Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / จูฬวคฺคปาฬิ • Cūḷavaggapāḷi |
๒. ทุติยภาณวาโร
2. Dutiyabhāṇavāro
อนาถปิณฺฑิกวตฺถุ
Anāthapiṇḍikavatthu
๓๐๔. เตน โข ปน สมเยน อนาถปิณฺฑิโก คหปติ ราชคหกสฺส เสฎฺฐิสฺส ภคินิปติโก โหติฯ อถ โข อนาถปิณฺฑิโก คหปติ ราชคหํ อคมาสิ เกนจิเทว กรณีเยนฯ เตน โข ปน สมเยน ราชคหเกน เสฎฺฐินา สฺวาตนาย พุทฺธปฺปมุโข สโงฺฆ นิมนฺติโต โหติฯ อถ โข ราชคหโก เสฎฺฐี ทาเส จ กมฺมกาเร 1 จ อาณาเปสิ – ‘‘เตน หิ, ภเณ, กาลเสฺสว อุฎฺฐาย ยาคุโย ปจถ, ภตฺตานิ ปจถ, สูปานิ สมฺปาเทถ, อุตฺตริภงฺคานิ สมฺปาเทถา’’ติฯ อถ โข อนาถปิณฺฑิกสฺส คหปติสฺส เอตทโหสิ – ‘‘ปุเพฺพ ขฺวายํ คหปติ มยิ อาคเต สพฺพกิจฺจานิ นิกฺขิปิตฺวา มมเญฺญว สทฺธิํ ปฎิสโมฺมทติฯ โสทานายํ วิกฺขิตฺตรูโป ทาเส จ กมฺมกาเร จ อาณาเปสิ – ‘เตน หิ, ภเณ, กาลเสฺสว อุฎฺฐาย ยาคุโย ปจถ, ภตฺตานิ ปจถ, สูปานิ สมฺปาเทถ, อุตฺตริภงฺคานิ สมฺปาเทถา’ติฯ กิํ นุ โข อิมสฺส คหปติสฺส อาวาโห วา ภวิสฺสติ, วิวาโห วา ภวิสฺสติ, มหายโญฺญ วา ปจฺจุปฎฺฐิโต , ราชา วา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร นิมนฺติโต สฺวาตนาย สทฺธิํ พลกาเยนา’’ติ?
304. Tena kho pana samayena anāthapiṇḍiko gahapati rājagahakassa seṭṭhissa bhaginipatiko hoti. Atha kho anāthapiṇḍiko gahapati rājagahaṃ agamāsi kenacideva karaṇīyena. Tena kho pana samayena rājagahakena seṭṭhinā svātanāya buddhappamukho saṅgho nimantito hoti. Atha kho rājagahako seṭṭhī dāse ca kammakāre 2 ca āṇāpesi – ‘‘tena hi, bhaṇe, kālasseva uṭṭhāya yāguyo pacatha, bhattāni pacatha, sūpāni sampādetha, uttaribhaṅgāni sampādethā’’ti. Atha kho anāthapiṇḍikassa gahapatissa etadahosi – ‘‘pubbe khvāyaṃ gahapati mayi āgate sabbakiccāni nikkhipitvā mamaññeva saddhiṃ paṭisammodati. Sodānāyaṃ vikkhittarūpo dāse ca kammakāre ca āṇāpesi – ‘tena hi, bhaṇe, kālasseva uṭṭhāya yāguyo pacatha, bhattāni pacatha, sūpāni sampādetha, uttaribhaṅgāni sampādethā’ti. Kiṃ nu kho imassa gahapatissa āvāho vā bhavissati, vivāho vā bhavissati, mahāyañño vā paccupaṭṭhito , rājā vā māgadho seniyo bimbisāro nimantito svātanāya saddhiṃ balakāyenā’’ti?
อถ โข ราชคหโก เสฎฺฐี ทาเส จ กมฺมกาเร จ อาณาเปตฺวา เยน อนาถปิณฺฑิโก คหปติ เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา อนาถปิณฺฑิเกน คหปตินา สทฺธิํ ปฎิสโมฺมทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข ราชคหกํ เสฎฺฐิํ อนาถปิณฺฑิโก คหปติ เอตทโวจ – ‘‘ปุเพฺพ โข ตฺวํ, คหปติ, มยิ อาคเต สพฺพกิจฺจานิ นิกฺขิปิตฺวา มมเญฺญว สทฺธิํ ปฎิสโมฺมทสิฯ โสทานิ ตฺวํ วิกฺขิตฺตรูโป ทาเส จ กมฺมกาเร จ อาณาเปสิ – ‘เตน หิ, ภเณ, กาลเสฺสว อุฎฺฐาย ยาคุโย ปจถ, ภตฺตานิ ปจถ, สูปานิ สมฺปาเทถ, อุตฺตริภงฺคานิ สมฺปาเทถา’ติฯ กิํ นุ โข เต, คหปติ, อาวาโห วา ภวิสฺสติ, วิวาโห วา ภวิสฺสติ, มหายโญฺญ วา ปจฺจุปฎฺฐิโต, ราชา วา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร นิมนฺติโต สฺวาตนาย สทฺธิํ พลกาเยนา’’ติ? ‘‘น เม, คหปติ, อาวาโห วา ภวิสฺสติ, นาปิ วิวาโห วา ภวิสฺสติ, นาปิ ราชา วา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร นิมนฺติโต สฺวาตนาย สทฺธิํ พลกาเยน; อปิ จ เม มหายโญฺญ ปจฺจุปฎฺฐิโต; สฺวาตนาย พุทฺธปฺปมุโข สโงฺฆ นิมนฺติโต’’ติฯ ‘‘พุโทฺธติ ตฺวํ, คหปติ, วเทสี’’ติ? ‘‘พุโทฺธ ตฺยาหํ, คหปติ, วทามี’’ติฯ ‘‘พุโทฺธติ ตฺวํ, คหปติ, วเทสี’’ติ? ‘‘พุโทฺธ ตฺยาหํ, คหปติ, วทามี’’ติฯ ‘‘พุโทฺธติ ตฺวํ, คหปติ, วเทสี’’ติ? ‘‘พุโทฺธ ตฺยาหํ, คหปติ, วทามี’’ติฯ ‘‘โฆโสปิ โข เอโส, คหปติ, ทุลฺลโภ โลกสฺมิํ ยทิทํ – พุโทฺธ พุโทฺธติฯ สกฺกา นุ โข, คหปติ, อิมํ กาลํ ตํ ภควนฺตํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธ’’นฺติ? ‘‘อกาโล โข, คหปติ, อิมํ กาลํ ตํ ภควนฺตํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํฯ เสฺวทานิ ตฺวํ กาเลน ตํ ภควนฺตํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสสิ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธ’’นฺติฯ อถ โข อนาถปิณฺฑิโก คหปติ – เสฺวทานาหํ กาเลน ตํ ภควนฺตํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสามิ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธนฺติ – พุทฺธคตาย สติยา นิปชฺชิตฺวา รตฺติยา สุทํ ติกฺขตฺตุํ วุฎฺฐาสิ ปภาตํ มญฺญมาโนฯ
Atha kho rājagahako seṭṭhī dāse ca kammakāre ca āṇāpetvā yena anāthapiṇḍiko gahapati tenupasaṅkami, upasaṅkamitvā anāthapiṇḍikena gahapatinā saddhiṃ paṭisammoditvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinnaṃ kho rājagahakaṃ seṭṭhiṃ anāthapiṇḍiko gahapati etadavoca – ‘‘pubbe kho tvaṃ, gahapati, mayi āgate sabbakiccāni nikkhipitvā mamaññeva saddhiṃ paṭisammodasi. Sodāni tvaṃ vikkhittarūpo dāse ca kammakāre ca āṇāpesi – ‘tena hi, bhaṇe, kālasseva uṭṭhāya yāguyo pacatha, bhattāni pacatha, sūpāni sampādetha, uttaribhaṅgāni sampādethā’ti. Kiṃ nu kho te, gahapati, āvāho vā bhavissati, vivāho vā bhavissati, mahāyañño vā paccupaṭṭhito, rājā vā māgadho seniyo bimbisāro nimantito svātanāya saddhiṃ balakāyenā’’ti? ‘‘Na me, gahapati, āvāho vā bhavissati, nāpi vivāho vā bhavissati, nāpi rājā vā māgadho seniyo bimbisāro nimantito svātanāya saddhiṃ balakāyena; api ca me mahāyañño paccupaṭṭhito; svātanāya buddhappamukho saṅgho nimantito’’ti. ‘‘Buddhoti tvaṃ, gahapati, vadesī’’ti? ‘‘Buddho tyāhaṃ, gahapati, vadāmī’’ti. ‘‘Buddhoti tvaṃ, gahapati, vadesī’’ti? ‘‘Buddho tyāhaṃ, gahapati, vadāmī’’ti. ‘‘Buddhoti tvaṃ, gahapati, vadesī’’ti? ‘‘Buddho tyāhaṃ, gahapati, vadāmī’’ti. ‘‘Ghosopi kho eso, gahapati, dullabho lokasmiṃ yadidaṃ – buddho buddhoti. Sakkā nu kho, gahapati, imaṃ kālaṃ taṃ bhagavantaṃ dassanāya upasaṅkamituṃ arahantaṃ sammāsambuddha’’nti? ‘‘Akālo kho, gahapati, imaṃ kālaṃ taṃ bhagavantaṃ dassanāya upasaṅkamituṃ arahantaṃ sammāsambuddhaṃ. Svedāni tvaṃ kālena taṃ bhagavantaṃ dassanāya upasaṅkamissasi arahantaṃ sammāsambuddha’’nti. Atha kho anāthapiṇḍiko gahapati – svedānāhaṃ kālena taṃ bhagavantaṃ dassanāya upasaṅkamissāmi arahantaṃ sammāsambuddhanti – buddhagatāya satiyā nipajjitvā rattiyā sudaṃ tikkhattuṃ vuṭṭhāsi pabhātaṃ maññamāno.
๓๐๕. 3 อถ โข อนาถปิณฺฑิโก คหปติ เยน สิวกทฺวารํ 4 เตนุปสงฺกมิฯ อมนุสฺสา ทฺวารํ วิวริํสุฯ อถ โข อนาถปิณฺฑิกสฺส คหปติสฺส นครมฺหา นิกฺขนฺตสฺส อาโลโก อนฺตรธายิ, อนฺธกาโร ปาตุรโหสิ, ภยํ ฉมฺภิตตฺตํ โลมหํโส อุทปาทิ; ตโตว ปุน นิวตฺติตุกาโม อโหสิฯ อถ โข สิวโก 5 ยโกฺข อนฺตรหิโต สทฺทมนุสฺสาเวสิ –
305.6 Atha kho anāthapiṇḍiko gahapati yena sivakadvāraṃ 7 tenupasaṅkami. Amanussā dvāraṃ vivariṃsu. Atha kho anāthapiṇḍikassa gahapatissa nagaramhā nikkhantassa āloko antaradhāyi, andhakāro pāturahosi, bhayaṃ chambhitattaṃ lomahaṃso udapādi; tatova puna nivattitukāmo ahosi. Atha kho sivako 8 yakkho antarahito saddamanussāvesi –
‘‘สตํ หตฺถี สตํ อสฺสา, สตํ อสฺสตรีรถา;
‘‘Sataṃ hatthī sataṃ assā, sataṃ assatarīrathā;
สตํ กญฺญาสหสฺสานิ, อามุกฺกมณิกุณฺฑลา;
Sataṃ kaññāsahassāni, āmukkamaṇikuṇḍalā;
‘‘อภิกฺกม คหปติ อภิกฺกม คหปติ;
‘‘Abhikkama gahapati abhikkama gahapati;
อภิกฺกนฺตํ เต เสโยฺย โน ปฎิกฺกนฺต’’นฺติฯ
Abhikkantaṃ te seyyo no paṭikkanta’’nti.
อถ โข อนาถปิณฺฑิกสฺส คหปติสฺส อนฺธกาโร อนฺตรธายิ, อาโลโก ปาตุรโหสิฯ ยํ อโหสิ ภยํ ฉมฺภิตตฺตํ โลมหํโส โส ปฎิปฺปสฺสมฺภิฯ ทุติยมฺปิ โข…เป.… ตติยมฺปิ โข…เป.… อนาถปิณฺฑิกสฺส คหปติสฺส อาโลโก อนฺตรธายิ, อนฺธกาโร ปาตุรโหสิ, ภยํ ฉมฺภิตตฺตํ โลมหํโส อุทปาทิ, ตโตว ปุน นิวตฺติตุกาโม อโหสิฯ ตติยมฺปิ โข สิวโก ยโกฺข อนฺตรหิโต สทฺทมนุสฺสาเวสิ –
Atha kho anāthapiṇḍikassa gahapatissa andhakāro antaradhāyi, āloko pāturahosi. Yaṃ ahosi bhayaṃ chambhitattaṃ lomahaṃso so paṭippassambhi. Dutiyampi kho…pe… tatiyampi kho…pe… anāthapiṇḍikassa gahapatissa āloko antaradhāyi, andhakāro pāturahosi, bhayaṃ chambhitattaṃ lomahaṃso udapādi, tatova puna nivattitukāmo ahosi. Tatiyampi kho sivako yakkho antarahito saddamanussāvesi –
‘‘สตํ หตฺถี สตํ อสฺสา, สตํ อสฺสตรีรถา;
‘‘Sataṃ hatthī sataṃ assā, sataṃ assatarīrathā;
สตํ กญฺญาสหสฺสานิ, อามุกฺกมณิกุณฺฑลา;
Sataṃ kaññāsahassāni, āmukkamaṇikuṇḍalā;
เอกสฺส ปทวีติหารสฺส, กลํ นาคฺฆนฺติ โสฬสิํฯ
Ekassa padavītihārassa, kalaṃ nāgghanti soḷasiṃ.
‘‘อภิกฺกม คหปติ อภิกฺกม คหปติ,
‘‘Abhikkama gahapati abhikkama gahapati,
อภิกฺกนฺตํ เต เสโยฺย โน ปฎิกฺกนฺต’’นฺติฯ
Abhikkantaṃ te seyyo no paṭikkanta’’nti.
ตติยมฺปิ โข อนาถปิณฺฑิกสฺส คหปติสฺส อนฺธกาโร อนฺตรธายิ , อาโลโก ปาตุรโหสิ, ยํ อโหสิ ภยํ ฉมฺภิตตฺตํ โลมหํโส, โส ปฎิปฺปสฺสมฺภิฯ อถ โข อนาถปิณฺฑิโก คหปติ เยน สีตวนํ เตนุปสงฺกมิฯ เตน โข ปน สมเยน ภควา รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ ปจฺจุฎฺฐาย อโชฺฌกาเส จงฺกมติฯ อทฺทสา โข ภควา อนาถปิณฺฑิกํ คหปติํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํฯ ทิสฺวาน จงฺกมา โอโรหิตฺวา ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทิฯ นิสชฺช โข ภควา อนาถปิณฺฑิกํ คหปติํ เอตทโวจ – ‘‘เอหิ สุทตฺตา’’ติฯ อถ โข อนาถปิณฺฑิโก คหปติ – นาเมน มํ ภควา อาลปตีติ – หโฎฺฐ อุทโคฺค เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กจฺจิ, ภเนฺต, ภควา สุขํ สยิตฺถา’’ติ?
Tatiyampi kho anāthapiṇḍikassa gahapatissa andhakāro antaradhāyi , āloko pāturahosi, yaṃ ahosi bhayaṃ chambhitattaṃ lomahaṃso, so paṭippassambhi. Atha kho anāthapiṇḍiko gahapati yena sītavanaṃ tenupasaṅkami. Tena kho pana samayena bhagavā rattiyā paccūsasamayaṃ paccuṭṭhāya ajjhokāse caṅkamati. Addasā kho bhagavā anāthapiṇḍikaṃ gahapatiṃ dūratova āgacchantaṃ. Disvāna caṅkamā orohitvā paññatte āsane nisīdi. Nisajja kho bhagavā anāthapiṇḍikaṃ gahapatiṃ etadavoca – ‘‘ehi sudattā’’ti. Atha kho anāthapiṇḍiko gahapati – nāmena maṃ bhagavā ālapatīti – haṭṭho udaggo yena bhagavā tenupasaṅkami, upasaṅkamitvā bhagavato pādesu sirasā nipatitvā bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘kacci, bhante, bhagavā sukhaṃ sayitthā’’ti?
โย น ลิมฺปติ กาเมสุ, สีติภูโต นิรูปธิฯ
Yo na limpati kāmesu, sītibhūto nirūpadhi.
‘‘สพฺพา อาสตฺติโย เฉตฺวา, วิเนยฺย หทเย ทรํ;
‘‘Sabbā āsattiyo chetvā, vineyya hadaye daraṃ;
อุปสโนฺต สุขํ เสติ, สนฺติํ ปปฺปุยฺย เจตสา’’ติ 13ฯ
Upasanto sukhaṃ seti, santiṃ pappuyya cetasā’’ti 14.
อถ โข ภควา อนาถปิณฺฑิกสฺส คหปติสฺส อนุปุพฺพิํ กถํ 15 กเถสิ, เสยฺยถิทํ – ทานกถํ สีลกถํ สคฺคกถํ, กามานํ อาทีนวํ โอการํ สํกิเลสํ, เนกฺขเมฺม อานิสํสํ ปกาเสสิฯ ยทา ภควา อญฺญาสิ อนาถปิณฺฑิกํ คหปติํ กลฺลจิตฺตํ มุทุจิตฺตํ วินีวรณจิตฺตํ อุทคฺคจิตฺตํ ปสนฺนจิตฺตํ, อถ ยา พุทฺธานํ สามุกฺกํสิกา ธมฺมเทสนา ตํ ปกาเสสิ – ทุกฺขํ, สมุทยํ, นิโรธํ, มคฺคํฯ เสยฺยถาปิ นาม สุทฺธํ วตฺถํ อปคตกาฬกํ สมฺมเทว รชนํ ปฎิคฺคเณฺหยฺย, เอวเมว อนาถปิณฺฑิกสฺส คหปติสฺส ตสฺมิํเยว อาสเน วิรชํ วีตมลํ ธมฺมจกฺขุํ อุทปาทิ – ยํ กิญฺจิ สมุทยธมฺมํ, สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺมนฺติฯ อถ โข อนาถปิณฺฑิโก คหปติ ทิฎฺฐธโมฺม ปตฺตธโมฺม วิทิตธโมฺม ปริโยคาฬฺหธโมฺม ติณฺณวิจิกิโจฺฉ วิคตกถํกโถ เวสารชฺชปฺปโตฺต อปรปฺปจฺจโย สตฺถุสาสเน ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ ภเนฺต, อภิกฺกนฺตํ ภเนฺต! เสยฺยถาปิ, ภเนฺต, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุเชฺชยฺย, ปฎิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิเกฺขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปโชฺชตํ ธาเรยฺย – จกฺขุมโนฺต รูปานิ ทกฺขนฺตีติ – เอวเมวํ ภควตา อเนกปริยาเยน ธโมฺม ปกาสิโตฯ เอสาหํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามิ, ธมฺมญฺจ, ภิกฺขุสงฺฆญฺจฯ อุปาสกํ มํ ภควา ธาเรตุ อชฺชตเคฺค ปาณุเปตํ สรณํ คตํฯ อธิวาเสตุ จ เม, ภเนฺต, ภควา สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธิํ ภิกฺขุสเงฺฆนา’’ติฯ อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวนฯ
Atha kho bhagavā anāthapiṇḍikassa gahapatissa anupubbiṃ kathaṃ 16 kathesi, seyyathidaṃ – dānakathaṃ sīlakathaṃ saggakathaṃ, kāmānaṃ ādīnavaṃ okāraṃ saṃkilesaṃ, nekkhamme ānisaṃsaṃ pakāsesi. Yadā bhagavā aññāsi anāthapiṇḍikaṃ gahapatiṃ kallacittaṃ muducittaṃ vinīvaraṇacittaṃ udaggacittaṃ pasannacittaṃ, atha yā buddhānaṃ sāmukkaṃsikā dhammadesanā taṃ pakāsesi – dukkhaṃ, samudayaṃ, nirodhaṃ, maggaṃ. Seyyathāpi nāma suddhaṃ vatthaṃ apagatakāḷakaṃ sammadeva rajanaṃ paṭiggaṇheyya, evameva anāthapiṇḍikassa gahapatissa tasmiṃyeva āsane virajaṃ vītamalaṃ dhammacakkhuṃ udapādi – yaṃ kiñci samudayadhammaṃ, sabbaṃ taṃ nirodhadhammanti. Atha kho anāthapiṇḍiko gahapati diṭṭhadhammo pattadhammo viditadhammo pariyogāḷhadhammo tiṇṇavicikiccho vigatakathaṃkatho vesārajjappatto aparappaccayo satthusāsane bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘abhikkantaṃ bhante, abhikkantaṃ bhante! Seyyathāpi, bhante, nikkujjitaṃ vā ukkujjeyya, paṭicchannaṃ vā vivareyya, mūḷhassa vā maggaṃ ācikkheyya, andhakāre vā telapajjotaṃ dhāreyya – cakkhumanto rūpāni dakkhantīti – evamevaṃ bhagavatā anekapariyāyena dhammo pakāsito. Esāhaṃ, bhante, bhagavantaṃ saraṇaṃ gacchāmi, dhammañca, bhikkhusaṅghañca. Upāsakaṃ maṃ bhagavā dhāretu ajjatagge pāṇupetaṃ saraṇaṃ gataṃ. Adhivāsetu ca me, bhante, bhagavā svātanāya bhattaṃ saddhiṃ bhikkhusaṅghenā’’ti. Adhivāsesi bhagavā tuṇhībhāvena.
อถ โข อนาถปิณฺฑิโก คหปติ ภควโต อธิวาสนํ วิทิตฺวา อุฎฺฐายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิฯ อโสฺสสิ โข ราชคหโก เสฎฺฐี – ‘‘อนาถปิณฺฑิเกน กิร คหปตินา สฺวาตนาย พุทฺธปฺปมุโข สโงฺฆ นิมนฺติโต’’ติฯ
Atha kho anāthapiṇḍiko gahapati bhagavato adhivāsanaṃ viditvā uṭṭhāyāsanā bhagavantaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā pakkāmi. Assosi kho rājagahako seṭṭhī – ‘‘anāthapiṇḍikena kira gahapatinā svātanāya buddhappamukho saṅgho nimantito’’ti.
๓๐๖. อถ โข ราชคหโก เสฎฺฐี อนาถปิณฺฑิกํ คหปติํ เอตทโวจ – ‘‘ตยา กิร, คหปติ, สฺวาตนาย พุทฺธปฺปมุโข สโงฺฆ นิมนฺติโตฯ ตฺวญฺจาสิ อาคนฺตุโกฯ เทมิ เต, คหปติ, เวยฺยายิกํ เยน ตฺวํ พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส ภตฺตํ กเรยฺยาสี’’ติฯ ‘‘อลํ, คหปติ อตฺถิ เม เวยฺยายิกํ เยนาหํ พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส ภตฺตํ กริสฺสามี’’ติฯ
306. Atha kho rājagahako seṭṭhī anāthapiṇḍikaṃ gahapatiṃ etadavoca – ‘‘tayā kira, gahapati, svātanāya buddhappamukho saṅgho nimantito. Tvañcāsi āgantuko. Demi te, gahapati, veyyāyikaṃ yena tvaṃ buddhappamukhassa saṅghassa bhattaṃ kareyyāsī’’ti. ‘‘Alaṃ, gahapati atthi me veyyāyikaṃ yenāhaṃ buddhappamukhassa saṅghassa bhattaṃ karissāmī’’ti.
อโสฺสสิ โข ราชคหโก เนคโม – ‘‘อนาถปิณฺฑิเกน กิร คหปตินา สฺวาตนาย พุทฺธปฺปมุโข สโงฺฆ นิมนฺติโต’’ติฯ อถ โข ราชคหโก เนคโม อนาถปิณฺฑิกํ คหปติํ เอตทโวจ – ‘‘ตยา กิร, คหปติ, สฺวาตนาย พุทฺธปฺปมุโข สโงฺฆ นิมนฺติโตฯ ตฺวญฺจาสิ อาคนฺตุโกฯ เทมิ เต, คหปติ, เวยฺยายิกํ เยน ตฺวํ พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส ภตฺตํ กเรยฺยาสี’’ติฯ ‘‘อลํ อยฺย; อตฺถิ เม เวยฺยายิกํ เยนาหํ พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส ภตฺตํ กริสฺสามี’’ติฯ
Assosi kho rājagahako negamo – ‘‘anāthapiṇḍikena kira gahapatinā svātanāya buddhappamukho saṅgho nimantito’’ti. Atha kho rājagahako negamo anāthapiṇḍikaṃ gahapatiṃ etadavoca – ‘‘tayā kira, gahapati, svātanāya buddhappamukho saṅgho nimantito. Tvañcāsi āgantuko. Demi te, gahapati, veyyāyikaṃ yena tvaṃ buddhappamukhassa saṅghassa bhattaṃ kareyyāsī’’ti. ‘‘Alaṃ ayya; atthi me veyyāyikaṃ yenāhaṃ buddhappamukhassa saṅghassa bhattaṃ karissāmī’’ti.
อโสฺสสิ โข ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร – ‘‘อนาถปิณฺฑิเกน กิร คหปตินา สฺวาตนาย พุทฺธปฺปมุโข สโงฺฆ นิมนฺติโต’’ติฯ อถ โข ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร อนาถปิณฺฑิกํ คหปติํ เอตทโวจ – ‘‘ตยา กิร, คหปติ, สฺวาตนาย พุทฺธปฺปมุโข สโงฺฆ นิมนฺติโตฯ ตฺวญฺจาสิ อาคนฺตุโกฯ เทมิ เต, คหปติ, เวยฺยายิกํ เยน ตฺวํ พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส ภตฺตํ กเรยฺยาสี’’ติฯ ‘‘อลํ เทว; อตฺถิ เม เวยฺยายิกํ เยนาหํ พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส ภตฺตํ กริสฺสามี’’ติฯ
Assosi kho rājā māgadho seniyo bimbisāro – ‘‘anāthapiṇḍikena kira gahapatinā svātanāya buddhappamukho saṅgho nimantito’’ti. Atha kho rājā māgadho seniyo bimbisāro anāthapiṇḍikaṃ gahapatiṃ etadavoca – ‘‘tayā kira, gahapati, svātanāya buddhappamukho saṅgho nimantito. Tvañcāsi āgantuko. Demi te, gahapati, veyyāyikaṃ yena tvaṃ buddhappamukhassa saṅghassa bhattaṃ kareyyāsī’’ti. ‘‘Alaṃ deva; atthi me veyyāyikaṃ yenāhaṃ buddhappamukhassa saṅghassa bhattaṃ karissāmī’’ti.
อถ โข อนาถปิณฺฑิโก คหปติ ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน ราชคหกสฺส เสฎฺฐิสฺส นิเวสเน ปณีตํ ขาทนียํ โภชนียํ ปฎิยาทาเปตฺวา ภควโต กาลํ อาโรจาเปสิ – ‘‘กาโล, ภเนฺต, นิฎฺฐิตํ ภตฺต’’นฺติฯ อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน ราชคหกสฺส เสฎฺฐิสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทิ สทฺธิํ ภิกฺขุสเงฺฆนฯ อถ โข อนาถปิณฺฑิโก คหปติ พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตเปฺปตฺวา สมฺปวาเรตฺวา, ภควนฺตํ ภุตฺตาวิํ โอนีตปตฺตปาณิํ, เอกมนฺตํ นิสีทิ ฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อนาถปิณฺฑิโก คหปติ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อธิวาเสตุ เม, ภเนฺต, ภควา สาวตฺถิยํ วสฺสาวาสํ สทฺธิํ ภิกฺขุสเงฺฆนา’’ติฯ ‘‘สุญฺญาคาเร โข, คหปติ, ตถาคตา อภิรมนฺตี’’ติฯ ‘‘อญฺญาตํ ภควา, อญฺญาตํ สุคตา’’ติฯ อถ โข ภควา อนาถปิณฺฑิกํ คหปติํ ธมฺมิยา กถาย สนฺทเสฺสตฺวา สมาทเปตฺวา สมุเตฺตเชตฺวา สมฺปหํเสตฺวา อุฎฺฐายาสนา ปกฺกามิฯ
Atha kho anāthapiṇḍiko gahapati tassā rattiyā accayena rājagahakassa seṭṭhissa nivesane paṇītaṃ khādanīyaṃ bhojanīyaṃ paṭiyādāpetvā bhagavato kālaṃ ārocāpesi – ‘‘kālo, bhante, niṭṭhitaṃ bhatta’’nti. Atha kho bhagavā pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya yena rājagahakassa seṭṭhissa nivesanaṃ tenupasaṅkami, upasaṅkamitvā paññatte āsane nisīdi saddhiṃ bhikkhusaṅghena. Atha kho anāthapiṇḍiko gahapati buddhappamukhaṃ bhikkhusaṅghaṃ paṇītena khādanīyena bhojanīyena sahatthā santappetvā sampavāretvā, bhagavantaṃ bhuttāviṃ onītapattapāṇiṃ, ekamantaṃ nisīdi . Ekamantaṃ nisinno kho anāthapiṇḍiko gahapati bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘adhivāsetu me, bhante, bhagavā sāvatthiyaṃ vassāvāsaṃ saddhiṃ bhikkhusaṅghenā’’ti. ‘‘Suññāgāre kho, gahapati, tathāgatā abhiramantī’’ti. ‘‘Aññātaṃ bhagavā, aññātaṃ sugatā’’ti. Atha kho bhagavā anāthapiṇḍikaṃ gahapatiṃ dhammiyā kathāya sandassetvā samādapetvā samuttejetvā sampahaṃsetvā uṭṭhāyāsanā pakkāmi.
๓๐๗. เตน โข ปน สมเยน อนาถปิณฺฑิโก คหปติ พหุมิโตฺต โหติ พหุสหาโย อาเทยฺยวาโจฯ อถ โข อนาถปิณฺฑิโก คหปติ ราชคเห ตํ กรณียํ ตีเรตฺวา เยน สาวตฺถิ เตน ปกฺกามิฯ อถ โข อนาถปิณฺฑิโก คหปติ อนฺตรามเคฺค มนุเสฺส อาณาเปสิ – ‘‘อาราเม , อยฺยา, กโรถ, วิหาเร ปติฎฺฐาเปถ, ทานานิ ปฎฺฐเปถฯ พุโทฺธ โลเก อุปฺปโนฺนฯ โส จ มยา ภควา นิมนฺติโต อิมินา มเคฺคน อาคจฺฉิสฺสตี’’ติฯ อถ โข เต มนุสฺสา อนาถปิณฺฑิเกน คหปตินา อุโยฺยชิตา อาราเม อกํสุ, วิหาเร ปติฎฺฐาเปสุํ, ทานานิ ปฎฺฐเปสุํฯ
307. Tena kho pana samayena anāthapiṇḍiko gahapati bahumitto hoti bahusahāyo ādeyyavāco. Atha kho anāthapiṇḍiko gahapati rājagahe taṃ karaṇīyaṃ tīretvā yena sāvatthi tena pakkāmi. Atha kho anāthapiṇḍiko gahapati antarāmagge manusse āṇāpesi – ‘‘ārāme , ayyā, karotha, vihāre patiṭṭhāpetha, dānāni paṭṭhapetha. Buddho loke uppanno. So ca mayā bhagavā nimantito iminā maggena āgacchissatī’’ti. Atha kho te manussā anāthapiṇḍikena gahapatinā uyyojitā ārāme akaṃsu, vihāre patiṭṭhāpesuṃ, dānāni paṭṭhapesuṃ.
อถ โข อนาถปิณฺฑิโก คหปติ สาวตฺถิํ คนฺตฺวา สมนฺตา สาวตฺถิํ อนุวิโลเกสิ – ‘‘กตฺถ นุ โข ภควา วิหเรยฺย? ยํ อสฺส คามโต เนว อติทูเร น อจฺจาสเนฺน, คมนาคมนสมฺปนฺนํ, อตฺถิกานํ อตฺถิกานํ มนุสฺสานํ อภิกฺกมนียํ, ทิวา อปฺปากิณฺณํ, รตฺติํ อปฺปสทฺทํ, อปฺปนิโคฺฆสํ, วิชนวาตํ, มนุสฺสราหเสฺสยฺยกํ, ปฎิสลฺลานสารุปฺป’’นฺติฯ
Atha kho anāthapiṇḍiko gahapati sāvatthiṃ gantvā samantā sāvatthiṃ anuvilokesi – ‘‘kattha nu kho bhagavā vihareyya? Yaṃ assa gāmato neva atidūre na accāsanne, gamanāgamanasampannaṃ, atthikānaṃ atthikānaṃ manussānaṃ abhikkamanīyaṃ, divā appākiṇṇaṃ, rattiṃ appasaddaṃ, appanigghosaṃ, vijanavātaṃ, manussarāhasseyyakaṃ, paṭisallānasāruppa’’nti.
อทฺทสา โข อนาถปิณฺฑิโก คหปติ เชตสฺส กุมารสฺส 17 อุยฺยานํ – คามโต เนว อติทูเร น อจฺจาสเนฺน, คมนาคมนสมฺปนฺนํ, อตฺถิกานํ อตฺถิกานํ มนุสฺสานํ อภิกฺกมนียํ, ทิวา อปฺปากิณฺณํ, รตฺติํ อปฺปสทฺทํ, อปฺปนิโคฺฆสํ, วิชนวาตํ, มนุสฺสราหเสฺสยฺยกํ, ปฎิสลฺลานสารุปฺปํฯ ทิสฺวาน เยน เชโต กุมาโร เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา เชตํ กุมารํ เอตทโวจ – ‘‘เทหิ เม, อยฺยปุตฺต, อุยฺยานํ อารามํ กาตุ’’นฺติ 18ฯ ‘‘อเทโยฺย, คหปติ, อาราโม อปิ โกฎิสนฺถเรนา’’ติฯ ‘‘คหิโต, อยฺยปุตฺต, อาราโม’’ติฯ ‘‘น, คหปติ, คหิโต อาราโม’’ติฯ คหิโต น คหิโตติ โวหาริเก มหามเตฺต ปุจฺฉิํสุฯ มหามตฺตา เอวมาหํสุ – ‘‘ยโต ตยา , อยฺยปุตฺต, อโคฺฆ กโต, คหิโต อาราโม’’ติฯ อถ โข อนาถปิณฺฑิโก คหปติ สกเฎหิ หิรญฺญํ นิพฺพาหาเปตฺวา เชตวนํ โกฎิสนฺถรํ สนฺถราเปสิฯ สกิํ นีหฎํ หิรญฺญํ โถกสฺส โอกาสสฺส โกฎฺฐกสามนฺตา นปฺปโหติฯ อถ โข อนาถปิณฺฑิโก คหปติ มนุเสฺส อาณาเปสิ – ‘‘คจฺฉถ, ภเณ, หิรญฺญํ อาหรถ; อิมํ โอกาสํ สนฺถริสฺสามา’’ติฯ
Addasā kho anāthapiṇḍiko gahapati jetassa kumārassa 19 uyyānaṃ – gāmato neva atidūre na accāsanne, gamanāgamanasampannaṃ, atthikānaṃ atthikānaṃ manussānaṃ abhikkamanīyaṃ, divā appākiṇṇaṃ, rattiṃ appasaddaṃ, appanigghosaṃ, vijanavātaṃ, manussarāhasseyyakaṃ, paṭisallānasāruppaṃ. Disvāna yena jeto kumāro tenupasaṅkami, upasaṅkamitvā jetaṃ kumāraṃ etadavoca – ‘‘dehi me, ayyaputta, uyyānaṃ ārāmaṃ kātu’’nti 20. ‘‘Adeyyo, gahapati, ārāmo api koṭisantharenā’’ti. ‘‘Gahito, ayyaputta, ārāmo’’ti. ‘‘Na, gahapati, gahito ārāmo’’ti. Gahito na gahitoti vohārike mahāmatte pucchiṃsu. Mahāmattā evamāhaṃsu – ‘‘yato tayā , ayyaputta, aggho kato, gahito ārāmo’’ti. Atha kho anāthapiṇḍiko gahapati sakaṭehi hiraññaṃ nibbāhāpetvā jetavanaṃ koṭisantharaṃ santharāpesi. Sakiṃ nīhaṭaṃ hiraññaṃ thokassa okāsassa koṭṭhakasāmantā nappahoti. Atha kho anāthapiṇḍiko gahapati manusse āṇāpesi – ‘‘gacchatha, bhaṇe, hiraññaṃ āharatha; imaṃ okāsaṃ santharissāmā’’ti.
อถ โข เชตสฺส กุมารสฺส เอตทโหสิ – ‘‘น โข อิทํ โอรกํ ภวิสฺสติ, ยถายํ คหปติ ตาว พหุํ หิรญฺญํ ปริจฺจชตี’’ติฯ อนาถปิณฺฑิกํ คหปติํ เอตทโวจ – ‘‘อลํ, คหปติ; มา ตํ โอกาสํ สนฺถราเปสิฯ เทหิ เม เอตํ โอกาสํฯ มเมตํ ทานํ ภวิสฺสตี’’ติฯ อถ โข อนาถปิณฺฑิโก คหปติ – อยํ โข เชโต กุมาโร อภิญฺญาโต ญาตมนุโสฺส; มหตฺถิโก โข ปน เอวรูปานํ ญาตมนุสฺสานํ อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย ปสาโทติ – ตํ โอกาสํ เชตสฺส กุมารสฺส ปาทาสิ 21ฯ อถ โข เชโต กุมาโร ตสฺมิํ โอกาเส โกฎฺฐกํ มาเปสิฯ
Atha kho jetassa kumārassa etadahosi – ‘‘na kho idaṃ orakaṃ bhavissati, yathāyaṃ gahapati tāva bahuṃ hiraññaṃ pariccajatī’’ti. Anāthapiṇḍikaṃ gahapatiṃ etadavoca – ‘‘alaṃ, gahapati; mā taṃ okāsaṃ santharāpesi. Dehi me etaṃ okāsaṃ. Mametaṃ dānaṃ bhavissatī’’ti. Atha kho anāthapiṇḍiko gahapati – ayaṃ kho jeto kumāro abhiññāto ñātamanusso; mahatthiko kho pana evarūpānaṃ ñātamanussānaṃ imasmiṃ dhammavinaye pasādoti – taṃ okāsaṃ jetassa kumārassa pādāsi 22. Atha kho jeto kumāro tasmiṃ okāse koṭṭhakaṃ māpesi.
อถ โข อนาถปิณฺฑิโก คหปติ เชตวเน วิหาเร การาเปสิ, ปริเวณานิ การาเปสิ, โกฎฺฐเก การาเปสิ, อุปฎฺฐานสาลาโย การาเปสิ, อคฺคิสาลาโย การาเปสิ, กปฺปิยกุฎิโย การาเปสิ, วจฺจกุฎิโย การาเปสิ, จงฺกเม การาเปสิ, จงฺกมนสาลาโย การาเปสิ, อุทปาเน การาเปสิ, อุทปานสาลาโย การาเปสิ, ชนฺตาฆเร การาเปสิ, ชนฺตาฆรสาลาโย การาเปสิ, โปกฺขรณิโย การาเปสิ, มณฺฑเป การาเปสิฯ
Atha kho anāthapiṇḍiko gahapati jetavane vihāre kārāpesi, pariveṇāni kārāpesi, koṭṭhake kārāpesi, upaṭṭhānasālāyo kārāpesi, aggisālāyo kārāpesi, kappiyakuṭiyo kārāpesi, vaccakuṭiyo kārāpesi, caṅkame kārāpesi, caṅkamanasālāyo kārāpesi, udapāne kārāpesi, udapānasālāyo kārāpesi, jantāghare kārāpesi, jantāgharasālāyo kārāpesi, pokkharaṇiyo kārāpesi, maṇḍape kārāpesi.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / จูฬวคฺค-อฎฺฐกถา • Cūḷavagga-aṭṭhakathā / วิหารานุชานนกถา • Vihārānujānanakathā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / อนาถปิณฺฑิกวตฺถุกถาวณฺณนา • Anāthapiṇḍikavatthukathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / วิหารานุชานนกถาวณฺณนา • Vihārānujānanakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / วิหารานุชานนกถาวณฺณนา • Vihārānujānanakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / วิหารานุชานนกถา • Vihārānujānanakathā