีติ อโตฺถฯ น จ นนฺติ เอตฺถ นนฺติ นิปาตมตฺตํฯ ปุน อิติ กิราติอาทิ ยถาวุตฺตาย โจทนาย วิสฺสชฺชนา, ตตฺถ อิติ กิร สิกฺขตีติ มยา วุตฺตากาเรน ยทิ สิกฺขตีติ อโตฺถฯ ปภาวนา โหตีติ ยทิปิ โอฬาริกา กายสงฺขารา ปฎิปฺปสฺสมฺภนฺติ, สุขุมา ปน อเตฺถวาติ ภาวนายปิ วฑฺฒิ โหเตวาติ อธิปฺปาโยฯ กํเสติ กํสภาชเนฯ นิมิตฺตนฺติ นิมิตฺตสฺส, เตสํ สทฺทานํ ปวตฺติอาการสฺสาติ อโตฺถฯ สุขุมกา สทฺทาติ อนุรเว อาหฯ สุขุมสทฺทนิมิตฺตารมฺมณตาปีติ สุขุโม สโทฺทว นิมิตฺตํ ตทารมฺมณตายปิฯ
Codanāsodhanāhīti anuyogaparihārehi. Kathantiādi paṭisambhidāpāḷi, tattha kathaṃ sikkhatīti sambandho. Iti kirātiādi codakavacanaṃ. Iti kirāti evañceti attho. Assāsapassāso sabbathā abhāvaṃ upaneti ceti codakassa adhippāyo. Vātūpaladdhiyāti assāsapassāsavātassa abhāvena tabbisayāya upaladdhiyā bhāvanācittassa uppādo vaḍḍhi ca na hotīti attho. Na ca nanti ettha nanti nipātamattaṃ. Puna iti kirātiādi yathāvuttāya codanāya vissajjanā, tattha iti kira sikkhatīti mayā vuttākārena yadi sikkhatīti attho. Pabhāvanā hotīti yadipi oḷārikā kāyasaṅkhārā paṭippassambhanti, sukhumā pana atthevāti bhāvanāyapi vaḍḍhi hotevāti adhippāyo. Kaṃseti kaṃsabhājane. Nimittanti nimittassa, tesaṃ saddānaṃ pavattiākārassāti attho. Sukhumakā saddāti anurave āha. Sukhumasaddanimittārammaṇatāpīti sukhumo saddova nimittaṃ tadārammaṇatāyapi.
อาภิสมาจาริกสีลนฺติ เอตฺถ อภิสมาจาโรติ อุตฺตมสมาจาโร, ตเทว อาภิสมาจาริกํ สีลํ, ขนฺธกวตฺตปริยาปนฺนสฺส สีลเสฺสตํ อธิวจนํฯ อหํ สีลํ รกฺขามีติ อุภโตวิภงฺคปริยาปนฺนํ สีลํ สนฺธาย วุตฺตํฯ อาวาโสติ อาวาสปลิโพโธฯ กุลนฺติอาทีสุปิ เอเสว นโยฯ กมฺมนฺติ นวกมฺมํฯ อิทฺธีติ โปถุชฺชนิกา อิทฺธิ, สา วิปสฺสนาย ปลิโพโธฯ โส อุปจฺฉินฺทิตโพฺพติ วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๑.๔๑) วุเตฺตน ตสฺส ตสฺส ปลิโพธสฺส อุปเจฺฉทปฺปกาเรน อุปจฺฉินฺทิตโพฺพฯ โยคานุโยโคติ โยคสฺส ภาวนาย อนุยุญฺชนํฯ อฎฺฐติํสารมฺมเณสูติ อาโลกากาสกสิณทฺวยํ วเชฺชตฺวา ปาฬิยํ อาคตานํ อฎฺฐนฺนํ กสิณานํ วเสน วุตฺตํ, จตฺตารีสเญฺญว ปน กมฺมฎฺฐานานิฯ ยถาวุเตฺตเนว นเยนาติ โยคานุโยคกมฺมสฺส ปทฎฺฐานตฺตาติ อิมมตฺถํ อติทิสติฯ อิมินาว กมฺมฎฺฐาเนนาติ อิมินา อานาปานสฺสติกมฺมฎฺฐาเนนฯ มหาหตฺถิปถํ นีหรโนฺต วิยาติ กมฺมฎฺฐานวีถิํ มหาหตฺถิมคฺคํ กตฺวา ทเสฺสโนฺต วิยฯ
Ābhisamācārikasīlanti ettha abhisamācāroti uttamasamācāro, tadeva ābhisamācārikaṃ sīlaṃ, khandhakavattapariyāpannassa sīlassetaṃ adhivacanaṃ. Ahaṃ sīlaṃ rakkhāmīti ubhatovibhaṅgapariyāpannaṃ sīlaṃ sandhāya vuttaṃ. Āvāsoti āvāsapalibodho. Kulantiādīsupi eseva nayo. Kammanti navakammaṃ. Iddhīti pothujjanikā iddhi, sā vipassanāya palibodho. So upacchinditabboti visuddhimagge (visuddhi. 1.41) vuttena tassa tassa palibodhassa upacchedappakārena upacchinditabbo. Yogānuyogoti yogassa bhāvanāya anuyuñjanaṃ. Aṭṭhatiṃsārammaṇesūti ālokākāsakasiṇadvayaṃ vajjetvā pāḷiyaṃ āgatānaṃ aṭṭhannaṃ kasiṇānaṃ vasena vuttaṃ, cattārīsaññeva pana kammaṭṭhānāni. Yathāvutteneva nayenāti yogānuyogakammassa padaṭṭhānattāti imamatthaṃ atidisati. Imināva kammaṭṭhānenāti iminā ānāpānassatikammaṭṭhānena. Mahāhatthipathaṃ nīharanto viyāti kammaṭṭhānavīthiṃ mahāhatthimaggaṃ katvā dassento viya.
วุตฺตปฺปการมาจริยนฺติ ‘‘อิมินาว กมฺมฎฺฐาเนน จตุตฺถชฺฌานํ นิพฺพเตฺตตฺวา วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา อรหตฺตํ ปตฺตสฺสา’’ติอาทินา เหฎฺฐา วุตฺตปฺปการํ อาจริยํฯ ‘‘ปิโย ครุ ภาวนีโย’’ติอาทินา (อ. นิ. ๗.๓๗; เนตฺติ. ๑๑๓; มิ. ป. ๖.๑.๑๐) วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๑.๔๒) วุตฺตปฺปการมาจริยนฺติปิ วทนฺติฯ ปญฺจสนฺธิกนฺติ ปญฺจปพฺพํ, ปญฺจภาคนฺติ อโตฺถฯ กมฺมฎฺฐานสฺส อุคฺคณฺหนนฺติ กมฺมฎฺฐานคนฺถสฺส อุคฺคณฺหนํฯ ตทตฺถปริปุจฺฉา กมฺมฎฺฐานสฺส ปริปุจฺฉา, ตตฺถ สํสยปริปุจฺฉา วาฯ กมฺมฎฺฐานสฺส อุปฎฺฐานนฺติ เอวํ ภาวนมนุยุญฺชนฺตสฺส เอวมิธ นิมิตฺตํ อุปติฎฺฐตีติ อุปธารณํฯ ตถา กมฺมฎฺฐานปฺปนา เอวํ ฌานมเปฺปตีติฯ กมฺมฎฺฐานสฺส ลกฺขณนฺติ คณนานุพนฺธนาผุสนานํ วเสน ภาวนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา ฐปนาวเสน มตฺถกปฺปตฺติ อิธ ภาวนาติ กมฺมฎฺฐานสภาวสฺส สลฺลกฺขณํ, เตนาห ‘‘กมฺมฎฺฐานสภาวูปธารณนฺติ วุตฺตํ โหตี’’ติฯ
Vuttappakāramācariyanti ‘‘imināva kammaṭṭhānena catutthajjhānaṃ nibbattetvā vipassanaṃ vaḍḍhetvā arahattaṃ pattassā’’tiādinā heṭṭhā vuttappakāraṃ ācariyaṃ. ‘‘Piyo garu bhāvanīyo’’tiādinā (a. ni. 7.37; netti. 113; mi. pa. 6.1.10) visuddhimagge (visuddhi. 1.42) vuttappakāramācariyantipi vadanti. Pañcasandhikanti pañcapabbaṃ, pañcabhāganti attho. Kammaṭṭhānassa uggaṇhananti kammaṭṭhānaganthassa uggaṇhanaṃ. Tadatthaparipucchā kammaṭṭhānassa paripucchā, tattha saṃsayaparipucchā vā. Kammaṭṭhānassa upaṭṭhānanti evaṃ bhāvanamanuyuñjantassa evamidha nimittaṃ upatiṭṭhatīti upadhāraṇaṃ. Tathā kammaṭṭhānappanā evaṃ jhānamappetīti. Kammaṭṭhānassa lakkhaṇanti gaṇanānubandhanāphusanānaṃ vasena bhāvanaṃ ussukkāpetvā ṭhapanāvasena matthakappatti idha bhāvanāti kammaṭṭhānasabhāvassa sallakkhaṇaṃ, tenāha ‘‘kammaṭṭhānasabhāvūpadhāraṇanti vuttaṃ hotī’’ti.
อฎฺฐารสเสนาสนโทสวิวชฺชิตนฺติ มหตฺตํ นวตฺตํ ชิณฺณตฺตํ ปนฺถนิสฺสิตตฺตํ โสณฺฑิปณฺณปุปฺผผลยุตฺตตา ปตฺถนียตา นครทารุเขตฺตสนฺนิสฺสิตตา วิสภาคานํ ปุคฺคลานํ อตฺถิตา ปฎฺฎนสนฺนิสฺสิตตา ปจฺจนฺตสนฺนิสฺสิตตา รชฺชสีมสนฺนิสฺสิตตา อสปฺปายตา กลฺยาณมิตฺตานํ อลาโภติ อิเมหิ อฎฺฐารสหิ เสนาสนโทเสหิ วิวชฺชิตํฯ ปญฺจเสนาสนงฺคสมนฺนาคตนฺติ –
Aṭṭhārasasenāsanadosavivajjitanti mahattaṃ navattaṃ jiṇṇattaṃ panthanissitattaṃ soṇḍipaṇṇapupphaphalayuttatā patthanīyatā nagaradārukhettasannissitatā visabhāgānaṃ puggalānaṃ atthitā paṭṭanasannissitatā paccantasannissitatā rajjasīmasannissitatā asappāyatā kalyāṇamittānaṃ alābhoti imehi aṭṭhārasahi senāsanadosehi vivajjitaṃ. Pañcasenāsanaṅgasamannāgatanti –
‘‘อิธ, ภิกฺขเว, เสนาสนํ นาติทูรํ โหติ นาจฺจาสนฺนํ คมนาคมนสมฺปนฺนํ ทิวา อปฺปากิณฺณํ รตฺติํ อปฺปสทฺทํ อปฺปนิโคฺฆสํ อปฺปฑํสมกสวาตาตปสรีสปสมฺผสฺสํ, ตสฺมิํ โข ปน เสนาสเน วิหรนฺตสฺส อปฺปกสิเรน อุปฺปชฺชนฺติ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา, ตสฺมิํ โข ปน เสนาสเน เถรา ภิกฺขู วิหรนฺติ …เป.… เอวํ โข, ภิกฺขเว, เสนาสนํ ปญฺจงฺคสมนฺนาคตํ โหตี’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๑๑) –
‘‘Idha, bhikkhave, senāsanaṃ nātidūraṃ hoti nāccāsannaṃ gamanāgamanasampannaṃ divā appākiṇṇaṃ rattiṃ appasaddaṃ appanigghosaṃ appaḍaṃsamakasavātātapasarīsapasamphassaṃ, tasmiṃ kho pana senāsane viharantassa appakasirena uppajjanti cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānapaccayabhesajjaparikkhārā, tasmiṃ kho pana senāsane therā bhikkhū viharanti …pe… evaṃ kho, bhikkhave, senāsanaṃ pañcaṅgasamannāgataṃ hotī’’ti (a. ni. 10.11) –
เอวํ ภควตา วุเตฺตหิ ปญฺจหิ เสนาสนเงฺคหิ สมนฺนาคตํ, เอตฺถ จ นาติทูรตาทิ เอกํ, ทิวา อปฺปากิณฺณตาทิ เอกํ, อปฺปฑํสาทิตา เอกํ, จีวราทิลาโภ เอกํ, เถรานํ ภิกฺขูนํ นิวาโส เอกนฺติ เอวํ ปญฺจงฺคานิ เวทิตพฺพานิฯ
Evaṃ bhagavatā vuttehi pañcahi senāsanaṅgehi samannāgataṃ, ettha ca nātidūratādi ekaṃ, divā appākiṇṇatādi ekaṃ, appaḍaṃsāditā ekaṃ, cīvarādilābho ekaṃ, therānaṃ bhikkhūnaṃ nivāso ekanti evaṃ pañcaṅgāni veditabbāni.
อุปจฺฉินฺนขุทฺทกปลิโพเธนาติ ทีฆานํ เกสาทีนํ หรเณน ปตฺตจีวราทีนํ ปจนตุนฺนกรณรชนาทิกรเณหิ จ อุปจฺฉินฺนา ขุทฺทกา ปลิโพธา เยน, เตนฯ ภตฺตสมฺมทนฺติ โภชนนิมิตฺตํ ปริสฺสมํฯ อาจริยโต อุคฺคโห อาจริยุคฺคโห, สโพฺพปิ กมฺมฎฺฐานวิธิ, น ปุเพฺพ วุตฺตอุคฺคหมตฺตํ, ตโตฯ เอกปทมฺปีติ เอกโกฎฺฐาสมฺปิฯ
Upacchinnakhuddakapalibodhenāti dīghānaṃ kesādīnaṃ haraṇena pattacīvarādīnaṃ pacanatunnakaraṇarajanādikaraṇehi ca upacchinnā khuddakā palibodhā yena, tena. Bhattasammadanti bhojananimittaṃ parissamaṃ. Ācariyato uggaho ācariyuggaho, sabbopi kammaṭṭhānavidhi, na pubbe vuttauggahamattaṃ, tato. Ekapadampīti ekakoṭṭhāsampi.
อนุวหนาติ อสฺสาสปสฺสาสานํ อนุคมนวเสน สติยา นิรนฺตรํ อนุปฺปวตฺตนาฯ ยสฺมา ปน คณนาทิวเสน วิย ผุสนาวเสน วิสุํ มนสิกาโร นตฺถิ, ผุฎฺฐผุฎฺฐฎฺฐาเน เอว คณนาทิ กาตพฺพนฺติ ทเสฺสตุํ อิธ ผุสนาคหณนฺติ ทีเปโนฺต ‘‘ผุสนาติ ผุฎฺฐฎฺฐาน’’นฺติ อาหฯ ฐปนาติ สมาธานํ, สมาธิปฺปธานา ปน อปฺปนาติ อาห ‘‘ฐปนาติ อปฺปนา’’ติฯ อนิจฺจตาทีนํ ลกฺขณโต สลฺลกฺขณา วิปสฺสนาฯ ปวตฺตโต นิมิตฺตโต จ วินิวฎฺฎนโต วินิวฎฺฎนา มโคฺคฯ กิเลสปฎิปฺปสฺสทฺธิภาวโต ปาริสุทฺธิ ผลํฯ เตสนฺติ วินิวฎฺฎนาปาริสุทฺธีนํฯ ขณฺฑนฺติ ‘‘เอกํ ตีณิ ปญฺจา’’ติ เอกนฺตริกาทิภาเวน คณนาย ขณฺฑนํฯ อถ วา ขณฺฑนฺติ อนฺตรนฺตรา กติปยกาลํ อคเณตฺวา ปุน คณนวเสน อนฺตรา โอธิปริเจฺฉโท น ทเสฺสตโพฺพฯ ตถา ขณฺฑํ ทเสฺสนฺตสฺส หิ ‘‘กมฺมฎฺฐานนินฺนํ ปวตฺตติ นุ โข เม จิตฺตํ, โน’’ติ วีมํสุปฺปตฺติยา วิเกฺขโป โหติ, เตนาห สิขาปฺปตฺตํ นุ โข เมติอาทิ, อิทญฺจ เอวํ ขณฺฑํ ทเสฺสตฺวา จิรตรํ คณนาย มนสิกโรนฺตสฺส วเสน วุตฺตํฯ โส หิ ตถา ลทฺธํ อวิเกฺขปมตฺตํ นิสฺสาย เอวํ มเญฺญยฺยฯ โย อุปฎฺฐาติ, ตํ คเหตฺวาติ อิทํ อสฺสาสปสฺสาเสสุ ยสฺส เอโกว ปฐมํ อุปฎฺฐาติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ, ยสฺส ปน อุโภปิ อุปฎฺฐหนฺติ, เตน อุภยมฺปิ คเหตฺวา คณิตพฺพํฯ โย อุปฎฺฐาตีติ อิมินาว ทฺวีสุ นาสาปุฎวาเตสุ โย ปากโฎ โหติ, โส คเหตโพฺพติ อยมฺปิ อโตฺถ ทีปิโตติ คเหตพฺพํฯ ปฐมํ เอเกกสฺมิํ อุปฎฺฐิเตปิ อุปลเกฺขตฺวา คณนฺตเสฺสว กเมน อุโภปิ ปากฎา โหนฺตีติ อาห ‘‘อสฺสาสปสฺสาสา ปากฎา โหนฺตี’’ติฯ เอวํ สีฆํ สีฆํ คเณตพฺพเมวาติ สมฺพโนฺธฯ เอวํ สีฆคณนารมฺภสฺส โอกาสํ ทเสฺสตุํ อิมสฺสาปิ ปุริมนเยน คณยโตติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ปุริมนเยนาติ ทนฺธคณนาย, ปากฎา หุตฺวาติ อิมินา ทนฺธคณนาย อารทฺธกาเล จิตฺตสฺส อวิสทตาย สุขุมสฺสาสาทีนํ อปากฎตํ, ปจฺฉา วิสทกาเล ปากฎตญฺจ เตสุ จ ปากเฎสุ ทนฺธคณนํ ปหาย สีฆคณนา กาตพฺพาติ ทเสฺสติฯ สีฆคณนาย นิปฺปริยายโต นิรนฺตรปฺปวตฺติ อปฺปนาวีถิยเมว, น กามาวจเร ภวงฺคนฺตริกตฺตาติ อาห ‘‘นิรนฺตรปฺปวตฺตํ วิยา’’ติฯ ปุริมนเยเนวาติ สีฆคณนายฯ อโนฺต ปวิสนฺตํ วาตํ มนสิกโรโนฺต อโนฺต จิตฺตํ ปเวเสติ นามฯ
Anuvahanāti assāsapassāsānaṃ anugamanavasena satiyā nirantaraṃ anuppavattanā. Yasmā pana gaṇanādivasena viya phusanāvasena visuṃ manasikāro natthi, phuṭṭhaphuṭṭhaṭṭhāne eva gaṇanādi kātabbanti dassetuṃ idha phusanāgahaṇanti dīpento ‘‘phusanāti phuṭṭhaṭṭhāna’’nti āha. Ṭhapanāti samādhānaṃ, samādhippadhānā pana appanāti āha ‘‘ṭhapanāti appanā’’ti. Aniccatādīnaṃ lakkhaṇato sallakkhaṇā vipassanā. Pavattato nimittato ca vinivaṭṭanato vinivaṭṭanā maggo. Kilesapaṭippassaddhibhāvato pārisuddhi phalaṃ. Tesanti vinivaṭṭanāpārisuddhīnaṃ. Khaṇḍanti ‘‘ekaṃ tīṇi pañcā’’ti ekantarikādibhāvena gaṇanāya khaṇḍanaṃ. Atha vā khaṇḍanti antarantarā katipayakālaṃ agaṇetvā puna gaṇanavasena antarā odhiparicchedo na dassetabbo. Tathā khaṇḍaṃ dassentassa hi ‘‘kammaṭṭhānaninnaṃ pavattati nu kho me cittaṃ, no’’ti vīmaṃsuppattiyā vikkhepo hoti, tenāha sikhāppattaṃ nu kho metiādi, idañca evaṃ khaṇḍaṃ dassetvā cirataraṃ gaṇanāya manasikarontassa vasena vuttaṃ. So hi tathā laddhaṃ avikkhepamattaṃ nissāya evaṃ maññeyya. Yo upaṭṭhāti, taṃ gahetvāti idaṃ assāsapassāsesu yassa ekova paṭhamaṃ upaṭṭhāti, taṃ sandhāya vuttaṃ, yassa pana ubhopi upaṭṭhahanti, tena ubhayampi gahetvā gaṇitabbaṃ. Yo upaṭṭhātīti imināva dvīsu nāsāpuṭavātesu yo pākaṭo hoti, so gahetabboti ayampi attho dīpitoti gahetabbaṃ. Paṭhamaṃ ekekasmiṃ upaṭṭhitepi upalakkhetvā gaṇantasseva kamena ubhopi pākaṭā hontīti āha ‘‘assāsapassāsā pākaṭā hontī’’ti. Evaṃ sīghaṃ sīghaṃ gaṇetabbamevāti sambandho. Evaṃ sīghagaṇanārambhassa okāsaṃ dassetuṃ imassāpi purimanayena gaṇayatotiādi vuttaṃ. Tattha purimanayenāti dandhagaṇanāya, pākaṭā hutvāti iminā dandhagaṇanāya āraddhakāle cittassa avisadatāya sukhumassāsādīnaṃ apākaṭataṃ, pacchā visadakāle pākaṭatañca tesu ca pākaṭesu dandhagaṇanaṃ pahāya sīghagaṇanā kātabbāti dasseti. Sīghagaṇanāya nippariyāyato nirantarappavatti appanāvīthiyameva, na kāmāvacare bhavaṅgantarikattāti āha ‘‘nirantarappavattaṃ viyā’’ti. Purimanayenevāti sīghagaṇanāya. Anto pavisantaṃ vātaṃ manasikaronto anto cittaṃ paveseti nāma.
เอตนฺติ เอตํ อสฺสาสปสฺสาสชาตํฯ อนุคมนนฺติ ผุฎฺฐฎฺฐาเน มนสิกรณเมว, น อสฺสาสปสฺสาสานํ อนุวตฺตนํ, เตนาห – ‘‘ตญฺจ โข น อาทิมชฺฌปริโยสานานุคมนวเสนา’’ติฯ ผุสนาฐปนาวเสน วิสุํ มนสิกาโร นตฺถีติ อิมินา ยถา คณนาย ผุสนาย จ มนสิกโรติ, เอวํ อนุพนฺธนํ วินา เกวลํ ฐปนาย จ ผุสนาย จ มนสิกาโรปิ นตฺถีติ ทเสฺสเนฺตน คณนํ ปฎิสํหริตฺวา ยาว อปฺปนา อุปฺปชฺชติ, ตาว อนุพนฺธนาย จ ผุสนาย จ มนสิกโรติ, อปฺปนาย ปน อุปฺปนฺนาย อนุพนฺธนาย ฐปนาย จ มนสิกโรติ นามาติ ทีปิตํ โหติ, อฎฺฐกถายํ ปน อนุพนฺธนาย วินา ฐปนาย มนสิกาโร นตฺถีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘อนุพนฺธนาย จ ผุสนาย จ ฐปนาย จ มนสิกโรตีติ วุจฺจตี’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตนฺติ คเหตพฺพํ ฯ ยา อจฺจนฺตาย น มิโนติ น วินิจฺฉนติ, สา มานสฺส สมีเปติ อุปมานํ สิทฺธสาทิเสน สาธฺยสาธนํ ยถา โค วิย ควโยติฯ ปงฺคุโฬติ ปีฐสปฺปีฯ โทลาติ เปโงฺขโลฯ กีฬตนฺติ กีฬนฺตานํฯ อุปนิพนฺธนตฺถมฺภมูเลติ นาสิกคฺคํ มุขนิมิตฺตญฺจ สนฺธาย วุตฺตํฯ อาทิโต ปภุตีติ อุปเมยฺยตฺถทสฺสนโต ปฎฺฐายฯ นิมิตฺตนฺติ อุปนิพนฺธนนิมิตฺตํ นาสิกคฺคํ, มุขนิมิตฺตํ วาฯ อนารมฺมณเมกจิตฺตสฺสาติ อสฺสาสปสฺสาสานํ เอกกฺขเณ อปฺปวตฺตนโต เอกสฺส จิตฺตสฺส ตโยปิ อารมฺมณํ น โหนฺติ, นิมิเตฺตน สห อสฺสาโส ปสฺสาโส วาติ เทฺวเยว เอกกฺขเณ อารมฺมณํ โหนฺตีติ อโตฺถฯ อชานโต จ ตโย ธเมฺมติ นิมิตฺตํ อสฺสาโส ปสฺสาโสติ อิเม ตโย ธเมฺม อารมฺมณกรณวเสน อวินฺทนฺตสฺส, จ-สโทฺท พฺยติเรโก, เตน เอวญฺจ สติ อยํ อนิฎฺฐปฺปสโงฺคติ พฺยติเรกํ ทเสฺสติฯ ภาวนาติ อานาปานสฺสติภาวนาฯ
Etanti etaṃ assāsapassāsajātaṃ. Anugamananti phuṭṭhaṭṭhāne manasikaraṇameva, na assāsapassāsānaṃ anuvattanaṃ, tenāha – ‘‘tañca kho na ādimajjhapariyosānānugamanavasenā’’ti. Phusanāṭhapanāvasena visuṃ manasikāro natthīti iminā yathā gaṇanāya phusanāya ca manasikaroti, evaṃ anubandhanaṃ vinā kevalaṃ ṭhapanāya ca phusanāya ca manasikāropi natthīti dassentena gaṇanaṃ paṭisaṃharitvā yāva appanā uppajjati, tāva anubandhanāya ca phusanāya ca manasikaroti, appanāya pana uppannāya anubandhanāya ṭhapanāya ca manasikaroti nāmāti dīpitaṃ hoti, aṭṭhakathāyaṃ pana anubandhanāya vinā ṭhapanāya manasikāro natthīti dassanatthaṃ ‘‘anubandhanāya ca phusanāya ca ṭhapanāya ca manasikarotīti vuccatī’’ti ettakameva vuttanti gahetabbaṃ . Yā accantāya na minoti na vinicchanati, sā mānassa samīpeti upamānaṃ siddhasādisena sādhyasādhanaṃ yathā go viya gavayoti. Paṅguḷoti pīṭhasappī. Dolāti peṅkholo. Kīḷatanti kīḷantānaṃ. Upanibandhanatthambhamūleti nāsikaggaṃ mukhanimittañca sandhāya vuttaṃ. Ādito pabhutīti upameyyatthadassanato paṭṭhāya. Nimittanti upanibandhananimittaṃ nāsikaggaṃ, mukhanimittaṃ vā. Anārammaṇamekacittassāti assāsapassāsānaṃ ekakkhaṇe appavattanato ekassa cittassa tayopi ārammaṇaṃ na honti, nimittena saha assāso passāso vāti dveyeva ekakkhaṇe ārammaṇaṃ hontīti attho. Ajānato ca tayo dhammeti nimittaṃ assāso passāsoti ime tayo dhamme ārammaṇakaraṇavasena avindantassa, ca-saddo byatireko, tena evañca sati ayaṃ aniṭṭhappasaṅgoti byatirekaṃ dasseti. Bhāvanāti ānāpānassatibhāvanā.
กถํ อิเม…เป.… วิเสสมธิคจฺฉตีติ อิทํ ปริหารคาถาย วุตฺตเมวตฺถํ กกโจปมาย (ม. นิ. ๑.๒๒๒ อาทโย) วิวริตุํ ปุจฺฉาฐปนํฯ ตตฺถ กถํ-สโทฺท ปเจฺจกํ โยเชตโพฺพ ‘‘กถมิเม อวิทิตา…เป.… กถํ วิเสสมธิคจฺฉตี’’ติฯ ปธานนฺติ ภาวนานิปฺผาทกํ วีริยํฯ ปโยคนฺติ นีวรณวิกฺขมฺภกํ ภาวนานุโยคํฯ วิเสสนฺติ อรหตฺตปริโยสานวิเสสํฯ ปธานนฺติ รุกฺขสฺส เฉทนวีริยํฯ ปโยคนฺติ ตเสฺสว เฉทนกกิริยํฯ กิญฺจาเปตฺถ ‘‘วิเสสมธิคจฺฉตี’’ติ อุปมายํ น วุตฺตํ, ตถาปิ อตฺถโต โยเชตพฺพเมวฯ ยถา รุโกฺขติอาทิ อุปมาสํสนฺทนํฯ นาสิกเคฺค วา มุขนิมิเตฺต วาติ ทีฆนาสิโก นาสิกเคฺค, อิตโร มุขํ นิมิยติ ฉาทิยติ เอเตนาติ มุขนิมิตฺตนฺติ ลทฺธนาเม อุตฺตโรเฎฺฐฯ
Kathaṃ ime…pe… visesamadhigacchatīti idaṃ parihāragāthāya vuttamevatthaṃ kakacopamāya (ma. ni. 1.222 ādayo) vivarituṃ pucchāṭhapanaṃ. Tattha kathaṃ-saddo paccekaṃ yojetabbo ‘‘kathamime aviditā…pe… kathaṃ visesamadhigacchatī’’ti. Padhānanti bhāvanānipphādakaṃ vīriyaṃ. Payoganti nīvaraṇavikkhambhakaṃ bhāvanānuyogaṃ. Visesanti arahattapariyosānavisesaṃ. Padhānanti rukkhassa chedanavīriyaṃ. Payoganti tasseva chedanakakiriyaṃ. Kiñcāpettha ‘‘visesamadhigacchatī’’ti upamāyaṃ na vuttaṃ, tathāpi atthato yojetabbameva. Yathā rukkhotiādi upamāsaṃsandanaṃ. Nāsikagge vā mukhanimitte vāti dīghanāsiko nāsikagge, itaro mukhaṃ nimiyati chādiyati etenāti mukhanimittanti laddhanāme uttaroṭṭhe.
อิทํ ปธานนฺติ เยน วีริยารเมฺภน กาโยปิ จิตฺตมฺปิ ภาวนากมฺมสฺส อรหํ อิธ ปธานนฺติ ผเลน เหตุํ ทเสฺสติฯ อุปกฺกิเลสาติ นีวรณาฯ วิตกฺกาติ กามวิตกฺกาทิมิจฺฉาวิตกฺกา, นีวรณปฺปหาเนน วา ปฐมชฺฌานาธิคมํ ทเสฺสตฺวา วิตกฺกูปสมาปเทเสน ทุติยชฺฌานาทีนมธิคมมาหฯ อยํ ปโยโคติ อยํ ฌานาธิคมสฺส เหตุภูโต กมฺมฎฺฐานานุโยคสงฺขาโต ปโยโคฯ สํโยชนา ปหียนฺตีติ ทสปิ สํโยชนานิ มคฺคปอปาฎิยา สมุเจฺฉทวเสน ปหียนฺติฯ พฺยนฺตี โหนฺตีติ ตถา สตฺตปิ อนุสยา ภงฺคมตฺตสฺสปิ อนวเสสโต วิคตนฺตา โหนฺติฯ อยํ วิเสโสติ อิมํ สมาธิํ นิสฺสาย อนุกฺกเมน ลพฺภมาโน อยํ สํโยชนปฺปหานาทิโก อิมสฺส สมาธิสฺส วิเสโสติ อโตฺถฯ เอวํ อิเม ตโย ธมฺมาติอาทิ นิคมนวจนํฯ ปริปุณฺณาติ โสฬสนฺนํ วตฺถูนํ ปาริปูริยา สพฺพโส ปุณฺณาฯ อนุปุพฺพนฺติ อนุกฺกเมนฯ ปริจิตาติ ปริจิณฺณาฯ อิมํ โลกนฺติ ขนฺธาทิโลกํ ปญฺญาปภาเสน ปภาเสติฯ
Idaṃ padhānanti yena vīriyārambhena kāyopi cittampi bhāvanākammassa arahaṃ idha padhānanti phalena hetuṃ dasseti. Upakkilesāti nīvaraṇā. Vitakkāti kāmavitakkādimicchāvitakkā, nīvaraṇappahānena vā paṭhamajjhānādhigamaṃ dassetvā vitakkūpasamāpadesena dutiyajjhānādīnamadhigamamāha. Ayaṃ payogoti ayaṃ jhānādhigamassa hetubhūto kammaṭṭhānānuyogasaṅkhāto payogo. Saṃyojanā pahīyantīti dasapi saṃyojanāni maggapaapāṭiyā samucchedavasena pahīyanti. Byantī hontīti tathā sattapi anusayā bhaṅgamattassapi anavasesato vigatantā honti. Ayaṃ visesoti imaṃ samādhiṃ nissāya anukkamena labbhamāno ayaṃ saṃyojanappahānādiko imassa samādhissa visesoti attho. Evaṃ ime tayo dhammātiādi nigamanavacanaṃ. Paripuṇṇāti soḷasannaṃ vatthūnaṃ pāripūriyā sabbaso puṇṇā. Anupubbanti anukkamena. Paricitāti pariciṇṇā. Imaṃ lokanti khandhādilokaṃ paññāpabhāsena pabhāseti.
อิธาติ อิมสฺมิํ ฐาเนฯ อสฺสาติ อุปมาภูตสฺส กกจสฺสฯ อานยเน ปโยชนนฺติ โยเชตพฺพํฯ นิมิตฺตนฺติ ปฎิภาคนิมิตฺตํฯ อวเสสฌานงฺคปฎิมณฺฑิตาติ วิตกฺกาทิอวเสสฌานงฺคปฎิมณฺฑิตาติ วทนฺติฯ วิจาราทีหีติ ปน วตฺตพฺพํ นิปฺปริยาเยน วิตกฺกสฺส อปฺปนาภาวโตฯ โส หิ ‘‘อปฺปนา พฺยปฺปนา’’ติ นิทฺทิโฎฺฐฯ เอวญฺหิ สติ อวเสส-สโทฺท อุปปโนฺน โหติ, วิตกฺกสมฺปโยคโต วา ฌานเงฺคสุ ปธานภูโต สมาธิ อปฺปนาติ กตฺวา ‘‘อวเสสฌานงฺคปฎิมณฺฑิตา อปฺปนาสงฺขาตา ฐปนา จ สมฺปชฺชตี’’ติ วุตฺตํฯ กสฺสจิ ปน คณนาวเสเนว มนสิการกาลโต ปภุตีติ เอตฺถ ‘‘อนุกฺกมโต…เป.… ปตฺตํ วิย โหตี’’ติ อุปริ วกฺขมาโน คโนฺถ ปุราณโปตฺถเกสุ ทิสฺสติ, ตสฺมา อยํ ปาโฐ เอตฺถาปิ ลิขิตโพฺพ, เลขกานํ ปน โทเสน คฬิโตติ เวทิตโพฺพฯ
Idhāti imasmiṃ ṭhāne. Assāti upamābhūtassa kakacassa. Ānayane payojananti yojetabbaṃ. Nimittanti paṭibhāganimittaṃ. Avasesajhānaṅgapaṭimaṇḍitāti vitakkādiavasesajhānaṅgapaṭimaṇḍitāti vadanti. Vicārādīhīti pana vattabbaṃ nippariyāyena vitakkassa appanābhāvato. So hi ‘‘appanā byappanā’’ti niddiṭṭho. Evañhi sati avasesa-saddo upapanno hoti, vitakkasampayogato vā jhānaṅgesu padhānabhūto samādhi appanāti katvā ‘‘avasesajhānaṅgapaṭimaṇḍitā appanāsaṅkhātā ṭhapanā ca sampajjatī’’ti vuttaṃ. Kassaci pana gaṇanāvaseneva manasikārakālato pabhutīti ettha ‘‘anukkamato…pe… pattaṃ viya hotī’’ti upari vakkhamāno gantho purāṇapotthakesu dissati, tasmā ayaṃ pāṭho etthāpi likhitabbo, lekhakānaṃ pana dosena gaḷitoti veditabbo.
โอฬาริเก อสฺสาสปสฺสาเส นิรุเทฺธติอาทิ เหฎฺฐา วุตฺตนยมฺปิ วิเจตพฺพาการปฺปตฺตสฺส กายสงฺขารสฺส วิจยนวิธิํ ทเสฺสตุํ อานีตํฯ เทสโตติ ปุเพฺพ ผุสนวเสน คหิตฎฺฐานโตฯ นิมิตฺตํ ปฎฺฐเปตพฺพนฺติ ปุเพฺพ คหิตาการนิมิตฺตคฺคาหิกา สญฺญา ผุสนฎฺฐาเน ปฎฺฐเปตพฺพาฯ อิมเมว หิ อตฺถวสนฺติ อิมํ อนุปฎฺฐหนฺตสฺส อารมฺมณสฺส อุปฎฺฐานวิธิสงฺขาตํ การณํ ปฎิจฺจฯ อิโตติ อานาปานกมฺมฎฺฐานโตฯ ครุกตา จ ภาวนาทุกฺกรตายาติ อาห ‘‘ครุกภาวน’’นฺติฯ จริตฺวาติ โคจรํ คเหตฺวาฯ นิมิตฺตนฺติ อุคฺคหนิมิตฺตํ, ปฎิภาคนิมิตฺตํ วาฯ อุภยมฺปิ หิ อิธ เอกชฺฌํ วุตฺตํฯ ตถา หิ ตูลปิจุอาทิอุปมตฺตยํ อุคฺคเห ยุชฺชติ, เสสํ อุภยตฺถฯ
Oḷārike assāsapassāse niruddhetiādi heṭṭhā vuttanayampi vicetabbākārappattassa kāyasaṅkhārassa vicayanavidhiṃ dassetuṃ ānītaṃ. Desatoti pubbe phusanavasena gahitaṭṭhānato. Nimittaṃ paṭṭhapetabbanti pubbe gahitākāranimittaggāhikā saññā phusanaṭṭhāne paṭṭhapetabbā. Imameva hi atthavasanti imaṃ anupaṭṭhahantassa ārammaṇassa upaṭṭhānavidhisaṅkhātaṃ kāraṇaṃ paṭicca. Itoti ānāpānakammaṭṭhānato. Garukatā ca bhāvanādukkaratāyāti āha ‘‘garukabhāvana’’nti. Caritvāti gocaraṃ gahetvā. Nimittanti uggahanimittaṃ, paṭibhāganimittaṃ vā. Ubhayampi hi idha ekajjhaṃ vuttaṃ. Tathā hi tūlapicuādiupamattayaṃ uggahe yujjati, sesaṃ ubhayattha.
ตารกรูปํ วิยาติ ตารกาย สรูปํ วิยฯ สญฺญานานตายาติ นิมิตฺตุปฎฺฐานโต ปุเพฺพ ปวตฺตสญฺญานํ นานตายฯ สญฺญชนฺติ ภาวนาสญฺญาย ปริกปฺปิตํ, น อุปฺปาทิตํ อวิชฺชมานตฺตา, เตนาห ‘‘นานโต อุปฎฺฐาตี’’ติฯ เอวํ โหตีติ ภาวนมนุยุตฺตสฺส เอวํ อุปฎฺฐาติฯ เอวนฺติ เอวํ สติ, ยถาวุตฺตนเยน นิมิเตฺต เอว จิตฺตสฺส ฐปเน สตีติ อโตฺถฯ อิโต ปภุตีติ อิโต ปฎิภาคนิมิตฺตุปฺปตฺติโต ปฎฺฐายฯ นิมิเตฺตติ ปฎิภาคนิมิเตฺตฯ ฐปยนฺติ ฐปนาวเสน จิตฺตํ ฐปโนฺตฯ นานาการนฺติ ‘‘จตฺตาโร วณฺณา’’ติ เอวํ วุตฺตํ นานาการํฯ วิภาวยนฺติ วิภาเวโนฺต อนฺตรธาเปโนฺตฯ นิมิตฺตุปฺปตฺติโต ปฎฺฐาย หิ เต อาการา อมนสิกโรโต อนฺตรหิตา วิย โหนฺติฯ อสฺสาสปสฺสาเสติ อสฺสาเส ปสฺสาเส จ โย นานากาโร, ตํ วิภาวยํ อสฺสาสปสฺสาสสมฺภูเต วา นิมิเตฺต จิตฺตํ ฐปยํ สกํ จิตฺตํ นิพนฺธติ นามาติ โยชนาฯ เกจิ ปน วิภาวยนฺติ เอตสฺส วิภาเวโนฺต วิทิตํ ปากฎํ กโรโนฺตติ อตฺถํ วทนฺติ, ตํ ปุพฺพภาควเสน ยุเชฺชยฺยฯ อยเญฺหตฺถ อโตฺถ – อสฺสาสปสฺสาเส นานาการํ วิภาเวโนฺต ปชานโนฺต ตตฺถ ยํ ลทฺธํ นิมิตฺตํ, ตสฺมิํ จิตฺตํ ฐเปโนฺต อนุกฺกเมน สกํ จิตฺตํ นิพนฺธติ อเปฺปตีติฯ
Tārakarūpaṃ viyāti tārakāya sarūpaṃ viya. Saññānānatāyāti nimittupaṭṭhānato pubbe pavattasaññānaṃ nānatāya. Saññajanti bhāvanāsaññāya parikappitaṃ, na uppāditaṃ avijjamānattā, tenāha ‘‘nānato upaṭṭhātī’’ti. Evaṃ hotīti bhāvanamanuyuttassa evaṃ upaṭṭhāti. Evanti evaṃ sati, yathāvuttanayena nimitte eva cittassa ṭhapane satīti attho. Ito pabhutīti ito paṭibhāganimittuppattito paṭṭhāya. Nimitteti paṭibhāganimitte. Ṭhapayanti ṭhapanāvasena cittaṃ ṭhapanto. Nānākāranti ‘‘cattāro vaṇṇā’’ti evaṃ vuttaṃ nānākāraṃ. Vibhāvayanti vibhāvento antaradhāpento. Nimittuppattito paṭṭhāya hi te ākārā amanasikaroto antarahitā viya honti. Assāsapassāseti assāse passāse ca yo nānākāro, taṃ vibhāvayaṃ assāsapassāsasambhūte vā nimitte cittaṃ ṭhapayaṃ sakaṃ cittaṃ nibandhati nāmāti yojanā. Keci pana vibhāvayanti etassa vibhāvento viditaṃ pākaṭaṃ karontoti atthaṃ vadanti, taṃ pubbabhāgavasena yujjeyya. Ayañhettha attho – assāsapassāse nānākāraṃ vibhāvento pajānanto tattha yaṃ laddhaṃ nimittaṃ, tasmiṃ cittaṃ ṭhapento anukkamena sakaṃ cittaṃ nibandhati appetīti.
กิเลสาติ อวเสสกิเลสาฯ สนฺนิสินฺนาเยวาติ อลทฺธนีวรณสหายา โอลีนาเยวฯ อุปจารภูมิยนฺติ อุปจาราวตฺถายํฯ ลกฺขณโตติ วิกฺขมฺภนาทิสภาวโต วา อนิจฺจาทิสภาวโต วาฯ โคจโรติ ภิกฺขาจารคาโมฯ ยตฺถ ทุลฺลภา สปฺปายภิกฺขา, โส อสปฺปาโย, อิตโร สปฺปาโยฯ ภสฺสนฺติ ทสกถาวตฺถุนิสฺสิตํ ภสฺสํ, ตํ สปฺปายํ, อิตรมสปฺปายํฯ เสเสสุ อาวาสาทีสุ ยตฺถ ยตฺถ อสมาหิตํ จิตฺตํ สมาธิยติ, ตํ ตํ สปฺปายํ, อิตรมสปฺปายนฺติ คเหตพฺพํฯ ยสฺส ปน เอวํ สตฺตวิธํ อสปฺปายํ วเชฺชตฺวา สปฺปายเมว เสวนฺตสฺสปิ อปฺปนา น โหติ, เตน สมฺปาเทตพฺพํ ทสวิธํ อปฺปนาโกสลฺลํ ทเสฺสโนฺต วตฺถุวิสทกิริยาติอาทิมาหฯ ตตฺถ วตฺถุวิสทกิริยา นาม เกสนขเจฺฉทนาทีหิ อชฺฌตฺติกสฺส สรีรวตฺถุสฺส, จีวรเสนาสนาทิโธวนปริกมฺมาทีหิ พาหิรวตฺถุสฺส จ วิสทภาวกรณํฯ เอวญฺหิ ญาณมฺปิ วิสทกิจฺจนิปฺผตฺติกรํ โหติฯ อินฺทฺริยสมตฺตปฎิปาทนตา นาม สทฺธาทีนํ อินฺทฺริยานํ สมภาวกรณํฯ นิมิตฺตกุสลตา นาม ภาวนาย ลทฺธนิมิตฺตสฺส รกฺขณโกสลฺลํฯ ยสฺมิํ สมเย จิตฺตํ นิคฺคเหตพฺพนฺติอาทีสุ ยสฺมิํ สมเย จิตฺตํ อจฺจารทฺธตาทีหิ การเณหิ อุทฺธตตาย นิคฺคเหตพฺพํ, ตทา ธมฺมวิจยสโมฺพชฺฌงฺคาทโย ตโย อภาเวตฺวา ปสฺสทฺธาทีนํ ติณฺณํ ภาวเนน จิตฺตสฺส นิคฺคณฺหนา โหติฯ ยทาสฺส จิตฺตํ อติสิถิลวีริยตาทีหิ ลีนตาย ปคฺคเหตพฺพํ, ตทา ปสฺสทฺธิสโมฺพชฺฌงฺคาทโย ตโย อภาเวตฺวา ธมฺมวิจยาทีนํ ติณฺณํ ภาวเนน จิตฺตสฺส ปคฺคณฺหนํ โหติฯ ยทาสฺส ปญฺญาปโยคมนฺทตาทีหิ นิรสฺสาทํ จิตฺตํ โหติ, ตทา ตสฺส จิตฺตสฺส อฎฺฐสํเวควตฺถุปจฺจเวกฺขณาทินา (อ. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑.๔๑๘) สมฺปหํสนสงฺขาตา สํเวชนา โหติฯ ยทา ปนสฺส เอวํ ปฎิปชฺชนโต อลีนํ อนุทฺธตํ อนิรสฺสาทํ อารมฺมเณ สมปฺปวตฺตํ สมถวีถิปฎิปนฺนญฺจ จิตฺตํ โหติ, ตทา ตสฺส ปคฺคหนิคฺคหสมฺปหํสเนสุ อพฺยาปารตาสมาปชฺชเนน อชฺฌุเปกฺขนา โหติฯ
Kilesāti avasesakilesā. Sannisinnāyevāti aladdhanīvaraṇasahāyā olīnāyeva. Upacārabhūmiyanti upacārāvatthāyaṃ. Lakkhaṇatoti vikkhambhanādisabhāvato vā aniccādisabhāvato vā. Gocaroti bhikkhācāragāmo. Yattha dullabhā sappāyabhikkhā, so asappāyo, itaro sappāyo. Bhassanti dasakathāvatthunissitaṃ bhassaṃ, taṃ sappāyaṃ, itaramasappāyaṃ. Sesesu āvāsādīsu yattha yattha asamāhitaṃ cittaṃ samādhiyati, taṃ taṃ sappāyaṃ, itaramasappāyanti gahetabbaṃ. Yassa pana evaṃ sattavidhaṃ asappāyaṃ vajjetvā sappāyameva sevantassapi appanā na hoti, tena sampādetabbaṃ dasavidhaṃ appanākosallaṃ dassento vatthuvisadakiriyātiādimāha. Tattha vatthuvisadakiriyā nāma kesanakhacchedanādīhi ajjhattikassa sarīravatthussa, cīvarasenāsanādidhovanaparikammādīhi bāhiravatthussa ca visadabhāvakaraṇaṃ. Evañhi ñāṇampi visadakiccanipphattikaraṃ hoti. Indriyasamattapaṭipādanatā nāma saddhādīnaṃ indriyānaṃ samabhāvakaraṇaṃ. Nimittakusalatā nāma bhāvanāya laddhanimittassa rakkhaṇakosallaṃ. Yasmiṃ samaye cittaṃ niggahetabbantiādīsu yasmiṃ samaye cittaṃ accāraddhatādīhi kāraṇehi uddhatatāya niggahetabbaṃ, tadā dhammavicayasambojjhaṅgādayo tayo abhāvetvā passaddhādīnaṃ tiṇṇaṃ bhāvanena cittassa niggaṇhanā hoti. Yadāssa cittaṃ atisithilavīriyatādīhi līnatāya paggahetabbaṃ, tadā passaddhisambojjhaṅgādayo tayo abhāvetvā dhammavicayādīnaṃ tiṇṇaṃ bhāvanena cittassa paggaṇhanaṃ hoti. Yadāssa paññāpayogamandatādīhi nirassādaṃ cittaṃ hoti, tadā tassa cittassa aṭṭhasaṃvegavatthupaccavekkhaṇādinā (a. ni. aṭṭha. 1.1.418) sampahaṃsanasaṅkhātā saṃvejanā hoti. Yadā panassa evaṃ paṭipajjanato alīnaṃ anuddhataṃ anirassādaṃ ārammaṇe samappavattaṃ samathavīthipaṭipannañca cittaṃ hoti, tadā tassa paggahaniggahasampahaṃsanesu abyāpāratāsamāpajjanena ajjhupekkhanā hoti.
ตทธิมุตฺตตา นาม สมาธิอธิมุตฺตตา, สมาธินินฺนโปณปพฺภารตาติ อโตฺถฯ เอตฺถาติ เอติสฺสํ กายานุปสฺสนายํฯ
Tadadhimuttatā nāma samādhiadhimuttatā, samādhininnapoṇapabbhāratāti attho. Etthāti etissaṃ kāyānupassanāyaṃ.
ปาริสุทฺธิํ ปตฺตุกาโมติ ผลํ อธิคนฺตุกาโม สมาปชฺชิตุกาโม จฯ ตตฺถ สลฺลกฺขณาวิวฎฺฎนาวเสน ปฐมํ มคฺคานนฺตรผลํ อธิคนฺตุกาโมฯ ตโต ปรํ สลฺลกฺขณวเสน ผลสมาปตฺติํ สมาปชฺชิตุกาโมปีติ เอวมโตฺถ คเหตโพฺพฯ อาวชฺชนสมาปชฺชน…เป.… วสิปฺปตฺตนฺติ เอตฺถ ปฎิลทฺธฌานโต วุฎฺฐาย วิตกฺกาทีสุ ฌานเงฺคสุ เอเกกํ อาวชฺชยโต ภวงฺคํ อุปจฺฉินฺทิตฺวา อุปฺปนฺนาวชฺชนานนฺตรํ วิตกฺกาทีสุ ยถาวชฺชิตฌานงฺคารมฺมณานิ กามาวจรชวนานิ ภวงฺคนฺตริตานิ ยทา นิรนฺตรํ ปวตฺตนฺติ, อถสฺส อาวชฺชนวสี สิทฺธา โหติฯ ตํ ปน ฌานํ สมาปชฺชิตุกามตานนฺตรํ สีฆํ สมาปชฺชนสมตฺถตา สมาปชฺชนวสี นามฯ อจฺฉรามตฺตํ วา ทสจฺฉรามตฺตํ วา ขณํ ฌานํ ฐเปตุํ สมตฺถตา อธิฎฺฐานวสี นามฯ ตเถว ลหุํ ขณํ ฌานสมงฺคี หุตฺวา ฌานโต ภวงฺคุปฺปตฺติวเสน วุฎฺฐาตุํ สมตฺถตา วุฎฺฐานวสี นามฯ ‘‘เอตฺตกเมว ขณํ สมาปชฺชิสฺสามี’’ติ, ‘‘เอตฺตกเมว ขณํ ฌานสมงฺคี หุตฺวา ฌานโต วุฎฺฐหิสฺสามี’’ติ จ ปวตฺตปุพฺพปริกมฺมเภเทเนตฺถ อธิฎฺฐานวุฎฺฐานวสิโย ภินฺนา, น สรูปเภเทน, ยา ‘‘สมาปตฺติกุสลตา, วุฎฺฐานกุสลตา’’ติ วุจฺจนฺติฯ ปจฺจเวกฺขณวสี ปน อาวชฺชนวสิยา เอว วุตฺตาฯ ปจฺจเวกฺขณวีถิยญฺหิ สีฆํ อาวชฺชนุปฺปตฺติยา อาวชฺชนวสี ตทนนฺตรานํ ชวนานํ สมุปฺปตฺติยา ปจฺจเวกฺขณวสีติ อาวชฺชนวสีสิทฺธิยาว ปจฺจเวกฺขณวสี สิทฺธา เอว โหตีติ เวทิตพฺพาฯ ฌานงฺคานิ ปริคฺคเหตฺวาติ ฌานจิตฺตสมฺปยุตฺตานิ ฌานงฺคานิ ลกฺขณาทิวเสน ปริคฺคเหตฺวาฯ เตสญฺจ นิสฺสยนฺติ เตสํ วตฺถุนิสฺสยานํ ภูตานํ นิสฺสยํฯ อิทญฺจ กรชกายสฺส วตฺถุทสกสฺส ภูตนิสฺสยตฺตา สุตฺตนฺตนเยน วุตฺตํ, น ปฎฺฐานนเยนฯ น หิ กลาปนฺตรคตานิ ภูตานิ กลาปนฺตรคตานํ ภูตานํ นิสฺสยปจฺจยา โหนฺติ, สุตฺตนฺตนเยน ปน อุปนิสฺสยปจฺจโยติ เวทิตพฺพานิฯ ปฎฺฐาเน หิ อสงฺคหิตา สเพฺพ ปจฺจยา สุตฺตนฺติกนเยน อุปนิสฺสยปจฺจเย สงฺคยฺหนฺตีติ เวทิตพฺพํฯ ตํนิสฺสิตรูปานีติ อุปาทารูปานิฯ ยถาปริคฺคหิตรูปวตฺถุทฺวารารมฺมณํ วาติ เอตฺถ ยถาปริคฺคหิตเกสาทิรูปารมฺมณํ ตโต ปุเพฺพ วุตฺตนยวตฺถารมฺมณญฺจ ตนฺนิสฺสยกรชกายปอคฺคหมุเขน อุปฎฺฐิตจกฺขาทิทฺวารญฺจ สสมฺปยุตฺตธมฺมวิญฺญาณํ วาติ โยเชตพฺพํฯ กมฺมารคคฺครีติ กมฺมารานํ อคฺคิธมนภสฺตาฯ ตชฺชนฺติ ตทนุรูปํฯ ตสฺสาติ นามรูปสฺสฯ ตํ ทิสฺวาติ อวิชฺชาตณฺหาทิปจฺจยํ ทิสฺวาฯ กงฺขํ วิตรตีติ อโหสิํ นุ โข อหํ อตีตมทฺธานนฺติอาทินยปฺปวตฺตํ (ม. นิ. ๑.๑๘; สํ. นิ. ๒.๒๐) โสฬสวตฺถุกํ วิจิกิจฺฉํ อติกฺกมติฯ กลาปสมฺมสนวเสนาติ ยํ กิญฺจิ รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนนฺติอาทินา (ม. นิ. ๑.๓๖๑; ๓.๘๖, ๘๙; อ. นิ. ๔.๑๘๑) ปญฺจสุ ขเนฺธสุ อตีตาทิโกฎฺฐาสํ เอเกกกลาปโต คเหตฺวา อนิจฺจาทิวเสน สมฺมสนํ กลาปสมฺมสนํ, ตสฺส วเสนฯ ปุพฺพภาเคติ ปฎิปทาญาณทสฺสนวิสุทฺธิปริยาปนฺนาย อุทยพฺพยานุปสฺสนาย ปุพฺพภาเคฯ โอภาสาทโยติ โอภาโส ญาณํ ปีติ ปสฺสทฺธิ สุขํ อธิโมโกฺข ปคฺคโห อุเปกฺขา อุปฎฺฐานํ นิกนฺติ จฯ ตตฺถ อธิโมโกฺขติ สทฺธาฯ อุปฎฺฐานนฺติ สติฯ อุเปกฺขาติ ตตฺรมชฺฌตฺตตาฯ เอตฺถ จ โอภาสาทโย นว นิกนฺติสงฺขาตตณฺหุปกฺกิเลสวตฺถุตาย อุปกฺกิเลสา วุตฺตา , นิกนฺติ ปน อุปกฺกิเลสตาย ตพฺพตฺถุตาย จฯ นิพฺพินฺทโนฺต อาทีนวานุปสฺสนาปุพฺพงฺคมาย นิพฺพิทานุปสฺสนาย นิพฺพินฺทโนฺตฯ มุญฺจิตุกมฺยตาปฎิสงฺขานุปสฺสนาสงฺขารุเปกฺขานุโลมญาณานํ จิณฺณปริยเนฺต อุปฺปนฺนโคตฺรภุญาณานนฺตรํ อุปฺปเนฺนน มคฺคญาเณน สพฺพสงฺขาเรสุ วิรชฺชโนฺต วิมุจฺจโนฺตฯ ผลกฺขเณ หิ วิมุโตฺต นาม วุจฺจติ, มคฺคกฺขเณ วิมุจฺจโนฺตติฯ เอกูนวีสติเภทสฺสาติ จตุนฺนํ มคฺควีถีนํ อนนฺตรํ ปเจฺจกํ อุปฺปชฺชนฺตสฺส มคฺคผลนิพฺพานปหีนาวสิฎฺฐกิเลสานํ ปญฺจนฺนํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพานํ วเสน เอกูนวีสติเภทสฺสฯ อรหโต หิ อวสิฎฺฐกิเลสาภาเวน เอกูนวีสติตาฯ อสฺสาติ อานาปานกมฺมฎฺฐานิกสฺสฯ
Pārisuddhiṃ pattukāmoti phalaṃ adhigantukāmo samāpajjitukāmo ca. Tattha sallakkhaṇāvivaṭṭanāvasena paṭhamaṃ maggānantaraphalaṃ adhigantukāmo. Tato paraṃ sallakkhaṇavasena phalasamāpattiṃ samāpajjitukāmopīti evamattho gahetabbo. Āvajjanasamāpajjana…pe… vasippattanti ettha paṭiladdhajhānato vuṭṭhāya vitakkādīsu jhānaṅgesu ekekaṃ āvajjayato bhavaṅgaṃ upacchinditvā uppannāvajjanānantaraṃ vitakkādīsu yathāvajjitajhānaṅgārammaṇāni kāmāvacarajavanāni bhavaṅgantaritāni yadā nirantaraṃ pavattanti, athassa āvajjanavasī siddhā hoti. Taṃ pana jhānaṃ samāpajjitukāmatānantaraṃ sīghaṃ samāpajjanasamatthatā samāpajjanavasī nāma. Accharāmattaṃ vā dasaccharāmattaṃ vā khaṇaṃ jhānaṃ ṭhapetuṃ samatthatā adhiṭṭhānavasī nāma. Tatheva lahuṃ khaṇaṃ jhānasamaṅgī hutvā jhānato bhavaṅguppattivasena vuṭṭhātuṃ samatthatā vuṭṭhānavasī nāma. ‘‘Ettakameva khaṇaṃ samāpajjissāmī’’ti, ‘‘ettakameva khaṇaṃ jhānasamaṅgī hutvā jhānato vuṭṭhahissāmī’’ti ca pavattapubbaparikammabhedenettha adhiṭṭhānavuṭṭhānavasiyo bhinnā, na sarūpabhedena, yā ‘‘samāpattikusalatā, vuṭṭhānakusalatā’’ti vuccanti. Paccavekkhaṇavasī pana āvajjanavasiyā eva vuttā. Paccavekkhaṇavīthiyañhi sīghaṃ āvajjanuppattiyā āvajjanavasī tadanantarānaṃ javanānaṃ samuppattiyā paccavekkhaṇavasīti āvajjanavasīsiddhiyāva paccavekkhaṇavasī siddhā eva hotīti veditabbā. Jhānaṅgāni pariggahetvāti jhānacittasampayuttāni jhānaṅgāni lakkhaṇādivasena pariggahetvā. Tesañca nissayanti tesaṃ vatthunissayānaṃ bhūtānaṃ nissayaṃ. Idañca karajakāyassa vatthudasakassa bhūtanissayattā suttantanayena vuttaṃ, na paṭṭhānanayena. Na hi kalāpantaragatāni bhūtāni kalāpantaragatānaṃ bhūtānaṃ nissayapaccayā honti, suttantanayena pana upanissayapaccayoti veditabbāni. Paṭṭhāne hi asaṅgahitā sabbe paccayā suttantikanayena upanissayapaccaye saṅgayhantīti veditabbaṃ. Taṃnissitarūpānīti upādārūpāni. Yathāpariggahitarūpavatthudvārārammaṇaṃ vāti ettha yathāpariggahitakesādirūpārammaṇaṃ tato pubbe vuttanayavatthārammaṇañca tannissayakarajakāyapaaggahamukhena upaṭṭhitacakkhādidvārañca sasampayuttadhammaviññāṇaṃ vāti yojetabbaṃ. Kammāragaggarīti kammārānaṃ aggidhamanabhastā. Tajjanti tadanurūpaṃ. Tassāti nāmarūpassa. Taṃ disvāti avijjātaṇhādipaccayaṃ disvā. Kaṅkhaṃ vitaratīti ahosiṃ nu kho ahaṃ atītamaddhānantiādinayappavattaṃ (ma. ni. 1.18; saṃ. ni. 2.20) soḷasavatthukaṃ vicikicchaṃ atikkamati. Kalāpasammasanavasenāti yaṃ kiñci rūpaṃ atītānāgatapaccuppannantiādinā (ma. ni. 1.361; 3.86, 89; a. ni. 4.181) pañcasu khandhesu atītādikoṭṭhāsaṃ ekekakalāpato gahetvā aniccādivasena sammasanaṃ kalāpasammasanaṃ, tassa vasena. Pubbabhāgeti paṭipadāñāṇadassanavisuddhipariyāpannāya udayabbayānupassanāya pubbabhāge. Obhāsādayoti obhāso ñāṇaṃ pīti passaddhi sukhaṃ adhimokkho paggaho upekkhā upaṭṭhānaṃ nikanti ca. Tattha adhimokkhoti saddhā. Upaṭṭhānanti sati. Upekkhāti tatramajjhattatā. Ettha ca obhāsādayo nava nikantisaṅkhātataṇhupakkilesavatthutāya upakkilesā vuttā , nikanti pana upakkilesatāya tabbatthutāya ca. Nibbindanto ādīnavānupassanāpubbaṅgamāya nibbidānupassanāya nibbindanto. Muñcitukamyatāpaṭisaṅkhānupassanāsaṅkhārupekkhānulomañāṇānaṃ ciṇṇapariyante uppannagotrabhuñāṇānantaraṃ uppannena maggañāṇena sabbasaṅkhāresu virajjanto vimuccanto. Phalakkhaṇe hi vimutto nāma vuccati, maggakkhaṇe vimuccantoti. Ekūnavīsatibhedassāti catunnaṃ maggavīthīnaṃ anantaraṃ paccekaṃ uppajjantassa maggaphalanibbānapahīnāvasiṭṭhakilesānaṃ pañcannaṃ paccavekkhitabbānaṃ vasena ekūnavīsatibhedassa. Arahato hi avasiṭṭhakilesābhāvena ekūnavīsatitā. Assāti ānāpānakammaṭṭhānikassa.
สปฺปีติเก เทฺว ฌาเนติ ปีติสหคตานิ จตุกฺกนเย เทฺว ปฐมทุติยชฺฌานานิฯ ตสฺสาติ เตน โยคินาฯ สมาปตฺติกฺขเณติ สมาปนฺนกฺขเณฯ อารมฺมณโตติ ปฎิภาคารมฺมณคฺคหณมุเขน ปีติ ปฎิสํวิทิตา โหติ, อารมฺมณสฺส ปฎิสํวิทิตตฺตาฯ อารมฺมเณ หิ วิทิเต ตพฺพิสยา จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา สยํ อตฺตโน ปฎิสํวิทิตา นาม โหติ สลกฺขณโต สามญฺญลกฺขณโต จ ปจฺฉา คหเณ สเนฺทหาภาวโตฯ วิปสฺสนากฺขเณติ วิปสฺสนาปญฺญาย วิสยโต ทสฺสนกฺขเณฯ เอวํ ปีติํ อนิจฺจาทิวเสน คหณเมว อสโมฺมหโต ปีติปฎิสํเวทนํ นามฯ
Sappītike dve jhāneti pītisahagatāni catukkanaye dve paṭhamadutiyajjhānāni. Tassāti tena yoginā. Samāpattikkhaṇeti samāpannakkhaṇe. Ārammaṇatoti paṭibhāgārammaṇaggahaṇamukhena pīti paṭisaṃviditā hoti, ārammaṇassa paṭisaṃviditattā. Ārammaṇe hi vidite tabbisayā cittacetasikā dhammā sayaṃ attano paṭisaṃviditā nāma hoti salakkhaṇato sāmaññalakkhaṇato ca pacchā gahaṇe sandehābhāvato. Vipassanākkhaṇeti vipassanāpaññāya visayato dassanakkhaṇe. Evaṃ pītiṃ aniccādivasena gahaṇameva asammohato pītipaṭisaṃvedanaṃ nāma.
ทีฆํ อสฺสาสวเสนาติ ทีฆสฺส อสฺสาสสฺส อารมฺมณภูตสฺส วเสน, ปชานโต สา ปีติ ปฎิสํวิทิตา โหตีติ สมฺพโนฺธฯ จิตฺตสฺส เอกคฺคตํ อวิเกฺขปํ ปชานโตติ ฌานปริยาปนฺนํ อวิเกฺขปาปนฺนํ นาม จิตฺตเสฺสกคฺคตํ ตํสมฺปยุตฺตาย ปญฺญาย ปชานโตฯ ยเถว หิ อารมฺมณมุเขน ปีติ ปฎิสํวิทิตา โหติ, เอวํ ตํสมฺปยุตฺตธมฺมาปิ ปฎิสํวิทิตา เอว โหนฺตีติฯ สติ อุปฎฺฐิตา โหตีติ ทีฆํ อสฺสาสวเสน ฌานสมฺปยุตฺตา สติ ตสฺส อารมฺมเณ อุปฎฺฐิตา ตทารมฺมณชฺฌาเนปิ อุปฎฺฐิตา นาม โหตีติฯ ทีฆํ ปสฺสาสวเสนาติอาทีสุปิ อิมินาว นเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ เอวํ ทสฺสิตํ ปีติปฎิสํเวทนํ อารมฺมณโต อสโมฺมหโต จ วิภาคโต ทเสฺสตุํ อาวชฺชโตติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อาวชฺชโตติ ฌานํ อาวชฺชนฺตสฺสฯ สา ปีตีติ สา ฌานปริยาปนฺนา ปีติฯ ชานโตติ สมาปนฺนกฺขเณ อารมฺมณมุเขน ชานโต, ตสฺส สา ปีติ ปฎิสํวิทิตา โหตีติ สมฺพโนฺธฯ ปสฺสโตติ ทสฺสนภูเตน ญาเณน ฌานโต วุฎฺฐาย ปสฺสนฺตสฺสฯ ปจฺจเวกฺขโตติ ฌานํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสฯ จิตฺตํ อธิฎฺฐหโตติ ‘‘เอตฺตกํ เวลํ ฌานสมงฺคี ภวิสฺสามี’’ติ ฌานจิตฺตํ อธิฎฺฐหนฺตสฺสฯ เอวํ ปญฺจนฺนํ วสิภาวานํ วเสน ฌานสฺส ปชานนมุเขน อารมฺมณโต ปีติยา ปฎิสํเวทนา ทสฺสิตาฯ อธิมุจฺจโตติ สทฺทหนฺตสฺส, สมถวิปสฺสนาวเสนาติ อธิปฺปาโยฯ วีริยํ ปคฺคณฺหโตติอาทีสุปิ เอเสว นโยฯ อภิเญฺญยฺยนฺติ วิสิฎฺฐาย ปญฺญาย ชานิตพฺพํ จตุสจฺจํ วิปสฺสนาปญฺญาปุพฺพงฺคมาย มคฺคปญฺญาย อภิชานโตติอาทิ โยชนาฯ เอวํ ปริเญฺญยฺยนฺติอาทีสุปิ ปริชานโตติอาทินา โยชนา เวทิตพฺพาฯ ตตฺถ ปริเญฺญยฺยนฺติ ทุกฺขสจฺจํฯ อวเสสปทานีติ สุขปฎิสํเวที จิตฺตสงฺขารปฎิสํเวทีติ ปทานิฯ
Dīghaṃassāsavasenāti dīghassa assāsassa ārammaṇabhūtassa vasena, pajānato sā pīti paṭisaṃviditā hotīti sambandho. Cittassa ekaggataṃ avikkhepaṃ pajānatoti jhānapariyāpannaṃ avikkhepāpannaṃ nāma cittassekaggataṃ taṃsampayuttāya paññāya pajānato. Yatheva hi ārammaṇamukhena pīti paṭisaṃviditā hoti, evaṃ taṃsampayuttadhammāpi paṭisaṃviditā eva hontīti. Sati upaṭṭhitā hotīti dīghaṃ assāsavasena jhānasampayuttā sati tassa ārammaṇe upaṭṭhitā tadārammaṇajjhānepi upaṭṭhitā nāma hotīti. Dīghaṃ passāsavasenātiādīsupi imināva nayena attho veditabbo. Evaṃ dassitaṃ pītipaṭisaṃvedanaṃ ārammaṇato asammohato ca vibhāgato dassetuṃ āvajjatotiādi vuttaṃ. Tattha āvajjatoti jhānaṃ āvajjantassa. Sā pītīti sā jhānapariyāpannā pīti. Jānatoti samāpannakkhaṇe ārammaṇamukhena jānato, tassa sā pīti paṭisaṃviditā hotīti sambandho. Passatoti dassanabhūtena ñāṇena jhānato vuṭṭhāya passantassa. Paccavekkhatoti jhānaṃ paccavekkhantassa. Cittaṃ adhiṭṭhahatoti ‘‘ettakaṃ velaṃ jhānasamaṅgī bhavissāmī’’ti jhānacittaṃ adhiṭṭhahantassa. Evaṃ pañcannaṃ vasibhāvānaṃ vasena jhānassa pajānanamukhena ārammaṇato pītiyā paṭisaṃvedanā dassitā. Adhimuccatoti saddahantassa, samathavipassanāvasenāti adhippāyo. Vīriyaṃ paggaṇhatotiādīsupi eseva nayo. Abhiññeyyanti visiṭṭhāya paññāya jānitabbaṃ catusaccaṃ vipassanāpaññāpubbaṅgamāya maggapaññāya abhijānatotiādi yojanā. Evaṃ pariññeyyantiādīsupi parijānatotiādinā yojanā veditabbā. Tattha pariññeyyanti dukkhasaccaṃ. Avasesapadānīti sukhapaṭisaṃvedī cittasaṅkhārapaṭisaṃvedīti padāni.
เวทนาทโยติ อาทิ-สเทฺทน สญฺญา คหิตา, เตนาห ‘‘เทฺว ขนฺธา’’ติฯ วิปสฺสนาภูมิทสฺสนตฺถนฺติ กายิกสุขาทิสีเสน ปกิณฺณกสงฺขารทสฺสนโต วุตฺตํ สมเถ กายิกสุขาภาวโตฯ โสติ ปสฺสมฺภนปริยาเยน วุโตฺต นิโรโธฯ วุตฺตนเยนาติ อิมสฺส หิ ภิกฺขุโน ปุเพฺพ อปริคฺคหิตกาเลติอาทินา (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๑๖๕) กายสงฺขาเร วุตฺตนเยนฯ ปีติสีเสน เวทนา วุตฺตาติ ปีติอปเทเสน เวทนา วุตฺตา, สุขคฺคหณโต เวทนานุปสฺสนาปสงฺคโตติ อธิปฺปาโยฯ ทฺวีสุ จิตฺตสงฺขารปเทสูติ ‘‘จิตฺตสงฺขารปฎิสํเวที ปสฺสมฺภยํ จิตฺตสงฺขาร’’นฺติ อิเมสุ ทฺวีสุ โกฎฺฐาเสสุฯ สญฺญาสมฺปยุตฺตา เวทนาติ เวทนานุปสฺสนาภาวโต วุตฺตํฯ จิตฺตปฎิสํเวทิตา เวทิตพฺพาติ อารมฺมณโต อสโมฺมหโตติอาทินา วุตฺตนยํ สนฺธาย วุตฺตํฯ จิตฺตนฺติ ฌานสมฺปยุตฺตํ วิปสฺสนาสมฺปยุตฺตญฺจ จิตฺตํฯ อาโมเทตีติ สมฺปยุตฺตาย ปีติยา ฌานวิสยาย โมเทติฯ วิปสฺสนากฺขเณติอาทินา วุตฺตภงฺคานุปสฺสนกฺขเณฯ
Vedanādayoti ādi-saddena saññā gahitā, tenāha ‘‘dve khandhā’’ti. Vipassanābhūmidassanatthanti kāyikasukhādisīsena pakiṇṇakasaṅkhāradassanato vuttaṃ samathe kāyikasukhābhāvato. Soti passambhanapariyāyena vutto nirodho. Vuttanayenāti imassa hi bhikkhuno pubbe apariggahitakāletiādinā (pārā. aṭṭha. 2.165) kāyasaṅkhāre vuttanayena. Pītisīsena vedanā vuttāti pītiapadesena vedanā vuttā, sukhaggahaṇato vedanānupassanāpasaṅgatoti adhippāyo. Dvīsu cittasaṅkhārapadesūti ‘‘cittasaṅkhārapaṭisaṃvedī passambhayaṃ cittasaṅkhāra’’nti imesu dvīsu koṭṭhāsesu. Saññāsampayuttā vedanāti vedanānupassanābhāvato vuttaṃ. Cittapaṭisaṃveditā veditabbāti ārammaṇato asammohatotiādinā vuttanayaṃ sandhāya vuttaṃ. Cittanti jhānasampayuttaṃ vipassanāsampayuttañca cittaṃ. Āmodetīti sampayuttāya pītiyā jhānavisayāya modeti. Vipassanākkhaṇetiādinā vuttabhaṅgānupassanakkhaṇe.
อานาปานสฺสติสมาธิกถาวณฺณนานโย นิฎฺฐิโตฯ
Ānāpānassatisamādhikathāvaṇṇanānayo niṭṭhito.
๑๖๗. ยทิปิ อริยา เนว อตฺตนาว อตฺตานํ อญฺญมญฺญํ วา ชีวิตา โวโรเปนฺติ, นาปิ ปเรหิ สมาทเปนฺติ, ตถาปิ ยถาวุเตฺตหิ ตีหิ ปกาเรหิ มตานํ ปุถุชฺชนานํ อนฺตเร มิคลณฺฑิเกน มาริตานํ อริยปุคฺคลานมฺปิ อตฺถิตาย ‘‘อริยปุคฺคลมิสฺสกตฺตา’’ติ วุตฺตํฯ อถ วา ปุถุชฺชนกาเล อตฺตนาว อตฺตานํ ฆาเตตฺวา มรณสมเย วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา อริยมคฺคํ ปฎิลภิตฺวา มตานมฺปิ สพฺภาวโต เอวํ วุตฺตนฺติ คเหตพฺพํฯ
167. Yadipi ariyā neva attanāva attānaṃ aññamaññaṃ vā jīvitā voropenti, nāpi parehi samādapenti, tathāpi yathāvuttehi tīhi pakārehi matānaṃ puthujjanānaṃ antare migalaṇḍikena māritānaṃ ariyapuggalānampi atthitāya ‘‘ariyapuggalamissakattā’’ti vuttaṃ. Atha vā puthujjanakāle attanāva attānaṃ ghātetvā maraṇasamaye vipassanaṃ vaḍḍhetvā ariyamaggaṃ paṭilabhitvā matānampi sabbhāvato evaṃ vuttanti gahetabbaṃ.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๓. ตติยปาราชิกํ • 3. Tatiyapārājikaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๓. ตติยปาราชิกํ • 3. Tatiyapārājikaṃ
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā
อานาปานสฺสติสมาธิกถาวณฺณนา • Ānāpānassatisamādhikathāvaṇṇanā
ปฐมปญฺญตฺติกถาวณฺณนา • Paṭhamapaññattikathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / อานาปานสฺสติสมาธิกถาวณฺณนา • Ānāpānassatisamādhikathāvaṇṇanā