Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) |
๕. สฬายตนวโคฺค
5. Saḷāyatanavaggo
๑. อนาถปิณฺฑิโกวาทสุตฺตวณฺณนา
1. Anāthapiṇḍikovādasuttavaṇṇanā
๓๘๓. เอวํ เม สุตนฺติ อนาถปิณฺฑิโกวาทสุตฺตํฯ ตตฺถ พาฬฺหคิลาโนติ อธิมตฺตคิลาโน มรณเสยฺยํ อุปคโตฯ อามเนฺตสีติ คหปติสฺส กิร ยาว ปาทา วหิํสุ, ตาว ทิวเส สกิํ วา ทฺวิกฺขตฺตุํ วา ติกฺขตฺตุํ วา พุทฺธุปฎฺฐานํ อขณฺฑํ อกาสิฯ ยตฺตกญฺจสฺส สตฺถุ อุปฎฺฐานํ อโหสิ, ตตฺตกํเยว มหาเถรานํฯ โส อชฺช คมนปาทสฺส ปจฺฉินฺนตฺตา อนุฎฺฐานเสยฺยํ อุปคโต สาสนํ เปเสตุกาโม อญฺญตรํ ปุริสํ อามเนฺตสิฯ เตนุปสงฺกมีติ ภควนฺตํ อาปุจฺฉิตฺวา สูริยตฺถงฺคมนเวลาย อุปสงฺกมิฯ
383.Evaṃme sutanti anāthapiṇḍikovādasuttaṃ. Tattha bāḷhagilānoti adhimattagilāno maraṇaseyyaṃ upagato. Āmantesīti gahapatissa kira yāva pādā vahiṃsu, tāva divase sakiṃ vā dvikkhattuṃ vā tikkhattuṃ vā buddhupaṭṭhānaṃ akhaṇḍaṃ akāsi. Yattakañcassa satthu upaṭṭhānaṃ ahosi, tattakaṃyeva mahātherānaṃ. So ajja gamanapādassa pacchinnattā anuṭṭhānaseyyaṃ upagato sāsanaṃ pesetukāmo aññataraṃ purisaṃ āmantesi. Tenupasaṅkamīti bhagavantaṃ āpucchitvā sūriyatthaṅgamanavelāya upasaṅkami.
๓๘๔. ปฎิกฺกมนฺตีติ โอสกฺกนฺติ, ตนุกา ภวนฺติฯ อภิกฺกมนฺตีติ อภิวฑฺฒนฺติ โอตฺถรนฺติ, พลวติโย โหนฺติฯ
384.Paṭikkamantīti osakkanti, tanukā bhavanti. Abhikkamantīti abhivaḍḍhanti ottharanti, balavatiyo honti.
อภิกฺกโมสานํ ปญฺญายติ โน ปฎิกฺกโมติ ยสฺมิญฺหิ สมเย มารณนฺติกา เวทนา อุปฺปชฺชติ, อุปริวาเต ชลิตคฺคิ วิย โหติ, ยาว อุสฺมา น ปริยาทิยติ, ตาว มหตาปิ อุปกฺกเมน น สกฺกา วูปสเมตุํ, อุสฺมาย ปน ปริยาทินฺนาย วูปสมฺมติฯ
Abhikkamosānaṃ paññāyati no paṭikkamoti yasmiñhi samaye māraṇantikā vedanā uppajjati, uparivāte jalitaggi viya hoti, yāva usmā na pariyādiyati, tāva mahatāpi upakkamena na sakkā vūpasametuṃ, usmāya pana pariyādinnāya vūpasammati.
๓๘๕. อถายสฺมา สาริปุโตฺต จิเนฺตสิ – ‘‘อยํ มหาเสฎฺฐิสฺส เวทนา มารณนฺติกา, น สกฺกา ปฎิพาหิตุํ, อวเสสา กถา นิรตฺถกา, ธมฺมกถมสฺส กเถสฺสามี’’ติฯ อถ นํ ตํ กเถโนฺต ตสฺมาติหาติอาทิมาหฯ ตตฺถ ตสฺมาติ ยสฺมา จกฺขุํ ตีหิ คาเหหิ คณฺหโนฺต อุปฺปนฺนํ มารณนฺติกํ เวทนํ ปฎิพาหิตุํ สมโตฺถ นาม นตฺถิ, ตสฺมาฯ น จกฺขุํ อุปาทิยิสฺสามีติ จกฺขุํ ตีหิ คาเหหิ น คณฺหิสฺสามิฯ น จ เม จกฺขุนิสฺสิตํ วิญฺญาณนฺติ วิญฺญาณญฺจาปิ เม จกฺขุนิสฺสิตํ น ภวิสฺสติฯ น รูปนฺติ เหฎฺฐา อายตนรูปํ กถิตํ, อิมสฺมิํ ฐาเน สพฺพมฺปิ กามภวรูปํ กเถโนฺต เอวมาหฯ
385. Athāyasmā sāriputto cintesi – ‘‘ayaṃ mahāseṭṭhissa vedanā māraṇantikā, na sakkā paṭibāhituṃ, avasesā kathā niratthakā, dhammakathamassa kathessāmī’’ti. Atha naṃ taṃ kathento tasmātihātiādimāha. Tattha tasmāti yasmā cakkhuṃ tīhi gāhehi gaṇhanto uppannaṃ māraṇantikaṃ vedanaṃ paṭibāhituṃ samattho nāma natthi, tasmā. Na cakkhuṃ upādiyissāmīti cakkhuṃ tīhi gāhehi na gaṇhissāmi. Na ca me cakkhunissitaṃ viññāṇanti viññāṇañcāpi me cakkhunissitaṃ na bhavissati. Na rūpanti heṭṭhā āyatanarūpaṃ kathitaṃ, imasmiṃ ṭhāne sabbampi kāmabhavarūpaṃ kathento evamāha.
๓๘๖. น อิธโลกนฺติ วสนฎฺฐานํ วา ฆาสจฺฉาทนํ วา น อุปาทิยิสฺสามีติ อโตฺถฯ อิทญฺหิ ปจฺจเยสุ อปริตสฺสนตฺถํ กถิตํฯ น ปรโลกนฺติ เอตฺถ ปน มนุสฺสโลกํ ฐเปตฺวา เสสา ปรโลกา นามฯ อิทํ – ‘‘อสุกเทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อสุกฎฺฐาเน ภวิสฺสามิ, อิทํ นาม ขาทิสฺสามิ ภุญฺชิสฺสามิ นิวาเสสฺสามิ ปารุปิสฺสามี’’ติ เอวรูปาย ปริตสฺสนาย ปหานตฺถํ วุตฺตํฯ ตมฺปิ น อุปาทิยิสฺสามิ, น จ เม ตนฺนิสฺสิตํ วิญฺญาณํ ภวิสฺสตีติ เอวํ ตีหิ คาเหหิ ปริโมเจตฺวา เถโร เทสนํ อรหตฺตนิกูเฎน นิฎฺฐเปสิฯ
386.Na idhalokanti vasanaṭṭhānaṃ vā ghāsacchādanaṃ vā na upādiyissāmīti attho. Idañhi paccayesu aparitassanatthaṃ kathitaṃ. Na paralokanti ettha pana manussalokaṃ ṭhapetvā sesā paralokā nāma. Idaṃ – ‘‘asukadevaloke nibbattitvā asukaṭṭhāne bhavissāmi, idaṃ nāma khādissāmi bhuñjissāmi nivāsessāmi pārupissāmī’’ti evarūpāya paritassanāya pahānatthaṃ vuttaṃ. Tampi na upādiyissāmi, na ca me tannissitaṃ viññāṇaṃ bhavissatīti evaṃ tīhi gāhehi parimocetvā thero desanaṃ arahattanikūṭena niṭṭhapesi.
๓๘๗. โอลียสีติ อตฺตโน สมฺปตฺติํ ทิสฺวา อารมฺมเณสุ พชฺฌสิ อลฺลียสีติฯ อิติ อายสฺมา อานโนฺท – ‘‘อยมฺปิ นาม คหปติ เอวํ สโทฺธ ปสโนฺน มรณภยสฺส ภายติ, อโญฺญ โก น ภายิสฺสตี’’ติ มญฺญมาโน ตสฺส คาฬฺหํ กตฺวา โอวาทํ เทโนฺต เอวมาหฯ น จ เม เอวรูปี ธมฺมีกถา สุตปุพฺพาติ อยํ อุปาสโก – ‘‘สตฺถุ สนฺติกาปิ เม เอวรูปี ธมฺมกถา น สุตปุพฺพา’’ติ วทติ, กิํ สตฺถา เอวรูปิ สุขุมํ คมฺภีรกถํ น กเถตีติ? โน น กเถติฯ เอวํ ปน ฉ อชฺฌตฺติกานิ อายตนานิ ฉ พาหิรานิ ฉ วิญฺญาณกาเย ฉ ผสฺสกาเย ฉ เวทนากาเย ฉ ธาตุโย ปญฺจกฺขเนฺธ จตฺตาโร อรูเป อิธโลกญฺจ ปรโลกญฺจ ทเสฺสตฺวา ทิฎฺฐสุตมุตวิญฺญาตวเสน อรหเตฺต ปกฺขิปิตฺวา กถิตกถา เอเตน น สุตปุพฺพา, ตสฺมา เอวํ วทติฯ
387.Olīyasīti attano sampattiṃ disvā ārammaṇesu bajjhasi allīyasīti. Iti āyasmā ānando – ‘‘ayampi nāma gahapati evaṃ saddho pasanno maraṇabhayassa bhāyati, añño ko na bhāyissatī’’ti maññamāno tassa gāḷhaṃ katvā ovādaṃ dento evamāha. Na ca me evarūpī dhammīkathā sutapubbāti ayaṃ upāsako – ‘‘satthu santikāpi me evarūpī dhammakathā na sutapubbā’’ti vadati, kiṃ satthā evarūpi sukhumaṃ gambhīrakathaṃ na kathetīti? No na katheti. Evaṃ pana cha ajjhattikāni āyatanāni cha bāhirāni cha viññāṇakāye cha phassakāye cha vedanākāye cha dhātuyo pañcakkhandhe cattāro arūpe idhalokañca paralokañca dassetvā diṭṭhasutamutaviññātavasena arahatte pakkhipitvā kathitakathā etena na sutapubbā, tasmā evaṃ vadati.
อปิจายํ อุปาสโก ทานาธิมุโตฺต ทานาภิรโต พุทฺธานํ สนฺติกํ คจฺฉโนฺต ตุจฺฉหโตฺถ น คตปุโพฺพฯ ปุเรภตฺตํ คจฺฉโนฺต ยาคุขชฺชกาทีนิ คาหาเปตฺวา คจฺฉติ, ปจฺฉาภตฺตํ สปฺปิมธุผาณิตาทีนิฯ ตสฺมิํ อสติ วาลิกํ คาหาเปตฺวา คนฺธกุฎิปริเวเณ โอกิราเปติ, ทานํ ทตฺวา สีลํ รกฺขิตฺวา เคหํ คโตฯ โพธิสตฺตคติโก กิเรส อุปาสโก, ตสฺมา ภควา จตุวีสติ สํวจฺฉรานิ อุปาสกสฺส เยภุเยฺยน ทานกถเมว กเถสิ – ‘‘อุปาสก, อิทํ ทานํ นาม โพธิสตฺตานํ คตมโคฺค, มยฺหมฺปิ คตมโคฺค, มยา สตสหสฺสกปฺปาธิกานิ จตฺตาริ อสเงฺขฺยยฺยานิ ทานํ ทินฺนํ, ตฺวํ มยา คตมคฺคเมว อนุคจฺฉสี’’ติฯ ธมฺมเสนาปติอาทโย มหาสาวกาปิ อตฺตโน อตฺตโน สนฺติกํ อาคตกาเล ทานกถเมวสฺส กเถนฺติฯ เตเนวาห น โข คหปติ คิหีนํ โอทาตวสนานํ เอวรูปี ธมฺมีกถา ปฎิภาตีติฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – คหปติ คิหีนํ นาม เขตฺตวตฺถุหิรญฺญสุวณฺณทาสีทาสปุตฺตภริยาทีสุ ติโพฺพ อาลโย ติพฺพํ นิกนฺติปริยุฎฺฐานํ , เตสํ – ‘‘เอตฺถ อาลโย น กาตโพฺพ, นิกนฺติ น กาตพฺพา’’ติ กถา น ปฎิภาติ น รุจฺจตีติฯ
Apicāyaṃ upāsako dānādhimutto dānābhirato buddhānaṃ santikaṃ gacchanto tucchahattho na gatapubbo. Purebhattaṃ gacchanto yāgukhajjakādīni gāhāpetvā gacchati, pacchābhattaṃ sappimadhuphāṇitādīni. Tasmiṃ asati vālikaṃ gāhāpetvā gandhakuṭipariveṇe okirāpeti, dānaṃ datvā sīlaṃ rakkhitvā gehaṃ gato. Bodhisattagatiko kiresa upāsako, tasmā bhagavā catuvīsati saṃvaccharāni upāsakassa yebhuyyena dānakathameva kathesi – ‘‘upāsaka, idaṃ dānaṃ nāma bodhisattānaṃ gatamaggo, mayhampi gatamaggo, mayā satasahassakappādhikāni cattāri asaṅkhyeyyāni dānaṃ dinnaṃ, tvaṃ mayā gatamaggameva anugacchasī’’ti. Dhammasenāpatiādayo mahāsāvakāpi attano attano santikaṃ āgatakāle dānakathamevassa kathenti. Tenevāha na kho gahapati gihīnaṃ odātavasanānaṃ evarūpī dhammīkathā paṭibhātīti. Idaṃ vuttaṃ hoti – gahapati gihīnaṃ nāma khettavatthuhiraññasuvaṇṇadāsīdāsaputtabhariyādīsu tibbo ālayo tibbaṃ nikantipariyuṭṭhānaṃ , tesaṃ – ‘‘ettha ālayo na kātabbo, nikanti na kātabbā’’ti kathā na paṭibhāti na ruccatīti.
เยน ภควา เตนุปสงฺกมีติ กสฺมา อุปสงฺกมิ? ตุสิตภวเน กิรสฺส นิพฺพตฺตมตฺตเสฺสว ติคาวุตปฺปมาณํ สุวณฺณกฺขนฺธํ วิย วิโชฺชตมานํ อตฺตภาวํ อุยฺยานวิมานาทิสมฺปตฺติญฺจ ทิสฺวา – ‘‘มหตี อยํ มยฺหํ สมฺปตฺติ, กิํ นุ โข เม มนุสฺสปเถ กมฺมํ กต’’นฺติ โอโลเกโนฺต ตีสุ รตเนสุ อธิการํ ทิสฺวา จิเนฺตสิ ‘‘ปมาทฎฺฐานมิทํ เทวตฺตํ นาม, อิมาย หิ เม สมฺปตฺติยา โมทมานสฺส สติสโมฺมโสปิ สิยา, หนฺทาหํ คนฺตฺวา มม เชตวนสฺส เจว ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ตถาคตสฺส จ อริยมคฺคสฺส จ สาริปุตฺตเตฺถรสฺส จ วณฺณํ กเถตฺวา ตโต อาคนฺตฺวา สมฺปตฺติํ อนุภวิสฺสามี’’ติฯ โส ตถา อกาสิฯ ตํ ทเสฺสตุํ อถ โข อนาถปิณฺฑิโกติอาทิ วุตฺตํฯ
Yena bhagavā tenupasaṅkamīti kasmā upasaṅkami? Tusitabhavane kirassa nibbattamattasseva tigāvutappamāṇaṃ suvaṇṇakkhandhaṃ viya vijjotamānaṃ attabhāvaṃ uyyānavimānādisampattiñca disvā – ‘‘mahatī ayaṃ mayhaṃ sampatti, kiṃ nu kho me manussapathe kammaṃ kata’’nti olokento tīsu ratanesu adhikāraṃ disvā cintesi ‘‘pamādaṭṭhānamidaṃ devattaṃ nāma, imāya hi me sampattiyā modamānassa satisammosopi siyā, handāhaṃ gantvā mama jetavanassa ceva bhikkhusaṅghassa ca tathāgatassa ca ariyamaggassa ca sāriputtattherassa ca vaṇṇaṃ kathetvā tato āgantvā sampattiṃ anubhavissāmī’’ti. So tathā akāsi. Taṃ dassetuṃ atha kho anāthapiṇḍikotiādi vuttaṃ.
ตตฺถ อิสิสงฺฆนิเสวิตนฺติ ภิกฺขุสงฺฆนิเสวิตํฯ เอวํ ปฐมคาถาย เชตวนสฺส วณฺณํ กเถตฺวา อิทานิ อริยมคฺคสฺส วณฺณํ กเถโนฺต กมฺมํ วิชฺชา จาติอาทิมาหฯ ตตฺถ กมฺมนฺติ มคฺคเจตนาฯ วิชฺชาติ มคฺคปญฺญาฯ ธโมฺมติ สมาธิปกฺขิโก ธโมฺมฯ สีลํ ชีวิตมุตฺตมนฺติ สีเล ปติฎฺฐิตสฺส ชีวิตํ อุตฺตมนฺติ ทเสฺสติฯ อถ วา วิชฺชาติ ทิฎฺฐิสงฺกโปฺปฯ ธโมฺมติ วายามสติสมาธโยฯ สีลนฺติ วาจากมฺมนฺตาชีวาฯ ชีวิตมุตฺตมนฺติ เอตสฺมิํ สีเล ปติฎฺฐิตสฺส ชีวิตํ นาม อุตฺตมํฯ เอเตน มจฺจา สุชฺฌนฺตีติ เอเตน อฎฺฐงฺคิเกน มเคฺคน สตฺตา วิสุชฺฌนฺติฯ
Tattha isisaṅghanisevitanti bhikkhusaṅghanisevitaṃ. Evaṃ paṭhamagāthāya jetavanassa vaṇṇaṃ kathetvā idāni ariyamaggassa vaṇṇaṃ kathento kammaṃ vijjā cātiādimāha. Tattha kammanti maggacetanā. Vijjāti maggapaññā. Dhammoti samādhipakkhiko dhammo. Sīlaṃ jīvitamuttamanti sīle patiṭṭhitassa jīvitaṃ uttamanti dasseti. Atha vā vijjāti diṭṭhisaṅkappo. Dhammoti vāyāmasatisamādhayo. Sīlanti vācākammantājīvā. Jīvitamuttamanti etasmiṃ sīle patiṭṭhitassa jīvitaṃ nāma uttamaṃ. Etena maccā sujjhantīti etena aṭṭhaṅgikena maggena sattā visujjhanti.
ตสฺมาติ ยสฺมา มเคฺคน สุชฺฌนฺติ, น โคตฺตธเนหิ, ตสฺมาฯ โยนิโส วิจิเน ธมฺมนฺติ อุปาเยน สมาธิปกฺขิยํ ธมฺมํ วิจิเนยฺยฯ เอวํ ตตฺถ วิสุชฺฌตีติ เอวํ ตสฺมิํ อริยมเคฺค วิสุชฺฌติ ฯ อถ วา โยนิโส วิจิเน ธมฺมนฺติ อุปาเยน ปญฺจกฺขนฺธธมฺมํ วิจิเนยฺยฯ เอวํ ตตฺถ วิสุชฺฌตีติ เอวํ เตสุ จตูสุ สเจฺจสุ วิสุชฺฌติฯ
Tasmāti yasmā maggena sujjhanti, na gottadhanehi, tasmā. Yoniso vicine dhammanti upāyena samādhipakkhiyaṃ dhammaṃ vicineyya. Evaṃ tattha visujjhatīti evaṃ tasmiṃ ariyamagge visujjhati . Atha vā yoniso vicine dhammanti upāyena pañcakkhandhadhammaṃ vicineyya. Evaṃ tattha visujjhatīti evaṃ tesu catūsu saccesu visujjhati.
อิทานิ สาริปุตฺตเตฺถรสฺส วณฺณํ กเถโนฺต สาริปุโตฺต วาติอาทิมาหฯ ตตฺถ สาริปุโตฺต วาติ อวธารณวจนํฯ เอเตหิ ปญฺญาทีหิ สาริปุโตฺตว เสโยฺยติ วทติฯ อุปสเมนาติ กิเลสอุปสเมนฯ ปารงฺคโตติ นิพฺพานํ คโตฯ โย โกจิ นิพฺพานํ ปโตฺต ภิกฺขุ, โส เอตาวปรโม สิยา, น เถเรน อุตฺตริตโร นาม อตฺถีติ วทติฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติฯ
Idāni sāriputtattherassa vaṇṇaṃ kathento sāriputto vātiādimāha. Tattha sāriputto vāti avadhāraṇavacanaṃ. Etehi paññādīhi sāriputtova seyyoti vadati. Upasamenāti kilesaupasamena. Pāraṅgatoti nibbānaṃ gato. Yo koci nibbānaṃ patto bhikkhu, so etāvaparamo siyā, na therena uttaritaro nāma atthīti vadati. Sesaṃ sabbattha uttānamevāti.
ปปญฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถาย
Papañcasūdaniyā majjhimanikāyaṭṭhakathāya
อนาถปิณฺฑิโกวาทสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Anāthapiṇḍikovādasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๑. อนาถปิณฺฑิโกวาทสุตฺตํ • 1. Anāthapiṇḍikovādasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๑. อนาถปิณฺฑิโกวาทสุตฺตวณฺณนา • 1. Anāthapiṇḍikovādasuttavaṇṇanā