Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā

    อนาปุจฺฉาวรณวตฺถุอาทิกถาวณฺณนา

    Anāpucchāvaraṇavatthuādikathāvaṇṇanā

    ๑๐๘. สทฺธิวิหาริกอเนฺตวาสิกานมฺปีติ อุปสมฺปเนฺน สนฺธาย วุตฺตํฯ เตสุปิ หิ อาจริยุปชฺฌาเยสุ ยถา โอรมนฺติ, ตถา เตสํ นิคฺคหํ อกโรเนฺตสุ อเญฺญหิ อาวรณาทินิคฺคหกมฺมํ กาตพฺพเมวฯ สงฺคณฺหนฺตีติ ‘‘ปรปริสโต ภินฺทิตฺวา คณฺหิสฺสามี’’ติ ทานาทิจตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ (ที. นิ. ๓.๒๑๐; อ. นิ. ๔.๓๒, ๒๕๖) อุปลาฬนวเสน สงฺคณฺหนฺติฯ โส ภิชฺชตุ วา มา วา, สงฺคณฺหนฺตสฺส ปโยเค อาปตฺติ เอวฯ ภินฺทิตฺวา คณฺหิตุํ น วฎฺฎตีติ ภินฺทิตุมฺปิ น วฎฺฎติ, คณฺหิตุมฺปิ น วฎฺฎตีติ อโตฺถฯ อาทีนวํ ปน วตฺตุํ วฎฺฎตีติ สาสนคารเวน วา ปรานุทฺทยตาย วา วตฺตุํ วฎฺฎติ, น ปริสโลลตายฯ

    108.Saddhivihārikaantevāsikānampīti upasampanne sandhāya vuttaṃ. Tesupi hi ācariyupajjhāyesu yathā oramanti, tathā tesaṃ niggahaṃ akarontesu aññehi āvaraṇādiniggahakammaṃ kātabbameva. Saṅgaṇhantīti ‘‘paraparisato bhinditvā gaṇhissāmī’’ti dānādicatūhi saṅgahavatthūhi (dī. ni. 3.210; a. ni. 4.32, 256) upalāḷanavasena saṅgaṇhanti. So bhijjatu vā mā vā, saṅgaṇhantassa payoge āpatti eva. Bhinditvā gaṇhituṃ na vaṭṭatīti bhinditumpi na vaṭṭati, gaṇhitumpi na vaṭṭatīti attho. Ādīnavaṃ pana vattuṃ vaṭṭatīti sāsanagāravena vā parānuddayatāya vā vattuṃ vaṭṭati, na parisalolatāya.

    ‘‘เสนาสนคฺคาโห จ ปฎิปฺปสฺสมฺภตี’’ติ อิมินา วสฺสเจฺฉทํ ทเสฺสติฯ อุปสมฺปนฺนานมฺปิ ปาราชิกสมาปตฺติยา สรณคมนาทิสามเณรภาวสฺสาปิ วินสฺสนโต เสนาสนคฺคาโห จ ปฎิปฺปสฺสมฺภติ, สงฺฆลาภมฺปิ เต น ลภนฺตีติ เวทิตพฺพํฯ ปุริมิกาย ปุน สรณานิ คหิตานีติ สรณคฺคหเณน สห ตทเหวสฺส วสฺสูปคมนมฺปิ ทเสฺสติฯ ปจฺฉิมิกาย วสฺสาวาสิกนฺติ วสฺสาวาสิกลาภคฺคหณทสฺสนมตฺตเมเวตํ, ตโต ปุเรปิ, ปจฺฉาปิ วา วสฺสาวาสิกญฺจ จีวรมาเสสุ สเงฺฆ อุปฺปนฺนํ กาลจีวรญฺจ ปุริมิกาย อุปคนฺตฺวา อวิปนฺนสีโล สามเณโร ลภติ เอวฯ สเจ ปจฺฉิมิกาย คหิตานีติ ปจฺฉิมิกาย วสฺสูปคมนญฺจ ฉินฺนวสฺสตญฺจ ทเสฺสติฯ ตสฺส หิ กาลจีวเร ภาโค น ปาปุณาติฯ ตสฺมา ‘‘อปโลเกตฺวา ลาโภ ทาตโพฺพ’’ติ วุตฺตํฯ

    ‘‘Senāsanaggāho ca paṭippassambhatī’’ti iminā vassacchedaṃ dasseti. Upasampannānampi pārājikasamāpattiyā saraṇagamanādisāmaṇerabhāvassāpi vinassanato senāsanaggāho ca paṭippassambhati, saṅghalābhampi te na labhantīti veditabbaṃ. Purimikāya puna saraṇāni gahitānīti saraṇaggahaṇena saha tadahevassa vassūpagamanampi dasseti. Pacchimikāya vassāvāsikanti vassāvāsikalābhaggahaṇadassanamattamevetaṃ, tato purepi, pacchāpi vā vassāvāsikañca cīvaramāsesu saṅghe uppannaṃ kālacīvarañca purimikāya upagantvā avipannasīlo sāmaṇero labhati eva. Sace pacchimikāya gahitānīti pacchimikāya vassūpagamanañca chinnavassatañca dasseti. Tassa hi kālacīvare bhāgo na pāpuṇāti. Tasmā ‘‘apaloketvā lābho dātabbo’’ti vuttaṃ.

    วสฺสาวาสิกลาโภ ปน ยทิ เสนาสนสามิกา ทายกา เสนาสนคุตฺตตฺถาย ปจฺฉิมิกาย อุปคนฺตฺวา วตฺตํ กตฺวา อตฺตโน เสนาสเน วสนฺตสฺสปิ วสฺสาวาสิกํ ทาตพฺพนฺติ วทนฺติ, อนปโลเกตฺวาปิ ทาตโพฺพวฯ ยํ ปน สารตฺถทีปนิยํ ‘‘ปจฺฉิมิกาย วสฺสาวาสิกํ ลจฺฉตีติ ปจฺฉิมิกาย ปุน วสฺสํ อุปคตตฺตา ลจฺฉตี’’ติ (สารตฺถ. ฎี. มหาวคฺค ๓.๑๐๘) วุตฺตํ, ตมฺปิ วสฺสาวาสิเก ทายกานํ อิมํ อธิปฺปายํ นิสฺสาย วุตฺตเญฺจ, สุนฺทรํฯ สงฺฆิกํ, กาลจีวรมฺปิ สนฺธาย วุตฺตเญฺจ, น ยุชฺชตีติ เวทิตพฺพํฯ

    Vassāvāsikalābho pana yadi senāsanasāmikā dāyakā senāsanaguttatthāya pacchimikāya upagantvā vattaṃ katvā attano senāsane vasantassapi vassāvāsikaṃ dātabbanti vadanti, anapaloketvāpi dātabbova. Yaṃ pana sāratthadīpaniyaṃ ‘‘pacchimikāya vassāvāsikaṃ lacchatīti pacchimikāya puna vassaṃ upagatattā lacchatī’’ti (sārattha. ṭī. mahāvagga 3.108) vuttaṃ, tampi vassāvāsike dāyakānaṃ imaṃ adhippāyaṃ nissāya vuttañce, sundaraṃ. Saṅghikaṃ, kālacīvarampi sandhāya vuttañce, na yujjatīti veditabbaṃ.

    น อชานิตฺวาติ ‘‘สุรา’’ติ อชานิตฺวา ปิวโต ปาณาติปาตเวรมณิอาทิสพฺพสีลเภทํ, สรณเภทญฺจ น อาปชฺชติ, อกุสลํ ปน สุราปานเวรมณิสีลเภโท จ โหติ มาลาทิธารณาทีสุ วิยาติ ทฎฺฐพฺพํฯ อิตรานีติ วิกาลโภชนเวรมณิอาทีนิฯ ตานิปิ หิ สญฺจิจฺจ วีติกฺกมนฺตสฺส ตํ ตํ ภิชฺชติ เอว, อิตรีตเรสํ ปน อภิชฺชมาเนน นาสนงฺคานิ น โหนฺติฯ เตเนว ‘‘เตสุ ภิเนฺนสู’’ติ เภทวจนํ วุตฺตํฯ

    Na ajānitvāti ‘‘surā’’ti ajānitvā pivato pāṇātipātaveramaṇiādisabbasīlabhedaṃ, saraṇabhedañca na āpajjati, akusalaṃ pana surāpānaveramaṇisīlabhedo ca hoti mālādidhāraṇādīsu viyāti daṭṭhabbaṃ. Itarānīti vikālabhojanaveramaṇiādīni. Tānipi hi sañcicca vītikkamantassa taṃ taṃ bhijjati eva, itarītaresaṃ pana abhijjamānena nāsanaṅgāni na honti. Teneva ‘‘tesu bhinnesū’’ti bhedavacanaṃ vuttaṃ.

    อจฺจยํ เทสาเปตโพฺพติ ‘‘อจฺจโย มํ, ภเนฺต, อจฺจคมา’’ติอาทินา สงฺฆมเชฺฌ เทสาเปตฺวา สรณสีลํ ทาตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย ปาราชิกตฺตา เตสํฯ เตนาห ‘‘ลิงฺคนาสนาย นาเสตโพฺพ’’ติฯ อยเมว หิ นาสนา อิธ อธิเปฺปตาติ ลิงฺคนาสนาการเณหิ ปาณาติปาตาทีหิ อวณฺณภาสนาทีนํ สห ปติตตฺตา วุตฺตํฯ

    Accayaṃdesāpetabboti ‘‘accayo maṃ, bhante, accagamā’’tiādinā saṅghamajjhe desāpetvā saraṇasīlaṃ dātabbanti adhippāyo pārājikattā tesaṃ. Tenāha ‘‘liṅganāsanāya nāsetabbo’’ti. Ayameva hi nāsanā idha adhippetāti liṅganāsanākāraṇehi pāṇātipātādīhi avaṇṇabhāsanādīnaṃ saha patitattā vuttaṃ.

    นนุ จ กณฺฎกสามเณโรปิ มิจฺฉาทิฎฺฐิโก เอว, ตสฺส จ เหฎฺฐา ทณฺฑกมฺมนาสนาว วุตฺตาฯ อิธ ปน มิจฺฉาทิฎฺฐิกสฺส ลิงฺคนาสนา วุจฺจติ, โก อิเมสํ เภโทติ โจทนํ มนสิ นิธายาห ‘‘สสฺสตุเจฺฉทานญฺหิ อญฺญตรทิฎฺฐิโก’’ติฯ เอตฺถ จายมธิปฺปาโย – โย หิ ‘‘อตฺตา อิสฺสโร วา นิโจฺจ ธุโว’’ติอาทินา วา ‘‘อตฺตา อุจฺฉิชฺชิสฺสติ วินสฺสิสฺสตี’’ติอาทินา วา ติตฺถิยปริกปฺปิตํ ยํ กิญฺจิ สสฺสตุเจฺฉททิฎฺฐิํ ทฬฺหํ คเหตฺวา โวหรติ, ตสฺส สา ปาราชิกฎฺฐานํ โหติฯ โส จ ลิงฺคนาสนาย นาเสตโพฺพฯ โย ปน อีทิสํ ทิฎฺฐิํ อคฺคเหตฺวา สาสนิโกว หุตฺวา เกวลํ พุทฺธวจนาธิปฺปายํ วิปรีตโต คเหตฺวา ภิกฺขูหิ โอวทิยมาโนปิ อปฺปฎินิสฺสชฺชิตฺวา โวหรติ, ตสฺส สา ทิฎฺฐิ ปาราชิกํ น โหติ, โส ปน กณฺฎกนาสนาย เอว นาเสตโพฺพติฯ

    Nanu ca kaṇṭakasāmaṇeropi micchādiṭṭhiko eva, tassa ca heṭṭhā daṇḍakammanāsanāva vuttā. Idha pana micchādiṭṭhikassa liṅganāsanā vuccati, ko imesaṃ bhedoti codanaṃ manasi nidhāyāha ‘‘sassatucchedānañhi aññataradiṭṭhiko’’ti. Ettha cāyamadhippāyo – yo hi ‘‘attā issaro vā nicco dhuvo’’tiādinā vā ‘‘attā ucchijjissati vinassissatī’’tiādinā vā titthiyaparikappitaṃ yaṃ kiñci sassatucchedadiṭṭhiṃ daḷhaṃ gahetvā voharati, tassa sā pārājikaṭṭhānaṃ hoti. So ca liṅganāsanāya nāsetabbo. Yo pana īdisaṃ diṭṭhiṃ aggahetvā sāsanikova hutvā kevalaṃ buddhavacanādhippāyaṃ viparītato gahetvā bhikkhūhi ovadiyamānopi appaṭinissajjitvā voharati, tassa sā diṭṭhi pārājikaṃ na hoti, so pana kaṇṭakanāsanāya eva nāsetabboti.

    อนาปุจฺฉาวรณวตฺถุอาทิกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Anāpucchāvaraṇavatthuādikathāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวคฺคปาฬิ • Mahāvaggapāḷi / ๔๔. อนาปุจฺฉาวรณวตฺถุ • 44. Anāpucchāvaraṇavatthu

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวคฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvagga-aṭṭhakathā / อนาปุจฺฉาวรณวตฺถุอาทิกถา • Anāpucchāvaraṇavatthuādikathā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / อนาปุจฺฉาวรณวตฺถุอาทิกถาวณฺณนา • Anāpucchāvaraṇavatthuādikathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / อนาปุจฺฉาวรณวตฺถุอาทิกถาวณฺณนา • Anāpucchāvaraṇavatthuādikathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๔๓. อนาปุจฺฉาวรณวตฺถุอาทิกถา • 43. Anāpucchāvaraṇavatthuādikathā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact