Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā |
อาณตฺติกถาวณฺณนา
Āṇattikathāvaṇṇanā
๑๒๑. อาณตฺติกถายํ อสโมฺมหตฺถนฺติ ยสฺมา สเงฺกตกมฺมนิมิตฺตกมฺมานิ กโรโนฺต น เกวลํ ปุเรภตฺตาทิกาลสเงฺกตกมฺมํ อกฺขินิขณนาทินิมิตฺตกมฺมเมว วา กโรติ, อถ โข เอวํวณฺณสณฺฐานภณฺฑํ คณฺหาติ, ภณฺฑนิยมมฺปิ กโรติ, ตฺวํ อิตฺถนฺนามสฺส ปาวท, โส อญฺญสฺส ปาวทตูติอาทินา ปุคฺคลปฎิปาฎิยา จ อาณาเปติ, ตสฺมา ปุพฺพณฺหาทิกาลวเสน อกฺขินิขณนาทิกิริยาวเสน ภณฺฑปุคฺคลปฎิปาฎิวเสน จ อาณเตฺต เอเตสุ สเงฺกตกมฺมนิมิตฺตกเมฺมสุ วิสเงฺกตา วิสเงฺกตภาเว สโมฺมโห ชายติ, ตทปคเมน อสโมฺมหตฺถํฯ ยํ อาณาปเกน นิมิตฺตสญฺญํ กตฺวา วุตฺตนฺติ ปุพฺพณฺหาทีสุ อกฺขินิขณนาทีสุ วา คหณตฺถํ อาณาเปเนฺตน อีทิสวณฺณสณฺฐานาทิยุตฺตํ คณฺหาติ เอวํ คหณสฺส นิมิตฺตภูตสญฺญาณํ กตฺวา ยํ ภณฺฑํ วุตฺตํฯ อยํ ยุตฺติ สพฺพตฺถาติ เหฎฺฐา วุเตฺตสุ อุปริ วกฺขมาเนสุ จ สพฺพตฺถ อาณตฺติปฺปสเงฺคสุ อาณตฺติกฺขเณเยว ปาราชิกาทีนํ ภาวสงฺขาตา วินยยุตฺติ, สา จ อาณตฺตสฺส กิริยานิฎฺฐาปนกฺขเณ อาณาปกสฺส ปโยเค เถยฺยจิตฺตานํ อภาวา อาณตฺติกฺขเณ เอกา เอว อาปตฺติ โหตีติ เอวํ อุปปตฺติยา ปวตฺตตฺตา ยุตฺตีติ วุตฺตาฯ ‘‘มูลฎฺฐสฺส ถุลฺลจฺจย’’นฺติ วุตฺตตฺตา สงฺฆรกฺขิเตน ปฎิคฺคหิเตปิ พุทฺธรกฺขิตธมฺมรกฺขิตานํ ทุกฺกฎเมว, กสฺมา ปเนตฺถ อาจริยสฺส ถุลฺลจฺจยนฺติ อาห ‘‘มหาชโน หี’’ติอาทิฯ มหาชโนติ จ พุทฺธรกฺขิตธมฺมรกฺขิตสงฺฆรกฺขิเต สนฺธาย วุตฺตํฯ มูลฎฺฐเสฺสว ทุกฺกฎนฺติ พุทฺธรกฺขิตสฺส ทุกฺกฎํฯ อิทญฺจ มูลฎฺฐสฺส ถุลฺลจฺจยาภาวทสฺสนตฺถํ ปฐมํ อาณตฺติกฺขเณ ทุกฺกฎํ สนฺธาย วุตฺตํ, น ปน สงฺฆรกฺขิตสฺส ปฎิคฺคหณปจฺจยา ปุน ทุกฺกฎสมฺภวํ สนฺธายฯ น หิ โส เอกปโยเคน ทุกฺกฎทฺวยํ อาปชฺชติฯ เกจิ ปน ‘‘วิสเงฺกตตฺตา ปาฬิยํ ‘มูลฎฺฐสฺสา’ติ อวตฺวา ‘ปฎิคฺคณฺหาติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’ติ สามเญฺญน วุตฺตตฺตา อิทํ สงฺฆรกฺขิตสฺส ทุกฺกฎํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ, ตํ กิญฺจาปิ อฎฺฐกถาย น สเมติ, ปาฬิโต ปน ยุตฺตํ วิย ทิสฺสติฯ น หิ ตสฺส ปฎิคฺคหณปฺปโยเค อนาปตฺติ โหตีติฯ อิมินาว เหฎฺฐา อาคตวาเรสุปิ ปฎิคฺคณฺหนฺตานํ ทุกฺกฎํ เวทิตพฺพํฯ ‘‘ปเณฺณ วา สิลาทีสุ วา ‘โจริยํ กาตพฺพ’นฺติ ลิขิตฺวา ฐปิเต ปาราชิกเมวา’’ติ เกจิ วทนฺติ, ตํ ปน ‘‘อสุกสฺส เคเห ภณฺฑ’’นฺติ เอวํ นิยเมตฺวา ลิขิเต ยุชฺชติ, น อนิยเมตฺวา ลิขิเตติ วีมํสิตพฺพํฯ มคฺคานนฺตรผลสทิสาติ อิมินา ยถา อริยปุคฺคลานํ มคฺคานนฺตเร ผเล อุปฺปเนฺน กิเลสปฎิปฺปสฺสทฺธิปริโยสานํ ภาวนากิจฺจํ นิปฺผนฺนํ นาม โหติ, เอวเมติสฺสา อตฺถสาธกเจตนาย อุปฺปนฺนาย อาณตฺติกิจฺจํ นิปฺผนฺนเมวาติ ทเสฺสติ, เตนาห ‘‘ตสฺมา อยํ อาณตฺติกฺขเณเยว ปาราชิโก’’ติ, อาณตฺติวจีปโยคสมุฎฺฐาปกเจตนากฺขเณเยว ปาราชิโก โหตีติ อโตฺถฯ
121. Āṇattikathāyaṃ asammohatthanti yasmā saṅketakammanimittakammāni karonto na kevalaṃ purebhattādikālasaṅketakammaṃ akkhinikhaṇanādinimittakammameva vā karoti, atha kho evaṃvaṇṇasaṇṭhānabhaṇḍaṃ gaṇhāti, bhaṇḍaniyamampi karoti, tvaṃ itthannāmassa pāvada, so aññassa pāvadatūtiādinā puggalapaṭipāṭiyā ca āṇāpeti, tasmā pubbaṇhādikālavasena akkhinikhaṇanādikiriyāvasena bhaṇḍapuggalapaṭipāṭivasena ca āṇatte etesu saṅketakammanimittakammesu visaṅketā visaṅketabhāve sammoho jāyati, tadapagamena asammohatthaṃ. Yaṃ āṇāpakena nimittasaññaṃ katvā vuttanti pubbaṇhādīsu akkhinikhaṇanādīsu vā gahaṇatthaṃ āṇāpentena īdisavaṇṇasaṇṭhānādiyuttaṃ gaṇhāti evaṃ gahaṇassa nimittabhūtasaññāṇaṃ katvā yaṃ bhaṇḍaṃ vuttaṃ. Ayaṃ yutti sabbatthāti heṭṭhā vuttesu upari vakkhamānesu ca sabbattha āṇattippasaṅgesu āṇattikkhaṇeyeva pārājikādīnaṃ bhāvasaṅkhātā vinayayutti, sā ca āṇattassa kiriyāniṭṭhāpanakkhaṇe āṇāpakassa payoge theyyacittānaṃ abhāvā āṇattikkhaṇe ekā eva āpatti hotīti evaṃ upapattiyā pavattattā yuttīti vuttā. ‘‘Mūlaṭṭhassa thullaccaya’’nti vuttattā saṅgharakkhitena paṭiggahitepi buddharakkhitadhammarakkhitānaṃ dukkaṭameva, kasmā panettha ācariyassa thullaccayanti āha ‘‘mahājano hī’’tiādi. Mahājanoti ca buddharakkhitadhammarakkhitasaṅgharakkhite sandhāya vuttaṃ. Mūlaṭṭhasseva dukkaṭanti buddharakkhitassa dukkaṭaṃ. Idañca mūlaṭṭhassa thullaccayābhāvadassanatthaṃ paṭhamaṃ āṇattikkhaṇe dukkaṭaṃ sandhāya vuttaṃ, na pana saṅgharakkhitassa paṭiggahaṇapaccayā puna dukkaṭasambhavaṃ sandhāya. Na hi so ekapayogena dukkaṭadvayaṃ āpajjati. Keci pana ‘‘visaṅketattā pāḷiyaṃ ‘mūlaṭṭhassā’ti avatvā ‘paṭiggaṇhāti, āpatti dukkaṭassā’ti sāmaññena vuttattā idaṃ saṅgharakkhitassa dukkaṭaṃ sandhāya vutta’’nti vadanti, taṃ kiñcāpi aṭṭhakathāya na sameti, pāḷito pana yuttaṃ viya dissati. Na hi tassa paṭiggahaṇappayoge anāpatti hotīti. Imināva heṭṭhā āgatavāresupi paṭiggaṇhantānaṃ dukkaṭaṃ veditabbaṃ. ‘‘Paṇṇe vā silādīsu vā ‘coriyaṃ kātabba’nti likhitvā ṭhapite pārājikamevā’’ti keci vadanti, taṃ pana ‘‘asukassa gehe bhaṇḍa’’nti evaṃ niyametvā likhite yujjati, na aniyametvā likhiteti vīmaṃsitabbaṃ. Maggānantaraphalasadisāti iminā yathā ariyapuggalānaṃ maggānantare phale uppanne kilesapaṭippassaddhipariyosānaṃ bhāvanākiccaṃ nipphannaṃ nāma hoti, evametissā atthasādhakacetanāya uppannāya āṇattikiccaṃ nipphannamevāti dasseti, tenāha ‘‘tasmā ayaṃ āṇattikkhaṇeyeva pārājiko’’ti, āṇattivacīpayogasamuṭṭhāpakacetanākkhaṇeyeva pārājiko hotīti attho.
อาณตฺติกถาวณฺณนานโย นิฎฺฐิโตฯ
Āṇattikathāvaṇṇanānayo niṭṭhito.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๒. ทุติยปาราชิกํ • 2. Dutiyapārājikaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๒. ทุติยปาราชิกํ • 2. Dutiyapārājikaṃ
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / อาณตฺติกถาวณฺณนา • Āṇattikathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ภูมฎฺฐกถาทิวณฺณนา • Bhūmaṭṭhakathādivaṇṇanā