Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā

    อนาถปิณฺฑิกวตฺถุกถาวณฺณนา

    Anāthapiṇḍikavatthukathāvaṇṇanā

    ๓๐๔. อนาถปิณฺฑิกเสฎฺฐิวตฺถุมฺหิ (สํ. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑.๒๔๒) เกนจิเทว กรณีเยนาติ วาณิชฺชกมฺมํ อธิเปฺปตํฯ อนาถปิณฺฑิโก กิร ราชคหเสฎฺฐิ จ อญฺญมญฺญํ ภคินิปติกา โหนฺติฯ ยทา ราชคเห อุฎฺฐานกภณฺฑํ สมคฺฆํ โหติ, ตทา ราชคหเสฎฺฐิ ตํ คเหตฺวา สกฎสเตหิ สาวตฺถิํ คนฺตฺวา โยชนมเตฺต ฐิโต อตฺตโน อาคตภาวํ ชานาเปติฯ อนาถปิณฺฑิโก ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ตสฺส มหาสกฺการํ กตฺวา เอกํ ยานํ อาโรเปตฺวา สาวตฺถิํ ปวิสติฯ โส สเจ ภณฺฑํ ลหุกํ วิกฺกียติ, วิกฺกิณาติฯ โน เจ, ภคินิฆเร ฐเปตฺวา ปกฺกมติฯ อนาถปิณฺฑิโกปิ ตเถว กโรติฯ สฺวายํ ตทาปิ เตเนว กรณีเยน อคมาสิฯ ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ

    304. Anāthapiṇḍikaseṭṭhivatthumhi (saṃ. ni. aṭṭha. 1.1.242) kenacideva karaṇīyenāti vāṇijjakammaṃ adhippetaṃ. Anāthapiṇḍiko kira rājagahaseṭṭhi ca aññamaññaṃ bhaginipatikā honti. Yadā rājagahe uṭṭhānakabhaṇḍaṃ samagghaṃ hoti, tadā rājagahaseṭṭhi taṃ gahetvā sakaṭasatehi sāvatthiṃ gantvā yojanamatte ṭhito attano āgatabhāvaṃ jānāpeti. Anāthapiṇḍiko paccuggantvā tassa mahāsakkāraṃ katvā ekaṃ yānaṃ āropetvā sāvatthiṃ pavisati. So sace bhaṇḍaṃ lahukaṃ vikkīyati, vikkiṇāti. No ce, bhaginighare ṭhapetvā pakkamati. Anāthapiṇḍikopi tatheva karoti. Svāyaṃ tadāpi teneva karaṇīyena agamāsi. Taṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ.

    ตํ ทิวสํ ปน ราชคหเสฎฺฐิ โยชนมเตฺต ฐิเตน อนาถปิณฺฑิเกน อาคตภาวชานนตฺถํ เปสิตํ ปณฺณํ น สุณิ, ธมฺมสฺสวนตฺถาย วิหารํ อคมาสิฯ โส ธมฺมกถํ สุตฺวา สฺวาตนาย พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมเนฺตตฺวา อตฺตโน ฆเร อุทฺธนขณาปนทารุผาลนาทีนิ กาเรสิฯ อนาถปิณฺฑิโกปิ ‘‘อิทานิ มยฺหํ ปจฺจุคฺคมนํ กริสฺสติ, อิทานิ กริสฺสตี’’ติ ฆรทฺวาเรปิ ปจฺจุคฺคมนํ อลภิตฺวา อโนฺตฆรํ ปวิโฎฺฐ ปฎิสนฺถารมฺปิ น พหุํ อลตฺถฯ ‘‘กิํ มหาเสฎฺฐิ กุสลํ ทารกรูปานํ, นสิ มเคฺค กิลโนฺต’’ติ เอตฺตโกว ปฎิสนฺถาโร อโหสิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อถ โข อนาถปิณฺฑิกสฺส คหปติสฺส เอตทโหสี’’ติอาทิฯ

    Taṃ divasaṃ pana rājagahaseṭṭhi yojanamatte ṭhitena anāthapiṇḍikena āgatabhāvajānanatthaṃ pesitaṃ paṇṇaṃ na suṇi, dhammassavanatthāya vihāraṃ agamāsi. So dhammakathaṃ sutvā svātanāya buddhappamukhaṃ bhikkhusaṅghaṃ nimantetvā attano ghare uddhanakhaṇāpanadāruphālanādīni kāresi. Anāthapiṇḍikopi ‘‘idāni mayhaṃ paccuggamanaṃ karissati, idāni karissatī’’ti gharadvārepi paccuggamanaṃ alabhitvā antogharaṃ paviṭṭho paṭisanthārampi na bahuṃ alattha. ‘‘Kiṃ mahāseṭṭhi kusalaṃ dārakarūpānaṃ, nasi magge kilanto’’ti ettakova paṭisanthāro ahosi. Tena vuttaṃ ‘‘atha kho anāthapiṇḍikassa gahapatissa etadahosī’’tiādi.

    พุโทฺธติ ตฺวํ คหปติ วเทสีติ ตสฺส กิร มุขโต พุทฺธสทฺทํ สุตฺวา อนาถปิณฺฑิโก ปญฺจวณฺณํ ปีติํ ปฎิลภติ, สา ตสฺส สีเส อุฎฺฐหิตฺวา ยาว ปาทปิฎฺฐิยา, ปาทปิฎฺฐิยา อุฎฺฐาย ยาว สีสา คจฺฉติ, อุภโต อุฎฺฐาย มเชฺฌ โอสรติ, มเชฺฌ อุฎฺฐาย อุภโต คจฺฉติฯ โส ปีติยา นิรนฺตรํ ผุโฎ ‘‘พุโทฺธติ ตฺวํ คหปติ วเทสี’’ติ เอวํ ติกฺขตฺตุํ ปุจฺฉิฯ อกาโล โข, คหปติ, อิมํ กาลํ ตํ ภควนฺตํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุนฺติ ‘‘พุทฺธา นาม ทุราสทา อาสีวิสสทิสา โหนฺติ, สตฺถา จ สิวถิกาย สมีเป วสติ, น สกฺกา ตตฺถ อิมาย เวลาย อิมินา คนฺตุ’’นฺติ มญฺญมาโน เอวมาหฯ พุทฺธคตาย สติยา นิปชฺชีติ อญฺญํ กิญฺจิ อจิเนฺตตฺวา พุทฺธคตาย เอว สติยา นิปชฺชิฯ ตํ ทิวสํ กิรสฺส ภณฺฑสกเฎสุ วา อุปฎฺฐาเกสุ วา จิตฺตมฺปิ นุปฺปชฺชิ, สายมาสมฺปิ น อกาสิฯ สตฺตภูมิกํ ปน ปาสาทํ อารุยฺห สุปญฺญตฺตาลงฺกตวรสยเน ‘‘พุโทฺธ พุโทฺธ’’ติ สชฺฌายํ กโรโนฺตว นิปชฺชิตฺวา นิทฺทํ โอกฺกมิฯ ติกฺขตฺตุํ วุฎฺฐาสิ ปภาตํ มญฺญมาโนติ ปฐมยาเม ตาว วีติวเตฺต อุฎฺฐาย พุทฺธํ อนุสฺสริ, อถสฺส พลวปฺปสาโท อุทปาทิ, ปีติอาโลโก อโหสิ, สพฺพตมํ วิคจฺฉิ, ทีปสหสฺสุชฺชลนํ วิย จนฺทุฎฺฐานสูริยุฎฺฐานํ วิย จ ชาตํฯ โส ‘‘ปมาทํ อาปโนฺนมฺหิ, วญฺจิโตมฺหิ, สูริโย อุคฺคโต’’ติ อุฎฺฐาย อากาสตเล ฐตฺวา จนฺทํ โอโลเกตฺวา ‘‘เอโกว ยาโม คโต, อเญฺญ เทฺว อตฺถี’’ติ ปุน ปวิสิตฺวา นิปชฺชิ, เอเตนุปาเยน มชฺฌิมยามาวสาเนปิ ปจฺฉิมยามาวสาเนปิ ติกฺขตฺตุํ อุฎฺฐาสิฯ ปจฺฉิมยามาวสาเน ปน พลวปจฺจูเสเยว อุฎฺฐาย อากาสตลํ อาคนฺตฺวา มหาทฺวาราภิมุโข อโหสิ, สตฺตภูมิกทฺวารํ สยเมว วิวฎํ อโหสิ, ปาสาทา โอรุยฺห อนฺตรวีถิํ ปฎิปชฺชิฯ

    Buddhoti tvaṃ gahapati vadesīti tassa kira mukhato buddhasaddaṃ sutvā anāthapiṇḍiko pañcavaṇṇaṃ pītiṃ paṭilabhati, sā tassa sīse uṭṭhahitvā yāva pādapiṭṭhiyā, pādapiṭṭhiyā uṭṭhāya yāva sīsā gacchati, ubhato uṭṭhāya majjhe osarati, majjhe uṭṭhāya ubhato gacchati. So pītiyā nirantaraṃ phuṭo ‘‘buddhoti tvaṃ gahapati vadesī’’ti evaṃ tikkhattuṃ pucchi. Akālo kho, gahapati, imaṃ kālaṃ taṃ bhagavantaṃdassanāya upasaṅkamitunti ‘‘buddhā nāma durāsadā āsīvisasadisā honti, satthā ca sivathikāya samīpe vasati, na sakkā tattha imāya velāya iminā gantu’’nti maññamāno evamāha. Buddhagatāya satiyā nipajjīti aññaṃ kiñci acintetvā buddhagatāya eva satiyā nipajji. Taṃ divasaṃ kirassa bhaṇḍasakaṭesu vā upaṭṭhākesu vā cittampi nuppajji, sāyamāsampi na akāsi. Sattabhūmikaṃ pana pāsādaṃ āruyha supaññattālaṅkatavarasayane ‘‘buddho buddho’’ti sajjhāyaṃ karontova nipajjitvā niddaṃ okkami. Tikkhattuṃ vuṭṭhāsi pabhātaṃ maññamānoti paṭhamayāme tāva vītivatte uṭṭhāya buddhaṃ anussari, athassa balavappasādo udapādi, pītiāloko ahosi, sabbatamaṃ vigacchi, dīpasahassujjalanaṃ viya canduṭṭhānasūriyuṭṭhānaṃ viya ca jātaṃ. So ‘‘pamādaṃ āpannomhi, vañcitomhi, sūriyo uggato’’ti uṭṭhāya ākāsatale ṭhatvā candaṃ oloketvā ‘‘ekova yāmo gato, aññe dve atthī’’ti puna pavisitvā nipajji, etenupāyena majjhimayāmāvasānepi pacchimayāmāvasānepi tikkhattuṃ uṭṭhāsi. Pacchimayāmāvasāne pana balavapaccūseyeva uṭṭhāya ākāsatalaṃ āgantvā mahādvārābhimukho ahosi, sattabhūmikadvāraṃ sayameva vivaṭaṃ ahosi, pāsādā oruyha antaravīthiṃ paṭipajji.

    ๓๐๕. อมนุสฺสาติ อธิคตวิเสสา เทวตาฯ ตถา หิ ตา เสฎฺฐิสฺส ภาวินิสมฺปตฺติํ ปจฺจกฺขโต สมฺปสฺสมานา ‘‘อยํ มหาเสฎฺฐิ ‘พุทฺธุปฎฺฐานํ คมิสฺสามี’ติ นิกฺขโนฺต ปฐมทสฺสเนเนว โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐาย ติณฺณํ รตนานํ อคฺคุปฎฺฐาโก หุตฺวา อสทิสํ สงฺฆารามํ กตฺวา จาตุทฺทิสสฺส อริยสงฺฆสฺส อนาวฎทฺวาโร ภวิสฺสติ, น ยุตฺตมสฺส ทฺวารํ ปิทหิตุ’’นฺติ จิเนฺตตฺวา ทฺวารํ วิวริํสุฯ อนฺตรธายีติ ราชคหํ กิร อากิณฺณมนุสฺสํ, อโนฺตนคเร นว โกฎิโย พหินคเร นวาติ ตํ อุปนิสฺสาย อฎฺฐารส มนุสฺสโกฎิโย วสนฺติฯ อเวลาย มตมนุเสฺส พหิ นีหริตุํ อสโกฺกนฺตา อฎฺฎาลเก ฐตฺวา พหิทฺวาเร ขิปนฺติฯ มหาเสฎฺฐิ นครโต พหิ นิกฺขนฺตมโตฺตว อลฺลสรีรํ ปาเทน อกฺกมิ, อปรมฺปิ ปิฎฺฐิปาเทน ปหริ, มกฺขิกา อุปฺปติตฺวา ปกิริํสุ, ทุคฺคโนฺธ นาสาปุฎํ อภิหนิ, พุทฺธปฺปสาโท ตนุตฺตํ คโตฯ เตนสฺส อาโลโก อนฺตรธายิ อนฺธกาโร ปาตุรโหสิ ปีติเวคสฺส ตนุภาเว ตํสมุฎฺฐิตรูปานํ ปริทุพฺพลภาวโต ฯ สทฺทมนุสฺสาเวสีติ ‘‘เสฎฺฐิสฺส อุสฺสาหํ ชเนสฺสามี’’ติ สุวณฺณกิงฺกิณิกํ ฆเฎฺฎโนฺต วิย มธุรสฺสเรน สทฺทํ อนุสฺสาเวสิฯ

    305.Amanussāti adhigatavisesā devatā. Tathā hi tā seṭṭhissa bhāvinisampattiṃ paccakkhato sampassamānā ‘‘ayaṃ mahāseṭṭhi ‘buddhupaṭṭhānaṃ gamissāmī’ti nikkhanto paṭhamadassaneneva sotāpattiphale patiṭṭhāya tiṇṇaṃ ratanānaṃ aggupaṭṭhāko hutvā asadisaṃ saṅghārāmaṃ katvā cātuddisassa ariyasaṅghassa anāvaṭadvāro bhavissati, na yuttamassa dvāraṃ pidahitu’’nti cintetvā dvāraṃ vivariṃsu. Antaradhāyīti rājagahaṃ kira ākiṇṇamanussaṃ, antonagare nava koṭiyo bahinagare navāti taṃ upanissāya aṭṭhārasa manussakoṭiyo vasanti. Avelāya matamanusse bahi nīharituṃ asakkontā aṭṭālake ṭhatvā bahidvāre khipanti. Mahāseṭṭhi nagarato bahi nikkhantamattova allasarīraṃ pādena akkami, aparampi piṭṭhipādena pahari, makkhikā uppatitvā pakiriṃsu, duggandho nāsāpuṭaṃ abhihani, buddhappasādo tanuttaṃ gato. Tenassa āloko antaradhāyi andhakāro pāturahosi pītivegassa tanubhāve taṃsamuṭṭhitarūpānaṃ paridubbalabhāvato . Saddamanussāvesīti ‘‘seṭṭhissa ussāhaṃ janessāmī’’ti suvaṇṇakiṅkiṇikaṃ ghaṭṭento viya madhurassarena saddaṃ anussāvesi.

    สตํ กญฺญาสหสฺสานีติ ปุริมปทานิปิ อิมินาว สหสฺส-ปเทน สทฺธิํ สมฺพนฺธิตพฺพานิฯ ยเถว หิ สตํ กญฺญาสหสฺสานิ, เอวํ สตํ สหสฺสานิ หตฺถี, สตํ สหสฺสานิ อสฺสา, สตํ สหสฺสานิ รถาติ อยเมตฺถ อโตฺถ, อิติ เอเกกํ สตสหสฺสํ ทีปิตํ โหติฯ ปทวีติหารสฺสาติ ปทํ วีติหรติ เอตฺถาติ ปทวีติหาโรฯ โส ทุตวิลมฺพิตํ อกตฺวา สมคมเน ทฺวินฺนํ ปทานํ อนฺตเร มุฎฺฐิรตนมตฺตํฯ กลํ นาคฺฆนฺติ โสฬสินฺติ ตํ เอกํ ปทวีติหารํ โสฬส ภาเค กตฺวา ตโต เอโก โกฎฺฐาโส ปุน โสฬสธา, ตโต เอโก โสฬสธาติ เอวํ โสฬส วาเร โสฬสธา ภินฺนสฺส เอโก โกฎฺฐาโส โสฬสี กลา นาม, ตํ โสฬสิํ กลํ เอตานิ จตฺตาริ สตสหสฺสานิ น อคฺฆนฺติฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – สตํ หตฺถิสหสฺสานิ สตํ อสฺสสหสฺสานิ สตํ รถสหสฺสานิ สตํ กญฺญาสหสฺสานิ, ตา จ โข อามุกฺกมณิกุณฺฑลา สกลชมฺพุทีปราชธีตโรวาติ อิมสฺมา เอตฺตกา ลาภา วิหารํ คจฺฉนฺตสฺส ตสฺมิํ โสฬสิกลาสงฺขาเต ปเทเส ลงฺฆนสาธนวเสน ปวตฺตเจตนาว อุตฺตริตราติฯ ปทํ วา วีติหรติ เอเตนาติ ปทวีติหาโร, ตถาปวตฺตา กุสลเจตนา, ตสฺสา ผลํ โสฬสธา กตฺวาติ จ วทนฺติฯ อิทํ ปน วิหารคมนํ กสฺส วเสน คหิตนฺติ? วิหารํ คนฺตฺวา อนนฺตราเยน โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหนฺตสฺส วเสน คหิตํฯ ‘‘คนฺธมาลาทีหิ ปูชํ กริสฺสามิ, เจติยํ วนฺทิสฺสามิ, ธมฺมํ โสสฺสามิ, ทีปปูชํ กริสฺสามิ, สงฺฆํ นิมเนฺตตฺวา ทานํ ทสฺสามิ, สิกฺขาปเทสุ วา สรเณสุ วา ปติฎฺฐหิสฺสามี’’ติ คจฺฉโตปิ วเสน วฎฺฎติเยวฯ

    Sataṃ kaññāsahassānīti purimapadānipi imināva sahassa-padena saddhiṃ sambandhitabbāni. Yatheva hi sataṃ kaññāsahassāni, evaṃ sataṃ sahassāni hatthī, sataṃ sahassāni assā, sataṃ sahassāni rathāti ayamettha attho, iti ekekaṃ satasahassaṃ dīpitaṃ hoti. Padavītihārassāti padaṃ vītiharati etthāti padavītihāro. So dutavilambitaṃ akatvā samagamane dvinnaṃ padānaṃ antare muṭṭhiratanamattaṃ. Kalaṃ nāgghanti soḷasinti taṃ ekaṃ padavītihāraṃ soḷasa bhāge katvā tato eko koṭṭhāso puna soḷasadhā, tato eko soḷasadhāti evaṃ soḷasa vāre soḷasadhā bhinnassa eko koṭṭhāso soḷasī kalā nāma, taṃ soḷasiṃ kalaṃ etāni cattāri satasahassāni na agghanti. Idaṃ vuttaṃ hoti – sataṃ hatthisahassāni sataṃ assasahassāni sataṃ rathasahassāni sataṃ kaññāsahassāni, tā ca kho āmukkamaṇikuṇḍalā sakalajambudīparājadhītarovāti imasmā ettakā lābhā vihāraṃ gacchantassa tasmiṃ soḷasikalāsaṅkhāte padese laṅghanasādhanavasena pavattacetanāva uttaritarāti. Padaṃ vā vītiharati etenāti padavītihāro, tathāpavattā kusalacetanā, tassā phalaṃ soḷasadhā katvāti ca vadanti. Idaṃ pana vihāragamanaṃ kassa vasena gahitanti? Vihāraṃ gantvā anantarāyena sotāpattiphale patiṭṭhahantassa vasena gahitaṃ. ‘‘Gandhamālādīhi pūjaṃ karissāmi, cetiyaṃ vandissāmi, dhammaṃ sossāmi, dīpapūjaṃ karissāmi, saṅghaṃ nimantetvā dānaṃ dassāmi, sikkhāpadesu vā saraṇesu vā patiṭṭhahissāmī’’ti gacchatopi vasena vaṭṭatiyeva.

    อนฺธกาโร อนฺตรธายีติ โส กิร จิเนฺตสิ ‘‘อหํ เอกโกติ สญฺญํ กโรมิ, อมนุสฺสา จ เม อนุคามิโน สหายา อตฺถิ, กสฺมา ภายามี’’ติ สูโร อโหสิฯ อถสฺส พลวา พุทฺธปฺปสาโท อุทปาทิ, ตสฺมา อนฺธกาโร อนฺตรธายิฯ เสสวาเรสุปิ เอเสว นโยฯ อาโลโก ปาตุรโหสีติ ปุริมพุเทฺธสุ จิรกาลปริจยสมฺภูตสฺส พลวโต ปสาทสฺส วเสน อุปฺปนฺนาย อุฬาราย พุทฺธารมฺมณาย ปีติยา สมุฎฺฐาปิโต วิปสฺสโนภาสสทิโส สาติสโย จิตฺตปจฺจยอุตุสมุฎฺฐาโน อาโลโก ปาตุรโหสิฯ เทวตาหิ กโตติปิ วทนฺติ, ปุริโมเยเวตฺถ ยุตฺตตโรฯ เอหิ สุทตฺตาติ โส กิร เสฎฺฐิ คจฺฉมาโนว จิเนฺตสิ ‘‘อิมสฺมิํ โลเก พหู ปูรณกสฺสปาทโย ติตฺถิยา ‘มยํ พุทฺธา, มยํ พุทฺธา’ติ วทนฺติ, กถํ นุ โข อหํ สตฺถุ พุทฺธภาวํ ชาเนยฺย’’นฺติฯ อถสฺส เอตทโหสิ ‘‘มยฺหํ คุณวเสน อุปฺปนฺนํ นามํ มหาชโน ชานาติ, กุลทตฺติยํ ปน เม นามํ อญฺญตฺร มยา น โกจิ ชานาติ, สเจ พุโทฺธ ภวิสฺสติ, กุลทตฺติกนาเมน มํ อาลปิสฺสตี’’ติฯ สตฺถา ตสฺส จิตฺตํ ญตฺวา เอวมาหฯ

    Andhakāro antaradhāyīti so kira cintesi ‘‘ahaṃ ekakoti saññaṃ karomi, amanussā ca me anugāmino sahāyā atthi, kasmā bhāyāmī’’ti sūro ahosi. Athassa balavā buddhappasādo udapādi, tasmā andhakāro antaradhāyi. Sesavāresupi eseva nayo. Āloko pāturahosīti purimabuddhesu cirakālaparicayasambhūtassa balavato pasādassa vasena uppannāya uḷārāya buddhārammaṇāya pītiyā samuṭṭhāpito vipassanobhāsasadiso sātisayo cittapaccayautusamuṭṭhāno āloko pāturahosi. Devatāhi katotipi vadanti, purimoyevettha yuttataro. Ehi sudattāti so kira seṭṭhi gacchamānova cintesi ‘‘imasmiṃ loke bahū pūraṇakassapādayo titthiyā ‘mayaṃ buddhā, mayaṃ buddhā’ti vadanti, kathaṃ nu kho ahaṃ satthu buddhabhāvaṃ jāneyya’’nti. Athassa etadahosi ‘‘mayhaṃ guṇavasena uppannaṃ nāmaṃ mahājano jānāti, kuladattiyaṃ pana me nāmaṃ aññatra mayā na koci jānāti, sace buddho bhavissati, kuladattikanāmena maṃ ālapissatī’’ti. Satthā tassa cittaṃ ñatvā evamāha.

    ปรินิพฺพุโตติ กิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพุโตฯ อาสตฺติโยติ รูปาทีสุ อาสญฺชนเฎฺฐน อาสตฺติโย, ตณฺหาโยฯ สนฺตินฺติ กิเลสวูปสมํฯ ปปฺปุยฺยาติ อคฺคมเคฺคน ปตฺวาฯ เสสเมตฺถ ปาฬิอนุสาเรเนว เวทิตพฺพํฯ ยเญฺจตฺถ อนุตฺตานมตฺถํ, ตํ อฎฺฐกถายํ วุตฺตเมวฯ

    Parinibbutoti kilesaparinibbānena parinibbuto. Āsattiyoti rūpādīsu āsañjanaṭṭhena āsattiyo, taṇhāyo. Santinti kilesavūpasamaṃ. Pappuyyāti aggamaggena patvā. Sesamettha pāḷianusāreneva veditabbaṃ. Yañcettha anuttānamatthaṃ, taṃ aṭṭhakathāyaṃ vuttameva.

    ๓๐๖. วยเมว เวยฺยายิกนฺติ อาห ‘‘เวยฺยายิกนฺติ วยกรณํ วุจฺจตี’’ติฯ

    306. Vayameva veyyāyikanti āha ‘‘veyyāyikanti vayakaraṇaṃ vuccatī’’ti.

    อนาถปิณฺฑิกวตฺถุกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Anāthapiṇḍikavatthukathāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / จูฬวคฺคปาฬิ • Cūḷavaggapāḷi / อนาถปิณฺฑิกวตฺถุ • Anāthapiṇḍikavatthu

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / จูฬวคฺค-อฎฺฐกถา • Cūḷavagga-aṭṭhakathā / วิหารานุชานนกถา • Vihārānujānanakathā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / วิหารานุชานนกถาวณฺณนา • Vihārānujānanakathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / วิหารานุชานนกถาวณฺณนา • Vihārānujānanakathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / วิหารานุชานนกถา • Vihārānujānanakathā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact