Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) |
๕. สฬายตนวโคฺค
5. Saḷāyatanavaggo
๑. อนาถปิณฺฑิโกวาทสุตฺตวณฺณนา
1. Anāthapiṇḍikovādasuttavaṇṇanā
๓๘๓. อธิมตฺตคิลาโนติ อธิกาย มตฺตาย มรณสฺส อาสนฺนตาย อติวิย คิลาโนติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘มรณเสยฺยํ อุปคโต’’ติฯ อขณฺฑํ อกาสิ คหปติโน สตฺถริ ปรมเปมตฺตาฯ ยตฺตกํ จสฺสาติ, ‘‘สกิํ วา ทฺวิกฺขตฺตุํ วา’’ติ วุตฺตํ ยตฺตกํ อสฺส คหปติสฺสฯ
383.Adhimattagilānoti adhikāya mattāya maraṇassa āsannatāya ativiya gilānoti attho. Tenāha ‘‘maraṇaseyyaṃ upagato’’ti. Akhaṇḍaṃ akāsi gahapatino satthari paramapemattā. Yattakaṃ cassāti, ‘‘sakiṃ vā dvikkhattuṃ vā’’ti vuttaṃ yattakaṃ assa gahapatissa.
๓๘๔. โอสกฺกนฺตีติ ปริหายนฺติฯ โอตฺถรนฺตีติ อภิภวนฺติฯ อุสฺมา นาม กมฺมชเตโชธาตุ, สา สห ชีวิตินฺทฺริยนิโรธา ปริยาทิยติ, ยาว ตา อายุอุสฺมา วตฺตนฺติ, ตาว มรณนฺติกา เวทนา วตฺตเนฺตว วิญฺญาณสฺส อนิรุทฺธตฺตาฯ เตนาห ‘‘ยาว อุสฺมา’’ติอาทิฯ
384.Osakkantīti parihāyanti. Ottharantīti abhibhavanti. Usmā nāma kammajatejodhātu, sā saha jīvitindriyanirodhā pariyādiyati, yāva tā āyuusmā vattanti, tāva maraṇantikā vedanā vattanteva viññāṇassa aniruddhattā. Tenāha ‘‘yāva usmā’’tiādi.
๓๘๕. ตีหิ คาเหหีติ ตณฺหามานทิฎฺฐิคฺคาเหหิฯ ปฎิพาหิตุํ วิกฺขเมฺภตุํฯ จกฺขุํ ตีหิ คาเหหิ น คณฺหิสฺสามีติ มานคฺคาหปฎิเกฺขปมุเขน จกฺขุสฺมิํ อนิจฺจานุปสฺสนาติ ทเสฺสติฯ อนิจฺจานุปสฺสนาย หิ สติ อปฺปติโฎฺฐ มานคฺคาโห, ทุกฺขานุปสฺสนาย สติ อปฺปติโฎฺฐ ตณฺหาคฺคาโห, อนตฺตานุปสฺสนาย สติ อปฺปติโฎฺฐ ทิฎฺฐิคฺคาโหติ, คาโห จ นาม โอฬาริโก, ตสฺมิํ วิคเตปิ นิกนฺติ ติเฎฺฐยฺยาติ ตํ วิชหาเปตุกาเมน, – ‘‘น จ เม จกฺขุนิสฺสิตํ วิญฺญาณํ ภวิสฺสตี’’ติ วุตฺตนฺติ อาห – ‘‘วิญฺญาณญฺจาปิ เม จกฺขุนิสฺสิตํ น ภวิสฺสตี’’ติฯ สพฺพํ กามภวรูปนฺติ กามภูมิปริยาปนฺนํ สพฺพํ รูปกฺขนฺธมาห – ‘‘กามรูปภวรูป’’นฺติ วา ปาโฐฯ โส ยุโตฺต อิมสฺส วารสฺส เอว อนวเสสปญฺจโวการภวปริยาปนฺนโตฯ ตถา หิ อุปริ จตุโวการภโว อนวเสสโต วุโตฺตฯ
385.Tīhi gāhehīti taṇhāmānadiṭṭhiggāhehi. Paṭibāhituṃ vikkhambhetuṃ. Cakkhuṃ tīhi gāhehi na gaṇhissāmīti mānaggāhapaṭikkhepamukhena cakkhusmiṃ aniccānupassanāti dasseti. Aniccānupassanāya hi sati appatiṭṭho mānaggāho, dukkhānupassanāya sati appatiṭṭho taṇhāggāho, anattānupassanāya sati appatiṭṭho diṭṭhiggāhoti, gāho ca nāma oḷāriko, tasmiṃ vigatepi nikanti tiṭṭheyyāti taṃ vijahāpetukāmena, – ‘‘na ca me cakkhunissitaṃ viññāṇaṃ bhavissatī’’ti vuttanti āha – ‘‘viññāṇañcāpi me cakkhunissitaṃ na bhavissatī’’ti. Sabbaṃ kāmabhavarūpanti kāmabhūmipariyāpannaṃ sabbaṃ rūpakkhandhamāha – ‘‘kāmarūpabhavarūpa’’nti vā pāṭho. So yutto imassa vārassa eva anavasesapañcavokārabhavapariyāpannato. Tathā hi upari catuvokārabhavo anavasesato vutto.
๓๘๖. อิธโลกนฺติ เอตฺถ สงฺขารโลกวิสโยติ อธิปฺปาเยน, ‘‘วสนฎฺฐานํ วา’’ติอาทิ วุตฺตํ, ตญฺจ โข ปฐมทุติยวาเรหิ อิธโลโก คหิโตติ กตฺวาฯ ปฐมทุติยวาเรหิ ปน อิธโลโก ปรโลโกติ วิภาเคน วินา ปญฺจโวการภโว คหิโต; ตถา ตติยวาเร ปญฺจโวการภโว จตุโวการภโว จ คหิโตติ ปุน ทิฎฺฐธมฺมสมฺปรายวเสน ตํ วิภชิตฺวา ทเสฺสตุํ, ‘‘น อิธโลก’’นฺติอาทิ วุตฺตํ ฯ อิธโลกนฺติ จ สตฺตสงฺขารวเสเนว คหิตํฯ สพฺพมฺปิ สงฺขารวเสน ปริคฺคเหตฺวา ทเสฺสตุํ, ‘‘ยมฺปิ เม ทิฎฺฐ’’นฺติอาทิ วุตฺตนฺติ เกจิฯ อปริตสฺสนตฺถํ ตณฺหาปริตสฺสนาย อนุปฺปาทนตฺถํฯ ยสฺส ทิฎฺฐธโมฺมติ วุจฺจติ, ตสฺส ปน อภาวโต, ‘‘มนุสฺสโลกํ ฐเปตฺวา เสสา ปรโลกา นามา’’ติ วุตฺตํฯ เยสํ ปน ‘‘อิธโลก’’นฺติ อิมินา สตฺตโลกสฺสปิ คหณํ อิจฺฉิตํฯ เตสํ มเตน, ‘‘มนุสฺสโลกํ ฐเปตฺวา’’ติ โยชนาฯ
386.Idhalokanti ettha saṅkhāralokavisayoti adhippāyena, ‘‘vasanaṭṭhānaṃ vā’’tiādi vuttaṃ, tañca kho paṭhamadutiyavārehi idhaloko gahitoti katvā. Paṭhamadutiyavārehi pana idhaloko paralokoti vibhāgena vinā pañcavokārabhavo gahito; tathā tatiyavāre pañcavokārabhavo catuvokārabhavo ca gahitoti puna diṭṭhadhammasamparāyavasena taṃ vibhajitvā dassetuṃ, ‘‘na idhaloka’’ntiādi vuttaṃ . Idhalokanti ca sattasaṅkhāravaseneva gahitaṃ. Sabbampi saṅkhāravasena pariggahetvā dassetuṃ, ‘‘yampi me diṭṭha’’ntiādi vuttanti keci. Aparitassanatthaṃ taṇhāparitassanāya anuppādanatthaṃ. Yassa diṭṭhadhammoti vuccati, tassa pana abhāvato, ‘‘manussalokaṃ ṭhapetvā sesā paralokā nāmā’’ti vuttaṃ. Yesaṃ pana ‘‘idhaloka’’nti iminā sattalokassapi gahaṇaṃ icchitaṃ. Tesaṃ matena, ‘‘manussalokaṃ ṭhapetvā’’ti yojanā.
๓๘๗. อลฺลียสีติ อตฺตภาเว โภเคสุ จ อเปกฺขํ กโรสีติ อโตฺถฯ เอวรูปีติ ยาทิสี ตทา ธมฺมเสนาปตินา กถิตา, เอวรูปีฯ ธมฺมกถา น สุตปุพฺพาติ ยถากถิตาการเมว สนฺธาย ปฎิเกฺขโป, น สุขุมคมฺภีรสุญฺญตาปฎิสํยุตฺตตาสามญฺญํฯ เตนาห ‘‘เอวํ ปนา’’ติอาทิฯ
387.Allīyasīti attabhāve bhogesu ca apekkhaṃ karosīti attho. Evarūpīti yādisī tadā dhammasenāpatinā kathitā, evarūpī. Dhammakathā na sutapubbāti yathākathitākārameva sandhāya paṭikkhepo, na sukhumagambhīrasuññatāpaṭisaṃyuttatāsāmaññaṃ. Tenāha ‘‘evaṃ panā’’tiādi.
มยา คตมคฺคเมว อนุคจฺฉสีติ ทานมยปุญฺญภาวสามญฺญํ คเหตฺวา วทติ, น โพธิสตฺตทานภูตํ ทานปารมิตํฯ น ปฎิภาตีติ รุจฺจนวเสน จิเตฺต น อุปติฎฺฐติฯ เตนาห ‘‘น รุจฺจตี’’ติฯ ตถา เหส วฎฺฎาภิรโตติฯ อุชุมคฺคาวหา วิปสฺสนา ภควตา ปนสฺส กถิตปุพฺพาฯ
Mayā gatamaggameva anugacchasīti dānamayapuññabhāvasāmaññaṃ gahetvā vadati, na bodhisattadānabhūtaṃ dānapāramitaṃ. Na paṭibhātīti ruccanavasena citte na upatiṭṭhati. Tenāha ‘‘na ruccatī’’ti. Tathā hesa vaṭṭābhiratoti. Ujumaggāvahā vipassanā bhagavatā panassa kathitapubbā.
๓๘๘. เอสิตคุณตฺตา เอสิยมานคุณตฺตา จ อิสิ, อเสกฺขา เสกฺขา กลฺยาณปุถุชฺชนา จ, อิสีนํ สโงฺฆ, เตน นิเสวิตนฺติ อิสิสงฺฆนิเสวิตํฯ กามํ ตสฺส วิหารสฺส คนฺธกุฎิปาสาทกูฎาคาราทิวเสน นิสีทนนิปชฺชนาย รุกฺขลตาทิวเสน ภูมิสยาทิวเสน จ อนญฺญสาธารณา มหตี รมณียตา อเตฺถว, สา ปน เคหสฺสิตภาเวน อริยานํ จิตฺตํ ตถา น โตเสติ; ยถา อริยานํ นิเสวิตภาเวนาติ อาห – ‘‘ปฐมคาถาย เชตวนสฺส วณฺณํ กเถตฺวา’’ติฯ เตนาห ภควา – ‘‘ยตฺถ อรหโนฺต วิหรนฺติ, ตํ ภูมิรามเณยฺยก’’นฺติ (ธ. ป. ๙๘; เถรคา. ๙๙๑; สํ. นิ. ๑.๒๖๑)ฯ อปจยคามินี เจตนา สตฺตานํ สุทฺธิมาวหตีติ อาห – ‘‘กมฺมนฺติ มคฺคเจตนา’’ติฯ จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ วิทิตกรณเฎฺฐน กิเลสานํ วิกฺขมฺภนเฎฺฐน จ วิชฺชา, มคฺคสมฺมาทิฎฺฐีติ อาห – ‘‘วิชฺชาติ มคฺคปญฺญา’’ติฯ สมาธิปกฺขิโก ธโมฺม นาม สมฺมาวายามสติสมาธโยฯ ตถา หิ วิชฺชาภาคิโย สมาธิปิ สมาธิปกฺขิโกฯ สีลํ ตสฺส อตฺถีติ สีลนฺติ อาห – ‘‘สีเล ปติฎฺฐิตสฺส ชีวิตํ อุตฺตม’’นฺติฯ ทิฎฺฐิสงฺกโปฺปติ สมฺมาสงฺกโปฺปฯ ตตฺถ สมฺมาสงฺกปฺปสฺส อุปการกภาเวน วิชฺชาภาโค ฯ ตถา หิ โส ปญฺญากฺขนฺธสงฺคหิโตติ วุจฺจติ, ยถา สมฺมาสงฺกโปฺป ปญฺญากฺขเนฺธน สงฺคหิโต, เอวํ วายามสติโย สมาธิกฺขนฺธสงฺคหิตาติฯ เตนาห – ‘‘ธโมฺมติ วายามสติสมาธโย’’ติฯ ‘‘ธโมฺม’’ติ หิ อิธ สมฺมาสมาธิ อธิเปฺปโต, – ‘‘เอวํ ธมฺมา เต ภควโนฺต อเหสุ’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๑๓; ม. นิ. ๓.๑๙๘; สํ. นิ. ๕.๓๗๘) วิยฯ วาจากมฺมนฺตาชีวาติ สมฺมาวาจากมฺมนฺตาชีวา มคฺคปริยาปนฺนา เอว, เต สเพฺพปิ คหิตาติฯ เตนาห – ‘‘เอเตน อฎฺฐงฺคิเกน มเคฺคนา’’ติฯ
388. Esitaguṇattā esiyamānaguṇattā ca isi, asekkhā sekkhā kalyāṇaputhujjanā ca, isīnaṃ saṅgho, tena nisevitanti isisaṅghanisevitaṃ. Kāmaṃ tassa vihārassa gandhakuṭipāsādakūṭāgārādivasena nisīdananipajjanāya rukkhalatādivasena bhūmisayādivasena ca anaññasādhāraṇā mahatī ramaṇīyatā attheva, sā pana gehassitabhāvena ariyānaṃ cittaṃ tathā na toseti; yathā ariyānaṃ nisevitabhāvenāti āha – ‘‘paṭhamagāthāya jetavanassa vaṇṇaṃ kathetvā’’ti. Tenāha bhagavā – ‘‘yattha arahanto viharanti, taṃ bhūmirāmaṇeyyaka’’nti (dha. pa. 98; theragā. 991; saṃ. ni. 1.261). Apacayagāminī cetanā sattānaṃ suddhimāvahatīti āha – ‘‘kammanti maggacetanā’’ti. Catunnaṃ ariyasaccānaṃ viditakaraṇaṭṭhena kilesānaṃ vikkhambhanaṭṭhena ca vijjā, maggasammādiṭṭhīti āha – ‘‘vijjāti maggapaññā’’ti. Samādhipakkhiko dhammo nāma sammāvāyāmasatisamādhayo. Tathā hi vijjābhāgiyo samādhipi samādhipakkhiko. Sīlaṃ tassa atthīti sīlanti āha – ‘‘sīle patiṭṭhitassa jīvitaṃ uttama’’nti. Diṭṭhisaṅkappoti sammāsaṅkappo. Tattha sammāsaṅkappassa upakārakabhāvena vijjābhāgo . Tathā hi so paññākkhandhasaṅgahitoti vuccati, yathā sammāsaṅkappo paññākkhandhena saṅgahito, evaṃ vāyāmasatiyo samādhikkhandhasaṅgahitāti. Tenāha – ‘‘dhammoti vāyāmasatisamādhayo’’ti. ‘‘Dhammo’’ti hi idha sammāsamādhi adhippeto, – ‘‘evaṃ dhammā te bhagavanto ahesu’’ntiādīsu (dī. ni. 2.13; ma. ni. 3.198; saṃ. ni. 5.378) viya. Vācākammantājīvāti sammāvācākammantājīvā maggapariyāpannā eva, te sabbepi gahitāti. Tenāha – ‘‘etena aṭṭhaṅgikena maggenā’’ti.
อุปาเยนาติ เยน วิธินา อริยมโคฺค ภาเวตโพฺพ, เตน สมาธิปกฺขิยํ วิปสฺสนาธมฺมเญฺจว มคฺคธมฺมญฺจฯ ‘‘อริยํ โว, ภิกฺขเว, สมฺมาสมาธิํ เทเสสฺสามิ สอุปนิสํ สปริกฺขาร’’นฺติ (ม. นิ. ๓.๑๓๖) หิ วจนโต สมฺมาสมาธิอาทโย มคฺคธมฺมาปิ สมาธิปกฺขิยาฯ วิจิเนยฺยาติ วีมํเสยฺย, ภาเวยฺยาติ อโตฺถฯ ตตฺถาติ เหตุมฺหิ ภุมฺมวจนํฯ อริยมคฺคเหตุกา หิ สตฺตานํ วิสุทฺธิฯ เตนาห – ‘‘ตสฺมิํ อริยมเคฺค วิสุชฺฌตี’’ติฯ ปญฺจกฺขนฺธธมฺมํ วิจิเนยฺย, ปญฺจุปาทานกฺขเนฺธ วิปเสฺสยฺยฯ เตสุ หิ วิปสฺสิยมาเนสุ วิปสฺสนา อุกฺกํสคตาฯ ยทเคฺคน ทุกฺขสจฺจํ ปริญฺญาปฎิเวเธน ปฎิวิชฺฌียติ, ตทเคฺคน สมุทยสจฺจํ ปหานปฎิเวเธน นิโรธสจฺจํ สจฺฉิกิริยาปฎิเวเธน, มคฺคสจฺจํ ภาวนาปฎิเวเธน ปฎิวิชฺฌียติ, เอวํ อจฺจนฺตวิสุทฺธิยา สุชฺฌติฯ เตนาห – ‘‘เอวํ เตสุ จตูสุ สเจฺจสุ วิสุชฺฌตี’’ติฯ อิธาปิ นิมิตฺตเตฺถ ภุมฺมวจนํฯ สเจฺจสุ วา ปฎิวิชฺฌิยมาเนสูติ วจนเสโสฯ
Upāyenāti yena vidhinā ariyamaggo bhāvetabbo, tena samādhipakkhiyaṃ vipassanādhammañceva maggadhammañca. ‘‘Ariyaṃ vo, bhikkhave, sammāsamādhiṃ desessāmi saupanisaṃ saparikkhāra’’nti (ma. ni. 3.136) hi vacanato sammāsamādhiādayo maggadhammāpi samādhipakkhiyā. Vicineyyāti vīmaṃseyya, bhāveyyāti attho. Tatthāti hetumhi bhummavacanaṃ. Ariyamaggahetukā hi sattānaṃ visuddhi. Tenāha – ‘‘tasmiṃ ariyamagge visujjhatī’’ti. Pañcakkhandhadhammaṃ vicineyya, pañcupādānakkhandhe vipasseyya. Tesu hi vipassiyamānesu vipassanā ukkaṃsagatā. Yadaggena dukkhasaccaṃ pariññāpaṭivedhena paṭivijjhīyati, tadaggena samudayasaccaṃ pahānapaṭivedhena nirodhasaccaṃ sacchikiriyāpaṭivedhena, maggasaccaṃ bhāvanāpaṭivedhena paṭivijjhīyati, evaṃ accantavisuddhiyā sujjhati. Tenāha – ‘‘evaṃ tesu catūsu saccesu visujjhatī’’ti. Idhāpi nimittatthe bhummavacanaṃ. Saccesu vā paṭivijjhiyamānesūti vacanaseso.
อวธารณวจนนฺติ ววตฺถาปนวจนํ, อวธารณนฺติ อโตฺถฯ สาริปุโตฺตวาติ จ อวธารณํ ตสฺส สาวกภาวโต สาวเกสุ สาริปุโตฺตว เสโยฺยติ อิมมตฺถํ ทีเปติฯ กิเลสอุปสเมนาติ อิมินา มหาเถรสฺส ตาทิโส กิเลสูปสโมติ ทเสฺสติ, ยสฺส สาวกสฺส วิสเย ปญฺญาย ปารมิปฺปตฺติ อโหสิฯ ยทิ เอวํ – ‘‘โยปิ ปารงฺคโต ภิกฺขุ, เอตาวปรโม สิยา’’ติ อิทํ กถนฺติ? เตสํ เตสํ พุทฺธานํ สาสเน ปญฺญาย ปารมิปฺปตฺตสาวกวเสเนตํ วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ อถ วา – ‘‘นตฺถิ วิมุตฺติยา นานตฺต’’นฺติ (ที. นิ. ฎี. ๓.๑๔๑; วิภ. มูลฎี. สุตฺตนฺตภาชนียวณฺณนา) วจนโต สาวเกหิ วิมุตฺติปญฺญามตฺตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ เตนาห – ‘‘ปารงฺคโตติ นิพฺพานํ คโต’’ติอาทิฯ เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
Avadhāraṇavacananti vavatthāpanavacanaṃ, avadhāraṇanti attho. Sāriputtovāti ca avadhāraṇaṃ tassa sāvakabhāvato sāvakesu sāriputtova seyyoti imamatthaṃ dīpeti. Kilesaupasamenāti iminā mahātherassa tādiso kilesūpasamoti dasseti, yassa sāvakassa visaye paññāya pāramippatti ahosi. Yadi evaṃ – ‘‘yopi pāraṅgato bhikkhu, etāvaparamo siyā’’ti idaṃ kathanti? Tesaṃ tesaṃ buddhānaṃ sāsane paññāya pāramippattasāvakavasenetaṃ vuttanti daṭṭhabbaṃ. Atha vā – ‘‘natthi vimuttiyā nānatta’’nti (dī. ni. ṭī. 3.141; vibha. mūlaṭī. suttantabhājanīyavaṇṇanā) vacanato sāvakehi vimuttipaññāmattaṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ. Tenāha – ‘‘pāraṅgatoti nibbānaṃ gato’’tiādi. Sesaṃ suviññeyyameva.
อนาถปิณฺฑิโกวาทสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ
Anāthapiṇḍikovādasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๑. อนาถปิณฺฑิโกวาทสุตฺตํ • 1. Anāthapiṇḍikovādasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๑. อนาถปิณฺฑิโกวาทสุตฺตวณฺณนา • 1. Anāthapiṇḍikovādasuttavaṇṇanā