Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) |
๘. อานาปานสฺสติสุตฺตวณฺณนา
8. Ānāpānassatisuttavaṇṇanā
๑๔๔. ปุเพฺพนาติ นิสฺสเกฺก กรณวจนํฯ ‘‘อปรํ วิเสส’’นฺติ วุตฺตตฺตา วิเสสวิสโย จ ปุพฺพสโทฺทติ อาห – ‘‘สีลปริปูรณาทิโต ปุพฺพวิเสสโต’’ติฯ
144.Pubbenāti nissakke karaṇavacanaṃ. ‘‘Aparaṃ visesa’’nti vuttattā visesavisayo ca pubbasaddoti āha – ‘‘sīlaparipūraṇādito pubbavisesato’’ti.
๑๔๕. อารโทฺธ ยถานุสิฎฺฐํ ปฎิปตฺติยา อาราธิโตฯ ยทตฺถาย สาสเน ปพฺพชฺชา, วิเสสาปตฺติ จ, ตเทเวตฺถ อปฺปตฺตนฺติ อธิเปฺปตํ, ตํ ฌานวิปสฺสนานิมิตฺตนฺติ อาห – ‘‘อปฺปตฺตสฺส อรหตฺตสฺสา’’ติฯ โกมุทีติ กุมุทวตีฯ ตทา กิร กุมุทานิ สุปุปฺผิตานิ โหนฺติฯ เตนาห – ‘‘กุมุทานํ อตฺถิตาย โกมุที’’ติฯ กุมุทานํ สมูโห, กุมุทานิ เอว วา โกมุทา, เต เอตฺถ อตฺถีติ โกมุทีติฯ ปวารณสงฺคหนฺติ มหาปวารณํ อกตฺวา อาคมนียสงฺคหณํฯ
145.Āraddho yathānusiṭṭhaṃ paṭipattiyā ārādhito. Yadatthāya sāsane pabbajjā, visesāpatti ca, tadevettha appattanti adhippetaṃ, taṃ jhānavipassanānimittanti āha – ‘‘appattassa arahattassā’’ti. Komudīti kumudavatī. Tadā kira kumudāni supupphitāni honti. Tenāha – ‘‘kumudānaṃ atthitāya komudī’’ti. Kumudānaṃ samūho, kumudāni eva vā komudā, te ettha atthīti komudīti. Pavāraṇasaṅgahanti mahāpavāraṇaṃ akatvā āgamanīyasaṅgahaṇaṃ.
อารทฺธวิปสฺสกสฺสาติ อารภิตวิปสฺสนสฺส, วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา อุสฺสุกฺกาเปตฺวา วิปสฺสิสฺสฯ ภิกฺขู อิธ โอสริสฺสนฺติ วุตฺถวสฺสา ปวาริตปวารณา ‘‘ภควนฺตํ วนฺทิสฺสาม, กมฺมฎฺฐานํ โสเธสฺสาม, ยถาลทฺธํ วิเสสญฺจ ปเวทิสฺสามา’’ติ อชฺฌาสเยนฯ อิเม ภิกฺขูติ อิเม ตรุณสมถวิปสฺสนา ภิกฺขูฯ วิเสสํ นิพฺพเตฺตตุํ น สกฺขิสฺสนฺติ เสนาสนสปฺปายาทิอลาเภนฯ อปลิพุทฺธนฺติ อเญฺญหิ อนุปทฺทุตํฯ เสนาสนํ คเหตุํ น ลภนฺติ อโนฺตวสฺสภาวโตฯ เอกสฺส ทิโนฺนปิ สเพฺพสํ ทิโนฺนเยว โหติ, ตสฺมา สุตสุตฎฺฐาเนเยว เอกมาสํ วสิตฺวา โอสริํสุฯ
Āraddhavipassakassāti ārabhitavipassanassa, vipassanaṃ vaḍḍhetvā ussukkāpetvā vipassissa. Bhikkhū idha osarissanti vutthavassā pavāritapavāraṇā ‘‘bhagavantaṃ vandissāma, kammaṭṭhānaṃ sodhessāma, yathāladdhaṃ visesañca pavedissāmā’’ti ajjhāsayena. Ime bhikkhūti ime taruṇasamathavipassanā bhikkhū. Visesaṃ nibbattetuṃ na sakkhissanti senāsanasappāyādialābhena. Apalibuddhanti aññehi anupaddutaṃ. Senāsanaṃ gahetuṃ na labhanti antovassabhāvato. Ekassa dinnopi sabbesaṃ dinnoyeva hoti, tasmā sutasutaṭṭhāneyeva ekamāsaṃ vasitvā osariṃsu.
๑๔๖. อลนฺติ ยุตฺตํ, โอปายิกนฺติ อโตฺถ, ‘‘อลเมว นิพฺพินฺทิตุ’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๗๒; สํ. นิ. ๒.๑๒๔, ๑๒๘, ๑๓๔, ๑๔๓) วิยฯ ปุฎพทฺธํ ปริหริตฺวา อสิตํ ปุโฎสํ อ-การสฺส โอ-การํ กตฺวาฯ เตนาห ‘‘ปาเถยฺย’’นฺติฯ
146.Alanti yuttaṃ, opāyikanti attho, ‘‘alameva nibbinditu’’ntiādīsu (dī. ni. 2.272; saṃ. ni. 2.124, 128, 134, 143) viya. Puṭabaddhaṃ pariharitvā asitaṃ puṭosaṃ a-kārassa o-kāraṃ katvā. Tenāha ‘‘pātheyya’’nti.
๑๔๗. วิปสฺสนา กถิตาติ อนิจฺจสญฺญามุเขเนว วิปสฺสนาภาวนา กถิตาฯ น หิ เกวลาย อนิจฺจานุปสฺสนาย วิปสฺสนากิจฺจํ สมิชฺฌติฯ พหู ภิกฺขู เต จ วิตฺถารรุจิกาติ อธิปฺปาโยฯ เตนาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิฯ
147.Vipassanā kathitāti aniccasaññāmukheneva vipassanābhāvanā kathitā. Na hi kevalāya aniccānupassanāya vipassanākiccaṃ samijjhati. Bahū bhikkhū te ca vitthārarucikāti adhippāyo. Tenāha ‘‘tasmā’’tiādi.
๑๔๙. สพฺพตฺถาติ สพฺพวาเรสุฯ ‘‘ตสฺมา ติห, ภิกฺขเว, เวทนานุปสฺสี’’ติอาทีสุปิ ปีติปฎิสํเวทิตาทิวเสเนว เวทนานุปสฺสนาย วุตฺตตฺตา, ‘‘สุขเวทนํ สนฺธาเยตํ วุตฺต’’นฺติ อาหฯ สติปฎฺฐานภาวนามนสิการตาย วุตฺตํ – ‘‘สาธุกํ มนสิการ’’นฺติฯ สญฺญานาเมน ปญฺญา วุตฺตา เตสํ ปโยคตฺตาฯ มนสิการนาเมน เวทนา วุตฺตา, ภาวนาย ปริจิตตฺตา อารมฺมณสฺส มนสิการนฺติ กตฺวาฯ วิตกฺกวิจาเร ฐเปตฺวาติ วุตฺตํ วจีสงฺขารตฺตา เตสํฯ
149.Sabbatthāti sabbavāresu. ‘‘Tasmā tiha, bhikkhave, vedanānupassī’’tiādīsupi pītipaṭisaṃveditādivaseneva vedanānupassanāya vuttattā, ‘‘sukhavedanaṃ sandhāyetaṃ vutta’’nti āha. Satipaṭṭhānabhāvanāmanasikāratāya vuttaṃ – ‘‘sādhukaṃ manasikāra’’nti. Saññānāmena paññā vuttā tesaṃ payogattā. Manasikāranāmena vedanā vuttā, bhāvanāya paricitattā ārammaṇassa manasikāranti katvā. Vitakkavicāre ṭhapetvāti vuttaṃ vacīsaṅkhārattā tesaṃ.
เอวํ สเนฺตปีติ ยทิปิ มนสิการปริยาปนฺนตาย ‘‘มนสิกาโร’’ติ วุตฺตํ, เอวํ สเนฺต เวทนานุปสฺสนาภาโว น ยุชฺชติ, อสฺสาสปสฺสาสา หิสฺส อารมฺมณํฯ วตฺถุนฺติ สุขาทีนํ เวทนานํ ปวตฺติฎฺฐานภูตํ วตฺถุํ อารมฺมณํ กตฺวา เวทนาว เวทิยติ, เวทนาย เอกนฺตภาวทสฺสเนน ตสฺส เวทนานุปสฺสนาภาโว ยุชฺชติ เอวาติ อิมมตฺถํ ทเสฺสติฯ เอตสฺส อนุโยคสฺสฯ
Evaṃ santepīti yadipi manasikārapariyāpannatāya ‘‘manasikāro’’ti vuttaṃ, evaṃ sante vedanānupassanābhāvo na yujjati, assāsapassāsā hissa ārammaṇaṃ. Vatthunti sukhādīnaṃ vedanānaṃ pavattiṭṭhānabhūtaṃ vatthuṃ ārammaṇaṃ katvā vedanāva vediyati, vedanāya ekantabhāvadassanena tassa vedanānupassanābhāvo yujjati evāti imamatthaṃ dasseti. Etassa anuyogassa.
ทฺวีหากาเรหีติ เย สนฺธาย วุตฺตํ, เต ทเสฺสโนฺต ‘‘อารมฺมณโต อสโมฺมหโต จา’’ติ อาหฯ สปฺปีติเก เทฺว ฌาเนติ ปีติสหคตานิ ปฐมทุติยชฺฌานานิ ปฎิปาฎิยา สมาปชฺชติฯ สมาปตฺติกฺขเณติ สมาปชฺชนกฺขเณฯ ฌานปฎิลาเภนาติ ฌาเนน สมงฺคีภาเวนฯ อารมฺมณโต อารมฺมณมุเขน ตทารมฺมณฌานปริยาปนฺนา ปีติ ปฎิสํวิทิตา โหติ อารมฺมณสฺส ปฎิสํวิทิตตฺตาฯ ยถา นาม สปฺปปริเยสนํ จรเนฺตน ตสฺส อาสเย ปฎิสํวิทิเต โสปิ ปฎิสํวิทิโตว โหติ มนฺตาคทพเลน ตสฺส คหณสฺส สุกรตฺตา; เอวํ ปีติยา อาสยภูเต อารมฺมเณ ปฎิสํวิทิเต สา ปีติ ปฎิสํวิทิตา เอว โหติ สลกฺขณโต สามญฺญลกฺขณโต จ ตสฺสา คหณสฺส สุกรตฺตาฯ วิปสฺสนากฺขเณติ วิปสฺสนาปญฺญาปุพฺพงฺคมาย มคฺคปญฺญาย วิเสสโต ทสฺสนกฺขเณฯ ลกฺขณปฎิเวธาติ ปีติยา สลกฺขณสฺส สามญฺญลกฺขณสฺส จ ปฎิวิชฺฌเนนฯ ยญฺหิ ปีติยา วิเสสโต สามญฺญโต จ ลกฺขณํ, ตสฺมิํ วิทิเต สา ยาถาวโต วิทิตา โหติฯ เตนาห – ‘‘อสโมฺมหโต ปีติ ปฎิสํวิทิตา โหตี’’ติฯ
Dvīhākārehīti ye sandhāya vuttaṃ, te dassento ‘‘ārammaṇato asammohato cā’’ti āha. Sappītike dve jhāneti pītisahagatāni paṭhamadutiyajjhānāni paṭipāṭiyā samāpajjati. Samāpattikkhaṇeti samāpajjanakkhaṇe. Jhānapaṭilābhenāti jhānena samaṅgībhāvena. Ārammaṇato ārammaṇamukhena tadārammaṇajhānapariyāpannā pīti paṭisaṃviditā hoti ārammaṇassa paṭisaṃviditattā. Yathā nāma sappapariyesanaṃ carantena tassa āsaye paṭisaṃvidite sopi paṭisaṃviditova hoti mantāgadabalena tassa gahaṇassa sukarattā; evaṃ pītiyā āsayabhūte ārammaṇe paṭisaṃvidite sā pīti paṭisaṃviditā eva hoti salakkhaṇato sāmaññalakkhaṇato ca tassā gahaṇassa sukarattā. Vipassanākkhaṇeti vipassanāpaññāpubbaṅgamāya maggapaññāya visesato dassanakkhaṇe. Lakkhaṇapaṭivedhāti pītiyā salakkhaṇassa sāmaññalakkhaṇassa ca paṭivijjhanena. Yañhi pītiyā visesato sāmaññato ca lakkhaṇaṃ, tasmiṃ vidite sā yāthāvato viditā hoti. Tenāha – ‘‘asammohato pīti paṭisaṃviditā hotī’’ti.
อิทานิ ตมตฺถํ ปาฬิยา วิภาเวตุํ, ‘‘วุตฺตมฺปิ เจต’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ทีฆํ อสฺสาสวเสนาติ ทีฆสฺส อสฺสาสสฺส อารมฺมณภูตสฺส วเสนฯ จิตฺตสฺส เอกคฺคตํ อวิเกฺขปํ ปชานโตติ ฌานปริยาปนฺนํ อวิเกฺขโปติ ลทฺธนามํ จิตฺตเสฺสกคฺคตํ ตํสมฺปยุตฺตาย ปญฺญาย ปชานโตฯ ยเถว หิ อารมฺมณมุเขน ปีติ ปฎิสํวิทิตา โหติ, เอวํ ตํสมฺปยุตฺตธมฺมาปิ อารมฺมณมุเขน ปฎิสํวิทิตา เอว โหนฺติฯ สติ อุปฎฺฐิตา โหตีติ ทีฆํ อสฺสาสวเสน ฌานสมฺปยุตฺตา สติ ตสฺมิํ อารมฺมเณ อุปฎฺฐิเต อารมฺมณมุเขน ฌาเนปิ อุปฎฺฐิตา เอว นาม โหติฯ ตาย สติยาติ เอวํ อุปฎฺฐิตาย ตาย สติยา ยถาวุเตฺตน เตน ญาเณน สุปฺปฎิวิทิตตฺตา อารมฺมณสฺส ตสฺส วเสน ตทารมฺมณา สา ปีติ ปฎิสํวิทิตา โหติฯ อวเสสปทานิปีติ ‘‘ทีฆํ ปสฺสาสวเสนา’’ติอาทิปทานิปิฯ
Idāni tamatthaṃ pāḷiyā vibhāvetuṃ, ‘‘vuttampi ceta’’ntiādi vuttaṃ. Tattha dīghaṃ assāsavasenāti dīghassa assāsassa ārammaṇabhūtassa vasena. Cittassa ekaggataṃ avikkhepaṃ pajānatoti jhānapariyāpannaṃ avikkhepoti laddhanāmaṃ cittassekaggataṃ taṃsampayuttāya paññāya pajānato. Yatheva hi ārammaṇamukhena pīti paṭisaṃviditā hoti, evaṃ taṃsampayuttadhammāpi ārammaṇamukhena paṭisaṃviditā eva honti. Sati upaṭṭhitā hotīti dīghaṃ assāsavasena jhānasampayuttā sati tasmiṃ ārammaṇe upaṭṭhite ārammaṇamukhena jhānepi upaṭṭhitā eva nāma hoti. Tāya satiyāti evaṃ upaṭṭhitāya tāya satiyā yathāvuttena tena ñāṇena suppaṭividitattā ārammaṇassa tassa vasena tadārammaṇā sā pīti paṭisaṃviditā hoti. Avasesapadānipīti ‘‘dīghaṃ passāsavasenā’’tiādipadānipi.
เอวํ ปฎิสมฺภิทามเคฺค วุตฺตมตฺถํ อิมสฺมิํ สุเตฺต โยเชตฺวา ทเสฺสตุํ, ‘‘อิตี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อิมินาปิ โยคินา มนสิกาเรน ปฎิลภิตพฺพโต ปฎิลาโภติ วุตฺตํ – ‘‘ฌานสมฺปยุเตฺต เวทนาสงฺขาตมนสิการปฎิลาเภนา’’ติฯ
Evaṃ paṭisambhidāmagge vuttamatthaṃ imasmiṃ sutte yojetvā dassetuṃ, ‘‘itī’’tiādi vuttaṃ. Imināpi yoginā manasikārena paṭilabhitabbato paṭilābhoti vuttaṃ – ‘‘jhānasampayutte vedanāsaṅkhātamanasikārapaṭilābhenā’’ti.
อสฺสาสปสฺสาสนิมิตฺตนฺติ อสฺสาสปสฺสาเส นิสฺสาย ปฎิลทฺธปฎิภาคนิมิตฺตํ อารมฺมณํ กิญฺจาปิ กโรติ; สติญฺจ สมฺปชญฺญญฺจ อุปฎฺฐเปตฺวา ปวตฺตนโต อารมฺมณมุเขน ตทารมฺมณสฺส ปฎิสํวิทิตตฺตา จิเตฺต จิตฺตานุปสฺสีเยว นาเมส โหติฯ เอวํ จิตฺตานุปสฺสนาปิ สติสมฺปชญฺญพเลเนว โหตีติ อาห ‘‘น หี’’ติอาทิฯ ปชหติ เอเตน, สยํ วา ปชหตีติ ปหานํ, ญาณํฯ โทมนสฺสวเสน พฺยาปาทนีวรณํ ทสฺสิตํ ตเทกฎฺฐภาวโตฯ ตสฺสาติ นีวรณปพฺพสฺสฯ ปหานกรญาณนฺติ ปชหนญาณํฯ วิปสฺสนาปรมฺปรนฺติ ปฎิปาฎิยา วิปสฺสนมาหฯ สมถปฎิปนฺนนฺติ มชฺฌิมสมถนิมิตฺตํ ปฎิปนฺนจิตฺตํ อชฺฌุเปกฺขติฯ เอกโต อุปฎฺฐานนฺติ ปฎิปกฺขวิคเมน เอกภาเวน อุปฎฺฐานํฯ สหชาตานํ อชฺฌุเปกฺขนา โหตีติ ปคฺคหนิคฺคหสมฺปหํสเนสุ พฺยาปารสฺส อนาปชฺชิตตฺตา อารมฺมณานํ อชฺฌุเปกฺขนา, ‘‘ยทตฺถิ ยํ ภูตํ ตํ ปชหติ อุเปกฺขํ ปฎิลภตี’’ติ, เอวํ วุตฺตอชฺฌุเปกฺขนา ปวตฺตาติ ปฎิปนฺนาฯ เกวลํ นีวรณาทิธเมฺมติ นีวรณาทิธเมฺม เอว ปหีเน ทิสฺวา, อถ โข เตสํ ปชหนญาณมฺปิ ยาถาวโต ปญฺญาย ทิสฺวา อชฺฌุเปกฺขิตา โหติฯ วุตฺตเญฺหตํ ภควตา ‘‘ธมฺมาปิ โข, ภิกฺขเว, ปหาตพฺพา, ปเคว อธมฺมา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๔๐)ฯ
Assāsapassāsanimittanti assāsapassāse nissāya paṭiladdhapaṭibhāganimittaṃ ārammaṇaṃ kiñcāpi karoti; satiñca sampajaññañca upaṭṭhapetvā pavattanato ārammaṇamukhena tadārammaṇassa paṭisaṃviditattā citte cittānupassīyeva nāmesa hoti. Evaṃ cittānupassanāpi satisampajaññabaleneva hotīti āha ‘‘na hī’’tiādi. Pajahati etena, sayaṃ vā pajahatīti pahānaṃ, ñāṇaṃ. Domanassavasena byāpādanīvaraṇaṃ dassitaṃ tadekaṭṭhabhāvato. Tassāti nīvaraṇapabbassa. Pahānakarañāṇanti pajahanañāṇaṃ. Vipassanāparamparanti paṭipāṭiyā vipassanamāha. Samathapaṭipannanti majjhimasamathanimittaṃ paṭipannacittaṃ ajjhupekkhati. Ekato upaṭṭhānanti paṭipakkhavigamena ekabhāvena upaṭṭhānaṃ. Sahajātānaṃ ajjhupekkhanā hotīti paggahaniggahasampahaṃsanesu byāpārassa anāpajjitattā ārammaṇānaṃ ajjhupekkhanā, ‘‘yadatthi yaṃ bhūtaṃ taṃ pajahati upekkhaṃ paṭilabhatī’’ti, evaṃ vuttaajjhupekkhanā pavattāti paṭipannā. Kevalaṃ nīvaraṇādidhammeti nīvaraṇādidhamme eva pahīne disvā, atha kho tesaṃ pajahanañāṇampi yāthāvato paññāya disvā ajjhupekkhitā hoti. Vuttañhetaṃ bhagavatā ‘‘dhammāpi kho, bhikkhave, pahātabbā, pageva adhammā’’ti (ma. ni. 1.240).
๑๕๐. อนิจฺจาทิวเสน ปวิจินตีติ อนิจฺจาทิปฺปกาเรหิ วิจินติ ปสฺสติฯ นิรามิสาติ กิเลสามิสรหิตาฯ กายิกเจตสิกทรถปฎิปฺปสฺสทฺธิยาติ กายจิตฺตานํ สาธุภาวูปคมเนน วิกฺขมฺภิตตฺตาฯ สหชาตธมฺมานํ เอกสภาเวน ปวตฺติยา สหชาตอชฺฌุเปกฺขนาย อชฺฌุเปกฺขิตา โหติฯ
150.Aniccādivasenapavicinatīti aniccādippakārehi vicinati passati. Nirāmisāti kilesāmisarahitā. Kāyikacetasikadarathapaṭippassaddhiyāti kāyacittānaṃ sādhubhāvūpagamanena vikkhambhitattā. Sahajātadhammānaṃ ekasabhāvena pavattiyā sahajātaajjhupekkhanāya ajjhupekkhitā hoti.
ตสฺมิํ กาเย ปวตฺตา กายารมฺมณา สติ, ปุพฺพภาคิโย สติสโมฺพชฺฌโงฺคฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ โสมนสฺสสหคตจิตฺตุปฺปาทวเสน เจตํ โอกฺกมนํ โอลิยนํ โกสชฺชํ, ตโต อติวตฺตนํ อติธาวนํ อุทฺธจฺจํ, ตทุภยวิธุรา โพชฺฌงฺคุเปกฺขาภูตา อโนสกฺกนอนติวตฺตนสงฺขาตา มชฺฌตฺตาการตาฯ อิทานิ ยเถว หีติอาทินา ตเมว มชฺฌตฺตาการํ อุปมาย วิภาเวติฯ ตุทนํ วา ปโตเทนฯ อากฑฺฒนํ วา รสฺมินาฯ นตฺถิ น กาตพฺพํ อตฺถิฯ เอกจิตฺตกฺขณิกาติ เอเกกสฺมิํ จิเตฺต วิปสฺสนาวเสน สห อุปฺปชฺชนกาฯ นานารสลกฺขณาติ นานากิจฺจา เจว นานาสภาวา จฯ
Tasmiṃ kāye pavattā kāyārammaṇā sati, pubbabhāgiyo satisambojjhaṅgo. Esa nayo sesesupi. Somanassasahagatacittuppādavasena cetaṃ okkamanaṃ oliyanaṃ kosajjaṃ, tato ativattanaṃ atidhāvanaṃ uddhaccaṃ, tadubhayavidhurā bojjhaṅgupekkhābhūtā anosakkanaanativattanasaṅkhātā majjhattākāratā. Idāni yatheva hītiādinā tameva majjhattākāraṃ upamāya vibhāveti. Tudanaṃ vā patodena. Ākaḍḍhanaṃ vā rasminā. Natthi na kātabbaṃ atthi. Ekacittakkhaṇikāti ekekasmiṃ citte vipassanāvasena saha uppajjanakā. Nānārasalakkhaṇāti nānākiccā ceva nānāsabhāvā ca.
๑๕๒. วุตฺตตฺถาเนว สพฺพาสวสุตฺตวณฺณนายํ (ม. นิ. อฎฺฐ. ๒๗) อานาปานารมฺมณา อปราปรํ ปวตฺตสติโย อารมฺมณสีเสน ตทารมฺมณา ธมฺมา คหิตา, ตา ปเนกสนฺตาเน โลกิยจิตฺตสมฺปยุตฺตาติ โลกิยา, ตา วฑฺฒมานา โลกิยํ จตุพฺพิธมฺปิ สติปฎฺฐานํ ปริปูเรนฺติฯ วิชฺชาวิมุตฺติผลนิพฺพานนฺติ วิมุตฺตีนํ ผลภูตํ เตหิเยว เวทิตพฺพํ กิเลสนิพฺพานํ, อมตมหานิพฺพานเมว วิชฺชาวิมุตฺตีนํ อธิคเมน อธิคนฺตพฺพตาย ตถา วุตฺตํฯ ปริปูรณญฺจสฺส อารมฺมณํ กตฺวา อมตสฺสานุภวนเมวฯ อิธ สุเตฺต โลกิยาปิ โพชฺฌงฺคา กถิตา โลกุตฺตราปีติ เอตฺตกํ คเหตฺวา, ‘‘อิติ โลกิยสฺส อาคตฎฺฐาเน โลกิยํ กถิต’’นฺติ จ อตฺถวณฺณนาวเสน อฎฺฐกถายํ กถิตํฯ เถโรติ มหาธมฺมรกฺขิตเตฺถโรฯ อญฺญตฺถ เอวํ โหตีติ อญฺญสฺมิํ โลกิยโลกุตฺตรธมฺมานํ ตตฺถ ตตฺถ โวมิสฺสกนเยน อาคตสุเตฺต เอวํ โลกิยํ อาคตํ, อิธ โลกุตฺตรํ อาคตนฺติ กเถตพฺพํ โหติฯ โลกุตฺตรํ อุปริ อาคตนฺติ วิชฺชาวิมุตฺติํ ปริปูเรนฺตีติ เอวํ โลกุตฺตรํ อุปริ เทสนายํ อาคตํ; ตสฺมา โลกิยา เอว โพชฺฌงฺคา วิชฺชาวิมุตฺติ ปริปูริกา กเถตพฺพา โลกุตฺตรานํ โพชฺฌงฺคานํ วิชฺชาคหเณน คหิตตฺตา, ตสฺมา เถเรน วุโตฺตเยเวตฺถ อโตฺถ คเหตโพฺพฯ เสสํ วุตฺตนยตฺตา สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
152.Vuttatthāneva sabbāsavasuttavaṇṇanāyaṃ (ma. ni. aṭṭha. 27) ānāpānārammaṇā aparāparaṃ pavattasatiyo ārammaṇasīsena tadārammaṇā dhammā gahitā, tā panekasantāne lokiyacittasampayuttāti lokiyā, tā vaḍḍhamānā lokiyaṃ catubbidhampi satipaṭṭhānaṃ paripūrenti. Vijjāvimuttiphalanibbānanti vimuttīnaṃ phalabhūtaṃ tehiyeva veditabbaṃ kilesanibbānaṃ, amatamahānibbānameva vijjāvimuttīnaṃ adhigamena adhigantabbatāya tathā vuttaṃ. Paripūraṇañcassa ārammaṇaṃ katvā amatassānubhavanameva. Idha sutte lokiyāpi bojjhaṅgā kathitā lokuttarāpīti ettakaṃ gahetvā, ‘‘iti lokiyassa āgataṭṭhāne lokiyaṃ kathita’’nti ca atthavaṇṇanāvasena aṭṭhakathāyaṃ kathitaṃ. Theroti mahādhammarakkhitatthero. Aññattha evaṃ hotīti aññasmiṃ lokiyalokuttaradhammānaṃ tattha tattha vomissakanayena āgatasutte evaṃ lokiyaṃ āgataṃ, idha lokuttaraṃ āgatanti kathetabbaṃ hoti. Lokuttaraṃ upari āgatanti vijjāvimuttiṃ paripūrentīti evaṃ lokuttaraṃ upari desanāyaṃ āgataṃ; tasmā lokiyā eva bojjhaṅgā vijjāvimutti paripūrikā kathetabbā lokuttarānaṃ bojjhaṅgānaṃ vijjāgahaṇena gahitattā, tasmā therena vuttoyevettha attho gahetabbo. Sesaṃ vuttanayattā suviññeyyameva.
อานาปานสฺสติสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ
Ānāpānassatisuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๘. อานาปานสฺสติสุตฺตํ • 8. Ānāpānassatisuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๘. อานาปานสฺสติสุตฺตวณฺณนา • 8. Ānāpānassatisuttavaṇṇanā