Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวคฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvagga-aṭṭhakathā |
อนาปุจฺฉาวรณวตฺถุอาทิกถา
Anāpucchāvaraṇavatthuādikathā
๑๐๘. น ภิกฺขเว อุปชฺฌายํ อนาปุจฺฉาติ เอตฺถ ‘‘ตุมฺหากํ สามเณรสฺส อยํ นาม อปราโธ, ทณฺฑกมฺมมสฺส กโรถา’’ติ ติกฺขตฺตุํ วุเตฺต, สเจ อุปชฺฌาโย ทณฺฑกมฺมํ น กโรติ, สยํ กาตุํ วฎฺฎติฯ สเจปิ อาทิโตว อุปชฺฌาโย วทติ ‘‘มยฺหํ สามเณรานํ โทเส สติ ตุเมฺห ทณฺฑกมฺมํ กโรถา’’ติ กาตุํ วฎฺฎติเยวฯ ยถา จ สามเณรานํ เอวํ สทฺธิวิหาริกเนฺตวาสิกานมฺปิ ทณฺฑกมฺมํ กาตุํ วฎฺฎติฯ
108.Nabhikkhave upajjhāyaṃ anāpucchāti ettha ‘‘tumhākaṃ sāmaṇerassa ayaṃ nāma aparādho, daṇḍakammamassa karothā’’ti tikkhattuṃ vutte, sace upajjhāyo daṇḍakammaṃ na karoti, sayaṃ kātuṃ vaṭṭati. Sacepi āditova upajjhāyo vadati ‘‘mayhaṃ sāmaṇerānaṃ dose sati tumhe daṇḍakammaṃ karothā’’ti kātuṃ vaṭṭatiyeva. Yathā ca sāmaṇerānaṃ evaṃ saddhivihārikantevāsikānampi daṇḍakammaṃ kātuṃ vaṭṭati.
อปลาเฬนฺตีติ ‘‘ตุมฺหากํ ปตฺตํ ทสฺสาม, จีวรํ ทสฺสามา’’ติ อตฺตโน อุปฎฺฐานกรณตฺถํ สงฺคณฺหนฺติฯ น ภิกฺขเว อญฺญสฺส ปริสา อปลาเฬตพฺพาติ เอตฺถ สามเณรา วา โหนฺตุ อุปสมฺปนฺนา วา, อนฺตมโส ทุสฺสีลภิกฺขุสฺสาปิ ปรสฺส ปริสภูเต ภินฺทิตฺวา คณฺหิตุํ น วฎฺฎติ, อาทีนวํ ปน วตฺตุํ วฎฺฎติ ‘‘ตยา นฺหายิตุํ อาคเตน คูถมกฺขนํ วิย กตํ ทุสฺสีลํ นิสฺสาย วิหรเนฺตนา’’ติฯ สเจ โส สยเมว ชานิตฺวา อุปชฺฌํ วา นิสฺสยํ วา ยาจติ, ทาตุํ วฎฺฎติฯ
Apalāḷentīti ‘‘tumhākaṃ pattaṃ dassāma, cīvaraṃ dassāmā’’ti attano upaṭṭhānakaraṇatthaṃ saṅgaṇhanti. Na bhikkhave aññassa parisā apalāḷetabbāti ettha sāmaṇerā vā hontu upasampannā vā, antamaso dussīlabhikkhussāpi parassa parisabhūte bhinditvā gaṇhituṃ na vaṭṭati, ādīnavaṃ pana vattuṃ vaṭṭati ‘‘tayā nhāyituṃ āgatena gūthamakkhanaṃ viya kataṃ dussīlaṃ nissāya viharantenā’’ti. Sace so sayameva jānitvā upajjhaṃ vā nissayaṃ vā yācati, dātuṃ vaṭṭati.
อนุชานามิ ภิกฺขเว ทสหเงฺคหิ สมนฺนาคตํ สามเณรํ นาเสตุนฺติ เอตฺถ กณฺฎกสิกฺขาปทวณฺณนายํ วุตฺตาสุ ตีสุ นาสนาสุ ลิงฺคนาสนาว อธิเปฺปตา, ตสฺมา โย ปาณาติปาตาทีสุ เอกมฺปิ กมฺมํ กโรติ, โส ลิงฺคนาสนาย นาเสตโพฺพฯ ยถา จ ภิกฺขูนํ ปาณาติปาตาทีสุ นานาอาปตฺติโย โหนฺติ, น ตถา สามเณรานํฯ สามเณโร หิ กุนฺถกิปิลฺลิกมฺปิ มาเรตฺวา มงฺคุรณฺฑกมฺปิ ภินฺทิตฺวา นาเสตพฺพตํเยว ปาปุณาติ, ตาวเทวสฺส สรณคมนานิ จ อุปชฺฌายคฺคหณญฺจ เสนาสนคฺคาโห จ ปฎิปฺปสฺสมฺภติ, สงฺฆลาภํ น ลภติ, ลิงฺคมตฺตเมว เอกํ อวสิฎฺฐํ โหติฯ โส สเจ อากิณฺณโทโสว โหติ, อายติํ สํวเร น ติฎฺฐติ, นิกฺกฑฺฒิตโพฺพฯ อถ สหสา วิรชฺฌิตฺวา ‘‘ทุฎฺฐุ มยา กต’’นฺติ ปุน สํวเร ฐาตุกาโม โหติ, ลิงฺคนาสนกิจฺจํ นตฺถิฯ ยถานิวตฺถปารุตเสฺสว สรณานิ ทาตพฺพานิ, อุปชฺฌาโย ทาตโพฺพ, สิกฺขาปทานิ ปน สรณคมเนเนว อิชฺฌนฺติฯ สามเณรานญฺหิ สรณคมนํ ภิกฺขูนํ อุปสมฺปทกมฺมวาจาสทิสํ, ตสฺมา ภิกฺขูนํ วิย จตุปาริสุทฺธิสีลํ, อิมินาปิ ทสสีลานิ สมาทินฺนาเนว โหนฺติ, เอวํ สเนฺตปิ ทฬฺหีกรณตฺถํ อายติํ สํวเร ปติฎฺฐาปนตฺถํ ปุน ทาตพฺพานิฯ สเจ ปุริมิกาย ปุน สรณานิ คหิตานิ, ปจฺฉิมิกาย วสฺสาวาสิกํ ลจฺฉติฯ สเจ ปจฺฉิมิกาย คหิตานิ, สเงฺฆน อปโลเกตฺวา ลาโภ ทาตโพฺพฯ
Anujānāmi bhikkhave dasahaṅgehi samannāgataṃ sāmaṇeraṃ nāsetunti ettha kaṇṭakasikkhāpadavaṇṇanāyaṃ vuttāsu tīsu nāsanāsu liṅganāsanāva adhippetā, tasmā yo pāṇātipātādīsu ekampi kammaṃ karoti, so liṅganāsanāya nāsetabbo. Yathā ca bhikkhūnaṃ pāṇātipātādīsu nānāāpattiyo honti, na tathā sāmaṇerānaṃ. Sāmaṇero hi kunthakipillikampi māretvā maṅguraṇḍakampi bhinditvā nāsetabbataṃyeva pāpuṇāti, tāvadevassa saraṇagamanāni ca upajjhāyaggahaṇañca senāsanaggāho ca paṭippassambhati, saṅghalābhaṃ na labhati, liṅgamattameva ekaṃ avasiṭṭhaṃ hoti. So sace ākiṇṇadosova hoti, āyatiṃ saṃvare na tiṭṭhati, nikkaḍḍhitabbo. Atha sahasā virajjhitvā ‘‘duṭṭhu mayā kata’’nti puna saṃvare ṭhātukāmo hoti, liṅganāsanakiccaṃ natthi. Yathānivatthapārutasseva saraṇāni dātabbāni, upajjhāyo dātabbo, sikkhāpadāni pana saraṇagamaneneva ijjhanti. Sāmaṇerānañhi saraṇagamanaṃ bhikkhūnaṃ upasampadakammavācāsadisaṃ, tasmā bhikkhūnaṃ viya catupārisuddhisīlaṃ, imināpi dasasīlāni samādinnāneva honti, evaṃ santepi daḷhīkaraṇatthaṃ āyatiṃ saṃvare patiṭṭhāpanatthaṃ puna dātabbāni. Sace purimikāya puna saraṇāni gahitāni, pacchimikāya vassāvāsikaṃ lacchati. Sace pacchimikāya gahitāni, saṅghena apaloketvā lābho dātabbo.
อทินฺนาทาเน ติณสลากมเตฺตนาปิ วตฺถุนา, อพฺรหฺมจริเย ตีสุ มเคฺคสุ ยตฺถ กตฺถจิ วิปฺปฎิปตฺติยา, มุสาวาเท หสฺสาธิปฺปายตายปิ มุสา ภณิเต อสฺสมโณ โหติ, นาเสตพฺพตํ อาปชฺชติฯ มชฺชปาเน ปน ภิกฺขุโน อชานิตฺวาปิ พีชโต ปฎฺฐาย มชฺชํ ปิวนฺตสฺส ปาจิตฺติยํฯ สามเณโร ชานิตฺวา ปิวโนฺต สีลเภทํ อาปชฺชติ, น อชานิตฺวาฯ ยานิ ปนสฺส อิตรานิ ปญฺจ สิกฺขาปทานิ, เตสุ ภิเนฺนสุ น นาเสตโพฺพ, ทณฺฑกมฺมํ กาตพฺพํฯ สิกฺขาปเท ปน ปุน ทิเนฺนปิ อทิเนฺนปิ วฎฺฎติฯ ทณฺฑกเมฺมน ปน ปีเฬตฺวา อายติํ สํวเร ฐปนตฺถาย ทาตพฺพเมวฯ สามเณรานํ มชฺชปานํ สจิตฺตกํ ปาราชิกวตฺถุ, อยํ วิเสโสฯ
Adinnādāne tiṇasalākamattenāpi vatthunā, abrahmacariye tīsu maggesu yattha katthaci vippaṭipattiyā, musāvāde hassādhippāyatāyapi musā bhaṇite assamaṇo hoti, nāsetabbataṃ āpajjati. Majjapāne pana bhikkhuno ajānitvāpi bījato paṭṭhāya majjaṃ pivantassa pācittiyaṃ. Sāmaṇero jānitvā pivanto sīlabhedaṃ āpajjati, na ajānitvā. Yāni panassa itarāni pañca sikkhāpadāni, tesu bhinnesu na nāsetabbo, daṇḍakammaṃ kātabbaṃ. Sikkhāpade pana puna dinnepi adinnepi vaṭṭati. Daṇḍakammena pana pīḷetvā āyatiṃ saṃvare ṭhapanatthāya dātabbameva. Sāmaṇerānaṃ majjapānaṃ sacittakaṃ pārājikavatthu, ayaṃ viseso.
อวณฺณภาสเน ปน อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธติอาทีนํ ปฎิปกฺขวเสน พุทฺธสฺส วา, สฺวากฺขาโตติอาทีนํ ปฎิปกฺขวเสน ธมฺมสฺส วา, สุปฺปฎิปโนฺนติอาทีนํ ปฎิปกฺขวเสน สงฺฆสฺส วา อวณฺณํ ภาสโนฺต รตนตฺตยํ นินฺทโนฺต ครหโนฺต อาจริยุปชฺฌายาทีหิ ‘‘มา เอวํ อวจา’’ติ อวณฺณภาสเน อาทีนวํ ทเสฺสตฺวา นิวาเรตโพฺพฯ สเจ ยาวตติยํ วุจฺจมาโน น โอรมติ, กณฺฎกนาสนาย นาเสตโพฺพติ กุรุนฺทิยํ วุตฺตํฯ มหาอฎฺฐกถายํ ปน ‘‘สเจ เอวํ วุจฺจมาโน ตํ ลทฺธิํ นิสฺสชฺชติ, ทณฺฑกมฺมํ กาเรตฺวา อจฺจยํ เทสาเปตโพฺพฯ สเจ น นิสฺสชฺชติ, ตเถว อาทาย ปคฺคยฺห ติฎฺฐติ, ลิงฺคนาสนาย นาเสตโพฺพ’’ติ วุตฺตํ, ตํ ยุตฺตํฯ อยเมว หิ นาสนา อิธ อธิเปฺปตาติฯ
Avaṇṇabhāsane pana arahaṃ sammāsambuddhotiādīnaṃ paṭipakkhavasena buddhassa vā, svākkhātotiādīnaṃ paṭipakkhavasena dhammassa vā, suppaṭipannotiādīnaṃ paṭipakkhavasena saṅghassa vā avaṇṇaṃ bhāsanto ratanattayaṃ nindanto garahanto ācariyupajjhāyādīhi ‘‘mā evaṃ avacā’’ti avaṇṇabhāsane ādīnavaṃ dassetvā nivāretabbo. Sace yāvatatiyaṃ vuccamāno na oramati, kaṇṭakanāsanāya nāsetabboti kurundiyaṃ vuttaṃ. Mahāaṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘sace evaṃ vuccamāno taṃ laddhiṃ nissajjati, daṇḍakammaṃ kāretvā accayaṃ desāpetabbo. Sace na nissajjati, tatheva ādāya paggayha tiṭṭhati, liṅganāsanāya nāsetabbo’’ti vuttaṃ, taṃ yuttaṃ. Ayameva hi nāsanā idha adhippetāti.
มิจฺฉาทิฎฺฐิเกปิ เอเสว นโยฯ สสฺสตุเจฺฉทานญฺหิ อญฺญตรทิฎฺฐิโก สเจ อาจริยาทีหิ โอวทิยมาโน นิสฺสชฺชติ, ทณฺฑกมฺมํ กาเรตฺวา อจฺจยํ เทสาเปตโพฺพฯ อปฺปฎินิสฺสชฺชโนฺตว นาเสตโพฺพติฯ ภิกฺขุนิทูสโก เจตฺถ กามํ อพฺรหฺมจาริคฺคหเณน คหิโตว อพฺรหฺมจาริํ ปน อายติํ สํวเร ฐาตุกามํ สรณานิ ทตฺวา อุปสมฺปาเทตุํ วฎฺฎติฯ ภิกฺขุนิทูสโก อายติํ สํวเร ฐาตุกาโมปิ ปพฺพชฺชมฺปิ น ลภติ, ปเคว อุปสมฺปทนฺติ เอตมตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘ภิกฺขุนิทูสโก’’ติ อิทํ วิสุํ ทสมํ องฺคํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ
Micchādiṭṭhikepi eseva nayo. Sassatucchedānañhi aññataradiṭṭhiko sace ācariyādīhi ovadiyamāno nissajjati, daṇḍakammaṃ kāretvā accayaṃ desāpetabbo. Appaṭinissajjantova nāsetabboti. Bhikkhunidūsako cettha kāmaṃ abrahmacāriggahaṇena gahitova abrahmacāriṃ pana āyatiṃ saṃvare ṭhātukāmaṃ saraṇāni datvā upasampādetuṃ vaṭṭati. Bhikkhunidūsako āyatiṃ saṃvare ṭhātukāmopi pabbajjampi na labhati, pageva upasampadanti etamatthaṃ dassetuṃ ‘‘bhikkhunidūsako’’ti idaṃ visuṃ dasamaṃ aṅgaṃ vuttanti veditabbaṃ.
อนาปุจฺฉาวรณวตฺถุอาทิกถา นิฎฺฐิตาฯ
Anāpucchāvaraṇavatthuādikathā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวคฺคปาฬิ • Mahāvaggapāḷi / ๔๔. อนาปุจฺฉาวรณวตฺถุ • 44. Anāpucchāvaraṇavatthu
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / อนาปุจฺฉาวรณวตฺถุอาทิกถาวณฺณนา • Anāpucchāvaraṇavatthuādikathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / อนาปุจฺฉาวรณวตฺถุอาทิกถาวณฺณนา • Anāpucchāvaraṇavatthuādikathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / อนาปุจฺฉาวรณวตฺถุอาทิกถาวณฺณนา • Anāpucchāvaraṇavatthuādikathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๔๓. อนาปุจฺฉาวรณวตฺถุอาทิกถา • 43. Anāpucchāvaraṇavatthuādikathā